Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Essence toner สุดเลอค่าด้วยส่วนผสมชั้นนำจากแบรนด์ Klairé กับ Balance Essene Toner

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่เอารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของ Essence toner เก๋ๆ จากแบรนด์ Klairé เจ้าเก่าของเรามาฝากกันค่ะ

น้องเป็นตัวที่ทางแบรนด์พึ่ง Launch ออกมาเมื่อไม่นานมานี้เอง จัดเต็มมาด้วยส่วนผสมบำรุงผิวหลายชนิด และอีกประเด็นหนึ่งที่เป็น Talk of the town มากในช่วงนี้เลย เชื่อว่าหลายๆท่านน่าจะเคยได้ยินสารที่มีชื่อว่า Ectoin แล้วนะคะ 

จุดเด่นของน้อง คือ น้องมี Ectoin ในระดับความเข้มข้นที่มีงานวิจัยรับรองว่ามีผลประโยชน์ในการบำรุงผิวเลยหละ

ว่าแล้วก็ขออวดโฉมของน้องก่อน

สำหรับ Line Balance Essene Toner ตัวนี้ น้องจะมาในคอนเซปท์การดูแลผิว 3 ประการ คือ Pore minimizing, moisturizing และ Protection

ตัวบรรจุภัณฑ์จะเป็นแบบขวดปั๊มนะคะ ซึ่งส่วนตัวจะชอบปั๊มใส่มือแล้ววอร์มและลูบไล้ให้ทั่วใบหน้ามากกว่าใช้กับสำลีค่อยๆ Tap บนผิวค่ะ

เนื้อจะออกมาในรูปแบบของน้ำใส หรือ Solution ที่เป็นของเหลวใส และเนื่องจากน้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เราเลยจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่ค่ะ

เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสนุ่มนวล ตัวเนื้อมันจะออก Rich มีความชุ่มฉ่ำอยู่ หลังเกลี่ยแล้วจะรู้สึกสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างแน่น มี่ทำสีไว้อยู่ 6 สี นะคะ

เราจะขอเริ่มที่พระเอกของ Essence toner ตัวนี้เลย

สีชมพู Ectoin สารตัวนี้เป็นสารที่พบได้ในธรรมชาติ สร้างโดยแบคทีเรียหลายๆ สายพันธุ์ ทำหน้าที่เป็น Osmolyte ช่วยปกป้องเซลล์ของแบคทีเรียให้อยู่ได้ในสภาวะที่รุนแรง หรือ Extreme condition เช่น ในน้ำทะเลที่มีความเข้มข้นของเกลือสูง ในน้ำพุร้อน เราเรียกสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในสภาวะรุนแรงแบบนี้ว่า Extremophile มันก็เลยมีแนวคิดที่ว่า เอ้อ เจ้า Ectoin นี้มันปกป้องแบคทีเรียเหล่านี้ได้ ทำไมไม่ลองเอามาใช้กับผิวดูหละ ก็พบว่า Ectoin มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวเรา ไม่ให้ถูกทำลายจากอันตรายภายนอก รวมถึง พวกรังสี UV และ ความแห้ง

(Image by Jü – Own work, CC0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=13244993)

     ด้วยคุณสมบัติพิเศษของ Ectoin เองตอนนี้ก็มีการเอามาศึกษาเพื่อใช้เป็นยาอม หรือ ยาสเปรย์สำหรับลดการระคายเคืองในช่องปากและลำคอ แต่เราไม่กล่าวถึงจุดนั้นนะคะ เราจะกล่าวถึงคุณสมบัติของ Ectoin ในเครื่องสำอาง ซึ่งเรียกได้ว่ามีงานวิจัยหลายชิ้นมากที่ศึกษาผลประโยชน์ของ Ectoine ทั้งในระดับของหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร

     ประโยชน์โดยรวมจะเป็นในเชิงของการลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดูดน้ำให้ผิว เสริมการสร้างและฟื้นฟู Barrier ของผิว รวมถึงปกป้องผิวจากสภาวะต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม

     รูปด้านล่างนี้จะเป็นรูปจำลองของ Ectoine ในการดูดน้ำ และ การปกป้องโปรตีน โดยตัวมันจะไปห้อมล้อมเอาโปรตีนเอาไว้

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

เราลองมาดูงานวิจัยที่เกี่ยวกับ Ectoin ที่น่าสนใจบางงาน

งานวิจัยของ Hseu และ คณะ (2020) ศึกษาในระดับหลอดทดลองพบว่า Ectoine มีคุณสมบัติกดการเกิดอนุมูลอิสระเพราะรังสี UVA และไปยับยั้งไม่ให้ฮอร์โมน a-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ทำงาน จึงไม่เกิดการสังเคราะห์เม็ดสี ผลคือ ปกป้องผิวไม่ให้เกิดความคล้ำ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า เป็น Whitening ก็ไม่น่าจะผิดไปจากความจริงมากนัก (Antioxidants (Basel). 2020 Jan; 9(1): 63.)

