Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Essence toner สุดเลอค่าด้วยส่วนผสมชั้นนำจากแบรนด์ Klairé กับ Balance Essene Toner

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่เอารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของ Essence toner เก๋ๆ จากแบรนด์ Klairé เจ้าเก่าของเรามาฝากกันค่ะ

น้องเป็นตัวที่ทางแบรนด์พึ่ง Launch ออกมาเมื่อไม่นานมานี้เอง จัดเต็มมาด้วยส่วนผสมบำรุงผิวหลายชนิด และอีกประเด็นหนึ่งที่เป็น Talk of the town มากในช่วงนี้เลย เชื่อว่าหลายๆท่านน่าจะเคยได้ยินสารที่มีชื่อว่า Ectoin แล้วนะคะ 

จุดเด่นของน้อง คือ น้องมี Ectoin ในระดับความเข้มข้นที่มีงานวิจัยรับรองว่ามีผลประโยชน์ในการบำรุงผิวเลยหละ

ว่าแล้วก็ขออวดโฉมของน้องก่อน

สำหรับ Line Balance Essene Toner ตัวนี้ น้องจะมาในคอนเซปท์การดูแลผิว 3 ประการ คือ Pore minimizing, moisturizing และ Protection

ตัวบรรจุภัณฑ์จะเป็นแบบขวดปั๊มนะคะ ซึ่งส่วนตัวจะชอบปั๊มใส่มือแล้ววอร์มและลูบไล้ให้ทั่วใบหน้ามากกว่าใช้กับสำลีค่อยๆ Tap บนผิวค่ะ

เนื้อจะออกมาในรูปแบบของน้ำใส หรือ Solution ที่เป็นของเหลวใส และเนื่องจากน้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เราเลยจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่ค่ะ

เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสนุ่มนวล ตัวเนื้อมันจะออก Rich มีความชุ่มฉ่ำอยู่ หลังเกลี่ยแล้วจะรู้สึกสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างแน่น มี่ทำสีไว้อยู่ 6 สี นะคะ

เราจะขอเริ่มที่พระเอกของ Essence toner ตัวนี้เลย

สีชมพู Ectoin สารตัวนี้เป็นสารที่พบได้ในธรรมชาติ สร้างโดยแบคทีเรียหลายๆ สายพันธุ์ ทำหน้าที่เป็น Osmolyte ช่วยปกป้องเซลล์ของแบคทีเรียให้อยู่ได้ในสภาวะที่รุนแรง หรือ Extreme condition เช่น ในน้ำทะเลที่มีความเข้มข้นของเกลือสูง ในน้ำพุร้อน เราเรียกสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในสภาวะรุนแรงแบบนี้ว่า Extremophile มันก็เลยมีแนวคิดที่ว่า เอ้อ เจ้า Ectoin นี้มันปกป้องแบคทีเรียเหล่านี้ได้ ทำไมไม่ลองเอามาใช้กับผิวดูหละ ก็พบว่า Ectoin มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวเรา ไม่ให้ถูกทำลายจากอันตรายภายนอก รวมถึง พวกรังสี UV และ ความแห้ง

(Image by Jü – Own work, CC0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=13244993)

     ด้วยคุณสมบัติพิเศษของ Ectoin เองตอนนี้ก็มีการเอามาศึกษาเพื่อใช้เป็นยาอม หรือ ยาสเปรย์สำหรับลดการระคายเคืองในช่องปากและลำคอ แต่เราไม่กล่าวถึงจุดนั้นนะคะ เราจะกล่าวถึงคุณสมบัติของ Ectoin ในเครื่องสำอาง ซึ่งเรียกได้ว่ามีงานวิจัยหลายชิ้นมากที่ศึกษาผลประโยชน์ของ Ectoine ทั้งในระดับของหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร

     ประโยชน์โดยรวมจะเป็นในเชิงของการลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดูดน้ำให้ผิว เสริมการสร้างและฟื้นฟู Barrier ของผิว รวมถึงปกป้องผิวจากสภาวะต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม

     รูปด้านล่างนี้จะเป็นรูปจำลองของ Ectoine ในการดูดน้ำ และ การปกป้องโปรตีน โดยตัวมันจะไปห้อมล้อมเอาโปรตีนเอาไว้

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

เราลองมาดูงานวิจัยที่เกี่ยวกับ Ectoin ที่น่าสนใจบางงาน

งานวิจัยของ Hseu และ คณะ (2020) ศึกษาในระดับหลอดทดลองพบว่า Ectoine มีคุณสมบัติกดการเกิดอนุมูลอิสระเพราะรังสี UVA และไปยับยั้งไม่ให้ฮอร์โมน a-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ทำงาน จึงไม่เกิดการสังเคราะห์เม็ดสี ผลคือ ปกป้องผิวไม่ให้เกิดความคล้ำ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า เป็น Whitening ก็ไม่น่าจะผิดไปจากความจริงมากนัก (Antioxidants (Basel). 2020 Jan; 9(1): 63.)

