Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสกินแคร์น้องใหม่ Miss Bonnie Bio Boost Sleeping Mask มาสก์หน้าก่อนนอนที่คิดค้นสูตรโดยเภสัชกร โดดเด่นด้วย Microbiome technology

สวัสดีค่ะพี่ๆน้องๆเพื่อนๆบ้านมียอนทุกท่าน

วันนี้มี่มีรีวิว Sleeping mask น้องใหม่จากแบรนด์ เพื่อนๆMiss Bonnie มาฝากกันนะคะ

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์น้องใหม่ คิดสูตรและควบคุมคุณภาพโดยเภสัชกร ที่สำคัญส่วนผสมแต่ละตัวที่เลือกมา เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมนำเข้าจากหลายๆประเทศ และเป็นส่วนผสมที่หลายๆแบรนด์ชั้นนำเลือกใช้ค่ะ

สำหรับ Sleeping mask ตัวนี้มีคีย์หลักที่โดดเด่นคือเรื่องของ Skin microbiome technology ค่ะ ซึ่งเรียกได้ว่ากำลังอินเทรนด์เลย และตัว Microbiome เองก็มีส่วนที่ช่วยให้ผิวเราแลดูสุขภาพดีด้วย เดี๋ยวมี่มากล่าวถึงอีกทีในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

สำหรับหน้าตาของน้องเป็นประมาณนี้ค่ะ

mb 4

เนื้อมาในเนื้อแบบครีม สีชมพูอ่อนๆ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลยจะได้กลิ่นจางๆของวัตถุดิบอยู่บ้าง

mb 1

เกลี่ยได้ง่าย สัมผัสบางเบา ซึมไวแห้งไวไม่เหนอะหนะ แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้น

mb 2

สำหรับค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

mb 3

มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

สผส mb

ในภาพรวมมาสก์ตัวนี้เป็นมาสก์แบบครีมเจล มี่ส่วนผสมของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคนอยู่นิดหน่อย ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ในด้านของสารบำรุงมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ทั้งกลุ่มของวิตามิน กลุ่มของสารที่ได้จาก Biotechnology ที่มาตอบโจทย์เทรนด์ Microbiome และสารเพิ่มตวามชุ่มชื้นต่างๆอีกหลายชนิด

ซึ่งส่วนผสมของสารบำรุงวันนี้มี่ทำสีไว้ 3 สีนะคะ

สีเขียว เป็นกลุ่มของสารที่ได้จากกระบวนการทาง Biotechnology เพื่อเข้ามาตอบโจทย์เทรนด์ Microbiome ซึ่งหมายถึง สิ่งแวดล้อมของชุมชนจุลินทรีย์ที่เป็นเจ้าบ้าน ที่อาศัยบนผิวเรา โดยหลายๆข้อมูลบอกว่า ถ้าเรามีความหลากหลายของชนิดจุลินทรีย์บนผิว ผิวเราก็จะแข็งแรงและมีสุขภาพดีกว่าค่ะ ตัวอย่างเทรนด์นี้ได้แก่การใช้พวก Pre-pro biotic

  • Bifida ferment lysate ตัวนี้เป็นวัตถุดิบที่ได้จากการย่อยสลายระบบที่เลี้ยงจุลินทรีย์ Bifidobacterium ก่อนจะสกัดออกมา ซึ่งจะได้ทุกองค์ประกอบจากตัวเชื้อ ทั้งสารอาหารที่เชื้อสร้าง รวมถึงกลุ่มของพวก Polysaccharide ที่มีประโยชน์ต่อผิว ทางผู้ผลิตมีเคลมเกี่ยวกับการเสริมความสามารถของผิวในการป้องกันตัวเองจากรังสี UV การซ่อมแซมและฟื้นฟู รวมไปถึงพวกด้านชะลอวัย
  • Aureobasidium pullulans ferment extract สารที่ได้จากการหมักยีสต์ดำที่มีชื่อว่า Aureobasidium pullulans มีองค์ประกอบหลักเป็น Beta-glucan ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า มีคุณสมบัติในการเสริมความแข็งแรงให้กับผิว ลดการอักเสบระคายเคือง ปกป้องคอลลาเจนไม่ให้สลายตัว เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟู และปรับสภาพผิว (TDS Adeka-Beta glucan, Adeka Corp.) โดย Beta-glucan นั้นมีคุณสมบัติเป็น Pre-biotic เป็นอาหารให้แก่จุลินทรีย์เจ้าบ้าน หรือ Pro-biotic ให้เจริญเติบโตได้
  • Bacillus ferment จากการค้นข้อมูลของวัตถุดิบ Bacillus ferment ในฐานข้อมูล พบว่ามีวัตถุดิบอยู่หลายเจ้าเหมือนกันที่เป็น Bacillus ferment แต่ละเจ้าก็เคลมต่างกันไป ในภาพรวม Bacillus ferment เป็นสารที่ได้จากการหมักจุลินทรีย์ Bacillus spp. ซึ่งมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้น และประกอบด้วยเอนไซม์หลายชนิดซึ่งมีประโยชน์ในการผลัดผิวอย่างอ่อนๆ จึงทำให้ผิวแลดูเรียบเนียน

 

สีม่วง สูตรผสมของ Tocopheryl acetate, Lecithin, Glyceryl linoleate, Glyceryl linolenate, Caprylyl glycol, Sodium ascorbyl phosphate, Retinyl palmitate เป็นวัตถุดิบผสมที่มาในรูปแบบของ Liposome ที่บรรจุเอาวิตามินเอ ซี และ อี เอาไว้ โดยไลโปโซมเป็นระบบนำส่งสารชนิดหนึ่ง ที่มีประโยชน์ในการนำเอาสารบำรุงเข้าสู่ผิว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบำรุงผิวมากขึ้น

 

สีฟ้าเป็นกลุ่มของสารบำรุงต่างๆ มี่ขอหยิบยกมากล่าวถึงบางตัวนะคะ

  • กลุ่มของสารเติมน้ำเพิ่มความชุ่มชื้น ได้แก่ Sodium hyaluronate, Trehalose และ Hydroxyethylurea ค่ะ
  • น้ำมันจากข้าวโอ๊ต (Avena sativa kernel oil) ปกติเราจะไม่ค่อยเห็นการใช้น้ำมันจากข้าวโอ๊ตในเครื่องสำอางเท่าไหร่นะคะ ซึ่งจริงๆแล้วน้ำมันจากข้าวโอ๊ตนี่ก็ประกอบด้วยกรดไขมันหลายชนิด ที่มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ทดแทนไขมันคืนให้แก่ผิว โดยข้อมูลจากบางผู้ผลิตกล่าวว่า น้ำมันจากข้าวโอ๊ต ยังมีส่วนประกอบของพวก Lutein, Tocopherol ที่เป็น Antioxidant และยังมีกลุ่มของสาร oats anthracene amide ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่เป็นตัวเด่นของข้าวโอ๊ต มีประโยชน์ในเชิงการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect)
  • Galactoarbinan ตัวนี้เป็น Polysaccharide ที่ประกอบด้วยน้ำตาล Galactose และ Arabinose มีประโยชน์ในด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว อำพรางริ้วรอยตื้นๆให้ดูเรียบเนียน เพราะ Polysaccharide ชนิดนี้สามารถก่อฟิล์มบนผิวได้ มีการทดสอบจากผู้ผลิตวัตถุดิบบางรายพบว่าสามารถปกป้องผิวจากมลภาวะได้

 

โดยสรุป คือ ในผลิตภัณฑ์นี้ประกอบด้วยส่วนผสมของสารบำรุงที่ดูแลผิวได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านความชุ่มชื้น ความแข็งแรงของผิว การชะลอวัยป้องกันริ้วรอย ฟื้นฟูและปรับสภาพผิว รวมไปถึงเรื่องของการปรับสมดุล Microbiome และ ให้ความรู้สึกสบายผิว

และอีกจุดคือ ในการพัฒนาสูตร ทางแบรนด์เลี่ยงการใส่สารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวลงมา ดังนั้นส่วนตัวจึงมองว่าทำมาได้ค่อนข้างดีค่ะ

 

มาให้คะแนนกันนะคะ

  1. สารบำรุง ตามที่กล่าวไปด้านบนว่า สารบำรุงที่ดูแลผิวได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านความชุ่มชื้น ความแข็งแรงของผิว การชะลอวัยป้องกันริ้วรอย ฟื้นฟูและปรับสภาพผิว รวมไปถึงเรื่องของการปรับสมดุล Microbiome และ ให้ความรู้สึกสบายผิว ซึ่งถ้ามองในจุดนี้ การดูแลเรื่อง Microbiome ก็จะมีประโยชน์ในด้านของสิวอีก ส่วนตัวเลยมองว่าในด้านของสารบำรุงนี้กระปุกเดียวครบจบทุกปัญหาผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่มีโอกาสได้ใช้ผลิตภัณฑ์นี้มาราวๆ 2 สัปดาห์ สิ่งที่เห็นได้คือเรื่องความชุ่มชื้น เรื่องของรูขุมขนที่แลดูกระชับ แต่งหน้าทารองพื้นได้ง่ายขึ้นไม่ค่อยตกร่อง และรู้สึกได้ว่าผิวเด้งและกระชับขึ้นค่ะ สำหรับด้าน Whitening หรือ ริ้วรอย ช่วง 2 สัปดาห์นี้อาจจะยังน้อยไปที่จะฟันธง และส่วนตัวมี่เองช่วงนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องจุดด่างดำหรือริ้วรอยค่ะ แต่ก็สัมผัสได้ถึงสัญญาณอันดีอยู่ ส่วนข้อติคือ มี่ผิวผสม/แห้ง ลำพัง Sleeping mask ตัวนี้ตัวเดียวก่อนนอน ยังไม่พอค่ะ ต้องโบกมอยส์เจอร์เพิ่มอีกชั้น หรือทามอยส์เจอร์ให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยมาทา Sleeping mask อีกที จุดนี้ถือว่าเขาทำมาได้ค่อนข้างตอบโจทย์นะคะ ขอให้ไป 4 ฟลาสก์ค่ะ

คะแนน mb

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางแบรนด์ Miss Bonnie นะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook Page

Miss Bonnie Skincare : เวชสำอางโดยเภสัชกร

https://www.facebook.com/missbonnieskincare/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Miss Bonnie การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

 

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมาสก์หน้าสีชมพู Pink collagen radiant & Firm overnight mask จากแบรนด์ Scentio

มันจะมี Sleeping mask อยู่ชิ้นนึงที่มีอยากเอามาวิเคราะห์ส่วนผสมตั้งนานแล้ว แต่พึ่งได้มีโอกาสค่ะ

เป็น Sleeping mask สูตร Pink collagen จากแบรนด์ Scentio ที่เป็นสินค้าของเครือ Beauty buffet ค่ะ โดยสาเหตุที่มี่สนใจแบรนด์นี้ก็เพราะว่ามีน้องเซนต์เป็น Presenter รักน้อง ก็ต้องอุดหนุนสินค้าที่น้องเป็น Presenter เอ๊ย ไม่ใช่ ถือว่าไม่ได้ยินเนอะ

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่ผลิตสินค้าน่ารักๆมาตอบโจทย์สาววัยแรกรุ่น แบบเราๆ ในราคาที่ไม่แพงมาก และส่วนผสมค่อนข้างดีงาม คุ้มค่าคุ้มราคาค่ะ

อย่าง Sleeping mask วันนี้ ก็มีส่วนผสมที่ดีงามไม่แพ้ของนอกเหมือนกัน ไว้เดี๋ยวเราไปดูด้วยกันตอนช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

น้องมาภายใต้คอนเซปท์ ปฏิวัติผิวสวย 4D ค่ะ

มาดูหน้าตาของน้องกันก่อนดีกว่าค่ะ นางมาในกล่องสีชมพูแบบนี้ค่ะ

sc 1.JPG

ด้านในเป็นแพคเกจแบบกระปุกไอติมน่ารัก สีชมพูขาว

sc 2

เนื้อครีมก็สีชมพู เป็นเนื้อแบบพุดดิ้ง คืนรูปได้ กลิ่นก็มาในโทนหวานแหวว

cream

เนื้อเบา ซึมไว ให้ความรู้สึกนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่เหนียวเหนอะหนะ

cream 2

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส piti

ส่วนผสมวันนี้เรียกได้ว่าเยอะและยาวเหมือนกันนะคะ ในภาพรวมนางเป็นมาสก์แบบครีม ที่มีส่วนผสมของน้ำ น้ำมันสังเคราะห์ น้ำมันจากธรรมชาติ และ ซิลิโคนค่ะ โดยที่เนื้อมีความบางเบาแต่ชุ่มชื้นดี น่าจะเพราะเป็นเนื้อแบบซิลิโคนในน้ำ และมีส่วนผสมของสารดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นหลายตัว เสริมสารบำรุงอื่นๆมาอีกหลายชนิด

