Miyeon’s Shopping Guide: มียอนชวนชอปสกินแคร์ Holika Holika

Miyeon’s Shopping Guide: มียอนชวนชอปสกินแคร์ Holika Holika

วันนี้มาแชร์ชวนชอปสกินแคร์ และเมคอัพของแบรนด์ Holika Holika ให้ได้ชมกันค่ะ

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ในเครือบริษัท Enprani บริษัทน้องใหม่ที่พึ่งกำเนิดมาในช่วงปีค.ศ. 2000 มีคอนเซปท์เกี่ยวกับ “Young and healthy skin” เนื่องจากข้อมูลของบริษัทเป็นภาษาเกาหลีจึงไม่สามารถสืบค้นรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดยเครื่องสำอางของบริษัทนี้มีการเติบโตและขยายสาขาไปยังไต้หวันได้อย่างรวดเร็ว
บริษัทนี้มีแบรนด์ยอดนิยมอยู่ภายใต้จำนวน 2 แบรนด์ ได้แก่ Enprani และ Holika Holika

โดยแบรนด์ Holika Holika เป็นแบรนด์ที่เจาะกลุ่มวัยสาวแรกรุ่นด้วยคอนเซปท์สีม่วงที่ดูเล้นรับและใช้ความหมายในแนวแฟนตาซี มีแม่มดเป็นสื่อกลางค่ะ

ตอนมี่ไปเกาหลีเองก็ได้เข้าสาขาของร้านนี้หลายสาขาอยู่ค่ะ แต่ละสาขาจะมีโปรโมชั่น และการขอ Tax free ได้แตกต่างกันนะคะ

10325193_10202278541065118_416973565497716173_n

(รูปนี้ถ่ายมาเองค่ะเมื่อมิย 57)

 

สินค้าของแบรนด์ก็จะมาใน Package น่ารักกรุบกริบ

 

holika 1

 

holika 2

 

สินค้าของ Holika Holika ที่มี่มีประจำบ้านก็จะมีอยู่ 4 ตัวนี้นะคะ

 

holika miyoen

จะเป็นตัว Aloe 99% soothing gel ลูกรักประจำบ้าน ตัวนี้มีปัญหาเรื่องการหาพรี เพราะของมันหนัก และราคามันถูก ไม่มีใครเค้าอยากรับพรีให้ค่ะ ถ้าไม่หิ้วเองก็ต้อง Korea depart ละมาลุ้นภาษี (ที่โคตรแพง) กันอีกที

ตัวนี้ลงทุนนั่งแปลส่วนผสมเอง และรีวิวไปฝากไว้บนจีบันค่ะ

 

http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=199755

 

เผื่อใครขี้เกียจไปตาม ดูส่วนผสมได้ตรงนี้นะคะ

 

คะแนนก็เป็นดังนี้ค่ะ

คะแนน aloe

ที่ไม่ให้คะแนน Base เพราะมันไม่มี Base นะคะ เค้าใส่ Aloe มาเป็น Base เลยค่ะ

 

อีกสองตัวมาจาก Line Skin and Good cera เป็นครีม กับ Toner ค่ะ

ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่า Toner แต่ความมันนี่ค่อนข้างมากเลยทีเดียวค่ะ ใช้ฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรงเช่นกัน

good cera

 

อีกตัวนึงที่ขาดไม่ได้ก็ Pore pack ค่ะ ข้างในเป็นสีชมพู ติดได้แนบสนิท ลอกไม่เจ็บ สิวเสี้ยนออกดีมาก ก็เลยเป็นลูกรักไปอย่างง่ายดาย

 

ต่อมามาดู Shopping guide ของมี่บ้างนะคะ

 

มีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจมากเลยค่ะ เช่น

 

Cushion collection Dodo Cat  ที่ออกมาใหม่ จะมีสองสีในตัวนะคะ ส่วนที่เป็นอุ้งเท้าน้องเหมียวสีขาวนั้นจะทำหน้าที่เป็น Highlighter ที่เพิ่มความ Glow ได้ในตัวค่ะ

 

visual_01

 

มาสค์หน้ารูปสัตว์ที่โดดเด่นกว่าด้วย คุณสมบัติเเผ่นมาสค์เปลี่ยนสีได้

20013056

 

เก๋ไหมละ ถ้าสีเปลี่ยน ก็คือ การมาสค์หน้าเสร็จสมบูรณ์ ถอดออกได้เลย

(เรียกสวยๆแบบวิทย์ๆว่า เป็น Indicator ของการมาสค์)

 

อีกชิ้นที่น่าเล่นก็จะเป็น Mascara ของแบรนด์ที่โด่งดังเช่นกันค่ะ

 

mascara

 

จริงๆของแบรนด์ก็มีอีกหลายอย่างนะคะที่น่าเล่น

 

สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ก่อนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบค่ะ สวัสดีค่ะ

 

