Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมน้ำมัน Argan ออร์แกนิก Or’agan 100% Organic argan oil moisturizer

สวัสดีค่ะ เรามาต่อกันกับผลิตภัณฑ์ดีๆจากแบรนด์ Or’agan กันนะคะ สำหรับผลิตภัณฑ์จาก Or’agan ที่มีได้มา มีทั้งหมด 4 ชิ้น เริ่มจาก Black soap หรือ สบู่ดำ ตามด้วยน้ำมันสารพัดประโยชน์ Bath body massage oil และ Ghassoul Clay วันนี้มาทิ้งทวนด้วย 100% Organic argan oil moisturizer ค่ะ

 

ว่าแล้วเราก็มาดูหน้าตาของผลิตภัณฑ์กันดีกว่าค่ะ

 

oil 1.jpg

 

ตัวผลิตภัณฑ์จะมาในขวดแก้วที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์นะคะ ขวดที่มี่ได้มาเป็น Size 10 ml ที่อยู่ในเซ็ตของขวัญของทางแบรนด์ ตัวฝาจะเป็นฝาแบบสเปรย์ค่ะ

 

ที่ด้านหลังกล่องจะมีคำ Claim ดังภาพค่ะ

 

oil 2

 

เป็นเกี่ยวกับเรื่องวัตถุดิบว่าเป็นการสกัดเย็นจากเมล็ดอาร์แกนออร์แกนิก และเป็นการสกัดครั้งแรก รวมทั้งได้รับตรา Ecocert ซึ่ง ตรานี้ไม่ได้ได้มาง่ายนะคะ มีระบบระเบียนและข้อกำหนด หรือ Requirement ที่เยอะเหมือนกันค่ะ

 

มาดูเนื้อสัมผัสกันบ้างค่ะ

 

oil 3

 

เนื้อ oil มีความหนืดอยู่ค่อนข้างน้อยค่ะ มีกลิ่นเฉพาะตัว คล้ายถั่ว ไหลได้อย่างอิสระ ทำให้เกลี่ยได้ง่าย มีสัมผัสที่ค่อนข้างบางเบา ถ้าวัดตามหลักทาง Aromatherapy ซึ่งแบ่ง oil เป็น 3 แบบ คือ Light oil, Medium oil และ Thick oil ตัวนี้น่าจะอยู่ในเกณฑ์ Light-to-Medium ค่ะ

 

การดูดซึมนั้นใช้เวลาพอสมควรค่ะ

 

oil 4

 

ใครที่ไม่ชอบความเหนอะหนะของ oil มี่แนะนำว่า สามารถเอามาผสมกับโลชั่น ในอัตราส่วน oil 1: lotion 2 วอร์มๆให้เข้ากันก่อนเอาลงผิวได้นะคะ จะทำให้ออยล์มีความมันลดลง และยังช่วยให้ซึมผิวได้ดีขึ้นด้วยค่ะ

 

สำหรับส่วนผสมก็คือ ประกอบด้วยน้ำมันจากเมล็ดอาร์แกนออร์แกนิก 100% เลยค่ะ

 

ดูรายละเอียดกันซักหน่อยนะคะ

 

น้ำมันอาร์แกนนั้นน้ำมันจากเมล็ดของต้น Argan (Argania spinosa) ซึ่งในทาง Aromatherapy ระบุว่าน้ำมันที่มีส่วนผสมของ Argan oil มีคุณสมบัติในการลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น ลดรอยแตกลาย

 

ถ้าพูดถึงการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับ Argan oil ก็มีมายาวนานพอสมควรเลยค่ะ

 

มีการศึกษาชิ้นหนึ่งได้กล่าวว่า Argan oil นั้น มีผลต่อการสร้างเม็ดสีผิวในระดับหลอดทดลองด้วยค่ะ ทำให้ได้ผลเรื่อง Whitening ด้วย (Evid Based Complement Alternat Med. 2013; 2013: 340107.)

 

การทดสอบประสิทธิภาพของ Argan oil แบบทา ในสตรีวัยทองจำนวน 60 คน เป็นเวลา 60 วัน พบว่าค่า TEWL (การระเหยของน้ำออกจากผิว) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ค่านี้สื่อว่า Barrier ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น และพบว่าระดับน้ำในผิวชั้นนอก หรือ Epidermis มีค่าสูงขึ้น (Prz Menopauzalny. 2014;13(5):280-8.) อีกชิ้นหนึ่งทดสอบในสตรีวัยทอง จำนวน 30 คน เป็นเวลา 60 วัน พบว่าผิวหนังมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น (Clin Interv Aging. 2015;10:339-49.)

 

นอกจากนี้การศึกษาล่าสุดในช่วงต้นปีนี้ ได้พบว่า Argan oil มีผลช่วยสมานแผลในหนูทดลองที่มีแผลไหม้ได้ด้วย (Ostomy Wound Manage. 2016 Mar;62(3):26-34.)

