Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์เพื่อผิวกระจ่างใสตัวดังจากเกาะอังกฤษ Yllume ultimate illuminating complex mask

สวัสดีค่ะ… วันนี้มี่เอารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของมาสค์เพื่อผิวขาวกระจ่างใสตัวดังจากอังกฤษมาฝากกันค่ะ

เป็นมาสค์เนื้อครีมจากแบรนด์ Yllume นั่นเอง เป็นชิ้นที่สามของแบรนด์แล้วค่ะ ที่มี่ได้รีวิว

แบรนด์นี้ก็มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทานแล้วได้ประโยชน์เรื่องความกระจ่างใสด้วยค่ะ ส่วนตัวมี่เองก็ได้ทั้งทอลองทานและก็ทดลองใช้อาหารเสริม และ ครีมอยู่พักหนึ่ง และได้รีวิวไว้แล้วนะคะ

วันนี้เรามาดูโฉมหน้าของมาสค์กันบ้างค่ะ

 

ym 1

 

เขาจะมาในแพคเกจทรงกระบอกที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ค่ะ ข้างในก็จะมีกระปุกของมาสค์อยู่ค่ะ

 

ym 2

ตัวกระปุกมาสค์ เป็นกระปุกอคริลิกแบบหนา ซึ่งนางก็แถมช้อนไว้ตักมาสค์ให้ด้วยหนึ่งอันค่ะ

 

 

มาดูเนื้อมาสค์กันบ้างนะคะ

ตัวมาสค์เป็นมาสค์เนื้อครีมที่ค่อนข้างนุ่ม เกลี่ยได้ง่าย จะมีความลื่นอยู่พอตัว แต่ก็ไม่ถึงกับเหนอะหนะมากนักค่ะ

ตัวนี้ไม่มีกลิ่นนะคะ

 

ym 3

 

เวลาเกลี่ยจะดูเหมือนไม่ค่อยดูดซึมค่ะ ใช้เวลานวดๆซักนิด ตัวปื้นขาวก็จะหายไป

 

ym 4

 

ทางแบรนด์แนะนำวิธีใช้ไว้สองแบบนะคะ

  1. พอกไว้ประมาณ 10 นาที แล้วเช็ดออกด้วยสำลี หรือกระดาษทิชชู่นุ่มๆโดยไม่ต้องไปล้างออก
  2. พอกข้ามคืนเป็น Overnight mask (หรือ Sleeping pack) ค่ะ

พอเช็ดออกแล้วผิวจะรู้สึกนุ่ม ชุ่มชื้น

 

ym 6

 

 

ทางแบรนด์แนะนำว่า ใช้อาทิตย์ละครั้ง เพื่อช่วยให้ผิวมีความสว่างโกลว และมี Complexion ที่ดูสดใสกระจ่างใสขึ้นค่ะ

หรือจะใช้มากกว่านั้นก็ได้ ในวันที่เพลียๆ หรือไปออกแดดนานจนรู้สึกหมองคล้ำ ก็สามารถโปะลงไปได้เลยค่ะ

 

ตัวนี้แบรนด์ Claim ไว้ค่อนข้างแรงนะคะ เกี่ยวกับเรื่องของประสิทธิภาพ ทางแบรนด์ Claim ว่าเทียบเท่า Hydroquinone ที่ความแรง 4% เลยค่ะ แต่มีอาการข้างเคียงน้อยกว่า ซึ่งทางแบรนด์บอกว่าเป็นเพราะเขาใช้แต่ส่วนผสมจากธรรมชาตินั่นเองค่ะ เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดกันในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

 

เผื่อใครสนใจอยากอ่านแบบ original มี่ได้เอาภาพคำ Claim ของแบรนด์มาแปะให้ด้วยค่ะ

 

claiming yllume.jpg

(Image from Yllume UK official site)

 

ถ้าถามความเห็นมี่ มี่มองว่าไม่แปลกนะคะ เพราะส่วนผสมไวท์เทนนิ่งในเครื่องสำอางหลายๆชนิดก็มีงานวิจัยตีพิมพ์เปรียบเทียบกับ Hydroquinone อยู่

 

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

 

สผส mask

 

ในส่วนของสารบำรุงผิวนั้นมี่ทำสีม่วงเอาไว้ให้นะคะ

  • CARICA PAPAYA FRUIT EXTRACT คือ สารสกัดจากมะละกอ ซึ่งในมะละกอจะมีเอนไซม์ papain ที่ทำหน้าที่ย่อยโปรตีน แต่เอนไซม์นี้ไม่ค่อยคงตัวค่ะ ซึ่งทางแบรนด์ Claim ว่าเป็น สารสกัดที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ได้เป็น CROSS POLYMER ทำให้เอนไซม์ Papain มีความคงตัวสูง ให้ผลผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองเหมือนตระกูลกรดผลไม้
  • SOLANIUM LYCOPERSICUM (TOMATO) FRUIT EXTRACT เป็นสารสกัดจากมะเขือเทศ ซึ่งทางแบรนด์ Claim ว่าใช้มะเขือเทศสีขาวสายพันธ์พิเศษ มีส่วนประกอบของสารในกลุ่ม Colorless carotenoids คือ สารกลุ่ม Carotenoid ที่ไม่มีสี ที่สำคัญคือ phytoene กับ phytofluene ทางแบรนด์บอกว่าในผิวของเรามีสารกลุ่มนี้อยู่ในชั้นผิวหนังชั้นนอกถึง 38% และพบว่าคนที่ขาดสารกลุ่ม Colorless carotenoids นี้จะมีสีผิวที่เข้มกว่าคนที่มีเยอะ รวมถึงอาจจะมีปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง และเรื่องสิวได้มากกว่าด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีตัว Lycopene ที่เป็น Antioxidant ที่ดี ซึ่งมีรายงานว่า Lycopene ในสารสกัดมะเขือเทศ สามารถปกป้องผิวหนังจากอันตรายจากรังสี UV ได้ (Br J Dermatol. 2011; 164(1):154-62.) ส่วนของเปลือกผลมีสาร Resveratrol ซึ่งให้ฤทธิ์แรงในการต้านอนุมูลอิสระ (J Agric Food Chem. 2006; 54(19):7175-9.)
  • ASCORBYL GLUCOSIDE เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซีชนิดหนึ่งที่จับกับน้ำตาล มีความเป็นกรดลดลง มีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้น มีคุณสมบัติลดการสร้างเม็ดสีโดยไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase เป็น Antioxidant ที่ดี และเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการสร้างคอลลาเจน
  • OLIVINE STONE EXTRACT เป็นสารสกัดจากหินอัญมณี Olivine สีเขียว ซึ่งทางแบรนด์บอกว่าสารสกัดจากหิน Olivine นี้มีคุณสมบัติช่วยลดภาวะเครียด (Stress) ของเซลล์ผิว เพิ่มพลังงานให้แก่เซลล์ (ข้อมูลจาก Yllume official website)
  • HYDROLYZED PRUNUS DOMESTICA สารนวัตกรรมจากญี่ปุ่น ที่ Claim เรื่อง “Melanin diet” ออกฤทธิ์ขัดขวางการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก
  • BELLIS PERENNIS (DAISY) FLOWER EXTRACT คือ สารสกัดจากดอก Daisy ในสิทธิบัตรยุโรประบุว่าสารสกัดจาก Daisy สามารถใช้เป็น Whitening ได้โดยไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้สร้างเมลานิน (EP1737538 B1) ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารสกัดออกฤทธิ์ครบถ้วนตั้งแต่ก่อนการสร้างเม็ดสี ยับยั้งการสร้างเม็ดสี และป้องกันไม่ให้เม็ดสีออกไปข้างนอก

นอกจากนี้ยังมี Vitamin E และ Dipotassium glycyrrhizate จากชะเอมที่มีผลลดการอักเสบในผิวได้

สารออกฤทธิ์ในกลุ่มผิวขาว ออกฤทธิ์ไปที่ขั้นตอนการสร้างเม็ดสี และยับยั้งการส่งผ่าน Melanin ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก รวมทั้งผลัดผิวที่หม่นหมองออกไปด้วยเอนไซม์ papain cross polymer ซึ่งมีความอ่อนโยน สารสกัดจาก Daisy มีการ Claim ว่า ออกฤทธิ์ที่ขั้นตอนก่อนการสร้างเม็ดสีด้วย จึงถือว่าให้ผลครบทุกขั้นตอนของการสร้างเม็ดสี เสริมมาด้วย Antioxidant และสารไขมันทดแทนแก่ผิว

ส่วนของเนื้อหลักเป็นชนิด Emulsion ประกอบด้วยน้ำและน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของ Silicone และ Alcohol (ในทางเครื่องสำอางหมายถึง Ethanol หรือ Ethyl alcohol)