Review Holika Holika Aloe 99% soothing gel

Review Holika Holika Aloe 99% soothing gel

วันนี้มี่เอา Aloe gel 99% ตัวหนึ่งมารีวิวให้ชมกันค่ะ

Aloe ตัวนี้มี่ไปเจอที่เกาหลี ตอนไปเที่ยวเมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้วพอดีเลยค่ะ ก็ไม่ได้อะไรมาก เห็นขวดมันสวยดีเลยซื้อมาค่ะ

ราคาที่เกาหลีอยู่ที่ 5900 วอน/250 ml ประมาณสองร้อยบาท ตก ml ละไม่ถึงบาท คุ้มมากๆ

หลังจากนั้นก็พรีออร์เดอร์มาใช้เรื่อยๆ จนตอนนี้ย่างเข้าหลอดที่สามแล้วค่ะ

นางมีชื่อว่า Aloe 99% Soothing gel ของ Holika Holika

มี่เรียกย่อๆเอง ว่า Aloe 99

เคยจัดอันดับตัวนี้เป็น Miyeon’s favorites 2014 ด้วยค่ะ ( Link: The best of 2014)

มาดูแพคเกจก่อนดีกว่าค่ะ

aloe 1-re

แพคเกจเป็นรูปใบว่านหางจรเข้ น่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง

สังเกตคำว่า “Holika Holika” ด้วยนะคะ

เมื่อประมาณปลายปี ไปเดินเล่นที่ร้านเครื่องสำอางสีชมพู ที่ห้างหนึ่งเชียงใหม่ ไปสะดุดกับขวดแบบนี้เข้า เกือบสอยละนะคะ ดีนะ ที่อ่านทัน แม่เจ้า นางเป็น Helika ค่ะ เกือบไปแล้ว

แต่แอบพลิกดูส่วนผสมนาง ก็ดูโอเคนะคะ เพียงแต่ ไม่รู้สินะ จะได้เฮ หรือเปล่า

ดูชื่อกันดีๆนะคะสาวๆ

ลองมาดูเนื้อสัมผัสดีกว่าค่ะ นางจะเป็นเจลยืดๆ เหมือนเมือกๆ ใสๆ กลิ่นคล้ายๆแตงกวา ทราบมาทีหลังว่าเป็นสารแต่งกลิ่น ก็แอบเสียใจนิดนึง แต่ก็ไม่เป็นไร ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ

aloe 5-re

มันจะลื่น เกลี่ยค่อนข้างง่าย แต่แห้งช้านิดนึง แล้วจะรู้สึกหนึบๆ บนผิวอยู่บ้างค่ะ

จะพยายามถ่ายความชุ่มของมันให้เห็น แต่มันไม่ติด เลยสาดแฟลชใส่ ทีนี้ชัดเลยค่ะ แฉะเชียว

aloe 3-re-horz

ซักประมาณ 3-5 นาทีก็จะแห้งสนิทค่ะ

ถ้าอยากฟินกว่านั้น บีบใส่ถ้วยเล็กๆ แล้วแช่ตู้เย็นไว้ แล้วเอามาโปะบนหน้า แล้วเอาผ้าก๊อซ หรือสำลี หรือแผ่นมาสค์ชีทเปล่าๆ แปะทับกลายเป็นมาสค์อโล จะฟินมากค่ะ

เวลาทำงานมาเหนื่อยๆ แปะเสร็จแล้วไปนอน เปิดเพลงเบาๆ หายเป็นปลิดทิ้งเชียวค่ะ

ดูกันมาเยอะ มาดูคำโปรยของผลิตภัณฑ์ดีกว่านะคะ

ตัวนี้ที่ Official Canada website ของ Holika Holika บอกว่า

“99 % fermented aloe vera leaf juice is contained.

  • Fermented contents maximize the effect of activating components like aloesin. So it helps your skin to be clear & healthy”

เค้าบอกว่าเค้าเอา Aloe ไปหมัก ทำให้สารออกฤทธิ์ดีขึ้น

อันนี้จริงไหม จริงค่ะ การหมัก จุลินทรีย์จะไปทำให้เกิดกระบวนการ Bio-conversion เปลี่ยนแปลงสารต่างๆของพืช ส่วนใหญ่ก็จะมีฤทธิ์เพิ่มขึ้นค่ะ

คุณสมบัติของ Aloe ที่มีรายงานการวิจัยสนับสนุนแล้วก็ได้แก่ Whitening, ลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้นค่ะ

ลองมาดูส่วนผสมดีกว่าค่ะ

ตัวนี้ส่วนผสมเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมดเลย

ตัวมี่กำลังหัดสะกดฮันกึล (อักษรภาษาเกาหลี) ได้ซักพักแล้วค่ะ เลยลองแกะดู ก็พอจะได้ข้อมูลดังรูปนี้ค่ะ

aloe สผส

ปกติเราจะแบ่งสารส่วนผสมในเครื่องสำอางเป็น 3 กลุ่ม ค่ะ
1. Actives หรือ สารออกฤทธิ์ เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
2. Base หรือ ส่วนเนื้อของผลิตภัณฑ์ เป็นตัวอุ้มและเก็บสารออกฤทธิ์ไว้
3. Additives หรือ ส่วนของสารเติมแต่ง เป็นตัวเติมแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย เช่น พวกสารกันเสีย พวกน้ำหอม พวกซิลิโคน ตัวเพิ่มความหนืด ฯลฯ