งานวิจัยของ Marini และ คณะ (2014) พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของ Ectoine สามารถลดอาการคัน ระคายเคือง และอักเสบในผู้ป่วยผิวอักเสบแบบ Atopic dermatitis แสดงถึงคุณสมบัติในการเสริมสร้างการฟื้นฟู Barrier ผิว (Skin Pharmacol Physiol 2014;27:57-65)

  • สูตรผสมของสารในกลุ่มสีฟ้า สูตรผสมของสารที่เป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการดักจับน้ำให้ผิวตามธรรมชาติ และแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นในการทำงานของผิว โดยตัวนี้เป็นวัตถุดิบนำเข้าจากทางเกาหลี ที่มีชื่อทางการค้าว่า MC-BNCTM หรือ ที่รู้จักกันในนาม Baby NMF complex

ว่าแต่ทำไมต้องชื่อ Baby NMF complex ก็เพราะว่าทางบริษัทเขาผสมสารเหล่านี้มาให้มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับผิวเด็ก เมื่อเราใช้ผิวเราก็จะมีความอ่อนนุ่ม และอ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็กค่ะ

โดยมีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร พบว่าอาสาสมัครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารนี้เป็นเวลา 28 วัน มีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น และมีความเรียบเนียนขึ้น

(Image from Morechem Co., Ltd.)

  • สีเขียวแก่ เป็นกลุ่มของ Hyaluronic acid และอนุพันธ์หลายๆ ขนาด มีประโยชน์ในการเติมน้ำที่หลายๆ ระดับความลึกของชั้นผิว ซึ่งตัวนี้มี่ได้กล่าวละเอียดไว้ในรีวิว Klairé Balance serum (https://miyeonthereviewer.com/2020/03/31/klairebalanceserum/) นะคะ

  • สีเขียวอ่อน จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงที่มีประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน ได้แก่ Witch hazel และ สารสกัดจากเห็ด Fomes ขอกล่าวถึงสารสกัดจากเห็ด Fomes สักเล็กน้อย

– ตัวเห็ด Fomes นี้เป็นเห็ดที่ขึ้นบนต้น Larch ที่เป็นต้นไม้ใหญ่ พบได้ทางฝั่งยุโรป สารสกัดจากเห็ดนี้ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์หลายชนิด จุดเด่นคือคุณสมบัติ Astringent หรือ กระชับรูขุมขน พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้นไปในตัว ซึ่งเป็นจุดเด่นคือไม่ทำให้แห้งตึงแบบ Astringent บางกลุ่ม

ทางผู้ผลิตได้ทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดเห็ด Fomes ในการกระชับรูขุมขนของหน้าผากอาสาสมัคร ก็พบว่ากระชับรูขุมขนได้ดี

(Image from BASF Personal care)

  • ส่วนผสมสีม่วง ก็เป็นสารกลุ่มเติมน้ำให้ผิวเหมือนกัน ได้แก่ Sodium polyglutamate, Beta-glucan และน้ำตาล Sucrose

– ขอกล่าวถึง Sodium polyglutamate ก่อนนะคะ ตัวนี้เป็นโพลิเมอร์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากกระบวนการหมัก ประกอบด้วยสายโซ่ยาวของกรดอะมิโน Glutamic acid ซึ่งเวลาลงผิวนอกจากจะช่วยเคลือบปกป้องผิว รักษาความชุ่มชื้น ผิวเรายังจะค่อยๆ ย่อย Sodium polyglutamate ได้เป็นกรดอะมิโน ที่เป็นสารดูดจับความชื้นให้ผิวตามธรรมชาติ (Natural moisturizing factor: NMF)

นอกจากนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบยังพบว่า การใช้ Sodium polyglutamate ยังมีประโยชน์ในการปกป้อง Hya ในผิวเราไม่ให้สลายหรือถูกทำลายไป ทดสอบโดยการเอา Hya มาผสมกับเอนไซม์ Hyaluronidase ที่เป็นเอนไซม์ย่อยสลาย Hya พอเติม Sodium polyglutamate ลงไป ก็จะเห็นว่า Hya ยังอยู่

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

และยังมีคุณสมบัติเป็น Whitening ผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ได้อีก

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

     ตัว Sodium polyglutamate นี้ถ้าใช้ร่วมกับ Hyaluron จะช่วยเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกันได้ดี

     – Beta-glucan ก็ได้จากกระบวนการหมักเช่นกัน ตัวนี้ทางผู้ผลิตเคลมว่าของเขาเด่นกว่า Beta-glucan ทั่วไปตรงที่มีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี และมีความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้นได้ยาวนาน

  • สารกลุ่มสีส้ม สูตรผสมของ Water, Glycerin, Trehalose, Urea, Serine, Pentylene Glycol, Glyceryl Polyacrylate, Algin, Caprylyl Glycol, Sodium Hyaluronate, Pullulan, Disodium Phosphate, Potassium Phosphate มีชื่อทางการค้าว่า PatcH2OTM ตัวนี้นำเข้าจากฝรั่งเศส ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ของสารชุดนี้คือ เขาจะไปเรียงตัวเป็นโครงสร้างแบบ 3 มิติ ที่ทนทาน ติดแน่นอยู่บนหนังกำพร้า ค่อยๆ ปลดปล่อยเอา NMF และสารมอยส์เจอร์ออกมาช้าๆ มีเคลมว่าทา 1 ครั้ง ให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 5 วัน

ตรงนี้จะเป็นภาพจำลองตาข่าย 3 มิติของ PatcH2OTM นะคะ

(Image from BASF)

ส่วนด้านล่างจะเป็นภาพจริงที่ถ่ายจากกล้อง และมีการเติมคำอธิบายให้เห็นภาพชัดเจนค่ะ โดยลายริ้วสีเทาๆ คือ ตาข่ายสามมิติ และสีแดงๆ คือ มอยส์เจอร์ต่างๆ ที่ตาข่ายเก็บไว้

(Image from BASF)

จะเห็นว่าส่วนผสมที่ใส่มานั้นตอบโจทย์คอนเซปท์ดูแลผิว 3 ประการ คือ Pore minimizing, Moisturizing และ Protection ได้ตามเคลมเลย แถมยังทำงานเสริมกันได้อย่างลงตัวเลย