นอกจากนี้ทางแบรนด์บอกว่า ได้ทดสอบทางผิวหนัง และทดสอบการแพ้เรียบร้อยแล้ว (Dermatological and Allergy test) แต่ไม่ทราบรายละเอียดเรื่อง Sample size และวิธีที่ใช้นะคะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง หรือ Active ingredients ในส่วนของสารบำรุงเรื่องความขาวนั้นมีอยู่หลายตัว ออกฤทธิ์อยู่หลายขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนสร้างเม็ดสี ขั้นตอนการสร้างเม็ดสี ขั้นตอนการส่งผ่านเม็ดสี และการผลัดผิวทิ้งแบบอ่อนโยน รวมทั้งเสริมมาด้วยสารกลุ่ม Antioxidant และไขมันทดแทน แต่ยังดูเหมือนขาดสารเติมน้ำให้ผิวอยู่ ถ้าวัดกันที่ผลด้าน Whitening ก็ขอให้ไป 5 ฟลาสก์ แต่ถ้าวัดกันแบบองค์รวมจะขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. เนื้อผลิตภัณฑ์ หรือ Base เป็นรูปแบบ Emulsion จากน้ำและน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของ Silicone และ Alcohol แต่ สาร Ethylhexyl palmitate ที่ใช้อาจจะอุดตันรูขุมขนได้ในบางราย เลยขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. สารองค์ประกอบอื่นๆ หรือ Additives ไม่มีส่วนผสมของสาร Paraben ไม่มีน้ำหอม ไม่มีอะไรให้หักคะแนน เลยรับไป 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่คิดว่า มาสค์นี้ทำมาได้ค่อนข้างยืดหยุ่นค่ะ สามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ ทาไว้ 10 นาที แล้วเช็ดออก หรือ ล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆก็ได้ หรือจะใช้เป็น Sleeping pack มาสค์หน้าข้ามคืนก็ได้ค่ะ เนื้อครีมไม่เหนอะหนะ ค่อนข้างเกลี่ยง่าย ขนาดไม่ใช้ Silicone มาช่วยปรับสัมผัส ยังได้ครีมที่เนื้อนุ่ม บางเบา ส่วนเรื่องความกระจ่างใส มี่ใช้มาสค์อาทิตย์ละ 2 ครั้งค่ะ มาเกือบเดือน ตอนเช้าจะรู้สึกผิวนุ่มขึ้น แต่มี่ว่าเรื่องความขาวนั้นยังไม่ได้ชัดมากนะคะ เหมือนมันจะค่อยๆเพิ่มความสว่าง และเพิ่ม Complexion ให้ผิวมากกว่า ส่วนตัวก็ติดน้ำหอมนะคะ อยากได้น้ำหอมอยู่ แต่ไม่มีก็ดีค่ะ เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์ค่ะ

 

คะแนน ym

 

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางเพจ Skin Scope ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางเพจ Skin Scope โดยตรงเลยค่ะ

http://www.facebook.com/skinscope

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากเพจ Skin Scope การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Beauty talks] All about mask ภาค 2: มาสค์เนื้อครีม/เนื้อเจล

วันนี้มาคุยกันเรื่องมาสค์ที่มาในเนื้อครีม กับ เนื้อเจล กันนะคะ

 

BT mask 2.jpg

มาสค์ที่มาเป็นเนื้อครีม กับ เนื้อเจล มีทั้งแบบ ล้างออก ลอกออก และแบบที่ Leave-on ไว้ข้ามคืนค่ะ

 

ขอเอาตัวแรกก่อน เพราะรายละเอียดต่างไปหน่อยคือ มาสค์แบบลอกออก หรือ Peel-off mask ค่ะ

Peel-off mask นี่ก็เหมือนพวกเจลหรือครีมทั่วไปค่ะ เพียงแต่เขาก็จะมีส่วนผสมของสารก่อฟิล์มค่ะ

8-Amazing-Benefits-Of-Peel-Off-Masks.jpg

(Image from: www.stylecraze.com)


ตัวก่อฟิล์มที่ทอปฮิตใน Peel-off mask จะเป็น Polyvinyl alcohol หรือ PVA ค่ะ ถึงแม้จะลงท้ายด้วย Alcohol แต่ตัวมันก็ไม่ได้มีผลทำให้ผิวแห้งหรือจะระคายเคืองได้แบบ Alcohol ชนิดที่เรารู้จักกันว่า Ethanol ค่ะ

สารนี้ละลายได้ยาก และส่วนมากจะลายในแอลกอฮอล์ จึงมักพบว่าในส่วนผสมของมาสค์ลอกออกที่มี Polyvinyl alcohol จะมีแอลกอฮอล์อยู่ด้วย และอาจจะใส่ถึง 10% หรือมากกว่าเลยก็ได้ค่ะ เพื่อละลายเจ้านี้ให้ได้เป็นเจลใส

สรรพคุณของมาสค์ลอกออกแบบปกติ ถ้าไม่มีพวกตัวดูดซับก็แค่ เกิดฟิล์มที่ให้ผล Occlusive ให้ผิวชุ่มชื้น และเติมสารอาหารให้ผิว บางแหล่งระบุว่าตอนแผ่นฟิล์มหดตัวจะดึงเอารูขุมขนให้กระชับขึ้นด้วย แต่ถ้าใส่ตัวดูดซับ เช่นพวก Clay หรือ SIlica มาด้วยก็จะช่วยดูดสิวเสี้ยน หรือสิ่งสกปรกอื่นๆออกมาจากผิวได้ด้วย ถือเป็นการทำความสะอาดผิวรูปแบบหนึ่งค่ะ

ถ้าในส่วนผสมมีแอลกอฮอล์ คนที่มีผิวแห้งก็ควรเลี่ยงนะคะ

ถ้าอยากใช้ก็ใช้ซักอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งค่ะ

ขอยกตัวอย่างเป็นมาสค์ตัวนี้ค่ะ 

 

peel-off mask.jpg

 

เป็นหน้าที่ตัดมาจากเวบ Ulta ค่ะ จะเห็นว่าส่วนผสมค่อนข้าง Classic เลยค่ะ เพราะใช้สารก่อเจลเป็น PVA ที่ละลายใน Alcohol และ สารละลายอื่นๆ เสริมมาด้วย Panthenol คือ โปรวิตามินบี 5 กับ Sodium PCA ให้ผลเรื่องชุ่มชื้น  สารสกัดจากว่านหางจระเข้ และ แตงกวา ก็ให้ผลเรื่องชุ่มชื้นเช่นกัน และมีวิตามิน C กับ E อยู่

ราคาเท่านี้ถือว่าค่อนข้างถูกค่ะ

 

ต่อมา แบบที่ 2 เป็นมาสค์แบบล้างออก ก็จะใช้หลักการเดียวกับแผ่นมาสค์ คือส่วนผสมมีคุณสมบัติก่อฟิล์มบนผิวได้ หรือเคลือบผิวให้ภาวะ Occlusive เพื่อเติมน้ำ เติมอาหารให้ผิว และช่วยเรื่องการสมานแผลให้หายไวขึ้นค่ะ แต่ว่า ที่ต้องล้างออกเพราะว่า การ Occlusive จากมาสค์ประเภทนี้อาจจะเกิดมากไปจนเกิดผลเสียได้ จึงกำหนดให้ใช้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ

อันนี้สามารถมาสค์ได้บ่อยหน่อย เพราะว่าใช้เวลาสัมผัสผิวไม่นานค่ะ

 

ขอยกตัวอย่างเป็นมาสค์งาดำของ Skinfoods ค่ะ

 

skinfood-black-sesame-seed-hot-mask-1.jpg

มาสค์ตัวนี้ตอนพอกจะรู้สึกอุ่น ช่วยเปิดรูขุมขนได้ดีค่ะ 

ส่วนผสมมี่ไปเอามาจาก Makeupalley นะคะ

“PEG-400, SUCROSE, GLYCERINE, PEG-75, SESAMIUM INDICUM (SESAME) SEED POWDER, PPG-3 BENZYL ETHER MYRISTATE, LANOLIN WAX, SODIUM CHLORIDE, POLYSORBATE 20, DIMETHICONE, METHYL PARABEN, BUTYL PARABEN, PARFUM”

เบสหลักจะเป็น PEG-400 ซึ่งในความเข้มข้นสูงจะให้ความรู้สึกร้อนได้เมื่อสัมผัสผิวค่ะ

สารบำรุงยังไม่มีอะไรมาก มีแค่น้ำตาลที่ช่วยเรื่องชุ่มชื้น และงาดำที่น่าจะเป็น Gimmick ค่ะ 

ส่วนมาสค์หน้าข้ามคืน ก็เป็นการ Occlusive เช่นกันค่ะ เพียงแต่ส่วนผสมในมาสค์หน้าข้ามคืนจะเบาบางกว่า มาสค์แบบล้างออก แนะนำว่า การมาสค์หน้าข้ามคืน ควรบำรุงผิวให้เรียบร้อย และรอสกินแคร์แห้งก่อนจึงโบกมาสค์ลงไปก่อนไปนอนค่ะ จะช่วยผลักสารอาหารจากสกินแคร์เข้าผิวได้มากขึ้นด้วยค่ะ แต่ก็ต้องระวังถ้าใครแพ้ง่าย สารก่อภูมิแพ้ก็จะเข้าผิวได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

การมาสค์หน้าข้ามคืนไม่ควรใช้ทุกวันนะคะ เพราะการสร้างภาวะ Occlusive บ่อยๆมีผลเสียอยู่ค่ะ และการมีบาดแผล หรือแผลติดเชื้อ ไม่ควรทำ Occlusive นานๆค่ะ พักไปก่อนเนาะ

มาสค์หน้าข้ามคืน ทำได้ซักอาทิตย์ละ 1-3 ครั้งค่ะ

และก็ถ้าใครไวต่อแอลกอออล์ก็ควรเลือกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ

ถ้าอยากอ่านเรื่อง Sleeping pack เพิ่มเติมมี่เคยอัพโหลดพรีวิวส่วนผสมไว้บนพันทิปนะคะ