 

โดยรวมผลจากการศึกษาดังกล่าว ก็จะสามารถสรุปได้ว่า Argan oil นั้นให้ผลด้านความชุ่มชื้น ความแข็งแรงของ Barrier ผิว การสมานแผล และ Whitening ค่ะ

 

วันนี้ไม่รู้จะให้คะแนนอย่างไรดี เพราะส่วนผสมมีแค่ Argan oil ก็เลยขอให้คะแนนในภาพรวมแทนนะคะ

 

จากคะแนนเต็ม 5 สำหรับ Argan oil ตัวนี้ มี่ขอให้ 4 ฟลาสก์ค่ะ เนื่องจากแพคเกจเป็นแบบสเปรย์ ที่ค่อนข้างกดออกยาก และเวลากดมันจะกระจายพอสมควรนะคะ

 

คะแนน argan oil

 

สุดท้ายนี้ขอบคุณทางแบรนด์ Or’agan ด้วยนะคะที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามมาจนจบ

 

 

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของแบรนด์ Or’agan เลยนะคะ

 

https://www.facebook.com/theoraganth

 

 

 

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับเป็นของขวัญจากแบรนด์ Or’agan การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและสุคนธบำบัด (Aromatherapy) และอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมโคลนลาวาโมร็อคโค Or’agan Ghaussoul clay with 7 plants extract

สวัสดีค่ะ เรามาต่อกันกับผลิตภัณฑ์ดีๆจากแบรนด์ Or’agan กันนะคะ สำหรับผลิตภัณฑ์จาก Or’agan ที่มีได้มา มีทั้งหมด 4 ชิ้น เริ่มจาก Black soap หรือ สบู่ดำ ตามด้วยน้ำมันสารพัดประโยชน์ Bath body massage oil วันนี้ มี่นำเอา Ghassoul Clay ของแบรนด์ Or’agan มารีวิวให้ชมกันค่ะ ก่อนจะทิ้งท้ายไปด้วย 100% Organic argan oil moisturizer ในสัปดาห์ต่อไปนะคะ

 

Ghassoul clay ถึงจะเขียนเป็นตัว G แต่เวลาอ่านจะเป็นเสียง ตัว R ว่า ราสซูล นะคะ โคลนตัวนี้ว่ากันว่าเป็นโคลนธรรมชาติที่ขุดได้ในแถบแอฟริกาตอนเหนือ บางที่ก็จะ Claim ว่าเป็นโคลนลาวาค่ะ ซึ่งส่วนผสมของโคลนนี้จะประกอบด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์กับผิวหนังมากมายหลายชนิด ซึ่งชนิดที่พบมากก็คงจะเป็น silica, iron, magnesium, potassium, sodium และ lithium ค่ะ

 

ว่าแล้วเราก็มาดูหน้าตาของผลิตภัณฑ์กันดีกว่าค่ะ

 

GSC 1

 

Clay ของ Or’agan จะมาในกระปุกพลาสติกอย่างหนา บรรจุ 150 กรัมค่ะ

 

 

ข้างในเวลาเราแกะครั้งแรกเขาจะ Seal ไว้ด้วยฟอยล์อลูมิเนียมอีกชั้นค่ะ

 

ตัว Clay จะมาเป็นลักษณะแผ่นๆ มีกลิ่นหอมของสมุนไพรผสมดอกไม้และกลิ่นแนวซิตรัส ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย

 

GSC 2

 

ข้อดีของการทำมาในรูปแบบแห้งก็คือ นอกจากผลิตภัณฑ์จะไม่แห้งแข็งระหว่างการเก็บรักษาเหมือนพวก Clay เปียกทั่วไปที่เราเก็บไว้นานๆน้ำจะระเหยออก Clay จะแข็งควักไม่ออก และก็ยังจะมีส่วนช่วยเรื่องของการปนเปื้อนเชิ้อจุลินทรีย์ได้ค่ะ

 

วิธีใช้คือ เอา Clay มาผสมน้ำ ในอัตราส่วน Clay 1 น้ำ 2 ค่ะ ผสมสด ใช้สดเลยนะคะ อย่าไปผสมเก็บไว้ จากนั้นก็เอาไปพอกค่ะ ตัวนี้พอกหน้าก็ได้ พอกตัวก็ได้ หรือจะทำเป็นโคลนหมักผมก็ได้ (ถ้าจะหมักผม ก็ผสมให้เหลวหน่อยค่ะ)

 

ลองผสมให้ดูค่ะ

 

เริ่มจากเอาแผ่น Clay ใส่ลงไปในถ้วย แล้วเติมน้ำลงไป จากนั้นก็คนๆให้ละลายค่ะ มีความสนุก มีความ DIY หลายๆคนน่าจะชอบค่ะ

 

This slideshow requires JavaScript.