มาดูกันทีละสีเลยนะคะ

  • เปิดด้วยสีเขียว สูตรผสมของ Octyldodecanol, Echium Plantagineum Seed Oil, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil Unsaponifiables, Cardiospermum Halicacabum Flower/Leaf/Vine Extract และ Tocopherol รู้จักกันในนาม Defensil ที่เรามักพบในครีมที่เคลมเรื่องของการลดการอักเสบระคายเคืองที่พบบ่อยตามร้านขายยา วัตถุดิบนี้ทางผู้ผลิตแกเคลมเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดการอักเสบ เสริมสร้างและฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง
  • สีฟ้าจะเป็นกลุ่มของสารเติมน้ำให้กับผิว ซึ่งมาแบบจัดเต็มด้วยกันหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น
    • สารกลุ่ม Hyaluronic acid 4 ชนิด ที่มีขนาดแตกต่างกันไป มีประโยชน์ในการเติมน้ำให้แก่หลายๆระดับชั้นผิว
    • Polyglutamic acid มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดูดน้ำให้ผิวเช่นกัน ตัววัตถุดิบนี้ ทางผู้ผลิตบางเจ้า แกเคลมว่า เวลาลงผิว ผิวเราจะตัดเอาออกมาเป็นกรดอะมิโน Glutamic acid เดี่ยวๆ ที่มีประโยชน์เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้น ที่เรียกกันว่า Natural moisturizing factor หรือ NMF ที่ช่วยจับน้ำให้ผิว ผิวจึงชุ่มชื้น และนุ่มนวล
    • Hydrolyzed collagen อันนี้ที่ข้างกล่องเคลมว่าเป็นคอลลาเจนที่ได้จากปลาดาว มีประโยชน์ในเชิงด้านความชุ่มชื้นเช่นกัน
    • Trehalose เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ มีประโยชน์ในเชิงด้านความชุ่มชื้นเช่นกัน
    • Acetamidoethoxyethanol ตัวนี้นางเป็นวัตถุดิบสิทธิบัตร มีชื่อทางการค้าว่า ElfaMoist® AC ผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่าเป็นสารโมเลกุลเล็กที่สามารถแทรกซึมลงไปในหนังกำพร้าชั้น Stratrum corneum โดยไม่ทำให้ Barrier ผิวเสื่อมสภาพ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างยาวนานถึง 30 ชั่วโมง
  • สีม่วง เป็นสารบำรุงอื่นๆ ได้แก่
    • Inositol มีประโยชน์ในการช่วยซ่อมแซมโครงสร้างที่เกี่ยวกับการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง ช่วยควบคุมความมัน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวหนังโดยไปเพิ่มการทำงานของเซลล์ใต้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้เซลล์ไขมันใต้ผิวเรียบเนียนขึ้น จึงดูเหมือนว่าริ้วรอยลดลง และผิวแน่นขึ้น เต่งตึงขึ้น (ข้อมูลจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบชนิด myo-Inositol)
    • Gluconolactone นางเป็นอนุพันธ์ของน้ำตาล อยู่ในกลุ่ม Polyhydroxy acid (PHA) ให้คุณสมบัติการผลัดผิว (Exfoliant) คล้าย AHA แต่อ่อนโยนและมีความระคายเคืองน้อยกว่า มีรายงานวิจัยสนับสนุนว่าการผลัดผิวของ PHA สามารถเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มความแข็งแรงของ Barrier ผิวหนัง (Cutis. 2004; 73(2 Suppl):3-13.)
    • Hydrolyzed adansonia digitata extract อันนี้ก็น่าสนใจค่ะ นางเป็นสารที่ได้จากการย่อยสลายสารสกัด Baobab ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารนี้ประกอบด้วยสารกลุ่ม Mucilage ที่มีความสามารถในการก่อฟิล์มบนผิวหนัง ช่วยดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ปกป้องกันน้ำระเหยออกจากผิว ให้ผิวนุ่มและเงางาม เมื่อฟิล์ม Set ตัวได้ จะให้ความรู้สึกตึง (Tightening effect) (Dansonyl®, BASF)
    • Tocotrienols เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินอี และ สารสกัดจากมะเขือเทศ ทั้งคู่มีประโยชน์เป็น Antioxidant

ในภาพรวมคือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นไปในเชิงการเติมน้ำให้ผิว เพื่อให้ผิวเรานุ่มนวล ชุ่มชื้น พร้อมกับช่วยให้ผิวเราแข็งแรงนั่นเองค่ะ

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ในส่วนของสารบำรุง เรียกได้ว่าจัดเต็มไปในเชิงด้านการเติมน้ำให้ผิวแบบเน้นๆ เสริมมาด้วยคุณสมบัติในด้านของการปกป้องผิวให้แข็งแรง ให้ความรู้สึกสบายผิว และ Antioxidant อีกเล็กน้อย จุดนี้ส่วนตัวอยากให้มีสารบำรุงกลุ่มอื่นๆเพิ่มขึ้นอีกนิดนึง ขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่ได้มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ถึงแม้จะดูเหมือนมีซิลิโคนเยอะ และหลายๆคนก็เกรงกลัวซิลิโคน แต่ความจริงตัวซิลิโคนเขาเองก็มีประโยชน์ในด้านของการปรับ Feeling ให้บางเบา เรียบเนียน ไม่เหนอะหนะ และเคลือบปกป้องผิว จุดนี้ให้ 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบเนื้อสัมผัส การเกลี่ย สัมผัสหลังใช้ และความชุ่มชื้นหลังใช้นะคะ แต่รู้สึกว่ากลิ่นจะไม่ถูกจริตเราไปนิดนึง แต่ก็คงไม่หักคะแนนเรื่องกลิ่นนะคะ ส่วนด้านความชุ่มชื้น ส่วนตัวมีผิวผสม/แห้ง คิดว่ายังแห้งไปนิดนึงค่ะ ให้ 4 ฟลาสก์

คะแนน sc

สำหรับวันนี้คงต้องขอลากันไปเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบนะคะ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ Scentio/Beauty buffet การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์หน้าก่อนนอน DNAh Perfect SNOWWHITE mask สูตรปรับปรุงใหม่ ไฉไลกว่าเดิม

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ DNAh (ดีนะห์) มาให้ได้ชมกันอีกแล้วค่ะ

พูดถึงแบรนด์ DNAh น่าจะเป็นอีกแบรนด์ที่อยู่กับบ้านมียอนมานาน

แบรนด์ดีนะห์ เอาจริงๆ ก็ดีจริงๆนะ สมชื่อเค้า

เริ่มต้นจากการที่เจ้าของแบรนด์เภสัชกรคุณแม่ลูก 4 มีเวลาน้อยและมีเวลาจำกัดสำหรับตัวเองในแต่ละวัน จนรู้สึกว่า ต้องหาผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่ใช้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่หลายขั้นตอน เพื่อบำรุงผิวตัวเองบ้าง เลยเริ่มลองศึกษาว่าจะเอาอะไรมาใช้กับผิวบ้างถึงจะดี และพัฒนาสูตรตั้งแต่ตัวเองตั้งครรภ์และให้นมลูก แบรนด์ดีนะห์หลักๆจะเน้นการนำสารจากธรรมชาติมาใช้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมาจากพืช

 

จริงๆ มี่เคยรีวิว Sleeping mask ของเค้าไปแล้วนะคะ แต่ว่าทางแบรนด์ปรับสูตร มี่เลยอยากเอามารีวิวใหม่อีกรอบค่ะ

หน้าตาของ DNAh Perfect SNOWWHITE mask สูตรปรับปรุงยังมาใน Package ที่คล้ายเดิมนะคะ

d 1

เลื่อนปลอกออกมาจะเจอกระปุกมาสค์อยู่ด้านในค่ะ

d 2

มาสค์มาในกระปุกแบบปั๊มแบบสุญญากาศ หรือ Airless ซึ่งก็มีข้อดีคือลดการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมได้ค่ะ

d 3

เนื้อมาสค์ทำมาได้ไม่แตกต่างจากสูตรเดิมมากนักค่ะ กลิ่นหอมละมุนในโทนกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ

d 4

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ซึมไว ชุ่มชื้นดีแต่ไม่เหนอะหนะหนักผิว

d 5

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ

d 6

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สผส dna

ส่วนผสมปรับจากสูตรเดิมอยู่ในหลายจุดเหมือนกันนะคะ โดยตัดพาราเบน และ Methylisothiazolinone ซึ่งทำให้เกิดการแพ้ได้บ่อยทิ้งไป เปลี่ยนชนิดของสารกันเสียมาเป็นชนิดที่เป็นมิตรกับผิวมากขึ้น และปรับเพิ่มสารเพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง Glycerin เข้ามา

วันนี้มี่ทำส่วนผสมไว้หลายสีเลย สีเขียวเป็นกลุ่มของสารบำรุงที่เป็น Whitening สีชมพูเป็นกรดไขมันจำเป็น ซึ่งและ สีฟ้าเป็นกลุ่มของสารบำรุงอื่นๆค่ะ

ส่วนของสารบำรุงทางแบรนด์เลือกใส่มาหลายชนิดเหมือนกัน มี่ขอยกมาเป็นกลุ่มๆนะคะ

  1. สารสกัดจากเซลล์เพาะเลี้ยงของดอก Tulip (Tulipa gesneriana callus culture extract) ที่เราเรียกกันติดปากว่า สเตมเซลล์ เป็นวัตถุดิบจากญี่ปุ่น ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า วัตถุดิบนี้ให้คุณสมบัติเด่นเรื่อง Whitening และมีประโยชน์เป็น Antioxidant ลดการอักเสบ ส่งเสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) ตามธรรมชาติและเพิ่มความชุ่มชื้นโดยมีส่วนช่วยเสริมการทำงานของ Aquaporin 3
  2. กลุ่มวิตามิน มีด้วยกันหลายตัว ได้แก่
  • วิตามินบี 3 (Niacinamide) ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกับผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ได้อีก (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)
  • วิตามินอี ทางแบรนด์ใช้ในรูปแบบ Tocopheryl acetate มีประโยชน์เป็น Antioxidant
  • วิตามินซี ทางแบรนด์ใช้ในรูปแบบ Ascorbyl palmitate ซึ่งมีความเป็นกรดน้อยลง ละลายในไขมันได้ดีขึ้น จึงคาดว่าดูดซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น วิตามินซีมีประโยชน์กับผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening โดยไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี ด้านริ้วรอย โดยเป็นตัว Antioxidant ช่วยชะลอวัย และเป็นส่วนหนึ่งในการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิว และมีคุณสมบัติลดการอักเสบ
  • วิตามินบี 6 หรือ Pyridoxine มีประโยชน์ในการควบคุมความมันของผิวหนัง
  • วิตามินบี 5 หรือ Panthenol มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว
  • Biotin นางเป็นหนึ่งในวิตามินกลุ่มวิตามินบี ทำหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการสร้างและสลายไขมัน รวมทั้งไขมันในเซลล์ผิว การได้รับ Biotin จึงมีส่วนช่วยให้ผิวหนังมีการสร้างไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ในผิวให้เป็นไปอย่างปกติ รักษาความชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้ง ลดริ้วรอย มีรายงานจากผู้ผลิตวัตถุดิบว่า ถ้าใช้ร่วมกับวิตามินซี และบี3 จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติการเป็น Whitening และลดเลือนริ้วรอยได้ดีขึ้น
  1. สารบำรุงอื่นๆ
  • สารสกัดจากเห็ด Fomes officinalis ข้อมูลจากผู้ผลิตระบุว่าให้คุณสมบัติในเชิงกระชับรูขุมขน
  • Astaxanthin สารในกลุ่ม Carotenoid ที่เป็นรงควัตถุชนิดหนึ่ง มีสีแดงเข้ม พบในพืชหลายๆชนิด มีประโยชน์เป็น Antioxidant ที่ดี
  • Arbutin และ Alpha-arbutin เป็นสารที่มีคุณสมบัติในเชิง Whitening โดยการยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase
  • Dipotassium glycyrrhizate เป็นสารที่ได้จากชะเอม มีคุณสมบัติลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว
  • Glutathione เป็น Antioxidant และมีคุณสมบัติเป็น Whitening
  • Hydrolyzed yeast extract มีประโยชน์ด้านความชุ่มชื้น
  • Allantoin ช่วยลดการอักเสบและระคายเคือง
  • Threonine เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มีบทบาทเกี่ยวข้องกับระบบสมดุลโปรตีนในร่างกาย สามารถเปลี่ยนสภาพเป็น Glycine กับ Serine ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์คอลลาเจนได้ ข้อมูลจากผู้ผลิตบอกว่า Threonine ช่วยส่งเสริมการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน คอลลาเจน อิลาสติน ให้แข็งแรงยืดหยุ่น และช่วยส่งเสริมการสมานผิว
  • กรดไขมันจำเป็น Linoleic acid และ Linolenic acid ช่วยทดแทนไขมันให้กับผิวหนัง