ลองมาไล่ไปทีละตัวเลยดีกว่า

คุณสมบัติสารแต่ละตัวแยกตามหน้าที่
1.Actives ได้แก่
– สารสกัดจากว่านหางจรเข้ (Aloe vera extract) ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น การลดการระคายเคือง ช่วยให้ความรู้สึกสบายผิว
– สารสกัดจากดอกบัว ช่วยเรื่องริ้วรอย
– สารสกัดจากบัวบก ช่วยเรื่องริ้วรอย การสมานแผล ลดการเกิดแผลเป็น
– สารสกัดจากไผ่ ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น
– สารสกัดจากแตงกวา ใบข้าวโพด ใบกะหล่ำปลี แตงโม ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นเช่นกัน

2.Base ไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำอโล

3.Additives มีอยู่ไม่กี่อย่าง ได้แก่
3.1 emulsifier PEG-60 Hydrogenated castor oil ช่วยเรื่องช่วยให้ผลิตภัณฑ์ใส
3.2 สารเพิ่มความหนืด ได้แก่ Sodium polyacrylate กับ Carbomer
3.3 สารปรับ pH ได้แก่ Triethanolamine
3.4 preservative ได้แก่ Phenoxyethanol
3.5 สารแต่งกลิ่น

แล้วก็เกิดคำถาม เมื่อใช้ Aloe ไป 99% แล้วที่เหลือนี่ มันอัดกันเข้ามาได้ขนาดนี้เลยหรือ Carbomer กว่าจะหนืดได้ก็ 0.2-0.3% เข้าไปละ Phenoxyethanol ก็ควรใส่อย่างน้อย 0.5% ที่เหลือคงเป็นสารสกัด อย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะเนาะ

คะแนน
1. Actives มีอยู่หลายตัว ให้ผลประโยชน์กับผิวรอบด้าน โดยเน้นหนักไปที่ผลการให้ความชุ่มชื้น และการลดการระคายเคืองของผิว ขอให้ 5 ฟลาสก์
2. Base ไม่มี เลยไม่ขอให้คะแนน
3. Additives มีอยู่หลายชนิดเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร และก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร และก็ไม่เคยหักคะแนนน้ำหอมในผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ไม่ใช่พวกครีมทาใต้ตามาก่อน ก็เลยให้ไป 5 ฟลาสก์
4. การใช้งาน ตามที่ได้บรรยายสรรพคุณไปแล้วในหลายๆกระทู้ จึงขอให้ 5 ฟลาสก์ค่ะ

คะแนน aloe

สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ค่ะ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนจบนะคะ

เอาไปใช้ทาผิวไหม้แดดหลังสงกรานต์ได้เลยแหละ

See you again~

[Beauty Talks] Toner Myths Part 2

[Beauty Talks] Toner Myths Part 2

วันนี้เอาโทนเนอร์ในท้องตลาดมาวิเคราะห์แบบสรุปๆ เป็นกรณีศึกษาเพื่อนำไปใช้ประยุกต์เลือกโทนเนอร์ที่เหมาะสมกับผิวเราค่ะ

 

โฉมหน้าของ Case ในวันนี้ มีดังนี้ค่ะ

toner รวมดาว

 

 

เรียงจากซ้ายไปขวานะคะ

1. Toner กระชับรูขุมขนจากแบรนด์ T

2. Toner Ceramide จากแบรนด์ H

3. Toner ลดริ้วรอยจากแบรนด์ S

4. Peeling toner จากแบรนด์ I

5. Moisture toner จากแบรนด์ P

 

มาดูทีละตัวเลยนะคะ

โทนเนอร์ตัวที่ 1: โทนเนอร์กระชับรูขุมขนจากแบรนด์ T สูตร Original

thayer

ส่วนผสม

Purified Water, SD Alcohol 40-B (Natural Grain) 10%, Aloe Barbadensis Leaf Juice (Certified Organic Filet of Aloe Vera), Hamamelis Virgiana Extract (made from Certified Organic Witch Hazel), Glycerin (Vegetable), Fragrance (Natural Witch Hazel), Citrus Grandis (Grapefruit) Seed Extract, Citric Acid

 

บางที่เค้าจะล่อลวงเราด้วยคำว่า Organic, Natural แต่ความจริงก็ไม่ใช่ว่า ของที่มันไม่ Organic มันจะเป็นอันตรายกับผิวไปเสมอ ดูไปดูมาพวกสารที่ไม่ใช่ Organic มีคุณสมบัติบำรุงผิวดีกว่า มีสัมผัสสวยกว่าอีก

 