สำหรับส่วนผสมอื่นๆ ก็เรียกได้ว่า คัดเลือกมาอย่างดี ไม่มีน้ำมัน แอลกอฮอล์ น้ำหอม ซิลิโคน และอื่นๆ ที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง หรือ Actives เป็นการเลือกเอาส่วนผสมชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันในขวดๆ เดียว เพื่อให้ประโยชน์ในการดูแลผิวได้รอบด้าน โดยเน้นหนักไปที่ด้านของการดูแลปัญหารูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้น เคลือบปกป้องผิวทั้งปกป้องไม่ให้น้ำ ความชื้น และสารดีๆ ที่มีประโยชน์ในผิวหลุดออกไป และกันไม่ให้มลภาวะ หรือสิ่งไม่ดีต่างๆ เข้ามาข้างในผิว ส่วนด้านรองๆ ก็ได้ทั้งการชะลอวัย ป้องกันริ้วรอย ผิวเรียบเนียนนุ่มลื่น และอาจจะได้ด้าน Whitening กรุบๆ โดยรวมให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ดังที่ได้กล่าวในด้านบนว่า ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบ Essence toner ตัวนี้นะคะ แม้ว่าจะเป็นคนผิวผสม/แห้ง แต่เราก็อยากได้อะไรที่มันดูแลปัญหารูขุมขนของเรา และสิ่งที่เป็นเหมือน Pain point ของเราก็คือ ผลิตภัณฑ์กระชับรูขุมขนส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ผ่านการลดการสร้างน้ำมันส่วนเกิน และดูดซับ Sebum ซึ่งพอคนผิวแห้งไปใช้ มันจะยิ่งแห้งตึง แต่ตัวนี้คือ ตอบโจทย์ของตัวเองเพราะ นางมีส่วนผสมของสารที่ดูแลด้านความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ นุ่มฟู และปกป้องผิวไปพร้อมๆ กัน จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Klairé ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Klairé ได้โดยตรงเลยค่ะ

Facebook: https://www.facebook.com/KlaireOfficial

Instagram: Klaireofficial

ช่องทางการจัดจำหน่าย

Online

Website : https://klairethailand.com/

Shopee :https://shp.ee/qwdwv3h

https://www.beauticool.com

Offline

ร้าน : ALL ABOUT YOU

ร้าน THE GIVINGTOWN

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Klairé การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เซรั่มน้องใหม่จากแบรนด์ Klairé กับ Balance serum คืนสมดุล ดูแลผิว 3 ประการ Recovering, Repairing และ Soothing

สวัสดีค่ะทุกท่าน

เชื่อว่าหลายๆท่านอาจจะจำแบรนด์ Klairé ได้นะคะ เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์หนึ่งที่อยู่คู่กับบ้านมียอนมาตั้งแต่ปี 2558 (2015) ที่เปิดตัวมาด้วย Anti-pollution essence นับเป็นผู้เปิดเทรนด์ Anti-pollution แรกๆของบ้านเราเลยก็ว่าได้ค่ะ

แบรนด์ Klairé เป็นแบรนด์ที่ Collaboration กับบริษัท Catalite ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายวัตถุดิบเครื่องสำอางชั้นดีที่นำเข้ามาจากหลายๆ ประเทศ ดังนั้นเชื่อได้เลยว่า ส่วนผสมแต่ละชิ้นนั้น จัดว่าเด็ดทุกตัวค่ะ

kal รวม

มี่รวมลิงค์รีวิวสินค้าของแบรนด์ Klairé ไว้ในลิสท์ด้านล่างนี้นะคะ

Anti-pollution essence: https://cosmeknowledge.wordpress.com/2015/11/24/klaire-essence/

Anti-pollution mousse pack: https://cosmeknowledge.wordpress.com/2017/10/02/klaire-moussepack/

Anti-pollution overnight mask: https://cosmeknowledge.wordpress.com/2018/01/08/klaire-ovm/

ออยล์บำรุงผิว Green oil: https://cosmeknowledge.wordpress.com/2018/02/15/klairegreenoil/

 

สำหรับวันนี้ มี่มารีวิวสินค้าตัวใหม่ที่ทางแบรนด์พึ่งวิจัยและพัฒนาออกสู่ท้องตลาดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาค่ะ

เป็นตัวเซรั่มที่มีชื่อว่า Balance serum ที่พัฒนาภายใต้คอนเซปท์การดูแลผิว 3 ประการ คือ Recovering, Repairing และ Soothing ค่ะ

มีหน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

kbs 1

เนื้อเซรั่มค่อนข้างบางเบา เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ไม่มีกลิ่นน้ำหอม อาจจะมีกลิ่นจางๆของวัตถุดิบเล็กน้อย

kbs 2

เกลี่ยแล้วรู้สึกเย็น ชุ่มชื้น นุ่มและสบายผิว เมื่อซึมลงไปจะรู้สึกได้ถึงความเคลือบผิวอยู่เล็กๆ เป็นลักษณะของฟิล์มที่มองไม่เห็น ให้ความรู้สึก กระชับ เย็นสบายผิว และเรียบค่ะ

kbs 3

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

kbs 4

สำหรับส่วนผสมเรียกได้ว่าจัดมากันเต็มมาก สมแล้วที่เป็นบริษัทที่โคกับบริษัทจำหน่ายวัตถุดิบเครื่องสำอาง

สผส kbs

สำหรับส่วนผสมวันนี้เรียกได้ว่ามีการใช้สารบำรุงอยู่มากมายหลายชนิดด้วยกันนะคะ โดยมี่ได้ทำสีไว้ 5 สีค่ะ