 

โดยรวมจึงเห็นว่าสารบำรุงในมาสค์นี้มากันครบถ้วนเลยทีเดียวค่ะ

ถ้าพิจารณาด้าน Whitening อย่างเดียว ถือว่า มีส่วนเสริมฤทธิ์กันครบทั้ง 3 Step คือ

  • ก่อนการสร้างเม็ดสี อาศัยพวก Antioxidant และสารลดการอักเสบ
  • ยับยั้ง Tyrosinase ไม่ให้สร้างเม็ดสี ด้วยสารบำรุงหลายๆตัว
  • ลดการส่งผ่านของเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วด้วย B3

ในด้านเบส ดูเหมือนจะเป็นแบบประเภทอิมัลชั่นแบบเนื้อครีม ประกอบด้วยส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน มีส่วนผสมของ Alcohol มาในลำดับท้ายๆ ซึ่งน่าจะติดมากับวัตถุดิบสารบำรุง

 

ให้คะแนน

  1. Actives หรือ สารบำรุง ถ้ามองเฉพาะด้าน Whitening ก็ถือว่าจัดส่วนผสมมาได้ค่อนข้างครบทั้ง 3 ระดับของการสร้างเม็ดสี นอกจากด้าน Whitening แล้วในเนื้อครีมก็ยังมีส่วนของสารบำรุงที่ให้ประโยชน์ไปในเชิงด้านความชุ่มชื้น Antioxidant ช่วยชะลอวัย ป้องกันริ้วรอย ลดการอักเสบและระคายเคืองผิว ควบคุมความมัน มากันขนาดนี้ก็คงต้องให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ เนื้อเบสมาในรูปแบบของเนื้อครีม มีทั้งส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน ไม่มีน้ำมันที่เสี่ยงอุดตันผิว แต่มีส่วนผสมของ Alcohol อยู่ในลำดับท้ายๆ เข้าใจว่าติดมากับพวกสารสกัด ในจุดนี้ส่วนตัวมี่ก็ใช้มาร่วม 2 อาทิตย์ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีก็ต้องหักคะแนนเพื่อความยุติธรรม รับไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ผิวผสมไปทางแห้ง บริเวณ T-zone จะมัน และบริเวณแก้มจะแห้งค่ะ ถ้าลองดูเนื้อมาสค์ จริงๆเนื้อมันก็ไม่ได้หนักมากถึงขั้นต้องใช้แค่ก่อนนอน เอามาทาตอนเช้าก่อนลงกันแดดก็พอไหวอยู่นะคะ เรื่อง Feeling ของมาสค์ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี มีสัมผัสเบา ไม่เหนอะหนะหนักผิว และก็ไมได้แห้งจนเกินไป ถ้ามองด้านความชุ่มชื้นถือว่าทำมาได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ส่วนด้านของ Whitening ก็ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี นางจะค่อยๆปรับผิวให้มีสีสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแบบว่าขาวใสชั่วข้ามคืน ส่วนตัวถือว่าค่อนข้างชอบและค่อนข้างพอใจนะคะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

 

คะแนน dna

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ DNAh ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของแบรนด์ DNAh ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/deenahthailand

 

ช่องทางการจำหน่าย

เพจ DNAh

Line @ : DNAhThailand

qr

 

Shop store :ร้านยา ฟาร์มาคาเฟ่ จ.เชียงใหม่, ร้านยาธัญลักษณ์เภสัช กรุงเทพ, ร้านยาเยอะแยะ จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน

 

สำหรับวันนี้ก็ขอลากันไปแค่นี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DNAh การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์หน้าต้านมลภาวะสุดเนี๊ยบ Klairé Anti-pollution overnight mask

สวัสดีค่ะ

เรียกได้ว่า Overnight mask หรือ Sleeping pack เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตอันเร่งรีบของชาวเราได้เป็นอย่างดีเลยหละ แค่ทาชิ้นเดียวแล้วก็ไปนอน ไม่ต้องมานั่งไล่ Layer ทีละชั้นๆ ตื่นมาก็สดชื่น ผิวนุ่มได้ง่ายๆ

วันนี้มี่เลยขอหยิบเอา Overnight mask จากแบรนด์ไทยเจ้าเก่า อย่าง Klairé มารีวิวให้ชมกันค่ะ

 

 

มี่เคยรีวิวส่วนผสมตัว Essence กับ Mousse mask ของเขาไว้นะคะ

ลิงค์ Essence: >>Click<<

ลิงค์ Mousse mask: >>Click<<

 

มาสค์หน้าของ Klairé ที่นำมารีวิวในวันนี้ มีชื่อเต็มๆว่า Klairé Anti-pollution overnight mask หน้าตานางจะมาในกล่องสวยงามดูหรูหราค่ะ

ovm 1

พอเปิดฝาออกมาก็จะเจอกระปุก Mask วางอยู่ พร้อมกับคู่มือคำอธิบายส่วนผสมและวิธีใช้ค่ะ

ovm 2

ถึง Klaire จะเป็นแบรนด์ไทย แต่ overnight mask ตัวนี้ผลิตภายใต้การควบคุมจาก Lab ที่ญี่ปุ่นเลยนะคะ

 

พูดถึงมลพิษกันซักหน่อย

 

เมื่อวันก่อนมี่ได้อัพเดทผลเสียของมลพิษที่มีต่อผิวให้ฟังกัน วันนี้มาสรุปสั้นๆ ว่า มลพิษนั้นมีผลรบกวนการทำงานของ Barrier ผิว โดยไปกดการทำงานของสิ่งที่เรียกว่า Tight junction ซึ่งเป็นช่องแคบๆที่คอยกั้นไม่ให้น้ำและสารโมเลกุลเล็กๆออกจากผิว พอเจ้า Tight junction ลดลง Barrier ก็จะเสียไป ทำให้น้ำระเหยออกจากผิวได้ง่ายขึ้น เกิดเป็นผิวแห้ง และทำให้สารต่างๆซึมผ่านเข้าออกผิวได้ง่ายขึ้น เสี่ยงเป็นผิวแพ้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการอักเสบ เหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดความเหี่ยวตามมา และ ยังมีผลเสริมการสร้างเม็ดสี ทำให้มีจุดด่างดำขึ้นมาอีก

เผื่อใครสนใจตามไปอ่านมลภาวะต่อ >>Click<<

 

เนื้อมาสค์มาในรูปแบบของเจล ที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ ไม่มันเยิ้ม และไม่หนักผิว

ovm 3

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น ผ่อนคลายและสบายผิว แม้จะไม่มีกลิ่นใดๆ เพราะทางแบรนด์ไม่ได้ใส่น้ำหอม

ovm 4

เมื่อทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก็จะซึมและแห้งไปค่ะ สัมผัสที่ได้จะนุ่มนวล

ovm 5

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5-6 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ovm 6

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ เห็นเป็นมาสค์เนื้อเจลแบบนี้ แต่อัดแน่นมาด้วยส่วนผสมของสารบำรุงมากมายหลายชนิดเลยนะคะ

 

ส่วนผสม

สผส klaire

ส่วนผสมของนางจะค่อนข้างคล้ายกับตัว Essence นะคะ มีสารบำรุงบางตัวเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้โดดเด่นด้านการลดผลเสียจากมลภาวะเพิ่มขึ้นค่ะ

 

ในส่วนผสมวันนี้มี่ทำสีไว้ 5 สี แต่ละสีก็จะมีจุดเด่นต่างๆกันค่ะ

 

  • สีฟ้า น่าจะเป็นพระเอกของผลิตภัณฑ์ Gossypium herbaceum callus culture extract ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าเป็นสารสกัดจากเซลล์เพาะเลี้ยงของฝ้ายชนิดหนึ่งที่ขึ้นในทะเลทรายแถวอาหรับ ในฝ้ายนี้ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่มีโครงสร้างดูดกลืนรังสีได้ จึงให้ผลปกป้องเซลล์ผิวหนังจากแสงแดด ช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้คืนสู่สภาพดี เสริมสร้างเซลล์ใหม่ และยังให้ความรู้สึกสบายผิว หรือ Soothing effect
  • สีเขียว คือ สารสกัดจากเมล็ด Acacia และ ราก Maca ที่ผ่านการย่อยทำให้ได้สารที่มีขนาดเล็กลง มี 2 ตัว คือ
    • Hydrolyzed acacia macrostachya seed extract มีชื่อทางการค้าว่า Aqualicia เป็นสารสกัดจากเมล็ด Acacia สายพันธ์หนึ่งในแอฟริกา ผ่านกรรมวิธีการย่อยให้ได้สารออกฤทธิ์ที่มีขนาดเล็กลง ทำให้เข้าผิวได้ดีขึ้น ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น สารนี้ช่วยควบคุมการเก็บกักน้ำของผิวหนังที่ระดับล่าง เพิ่มการสร้างสารดูดน้ำในผิวที่เรียกว่า Natural moisturizing factor (NMF) ผิวจึงอุ้มน้ำได้ดีมากขึ้น และมีความทนต่อสภาวะอากาศที่แห้งแล้งได้ดีขึ้น โดยเฉพาะหน้าหนาว
    • Hydrolyzed lepidum meyenii root extract มีชื่อทางการค้าว่า Skinergium เป็นสารสกัดจากราก Maca ที่พบในเปรู ที่ผ่านกรรมวิธีการย่อยเช่นกัน ประกอบด้วยเปปไทด์กับน้ำตาลโมเลกุลเล็ก ซึมซาบเข้าไปบำรุงผิว กระตุ้นการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์ Fibroblast ที่เป็นเซลล์สร้างคอลลาเจนในผิว ลดริ้วรอย เพิ่ม Complexion ให้ผิว ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีขาวแบบมีเลือดฝาด
  • สีม่วง สารสกัดจากเมล็ด Flax และ เมล็ด Chia เมล็ดทั้งสองนี้มีสารประกอบในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนชนิดพิเศษ ที่สามารถดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้สารประกอบพวกนี้ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนในผิวได้ และยังเป็น Antioxidant ช่วยชะลอวัยได้อีก
  • สีส้ม เป็นสารที่ได้จากกระบวนการหมักจุลินทรีย์ เป็นการใช้เทคโนโลยีทางชีวภาพ (Biotechnology) ในการเลี้ยงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ แล้วสกัดแยกเอาสารต่างๆออกมาใช้ในทางเครื่องสำอางอีกที ได้แก่
    • Schizosaccharomyces pombe extract เป็นสารสกัดจากยีสต์ชนิดพิเศษที่ขึ้นบนองุ่นบริเวณริมทะเลของสเปน ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่า สารสกัดจากยีสต์นี้หมักบ่มด้วยอุณหภูมิต่ำพิเศษ ทำให้ได้สารอาหารออกมามากกว่า ให้ผลกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ Fibroblast ที่เป็นเซลล์สร้างคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
    • Bifida ferment lysate ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่า สารนี้จะช่วยซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นจากรังสี UV ปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
    • Galactomyces ferment filtrate สารที่ได้จากการเลี้ยงยีสต์สายพันธุ์ Galactomyces มีรายงานการวิจัยระบุว่าสามารถเพิ่มความแข็งแรงของ Barrier ที่ผิวหนังชั้นนอก โดยไปเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ Caspase-14 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในการแปรสภาพโปรตีน Filaggrin ให้กลายเป็น กรดอะมิโนที่ทำหน้าที่เป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF เพื่อช่วยในการดักจับน้ำรักษาความชุ่มชื้นของผิว (Arch Dermatol Res. 2013; 305(8):683-9.) และลดการสังเคราะห์ Melanin และลดสภวาะ Oxidative stress ในเซลล์ Melanocyte (J Am Acad Dermatol. 2014; 70(5)S1:AB) จึงมีประโยชน์ด้านความชุ่มชื้น และ Whitening ไปพร้อมๆกัน
  • สีชมพู เป็นกลุ่มของสารเติมน้ำ และสารบำรุงอื่นๆ มีอยู่หลายชนิดเหมือนกัน ได้แก่
  • ส่วนผสมของ Saccharide hydrolysate (and) maltodextrin มีชื่อทางการค้าว่า Sweetone ผู้ผลิตวัตถุดิบมี Claim ว่า สารนี้แยกมาได้จากผล Schizandra berry ที่เป็นพืชของจีน ผู้ผลิตได้ทำการศึกษาข้อมูลในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่าสารนี้มีผลกดการสร้างสาร Cytokine หลายชนิดที่มีผลเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบ ลดการสร้าง VEGF ซึ่งเป็นตัวการสร้างเส้นเลือดใหม่ มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดรอยแดงของผิว ลดการสร้างยีนที่เกี่ยวกับตัวรับ TRPV-1 ซึ่งเป็นตัวรับที่เกี่ยวข้องกับการรับความรู้สึกร้อนและระคายเคือง ลดการสร้างเม็ดสีผิวที่เกิดจากกระบวนการอักเสบ ในภาพรวมจึงมีประโยชน์ในการลดการอักเสบ ให้ความรู้สึกสบายผิว ลดการสร้างเม็ดสีผิว ผู้ผลิตวัตถุดิบมีการศึกษาประสิทธิภาพในอาสาสมัครพบว่า อาสาสมัครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารตัวนี้ในความเข้มข้น 0.5% วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 56 วัน มีพื้นที่ผิวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังลดลง จึงมีความแดงลดลง (TDS Sweetone, Laboratoires Expanscience)

swee ra mat

(Image from Laboratoires Expanscience)