1420300239-promote-o.jpg


ลิงค์นี้เลยค่ะ 🙂
http://pantip.com/topic/33057224

 

 

Image

[Beauty talks] All about mask ภาค 1: มาสค์หน้าไปทำไม บ่อยแค่ไหนดี และเลือกแบบไหนดี

สวัสดีค่ะ

 

วันนี้มาแชร์สาระเรื่อง Mask ค่ะ ตอนแรกนี้จะว่าด้วยประโยชน์ของ Mask และ Mask ประเภทแรก คือ Mask sheet ก่อนนะคะ

mask 1
ถ้าพูดถึงมาสค์ในท้องตลาดมีด้วยกันหลายรูปแบบ เช่น มาสค์โคลน มาสค์แบบล้างออก มาสค์แบบลอกออก มาสค์ชีท และมาสค์แบบที่ทาทิ้งไว้ข้ามคืน หรือ Overnight mask หรือ Sleeping mask ค่ะ

เดี๋ยวจะค่อยๆคุยกันทีละแบบนะคะ วันนี้ขอเริ่มด้วยมาสค์ชีทก่อนค่ะ

การ Mask หน้าด้วย Mask sheet เป็นการสร้างสิ่งที่เรียกว่า Occlusive effect ให้กับผิว คำนี้ไม่อยากแปลเป็นไทยเท่าไหร่ค่ะ แปลแล้วไม่ได้สื่อความหมายอะไรเท่าไหร่

ในการเอาแผ่นมาสค์มาแปะลงบนผิว ผลของ Occlusive effect จะทำให้ระบบและกลไกในผิวหนังเปลี่ยนไป อย่างแรกเลยคือ ความชื้นในผิวหนังจะเพิ่มขึ้น เพราะน้ำจากแผ่นมาสค์เข้ามาในผิว และน้ำในผิวไม่สามารถระเหยออกไปข้างนอกได้ เมื่อความชื่้นเพิ่มขึ้น ผิวจะมีการทำงานบางอย่างดีขึ้น เช่น การสมานแผลต่างๆในผิวดีขึ้น การสร้างโปรตีนและไขมันในผิวบางชนิดทำได้มากขึ้น และการผลัดเซลล์ผิวเกิดได้สมบูรณ์ขึ้น

 

ถึงแม้การแปะแผ่นมาสค์จะไม่ได้สร้างภาวะ Occlusive ที่สมบูรณ์เหมือนการทับด้วย Silicone sheet หรือ Plastic แต่ก็สามารถทำให้เกิดภาวะกึ่งๆ Occlusive ได้อยู่ค่ะ มี่เองก็ไม่แน่ใจข้อมูลเหมือนกันนะคะ ว่าแผ่นมาสค์จะทำให้เกิดภาวะ Occlusive ได้แค่ไหน และที่แน่ๆ วัสดุที่ใช้ทำแผ่นมาสค์ มีผลกับความสามารถในการ Occlusive แน่นอนค่ะ คหสต. มี่คิดว่า Mask sheet แบบที่เป็นแผ่นเจล หรือ Hydrogel patch น่าจะให้ผลในการ Occlusive ที่สูงกว่า และมีผลช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีกว่าค่ะ


ความชื้นที่เพิ่มขึ้นในผิวยังมีผลต่อการดูดซึมสารบางชนิดเข้าสู่ผิวด้วย เพราะสารบางอย่างสามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวได้มากขึ้นค่ะ

มาดูงานวิจัยที่เกี่ยวข้องบ้างนะคะ

Maibach และ Zhai ได้สรุปไว้ว่าผลของการ Occlusive ที่ผิวหนัง เป็นปรากฏการณ์ที่ส่งผลต่างๆต่อผิวหนังมากมาย และบางอย่างก็สลับซับซ้อน โดยรวมๆสรุปได้ว่า ภาวะ Occlusive มีผลต่อความชุ่มชื้นในผิว มีผลต่อการซึมผ่านของสารต่างๆเข้าสู่ผิว การฟื้นฟูและสังเคราะห์ไขมัน DNA การสมานแผลต่างๆในผิว รวมไปถึงมีผลต่อเชื้อจุลินทรีย์ดีๆ ที่เป็นเชื้อเจ้าบ้านด้วยค่ะ (Maibach and Zhai, Skin Pharmacol Appl Skin Physiol 2001;14:1-10)

การ Occlusive ทำได้หลายแบบไม่ว่าจะเป็นการทาผลิตภัณฑ์ที่มีไขมัน แล้วไขมันนั้นดูดซึมไม่ได้ กลายเป็นฟิล์มบางๆเคลือบผิวไว้กันน้ำระเหยออกไป หรือการใช้ Mask sheet นั่นเองค่ะ

ผิวหนังชั้นนอกปกติจะมีความชื้นอยู่ราวๆ 10 – 20% แต่เมื่อ Occlusive ไป 30 นาที พบว่าระดับความชื้นในผิวเพิ่มขึ้นจนถึงเกือบๆ 50% เลยทีเดียว ระดับความชื้นขนาดนี้ทำให้เซลล์ผิวบวม และโครงสร้างของไขมันใน Barrier ผิวก็มีการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้สารบางชนิดซึมผ่านเข้าสู่ผิวได้มากขึ้น

สารที่จะซึมเข้าผิวได้ดีมากในช่วงที่เรา Mask มักจะเป็นพวกสารไขมันค่ะ

ในเอกสาร Review article ของ Maibach และ Zhai ยังกล่าวอีกว่า เมื่อเกิดการ Occlusive สาร Ethanol (Alcohol) สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นแผ่นมาสค์ที่มีแอลกอฮอล์ ก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง

สรุปก็คือ ข้อดีของ การ Mask หน้า เราก็จะได้เรื่องความชุ่มชื้น แล้วสารวิตามินต่างๆในแผ่นมาสค์ก็จะเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น แต่!!!! เมื่อสารต่างๆซึมเข้าผิวได้มากขึ้น ก็ไม่ได้แปลว่า จะดีเสียหมด เพราะสารที่ไม่เป็นมิตรก็อาจจะซึมเข้าสู่ผิวได้มากขึ้นด้วย ทำให้เกิดการแพ้ และการระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ จึงไม่ควรทิ้งมาสค์ไว้นานๆ ซัก 15-20 นาทีก็พอค่ะ แล้วอาทิตย์หนึ่งควรใช้ซัก 1 – 2 ครั้งพอ

ถ้าพูดถึง Mask sheet ในตลาด

Mask sheet ก็คือ แผ่นมาสค์ที่แช่อยู่ใน Vehicle (ขอเรียกว่า น้ำยา แม้ว่าจะดูแปลกๆไปหน่อย เพราะจะเรียกว่า Solution ก็คงไม่ถูก เพราะมาสค์บางอย่างเป็นน้ำนม หรือ Emulsion)

Mask sheet มีกี่แบบ???

เท่าที่ดูๆมา มี่ขอแบ่งแผ่นมาสค์ในท้องตลาด เป็น 2 แบบหลักๆ คือ แบบที่เป็น Vehicle น้ำ กับ แบบที่เป็น Vehicle น้ำนม

1. แบบน้ำ ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มากกว่า 90% มักจะใส่แอลกอฮอล์ลงมา เพื่อให้แห้งไว ไม่เหนอะหนะ แต่ก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนผิวแห้ง มาสค์น้ำบางแบบจะเหนียวๆ ยืดๆ เป็นเมือกๆ เพราะสารก่อเจล เวลาเอาออกเสร็จควรไปล้าง แต่ถ้าเป็นมาสค์ที่ไม่เหนียว ไม่ยืด ไม่จำเป็นต้องล้างออก หรือจะล้างก็ไม่เป็นไร เพราะวิตามินบางส่วนก็ซึมเข้าผิวไปแล้ว

2. แบบน้ำนม ก็มีทั้งแบบน้ำนมเหลวๆ และแบบน้ำนมหนักๆ สังเกตได้จากสารน้ำมัน ตัวที่พบบ่อยที่สุดจะเป็น Capric/caprylic triglycerides กับพวก Fatty ester ต่างๆ (สังเกตจากชื่อสาร มี 2 วรรค วรรคแรกลงท้ายด้วย –yl วรรคสองลงท้ายด้วย –ate เช่น Ethyl hexylpalmitate, Cetyl ethylhexanoate ฯลฯ หรือไม่ก็ไม่วรรค แล้วลงท้ายด้วย –ate ไปเลย)

การเลือกมาสค์ให้เหมาะกับสภาพผิว
***คนผิวมัน ควรเลือกมาสค์น้ำที่มี Alcohol หรือเป็นมาสค์น้ำธรรมดาที่ไม่มี Alcohol

การใช้มาสค์ที่มี Alcohol ในคนที่มีผิวมัน Alcohol จะช่วยละลายไขมันบางส่วนบนผิวได้ด้วย น่าจะให้ผลดีเกี่ยวกับการคุมมันและเรื่องสิวด้วย (คหสต.)