งานวิจัยของ Marini และ คณะ (2014) พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของ Ectoine สามารถลดอาการคัน ระคายเคือง และอักเสบในผู้ป่วยผิวอักเสบแบบ Atopic dermatitis แสดงถึงคุณสมบัติในการเสริมสร้างการฟื้นฟู Barrier ผิว (Skin Pharmacol Physiol 2014;27:57-65)

  • สูตรผสมของสารในกลุ่มสีฟ้า สูตรผสมของสารที่เป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการดักจับน้ำให้ผิวตามธรรมชาติ และแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นในการทำงานของผิว โดยตัวนี้เป็นวัตถุดิบนำเข้าจากทางเกาหลี ที่มีชื่อทางการค้าว่า MC-BNCTM หรือ ที่รู้จักกันในนาม Baby NMF complex

ว่าแต่ทำไมต้องชื่อ Baby NMF complex ก็เพราะว่าทางบริษัทเขาผสมสารเหล่านี้มาให้มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับผิวเด็ก เมื่อเราใช้ผิวเราก็จะมีความอ่อนนุ่ม และอ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็กค่ะ

โดยมีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร พบว่าอาสาสมัครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารนี้เป็นเวลา 28 วัน มีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น และมีความเรียบเนียนขึ้น

(Image from Morechem Co., Ltd.)

  • สีเขียวแก่ เป็นกลุ่มของ Hyaluronic acid และอนุพันธ์หลายๆ ขนาด มีประโยชน์ในการเติมน้ำที่หลายๆ ระดับความลึกของชั้นผิว ซึ่งตัวนี้มี่ได้กล่าวละเอียดไว้ในรีวิว Klairé Balance serum (https://miyeonthereviewer.com/2020/03/31/klairebalanceserum/) นะคะ

  • สีเขียวอ่อน จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงที่มีประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน ได้แก่ Witch hazel และ สารสกัดจากเห็ด Fomes ขอกล่าวถึงสารสกัดจากเห็ด Fomes สักเล็กน้อย

– ตัวเห็ด Fomes นี้เป็นเห็ดที่ขึ้นบนต้น Larch ที่เป็นต้นไม้ใหญ่ พบได้ทางฝั่งยุโรป สารสกัดจากเห็ดนี้ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์หลายชนิด จุดเด่นคือคุณสมบัติ Astringent หรือ กระชับรูขุมขน พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้นไปในตัว ซึ่งเป็นจุดเด่นคือไม่ทำให้แห้งตึงแบบ Astringent บางกลุ่ม

ทางผู้ผลิตได้ทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดเห็ด Fomes ในการกระชับรูขุมขนของหน้าผากอาสาสมัคร ก็พบว่ากระชับรูขุมขนได้ดี

(Image from BASF Personal care)

  • ส่วนผสมสีม่วง ก็เป็นสารกลุ่มเติมน้ำให้ผิวเหมือนกัน ได้แก่ Sodium polyglutamate, Beta-glucan และน้ำตาล Sucrose

– ขอกล่าวถึง Sodium polyglutamate ก่อนนะคะ ตัวนี้เป็นโพลิเมอร์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากกระบวนการหมัก ประกอบด้วยสายโซ่ยาวของกรดอะมิโน Glutamic acid ซึ่งเวลาลงผิวนอกจากจะช่วยเคลือบปกป้องผิว รักษาความชุ่มชื้น ผิวเรายังจะค่อยๆ ย่อย Sodium polyglutamate ได้เป็นกรดอะมิโน ที่เป็นสารดูดจับความชื้นให้ผิวตามธรรมชาติ (Natural moisturizing factor: NMF)

นอกจากนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบยังพบว่า การใช้ Sodium polyglutamate ยังมีประโยชน์ในการปกป้อง Hya ในผิวเราไม่ให้สลายหรือถูกทำลายไป ทดสอบโดยการเอา Hya มาผสมกับเอนไซม์ Hyaluronidase ที่เป็นเอนไซม์ย่อยสลาย Hya พอเติม Sodium polyglutamate ลงไป ก็จะเห็นว่า Hya ยังอยู่

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

และยังมีคุณสมบัติเป็น Whitening ผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ได้อีก

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

     ตัว Sodium polyglutamate นี้ถ้าใช้ร่วมกับ Hyaluron จะช่วยเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกันได้ดี

     – Beta-glucan ก็ได้จากกระบวนการหมักเช่นกัน ตัวนี้ทางผู้ผลิตเคลมว่าของเขาเด่นกว่า Beta-glucan ทั่วไปตรงที่มีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี และมีความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้นได้ยาวนาน

  • สารกลุ่มสีส้ม สูตรผสมของ Water, Glycerin, Trehalose, Urea, Serine, Pentylene Glycol, Glyceryl Polyacrylate, Algin, Caprylyl Glycol, Sodium Hyaluronate, Pullulan, Disodium Phosphate, Potassium Phosphate มีชื่อทางการค้าว่า PatcH2OTM ตัวนี้นำเข้าจากฝรั่งเศส ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ของสารชุดนี้คือ เขาจะไปเรียงตัวเป็นโครงสร้างแบบ 3 มิติ ที่ทนทาน ติดแน่นอยู่บนหนังกำพร้า ค่อยๆ ปลดปล่อยเอา NMF และสารมอยส์เจอร์ออกมาช้าๆ มีเคลมว่าทา 1 ครั้ง ให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 5 วัน

ตรงนี้จะเป็นภาพจำลองตาข่าย 3 มิติของ PatcH2OTM นะคะ

(Image from BASF)

ส่วนด้านล่างจะเป็นภาพจริงที่ถ่ายจากกล้อง และมีการเติมคำอธิบายให้เห็นภาพชัดเจนค่ะ โดยลายริ้วสีเทาๆ คือ ตาข่ายสามมิติ และสีแดงๆ คือ มอยส์เจอร์ต่างๆ ที่ตาข่ายเก็บไว้

(Image from BASF)

จะเห็นว่าส่วนผสมที่ใส่มานั้นตอบโจทย์คอนเซปท์ดูแลผิว 3 ประการ คือ Pore minimizing, Moisturizing และ Protection ได้ตามเคลมเลย แถมยังทำงานเสริมกันได้อย่างลงตัวเลย

สำหรับส่วนผสมอื่นๆ ก็เรียกได้ว่า คัดเลือกมาอย่างดี ไม่มีน้ำมัน แอลกอฮอล์ น้ำหอม ซิลิโคน และอื่นๆ ที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง หรือ Actives เป็นการเลือกเอาส่วนผสมชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันในขวดๆ เดียว เพื่อให้ประโยชน์ในการดูแลผิวได้รอบด้าน โดยเน้นหนักไปที่ด้านของการดูแลปัญหารูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้น เคลือบปกป้องผิวทั้งปกป้องไม่ให้น้ำ ความชื้น และสารดีๆ ที่มีประโยชน์ในผิวหลุดออกไป และกันไม่ให้มลภาวะ หรือสิ่งไม่ดีต่างๆ เข้ามาข้างในผิว ส่วนด้านรองๆ ก็ได้ทั้งการชะลอวัย ป้องกันริ้วรอย ผิวเรียบเนียนนุ่มลื่น และอาจจะได้ด้าน Whitening กรุบๆ โดยรวมให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ดังที่ได้กล่าวในด้านบนว่า ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบ Essence toner ตัวนี้นะคะ แม้ว่าจะเป็นคนผิวผสม/แห้ง แต่เราก็อยากได้อะไรที่มันดูแลปัญหารูขุมขนของเรา และสิ่งที่เป็นเหมือน Pain point ของเราก็คือ ผลิตภัณฑ์กระชับรูขุมขนส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ผ่านการลดการสร้างน้ำมันส่วนเกิน และดูดซับ Sebum ซึ่งพอคนผิวแห้งไปใช้ มันจะยิ่งแห้งตึง แต่ตัวนี้คือ ตอบโจทย์ของตัวเองเพราะ นางมีส่วนผสมของสารที่ดูแลด้านความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ นุ่มฟู และปกป้องผิวไปพร้อมๆ กัน จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Klairé ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Klairé ได้โดยตรงเลยค่ะ