 

เมื่อได้เป็นลักษณะแบบนมข้นหวานเราก็จะเอามาพอกหน้าได้ค่ะ

 

เวลาพอกก็เกลี่ยดีๆ ให้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ถึงขั้นต้องหนามากก็ได้ค่ะ

 

GSC 6

 

พอกไว้ซักประมาณ 5 – 10 นาที ก็ไปล้างออกด้วยน้ำอุ่น และซับให้แห้ง ผิวก็จะนุ่มค่ะ

 

GSC 7

 

ในประเทศ Morocco เขาจะใช้ Clay ตัวนี้ใน Hammam ใช้พอกหน้า หรือ ทำ poultice ที่เอาโคลนโปะๆลงไปพร้อมกับสมุนไพรอื่นๆแล้วห่อผ้าบางไว้ อารมณ์จะคล้ายกับ Clay wrap ในบ้านเราค่ะ

 

 

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

 

สผส GSC

 

จากส่วนผสมจะเห็นได้ว่า มีแค่ส่วนผสมของ Clay และสารสกัดพืช กับ น้ำมันหอมระเหย และสารหอม Linalool เท่านั้นค่ะ

 

ถ้าพูดถึง Clay นอกจากประโยชน์ของพวกแร่ธาตุแล้ว Clay เองยังมีความสามารถในการดูดซับสิ่งสกปรกบนผิว และดูดซับความมันส่วนเกินบนผิวได้ค่ะ จึงค่อนข้างเหมาะกับคนที่มีผิวมัน แต่คนที่มีผิวแห้งก็ไม่ต้องเสียใจ เอามาผสมกับนม หรือ เพิ่มน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยก็ใช้ได้ดี และช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นได้ด้วยค่ะ

 

ด้วยความที่เป็น DIY หลังจากละลาย Clay เสร็จ เราจะเติมอะไรก็ได้ลงไป อยากกระชับรูขุมขนเพิ่ม ก็เติมน้ำชา หรือผงชาลงไปนิดหน่อย อยากได้ความชุ่มชื้น ก็เติมน้ำผึ้งลงไป หรือเติมนมลงไป อยากได้ผิวขาวก็เติมน้ำส้มคั้นลงไปนิดนึง สามารถสรรค์สร้างสูตรเพื่อความงามของตัวเองได้มากมายเลยค่ะ

 

ในส่วนของสารสกัดพืชที่ใส่มา ได้แก่

  • Rosemary (Rosmarinus officinalis) มีผลช่วยเรื่องฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้
  • Lavender (Lavandula angustifolia) มีผลช่วยให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Myrtle (Myrtus communis) มีผลช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด
  • กานพลู (Eugenia caryophyllus) มีผลช่วยเรื่องฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ และมีกลิ่นหอม
  • Nettle (Urtica dioica) เป็น Antioxidant และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • กุหลาบ (Rosa centrifolia) ให้ความรู้สึกสบายผิว
  • น้ำมันหอมระเหย Spiked lavender ในทาง Aromatherapy มีคุณสมบัติช่วยให้ผ่อนคลาย และ มีส่วนช่วยลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อบางชนิด

 

โดยรวมสารสกัดจากสมุนไพรที่ใส่มาจะให้ผลเด่นที่เรื่องของ ความรู้สึกสบายผิว หรือ Soothing effect มีส่วนช่วยฆ่าเชื้อบางชนิด และเป็น Antioxidant

 

เนื่องจากส่วนผสมมีไม่มากเลยขอให้คะแนนใน 2 หัวข้อ คือ ส่วนผสมกับ การใช้งานนะคะ

 

  1. ส่วนผสม ค่อนข้างธรรมชาติ เรียบง่าย ไม่หรูหรา แต่แฝงไว้ด้วยประโยชน์จากสมุนไพรที่ให้ผลเด่นในด้านความรู้สึกสบายผิว หรือ Soothing effect เป็นหลัก โดยรวมก็ถือว่าทำมาได้ดี แต่เนื่องจากส่วนผสมของสารบำรุงนั้นน้อยไปนิด เลยขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ในการใช้งานจะมีความสนุก และความหลากหลายจากการ DIY มานั่งกวนผสม เติมนั่นนิดนี่หน่อย ปรุงโคลนให้เหมาะกับผิวเรา เนื้อ Clay ที่ละลายน้ำแล้วมีกลิ่นหอมในแนวธรรมชาติ เป็นกลิ่นดอกไม้ผสมสมุนไพร ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว ถ้าผิวแห้งอาจจะผสมกับน้ำกุหลาบ หรือ เติมน้ำนม หรือ น้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยก่อนพอก ส่วนถ้าผิวมันก็สามารถโบกลงไปได้เลย หรือ อาจจะเน้นพอกแค่บริเวณ T-zone ก็ได้ โดยรวมถือว่ามีความยืดหยุ่นในการใช้ค่อนข้างมาก ให้ไป 5 ฟลาสก์

 

คะแนน GSC

 

สุดท้ายนี้ขอบคุณทางแบรนด์ Or’agan ด้วยนะคะที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของแบรนด์ Or’agan เลยนะคะ

https://www.facebook.com/theoraganth

 