ในภาพรวมน้องมาในรูปแบบของเซรั่มเบสน้ำ ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์ และซิลิโคน ไม่มีน้ำหอม และสารอื่นที่ไม่เป็นมิตรกับผิวค่ะ

สำหรับสารบำรุงมี่ขอหยิบยกมาเล่าทีละสีเลยนะคะ

ขอเริ่มที่สีเขียว เป็นกลุ่มของ Hyaluron ซึ่งมีทั้งหมด 4 ตัว แต่จุดนี้ทางแบรนด์เคลมว่าใช้ Hyaluron ทั้งหมด 5 ขนาดค่ะ ปกติ Hyaluron มีประโยชน์ในเรื่องการเติมน้ำให้ผิวค่ะ แต่ด้วยในรูปแบบธรรมชาติ Hyaluron มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ไม่สามารถซึมเข้าผิวได้ วงการเครื่องสำอางจึงมีการดัดแปลง Hyaluron ให้อยู่ในรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ลงผิวได้ หรือ เสริมคุณสมบัติบางอย่าง และในวงการเครื่องสำอางก็พยายามเล่นในเรื่องของการใช้ Hya หลายๆขนาดเพื่อเติมน้ำให้ผิวในหลายๆระดับชั้น เพื่อให้ผิวนุ่มฟู ไม่ใช่แค่เคลือบอยู่ภายนอก ตามภาพเลยค่ะ

Hya หลายขนาด

(Image from Bloomage Biotech)

ขอเล่าเรื่อง Sodium acetylated hyaluronate ซักหน่อยค่ะ สารตัวนี้เป็น Hya ที่นำไปทำปฏิกิริยาทางเคมี (ปฏิกิริยา Acetylation) เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปจากเดิมเล็กน้อย นางมีลักษณะหน้าตาเป็นดังภาพนะคะ

Hymagic 1

(Image from Bloomage Biotech)

ผลของการทำปฏิกิริยานี้ทำให้ Ac-Hya ตัวใหม่นี้มีความสามารถในการเกาะติดผิวได้ดีขึ้น จึงให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ลดการระเหยของน้ำออกจากผิวได้ดีกว่า Hya ตามธรรมชาติ มีค่าความสามารถในการละลายน้ำมันเพิ่มขึ้น และมีคุณสมบัติพิเศษในการเสริมการฟื้นฟูตัวเองของ Barrier ผิวตามธรรมชาติ

Hymagic 2

(Image from Bloomage Biotech)

ทางผู้ผลิตวัตถุดิบยังเคลมว่า จากการทดสอบในอาสาสมัคร พบว่าอาสาสมัครมีค่าความยืดหยุ่นของผิว และความชุ่มชื้นของผิวเพิ่มขึ้น

อีกตัวที่น่าสนใจที่มี่ได้ข้อมูลมา และถือเป็นการเปิดโลกใหม่ให้ Hya มีตัวตนมากขึ้น คือ วัตถุดิบที่มีชื่อว่า MicroHATM ของ บริษัท Bloomage Biotech ค่ะ

วัตถุดิบนี้เป็นวัตถุดิบสิทธิบัตร ที่ได้จากการย่อยสลาย Hyaluronic acid จนมีขนาดเล็ก ซึ่งทางแบรนด์มีการทดสอบในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัครว่า นอกจากการเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว นางยังสามารถลดการอักเสบระคายเคือง เสริมการฟื้นฟู Barrier ผิว และเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันผิวให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย

ดังในภาพนี้เป็นการทดสอบประสิทธิภาพในการลดรอยแดงบนผิวของ MicroHATM ค่ะ โดยฝั่ง A เป็นฝั่งที่ได้รับ MicroHATM ค่ะ

ลดรอยแดง

(Image from Bloomage Biotech)

 

เอาจริงแค่ Hya ชุดนี้ก็กินขาดแล้วค่ะแม่ แต่เซรั่มไม่ได้จบแค่นี้ค่ะ ยังมีสารบำรุงอื่นๆอีก

 

สีส้ม Sclerotium gum

Sclerotium gum เดิมทีใช้เป็นสารเพิ่มความหนืด และสารปรับเนื้อสัมผัสให้แก่เครื่องสำอาง แต่หลังๆมามีการพบว่าสารตัวนี้สามารถให้ความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมฟื้นฟูและปรับสภาพผิวไปพร้อมๆกัน

 

สีฟ้า สารสกัดจาก Cleome

Cleome gynandra เป็นพืชในทวีปแอฟริกา สารสกัดจากพืชตัวนี้มีประโยชน์ ในเชิงของการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน ลดการอุดตัน และลดการอักเสบระคายเคืองไปพร้อมๆกัน

ทางบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบสารนี้ทั้งในระดับหลอดทดลองและในอาสาสมัคร เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของสารสกัด

 

สีบานเย็น Biosaccharide gum-4

เป็นสารที่ได้จากกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพ ตัวนี้บ้านเรารู้จักในนาม Pollustop ทำหน้าที่เป็นฟิล์มบางๆ ปกป้องไม่ให้มลภาวะสัมผัสกับผิวได้ค่ะ

 

สีม่วง

เป็นสูตรผสมของสารที่เป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการดักจับน้ำให้ผิวตามธรรมชาติ และแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นในการทำงานของผิว โดยตัวนี้เป็นวัตถุดิบนำเข้าจากทางเกาหลี ที่มีชื่อทางการค้าว่า MC-BNCTM หรือ ที่รู้จักกันในนาม Baby NMF complex