Facebook: https://www.facebook.com/KlaireOfficial

Instagram: Klaireofficial

ช่องทางการจัดจำหน่าย

Online

Website : https://klairethailand.com/

Shopee :https://shp.ee/qwdwv3h

https://www.beauticool.com

Offline

ร้าน : ALL ABOUT YOU

ร้าน THE GIVINGTOWN

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Klairé การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์หน้าข้ามคืนเพื่อผิวกระจ่างใสและความชุ่มชื้นแบบครบวงจร กับ DNAh Perfect SNOWWHITE mask

สวัสดีค่ะ

ค่ำคืนอันแสนเหงาเปล่าเปลี่ยวหัวใจแบบนี้ เรามาอ่านรีวิวสกินแคร์ด้วยกันดีกว่าค่ะ

สกินแคร์ที่มี่หยิบมารีวิวในวันนี้เป็น Sleeping mask หรือ มาสค์หน้าแบบ Leave on ที่ทาไว้ก่อนเข้านอนนั้นเอง ว่ากันว่า วิถีชีวิตของเราชาวเมืองนั้นค่อนข้างเร่งรีบเนอะ จะมานั่งทาครีม 18 Step แบบบ้านมียอนทุกๆวันทุกๆคืนนี่ก็คงจะไม่มีเวลา Sleeping pack หรือ Overnight mask ก็เลยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ชีวิตชาวเราได้ดีเลยทีเดียวเชียว

วันนี้มี่เลยเอามาสค์หน้าของแบรนด์ DNAh แบรนด์เจ้าเก่าที่เคยรีวิว Sunscreen สเตมเซลล์ดอกบัว เอาไว้ (ลิงค์: https://cosmeknowledge.wordpress.com/2016/12/07/dnahsuncare/)

มาสค์หน้าตัวนี้มีชื่อว่า DNAh Perfect SNOWWHITE mask ค่ะ

dna 1

นางมีให้ลองสองขนาดนะคะ ขนาดปกติ 30 กรัม กับ ขนาดมินิ 10 กรัม พกพาสะดวกสำหรับเดินทางโดยเฉพาะ หน้าตาจะเป็นแบบนี้ค่ะ

dna 2

ตัวมาสค์ size ใหญ่จะเป็นแพคเกจแบบอคริลิกชนิดปั๊มนะคะ แบบนี้ก็มีข้อดีคือป้องกันการปนเปื้อนดีกว่าแบบกระปุก เวลาเราเอานิ้วลงไปควักครีมในกระปุกก็จะเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อจากมือไปได้เหมือนกันค่ะ

เนื้อครีมมาในสีขาว กลิ่นหอมไปในโทนดอกไม้อ่อนๆ

dna 3

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ซึมไวแห้งไว ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น ไม่เหนอะหนะและหนักผิว

dna 4

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5 – 6 นะคะ ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

dna pH

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สผส dnah

จากส่วนผสมวันนี้ มี่ใช้สีของสารบำรุงไว้เป็นสีม่วงนะคะ และมีสีฟ้าไว้ตรงกรดไขมันที่จำเป็น 2 ชนิด คือ Linolenic acid และ Linoleic acid ค่ะ