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับเป็นของขวัญจากแบรนด์ Or’agan การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและสุคนธบำบัด (Aromatherapy) และอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing oil และ Moisturizer แบบ Natural และ Organic จากแบรนด์ Deep & True

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing oil และ Moisturizer แบบ Natural และ Organic จากแบรนด์ Deep & True

สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆเพื่อนๆห้องแป้งที่น่ารักทุกๆท่าน

วันนี้มี่นำเอาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางธรรมชาติจากแบรนด์ไทยๆที่ได้มาตรฐานระดับนานาชาติจากแบรนด์ Deep & True มารีวิวให้ชมกันค่ะ

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์เครื่องสำอางธรรมชาติและออร์แกนิกของไทย ที่โด่งดังและส่งออกไปหลายๆประเทศนะคะ แต่พึ่งมาทำการตลาดที่ไทย คอนเซปท์ของแบรนด์ก็คือการเลือกใช้สารจากธรรมชาติ เพื่อคืนความธรรมชาติและช่วยบำบัดวิถีชีวิตของคนในสังคมเมืองที่ต้องสัมผัสกับมลภาวะและความเครียดเยอะแยะ

ที่มี่ได้มาจะเป็น Moisturizer กับ Cleansing oil ค่ะ

dt

เราจะมาดูรายละเอียดแบบเรียงกันตั้งแต่ตัวทำความสะอาดเลยนะคะ

สำหรับตัวทำความสะอาดของแบรนด์เป็น Cleansing oil ที่มีชื่อว่า Deep & true the perfect organic cleansing oil ค่ะ

dto 1.jpg

มาในขวดหรูหราดูสะอาดตา คุ้มค่าสมราคา ซึ่งตัวนี้เป็น Cleansing oil ที่มีส่วนผสมออยล์ Organic สำหรับนวดเพื่อทำความสะอาดเครื่องสำอางค่ะ

จุดเด่นอยู่ที่ จุดเด่นอยู่ที่ความเป็น Organic ของวัตถุดิบ ที่ได้รับการรับรองจากองค์กร Bio-agricert ซึ่งตรา Organic cosmetic นี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆนะคะ

dto 6.jpg

ข้อมูลจากองค์กร Bio-agricert กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ที่จะได้รับตรา Bio-organic นี้ได้จะต้องมีปริมาณสารจากธรรมชาติที่มีการรับรองว่าผลิตแบบ Organic เป็นองค์ประกอบอยู่ > 95%

สารที่ใช้มีการควบคุมอย่างเคร่งครัดค่ะ ควบคุมกันตั้งแต่การผลิตเลย มีการกำหนดวิธีการผลิตไว้แน่ชัด มีการกำหนดสารต้องห้ามไว้หลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น Propylene glycol ซึ่งเป็นสารดูดน้ำให้ผิว ก็ไม่สามารถใช้ได้ตามมาตรฐานของ Bio-agricert นะคะ เพราะในระหว่างกระบวนการผลิต Propylene glycol อาจจะมีการปนเปื้อนของสารก่อมะเร็งได้ค่ะ

ทำไมต้อง Organic ด้วยคะ ??

เพราะในบางครั้งวัตถุดิบที่ได้จากพืช อาจจะมีสารฆ่าแมลง หรือ สารพิษ หรือพวก โลหะหนัก ปนเปื้อนตกค้างติดมาด้วย ถ้าปลูกแบบ Organic ก็จะมั่นใจได้ว่าสิ่งตกค้างพวกนี้ไม่มี ผิวเราก็จะได้รับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ค่ะ
ตัวออยล์เป็นออยล์สีเหลือง ความหนืดน้อย สัมผัสบางเบา นวดได้ง่ายสบาย กลิ่นจะเป็นแนวส้ม (Citrus) เด่น เจือด้วยกลิ่นหวานๆ และสมุนไพรบางๆค่ะ สามารถล้างน้ำเปล่าออกง่ายค่ะ สัมผัสหลังล้างจะค่อนข้างนุ่มผิว ไม่แห้งตึงค่ะ

ลองมาดูความสามารถในการล้างเมคอัพกันนะคะ

เริ่มจากละเลงเมคอัพลงไป จากนั้นก็ปั๊มออยล์ใส่ลงไป และก็นวดวนเบาๆ เวลาเราใช้ Cleansing oil นี้ เราไม่จำเป็นต้องไปนวดอะไรแรงมากมาย แค่ถูวนเบาๆ เพื่อช่วยให้การทำความสะอาดดีขึ้นค่ะ ในขณะที่เรานวดนี่ ก็จะช่วยการไหลเวียนของเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเรามีสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย สุดท้ายก็ไปล้างด้วยน้ำเปล่าค่ะ

 

 