ว่าแต่ทำไมต้องชื่อ Baby NMF complex ก็เพราะว่าทางบริษัทเขาผสมสารเหล่านี้มาให้มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับผิวเด็ก เมื่อเราใช้ผิวเราก็จะมีความอ่อนนุ่ม และอ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็กค่ะ

โดยมีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร พบว่าอาสาสมัครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารนี้เป็นเวลา 28 วัน มีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น และมีความเรียบเนียนขึ้น

 

โดยสรุปคือ เป็นเซรั่มที่ออกแบบมาได้ค่อนข้างดี เป็นมิตรกับผิว มีสารบำรุงมากมายหลายชนิดที่ช่วยปกป้อง ฟื้นฟู และให้ความรู้สึกสบายผิว ตาม Concept Recovering-Repairing-Soothing ของแบรนด์ และยังเสริมมาด้วยคุณสมบัติในการดูแลปัญหาเรื่องความมัน สิว และรูขุมขนกว้าง ซึ่งเป็นปัญหาหนักใจของหนุ่มสาวไปพร้อมๆกัน

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไปด้านบนว่ามีส่วนผสมของสารบำรุงมากมายหลายชนิดที่ช่วยปกป้อง ฟื้นฟู ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) และยังเสริมสารสกัดจาก Cleome เพื่อดูแลปัญหาความมัน สิว และรูขุมขนกว้าง จึงถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์ของปัญหาผิวเลยทีเดียว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน คือ ส่วนตัวรู้จักกับ MC-BNC มาซักพักใหญ่ๆแล้ว และค่อนข้างชอบ Feeling กับ ความรู้สึกชุ่มชื้น บางเบา สบายผิวที่ได้จากสารตัวนี้นะคะ และเซรั่มชิ้นนี้เองก็เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาเติมสารบำรุงกลุ่มของ Hya 4 ชนิด 5 ขนาด เพื่อดูแลผิวด้านความชุ่มชื้นและการเติมน้ำให้ดีขึ้น ฟิลลิ่งค่อนข้างเบา คนผิวมันน่าจะชอบ เพราะเบา ไม่เหนอะหนะ ชุ่ม นุ่มนวลสบายผิว แต่สำหรับคนผิวผสมค่อนข้างแห้งแบบดิฉัน หรือผิวแห้ง อาจจะต้องหาครีมมาทาทับอีกชั้นหนึ่ง ขอให้ไป 4 ฟลาสก์

 

คะแนน kbs

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Klairé ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Klairé ได้โดยตรงเลยค่ะ

Facebook: https://www.facebook.com/KlaireOfficial

Instagram: Klaireofficial

http://www.beforeandaftercorp.com

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Klairé การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม ออยล์บำรุงผิวสุดปัง นำเข้าจากอิตาลี่ กับ Klairé green oil

สวัสดีค่ะ

Oil บำรุงผิว นี่จัดเป็นไอเทมสำคัญของหลายๆคนเลย วันนี้มี่เลยขอมาเล่าประโยชน์ของการใช้ Oil บำรุงผิวให้ฟัง และมารีวิว Oil บำรุงผิวตัวหนึ่งที่น่าสนใจให้ได้ชมกันค่ะ

เราสามารถแบ่งสารกลุ่มน้ำมันและไขมัน (Lipids) ในทางเครื่องสำอางได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ ค่ะ คือ

  1. น้ำมัน/ไขมันที่เหมือนกับที่มีในร่างกายเรา เรียก Physiological lipid เช่น พวก Ceramides, กรดไขมัน คอเลสเตอรอล เป็นต้น
  2. น้ำมัน/ไขมันที่ไม่มีในร่างกายของเรา เรียก Non-physiological lipid เช่น Petrolatum, Mineral oil และพวกไขมันสังเคราะห์ต่างๆ

เวลาเราทาน้ำมัน/ไขมันที่เหมือนกับที่มีในร่างกายของเรา พวกนี้จะถูกดูดซึมลงไปในผิว และผิวเราจะนำเอาไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์น้ำมันชนิดต่างๆออกมา เพื่อเป็นส่วนประกอบของ Barrier ผิว

และน้ำมันเหล่านี้มักจะมีประโยชน์พิเศษอยู่ เช่น อาจจะเป็น Antioxidant อาจจะมีฤทธิ์ลดการอักเสบ หรือ กรดไขมันบางชนิด เช่น Linoleic acid ก็สามารถลดการเกิดสิวได้ด้วย ซึ่งกลไกในการทำงานของน้ำมันเหล่านี้ก็จะค่อนข้างซับซ้อนค่ะ

 

วันนี้ก็เลยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเอาเซรั่มน้ำมันบำรุงผิวจากแบรนด์ Klairé กับ Klairé green oil มาฝากกันค่ะ

ตัวน้ำมันจะมาในกล่องกระดาษสีครีมที่มีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

kal 1.jpg

 

ด้านในเป็นขวดพลาสติกที่มีฝาเป็นหลอดหยดค่ะ

kal 3

ถ้าเราหมุนเกลียว ปุ่มสำหรับดูดออยล์เข้าหลอดหยดก็จะยื่นออกมาค่ะ

kal 4.jpg

ตัวน้ำมันจะค่อนข้างเหลว ใส แผ่กระจายบนผิวได้ง่าย มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากสารหอมธรรมชาติ และน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบมอญ (Damask rose)

kal 5

เกลี่ยง่าย มีสัมผัสนุ่มนวล ไม่เหนอะหนะ และไม่หนักผิว

 

kal 7

ด้านข้างกล่องก็จะมี Claiming อยู่นิดหน่อยค่ะ

kal 2

อีกจุดที่น่าสนใจ คือ น้ำมันตัวนี้ Made in Italy นะคะ ว่าไม่ได้ หรูหราได้ที่เลยทีเดียว