โทนเนอร์สูตรนี้มีสารสกัดจาก Witch hazel กับ ว่านหางจรเข้ ซึ่งดูเผินๆก็เหมือนจะดี ให้ผลกระชับรูขุมขน พร้อมกับเติมน้ำให้ผิวในเวลาเดียวกัน มาติดตรงส่วนประกอบของ Alcohol ซึ่งถ้าใครมีผิวมันได้ใช้คงโอเค เพราะ Alcohol จะช่วยชะเอาไขมันที่อุดตันในรูขุมขนออกมาข้างนอก ช่วยให้ผิวเรานุ่มสบายขึ้นด้วย แต่ถ้าใครผิวแห้ง มาเช็ดบ่อยๆก็คงไม่น่าจะเหมาะสมเท่าไหร่

 

โทนเนอร์ตัวที่ 2: โทนเนอร์ Ceramide จากกแบรนด์ H

holika

ส่วนผสม:

water, butylene, glycol, betaine, glycerin, glyceryl acrylate/acrylic acid copolymer, propylene glycol, dimethicone, dimethicone/vinyl dimethicone crosspolymer, peg-20 sorbitan cocoate, gylcosyl trehalose, hydrogenated starch hydroylsate, diphenylsiloxy phenyltrimethicone, triethylhexanoin, polyglyceryl-10 myristate, polyouaternium-51, glyceryl polymethacrylate, aleuritic acid, yeast extract, glycoproteins, dipotassium glycyrrhizinate, panthenol, cetearyl alcohol, gylceryl stearate, stearic acid, ethylhexyl isononanoate, phytosteryl/isostearyl/cetyl/stearyl/behenyl dimer dilinoleate, cetearyl glucoside, hydroxypropyl bispalmitamide mea, glycine soja (soybean) sterols, meadowfoam estolide, ceramide 3, hydrogenated polydecene, butyrospermum parkii (shea) butter, ceteareth-20, glyceryl citrate/lactate/linoleate/oleate, glycosphingolipids, ceramide 6 ii, eruca sativa leaf extract, sodium hyaluronate, xanthan gum, acrylates/c10-30 alkyl acrylate crosspolymer, peg-60 hydrogenated castor oil, caramel, disodium edta, tromethamine, citrus aurantium, bergamia (bergamot) fruit oil, fragrance, phenoxyethanol, caprylhydroxamic acid, caprylyl glycol

 

จากส่วนผสมนี้จะเห็นได้ว่า มีน้ำมันอยู่เป็นองค์ประกอบด้วย ซึ่งก็เป็นน้ำมันพืชดีๆ หลายชนิด รวมไปถึง Ceramides ซึ่งให้ผลทดแทนไขมันในผิว เสริมสร้าง Barrier function มีสารลดการระคายเคือง ลดการอักเสบในผิวด้วย ส่วนผสมที่มีน้ำมันน่าจะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งมากกว่า แต่ถ้าเป็นคนที่มีผิวมันมากๆ การมาใช้อันนี้ทุกวันๆ ก็น่าจะไม่ได้ตอบโจทย์อะไร

 

โทนเนอร์ตัวที่ 3: โทนเนอร์ลดริ้วรอยจากแบรนด์ S

 

sulwashoo

ส่วนผสม:

PINUS SYLVESTRIS BARK EXTRACT, ARTEMISIA VULGARIS EXTRACT, ANGELICA ACUTILOBA ROOT EXTRACT, CNIDIUM OFFICINALE ROOT EXTRACT, BUTYLENE GLYCOL, DICAPRYLYL CARBONATE, CETEARETH-12, CETYL ETHYLHEXANOATE, GLYCERYL STEARATE, CAMELLIA SINENSIS LEAF EXTRACT, PAEONIA ALBIFLORA ROOT EXTRACT, NELUMBO NUCIFERA SEED EXTRACT, POLYGONATUM OFFICINALE RHIZOME/ROOT EXTRACT, LILIUM TIGRINUM FLOWER/LEAF/STEM EXTRACT, REHMANNIA GLUTINOSA ROOT EXTRACT, CHRYSANTHEMUM MORIFOLIUM FLOWER EXTRACT, PAEONIA SUFFRUTICOSA ROOT EXTRACT, CITRUS UNSHIU PEEL EXTRACT, ADENOPHORA STRICTA ROOT EXTRACT, LYCIUM CHINENSE ROOT EXTRACT, COIX LACRYMA-JOBI MA-YUEN SEED EXTRACT, ANGELICA TENUISSIMA ROOT EXTRACT, HONEY, HYDROLYZED GINSENG SAPONINS (ENZYME-TREATED RED GINSENG SAPONINS), PINUS SYLVESTRIS LEAF EXTRACT, GLYCYRRHIZA URALENSIS (LICORICE) ROOT EXTRACT, OPHIOPOGON JAPONICUS ROOT EXTRACT, PANAX GINSENG ROOT EXTRACT, OLDENLANDIA DIFFUSA EXTRACT, PRUNUS MUME FRUIT EXTRACT, ROSA MULTIFLORA FRUIT EXTRACT, CHAENOMELES SINENSIS FRUIT EXTRACT, PINUS KORAIENSIS SEED EXTRACT, SESAMUM INDICUM (SESAME) SEED EXTRACT, PERILLA OCYMOIDES SEED EXTRACT, BETA-GLUCAN, LIMNANTHES ALBA (MEADOWFOAM) SEED OIL, CETEARETH-20, DIMETHICONE, WATER, CETEARYL ALCOHOL, CETYL PALMITATE, TOCOPHERYL ACETATE, METHOXY PEG-114/POLYEPSILON CAPROLACTONE, GLYCERIN, PROPANEDIOL, POTASSIUM CARBOMER, DISODIUM EDTA, PHENOXYETHANOL, FRAGRANCE