***คนผิวผสม ควรเลือกมาสค์น้ำที่ไม่มี Alcohol

***คนผิวแห้ง ควรเลือกมาสค์น้ำนม

 

 

1432390518-o

 

ส่วนตัวมี่ลองมาสค์ชีทมาหลายแบรนด์ ซึ่งส่วนมากจะเป็นของเกาหลีค่ะ

 

1432390466-maskre-o

 

ถ้าสนใจลองตามไปอ่านกระทู้บนพันทิปได้เพิ่มเติมนะคะ 🙂

 

http://pantip.com/topic/33692147

 

พบกันใหม่ใน Part 2 กับ Mask เนื้อครีม/เนื้อเจล ค่ะ

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์หน้าสูตรธรรมชาติจากประเทศกรีซ Apivita express beauty

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์หน้าสูตรธรรมชาติจากประเทศกรีซ Apivita express beauty

วันนี้มี่เอามาสค์จากแบรนด์ Apivita ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากธรรมชาติแบรนด์ใหญ่แบรนด์หนึ่งของประเทศกรีซมาฝากกันค่ะ

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์เครื่องสำอางธรรมชาติ มีผลิตภัณฑ์อยู่หลายอย่างเหมือนกันค่ะ ตั้งแต่ Cleansing จนไปถึงบำรุง ซึ่งแบรนด์เองเคลมว่าใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างน้อยตั้งแต่ 85% ไปจนถึง 100% เลยทีเดียวค่ะ ที่สำคัญคือทางแบรนด์ยังเคลมอีกว่า ไม่ใส่ silicones, parabens, mineral oil, propylene glycol, polycyclic musks, nitromusks, phthalates รวมไปถึงสารอื่นๆที่มีผลเสียต่อสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ แบรนด์นี้มีวางจำหน่ายในห้างสรรพศินค้าชั้นนำหลายประเทศ เช่น กรีซ สเปน ออสเตรเลีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อเมริกา เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และในอีกหลายประเทศ

กลับมาที่ตัวมาสค์ของเราค่ะ

ตัวมาสค์จะทำมาในรูปแบบซองๆ กล่องหนึ่งมีอยู่ 12 ซอง ซองละ 8 ml นะคะ

ตัวที่มี่ได้มาเป็นมาสค์หน้า 5 สูตร และมาสค์ใต้ตา 1 สูตรนะคะ

มาดูโฉมหน้ากันนิดนึง

api 1

เริ่มกันที่มาสค์หน้านะคะ

สูตรองุ่น: เน้นไปที่ด้านการลดริ้วรอย และยกกระชับ ในส่วนผสมมีการเสริมสารที่มีมูลค่า ในตระกูล Lipoaminoacid อย่าง Dipalmitoyl hydroxyproline ที่ให้ผลดีด้านการยกกระชับ และลดริ้วรอยด้วย

สูตรส้ม: เน้นไปที่ความกระจ่างใส Glow and Radiance

สูตร Pink Clay: เน้นเรื่องการ Detox และ ทำความสะอาดอย่างล้ำลึกถึงรูขุมขน ด้วยส่วนผสม Clay ที่ให้ผลดูดซับสารพิษ

สูตรทับทิม: เน้นการฟื้นฟูและปรับสภาพผิวเพื่อความกระจ่างใส

สูตร Sea lavender: เน้นเติมน้ำและลดการอักเสบในผิว

มาสค์ในแบรนด์นี้จะทำเป็นมาสค์แบบล้างออก หรือ Wash-off mask นะคะ ทาหนาๆ ทิ้งไว้ประมา 10 นาที ก่อนไปล้างออกค่ะ

ส่วนมาสค์รอบตา จริงๆทางแบรนด์ก็มีหลายสูตรค่ะ

ส่วนตัวที่มี่ได้มาเป็น สูตรแปะก๊วย ที่ว่ากันว่าให้ผลดีเรื่องรอยคล้ำ และรอยบวมใต้ตาเลยหล่ะค่ะ

ทั้งนี้เพราะสารสกัดจากใบแปะก๊วยนั้น นอกจากเป็น Antioxidant ให้ผลชะลอวัย ชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่แล้ว สารยังมีผลช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด จึงมีผลลดรอยคล้ำและรอยบวมใต้ตาได้ด้วยค่ะ

และยังเสริมด้วยสารกลุ่ม Flavonoid ที่มีมูลค่าอย่าง Escin ที่ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ตาไม่คล้ำง่าย และมีสาร Lipoamino acid ด้วยเช่นเดียวกัน

ในส่วนของเนื้อ ก็จะเป็นเนื้อครีม มีความหนืดค่อนข้างสูง กลิ่นหอมอ่อนๆดูเป็นธรรมชาติ เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย จะเคลือบผิวไว้ให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Occlusive effect ที่มีผลผลักวิตามินและสารบำรุงอื่นๆเข้าสู่ผิวค่ะ

หลังจากครบเวลาก็ไปล้างออก มาสค์นี้เราสามารถล้างด้วยน้ำเปล่าอุ่นๆ ได้เลยค่ะ เพราะนางล้างออกง่ายมาก หลังล้างผิวจะค่อนข้างนุ่มและชุ่มชื้น เหมือนมาสค์ตามคลินิกเสริมความงาม หรือพวกสปาเลยหล่ะ

 

เนื้อมาสค์จะค่อนข้างคล้ายๆกันนะคะ จะมีก็สูตร Pink clay ที่ให้สัมผัสที่ต่างออกไป

สำหรับสูตร Pink clay เนื้อจะประมาณ Clay mask โคลนพอกหน้าค่ะ

เป็นโคลนที่บางเบา และเกลี่ยง่ายสุดตั้งแต่ใช้ Clay mask มา

api pink clay

ส่วนผสมหลักของมาสค์จะค่อนข้างคล้ายกันนะคะ ตัวที่มี่ยกมาเป็นตัวแทนในการวิเคราะห์ คือ มาสค์หน้าสูตรทับทิม

ส่วนผสมค่ะ

สผส มาสค์ทับทิม

แบรนด์ Apivita นั้นจัดเป็นเครื่องสำอางธรรมชาติ เน้นไปที่กลุ่มของพืชที่ได้จากการปลูกแบบออร์แกนิก เป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ อย่างน้ำชาที่เขาใส่ก็เป็นน้ำที่ชงจากใบชาที่ปลูกแบบออร์แกนิกนะคะ เอามาใช้แทนน้ำส่วนที่เป็น Base หรือ Vehicle เลยทีเดียว ซึ่งน้ำชาเองนอกจากสารในกลุ่มแทนนินที่มีประโยชน์ต่อผิวหนังแล้ว ยังมีสาร antioxidant อยู่ด้วยค่ะ

จากส่วนผสมมี่ได้ทำแถบสีไว้ให้นะคะ สีเขียว จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงผิว หรือ Active ingredients นะคะ ซึ่งก็มีหลายตัวเลย ได้แก่
1. กลุ่มวิตามิน ที่มีในส่วนผสมจะมีทั้ง วิตามินเอ ซี อี และบี 5 ซึ่งให้ผลโดยรวมกับผิวได้ค่อนข้างรอบด้าน ตั้งแต่ด้านชุ่มชื้น ลดอักเสบ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ไปจนถึงด้านริ้วรอยและผิวขาว
2. กลุ่มน้ำตาล ได้แก่ Sorbitol, Mannitol และน้ำผึ้ง ที่ให้ผลเรื่องความชุ่มชื้นเป็นหลัก
3. กลุ่มสารสกัด สำหรับสูตรทับทิมนั้นก็จะมีชาเขียว และ ทับทิม ซึ่งให้ผลด้านการชะลอวัย ป้องกันริ้วรอยใหม่และลดริ้วรอยเก่า รวมถึงมีสารในกลุ่มแทนนิน ที่ให้ผลเรื่องกระชับรูขุมขนได้ด้วย

สีน้ำตาลเป็นกลุ่มของน้ำมันตามธรรมชาติที่คืนไขมันทดแทนให้แก่ผิวเพื่อเพิ่มส่งเสริมให้ผิวเรากักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น

สารองค์ประกอบอื่นๆที่ใช้ก็เป็นมิตรทั้งกับผิวหนังและสิ่งแวดล้อมทุกตัว

และสารบางตัวเองก็มีประโยชน์เสริมให้กับผิวได้อีก

ถึงเวลาให้คะแนนกันแล้วค่ะ
1. สารบำรุง หรือ Active ingredients

แต่ละสูตรจะมีส่วนผสมของสารบำรุงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางสูตรก็ใช้วัตถุดิบที่ดูโดดเด่นและดูมีคุณค่า ส่วนบางสูตรก็เน้นไปที่ธรรมชาติ มาด้วยสารสกัดจากพืช Organic ล้วนๆ เรียกได้ว่า อยากดูแลผิวด้านไหนก็เลือกสูตรนั้นกันไปเลย แต่สิ่งที่อยากบอกก็คือว่า ในสูตรๆหนึ่ง ไม่ได้ให้ผลด้านการบำรุงแค่อย่างเดียวนะคะ แต่ให้ผลหลายๆด้านไปพร้อมกัน อย่างสูตรทับทิมที่มี่ยกมาให้ดู เรียกได้ว่าบำรุงกันครอบจักรวาลไปเลยค่ะ ในจุดนี้ก็ไม่มีอะไรให้หักคะแนนค่ะ

2. เนื้อหลัก หรือ Base เป็นรูปแบบครีมที่ให้ผลเคลือบผิวได้ดี สร้างสภาวะที่เรียกว่า Occlusive ได้เยอะ เมื่อเกิดภาวะ Occlusive ผิวเราจะมีความชื้นเพิ่มสูงขึ้น ทำให้การทำงานต่างๆในผิวดีขึ้น ที่สำคัญคือไม่มี Alcohol และ Silicone เลยค่ะ ขอให้ 5 ฟลาสก์