ส่วนของสารบำรุงทางแบรนด์เลือกใส่มาหลายชนิดเหมือนกัน มี่จะยกมาเป็นกลุ่มๆนะคะ

  1. สารสกัดจากเซลล์เพาะเลี้ยงของ Tulip (Tulipa gesneriana callus culture extract) ที่เราเรียกกันติดปากว่า สเตมเซลล์ เป็นวัตถุดิบจากญี่ปุ่น ได้จากการสกัดเซลล์เพาะเลี้ยงของ Phytoplacenta ในดอกของทิวลิป เลยอาจจะเรียกว่า Tulip phytoplacenta หรือ รกทิวลิป ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า คุณสมบัติเด่นเรื่อง Whitening และมีประโยชน์เป็น Antioxidant ลดการอักเสบ ส่งเสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) และเพิ่มความชุ่มชื้นโดยมีส่วนช่วยเสริมการทำงานของ Aquaporin 3
  2. กลุ่มวิตามิน มีด้วยกันหลายตัว ได้แก่
  • วิตามินบี 3 (Niacinamide) ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกับผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ได้อีก (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)
  • วิตามินอี ทางแบรนด์ใช้ในรูปแบบ Tocopheryl acetate มีประโยชน์เป็น Antioxidant
  • วิตามินซี ทางแบรนด์ใช้ในรูปแบบ Ascorbyl palmitate ซึ่งมีความเป็นกรดน้อยลง ละลายในไขมันได้ดีขึ้น จึงคาดว่าดูดซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น วิตามินซีมีประโยชน์กับผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening โดยไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี ด้านริ้วรอย โดยเป็นตัว Antioxidant ช่วยชะลอวัย และเป็นส่วนหนึ่งในการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิว และมีคุณสมบัติลดการอักเสบ
  • วิตามินบี 6 หรือ Pyridoxine มีประโยชน์ในการควบคุมความมันของผิวหนัง
  • วิตามินบี 5 หรือ Panthenol มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว
  • Biotin นางเป็นหนึ่งในวิตามินกลุ่มวิตามินบี ทำหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการสร้างและสลายไขมัน รวมทั้งไขมันในเซลล์ผิว การได้รับ Biotin จึงมีส่วนช่วยให้ผิวหนังมีการสร้างไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ในผิวให้เป็นไปอย่างปกติ รักษาความชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้ง ลดริ้วรอย มีรายงานจากผู้ผลิตวัตถุดิบว่า ถ้าใช้ร่วมกับวิตามินซี และบี3 จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติการเป็น Whitening และลดเลือนริ้วรอยได้ดีขึ้น
  1. สารบำรุงอื่นๆ
  • สารสกัดจากเห็ด Fomes officinalis มีคุณสมบัติช่วยกระชับรูขุมขน
  • Astaxanthin สารในกลุ่ม Carotenoid ที่เป็นรงควัตถุชนิดหนึ่ง มีสีแดงเข้ม พบในพืชหลายๆชนิด มีประโยชน์เป็น Antioxidant ที่ดี
  • Arbutin เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase
  • Dipotassium glycyrrhizate เป็นสารที่ได้จากชะเอม มีคุณสมบัติลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว
  • Glutathione เป็น Antioxidant และมีคุณสมบัติเป็น Whitening
  • Hydrolyzed yeast extract มีประโยชน์ด้านความชุ่มชื้น
  • Allantoin ช่วยลดการอักเสบและระคายเคือง
  • Threonine เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มีบทบาทเกี่ยวข้องกับระบบสมดุลโปรตีนในร่างกาย สามารถเปลี่ยนสภาพเป็น Glycine กับ Serine ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์คอลลาเจนได้ ข้อมูลจากผู้ผลิตบอกว่า Threonine ช่วยส่งเสริมการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน คอลลาเจน อิลาสติน ให้แข็งแรงยืดหยุ่น และช่วยส่งเสริมการสมานแผล
  • กรดไขมันจำเป็น Linoleic acid และ Linolenic acid ช่วยทดแทนไขมันให้กับผิวหนัง

โดยรวมจึงเห็นว่าสารบำรุงในมาสค์นี้มากันครบถ้วนเลยทีเดียวค่ะ

ถ้าพิจารณาด้าน Whitening อย่างเดียว ถือว่า มีส่วนเสริมฤทธิ์กันครบทั้ง 3 Step คือ

  • ก่อนการสร้างเม็ดสี อาศัยพวก Antioxidant และสารลดการอักเสบ
  • ยับยั้ง Tyrosinase ไม่ให้สร้างเม็ดสี ด้วยสารบำรุงหลายๆตัว
  • ลดการส่งผ่านของเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วด้วย B3

ในด้านเบส ดูเหมือนจะเป็นแบบประเภทอิมัลชั่นแบบเนื้อครีม ประกอบด้วยส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน มีส่วนผสมของ Alcohol มาในลำดับท้ายๆ และมีการใช้สารกันเสียในกลุ่มของ Paraben อยู่ 1 ตัว