 

จากส่วนผสมจะเห็นว่าเต็มไปด้วยสารสกัดพืชหลายๆชนิด ซึ่งเป็น Signature ของแบรนด์นี้เลย ในส่วนผสมมีสารดูดน้ำดีๆหลายตัว แต่ก็มีน้ำมันปนมาด้วยเหมือนกัน ดังนั้นถ้าใครที่ผิวแห้ง หรือผิวธรรมดามาใช้ ก็น่าจะตอบโจทย์ แต่ถ้าคนที่ผิวมันมากๆมาใช้ก็อาจจะเหนอะหนะและหนักผิวเกินไป

 

โทนเนอร์ตัวที่ 4: Peeling toner จากแบรนด์ I

itsskin

 

ส่วนผสม:

WATER, ALCOHOL DENAT., HAMAMELIS VIRGINIANA (WITCH HAZEL) WATER, GLYCERETH-26, PORTULACA OLERACEA EXTRACT, LACTOBACILLUS FERMENT, SACCHAROMYCES FERMENT FILTRATE, METHYLPARABEN, SALIX NIGRA (WILLOW) BARK EXTRACT, FRAGRANCE, PEG-40 HYDROGENATED CASTOR OIL, PPG-26-BUTETH-26, TRISODIUM PHOSPHATE, POTASSIUM PHOSPHATE, BENZOPHENONE-4, SALICYLIC ACID, DISODIUM EDTA

 

จากส่วนผสม ก็จะมี Witch hazel ช่วยกระชับรูขุมขน สารสกัด Portulaca กับยีสต์ Saccharomyces Ferment filtrate ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น และให้ความรู้สึกสบายผิว ส่วน Peeling ที่ว่า มาจาก สารสกัดจาก Willow bark ซึ่งมี Salicylic acid ตามธรรมชาติ กับ Salicylic acid ที่ใส่เพิ่มมา และ Lactobacilus ferment ซึ่งให้ Lactic acid เป็นองค์ประกอบหลัก แต่การออกฤทธิ์ของพวกนี้ขึ้นกับค่า pH ด้วย ถ้า pH อยู่ที่ราวๆ 4 สูตรนี้คงไม่เหมาะแน่ๆ ถ้าจะเอามาใช้ทุกวัน แต่ถ้าเอามาใช้อาทิตย์ละ 1 – 2 ครั้งน่าจะโอเคอยู่ แต่ว่ามี Alcohol ซึ่งบางคนอาจจะทนไม่ไหวก็ได้

 

โทนเนอร์ตัวที่ 5: Moisturizer toner จากแบรนด์ P

 

พอลล่า

ส่วนผสม

Water, Glycerin, Superoxide Dismutase, Camellia Sinensis (Green Tea) Leaf Extract, Epilobium Angustifolium (Willow Herb) Extract, Vitis Vinifera (Grape) Seed Extract, Sodium PCA, Creatine, Lecithin, Phospholipids, Linoleic Acid, Sodium PEG-7 Olive Oil Carboxylate, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Tocopheryl Acetate, Butylene Glycol, Panthenol, Allantoin, Polysorbate-20, PEG-4, Hydroxyethylcellulose, Phenoxyethanol

 

จากส่วนผสมจะเห็นว่ามีสารสกัดและสารออกฤทธิ์ที่เป็น antioxidant ดีๆอย่าง Superoxide dismutase กับชาเขียว แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันจะออกฤทธิ์ได้จริงหรือเปล่า เพราะมันเป็นกลุ่ม Enzyme ซึ่งความคงตัวค่อนข้างต่ำ สูตรนี้มีน้ำมันด้วย แต่ไม่มากนัก ไม่มีแอลกฮอล์ จึงน่าจะใช้ได้กับทุกสภาพผิว

 

จะเห็นว่า ทุกๆโทนเนอร์ก็มีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง ถ้าเราเลือกประเภทที่เหมาะสมกับผิวเรา เราก็สามารถใช้ได้ แล้วให้ประโยชน์บำรุงผิวด้วยค่ะ

 

แต่ถ้าวันดีคืนดีเราใช้อะไรแล้วรู้สึกหนัก ไม่สบายผิว หรือร้อนๆ วูบวาบ ก็ลองพิจารณาหยุดดีกว่านะคะ อาจจะเป็นสัญญานเตือนว่า ผิวไม่ชอบ ก็ได้

 

สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนจบค่ะ

[MiiYeon’s NewBies]~My new items for 2015

[MiiYeon’s NewBies]~My new items for 2015

ปีใหม่ เราก็ต้องซื้อของใหม่เข้าบ้าน

ก็เลยได้ฤกษ์ลองของใหม่ๆ หลายๆอย่างเลยค่ะ

new 1

เริ่มด้วย

1. Cleansing water จาก Nature republic อันนี้เห็นสาวเกาหลีรีวิวความอลังของนางไว้ เลยจัดมาลองบ้างค่ะ แต่ ณ วันนี้ยังไม่ได้ลองเลย รอลูกรักอันเก่าหมดก่อน

2. Holika Holika wine therapy sleeping pack สูคร Red wine จริงๆอันนี้ซื้อมาผิด เคยลองเทสเตอร์ไป แต่ไม่รู้ว่ามัน red หรือ White เลยลองสั่ง Red มา แทบกรี๊ดค่ะ ผิดอันกับเทสเตอร์ที่เคยใช้

3. Etude house my castle
ครีมทามือรูปบ้านน่ารักๆ เคยเห็นคุณส้มรีวิวไว้เลยอยากได้บ้าง มี่เลือกมาสองกลิ่นค่ะ เป็นกลิ่นกุหลาบ กับ คุกกี้ เพราะชอบกลิ่นแนวๆประเภทนี้อยู่

new 2

ซื้อมาเพราะแพคเกจน่ารัก เท่านั้นเลยจริงๆ – -*

แต่ยังไม่ได้ลองใช้นะคะ รอ It’s Skin Cookie and Hand cream หมดก่อน

4. มาสก์ลอกเท้าจาก Nature republic

อันนี้เห็นรีวิวในพันทิป เลยอยากลองมั่ง แต่จนวันนี้ยังไม่กล้าลองเลยค่ะ กลัว

5. มาสก์บำรุงเท้าจาก Innisfree

กะว่าหลังจากเท้าลอก จะเอาอันนี้มาบำรุงต่อ

6. ลิปมัน I want chu จาก Holika Holika

อันนี้ซื้อมาด้วยความน่ารักกุ๊บกิ๊บ คือ คอนเซปท์ของนางจะประมาณว่า ให้ผู้ชายทากลิ่นหนึ่ง ผู้หญิงทาอีกกลิ่นนึง ละเวลาจุ๊บกัน จะได้เป็นรสชาดใหม่ๆ ค่ะ

ซื้อมาไปอย่างนั้นหละ ด้วยความน่ารัก ไอเดียบรรเจิดของมัน จริงๆมี่ยังไม่มีคู่ค่าา 55555

7. แผ่นลอกสิวเสี้ยน Pig nose ของ Holika Holika

ตัวนี้เคยไปหิ้วมาเองจากเกาหลี อันนี้ด้วยความชอบกลิ่นล้วนๆเลยค่ะ ประสิทธิภาพยังสู้บีโอเร สูตรสีดำไม่ได้ แต่ก็น่าจะดีที่สุดในบรรดาพอร์แพคของเกาหลีละค่ะ

จบกลุ่มพรีออร์เดอร์ ต่อไปเป็นสินค้าลดราคาในร้าน Karmarts บ้างค่ะ

new 3

เห็นนางติดป้ายหน้าร้านใหญ่โตว่าลดราคาปีใหม่ ทำไงได้ อำนาจต้านทานการลดราคาของหญิงต่ำมากกกกกกกกกกกกกกก

สุดท้ายก็เข้าไปค่ะ

ได้เจ้า No.1 Frink มาสองตัว ตัวแรกเป็น Essence คล้ายๆน้ำป้าเจี๊ยบกับ Tony moly เลยค่ะ ลดแล้วเหลือ 270 นิดๆมั้งคะ ไม่ได้เก็บใบเสร็จไว้

อีกตัวเป็น All day ampoule เหลืออยู่ 220 นิดๆมั้งคะ ตัวนี้ใช้ได้เกือบอาทิตย์ละค่ะ รู้สึกอะไรมั้ย ยังไม่รู้สึกนะ – -*

คงเพราะช่วงนี้หน้าหนาว หน้าฉันแห้งแตกลอกแดงมากมาย

แต่ก็ยังใช้กันต่อไปค่ะ

สุดท้ายก็ไปซื้อของ It’s Skin ค่ะ ตอนนาง Sale ยกร้าน 50%

ละนางแถมเซตหอยทากชื่อดังระดับโลกให้มาลอง

new 10

ตอนนี้กำลังเริ่มใช้ค่ะ แล้วจะเขียนรีวิวมาอีกทีนึงค่ะ

[Mini Review]~Battles of eleven sleeping packs

[Mini Review]~Battles of eleven sleeping packs

promote sleeping pack

ส่วนตัวมี่พึ่งรู้จัก Sleeping pack มาได้ไม่นาน โดยตัวเเรกที่ใช้เป็นเจ้า Panda dream whitening sleeping pack จาก Tony Moly ค่ะ ซื้อมาเพราะกระปุกรูปแพนด้า เท่านั้นเลย จริงๆ