3. สารปรุงแต่ง หรือ Additives มีส่วนผสมของพวกสารทำเนื้อครีม (Emulsifier) สารเพิ่มความหนืด สารก่อฟิล์มบนผิว สารกันเสีย สารแต่งกลิ่น และเม็ดสีเท่านั้น ทุกตัวไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิว เลยไม่รู้จะหักคะแนนอะไร จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบสัมผัสของเนื้อครีม เพราะกลิ่นค่อนข้างละมุน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เวลามาสค์ถ้าเอาไปแช่เย็นก่อนแล้วค่อยมาละเลงบนหน้า ลงไปนอนบนเตียงนุ่มๆ หลับตาพักซักแป๊บนึง เรียกได้ว่าหายเหนื่อยเลยหล่ะ พอไปล้างออกก็จะได้สัมผัสที่นุ่ม เนียน และผิวดูเรียบละเอียดขึ้น ถ้าใช้กลางคืน เช้ามาก็จะลากรองพื้นได้เนียนมากขึ้น ไม่เป็นเส้นและไม่ทิ้งคราบค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์[/left]

คะแนน

สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณทางเพจ Skin dip ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆจากแบรนด์ Apivita มาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเพจ Skin dip โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/Skin-Dip-267169553621403

หรือ

IG: skin.dip

LineID: s.matika

 
Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางเพจ Skin dip

 

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์ครีมไข่ Too cool for school Egg cream mask

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์ครีมไข่ Too cool for school Egg cream mask

วันนี้มี่แวะเอามาสค์ครีมไข่ จากแบรนด์ Too cool for school แบรนด์ดังของเกาหลีมารีวิววิเคราะห์ส่วนผสมให้ชมกันค่ะ

Too cool for School ที่เกาหลีก็มีชอปอยู่หลายย่าน มี่เคยเข้าไปเดินเล่นที่ในสาขาอินซาดงอยู่รอบนึง ส่วนในไทยก็มีหลายสาขาค่ะ สาขาที่มี่เคยไปจะเป็นสาขาที่สยามค่ะ จัดร้านคล้ายๆกับที่เกาหลีเลย

เชื่อว่าหลายๆคนคงต้องเคยใช้ตัวมูสไข่ หรือ Egg mousse pack ของแบรนด์นี้มาแล้วแน่ๆ ตอนนี้เขาทำแบบมาสค์ชีท ออกมาด้วยค่ะ สะดวก ง่าย แค่โปะลงไปบนหน้า

เริ่มจากหน้าตาก่อนเลยค่ะ

แบบเป็นเซ็ต 1 เซ็ต มี 5 แผ่นค่ะ บรรจุในกล่องพลาสติกกลม (ใช้มาสค์หมดแล้วเอากล่องไปใส่ CD ได้ด้วยนะตัวเธอ)

tc 1

ตรงนี้เป็นส่วนของข้างหลัง

มีคำเคลมอยู่เล็กน้อย “ให้การบำรุงได้มากถึง 5 เท่า คืนความกระจ่างใสด้วยสารสกัดจากไข่ขาวและไข่แดง ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง”

1 กล่อง 5 แผ่น 820 บาทค่ะ

tc 2

เมื่อเราแกะกล่องออกก็จะเจอแบบนี้ค่ะ

tc 3

ตัวมาสค์มาในแบบซองเกือบเป็นวงกลม เกินครึ่งวงกลมมานิดนึง (ไม่รู้เรียกทรงอะไรดี) แต่สวยดีค่ะ ดีไซน์ก็ดูหรูหราตามสไตล์ของแบรนด์ค่ะ

พอเราฉีกซองมาก็จะเจอแผ่นมาสค์พับอยู่อย่างประณีต สอดแทรกด้วยตาข่ายพลาสติก เพื่อช่วยให้แผ่นมาสค์คงรูปได้ และเป็นตัวช่วยอุ้มน้ำมาสค์ให้แผ่นมาสค์

 

ความรู้สึกแรกเมื่อเปิดซองและดึงแผ่นมาสค์ออกมา คือ มันจะนุ่มๆลื่นๆ ดูละมุนมาก

ตัวแผ่นมาสค์นั้นค่อนข้างบางค่ะ แต่ไม่ได้บางมาก จุดเด่นคือ มันจะแนบสนิทไปกับผิว ตามคำเคลมของแบรนด์เลยค่ะ ซึ่งแบรนด์กล่าวว่า เป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ที่นุ่ม ติดผิวได้แนบสนิท (Skin-fitting) และช่วยการนำส่งสารอาหารเข้าผิว

ในส่วนของน้ำมาสค์ หรือ Vehicle นั้น เป็นแบบน้ำนม ที่ค่อนข้างลื่น กลิ่นหอมจางๆคล้ายนมเนย แต่ไม่ได้หวานเหมือนขนมเค้ก

 

tc 9

มาสค์แล้วค่อนข้างชุ่มชื้นดีค่ะ จากส่วนผสมก็ถือว่าเหมาะกับทุกสภาพผิวเลย แม้จะเป็นเนื้อน้ำนม มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หนักมากไปสำหรับคนที่มีผิวมัน

มี่มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

tc 5

จากส่วนผสมนี้ จะเห็นได้ว่ามาในรูปแบบของน้ำนม (Emulsion) เพราะมีทั้งส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน มีทั้งสารเติมน้ำให้ผิว สารไขมันทดแทนองค์ประกอบผิว (มีทั้งกรดไขมัน และ Ceramides) และมีสารเคลือบผิวอยู่ด้วย

ส่วนผสมที่ใช้ไม่ได้มีตัวไหนมีพิษมีภัยอะไรกับผิวเลยค่ะ

สำหรับส่วนของสารบำรุง หรือ Active ingredients นั้น ได้แก่

Panthenol เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 5 มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการอักเสบในผิว

Arginine เป็นกรดอะมิโน นอกจากเรื่องความชุ่มชื้น Arginine ยังมีส่วนช่วยเรื่องฟื้นฟูริ้วรอย และอาจจะผลเพิ่มการไหลเวียนเลือดได้ด้วย

Sodium hyaluronate เด่นเรื่องความชุ่มชื้นเช่นกัน

Egg yolk extract สารสกัดจากไข่แดง อุดมด้วยไขมันชนิดที่หายาก อย่าง Phospholipids และ Cholesterol ที่ช่วยฟื้นฟู Barrier ผิว และลดการอักเสบในผิวได้

Albumen extract สารสกัดจากไข่ขาว องค์ประกอบเป็นโปรตีน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ว่ากันว่า Albumen จะช่วยให้ความรู้สึกตึงและกระชับผิวได้ด้วย

Linoleic acid เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากภายนอก เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ Ceramide 1 ซึ่งแข็งแรงที่สุด

Ceramide 3 ช่วยฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง

Camellia japonica seed oil น้ำมันสกัดจากเมล็ดชาญี่ปุ่น อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นที่มีประโยชน์กับผิว

ส่วนประกอบของมาสค์นี้จะเด่นไปที่เรื่องของความชุ่มชื้นและการฟื้นฟู Barrier ผิวเป็นหลักเลย ในด้านรองๆ ก็จะช่วยเรื่องการลดการอักเสบในผิวได้

ให้คะแนน

1.Actives ในส่วนของสารออกฤทธิ์ ถ้าพิจารณาจากคุณสมบัติในการเป็น Moisturizer นี่ถือว่าทำมาได้ครบมาก และสมบูรณ์มาก เพราะมีครบทุกองค์ประกอบ มีไขมันทีเป็น Barrier ผิวอยู่ครบทุกชนิด แต่ถ้าพิจารณาใน Skincare องค์รวม ยังอยากได้ Antioxidant มาเสริมอีกซักนิด จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์

2.Base มาในรูปแบบน้ำนม หรือ Emulsion ที่สมบูรณ์ ประกอบด้วย สารดูดน้ำให้ผิว สารไขมันจากธรรมชาติ และสารเคลือบผิว ที่สำคัญคือไม่มี Alcohol จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

3.Additives สารที่ใช้ไม่มีพิษมีภัยอะไรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ให้ 5 ฟลาสก์

4.การใช้งาน ส่วนตัวมี่ใช้อาทิตย์ละแผ่น ตอนนี้ใช้ได้ 2 แผ่นแล้ว หลังมาสค์เราจะสัมผัสได้ทันทีเลยว่าผิวค่อนข้างนุ่มขึ้น มันจะมีช่วงหนึ่งที่อากาศกลับมาหนาว วันแรกนั้นผิวลอก แต่พอโปะมาสค์นี้เข้าไปก่อนนอน แล้วบำรุงผิวตามปกติ วันรุ่งขึ้นหน้าก็หายลอกเป็นปกติ ถือว่าค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน

 

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์ Hydrogel แนวใหม่ ยืดได้ หดได้ คืนรูปได้ จาก Bewitching

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์ Hydrogel แนวใหม่ ยืดได้ หดได้ คืนรูปได้ จาก Bewitching

วันนี้มี่เอามาสค์มารีวิวให้ชมอีกแล้วค่ะ เป็นมาสค์แบบ Hydrogel ที่ Reuse ได้ มาในรูปแบบกระปุก ตักแบ่งมาได้ตามสะดวก ใช้น้อยตักน้อย ใช้มากตักมาก มาสค์แค่ไหนตักแค่นั้น