ให้คะแนน

  1. Actives หรือ สารบำรุง เรียกได้ว่าจัดมาค่อนข้างอุ่นหนาฝาคั่ง สารบำรุงที่ทางแบรนด์เลือกมามีประโยชน์ด้านการเพิ่มความชุ่มชื้น มีส่วนช่วยเรื่อง Whitening และเสริมด้วยคุณสมบัติ Antioxidant ช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอย ลดการอักเสบและระคายเคืองผิว ควบคุมความมัน มากันขนาดนี้ก็คงต้องให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ เนื้อเบสมาในรูปแบบของเนื้อครีม มีทั้งส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน ไม่มีน้ำมันที่เสี่ยงอุดตันผิว แต่มีส่วนผสมของ Alcohol อยู่ในลำดับท้ายๆ เข้าใจว่าติดมากับพวกสารสกัด และมีการใช้สารกันเสียในกลุ่ม paraben แต่ส่วนตัวมี่ก็ใช้มาร่วม 2 อาทิตย์ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีก็ต้องหักคะแนนเพื่อความยุติธรรม รับไป 3 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ผิวผสม/T-zone มันแก้มแห้งค่ะ เลยเอามาสค์นี้มาใช้ทั้งเช้าเย็น เนื้อมันก็ไม่ได้หนักมากถึงขั้นต้องใช้แค่ก่อนนอน เรื่อง Feeling ของมาสค์ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี มีสัมผัสเบา ไม่เหนอะหนะหนักผิว และก็ไมได้แห้งจนเกินไป ถ้ามองด้านความชุ่มชื้นถือว่าทำมาได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ส่วนด้านของ Whitening ก็ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี นางจะค่อยๆปรับผิวให้มีสีสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแบบว่าขาวใสชั่วข้ามคืน ส่วนตัวถือว่าค่อนข้างชอบและค่อนข้างพอใจนะคะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

คะแนน dna

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ DNAh ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของแบรนด์ DNAh ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/deenahthailand

สำหรับวันนี้ก็ขอลากันไปแค่นี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DNAh การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

[Nutrition] รีวิว วิเคราะห์ส่วนผสมอาหารผิวจากอังกฤษ Yllume

[Nutrition] รีวิว วิเคราะห์ส่วนผสมอาหารผิวจากอังกฤษ Yllume

วันนี้มี่แวะเอา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงผิว (ขอเรียกย่อๆว่า อาหารผิว) อาหารเสริมยอดฮิตจากอังกฤษที่ได้ตีพิมพ์ในนิตยสารชื่อดังหลายฉบับ มารีวิวให้ชมกันนะคะ

เป็นของแบรนด์ Yllume นั่นเองค่ะ มาดูหน้าตากันก่อนเลยดีกว่าเนอะ

 

yllume 1

 

ชื่อเต็มๆของเขาก็คือ Yllume Ultimate Illuminating Complex Skin Supplement ค่ะ

 

แบรนด์ Yllume เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมาจากแลป แลปหนึ่งในอังกฤษ ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์และอาหารเสริมเพื่อดูแลผิวอย่างครบวงจร ให้กระจ่างใสจากภายในค่ะ

 

ทางแบรนด์ Claim เรื่องของสารกลุ่ม Carotenoid ที่ไม่มีสี (Colorless carotenoids) ที่มีชื่อว่า phytoene กับ phytofluene นางบอกว่าในผิวของเรามีสารกลุ่มนี้อยู่ในชั้นผิวหนังชั้นนอกถึง 38% และพบว่าคนที่ขาดสารกลุ่ม Colorless carotenoids นี้จะมีสีผิวที่เข้มกว่าคนที่มีเยอะ รวมถึงอาจจะมีปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง และเรื่องสิวได้มากกว่าด้วย

 

ลักษณะของตัวอาหารเสริมจะเป็นแบบแคปซูลค่ะ เขาจะแพคมาในแผงๆ ละ 2 เม็ด

ทานกันวันละแผง ก่อนมื้ออาหารเช้าซักครึ่งชั่วโมงเพื่อการดูดซึมที่ดีค่ะ

yllume 2

ขวดหนึ่งจะมีอยู่ 60 แคปซูล หรือ 30 แผง ทานได้ 1 เดือนค่ะ

ข้างในแคปซูลนั้นเป็นผงๆ ซึ่งมีกลิ่นหอมๆอมเปรี้ยว ตอนแรกว่าเหมือนดอกไม้ แต่พอไปอ่านเจอว่า เป็นมะเขือเทศเท่านั้นหละ Bias มาเลยจ้า กลิ่นเหมือนมะเขือเทศอบแห้งที่ขายกันเป็นซองๆ