อีกตัวที่ใช้เป็น Holika Holika Pig nose ค่ะ แต่ตัวนี้มี่ใช้แล้วมันร้อนวูบวาบ เลยส่งต่อให้น้องสาวไปเรียบร้อย นางใช้แล้วไม่แพ้ไม่วูบวาบ เห็นนางว่าดีอยู่ค่ะ

ตัวสุดท้ายที่ได้ลองเป็น Wine therapy ได้มาเป็น Tester ตอนไปซื้อของที่ชอป ใช้แล้วรู้สึก “Fulfill” ฟูฟิน” มาก สุดท้ายสั่งซื้อมา เอ๊า สั่งผิด ดันสั่งรุ่นไวน์แดงมา เป็นเจลๆค่ะ ตัวที่ได้ลองเป็นเนื้อครีม (แอบไปร้องไห้)

พวกนี้หาส่วนผสมไม่ได้เลยไม่ได้เอามาจัดค่ะ

ถ้าเราพูดถึง Sleeping pack จริงๆมันก็ไม่มีอะไรมาก มันก็เป็นแค่เจล หรือครีม ธรรมดาๆ ที่ไม่ค่อยจะดูดซึมเข้าผิว แต่มันจะสร้างฟิล์มบางๆเคลือบผิวเพื่อปกคลุม (เรียกว่า Occlusive effect) ผิวหนังไว้ค่ะ

สารที่ก่อฟิล์มนี้ ก็ได้แก่ พวก Polymer ต่างๆ หรือ น้ำมันบางชนิดค่ะ

Occlusive แล้วดีไหม???

ทั้งดี และ ไม่ดีค่ะ

ส่วนที่ดี ก็คือ การ Occlusive จะช่วยปกป้องไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิว และเป็นการเพิ่มการดูดซึมสารต่างๆเข้าสู่ผิว

ส่วนที่ไม่ดี ก็คือ การ Occlusive จะทำให้
1. สารที่ดูดซึมลงไปได้มากขึ้น อาจจะไปกระตุ้นให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองได้
2. เชื้อจุลินทรีย์ต่างๆเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
3. แผลจะหายได้ช้าลง

จากเหตุผลนี้ มี่คิดว่า Sleeping pack ไม่ควรใช้ทุกวัน ไม่ควรใช้ในคนที่ผิวหน้ามีแผล ไม่ควรใช้ในคนที่มีสิวอักเสบเป็นหนองอยู่ค่ะ

สรุปคะแนนค่ะ

point 1point 2

รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่เวบพันทิปเลยค่ะ

http://pantip.com/topic/33057224

First time Beauty shopping in Korea~ June, 2014

First time Beauty shopping in Korea~ June, 2014

จะว่าก็ว่าเถอะ เกาหลีเป็นสวรรค์แห่งเครื่องสำอางเลยก็ว่าได้ค่ะ ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ รูปแบบผลิตภัณฑ์แปลกๆ สารใหม่ๆ นี่ต้องมาจากเกาหลีเป็นส่วนใหญ่

เมื่อเดือน มิย ที่ผ่านมา มี่ก็ได้ไปเที่ยวเกาหลีมาค่ะ กลับมากระเป๋าเบาเชียวค่ะ เห็นอะไรๆก็อยากได้หมด นี่เสียดายว่าไม่มีแรงขนมา ไม่งั้นคงได้มามากกว่านี้เยอะค่ะ

ประเดิมเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวตอนท้ายๆจะบอกทริคเล็กๆน้อยๆให้นะคะ 😉

ย่านแรก มยองดง (Myeong-dong)

มีสารพัดร้านเครื่องสำอาง เรียกได้ว่า มีครบทุกแบรนด์เลยมั้ง แต่ราคาอาจจะสูงกว่าบางตลาดนะคะ

Innisfree นี่เป็นแบรนด์ในดวงใจเลยค่ะ
IMG_1485-re

Primera นี่เป็น High brand ค่ะ แต่มี่ไม่ได้ซื้ออะไรมานะคะ
IMG_1486-re

Skin foods ค่ะ ไม่ได้ซื้ออะไรมาเหมือนกัน
IMG_1490-re

ร้านโซนนี้นี่ใช้เวลากับมันนานมากๆค่ะ
IMG_1492-edit

ลาเนจ ก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาเหมือนกัน -*-
IMG_1499-re

espoir นี่เค้าว่ากันว่าเป็นผู้นำเทรนด์เมคอัพ แต่มี่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาเช่นกันค่ะ
IMG_1503-re

Mamonde นี่หมดเงินไปกับ Rose water เลยค่ะ คือเป็นคนบ้ากุหลาบมากๆ
IMG_1504-re

ส่วนอีกย่านเป็นย่านอินซาดงค่ะ ย่านนี้ลดราคากระหน่ำกว่าย่านมยองดงมากๆ ลดแหลกแจกแถมแบบฟินมาก ค่ะ

จุดเด่นของที่นี่คือ ป้ายร้านจะเป็นตัวฮันกึล ค่ะ

insadong

ส่วนย่านที่ไปอีกก็จะมี ทงแดมุน กับ นัมแดมุน ซึ่งของที่นี่ก็ถูกกว่าย่านมยองดงค่ะ

ถ้าไม่รีบ แนะนำว่าให้ไปดูย่านอื่นๆก่อนค่อยกลับมาหาของที่ไม่ได้จากมยองดงนะคะ

อันนี้เป็นความเสียหายค่ะ ใช้ได้ยาวจนแก่ 555

IMG_2370-re

จริงๆบางส่วนก็ส่งต่อให้เด็กๆกับญาติๆกับเพื่อนๆแล้วนะคะ ทุกวันนี้ก็ยังพรีออร์เดอร์อยู่ จะใช้กันทันไหม !!!