เป็นมาสค์สูตร Be mild จาก Bewitching ค่ะ

bew 1

เนื้อข้างในเป็นวุ้นๆแบบเจลลี่ค่ะ สีโปร่งแสง คือยังไม่ใส ไม่ขุ่น แสงผ่านได้

bew 2

เวลาจะใช้เอาช้อนตักขึ้นมาจะง่ายกว่านะคะ และป้องกันการปนเปื้อนจากมือเราได้ค่ะ

bew 3

มาสค์ตัวนี้สามารถปั้นได้ ยืดได้ หดได้ คืนรูปได้ค่ะ

 

 

ถ้ามันขาด ก็ควักมาโปะใหม่ ก็คืนรูปได้ค่ะ

 

แปะทิ้งไว้ซัก 15 นาที ถ้าแช่เย็นด้วยจะเพิ่มความฟินค่ะ

พอลอกออกผิวเราจะนุ่มขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น

 

bew 7

ตัวมาสค์ที่เหลือเอามา Reuse ได้ด้วยนะเออ มาแปะคอ แปะแขน แปะขา แปะพุง แปะอะไรก็แปะ

มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

 

สผส

 

ในส่วนของส่วนผสมนั้นจะเห็นได้ว่าส่วนผสมของสาร Actives นั้นมาเต็มมาก ซึ่งทางแบรนด์เองก็ Claim ว่าใช้ส่วนของสารสำคัญเข้มข้นถึง 90% เลยทีเดียวค่ะ

 

ปกติเราแบ่งส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็น 3 หมวดหลักๆ คือ

  1. Actives หรือ สารออกฤทธิ์ เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
  2. Base หรือ ส่วนเนื้อของผลิตภัณฑ์ เป็นตัวอุ้มและเก็บสารออกฤทธิ์ไว้
  3. Additives หรือ ส่วนของสารปรุงแต่ง เป็นตัวเติมแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย เช่น พวกสารกันเสีย พวกน้ำหอม พวกซิลิโคน ตัวเพิ่มความหนืด ฯลฯ

 

มาดูไปทีละกลุ่มเลยนะคะ

 

  1. Actives ส่วนของสารออกฤทธิ์ ได้แก่
  • Goat milk extract สารสกัดจากนมแพะ ในทางเครื่องสำอางมีการ Claim ว่ามีส่วนประกอบของโปรตีน Beta-casien ขนาดเล็ก มีค่า pH เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยบำรุงผิวได้อย่างอ่อนโยน มีคุณสมบัติลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Honey extract สารสกัดจากน้ำผึ้ง มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • Aloe barbadensis extract สารสกัดจากว่านหางจรเข้ มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง มีรายงานการวิจัยกล่าวว่าสามารถออกฤทธิ์เป็นสารช่วยให้ผิวขาวได้โดยไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ Melanin aggregation ทำให้สีผิวจางลง โดยตัวที่เป็นตัวออกฤทธิ์คือ Aloin ที่พบในใบ (Planta Med. 2012; 78(8):767-71.)
  • Solanum lycopersicum extract สารสกัดจากมะเขือเทศ มีรายงานว่า Lycopene ในสารสกัดมะเขือเทศ สามารถปกป้องผิวหนังจากอันตรายจากรังสี UV ได้ (Br J Dermatol. 2011; 164(1):154-62.) ส่วนของเปลือกผลมีสาร Resveratrol ซึ่งให้ฤทธิ์แรงในการต้านอนุมูลอิสระ (J Agric Food Chem. 2006; 54(19):7175-9.)
  • Cucumis sativus extract สารสกัดจากแตงกวา ซึ่งมีฟลาโวนอยด์และแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (J Young Pharm. 2010;2(4):365-8) และยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Hyaluronidase และเอนไซม์ Elastase จึงป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอยได้ (Arch Dermatol Res. 2011;303(4):247-52)
  • Chamomilla recutita extract สารสกัดจาก German Chamomile ปกติใช้เป็น Anti-inflammatory, สารลดการระคายเคือง และให้ผล Soothing effect แปลว่าช่วยให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Centella asiatica extract สารสกัดจากบัวบก บัวบกเป็นพืชที่มีรายงานถึงฤทธิ์ทางชีวภาพไว้ค่อนข้างเยอะ ฤทธิ์ทางชีวภาพของบัวบกได้แก่ ฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล กระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast กระตุ้นการสังเคราะห์ Collagen และ Fibronectin ในผิว ลดริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย (เรียกริ้วรอยก่อนวัยว่า Photoaging) (Postepy Dermatol Alergol. 2013; 30(1):46-9.) ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ MMP, Hyaluronidase และ Elastase ที่เป็นเอนไซม์ที่ไปทำลาย Collagen, Hyaluronic acid และ Elastin ในผิวตามลำดับ (Postepy Dermatol Alergol. 2013; 30(1):46-9.) ปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายโดยรังสี UV (Int J Mol Med. 2012; 30(5):1194-202.)
  1. Base ในส่วนของเนื้อหลักนั้นเป็นแบบ Hydrogel ที่มีน้ำมันอยู่เล็กน้อย จะเรียกว่าเป็น Emulgel ก็น่าจะยังไม่เหมาะเพราะน้ำมันนั้นน้อยมากจนไม่ได้รู้สึกว่าเหนอะหนะ และเนื้อยังเป็นแบบโปร่งแสง ไม่ได้ขุ่นเป็นน้ำนม
    • ส่วนของน้ำ มีน้ำกับ Propylene glycol ซึ่งเป็นสารดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
    • ส่วนของน้ำมัน มี Mineral oil เป็นน้ำมันที่เคลือบผิวปกป้อง รักษาความชุ่มชื้นได้ดี
  2. Additives กลุ่มของสารเติมแต่ง ได้แก่
    • สารเพิ่มความหนืด คือ Polyvinyl alcohol ใช้เป็นสารก่อเจล
    • สารประสานน้ำกับน้ำมัน ใช้ Polysorbate 20 ช่วยให้น้ำมันเข้ากับน้ำได้
    • สารกันเสีย ใช้ Methylisothiazolinone, Methylchloroisothaizolinone
    • สารแต่งกลิ่น (Fragrance)

 

ถึงเวลาให้คะแนน

  1. Actives ในส่วนของสารออกฤทธิ์นั้นใช้สารสกัดจากพืชหลายชนิด ร่วมกับนมแพะ และน้ำผึ้ง ให้ผลโดยรวมในด้านของความชุ่มชื้น ชะลอวัย ลดการอักเสบ ให้ความรู้สึกสบายผิว และด้านริ้วรอย อาจจะได้ผลเรื่อง Whitening ด้วย โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างครบถ้วน จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. Base ผลิตภัณฑ์เป็น Hydrogel ที่มีส่วนผสมของน้ำมันอยู่เล็กน้อย มีสารดูดน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว มีสารน้ำมันที่เคลือบปกป้องผิวเพื่อรักษาความชุ่มชื้น ซึ่งดูเหมือนจะขาดน้ำมันบำรุงทดแทนไขมันในผิวหนังอยู่ เลยขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. Additives ส่วนของสารปรุงแต่ง มีอยู่เท่าที่จำเป็น คือสารเพิ่มความหนืด สารเชื่อมประสานน้ำกับน้ำมัน สารกันเสีย และสารแต่งกลิ่น ซึ่งโดยรวมก็ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร ก็เลยไม่รู้จะหักคะแนนกับอะไร ให้ 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบนะคะ ด้วย Gimmick ของผลิตภัณฑ์ ที่สามารถยืดหดได้เป็นรูปร่างตามต้องการ ยืดมากไปจนขาดแล้วก็ยังเอามาโปะติดคืนรูปได้ ด้านการใช้งานก็ชุ่มชื้นผิวดีจริงอะไรจริง ถึงแม้จะ Reuse ได้ แต่มี่ว่า เอามาพอกคอ พอกตัวต่อ ก็น่าจะดีนะคะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์ค่ะ

 

คะแนน

 

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางแบรนด์ Bewitching ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์น่ารักๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของแบรนด์

http://www.facebook.com/bewitchingmask

ได้เลยนะคะ

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์

Miyeon’s Shopping Guide: มียอนชวนชอปสกินแคร์ Holika Holika

Miyeon’s Shopping Guide: มียอนชวนชอปสกินแคร์ Holika Holika

วันนี้มาแชร์ชวนชอปสกินแคร์ และเมคอัพของแบรนด์ Holika Holika ให้ได้ชมกันค่ะ

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ในเครือบริษัท Enprani บริษัทน้องใหม่ที่พึ่งกำเนิดมาในช่วงปีค.ศ. 2000 มีคอนเซปท์เกี่ยวกับ “Young and healthy skin” เนื่องจากข้อมูลของบริษัทเป็นภาษาเกาหลีจึงไม่สามารถสืบค้นรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดยเครื่องสำอางของบริษัทนี้มีการเติบโตและขยายสาขาไปยังไต้หวันได้อย่างรวดเร็ว
บริษัทนี้มีแบรนด์ยอดนิยมอยู่ภายใต้จำนวน 2 แบรนด์ ได้แก่ Enprani และ Holika Holika

โดยแบรนด์ Holika Holika เป็นแบรนด์ที่เจาะกลุ่มวัยสาวแรกรุ่นด้วยคอนเซปท์สีม่วงที่ดูเล้นรับและใช้ความหมายในแนวแฟนตาซี มีแม่มดเป็นสื่อกลางค่ะ