 

วิธีใช้ที่ทางแบรนด์แนะนำคือ ใช้หลังจากทำความสะอาดเสร็จ เป็นขั้นตอนแรกก่อนการบำรุงผิวขั้นอื่นๆต่อไป

มาดูส่วนผสมกันดีกว่านะคะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สผส kal

จากส่วนผสมจะเป็นเซรั่มที่ใช้น้ำมันจากพืช Blend 3 ชนิด คือ น้ำมันจากแอลมอนด์ มะกอก และอาร์แกน ซึ่งทั้ง 3 ชนิดนี้มี Fatty acid profile ที่คล้ายกัน คือ มี Oleic acid เป็นองค์ประกอบหลัก และมี Linoleic acid เป็นองค์ประกอบรอง

ในน้ำมันจากพืชธรรมชาติเหล่านี้ นอกจากประกอบด้วย Fatty acid หรือ กรดไขมัน ที่ให้ประโยชน์ในการทดแทนไขมันคืนให้ผิวแล้ว จะมีสารพฤกษเคมีที่น่าสนใจอีกกลุ่มใหญ่ๆ คือ Unsponifiables พวกนี้จะเป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับด่างแล้วเกิดสบู่ไม่ได้ เช่น Tocopherols (สารในกลุ่มวิตามินอี) Beta-carotene รวมไปถึง Phytosterol ที่มีประโยชน์ด้านลดการอักเสบและระคายเคือง และ Squalane ที่ช่วยเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้น

oil

(ข้อมูลจาก Provitol group และ Guillaume and Charrouf, H&PC Today – Household and Personal Care Today 2013;8(2):28-30)

นอกจากน้ำมันจากพืชแล้วก็จะเสริมวิตามินมา 2 ตัว คือ วิตามินซี กับ อี

  • วิตามินซี ใช้ในรูป Ascorbyl palmitate ที่ละลายในไขมันได้ วิตามินซีมีประโยชน์กับผิวหลายด้านไม่ว่าจะเป็น เป็น antioxidant ต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ช่วยลดการสร้างเม็ดสี จึงมีประโยชน์เป็น Whitening เป็นส่วนหนึ่งของการสังเคราะห์คอลลาเจน และลดการอักเสบในผิว
  • วิตามินอี ใช้ในรูปแบบดั้งเดิม อย่าง Tocopherol เป็น antioxidant ที่ละลายได้ในไขมัน

น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบมอญ ในทาง Aromatherapy เชื่อว่า มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบและระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect)

 

ให้คะแนนกันดีกว่านะคะ วันนี้ส่วนผสมมีไม่มากเลยขอแบ่งให้คะแนน 2 หัวข้อค่ะ

  1. ส่วนผสม Klairé green oil มาในเบสที่เป็น Caprylic/capric triglycerides ซึ่งเป็นไขมันชนิดสายยาวปานกลาง (Medium chain triglycerides) ซึ่งมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทดแทนไขมันคืนให้ผิว เสริมมาด้วยน้ำมันจากพืช 3 ชนิด คือ Almond, Olive และ Argan ซึ่งทั้ง 3 ตัว มีชนิดและรูปแบบของกรดไขมันที่คล้ายๆกัน ประโยชน์ของ น้ำมันจากพืช คือ นอกจากจะทดแทนกรดไขมันให้ผิวแล้ว ยังประกอบด้วยสารกลุ่ม Phytosterols ที่ช่วยลดการอักเสบและระคายเคืองผิว มีน้ำมันหอมระเหยจากดอกกุหลาบมอญ ที่มีราคาแพง และ มีวิตามินอีกับซีเสริมเข้ามา จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบพอกับกลิ่นกุหลาบอยู่แล้ว มาเจอกลิ่นของน้ำมันตัวนี้ก็คือจะฟินอยู่หน่อยๆ เนื้อสัมผัสของน้ำมันนี้จะค่อนข้างบางเบา ไม่เหนียว เกลี่ยได้ง่าย ซึมไว ไม่ทิ้งคราบ ไม่มันเยิ้ม เวลาใช้ จะใช้ครั้งละหยด ลงบนหน้าใน นวดวน และตบเบาๆ ซักพักก็จะซึมจนแห้งไป แล้วค่อยละเลงครีมอีกครั้ง โดยรวมถือว่าค่อนข้างชอบค่ะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

 

คะแนน kal

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Klairé ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Klairé ได้โดยตรงเลยค่ะ

Facebook: https://www.facebook.com/KlaireOfficial

Instagram: Klaireofficial

www.beforeandaftercorp.com

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Klairé การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์หน้าต้านมลภาวะสุดเนี๊ยบ Klairé Anti-pollution overnight mask

สวัสดีค่ะ

เรียกได้ว่า Overnight mask หรือ Sleeping pack เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตอันเร่งรีบของชาวเราได้เป็นอย่างดีเลยหละ แค่ทาชิ้นเดียวแล้วก็ไปนอน ไม่ต้องมานั่งไล่ Layer ทีละชั้นๆ ตื่นมาก็สดชื่น ผิวนุ่มได้ง่ายๆ

วันนี้มี่เลยขอหยิบเอา Overnight mask จากแบรนด์ไทยเจ้าเก่า อย่าง Klairé มารีวิวให้ชมกันค่ะ

 