[Mini-Review] Holika Holika Good cera

[Mini-Review] Holika Holika Good cera

เมื่อตอนปลายๆเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา มี่ไปเที่ยวเกาหลี แวะซื้อของที่ร้าน Holika Holika เลยได้รับ Sample ของกลุ่ม Good cera แถมมาค่ะ

ย่าน Myeong-dong เหมือนสรวงสวรรค์แห่งนักชอปเชียวค่ะ ประมาณว่าเอาชั้นไปทิ้งไว้ตรงนี้ทั้งอาทิตย์ชั้นก็ไม่เบื่อ

เมียงดง

Line นี้เห็นว่าเน้นไปที่ ceramide ค่ะ

Ceramide จริงๆแล้วเป็นไขมันที่สำคัญชนิดหนึ่งในผิว มีบทบาทเกี่ยวกับการสร้างโครงสร้างชั้นไขมันที่เรียกว่า Lipid Lamellar structure ที่สำคัญในการป้องกันน้ำระเหยจากผิว (Skin barrier function)

ทำให้เครื่องสำอาง/เวชสำอาง หลายๆแบรนด์ใช้ Ceramide แล้วก็ Claim เรื่อง Barrier function ค่ะ

ตัวอย่างที่ได้รับมาก็คือ

good cera-edit

Good cera ultra toner
Good cera ultra emulsion
Good cera All in one Master
Good cera super cream

พยายามลองค้นส่วนผสมแล้ว ได้มาแค่ตัว Ultra toner ค่ะ

Full ingredients list:
(จาก holikaholika.ca)
water, butylene, glycol, betaine, glycerin, glyceryl acrylate/acrylic acid copolymer, propylene glycol, dimethicone, dimethicone/vinyl dimethicone crosspolymer, peg-20 sorbitan cocoate, gylcosyl trehalose, hydrogenated starch hydroylsate, diphenylsiloxy phenyltrimethicone, triethylhexanoin, polyglyceryl-10 myristate, polyquaternium-51, glyceryl polymethacrylate, aleuritic acid, yeast extract, glycoproteins, dipotassium glycyrrhizinate, panthenol, cetearyl alcohol, gylceryl stearate, stearic acid, ethylhexyl isononanoate, phytosteryl/isostearyl/cetyl/stearyl/behenyl dimer dilinoleate, cetearyl glucoside, hydroxypropyl bispalmitamide mea, glycine soja (soybean) sterols, meadowfoam estolide, ceramide 3, hydrogenated polydecene, butyrospermum parkii (shea) butter, ceteareth-20, glyceryl citrate/lactate/linoleate/oleate, glycosphingolipids, ceramide 6 ii, eruca sativa leaf extract, sodium hyaluronate, xanthan gum, acrylates/c10-30 alkyl acrylate crosspolymer, peg-60 hydrogenated castor oil, caramel, disodium edta, tromethamine, citrus aurantium, bergamia (bergamot) fruit oil, fragrance, phenoxyethanol, caprylhydroxamic acid, caprylyl glycol

จากส่วนผสมเห็นว่ามีสารหลายๆตัวที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น

Glycoproteins
hydroxypropyl bispalmitamide mea เป็น Ceramide สังเคราะห์ค่ะ
meadowfoam estolide
ceramide 3
glycosphingolipids
ceramide 6 ii

เป็น Ingredients ที่ค่อนข้างเลอค่า จำหน่ายในราคาแค่ 14900 วอน/200 ml (500 บาท/200มล หรือ 2.5บาท/1มล.) ถือว่าถูกมากกกกกกกกกกกกกกก แต่เนื่องจากส่วนผสมมีน้ำหอม ทำให้คนที่เป็น Atopic dermatitis หรือผิวแพ้ง่ายบางชนิด อาจจะใช้ไม่ได้ ผิดกับเวชสำอางในร้านยา/รพ.

วันนี้เป็น Mini-review เลยไม่เจาะลึกนะคะ

ภาชนะบรรจุขนาดปกติมาในรูปแบบขวดปั๊ม น่าจะใช้สะดวกค่ะ

20010221

สำหรับคะแนน
ส่วนผสม 5/5
ภาชนะบรรจุ 5/5
ความนุ่มผิว 5/5
ความชุ่มชื้น 5/5
กลิ่น 5/5 (กลินแนว Herb-Citrus เป็นความชอบส่วนบุคคลค่ะ)

โอกาสหน้าจะมาเจาะลึกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์นี้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