ตอนมี่ไปเกาหลีเองก็ได้เข้าสาขาของร้านนี้หลายสาขาอยู่ค่ะ แต่ละสาขาจะมีโปรโมชั่น และการขอ Tax free ได้แตกต่างกันนะคะ

10325193_10202278541065118_416973565497716173_n

(รูปนี้ถ่ายมาเองค่ะเมื่อมิย 57)

 

สินค้าของแบรนด์ก็จะมาใน Package น่ารักกรุบกริบ

 

holika 1

 

holika 2

 

สินค้าของ Holika Holika ที่มี่มีประจำบ้านก็จะมีอยู่ 4 ตัวนี้นะคะ

 

holika miyoen

จะเป็นตัว Aloe 99% soothing gel ลูกรักประจำบ้าน ตัวนี้มีปัญหาเรื่องการหาพรี เพราะของมันหนัก และราคามันถูก ไม่มีใครเค้าอยากรับพรีให้ค่ะ ถ้าไม่หิ้วเองก็ต้อง Korea depart ละมาลุ้นภาษี (ที่โคตรแพง) กันอีกที

ตัวนี้ลงทุนนั่งแปลส่วนผสมเอง และรีวิวไปฝากไว้บนจีบันค่ะ

 

http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=199755

 

เผื่อใครขี้เกียจไปตาม ดูส่วนผสมได้ตรงนี้นะคะ

 

คะแนนก็เป็นดังนี้ค่ะ

คะแนน aloe

ที่ไม่ให้คะแนน Base เพราะมันไม่มี Base นะคะ เค้าใส่ Aloe มาเป็น Base เลยค่ะ

 

อีกสองตัวมาจาก Line Skin and Good cera เป็นครีม กับ Toner ค่ะ

ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่า Toner แต่ความมันนี่ค่อนข้างมากเลยทีเดียวค่ะ ใช้ฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรงเช่นกัน

good cera

 

อีกตัวนึงที่ขาดไม่ได้ก็ Pore pack ค่ะ ข้างในเป็นสีชมพู ติดได้แนบสนิท ลอกไม่เจ็บ สิวเสี้ยนออกดีมาก ก็เลยเป็นลูกรักไปอย่างง่ายดาย

 

ต่อมามาดู Shopping guide ของมี่บ้างนะคะ

 

มีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจมากเลยค่ะ เช่น

 

Cushion collection Dodo Cat  ที่ออกมาใหม่ จะมีสองสีในตัวนะคะ ส่วนที่เป็นอุ้งเท้าน้องเหมียวสีขาวนั้นจะทำหน้าที่เป็น Highlighter ที่เพิ่มความ Glow ได้ในตัวค่ะ

 

visual_01

 

มาสค์หน้ารูปสัตว์ที่โดดเด่นกว่าด้วย คุณสมบัติเเผ่นมาสค์เปลี่ยนสีได้

20013056

 

เก๋ไหมละ ถ้าสีเปลี่ยน ก็คือ การมาสค์หน้าเสร็จสมบูรณ์ ถอดออกได้เลย

(เรียกสวยๆแบบวิทย์ๆว่า เป็น Indicator ของการมาสค์)

 

อีกชิ้นที่น่าเล่นก็จะเป็น Mascara ของแบรนด์ที่โด่งดังเช่นกันค่ะ

 

mascara

 

จริงๆของแบรนด์ก็มีอีกหลายอย่างนะคะที่น่าเล่น

 

สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ก่อนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบค่ะ สวัสดีค่ะ

 

[Full Review] Etude House Play therapy Soft clay pack

[Full Review] Etude House Play therapy Soft clay pack

วันนี้แวะเอามาสค์โคลนของ Etude house มารีวิวให้ชมกันค่ะ

ทบทวนเรื่องมาสค์โคลนอีกรอบนะคะ

มาสค์โคลน หรือ Clay mask เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารกลุ่ม Clay กระจายและพองตัวอยู่ในเนื้อของผลิตภัณฑ์ ทำให้ดูหนืดข้นเหมือนโคลนจริงๆ

ตัวอย่างสารกลุ่ม Clay เช่น อะไรก็ตามที่มีคำว่า Clay, และสารอื่นๆ เช่น Kaolin, Bentonite, Magnesium Aluminium Silicate

สารกลุ่ม Clay มีคุณสมบัติพิเศษ ด้วยความที่ตัวมันมีรูพรุน ทำให้มันสามารถดูดซับเอาสารต่างๆไว้กับตัวมันได้ เวลาเอา Clay มาพอกหน้าจึงให้ผลดูดซับความมัน สิ่งสกปรกต่างๆออกมาจากผิว รวมไปถึงพวกสารพิษ และมลภาวะต่างๆที่ตกค้างบนผิวได้ด้วย

สารกลุ่ม Clay มีคุณสมบัติดูดซับความมันได้ดีจึงเหมาะกับคนที่มีผิวมันมากกว่าผิวแห้ง

คนที่แต่งหน้าด้วย Shimmer หรือ Glitter เป็นประจำ ควรมาสค์โคลนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อ Detox และดูดซับเอาผงของพวก Mica ซึ่งมักล้างไม่ออก ออกไปจากใบหน้า

ส่วนมาสค์โคลนลูกรักที่แอดมินใช้ (จริงๆเคยใช้แค่อันเดียว ก็เลยรัก คือแบบว่าใช้นานๆที แล้วใช้แค่ตรงทีโซน เลยไม่ยอมหมดซักที แกะมาเกือบปีแล้วค่ะ) คือเจ้า Etude House Play therapy Soft clay pack ค่ะ

etude 1

อันนี้ไปหิ้วเองมาจากกรุงโซลเมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว เริ่มแกะใช้ประมาณช่วง ตค.ค่ะ นี่ก็เกือบปีแล้ว ยังไม่ยุบเลย

ตัวนี้ทางแบรนด์เคลมเรื่อง Pore and Sebum care ค่ะ

เป็นมาสค์ที่ค่อนข้างแห้งจริงๆ ถ้าเอาลงตรงแก้มนี่คือพังเลยค่ะ ลงได้แค่ทีโซน

นางเคลมว่านางเอา Clay มาจากป่าอเมซอนในบราซิล (Brazil forest clay) ค่ะ นางเคลมว่า Clay ตรงนี้มีความบริสุทธิ์สูง และมีแร่ธาตุมากมาย

ตรงนี้มี่ไม่มีข้อมูลมารองรับนะคะ ก็ฟังๆกันไปเนาะ

กลิ่นนางเป็นแนวๆเย็นๆ นางว่านางใช้ Eucalyptus ค่ะ แต่อิชั้นว่า ยูคาลิปตัสมันระคายผิวได้นะคะ

มาดูเนื้อสัมผัสก่อนนะคะ จะเป็นเนื้อหนืดๆหนักๆข้นๆสีเขียวอ่อนๆค่ะ

etude 2

(พอดีถ่ายกลางคืนใต้แสงไฟนีออนเลยไม่ค่อยชัดนะคะ)

เกลี่ยง่ายค่ะ กลิ่นก็ไม่เชิงหอมมาก แต่เป็นแนวเย็นๆ

เวลาใช้มาสค์โคลนควรเกลี่ยให้กลบสีผิวเราได้มิดพอดี และรอจนโคลนแห้ง (สังเกตโดยการมองใต้แสง ว่าไม่มีความเงาแล้ว) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

etude 3

(อันนี้พึ่งลง จะเห็นว่าเงาๆอยู่ค่ะ)

มาดูส่วนผสมกันซักหน่อยเป็นพิธี

etude สผส

ส่วนผสมตัวนี้จะต่างจากมาสค์โคลนทั่วไปในตลาดค่ะ เพราะว่าตัวเนื้อ (หรือ Base) ของนางทำมาจาก Emulsion เพราะมีน้ำมันอยู่ด้วย แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ น้ำมันที่นางใช้ไม่ได้อุดตันอะไรรูขุมขน

ส่วนจุดเด่นอีกอย่างคือการใช้ทั้ง Kaolin และ Bentonite มาเสริมกัน

เจ้า Kaolin นี่เป็น Clay สีขาว ที่ประกอบด้วย Magnesium, Aluminium และ Silica เป็นหลัก คิดว่าน่าจะหมายถึงที่โคลนอะเมซอนที่แบรนด์ใช้

เจ้า Bentonite นี่เป็น Clay สีเทา มีคุณสมบัติพองตัวในน้ำ ดูดซับความมันได้ดีเช่นกันค่ะ

และก็จุดเด่นอีกจุดน่าจะเป็นการที่ใส่ Silica มาดูดน้ำมันอีก

และลำดับของสารกลุ่ม Clay นี่มาต้นๆเลย ผิดกับบางแบรนด์ที่ใส่มาแค่กรุบกริบแล้ว Claim ซะอลังการ

นอกจากนั้นยังเสริมมาด้วยสารอย่าง Trehalose ที่เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ ช่วยดูดน้ำและช่วยปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้แห้งเกินไปค่ะ

โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างโอเคเลย เพราะมีการเสริมตัวดูดน้ำให้ผิวด้วย จะได้ไม่แห้งมาก

ส่วนสารอื่นๆก็ไม่มีข้อติ เพราะไม่ได้มีพาราเบน กับซิลิโคน  ส่วนน้ำหอม นางว่านางใช้ Eucalyptus ค่ะ ก็อาจจะระคายเคืองได้ค่ะ ในบางคน ควรทดสอบก่อนใช้นะคะ