 

มี่เคยรีวิวส่วนผสมตัว Essence กับ Mousse mask ของเขาไว้นะคะ

ลิงค์ Essence: >>Click<<

ลิงค์ Mousse mask: >>Click<<

 

มาสค์หน้าของ Klairé ที่นำมารีวิวในวันนี้ มีชื่อเต็มๆว่า Klairé Anti-pollution overnight mask หน้าตานางจะมาในกล่องสวยงามดูหรูหราค่ะ

ovm 1

พอเปิดฝาออกมาก็จะเจอกระปุก Mask วางอยู่ พร้อมกับคู่มือคำอธิบายส่วนผสมและวิธีใช้ค่ะ

ovm 2

ถึง Klaire จะเป็นแบรนด์ไทย แต่ overnight mask ตัวนี้ผลิตภายใต้การควบคุมจาก Lab ที่ญี่ปุ่นเลยนะคะ

 

พูดถึงมลพิษกันซักหน่อย

 

เมื่อวันก่อนมี่ได้อัพเดทผลเสียของมลพิษที่มีต่อผิวให้ฟังกัน วันนี้มาสรุปสั้นๆ ว่า มลพิษนั้นมีผลรบกวนการทำงานของ Barrier ผิว โดยไปกดการทำงานของสิ่งที่เรียกว่า Tight junction ซึ่งเป็นช่องแคบๆที่คอยกั้นไม่ให้น้ำและสารโมเลกุลเล็กๆออกจากผิว พอเจ้า Tight junction ลดลง Barrier ก็จะเสียไป ทำให้น้ำระเหยออกจากผิวได้ง่ายขึ้น เกิดเป็นผิวแห้ง และทำให้สารต่างๆซึมผ่านเข้าออกผิวได้ง่ายขึ้น เสี่ยงเป็นผิวแพ้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการอักเสบ เหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดความเหี่ยวตามมา และ ยังมีผลเสริมการสร้างเม็ดสี ทำให้มีจุดด่างดำขึ้นมาอีก

เผื่อใครสนใจตามไปอ่านมลภาวะต่อ >>Click<<

 

เนื้อมาสค์มาในรูปแบบของเจล ที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ ไม่มันเยิ้ม และไม่หนักผิว

ovm 3

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น ผ่อนคลายและสบายผิว แม้จะไม่มีกลิ่นใดๆ เพราะทางแบรนด์ไม่ได้ใส่น้ำหอม

ovm 4

เมื่อทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก็จะซึมและแห้งไปค่ะ สัมผัสที่ได้จะนุ่มนวล

ovm 5

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5-6 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ovm 6

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ เห็นเป็นมาสค์เนื้อเจลแบบนี้ แต่อัดแน่นมาด้วยส่วนผสมของสารบำรุงมากมายหลายชนิดเลยนะคะ

 

ส่วนผสม

สผส klaire

ส่วนผสมของนางจะค่อนข้างคล้ายกับตัว Essence นะคะ มีสารบำรุงบางตัวเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้โดดเด่นด้านการลดผลเสียจากมลภาวะเพิ่มขึ้นค่ะ

 

ในส่วนผสมวันนี้มี่ทำสีไว้ 5 สี แต่ละสีก็จะมีจุดเด่นต่างๆกันค่ะ

 