ตัวนี้จะล้างน้ำออกได้ค่อนข้างง่ายนะคะ ในขณะล้าง ตัวน้ำมันจะไม่ได้กลายเป็นน้ำนม เหมือนพวก Milky cleansing oil นะคะ แต่จะละลายและไหลออกไปกับน้ำเลย และน่าจะมีน้ำมันบางส่วนช่วยบำรุงผิวไว้ด้วย เพราะผิวจะยังนุ่มอยู่ ไม่แห้งตึงค่ะ

มาดูส่วนผสมกันซักเล็กน้อย

สผส dtm

ส่วนผสมตรงนี้มี่ได้ทำสีไว้ให้นะคะ ส่วนสีม่วงคือน้ำมันจากพืช ตัวที่มี * ก็จะเป็นสารที่เป็น Organic ตามที่แบรนด์ Claim ค่ะ สีเขียวอ่อน คือ สารทำความสะอาด และสีฟ้าเป็นวิตามินอีค่ะ

ขอพูดถึงสารทำความสะอาดก่อนนะคะ เพราะเป็นหัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

ตัว Polyglyceryl-2 oleate นี้จัดอยู่ในกลุ่ม Polyglycerol ester ที่มีความอ่อนโยนสูง ไม่ระคายเคือง ไม่ทำปฏิกิริยากับโปรตีนบนผิว และเป็นชนิดที่สังเคราะห์ขึ้นจากธรรมชาติ โดยใช้ Glycerine และกรดไขมันค่ะ จึงมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง และยังมีสัมผัสหรือ feeling ที่ค่อนข้างดี นอกจากทำความสะอาดยังเป็น moisturizer ได้ในตัว

ส่วนสีม่วง เป็นส่วนของน้ำมันจากพืช ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดเลย ตั้งแต่ Avocado, งา, เมล็ดฟักทอง, มะพร้าว, Rose hips, Jojoba และ Evening primrose ทุกชนิดเป็นน้ำมัน Organic หมดค่ะ

ปกติแล้วน้ำมันจากพืชก็จะมีส่วนของกรดไขมัน ที่ช่วยทดแทนกรดไขมันให้แก่ผิว ฟื้นฟูและเป็นองค์ประกอบในการสร้าง Barrier ของผิว และยังมีพวกวิตามิน กับสารกลุ่ม Phytosterol ที่ช่วยลดการอักเสบของผิวได้ดีอีกด้วย

น้ำมันที่มีคุณค่าและน่ากล่าวถึง น่าจะเป็นน้ำมันจากเมล็ดฟักทอง เพราะสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5alpha-reductase ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ไปเป็น Dihydrotestosterone ซึ่งมีฤทธิ์แรง ทำให้เกิดสิว ผิวมัน พอไปยับยั้งก็จะช่วยบรรเทาอาการตรงนี้ได้ด้วย

ส่วนของสารแต่งกลิ่นเป็นน้ำมันหอมระเหยจาก Bergamot กับ ส้ม และ Lavender

เดี๋ยวค่อยให้คะแนนโดยรวมทีเดียวนะคะ

อีกตัวเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ค่ะ มีชื่อว่า Deep & true absolute organic facial moisturizer ค่ะ

dtm 1

ตัวนี้ก็ได้รับตราจาก Bio-agricert เช่นกัน แต่เป็นตรา Natural with organic cosmetics ค่ะ ซึ่งจะต่างกับตรา Organic cosmetics ตรงที่ปริมาณของสาร Organic ไม่ถึง 95% เหมือนตัว Organic cosmetics ซึ่งทางแบรนด์ใช้มาถึง 77.9% ค่ะ

คหสต.ของมี่คิดว่า เนื่องจากเบสเป็นเนื้อครีม การใช้แต่สาร Organic อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะขึ้นเนื้อครีมได้นะคะ

dtm 5

ในส่วนของเนื้อครีม จะมีสีเหลืองอ่อน อมเขียว น่าจะมาจากสีของวัตถุดิบ Vegetable oil ที่ใช้ค่ะ

dtm 2

เนื้อจะดูหนักนิดๆนะคะ เพราะวัตถุดิบธรรมชาติ มันจะไม่ได้มีเนื้อสวยเหมือนพวก Polymer สังเคราะห์และ Silicones หรอกค่ะ เกลี่ยง่าย ให้ความชุ่มชื้นค่อนข้างดีค่ะ กลิ่นหอมแนวสมุนไพรเย็นๆค่ะ

dtm 3

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส dtm.jpg

ส่วนผสมมี่ได้ทำแทบสีไว้ให้เช่นกันค่ะ โดยสีม่วงก็เป็นตัวน้ำมันจากพืช และสีฟ้าคือสารบำรุงที่เสริมเข้ามา

ขอกล่าวถึง Ferulic acid ซักหน่อย สารตัวนี้เป็นสารพฤกษเคมีบริสุทธิ์ที่พบในพืชหลายชนิด มีคุณค่า มีราคา มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดการอักเสบและช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB (Food Chem Toxicol. 2015;82:72-8.) ส่วนวิตามินอี ก็เป็น Antioxidant แต่น่าจะให้ผลปกป้องสารในผลิตภัณฑ์ไม่ให้เสื่อมสภาพ