ส่วนราคา จำไม่ได้แล้วค่ะ

พบกันใหม่รีวิวต่อไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตัวเอง (Consumer reviewed)

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Ampoule sheet mask ของแบรนด์ Skindom

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Ampoule sheet mask ของแบรนด์ Skindom


วันนี้มี่แวะเอา Ampoule sheet mask เกาหลี จากแบรนด์ Skindom มารีวิวให้ชมกันค่ะ

ก่อนอื่นอยากเกริ่นแนะนำแบรนด์ Skindom ซักนิดค่ะ ขนาดมี่เป็นสายเกาหลี ก็ยอมรับเลยว่ายังไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้มาก่อน เลยไปทำการบ้านนิดหน่อย ได้ความว่า แบรนด์นี้เป็นแบรนด์สกินแคร์ที่ใช้กันในคลินิคความงามและสถานเสริมความงามมากมายด้วยประสิทธิภาพที่แพทย์ผิวหนังเกาหลีส่วนใหญ่เชื่อว่าเห็นผลได้ และมีอยู่ในตลาดมาสิบกว่าปีแล้วค่ะ

คอนเซปท์ของแบรนด์คือ การใช้นวัตกรรมแอมเพิล ที่เรียกว่า Super serum ใช้สารโมเลกุลเล็ก ทำงานและดูดซึมได้ลึก ให้ผิวเต็มอิ่มด้วยคุณค่าสารอาหาร เพื่อผิวสวยไร้ที่ติ เปล่งปลั่งฉ่ำวาวสไตล์สาวเกาหลีค่ะ

สำหรับ Ampoule sheet mask ที่มี่ได้มามีทั้งหมด 6 สูตรค่ะ

IMG_0283-re

แผ่นมาสค์เป็นวัสดุที่นุ่มมาก และเนื้อบางเบามาก ตัวเนื้อ Soaking solution (ขอเรียกว่าน้ำยา นะคะ) เป็นแบบเข้มข้นเหมือนกับเจลและซีรัม ที่เรียกว่า แอมเพิล (Ampoule) มีกลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ ใจจริงชั้นอยากอ่านว่าแอมพูลนะ แต่ด้วยความอินเทรนด์ตามกระแสบ้านเราต้องเรียกแอมเพิล ค่ะ

แอมเพิลนี้คืออะไร???

แอมเพิลนี้ คือ เซรั่มเข้มข้นพิเศษ (Super Serum) ประกอบด้วยคุณค่าจากสารอาหารผิวและสารสกัดที่มีความเข้มข้นสูงกว่าซีรัมมีส่วนช่วยกระตุ้น (Booster) กระบวนการดูดซึมสารอาหารให้เข้าสู่โมเลกุลของเซลล์ผิวอย่างล้าลึกและตรงจุดยิ่งขึ้นจึงให้ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีกว่าค่ะ

มาดูมาสค์ดีกว่าค่ะ

ในส่วนของแผ่นมาสค์เป็นแผ่นที่เนื้อนุ่ม ละเอียด และบางเบามากค่ะ

IMG_0290-re

ในซองให้น้ำยามาเยอะมาก ขนาดเอาน้ำยาที่เหลือในซองมาทาแขน ทาขา ยังไม่หมดเลยค่ะ

ส่วนของตัวน้ำยาจะเป็นเนื้อเจลใสๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ชุ่มผิวค่อนข้างมากค่ะ

IMG_0291-re

ส่วนตัวมี่มาสค์ตอนกลางคืน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรือรอจนแผ่นมาสค์แห้งก็ไปดึงออก แล้วนอนเลย เช้าตื่นมาหน้านุ่มมาก เกลี่ยรองพื้นได้ดีมาก แต่งหน้าได้เรียบสุดๆ

ถ้าพูดถึงส่วนผสม แต่ละสูตรจะมีส่วนผสมหลักๆที่คล้ายๆกันนะคะ ลองดูจากรูปนี้นะคะ เป็นตัวแทนส่วนผสมจาก 3 สูตร คือ Mulberry, Acerola และ Grapefruit ค่ะ

แอบกระซิบว่าบางสูตรไม่มีน้ำหอมนะคะ

สผส มาสค์

ในส่วนของน้ำยา ถ้าไม่นับน้ำจะมีส่วนประกอบของ Glycerin, Butylene glycol, Propylene glycol, betaine เป็นหลัก พวกนี้ให้ผลดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ ไม่มี Alcohol ค่ะ

ในส่วนของสารออกฤทธิ์ แทบทุกสูตรจะมีส่วนผสมของ Biosaccharide gum-1 กับ Cereus grandiflorus extract และ Dipotassium glycyrrhizate เป็นหลักค่ะ และก็เสริมด้วยสารอื่นๆตามสูตรของแต่ละมาสค์ กล่าวรายละเอียดแต่ละตัวซักเล็กน้อยนะคะ

Biosaccharide gum-1 ตัวนี้เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากการหมักจุลินทรีย์ ประกอบด้วยน้ำตาล 3 โมเลกุล คือ Galacturonic acid, L-Fucose และ D-Galactose มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ค่อนข้างนาน ซึ่งผู้ผลิตทดสอบความชุ่มชื้นหลังจากที่ผ่านไป 4 ชั่วโมง ตรงตามที่ Official US website Claim ไว้ สารนี้มีคุณสมบัติก่อฟิล์มให้ความรู้สึกชุ่มชื้นนุ่มนวล ไม่เหนอะหนะ ไม่มัน ถ้าใช้กับผมจะช่วยเคลือบเกล็ดผมที่แตกออก ทำให้ผมเรียบเนียนขึ้น ผมก็จะดูสวยงาม และมีรายงานว่าช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการแพ้ได้ (Fucogel, Solabia Inc.)

Cereus grandiflorus flower extract สารสกัดจากดอกกระบองเพชร ไม่มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังตีพิมพ์ในฐาน Pubmed ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าให้ผลเป็น Antioxidant ที่ดี มีคุณสมบัติ Astringent (แปลเป็นไทยว่าฝาดสมาน แปลแล้วก็ไม่รู้เรื่อง สารกลุ่ม Astringent ให้ผลกระชับรูขุมขนและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้บางชนิด) พร้อมให้ผลส่งเสริมการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวแบบอ่อนๆ

Dipotassium glycyrrhizate เป็นสารที่แยกได้จากรากชะเอม ให้ผลลดการอักเสบ ลดการระคายเคืองได้ดี และให้ความรู้สึกสบายผิว

ทีนี้แต่ละสูตรก็มีส่วนที่เป็น Key ingredient เพิ่มเข้ามา คือ

1. สูตร Acacia collagen มีการเสริม Acacia concinna fruit extract เพิ่มเข้ามา ให้ผลเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยกระชับผิวค่ะ

2. สูตร Grape fruit มีการเสริมสารสกัดจากผลเกรฟฟรุต (Citrus paradise fruit extract) เพิ่มเข้ามา ปกติสารสกัดจากผลส้มจะมีวิตามิน และมีกรดอินทรีย์ธรรมชาติช่วยเติมน้ำให้ผิว และช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้

3. สูตร Hyaluronic acid เสริม Hyaluronic acid เพิ่มเข้ามา ให้ผลเติมน้ำให้ผิวยืดหยุ่นและนุ่มนวล

4. สูตร Mulberry root extract เสริม Morus alba bark extract เข้ามา สารสกัดจาก Mulberry นี้สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ที่เป็นเอนไซม์สร้างเม็ดสีผิว จึงช่วยให้สีผิวค่อยๆอ่อนลง

5. สูตร Snail เสริม Snail secretion filtrate เพิ่มเข้ามา ตัวเมือกหอยทากนี้มีรายงานการวิจัยรองรับว่าสามารถช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยสมานผิว และลดการอักเสบได้

6. สูตร Acerola เสริมสารสกัด Malphigia emarginata fruit extract เข้ามา สารสกัดจากผลอะเซโรล่านี้นอกจากมีวิตามินซีสูงให้ผลเป็น Whitening ได้ดีแล้วยัง มีสารประกอบ Polyphenol หลายชนิด ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวเมื่อโดนแสงแดด เป็น Antioxidant ที่ดีและลดการอักเสบในผิว ทางแบรนด์ Claim ว่าสามารถกระชับรูขุมขนได้

ให้คะแนนส่วนผสมอยู่ที่ 5/5 และ คะแนนการใช้งานอยู่ที่ 4/5 ค่ะ จริงๆกลิ่นหอมอ่อนๆของมาสค์มันก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายดีนะคะ แต่ส่วนตัวมี่คิดว่ากลิ่นบางสูตรฉุนไปนิดนึงค่ะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Skindom ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของ Skindom Thailand

https://www.facebook.com/SkindomThailand

และเวบไซต์ http://www.skindom.co.th กับ http://www.skindomthailand.com เลยนะคะ

 

กระซิบกระซาบว่า ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มีวางจำหน่ายที่ Watsons ทั่วประเทศ, EVEANDBOY(สยาม), มีเคาน์เตอร์แบรนด์ อยู่ที่ The Mall งามวงศ์วาน, และในเร็วๆ นี้เห็นทางแบรนด์ว่าจะเข้าเซ็นทรัลอีกหลายๆสาขาด้วยหละ ก็ติดตามกันต่อไปเนาะ
Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ SKindom Thailand ค่ะ

แล้วพบกันใหม่โอกาสถัดไปค่ะ

Love you,
xoxo