  • Sodium hyaluronate เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • Sodium hyaluronate crosspolymer ตัวนี้เป็น Polymer แบบใหม่ของ Hyaluronic acid ที่มีการดัดแปลงโครงสร้างให้เป็นสาย Polymer ที่มีความยืดหยุ่น สามารถก่อฟิล์มบนผิว ให้คุณสมบัติเคลือบปกป้องผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนาน บริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบประสิทธิภาพของสารนี้ในอาสาสมัครพบว่า สารนี้มีผลช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ปรับสภาพผิวให้นุ่มและเรียบเนียน ความเป็นฟิล์มเคลือบผิวนี้สามารถปกป้องลดการระเหยของน้ำออกจากผิว เสมือนทำหน้าที่เป็น Barrier อีกชั้นหนึ่งให้กับผิว
  • Sodium polyglutamate และ polyglutamic acid สารประกอบเชิงซ้อนของ Glutamic acid ได้จากการหมักพืชบางชนิด มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีมาก ผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่าเพิ่มความชุ่มชื้นได้มากกว่า Hyaluronic acid หลายเท่า
    • โดยเจ้า Sodium polyglutamate ผู้ผลิตวัตถุดิบเรียกว่าเป็น Super PGA มีการ Claim ว่า มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีกว่า Hyaluronic acid มีคุณสมบัติเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดริ้วรอย ให้สัมผัสนุ่มนวลบางเบาไม่เหนอะหนะ
  • Gluconolactone อนุพันธ์ของน้ำตาล มีคุณสมบัติเป็น Multifunctional agent เป็นได้ทั้ง Additives ช่วยจับโลหะ เป็นสารระงับเชื้อจุลินทรีย์ และเป็น Active ingredients โดยช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เป็นสารในกลุ่ม Polyhydroxy acid (PHA) ให้คุณสมบัติการผลัดผิว (Exfoliant) คล้าย AHA แต่อ่อนโยน ระคายเคืองน้อยกว่า มีรายงานวิจัยสนับสนุนว่าการผลัดผิวของ PHA สามารถเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มความแข็งแรงของ Barrier ผิวหนัง และมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant รวมทั้งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสารออกฤทธิ์ชนิดอื่นๆ ได้ ( 2004; 73(2 Suppl):3-13.)

 

ในด้านของเบส มาในเบสรูปแบบของอิมัลชั่น ประกอบด้วยน้ำ สารดูดน้ำ และซิลิโคนที่ช่วยเคลือบผิวอย่าง Dimethicone และสารปรุงแต่งที่เหลือก็ไม่มีตัวไหนที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

 

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง อัดแน่นมาด้วยส่วนผสมของสารบำรุงหลายชนิด มีประโยชน์โดยรวมในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น Anti-pollution ต่อต้านมลภาวะตามชื่อผลิตภัณฑ์ เพิ่มความชุ่มชื้น antioxidant เสริมความแข็งแรงของ Barrier ผิว ลดการอักเสบและระคายเคือง รวมถึงด้านริ้วรอยได้ไปพร้อมๆกัน ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ Anti-pollution ที่มาครบด้วยสารบำรุงอื่นๆที่ดูแลผิวได้ครบถ้วนแบบ Global effect ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มาในเนื้อเบสแบบอิมัลชั่น ที่ประกอบด้วยน้ำ สารดูดน้ำ และซิลิโคนเคลือบผิวตัวพื้นฐานอย่าง Dimethicone ซึ่งตัวนี้ไม่ได้กันน้ำกันเหงื่อแรงแบบซิลิโคนในกันแดดหรือเมคอัพ จึงล้างออกจากผิวได้ง่าย ไม่ต้องห่วงเรื่องอุดตัน สารปรุงแต่งอื่นๆก็ทำมาได้ดี ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตัวมาสค์มาในกระปุกแบบกว้าง ซึ่งการตักออกมาใช้อาจจะต้องหาไม้พายเล็กๆ หรือ ช้อนเล็กๆ เพราะเนื้อเจลไม่ได้ข้นมากขนาดที่จะตักออกมาแล้วเป็นเส้นสวย เหมือนจะเหลวไปนิดนึง เนื้อเจลบางเบา ไม่หนักผิว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ ไม่มีน้ำหอม ใช้กลางคืน เช้าตื่นมาแล้วนุ่มฟูจริงอะไรจริงรู้สึกผิวมีสุขภาพดี ตาม claim ของแบรนด์ ส่วนตัวมี่ผิวแห้ง ใช้แทน Night cream ทุกวันก็ถือว่าชุ่มชื้นดี เอาอยู่สำหรับหน้าหนาวที่เชียงราย เรื่อง whitening กับริ้วรอยอาจจะยังเห็นไม่ชัดเพราะพึ่งเริ่มใช้ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ แต่เรื่องชุ่มชื้นนี่ดีงามมาก สัมผัสได้ตั้งแต่คืนแรกที่ใช้ค่ะ ให้ไป 4.5 ฟลาสก์

 

คะแนน.jpg

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Klairé ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Klairé ได้โดยตรงเลยค่ะ

Facebook: https://www.facebook.com/KlaireOfficial

Instagram: Klaireofficial

www.beforeandaftercorp.com

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ Klairé การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์หน้าข้ามคืนเพื่อผิวกระจ่างใสและความชุ่มชื้นแบบครบวงจร กับ DNAh Perfect SNOWWHITE mask

สวัสดีค่ะ

ค่ำคืนอันแสนเหงาเปล่าเปลี่ยวหัวใจแบบนี้ เรามาอ่านรีวิวสกินแคร์ด้วยกันดีกว่าค่ะ

สกินแคร์ที่มี่หยิบมารีวิวในวันนี้เป็น Sleeping mask หรือ มาสค์หน้าแบบ Leave on ที่ทาไว้ก่อนเข้านอนนั้นเอง ว่ากันว่า วิถีชีวิตของเราชาวเมืองนั้นค่อนข้างเร่งรีบเนอะ จะมานั่งทาครีม 18 Step แบบบ้านมียอนทุกๆวันทุกๆคืนนี่ก็คงจะไม่มีเวลา Sleeping pack หรือ Overnight mask ก็เลยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ชีวิตชาวเราได้ดีเลยทีเดียวเชียว

วันนี้มี่เลยเอามาสค์หน้าของแบรนด์ DNAh แบรนด์เจ้าเก่าที่เคยรีวิว Sunscreen สเตมเซลล์ดอกบัว เอาไว้ (ลิงค์: https://cosmeknowledge.wordpress.com/2016/12/07/dnahsuncare/)

มาสค์หน้าตัวนี้มีชื่อว่า DNAh Perfect SNOWWHITE mask ค่ะ

dna 1

นางมีให้ลองสองขนาดนะคะ ขนาดปกติ 30 กรัม กับ ขนาดมินิ 10 กรัม พกพาสะดวกสำหรับเดินทางโดยเฉพาะ หน้าตาจะเป็นแบบนี้ค่ะ

dna 2

ตัวมาสค์ size ใหญ่จะเป็นแพคเกจแบบอคริลิกชนิดปั๊มนะคะ แบบนี้ก็มีข้อดีคือป้องกันการปนเปื้อนดีกว่าแบบกระปุก เวลาเราเอานิ้วลงไปควักครีมในกระปุกก็จะเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อจากมือไปได้เหมือนกันค่ะ

เนื้อครีมมาในสีขาว กลิ่นหอมไปในโทนดอกไม้อ่อนๆ

dna 3

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ซึมไวแห้งไว ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น ไม่เหนอะหนะและหนักผิว

dna 4

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5 – 6 นะคะ ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

dna pH

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สผส dnah

จากส่วนผสมวันนี้ มี่ใช้สีของสารบำรุงไว้เป็นสีม่วงนะคะ และมีสีฟ้าไว้ตรงกรดไขมันที่จำเป็น 2 ชนิด คือ Linolenic acid และ Linoleic acid ค่ะ

ส่วนของสารบำรุงทางแบรนด์เลือกใส่มาหลายชนิดเหมือนกัน มี่จะยกมาเป็นกลุ่มๆนะคะ

  1. สารสกัดจากเซลล์เพาะเลี้ยงของ Tulip (Tulipa gesneriana callus culture extract) ที่เราเรียกกันติดปากว่า สเตมเซลล์ เป็นวัตถุดิบจากญี่ปุ่น ได้จากการสกัดเซลล์เพาะเลี้ยงของ Phytoplacenta ในดอกของทิวลิป เลยอาจจะเรียกว่า Tulip phytoplacenta หรือ รกทิวลิป ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า คุณสมบัติเด่นเรื่อง Whitening และมีประโยชน์เป็น Antioxidant ลดการอักเสบ ส่งเสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) และเพิ่มความชุ่มชื้นโดยมีส่วนช่วยเสริมการทำงานของ Aquaporin 3
  2. กลุ่มวิตามิน มีด้วยกันหลายตัว ได้แก่
  • วิตามินบี 3 (Niacinamide) ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกับผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ได้อีก (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)
  • วิตามินอี ทางแบรนด์ใช้ในรูปแบบ Tocopheryl acetate มีประโยชน์เป็น Antioxidant
  • วิตามินซี ทางแบรนด์ใช้ในรูปแบบ Ascorbyl palmitate ซึ่งมีความเป็นกรดน้อยลง ละลายในไขมันได้ดีขึ้น จึงคาดว่าดูดซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น วิตามินซีมีประโยชน์กับผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening โดยไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี ด้านริ้วรอย โดยเป็นตัว Antioxidant ช่วยชะลอวัย และเป็นส่วนหนึ่งในการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิว และมีคุณสมบัติลดการอักเสบ
  • วิตามินบี 6 หรือ Pyridoxine มีประโยชน์ในการควบคุมความมันของผิวหนัง
  • วิตามินบี 5 หรือ Panthenol มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว
  • Biotin นางเป็นหนึ่งในวิตามินกลุ่มวิตามินบี ทำหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการสร้างและสลายไขมัน รวมทั้งไขมันในเซลล์ผิว การได้รับ Biotin จึงมีส่วนช่วยให้ผิวหนังมีการสร้างไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ในผิวให้เป็นไปอย่างปกติ รักษาความชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้ง ลดริ้วรอย มีรายงานจากผู้ผลิตวัตถุดิบว่า ถ้าใช้ร่วมกับวิตามินซี และบี3 จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติการเป็น Whitening และลดเลือนริ้วรอยได้ดีขึ้น
  1. สารบำรุงอื่นๆ
  • สารสกัดจากเห็ด Fomes officinalis มีคุณสมบัติช่วยกระชับรูขุมขน
  • Astaxanthin สารในกลุ่ม Carotenoid ที่เป็นรงควัตถุชนิดหนึ่ง มีสีแดงเข้ม พบในพืชหลายๆชนิด มีประโยชน์เป็น Antioxidant ที่ดี
  • Arbutin เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase
  • Dipotassium glycyrrhizate เป็นสารที่ได้จากชะเอม มีคุณสมบัติลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว
  • Glutathione เป็น Antioxidant และมีคุณสมบัติเป็น Whitening
  • Hydrolyzed yeast extract มีประโยชน์ด้านความชุ่มชื้น
  • Allantoin ช่วยลดการอักเสบและระคายเคือง
  • Threonine เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มีบทบาทเกี่ยวข้องกับระบบสมดุลโปรตีนในร่างกาย สามารถเปลี่ยนสภาพเป็น Glycine กับ Serine ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์คอลลาเจนได้ ข้อมูลจากผู้ผลิตบอกว่า Threonine ช่วยส่งเสริมการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน คอลลาเจน อิลาสติน ให้แข็งแรงยืดหยุ่น และช่วยส่งเสริมการสมานแผล
  • กรดไขมันจำเป็น Linoleic acid และ Linolenic acid ช่วยทดแทนไขมันให้กับผิวหนัง