ตัวผงนั้นเป็นผงสีส้มๆอมน้ำตาลค่ะ

yllume 3

ใน 2 แคปซูลที่เราทาน 1 มื้อ จะประกอบด้วย

  • PhytoflORAL® 500mg
  • Pomegranate 150mg
  • Acai Berry 100mg
  • Bilberry Extract 50mg
  • CoQ10 50 mg
  • N-Acetyl Cysteine 100
  • Alpha Lipoic Acid 50 mg
  • BioPerine® 5 mg
  • Ascorbyl Palmitate 195 mg

 

สารออกฤทธิ์หลักที่แบรนด์ใช้คือ PhytoflORAL® ที่เป็นเจ้า Colorless carotenoid ที่ได้จากมะเขือเทศสีขาว ซึ่งเป็นพืชสายพันธ์แท้ดั้งเดิมที่หายากค่ะ ว่ากันว่าสารนี้ชอบอยู่ในผิว (ภาษาวิทย์ๆ เราเรียกว่ามี Skin Affinity สูง) เมื่อทานเข้าไปทำให้สารนี้อยู่ในผิวได้นาน ให้ประโยชน์ 5 ด้านหลักๆ คือ

  • ปรับสีผิวให้กระจ่างใส
  • ชุ่มชื้นขึ้น
  • ลดสิว กระชับรูขุมขน
  • ลด และป้องกันริ้วรอย
  • และเป็น Internal SPF คือ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด โดยตัวมันเองจะสลายตัวแทนองค์ประกอบอื่นๆในผิว

 

มาเมาท์มอยกันเรื่อง Internal SPF กันนิดนึง มี่คิดว่าหลายๆคนคงเคยเห็นกันแดดแบบกินอยู่บ้าง หลายๆคนคงสงสัยว่ามันจะได้ผลหรือ จริงๆก็ได้นะคะ แต่ไม่รู้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสารบางชนิดมันจะชอบไปสะสมตัวในผิวหนัง และสลายตัวไปแทนองค์ประกอบดีๆของผิว ยกตัวอย่างเช่น บางคนที่ชอบกินฟักทองมากๆ ตัวก็จะเหลือง เพราะว่า Beta-carotene ไปสะสมอยู่ที่ผิวนั่นเอง อันนี้ไม่ได้มโนค่ะ จากการศึกษาของ Stahl และ Sies เมื่อปี 2012 ได้พบว่า การรับประทานอาหารที่มี Beta-carotene สูง หรือการทานอาหารเสริม มีผลช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสี UV ได้ เพียงแต่ใช้เวลาค่อนข้างนานหลายสัปดาห์กว่าจะได้ผล และผลนั้นน้อยกว่าการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด แต่ถึงอย่างนั้น การทานอาหารพวกนี้ก็ช่วยเป็น Antioxidant ช่วยกรองผลเสียจากรังสี UV ที่เล็ดรอดผ่านกันแดดเข้ามาในผิวได้ดี (Am J Clin Nutr. 2012;96(5):1179S-84S.) ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

 

ทางแบรนด์ทดลองทำการดูดกลืนรังสี UV ของ Colorless carotenoids แล้วด้วย ได้ผลดังรูปนี้ค่ะ

UV abs

(Image from Yllume laboratories)

 

    จากกราฟการดูดกลืนแสงจะเห็นได้ว่าสารสองตัวนี้จะปกป้องผิวได้ทั้งย่าน UVB และ UVA เลยทีเดียว

มีงานวิจัยทดสอบผลของ Co Q10 กับ Colorless carotenoids พบว่า สารทั้งสองนี้ให้ผลเสริมฤทธิ์กันในการลดการอักเสบของผิวหนังได้ดี

การทดสอบของ Aust และคณะ พบว่าการรับประทานอาหารเสริมจากมะเขือเทศ มีผลทำให้ระดับของ Lycopene, Phytoene และ Phytofluene ในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น มีผลลดรอยแดงที่เกิดจากรังสี UV ได้ (Int J Vitam Nutr Res. 2005 Jan;75(1):54-60.)