ส่วนน้ำมันจากพืชที่ใช้ก็จะมี Jojoba, Argan, Avocado, Rosehips, Shea butter, Evening primrose, Olive, Sunflower, มะเขือเทศ และ Cranberry

ตัวที่ดูมีคุณค่ามีราคาสูง จะเป็นน้ำมันจากเมล็ดมะเขือเทศ และ Cranberry ค่ะ ซึ่งถือเป็น Rare plant oils ที่หายาก ได้มาอย่างยากลำบาก ขอกล่าวถึงซักเล็กน้อยค่ะ

– น้ำมันเมล็ด Cranberry มีส่วนประกอบของกรดไขมัน Linoleic ในปริมาณสูงถึง 50 – 60% ประกอบด้วยวิตามินอีชนิด tocopherols และ tocotrienols ในปริมาณสูง และมีสารในกลุ่ม phytosterols ในปริมาณสูงเช่นกัน ให้ผลเป็น Antioxidant ที่ดี และมีคุณสมบัติลดการอักเสบในผิว มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการสมานแผลในหนูทดลอง (Phytother Res. 2011;25(8):1201-8.)
– น้ำมันเมล็ดมะเขือเทศ มีส่วนประกอบของสารในกลุ่ม Carotenoids ชนิด Lutein, Lycopene และ Zeaxanthin และ Phytosterol ให้ผลเป็น Antioxidant ที่ดี และช่วยลดการอักเสบในผิว

อีกจุดที่อย่างกล่าวถึงคือ ความใส่ใจของแบรนด์ในการเลือกใช้สารทำครีม (Emusifier) ของผลิตภัณฑ์ เลือกใช้ชนิดที่ดัดแปลงมาจากน้ำมันมะกอก คือ Cetearyl olivate และ Sorbitan olivate จึงดูเป็นมิตร และดู Eco-friendly มากๆ

มาให้คะแนนกันในภาพรวม เนื่องจากส่วนผสมไม่ได้เยอะมาก เลยขอแบ่งเป็นคะแนนด้านส่วนผสมกับด้านการใช้งานนะคะ

1. ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ทั้งสองตัวมีความเป็น Natural และ Organic อยู่ค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้มาแต่แบบว่าธรรมชาติและจะไม่มีอะไรเลย มันมีอะไรบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ เช่น การเลือกใช้สารทำความสะอาดชนิดที่อ่อนโยน และเป็น Moisturizer ได้ในตัวอย่าง Polyglyceryl-2 oleate ส่วนของตัวครีมก็ยังมีการเลือกลูกเล่นโดยใช้ Ferulic acid ที่มีคุณค่ามีราคา ร่วมกับน้ำมันพืชหายากอย่าง น้ำมัน Cranberry และมะเขือเทศ สารอื่นๆที่ใช้ก็เป็นธรรมชาติเกือบทั้งหมด ไม่มีส่วนผสมของพวก Glycol, Silicones, Alcohol รวมไปถึง Parabens และสารที่อาจจะส่งผลเสียต่อผิวหนังและร่างกาย ก็เลยขอให้คะแนนด้านส่วนผสมไปเต็มๆที่ 5 ฟลาสก์
2. คะแนนด้านการใช้งาน ตัว Cleansing oil นั้นทำมาได้ค่อนข้างดี สามารถทำความสะอาดเมคอัพได้อย่างหมดจด ไม่เหนอะหนะหนักผิวจนเกินไป สามารถนวดล้าง Base makeup บนหน้าได้ และด้วยความที่เป็นออยล์จึงสามารถใช้เช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาได้ด้วย ส่วนของ Moisturizer แม้เนื้อจะดูไม่ค่อยสวยมากนัก แต่ด้วยความที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีพวก Silicone หรือ Polymer อะไรที่จะมาปรับเนื้อปรับ Feel ให้มันสวยงามเหมือนพวกสังเคราะห์ ก็เลยขอให้ 5 ฟลาสก์เช่นกันค่ะ

คะแนน dt

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Deep & true ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Deep & True ได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/deepandtrue และ
http://www.deepandtrue.com/index.php

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์หน้าสูตรธรรมชาติจากประเทศกรีซ Apivita express beauty

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์หน้าสูตรธรรมชาติจากประเทศกรีซ Apivita express beauty

วันนี้มี่เอามาสค์จากแบรนด์ Apivita ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากธรรมชาติแบรนด์ใหญ่แบรนด์หนึ่งของประเทศกรีซมาฝากกันค่ะ