โดยรวมจึงเห็นว่าสารบำรุงในมาสค์นี้มากันครบถ้วนเลยทีเดียวค่ะ

ถ้าพิจารณาด้าน Whitening อย่างเดียว ถือว่า มีส่วนเสริมฤทธิ์กันครบทั้ง 3 Step คือ

  • ก่อนการสร้างเม็ดสี อาศัยพวก Antioxidant และสารลดการอักเสบ
  • ยับยั้ง Tyrosinase ไม่ให้สร้างเม็ดสี ด้วยสารบำรุงหลายๆตัว
  • ลดการส่งผ่านของเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วด้วย B3

ในด้านเบส ดูเหมือนจะเป็นแบบประเภทอิมัลชั่นแบบเนื้อครีม ประกอบด้วยส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน มีส่วนผสมของ Alcohol มาในลำดับท้ายๆ และมีการใช้สารกันเสียในกลุ่มของ Paraben อยู่ 1 ตัว

ให้คะแนน

  1. Actives หรือ สารบำรุง เรียกได้ว่าจัดมาค่อนข้างอุ่นหนาฝาคั่ง สารบำรุงที่ทางแบรนด์เลือกมามีประโยชน์ด้านการเพิ่มความชุ่มชื้น มีส่วนช่วยเรื่อง Whitening และเสริมด้วยคุณสมบัติ Antioxidant ช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอย ลดการอักเสบและระคายเคืองผิว ควบคุมความมัน มากันขนาดนี้ก็คงต้องให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ เนื้อเบสมาในรูปแบบของเนื้อครีม มีทั้งส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน ไม่มีน้ำมันที่เสี่ยงอุดตันผิว แต่มีส่วนผสมของ Alcohol อยู่ในลำดับท้ายๆ เข้าใจว่าติดมากับพวกสารสกัด และมีการใช้สารกันเสียในกลุ่ม paraben แต่ส่วนตัวมี่ก็ใช้มาร่วม 2 อาทิตย์ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีก็ต้องหักคะแนนเพื่อความยุติธรรม รับไป 3 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ผิวผสม/T-zone มันแก้มแห้งค่ะ เลยเอามาสค์นี้มาใช้ทั้งเช้าเย็น เนื้อมันก็ไม่ได้หนักมากถึงขั้นต้องใช้แค่ก่อนนอน เรื่อง Feeling ของมาสค์ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี มีสัมผัสเบา ไม่เหนอะหนะหนักผิว และก็ไมได้แห้งจนเกินไป ถ้ามองด้านความชุ่มชื้นถือว่าทำมาได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ส่วนด้านของ Whitening ก็ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี นางจะค่อยๆปรับผิวให้มีสีสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแบบว่าขาวใสชั่วข้ามคืน ส่วนตัวถือว่าค่อนข้างชอบและค่อนข้างพอใจนะคะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

คะแนน dna

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ DNAh ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของแบรนด์ DNAh ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/deenahthailand

สำหรับวันนี้ก็ขอลากันไปแค่นี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DNAh การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Sleeping mask สูตรพืชเอเชีย และ Multi-vitamin serum จากแบรนด์ Asiae สวยใสประดุจเจ้าหญิงแรกแย้ม

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกๆท่าน

เมื่อช่วงก่อนมี่เคยรีวิว Skincare คุณภาพฝีมือคนไทยจากแบรนด์ Asiae ไปแล้วช่วงก่อน ตอนนี้ทางแบรนด์ปรับ package ให้ดูสวยงามขึ้น และมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่เป็น Multivitamin active serum ที่น่าสนใจเพิ่มมาอีกตัวค่ะ

ว่าแล้วก็มาดูหน้าตาโฉมใหม่จากแบรนด์ Asiae เครื่องสำอางสูตรเอเชีย กันเลยดีกว่าค่ะ

asiae-1

เป็นแพคเกจแนววินเทจสวยงามเชียวค่ะ

มาดูกันไปทีละตัวเลยเนอะ

 

ตัวแรกเป็น Multivitamin serum ตัวนี้ค่ะ

asiae-3

เป็นเซรั่มขวดแก้วสีชา มาในกล่องกระดาษสีขาว/เขียว ดูสวยงามดีค่ะ

asiae-6

ตัวเซรั่มมีสีชมพู ซึ่งคาดว่าเป็นสีตามธรรมชาติของวิตามินบี 12 ที่ใส่มาเป็นส่วนผสม

mtv-1

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ดูดซึมไว ไม่เหนอะหนะ ไม่แห้งตึง ด้วยความที่ทางแบรนด์ไม่ใส่น้ำหอมเราเลยจะได้กลิ่นของวัตถุดิบอยู่จางๆค่ะ

mtv-2

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

%e0%b8%aa%e0%b8%9c%e0%b8%aa-multivit

จากส่วนผสมในส่วนของสีม่วงจะเป็นสารบำรุงค่ะ

ในกลุ่มของวิตามินก็จะมีวิตามินอี วิตามินซี วิตามินบี 5 บี 3 และ บี 12 เรียกได้ว่ามากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเลยทีเดียว

มาดูคุณสมบัติของวิตามินแต่ละตัวกันดีกว่าค่ะ

  • วิตามินอี เป็นรูปแบบ Alpha-tocopherol มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant
  • วิตามินบี 5 หรือ Panthenol มีบทบาทเรื่องความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ ให้ความรู้สึกสบายผิว
  • วิตามินซี ใช้ในรูปแบบ Ascorbyl glucoside ซึ่งมีความอ่อนโยน มีความเป็นกรดน้อย และมีความคงตัวสูงกว่า วิตามินซีมีประโยชน์กับผิวหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้าน Antioxidant ชะลอวัย หรือ Whitening
  • วิตามินบี 3 หรือ Niacinamide เป็นอีกตัวที่มีประโยชน์กับผิวอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น Whitening ลดการอักเสบ ด้านสิว และช่วยเพิ่มการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • วิตามินบี 12 หรือ Cyanocobalamin มีรายงานการวิจัยกล่าวถึงคุณสมบัติในการลดการอักเสบในผู้ป่วย Atopic dermatitis ทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่ (Br J Dermatol. 2004;150(5):977-83., J Altern Complement Med. 2009;15(4):387-9.) ผู้ผลิตวัตถุดิบยัง Claim ไปถึงคุณสมบัติในการลดผิวไหม้แดด (Sunburn) ริ้วรอย เสริมความยืดหยุ่นให้ผิว และช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น

 

นอกจากวิตามินรวมแล้ว เซรั่มยังมี Hyaluron  อีก 2 ขนาด ซึ่งช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นเช่นกัน

โดยรวมก็กล่าวได้ง่ายๆว่าเซรั่มตัวนี้ตัวเดียว ได้ครบจบทุกสิ่งค่ะ

ในส่วนผสมยังมีการใส่ Ethoxydiglycol ซึ่งเป็นสารเพิ่มการดูดซึมของสารอื่นเข้าสู่ผิวอยู่ด้วย

ส่วนผสมอื่นๆก็ไม่ได้มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวเลยค่ะ

 

อีกตัวเป็น Aqua active sleeping pack ซึ่งมีการปรับแพคเกจ และภาชนะใหม่ ให้ไฉไลกว่าเดิม โดยมาในรูปแบบกระปุกแก้วสีชา

asiae-2

เนื้อมาสค์มาในรูปแบบ Emulgel สีฟ้า

asiae-5

ด้วยความที่ทางแบรนด์ไม่ใส่น้ำหอม เราก็จะได้กลิ่นของวัตถุดิบจางๆเช่นกันค่ะ

mask-1

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ชุ่มชื้นผิวค่อนข้างมาก แต่ไม่เหนอะหนะ ให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว

mtv-2

สำหรับส่วนผสมเป็นดังรูปค่ะ

%e0%b8%aa%e0%b8%9c%e0%b8%aa-asiae-mask

มี่แทนกลุ่มของสารบำรุงด้วยสีม่วงนะคะ

 

ส่วนของสารบำรุงนั้นให้ผลโดยรวมหลายด้าน ได้แก่

  • ผลัดเซลล์ผิวลดการอุดตัน จากสารสกัดของต้น Willow 2 สายพันธ์ คือ Salix nigra (Black willow) และ Salix alba ที่มี BHA ตามธรรมชาติ ให้ผลลดการอุดตัน ลดการอักเสบ ร่วมกับ Glycolic acid ที่เป็น AHA และสาร Lactic acid ธรรมชาติที่ได้จากการหมักของ Lactobacillus
  • Antioxidant ต่อต้านอนุมูลอิสระ จากสารสกัดพืชหลายชนิด
  • ผลดีต่อสิว มี Niacinamide ที่ช่วยลดการอักเสบสิว ร่วมกับสารสกัดจากพืชที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออย่าง Melia azaridacta (สะเดาอินเดีย), Houttuynia cordata (พลูคาว) และสารหอม O-cymen-5 ol ที่เป็นสารกลุ่ม Terpenes ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้หลายชนิด ร่วมกับ Glyceryl caprylate ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกับผิวหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความชุ่มชื้น จนถึงฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ
  • ลดการอักเสบ จากสารสกัด Phellodendron amurense ซึ่งมีงานวิจัยรองรับถึงคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ (Int Immunopharmacol. 2014; 19(2):214-20.)
  • ริ้วรอยและแผลเป็น มีสารสกัดจาก Scutellaria ที่ช่วยเรื่องการสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยลดริ้วรอย สมานแผล
  • สูตรผสมของ Lactobacillus/Soybean Ferment Extract (and) Saccharomyces/Viscum Album (Mistletoe) Ferment Extract (and) Saccharomyces/Imperata Cylindrica Root Ferment Extract มีชื่อทางการค้าว่า Natural HGTM ของเกาหลี มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยให้ความรู้สึกสบายผิว ลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง
  • Whitening อาศัย Niacinamide เป็นตัวลดการส่งผ่านเมลานินออกมาจากข้างใน มีผลลดรอยดำจากสิวได้ด้วย
  • Moisturizer มี Trehalose ที่เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ มีคุณสมบัติดูดน้ำให้ผิว และช่วยปกป้องผิวจากอากาศแห้งๆได้ดี ร่วมกับสารดูดน้ำอีกหลายตัว และ Sodium hyaluronate

 

โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างครบค่ะ

ในส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ ก็ไม่ได้มีสารที่มีพิษมีภัยอะไร ไม่มี Alcohol มีสารดูดน้ำดีๆหลายตัว มี Silicone ที่ช่วยเคลือบปกป้องผิวรักษาความชุ่มชื้นได้ด้วย

ตัวนี้มาในรูปแบบของ Emugel ที่ประกอบด้วยซิลิโคนกับน้ำ ไม่มีน้ำมันที่สุ่มเสี่ยงอุดตันรูขุมขน

 

มาให้คะแนนกันดีกว่า

วันนี้ขอให้รวบ เป็นภาพรวมเลยนะคะ

 

  1. กลุ่มสารออกฤทธิ์ หรือ Actives เรียกได้ว่ามากันแน่นแบบสมบูรณ์แบบ ดูแลได้ครอบคลุมเกือบทุกปัญหาผิว ดังที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วในด้านบน ถึงตรงนี้ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาหักคะแนน จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. กลุ่มเนื้อหลัก หรือ Base ทั้ง 2 ตัว ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว และไม่มี Alcohol ไม่มีน้ำมันที่สุ่มเสี่ยงอุดตันผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  3. กลุ่มของสารปรุงแต่ง หรือ Additives ทั้งสองตัวไม่มีสารที่มีพิษมีภัยอะไรกับผิว เลยไม่รู้จะหักคะแนนอะไร เลยขอให้ 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน สำหรับตัว Multivitamin serum มีเนื้อค่อนข้างบางเบา ไม่เหนอะหนะ ดูดซึมง่าย ส่วนตัว Sleeping mask ก็ให้สัมผัสที่เบา ไม่หนักผิว ไม่มันเยิ้ม เน้นการเติมน้ำให้กับผิว เกลี่ยค่อนข้างง่าย หลังจากใช้มาอยู่เกือบ 2 อาทิตย์ ก็รู้สึกว่าผิวเราจะนุ่ม ชุ่มชื้น มีน้ำมีนวล ทำให้ริ้วรอยเล็กๆดูหายไปค่ะ โดยรวมจึงถือว่าค่อนข้างประทับใจ ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

%e0%b8%84%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%99-asiae

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เฟสบุคของทางแบรนด์ได้เลยค่ะ

 

https://www.facebook.com/Asiae.np

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Asiae ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ Asiae การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้รับค่าตอบแทนในการเขียนรีวิวและไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมโทนเนอร์และสลีปปิ้งมาสค์สำหรับผิวกายเพื่อความกระจ่างใสแบบมีออร่ Graccy grace aura white Body mask และ Body skin detox า

สวัสดีค่ะ

หลังจากที่มี่ได้ใช้สบู่ Graccy grace ที่เพื่อนให้มาได้ซักพัก ก็เลยติดใจ เลยลองหาผลิตภัณฑ์ของเขามาลองเล่นต่ออีก

ตัวที่มี่จัดมาลองเป็น Body mask และ Body skin detox ค่ะ

 

body-1

 

เรามาเริ่มกันที่ตัวมาสค์เลยนะคะ

นางมาในกระปุกพลาสติกสีชมพูค่ะ

 

body-4

 

มาสค์เป็นเนื้อครีมแบบพุดดิ้ง คืนรูปได้ ดูตื่นตาตื่นใจดีค่ะ

 

This slideshow requires JavaScript.