นอกจากตัวหลักอย่าง PhytoflORAL แล้ว ทางแบรนด์ก็ยังใส่สารบำรุงอื่นๆอีกหลายตัวค่ะ ซึ่งให้ผลไปในทาง Antioxidant มากมาย แบ่งเป็นกลุ่มๆดังนี้นะคะ

  1. กลุ่ม Super berry และ Super fruit ก็จะมีตัว Pomegranate extract, Bilberry extract

Acai berry ซึ่งทุกตัวเป็น Antioxidant ที่ดีหมดค่ะ

  1. กลุ่มวิตามินที่เป็น Antioxidant ได้แก่ วิตามินซี ที่มาในรูปแบบของ Ascorbyl palmitate ที่เป็นสารแบบเอสเทอร์ มีความเป็นกรดต่ำ ละลายในไขมันได้ดีขึ้น ดูดซึมได้ดีขึ้น กับ Coenzyme Q10 ที่เป็น Antioxidant ที่ดีเช่นกัน ให้ประโยชน์เรื่องการบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือดได้อีก
  2. กลุ่ม Antioxidant มีอีก 2 ตัว คือ N-acetyl cysteine ที่เป็นสารตั้งต้นให้ร่างกายไปสร้าง Glutathione ได้ มีคุณสมบัติช่วยเรื่อง Detox และ Alpha-lipoic acid ที่เป็น Antioxidant ที่มีฤทธิ์แรงเช่นกัน

 

อีกตัวที่คู่ควรจะกล่าวถึงก็คือ Bioperine® ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของ Tetrahydropiperine ที่ได้จากการดัดแปลงโครงสร้างของสารในพริกไทยดำ มีผลเพิ่มการดูดซึมของสารอื่นเข้าไปในร่างกาย ทำให้เราได้ประโยชน์จากสารอาหารและวิตามินบำรุงมากขึ้น (ภาษาวิทย์ๆเรียกว่า มี Bioavailability เพิ่มขึ้น)

 

โดยรวมถือว่าทำมาได้ดีมากจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่บำรุงผิว แต่ยังได้เรื่องของการชะลอวัยไปด้วย

ส่วนตัวมี่ทานมาได้เกือบ 2 อาทิตย์แล้วค่ะ ถามว่าผิวขาวขึ้นไหม นี่ยังไม่ชัดนะคะ ทางแบรนด์เคลมว่า ต้อง 28 วัน ไว้ทานครบจะมาอัพเดทอีกทีนะคะ

แต่สิ่งที่มี่รู้สึกคือ ความชุ่มชื้น เรื่องหน้าลอกหายไป แต่งหน้าติดขึ้น ลากรองพื้นได้ง่ายขึ้น ไม่เป็นเส้น ไม่เป็นคราบเหมือนช่วงก่อน แต่ก็ไม่ได้มันจนเยิ้มเหมือนสมัยหน้าร้อนปีที่แล้ว ผิวนุ่มขึ้น สองสามวันก่อนไปจ้างรุ่นน้องมาแต่งหน้าไปออกงานอีเวนท์ นางยังทักเลยค่ะว่าหน้านุ่ม

 

เอ้า มาให้คะแนนกันค่ะ

  1. ส่วนผสม จากที่ได้บรรยายไปคือเรื่องของ PhytoflORAL และ Antioxidant มากมาย ที่ให้ผลดีมีประโยชน์กับผิว แต่ถ้ากินไปไม่ดูดซึม มันก็ออกมากับอุจจาระใช่ไหม ทางแบรนด์เขาใส่ใจจุดนี้เลยใส่ Bioperine ลงมาด้วย เพื่อเพิ่ม Bioavilability (คืออะไรลองย้อนไปอ่านด้านบนค่ะ) ของสารต่างๆ โดยรวมถือว่าทำมาได้ดีมากค่ะ ให้ 5 ฟลาสก์
  2. การรับประทาน มี่พึ่งเริ่มทานได้แค่ 2 อาทิตย์ แต่ผลที่ได้ก็ถือว่าดีนะคะ มีคนทักด้วยว่าหน้าดีขึ้น พวกรอยดำรอยแดงรอยสิวก็ดูจางลง แม้จะผ่านงานมาอย่างหนักหน่วง แต่งหน้าหนักจนค่า moisture ผิวดรอปไปเหลือต่ำมาก แต่ผิวก็ฟื้นตัวเร็วมาก ถือว่าประทับใจมากค่ะ ให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน Yllume

 

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางเพจ Skin Scope ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางเพจ Skin Scope โดยตรงเลยค่ะ

www.facebook.com/skinscope

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากเพจ Skin Scope