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์เครื่องสำอางธรรมชาติ มีผลิตภัณฑ์อยู่หลายอย่างเหมือนกันค่ะ ตั้งแต่ Cleansing จนไปถึงบำรุง ซึ่งแบรนด์เองเคลมว่าใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างน้อยตั้งแต่ 85% ไปจนถึง 100% เลยทีเดียวค่ะ ที่สำคัญคือทางแบรนด์ยังเคลมอีกว่า ไม่ใส่ silicones, parabens, mineral oil, propylene glycol, polycyclic musks, nitromusks, phthalates รวมไปถึงสารอื่นๆที่มีผลเสียต่อสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ แบรนด์นี้มีวางจำหน่ายในห้างสรรพศินค้าชั้นนำหลายประเทศ เช่น กรีซ สเปน ออสเตรเลีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อเมริกา เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และในอีกหลายประเทศ

กลับมาที่ตัวมาสค์ของเราค่ะ

ตัวมาสค์จะทำมาในรูปแบบซองๆ กล่องหนึ่งมีอยู่ 12 ซอง ซองละ 8 ml นะคะ

ตัวที่มี่ได้มาเป็นมาสค์หน้า 5 สูตร และมาสค์ใต้ตา 1 สูตรนะคะ

มาดูโฉมหน้ากันนิดนึง

api 1

เริ่มกันที่มาสค์หน้านะคะ

สูตรองุ่น: เน้นไปที่ด้านการลดริ้วรอย และยกกระชับ ในส่วนผสมมีการเสริมสารที่มีมูลค่า ในตระกูล Lipoaminoacid อย่าง Dipalmitoyl hydroxyproline ที่ให้ผลดีด้านการยกกระชับ และลดริ้วรอยด้วย

สูตรส้ม: เน้นไปที่ความกระจ่างใส Glow and Radiance

สูตร Pink Clay: เน้นเรื่องการ Detox และ ทำความสะอาดอย่างล้ำลึกถึงรูขุมขน ด้วยส่วนผสม Clay ที่ให้ผลดูดซับสารพิษ

สูตรทับทิม: เน้นการฟื้นฟูและปรับสภาพผิวเพื่อความกระจ่างใส

สูตร Sea lavender: เน้นเติมน้ำและลดการอักเสบในผิว

มาสค์ในแบรนด์นี้จะทำเป็นมาสค์แบบล้างออก หรือ Wash-off mask นะคะ ทาหนาๆ ทิ้งไว้ประมา 10 นาที ก่อนไปล้างออกค่ะ

ส่วนมาสค์รอบตา จริงๆทางแบรนด์ก็มีหลายสูตรค่ะ

ส่วนตัวที่มี่ได้มาเป็น สูตรแปะก๊วย ที่ว่ากันว่าให้ผลดีเรื่องรอยคล้ำ และรอยบวมใต้ตาเลยหล่ะค่ะ

ทั้งนี้เพราะสารสกัดจากใบแปะก๊วยนั้น นอกจากเป็น Antioxidant ให้ผลชะลอวัย ชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่แล้ว สารยังมีผลช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด จึงมีผลลดรอยคล้ำและรอยบวมใต้ตาได้ด้วยค่ะ

และยังเสริมด้วยสารกลุ่ม Flavonoid ที่มีมูลค่าอย่าง Escin ที่ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ตาไม่คล้ำง่าย และมีสาร Lipoamino acid ด้วยเช่นเดียวกัน

ในส่วนของเนื้อ ก็จะเป็นเนื้อครีม มีความหนืดค่อนข้างสูง กลิ่นหอมอ่อนๆดูเป็นธรรมชาติ เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย จะเคลือบผิวไว้ให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Occlusive effect ที่มีผลผลักวิตามินและสารบำรุงอื่นๆเข้าสู่ผิวค่ะ

หลังจากครบเวลาก็ไปล้างออก มาสค์นี้เราสามารถล้างด้วยน้ำเปล่าอุ่นๆ ได้เลยค่ะ เพราะนางล้างออกง่ายมาก หลังล้างผิวจะค่อนข้างนุ่มและชุ่มชื้น เหมือนมาสค์ตามคลินิกเสริมความงาม หรือพวกสปาเลยหล่ะ

 

เนื้อมาสค์จะค่อนข้างคล้ายๆกันนะคะ จะมีก็สูตร Pink clay ที่ให้สัมผัสที่ต่างออกไป

สำหรับสูตร Pink clay เนื้อจะประมาณ Clay mask โคลนพอกหน้าค่ะ

เป็นโคลนที่บางเบา และเกลี่ยง่ายสุดตั้งแต่ใช้ Clay mask มา

api pink clay

ส่วนผสมหลักของมาสค์จะค่อนข้างคล้ายกันนะคะ ตัวที่มี่ยกมาเป็นตัวแทนในการวิเคราะห์ คือ มาสค์หน้าสูตรทับทิม

ส่วนผสมค่ะ

สผส มาสค์ทับทิม

แบรนด์ Apivita นั้นจัดเป็นเครื่องสำอางธรรมชาติ เน้นไปที่กลุ่มของพืชที่ได้จากการปลูกแบบออร์แกนิก เป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ อย่างน้ำชาที่เขาใส่ก็เป็นน้ำที่ชงจากใบชาที่ปลูกแบบออร์แกนิกนะคะ เอามาใช้แทนน้ำส่วนที่เป็น Base หรือ Vehicle เลยทีเดียว ซึ่งน้ำชาเองนอกจากสารในกลุ่มแทนนินที่มีประโยชน์ต่อผิวหนังแล้ว ยังมีสาร antioxidant อยู่ด้วยค่ะ