ตัวมาสค์มีกลิ่นหอมละมุน เนื้อบางเบา ตอนตักออกมาถ้าใช้ช้อนตักจะตักง่ายกว่าค่ะ

 

mask tx.jpg

 

เกลี่ยได้ง่าย ให้ความชุ่มชื้นดี ไม่เหนอะหนะค่ะ

 

mask-tx-2

 

วัดค่า pH ซักหน่อยนะคะ

body-10

 

pH อยู่ที่ประมาณ 4 ซึ่งเป็นค่า pH ที่เหมาะสมในการออกฤทธิ์ของ AHA ค่ะ

 

มาดูส่วนผสมบ้างนะคะ

 

%e0%b8%aa%e0%b8%9c%e0%b8%aa-body-mask

 

จากส่วนผสมจะเห็นว่าในเบสหลักจะเป็นเบสชนิดน้ำ (Water-based) จึงให้สัมผัสที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับทุกสภาพผิวกาย

ในส่วนของสารบำรุง ตัวที่เด่นมากเลยน่าจะเป็น Potassium azeloyl diglycinate ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของบริษัท Sinerga ประเทศอิตาลี่ สารนี้เป็นนวัตกรรมลูกผสมของ Azelaic acid กับ กรดอะมิโน Glycine ทำให้ความระคายเคืองลดลง ละลายน้ำได้ดีขึ้น มีคุณสมบัติเป็น Multi-functional ingredients ให้ผลได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Whitening ควบคุมความมัน เพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว (J Appl Cosmetol. 2003;21:177-188)

สารบำรุงตัวอื่นๆที่น่าสนใจได้แก่

  • Saccharide isomerate ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารนี้ไปจับกับโปรตีนบนผิวทำให้มีฤทธิ์ชุ่มชื้นได้ยาวนาน
  • Ethylascorbic acid กับ Tocopheryl acetate คือ รูปแบบหนึ่งของวิตามินซีและอี ให้ผลเป็น Antioxidant ตัววิตซียังช่วยเรื่องการเป็น Whitening ได้ด้วย
  • Alpha-arbutin ให้ผลเป็น Whitening โดยการลดการสร้างเม็ดสีผิว
  • Punica granatum extract สารสกัดจากทับทิมก็เป็น Antioxidant เช่นเดียวกัน

 

อีกตัวเป็นตัวโทนเนอร์สำหรับร่างกายค่ะ

มีชื่อว่า Graccy grace aura white skin detox

 

body-3

 

ตัวนี้อารมณ์จะเป็นโทนเนอร์เช็ดทำความสะอาดปรับสภาพผิวก่อนมาสค์นะคะ

ตัวโทนเนอร์เป็นเบสน้ำค่ะ

 

body-11

 

เช็ดแล้วก็จะสามารถทำความสะอาดผิวได้ส่วนหนึ่งด้วยค่ะ

 

detox-tx

 

ในส่วนของค่า pH นั้น

 

body-13

อยู่ที่ประมาณ 4 เช่นกันค่ะ ซึ่งเป็น pH ที่ AHA ออกฤทธิ์ในการผลัดผิวได้ดีค่ะ

 

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

 

%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%9c%e0%b8%aa%e0%b8%a1-body-detox

ส่วนผสมของตัว Body detox นั้นค่อนข้างแน่นนะคะ

ตัวที่เด่นมากของ Body detox ก็คือ Hexanoyl dipeptide-3 norleucine acetate สารตัวนี้เป็นเปปไทด์ที่เกิดจากกรดอะมิโน 2 ตัว มีชื่อทางการค้าว่า PerfectionPeptide P3 ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่าสารนี้มีคุณสมบัติช่วยส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและลดเลือนริ้วรอย (PerfectionPeptide P3, Mibelle biochemistry)

มีเอนไซม์ Papain จากมะละกอ ให้ผลผลัดเซลล์ผิว ทำงานร่วมกับ Lactic acid ที่เป็น AHA ให้ผลผลัดเซลล์ผิว และเติมน้ำให้ผิว และ Bacillus ferment ซึ่งให้ผลการผลัดเซลล์ผิวเช่นกัน

 

เสริมมาด้วยสารที่ได้จากการหมักเปลือกมะนาว (Lactobacillus/lemon peel ferment) ซึ่งอุดมด้วยสารในกลุ่ม Bioflavonoids ที่เป็น Antioxidant ที่ดี สารสกัดจากกะหล่ำดอก (Brassica oleracea botrytis extract) ที่อุดมด้วย Antioxidant เช่นกัน

 

มีสารเติมน้ำให้ผิวหลายตัว อย่าง Trehalose, Sodium hyaluronate, urea, serine

โดยรวมจึงถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี เพียงแต่มีส่วนผสมของสารกันเสียในกลุ่ม parabens อยู่หลายชนิด

การมีอยู่ของ Hydrogen peroxide ถึงแม้จะให้ผลดีในด้านการระงับเชื้อจุลินทรีย์บนผิว แต่ด้วยความที่ว่าสารนี้สลายตัวปลอดปล่อย Oxygen ออกมา อาจจะไป Oxidize สารดีๆในผลิตภัณฑ์ให้เสื่อมสภาพไปได้

 

มาให้คะแนนกันดีกว่า

  1. Actives: ส่วนของสารบำรุงผิวทั้ง 2 ชิ้น เรียกได้ว่าค่อนข้างเน้นไปที่ด้าน Whitening มีการใช้สารที่เป็นนวัตกรรม ในตัว Body detox นั้นจะเน้นไปที่การผลัดผิวให้ผิวดูเรียบเนียน และมีสารในกลุ่ม Moisturizer อยู่หลายตัว ในส่วนนี้เลยขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. Base: เนื้อหลักของทั้งสองชิ้นมาในรูปแบบน้ำ (Water-based) ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซิลิโคน และแอลกอฮอล์ จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่มีอะไรให้หักคะแนน เลยขอให้ 5 ฟลาสก์
  3. Additives: กลุ่มสารปรุงแต่งของทั้งสองตัวมีส่วนผสมของ Hydrogen peroxide ซึ่งอาจจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับผิวเท่าไหร่ และในตัว Skin detox ก็มีส่วนผสมของ Parabens อยู่หลายชนิด จุดนี้ขอให้ 3 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน: ส่วนตัวมี่ใช้โทนเนอร์ Skin detox เช็ดผิวก่อนลงมาสค์ ก็จะแอบเปลืองสำลีอยู่นิดหน่อย แต่จะให้เทใส่ผ้าขนหนูก็จะเปลืองโทนเนอร์ ซึ่งมี่จะใช้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง (จริงๆก็ใช้ทุกวันได้ค่ะ) ตามด้วยพอกมาสค์ต่อ ถือว่าค่อนข้างดีเลยค่ะ เป็นการปรนนิบัติผิวตัวเองเพื่อความงาม ซึ่งผลที่ได้เมื่อใช้มา 2 อาทิตย์คือ ผิวจะนุ่มเนียน น่าสัมผัส พวกรอยด่างดำก็ดูจางลง รอยแดงก็ลดลง โดยรวมถือว่าค่อนข้างชอบค่ะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

 

%e0%b8%84%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%99-body

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เพจ Graccy grace นะคะ

https://www.facebook.com/graccygracebygraccy/

 

Discliamer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับเป็นของขวัญจากเพื่อน การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์ข้ามคืนเพื่อความสว่างใส Giniv Blanginiv masque de minuit

สวัสดีค่ะ

 

วันนี้มี่มีรีวิวมาสค์เก๋ๆจากแบรนด์น้องใหม่ Giniv มาฝากกันค่ะ

 

ดูคำ Claim ของแบรนด์ก่อนเนอะ

“แบรนด์ Giniv เป็นแบรนด์ที่มีคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการผนวกพลังแห่งพฤกษาสกัดธรรมชาติผสานเข้ากับเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่สอดประสานกันอย่างลงตัว และด้วยความเชื่อในศิลปะแห่งการบำบัดจึงรังสรรค์เนื้อผลิตภัณฑ์และกลิ่นบำบัดอย่างประณีต เพื่อมอบประสบการณ์แห่งการปรนนิบัติผิวอย่างล้ำลึกและเห็นผล

 

The New Generation of Multi-action Brightening Technology.

เปล่งรัศมีแห่งผิวสว่างเจิดจรัส ยับยั้ง 3 กระบวนการหมองคล้ำก้าวสู่บัญญัติใหม่แห่งความสว่างใสดุจรุ่งอรุณใหม่แห่งผิว เพราะผู้หญิงเอเชียนั้นมีผิวที่บอบบางและมีแนวโน้มที่ต้องเผชิญกับปัญหาผิวหมองคล้ำได้ง่ายกว่า จึงควรปรนนิบัติผิวอย่างเข้าใจและตรงจุด”

 

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Blanginiv ที่มี่ได้มามีทั้งหมด 2 ตัว นะคะ เป็นมาสค์หน้าข้ามคืน กับเซรัมค่ะ

 

ตอนได้มาเขาจะแพคมาในกล่องสีขาว มีความหรูหราอยู่นะคะ

 

giniv-6

 

พอแกะกล่องจะเจอกระดาษห่อที่เป็น Signature ของแบรนด์ค่ะ

 

giniv-7

 

หน้าตาตัวมาสค์และ เซรัมค่ะ

 

giniv-8

 

วันนี้ขอรีวิวตัวมาสค์ก่อนนะคะ มาสค์ตัวนี้มีชื่อเต็มว่า Giniv masque de minuit หรือ Multi-action brightening midnight mask นั่นเองค่ะ

 

Mask ตัวนี้ลงหนังสือ L’officiel เล่มล่าสุดของเดือน กย. ด้วยนะคะ

 

giniv-3

 

มาสค์ของแบรนด์จะมาในกล่องสีขาวคาดโบว์แดงดูหรูหราดีค่ะ ตัวเนื้อมาสค์เป็นแบบเนื้อครีม อยู่ในขวดแบบ Airless pump ที่ทางแบรนด์ให้ชื่อว่า Zero-air lock ค่ะ

 

giniv-4

 

มาสค์เป็นเนื้อครีมสีขาว มีกลิ่นหอมละมุนโทนดอกไม้หวานๆ

 

12

 

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความชุ่มชื้นดี ซึมผิวได้ไว ไม่เหนอะหนะและหนักผิวค่ะ

 

mask-tex

 

ในกลุ่ม Blanginiv นี้ทางแบรนด์ Claim เรื่องผลลัพธ์ 7 ประการนะคะ

 

giniv 5.JPG

 

มาดูส่วนผสมบ้างดีกว่าค่ะ

 

%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%9c%e0%b8%aa%e0%b8%a1-mask

 

ส่วนผสมของมาสค์ตัวนี้นั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างจัดเต็มมาเลยทีเดียว อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมที่ให้ผลด้าน Whitening, moisturizing และ anti-aging แบบ 3 in 1 เลยทีเดียวค่ะ

 

โดยทางแบรนด์เน้น Claim ที่ 3 ส่วนผสมหลักค่ะ คือ สารสกัดจากยอดอ่อน Swiss garden cress (Lepidum sativum sprout extract) ตัว Beta-white และ Wild thymes ค่ะ

 

ซึ่งถ้านอกเหนือจาก 3 ตัวนี้แล้ว ส่วนผสมอื่นๆก็ดูหรูหราไม่แพ้กันเลยค่ะ ลองมาดูกันดีกว่า

 

ในด้าน Whitening นั้น มี่แทนด้วยสีฟ้านะคะ

จะเห็นว่ามี Whitening หลายตัวเลย และให้ผลครอบคลุมทุกขั้นตอนในการสร้างและส่งผ่านเม็ดสี Melanin จึงให้ผลเสริมกันในการเป็น whitening ที่ดี

ตัวที่น่าสนใจเช่น

  • สารสกัดจากชะเอม, Dipotassium glycyrrhizate, arbutin, kojic dipalmitate, hexyl resorcinol และ vitamin C 2 ชนิด ให้ผลลดการสร้างเม็ดสีผิว โดยไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้สร้างเม็ดสีผิว
  • Acetyl glucosamine กับ Niacinamide ให้ผลเสริมฤทธิ์กันในด้าน Whitening และ Anti-aging โดย Acetyl glucosamine ให้ผลยับยั้งการเปลี่ยน pro-tyrosinase ไม่ให้เป็น tyrosinase จึงไม่มีฤทธิ์สร้างเม็ดสี และเป็นหน่วยย่อยของ hyaluron ในผิวให้ผลเรื่องการเติมน้ำ ส่วน Niacinamide ให้ผลยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก การเสริมฤทธิ์ของสารทั้งสองจะช่วยให้ skin tone สม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น (Br J Dermatol. 2010;162(2):435-41.)
  • Oligopepetide-68 มีชื่อทางการค้าว่า Beta-white มีผลด้าน Whitening ตั้งแต่ระดับก่อนการสร้างเอนไซม์ Tyrosinase ออกมาเลยทีเดียว (ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบ)
  • Thymus serpillum extract สารสกัดจาก Thyme ข้อมูลจากผู้ผลิตระบุว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์เป็น Whitening โดยไปยับยั้งโปรตีน Kinesin ที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการส่งผ่าน Melanosome ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมายังผิวชั้นนอก
  • Lepidum sativum sprout extract สารสกัดจาก Swiss garden cress ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบบอกว่า มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ และลดเลือนริ้วรอยได้ สามารถยับยั้งการทำงานของฮอร์โมน Melanocyte stimulating hormone (MSH) ที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ที่มีหน้าที่สร้างเมลานินทำงานได้ดีขึ้น เมื่อไปยับยั้ง MSH ก็จะทำให้เซลล์เมลาโนไซต์ทำงานได้ลดลง ผิวจึงขาวขึ้น

 

โดยรวมคือ สารในกลุ่ม Whitening ที่ใส่มาคือขัดขวางการสร้างเม็ดสีผิวแทบจะทุก Step เลยทีเดียวค่ะ

 

ต่อมา คือ สารบำรุงกลุ่มบานเย็น เป็นสารกลุ่มไขมันทดแทนให้กับผิว ให้ผลด้านความชุ่มชื้น

 

และสุดท้าย คือ สารกลุ่มสีน้ำตาล เป็นสารบำรุงอื่นๆ มีทั้งตัวที่มีส่วนช่วย ให้ความรู้สึกสบายผิว ลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้น Antioxidant และลดริ้วรอย

 

อีกจุดที่เด่น น่าจะเป็นตัว Glycosphere (Palmitoyl Hydroxypropyltrimonium Amylopectin/Glycerin Crosspolymer) ซึ่งเป็นสารประกอบเชิงซ้อนของคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าสารนี้ใช้เป็นระบบนำส่งที่สามารถเก็บกักสารได้ทั้งสารที่ละลายน้ำและน้ำมัน ทั้งโมเลกุลใหญ่และเล็ก (Kobo products, Inc.) และนำพาไปสู่ชั้นผิว โดยมี่เดาว่า น่าจะเอามาเก็บ Vit A, C และ E ค่ะ

 

มีส่วนของ Alcohol ติดมา ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ลำดับต้นๆ อาจจะติดมากับพวกวัตถุดิบสารสกัดก็ได้ค่ะ ส่วนตัวมี่ใช้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกระคายเคืองหรืออะไรนะคะ และสารที่เหลืออื่นๆก็ไม่มีตัวไหนที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

 

ส่วนผสมอัดแน่นจัดเต็มขนาดนี้สมกับคำ Claim ของแบรนด์ ที่กล่าวว่า “The best brightening midnight mask” จริงๆค่ะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. กลุ่มสารบำรุง หรือ Actives จากที่ได้เล่าให้ฟังในด้านบน เรียกได้ว่าจัดเต็มและแน่นมาก คงไม่มีอะไรให้หักคะแนนค่ะ รับไป 5 ฟลาสก์เน้นๆ
  2. กลุ่มเนื้อหลัก หรือ Base เป็นสารในรูปแบบครีม ประกอบด้วยน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน มีทั้งสารดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว สารกลุ่มไขมันทดแทนผิว และสารเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้น แต่ติดตรงที่มี Alcohol ปนมา แม้จะไม่อยู่ในลำดับต้นๆ แต่เพื่อความแฟร์ในการรีวิวก็ต้องหักคะแนนไป เหลือ 4 ฟลาสก์
  3. กลุ่มสารปรุงแต่ง หรือ Additives ไม่ได้มีสารตัวไหนที่ไม่เป็นมิตรกับผิว แถมยังมีจุดเด่นเรื่องระบบนำส่ง จึงขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  4. คะแนนการใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบกลิ่น สัมผัสและเนื้อของมาสค์นะคะ มาสค์มีเนื้อเบา แต่ว่าชุ่มชื้น สิ่งที่มี่สัมผัสได้ในช่วง 2 สัปดาห์ระหว่างใช้ คือ ความชุ่มชื้น และ ความนุ่มฟูของผิวค่ะ ส่วนเรื่องสีผิว มีคนทักนะคะว่าดูผิวขาวขึ้น แต่มี่ยังไม่ค่อยรู้สึกอาจจะเพราะอยู่กับผิวตัวเองทุกวันก็ได้ค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์ค่ะ

 

%e0%b8%84%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%99-mask

 

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Giniv ด้วยค่ะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Home

FB : @ginivofficial

IG : ginivofficial

 

Discliamer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Giniv การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆในการเขียนรีวิว และไม่มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์เพื่อผิวกระจ่างใสตัวดังจากเกาะอังกฤษ Yllume ultimate illuminating complex mask

สวัสดีค่ะ… วันนี้มี่เอารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของมาสค์เพื่อผิวขาวกระจ่างใสตัวดังจากอังกฤษมาฝากกันค่ะ

เป็นมาสค์เนื้อครีมจากแบรนด์ Yllume นั่นเอง เป็นชิ้นที่สามของแบรนด์แล้วค่ะ ที่มี่ได้รีวิว

แบรนด์นี้ก็มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทานแล้วได้ประโยชน์เรื่องความกระจ่างใสด้วยค่ะ ส่วนตัวมี่เองก็ได้ทั้งทอลองทานและก็ทดลองใช้อาหารเสริม และ ครีมอยู่พักหนึ่ง และได้รีวิวไว้แล้วนะคะ

วันนี้เรามาดูโฉมหน้าของมาสค์กันบ้างค่ะ

 

ym 1

 

เขาจะมาในแพคเกจทรงกระบอกที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ค่ะ ข้างในก็จะมีกระปุกของมาสค์อยู่ค่ะ

 

ym 2

ตัวกระปุกมาสค์ เป็นกระปุกอคริลิกแบบหนา ซึ่งนางก็แถมช้อนไว้ตักมาสค์ให้ด้วยหนึ่งอันค่ะ

 

 

มาดูเนื้อมาสค์กันบ้างนะคะ

ตัวมาสค์เป็นมาสค์เนื้อครีมที่ค่อนข้างนุ่ม เกลี่ยได้ง่าย จะมีความลื่นอยู่พอตัว แต่ก็ไม่ถึงกับเหนอะหนะมากนักค่ะ

ตัวนี้ไม่มีกลิ่นนะคะ

 

ym 3

 

เวลาเกลี่ยจะดูเหมือนไม่ค่อยดูดซึมค่ะ ใช้เวลานวดๆซักนิด ตัวปื้นขาวก็จะหายไป

 

ym 4

 

ทางแบรนด์แนะนำวิธีใช้ไว้สองแบบนะคะ

  1. พอกไว้ประมาณ 10 นาที แล้วเช็ดออกด้วยสำลี หรือกระดาษทิชชู่นุ่มๆโดยไม่ต้องไปล้างออก
  2. พอกข้ามคืนเป็น Overnight mask (หรือ Sleeping pack) ค่ะ

พอเช็ดออกแล้วผิวจะรู้สึกนุ่ม ชุ่มชื้น

 

ym 6

 

 

ทางแบรนด์แนะนำว่า ใช้อาทิตย์ละครั้ง เพื่อช่วยให้ผิวมีความสว่างโกลว และมี Complexion ที่ดูสดใสกระจ่างใสขึ้นค่ะ

หรือจะใช้มากกว่านั้นก็ได้ ในวันที่เพลียๆ หรือไปออกแดดนานจนรู้สึกหมองคล้ำ ก็สามารถโปะลงไปได้เลยค่ะ

 

ตัวนี้แบรนด์ Claim ไว้ค่อนข้างแรงนะคะ เกี่ยวกับเรื่องของประสิทธิภาพ ทางแบรนด์ Claim ว่าเทียบเท่า Hydroquinone ที่ความแรง 4% เลยค่ะ แต่มีอาการข้างเคียงน้อยกว่า ซึ่งทางแบรนด์บอกว่าเป็นเพราะเขาใช้แต่ส่วนผสมจากธรรมชาตินั่นเองค่ะ เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดกันในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

 

เผื่อใครสนใจอยากอ่านแบบ original มี่ได้เอาภาพคำ Claim ของแบรนด์มาแปะให้ด้วยค่ะ

 

claiming yllume.jpg

(Image from Yllume UK official site)

 

ถ้าถามความเห็นมี่ มี่มองว่าไม่แปลกนะคะ เพราะส่วนผสมไวท์เทนนิ่งในเครื่องสำอางหลายๆชนิดก็มีงานวิจัยตีพิมพ์เปรียบเทียบกับ Hydroquinone อยู่

 

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

 

สผส mask

 

ในส่วนของสารบำรุงผิวนั้นมี่ทำสีม่วงเอาไว้ให้นะคะ

  • CARICA PAPAYA FRUIT EXTRACT คือ สารสกัดจากมะละกอ ซึ่งในมะละกอจะมีเอนไซม์ papain ที่ทำหน้าที่ย่อยโปรตีน แต่เอนไซม์นี้ไม่ค่อยคงตัวค่ะ ซึ่งทางแบรนด์ Claim ว่าเป็น สารสกัดที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ได้เป็น CROSS POLYMER ทำให้เอนไซม์ Papain มีความคงตัวสูง ให้ผลผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองเหมือนตระกูลกรดผลไม้
  • SOLANIUM LYCOPERSICUM (TOMATO) FRUIT EXTRACT เป็นสารสกัดจากมะเขือเทศ ซึ่งทางแบรนด์ Claim ว่าใช้มะเขือเทศสีขาวสายพันธ์พิเศษ มีส่วนประกอบของสารในกลุ่ม Colorless carotenoids คือ สารกลุ่ม Carotenoid ที่ไม่มีสี ที่สำคัญคือ phytoene กับ phytofluene ทางแบรนด์บอกว่าในผิวของเรามีสารกลุ่มนี้อยู่ในชั้นผิวหนังชั้นนอกถึง 38% และพบว่าคนที่ขาดสารกลุ่ม Colorless carotenoids นี้จะมีสีผิวที่เข้มกว่าคนที่มีเยอะ รวมถึงอาจจะมีปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง และเรื่องสิวได้มากกว่าด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีตัว Lycopene ที่เป็น Antioxidant ที่ดี ซึ่งมีรายงานว่า Lycopene ในสารสกัดมะเขือเทศ สามารถปกป้องผิวหนังจากอันตรายจากรังสี UV ได้ (Br J Dermatol. 2011; 164(1):154-62.) ส่วนของเปลือกผลมีสาร Resveratrol ซึ่งให้ฤทธิ์แรงในการต้านอนุมูลอิสระ (J Agric Food Chem. 2006; 54(19):7175-9.)
  • ASCORBYL GLUCOSIDE เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซีชนิดหนึ่งที่จับกับน้ำตาล มีความเป็นกรดลดลง มีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้น มีคุณสมบัติลดการสร้างเม็ดสีโดยไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase เป็น Antioxidant ที่ดี และเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการสร้างคอลลาเจน
  • OLIVINE STONE EXTRACT เป็นสารสกัดจากหินอัญมณี Olivine สีเขียว ซึ่งทางแบรนด์บอกว่าสารสกัดจากหิน Olivine นี้มีคุณสมบัติช่วยลดภาวะเครียด (Stress) ของเซลล์ผิว เพิ่มพลังงานให้แก่เซลล์ (ข้อมูลจาก Yllume official website)
  • HYDROLYZED PRUNUS DOMESTICA สารนวัตกรรมจากญี่ปุ่น ที่ Claim เรื่อง “Melanin diet” ออกฤทธิ์ขัดขวางการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก
  • BELLIS PERENNIS (DAISY) FLOWER EXTRACT คือ สารสกัดจากดอก Daisy ในสิทธิบัตรยุโรประบุว่าสารสกัดจาก Daisy สามารถใช้เป็น Whitening ได้โดยไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้สร้างเมลานิน (EP1737538 B1) ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารสกัดออกฤทธิ์ครบถ้วนตั้งแต่ก่อนการสร้างเม็ดสี ยับยั้งการสร้างเม็ดสี และป้องกันไม่ให้เม็ดสีออกไปข้างนอก