จากส่วนผสมมี่ได้ทำแถบสีไว้ให้นะคะ สีเขียว จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงผิว หรือ Active ingredients นะคะ ซึ่งก็มีหลายตัวเลย ได้แก่
1. กลุ่มวิตามิน ที่มีในส่วนผสมจะมีทั้ง วิตามินเอ ซี อี และบี 5 ซึ่งให้ผลโดยรวมกับผิวได้ค่อนข้างรอบด้าน ตั้งแต่ด้านชุ่มชื้น ลดอักเสบ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ไปจนถึงด้านริ้วรอยและผิวขาว
2. กลุ่มน้ำตาล ได้แก่ Sorbitol, Mannitol และน้ำผึ้ง ที่ให้ผลเรื่องความชุ่มชื้นเป็นหลัก
3. กลุ่มสารสกัด สำหรับสูตรทับทิมนั้นก็จะมีชาเขียว และ ทับทิม ซึ่งให้ผลด้านการชะลอวัย ป้องกันริ้วรอยใหม่และลดริ้วรอยเก่า รวมถึงมีสารในกลุ่มแทนนิน ที่ให้ผลเรื่องกระชับรูขุมขนได้ด้วย

สีน้ำตาลเป็นกลุ่มของน้ำมันตามธรรมชาติที่คืนไขมันทดแทนให้แก่ผิวเพื่อเพิ่มส่งเสริมให้ผิวเรากักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น

สารองค์ประกอบอื่นๆที่ใช้ก็เป็นมิตรทั้งกับผิวหนังและสิ่งแวดล้อมทุกตัว

และสารบางตัวเองก็มีประโยชน์เสริมให้กับผิวได้อีก

ถึงเวลาให้คะแนนกันแล้วค่ะ
1. สารบำรุง หรือ Active ingredients

แต่ละสูตรจะมีส่วนผสมของสารบำรุงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางสูตรก็ใช้วัตถุดิบที่ดูโดดเด่นและดูมีคุณค่า ส่วนบางสูตรก็เน้นไปที่ธรรมชาติ มาด้วยสารสกัดจากพืช Organic ล้วนๆ เรียกได้ว่า อยากดูแลผิวด้านไหนก็เลือกสูตรนั้นกันไปเลย แต่สิ่งที่อยากบอกก็คือว่า ในสูตรๆหนึ่ง ไม่ได้ให้ผลด้านการบำรุงแค่อย่างเดียวนะคะ แต่ให้ผลหลายๆด้านไปพร้อมกัน อย่างสูตรทับทิมที่มี่ยกมาให้ดู เรียกได้ว่าบำรุงกันครอบจักรวาลไปเลยค่ะ ในจุดนี้ก็ไม่มีอะไรให้หักคะแนนค่ะ

2. เนื้อหลัก หรือ Base เป็นรูปแบบครีมที่ให้ผลเคลือบผิวได้ดี สร้างสภาวะที่เรียกว่า Occlusive ได้เยอะ เมื่อเกิดภาวะ Occlusive ผิวเราจะมีความชื้นเพิ่มสูงขึ้น ทำให้การทำงานต่างๆในผิวดีขึ้น ที่สำคัญคือไม่มี Alcohol และ Silicone เลยค่ะ ขอให้ 5 ฟลาสก์

3. สารปรุงแต่ง หรือ Additives มีส่วนผสมของพวกสารทำเนื้อครีม (Emulsifier) สารเพิ่มความหนืด สารก่อฟิล์มบนผิว สารกันเสีย สารแต่งกลิ่น และเม็ดสีเท่านั้น ทุกตัวไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิว เลยไม่รู้จะหักคะแนนอะไร จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบสัมผัสของเนื้อครีม เพราะกลิ่นค่อนข้างละมุน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เวลามาสค์ถ้าเอาไปแช่เย็นก่อนแล้วค่อยมาละเลงบนหน้า ลงไปนอนบนเตียงนุ่มๆ หลับตาพักซักแป๊บนึง เรียกได้ว่าหายเหนื่อยเลยหล่ะ พอไปล้างออกก็จะได้สัมผัสที่นุ่ม เนียน และผิวดูเรียบละเอียดขึ้น ถ้าใช้กลางคืน เช้ามาก็จะลากรองพื้นได้เนียนมากขึ้น ไม่เป็นเส้นและไม่ทิ้งคราบค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์[/left]

คะแนน

สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณทางเพจ Skin dip ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆจากแบรนด์ Apivita มาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเพจ Skin dip โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/Skin-Dip-267169553621403

หรือ

IG: skin.dip

LineID: s.matika

 
Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางเพจ Skin dip