นอกจากนี้ยังมี Vitamin E และ Dipotassium glycyrrhizate จากชะเอมที่มีผลลดการอักเสบในผิวได้

สารออกฤทธิ์ในกลุ่มผิวขาว ออกฤทธิ์ไปที่ขั้นตอนการสร้างเม็ดสี และยับยั้งการส่งผ่าน Melanin ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก รวมทั้งผลัดผิวที่หม่นหมองออกไปด้วยเอนไซม์ papain cross polymer ซึ่งมีความอ่อนโยน สารสกัดจาก Daisy มีการ Claim ว่า ออกฤทธิ์ที่ขั้นตอนก่อนการสร้างเม็ดสีด้วย จึงถือว่าให้ผลครบทุกขั้นตอนของการสร้างเม็ดสี เสริมมาด้วย Antioxidant และสารไขมันทดแทนแก่ผิว

ส่วนของเนื้อหลักเป็นชนิด Emulsion ประกอบด้วยน้ำและน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของ Silicone และ Alcohol (ในทางเครื่องสำอางหมายถึง Ethanol หรือ Ethyl alcohol)

นอกจากนี้ทางแบรนด์บอกว่า ได้ทดสอบทางผิวหนัง และทดสอบการแพ้เรียบร้อยแล้ว (Dermatological and Allergy test) แต่ไม่ทราบรายละเอียดเรื่อง Sample size และวิธีที่ใช้นะคะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง หรือ Active ingredients ในส่วนของสารบำรุงเรื่องความขาวนั้นมีอยู่หลายตัว ออกฤทธิ์อยู่หลายขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนสร้างเม็ดสี ขั้นตอนการสร้างเม็ดสี ขั้นตอนการส่งผ่านเม็ดสี และการผลัดผิวทิ้งแบบอ่อนโยน รวมทั้งเสริมมาด้วยสารกลุ่ม Antioxidant และไขมันทดแทน แต่ยังดูเหมือนขาดสารเติมน้ำให้ผิวอยู่ ถ้าวัดกันที่ผลด้าน Whitening ก็ขอให้ไป 5 ฟลาสก์ แต่ถ้าวัดกันแบบองค์รวมจะขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. เนื้อผลิตภัณฑ์ หรือ Base เป็นรูปแบบ Emulsion จากน้ำและน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของ Silicone และ Alcohol แต่ สาร Ethylhexyl palmitate ที่ใช้อาจจะอุดตันรูขุมขนได้ในบางราย เลยขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. สารองค์ประกอบอื่นๆ หรือ Additives ไม่มีส่วนผสมของสาร Paraben ไม่มีน้ำหอม ไม่มีอะไรให้หักคะแนน เลยรับไป 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่คิดว่า มาสค์นี้ทำมาได้ค่อนข้างยืดหยุ่นค่ะ สามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ ทาไว้ 10 นาที แล้วเช็ดออก หรือ ล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆก็ได้ หรือจะใช้เป็น Sleeping pack มาสค์หน้าข้ามคืนก็ได้ค่ะ เนื้อครีมไม่เหนอะหนะ ค่อนข้างเกลี่ยง่าย ขนาดไม่ใช้ Silicone มาช่วยปรับสัมผัส ยังได้ครีมที่เนื้อนุ่ม บางเบา ส่วนเรื่องความกระจ่างใส มี่ใช้มาสค์อาทิตย์ละ 2 ครั้งค่ะ มาเกือบเดือน ตอนเช้าจะรู้สึกผิวนุ่มขึ้น แต่มี่ว่าเรื่องความขาวนั้นยังไม่ได้ชัดมากนะคะ เหมือนมันจะค่อยๆเพิ่มความสว่าง และเพิ่ม Complexion ให้ผิวมากกว่า ส่วนตัวก็ติดน้ำหอมนะคะ อยากได้น้ำหอมอยู่ แต่ไม่มีก็ดีค่ะ เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์ค่ะ

 

คะแนน ym

 

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางเพจ Skin Scope ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางเพจ Skin Scope โดยตรงเลยค่ะ

http://www.facebook.com/skinscope

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากเพจ Skin Scope การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Beauty talks] All about mask ภาค 2: มาสค์เนื้อครีม/เนื้อเจล

วันนี้มาคุยกันเรื่องมาสค์ที่มาในเนื้อครีม กับ เนื้อเจล กันนะคะ

 

BT mask 2.jpg

มาสค์ที่มาเป็นเนื้อครีม กับ เนื้อเจล มีทั้งแบบ ล้างออก ลอกออก และแบบที่ Leave-on ไว้ข้ามคืนค่ะ

 

ขอเอาตัวแรกก่อน เพราะรายละเอียดต่างไปหน่อยคือ มาสค์แบบลอกออก หรือ Peel-off mask ค่ะ

Peel-off mask นี่ก็เหมือนพวกเจลหรือครีมทั่วไปค่ะ เพียงแต่เขาก็จะมีส่วนผสมของสารก่อฟิล์มค่ะ

8-Amazing-Benefits-Of-Peel-Off-Masks.jpg

(Image from: www.stylecraze.com)


ตัวก่อฟิล์มที่ทอปฮิตใน Peel-off mask จะเป็น Polyvinyl alcohol หรือ PVA ค่ะ ถึงแม้จะลงท้ายด้วย Alcohol แต่ตัวมันก็ไม่ได้มีผลทำให้ผิวแห้งหรือจะระคายเคืองได้แบบ Alcohol ชนิดที่เรารู้จักกันว่า Ethanol ค่ะ

สารนี้ละลายได้ยาก และส่วนมากจะลายในแอลกอฮอล์ จึงมักพบว่าในส่วนผสมของมาสค์ลอกออกที่มี Polyvinyl alcohol จะมีแอลกอฮอล์อยู่ด้วย และอาจจะใส่ถึง 10% หรือมากกว่าเลยก็ได้ค่ะ เพื่อละลายเจ้านี้ให้ได้เป็นเจลใส

สรรพคุณของมาสค์ลอกออกแบบปกติ ถ้าไม่มีพวกตัวดูดซับก็แค่ เกิดฟิล์มที่ให้ผล Occlusive ให้ผิวชุ่มชื้น และเติมสารอาหารให้ผิว บางแหล่งระบุว่าตอนแผ่นฟิล์มหดตัวจะดึงเอารูขุมขนให้กระชับขึ้นด้วย แต่ถ้าใส่ตัวดูดซับ เช่นพวก Clay หรือ SIlica มาด้วยก็จะช่วยดูดสิวเสี้ยน หรือสิ่งสกปรกอื่นๆออกมาจากผิวได้ด้วย ถือเป็นการทำความสะอาดผิวรูปแบบหนึ่งค่ะ

ถ้าในส่วนผสมมีแอลกอฮอล์ คนที่มีผิวแห้งก็ควรเลี่ยงนะคะ

ถ้าอยากใช้ก็ใช้ซักอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งค่ะ

ขอยกตัวอย่างเป็นมาสค์ตัวนี้ค่ะ 

 

peel-off mask.jpg

 

เป็นหน้าที่ตัดมาจากเวบ Ulta ค่ะ จะเห็นว่าส่วนผสมค่อนข้าง Classic เลยค่ะ เพราะใช้สารก่อเจลเป็น PVA ที่ละลายใน Alcohol และ สารละลายอื่นๆ เสริมมาด้วย Panthenol คือ โปรวิตามินบี 5 กับ Sodium PCA ให้ผลเรื่องชุ่มชื้น  สารสกัดจากว่านหางจระเข้ และ แตงกวา ก็ให้ผลเรื่องชุ่มชื้นเช่นกัน และมีวิตามิน C กับ E อยู่

ราคาเท่านี้ถือว่าค่อนข้างถูกค่ะ

 

ต่อมา แบบที่ 2 เป็นมาสค์แบบล้างออก ก็จะใช้หลักการเดียวกับแผ่นมาสค์ คือส่วนผสมมีคุณสมบัติก่อฟิล์มบนผิวได้ หรือเคลือบผิวให้ภาวะ Occlusive เพื่อเติมน้ำ เติมอาหารให้ผิว และช่วยเรื่องการสมานแผลให้หายไวขึ้นค่ะ แต่ว่า ที่ต้องล้างออกเพราะว่า การ Occlusive จากมาสค์ประเภทนี้อาจจะเกิดมากไปจนเกิดผลเสียได้ จึงกำหนดให้ใช้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ

อันนี้สามารถมาสค์ได้บ่อยหน่อย เพราะว่าใช้เวลาสัมผัสผิวไม่นานค่ะ

 

ขอยกตัวอย่างเป็นมาสค์งาดำของ Skinfoods ค่ะ

 

skinfood-black-sesame-seed-hot-mask-1.jpg

มาสค์ตัวนี้ตอนพอกจะรู้สึกอุ่น ช่วยเปิดรูขุมขนได้ดีค่ะ 

ส่วนผสมมี่ไปเอามาจาก Makeupalley นะคะ

“PEG-400, SUCROSE, GLYCERINE, PEG-75, SESAMIUM INDICUM (SESAME) SEED POWDER, PPG-3 BENZYL ETHER MYRISTATE, LANOLIN WAX, SODIUM CHLORIDE, POLYSORBATE 20, DIMETHICONE, METHYL PARABEN, BUTYL PARABEN, PARFUM”

เบสหลักจะเป็น PEG-400 ซึ่งในความเข้มข้นสูงจะให้ความรู้สึกร้อนได้เมื่อสัมผัสผิวค่ะ

สารบำรุงยังไม่มีอะไรมาก มีแค่น้ำตาลที่ช่วยเรื่องชุ่มชื้น และงาดำที่น่าจะเป็น Gimmick ค่ะ 

ส่วนมาสค์หน้าข้ามคืน ก็เป็นการ Occlusive เช่นกันค่ะ เพียงแต่ส่วนผสมในมาสค์หน้าข้ามคืนจะเบาบางกว่า มาสค์แบบล้างออก แนะนำว่า การมาสค์หน้าข้ามคืน ควรบำรุงผิวให้เรียบร้อย และรอสกินแคร์แห้งก่อนจึงโบกมาสค์ลงไปก่อนไปนอนค่ะ จะช่วยผลักสารอาหารจากสกินแคร์เข้าผิวได้มากขึ้นด้วยค่ะ แต่ก็ต้องระวังถ้าใครแพ้ง่าย สารก่อภูมิแพ้ก็จะเข้าผิวได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

การมาสค์หน้าข้ามคืนไม่ควรใช้ทุกวันนะคะ เพราะการสร้างภาวะ Occlusive บ่อยๆมีผลเสียอยู่ค่ะ และการมีบาดแผล หรือแผลติดเชื้อ ไม่ควรทำ Occlusive นานๆค่ะ พักไปก่อนเนาะ

มาสค์หน้าข้ามคืน ทำได้ซักอาทิตย์ละ 1-3 ครั้งค่ะ

และก็ถ้าใครไวต่อแอลกอออล์ก็ควรเลือกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ

ถ้าอยากอ่านเรื่อง Sleeping pack เพิ่มเติมมี่เคยอัพโหลดพรีวิวส่วนผสมไว้บนพันทิปนะคะ

1420300239-promote-o.jpg


ลิงค์นี้เลยค่ะ 🙂
http://pantip.com/topic/33057224