  • สีฟ้า น่าจะเป็นพระเอกของผลิตภัณฑ์ Gossypium herbaceum callus culture extract ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าเป็นสารสกัดจากเซลล์เพาะเลี้ยงของฝ้ายชนิดหนึ่งที่ขึ้นในทะเลทรายแถวอาหรับ ในฝ้ายนี้ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่มีโครงสร้างดูดกลืนรังสีได้ จึงให้ผลปกป้องเซลล์ผิวหนังจากแสงแดด ช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้คืนสู่สภาพดี เสริมสร้างเซลล์ใหม่ และยังให้ความรู้สึกสบายผิว หรือ Soothing effect
  • สีเขียว คือ สารสกัดจากเมล็ด Acacia และ ราก Maca ที่ผ่านการย่อยทำให้ได้สารที่มีขนาดเล็กลง มี 2 ตัว คือ
    • Hydrolyzed acacia macrostachya seed extract มีชื่อทางการค้าว่า Aqualicia เป็นสารสกัดจากเมล็ด Acacia สายพันธ์หนึ่งในแอฟริกา ผ่านกรรมวิธีการย่อยให้ได้สารออกฤทธิ์ที่มีขนาดเล็กลง ทำให้เข้าผิวได้ดีขึ้น ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น สารนี้ช่วยควบคุมการเก็บกักน้ำของผิวหนังที่ระดับล่าง เพิ่มการสร้างสารดูดน้ำในผิวที่เรียกว่า Natural moisturizing factor (NMF) ผิวจึงอุ้มน้ำได้ดีมากขึ้น และมีความทนต่อสภาวะอากาศที่แห้งแล้งได้ดีขึ้น โดยเฉพาะหน้าหนาว
    • Hydrolyzed lepidum meyenii root extract มีชื่อทางการค้าว่า Skinergium เป็นสารสกัดจากราก Maca ที่พบในเปรู ที่ผ่านกรรมวิธีการย่อยเช่นกัน ประกอบด้วยเปปไทด์กับน้ำตาลโมเลกุลเล็ก ซึมซาบเข้าไปบำรุงผิว กระตุ้นการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์ Fibroblast ที่เป็นเซลล์สร้างคอลลาเจนในผิว ลดริ้วรอย เพิ่ม Complexion ให้ผิว ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีขาวแบบมีเลือดฝาด
  • สีม่วง สารสกัดจากเมล็ด Flax และ เมล็ด Chia เมล็ดทั้งสองนี้มีสารประกอบในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนชนิดพิเศษ ที่สามารถดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้สารประกอบพวกนี้ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนในผิวได้ และยังเป็น Antioxidant ช่วยชะลอวัยได้อีก
  • สีส้ม เป็นสารที่ได้จากกระบวนการหมักจุลินทรีย์ เป็นการใช้เทคโนโลยีทางชีวภาพ (Biotechnology) ในการเลี้ยงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ แล้วสกัดแยกเอาสารต่างๆออกมาใช้ในทางเครื่องสำอางอีกที ได้แก่
    • Schizosaccharomyces pombe extract เป็นสารสกัดจากยีสต์ชนิดพิเศษที่ขึ้นบนองุ่นบริเวณริมทะเลของสเปน ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่า สารสกัดจากยีสต์นี้หมักบ่มด้วยอุณหภูมิต่ำพิเศษ ทำให้ได้สารอาหารออกมามากกว่า ให้ผลกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ Fibroblast ที่เป็นเซลล์สร้างคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
    • Bifida ferment lysate ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่า สารนี้จะช่วยซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นจากรังสี UV ปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
    • Galactomyces ferment filtrate สารที่ได้จากการเลี้ยงยีสต์สายพันธุ์ Galactomyces มีรายงานการวิจัยระบุว่าสามารถเพิ่มความแข็งแรงของ Barrier ที่ผิวหนังชั้นนอก โดยไปเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ Caspase-14 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในการแปรสภาพโปรตีน Filaggrin ให้กลายเป็น กรดอะมิโนที่ทำหน้าที่เป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF เพื่อช่วยในการดักจับน้ำรักษาความชุ่มชื้นของผิว (Arch Dermatol Res. 2013; 305(8):683-9.) และลดการสังเคราะห์ Melanin และลดสภวาะ Oxidative stress ในเซลล์ Melanocyte (J Am Acad Dermatol. 2014; 70(5)S1:AB) จึงมีประโยชน์ด้านความชุ่มชื้น และ Whitening ไปพร้อมๆกัน
  • สีชมพู เป็นกลุ่มของสารเติมน้ำ และสารบำรุงอื่นๆ มีอยู่หลายชนิดเหมือนกัน ได้แก่
  • ส่วนผสมของ Saccharide hydrolysate (and) maltodextrin มีชื่อทางการค้าว่า Sweetone ผู้ผลิตวัตถุดิบมี Claim ว่า สารนี้แยกมาได้จากผล Schizandra berry ที่เป็นพืชของจีน ผู้ผลิตได้ทำการศึกษาข้อมูลในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่าสารนี้มีผลกดการสร้างสาร Cytokine หลายชนิดที่มีผลเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบ ลดการสร้าง VEGF ซึ่งเป็นตัวการสร้างเส้นเลือดใหม่ มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดรอยแดงของผิว ลดการสร้างยีนที่เกี่ยวกับตัวรับ TRPV-1 ซึ่งเป็นตัวรับที่เกี่ยวข้องกับการรับความรู้สึกร้อนและระคายเคือง ลดการสร้างเม็ดสีผิวที่เกิดจากกระบวนการอักเสบ ในภาพรวมจึงมีประโยชน์ในการลดการอักเสบ ให้ความรู้สึกสบายผิว ลดการสร้างเม็ดสีผิว ผู้ผลิตวัตถุดิบมีการศึกษาประสิทธิภาพในอาสาสมัครพบว่า อาสาสมัครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารตัวนี้ในความเข้มข้น 0.5% วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 56 วัน มีพื้นที่ผิวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังลดลง จึงมีความแดงลดลง (TDS Sweetone, Laboratoires Expanscience)

swee ra mat

(Image from Laboratoires Expanscience)

  • Sodium hyaluronate เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • Sodium hyaluronate crosspolymer ตัวนี้เป็น Polymer แบบใหม่ของ Hyaluronic acid ที่มีการดัดแปลงโครงสร้างให้เป็นสาย Polymer ที่มีความยืดหยุ่น สามารถก่อฟิล์มบนผิว ให้คุณสมบัติเคลือบปกป้องผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนาน บริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบประสิทธิภาพของสารนี้ในอาสาสมัครพบว่า สารนี้มีผลช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ปรับสภาพผิวให้นุ่มและเรียบเนียน ความเป็นฟิล์มเคลือบผิวนี้สามารถปกป้องลดการระเหยของน้ำออกจากผิว เสมือนทำหน้าที่เป็น Barrier อีกชั้นหนึ่งให้กับผิว
  • Sodium polyglutamate และ polyglutamic acid สารประกอบเชิงซ้อนของ Glutamic acid ได้จากการหมักพืชบางชนิด มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีมาก ผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่าเพิ่มความชุ่มชื้นได้มากกว่า Hyaluronic acid หลายเท่า
    • โดยเจ้า Sodium polyglutamate ผู้ผลิตวัตถุดิบเรียกว่าเป็น Super PGA มีการ Claim ว่า มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีกว่า Hyaluronic acid มีคุณสมบัติเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดริ้วรอย ให้สัมผัสนุ่มนวลบางเบาไม่เหนอะหนะ
  • Gluconolactone อนุพันธ์ของน้ำตาล มีคุณสมบัติเป็น Multifunctional agent เป็นได้ทั้ง Additives ช่วยจับโลหะ เป็นสารระงับเชื้อจุลินทรีย์ และเป็น Active ingredients โดยช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เป็นสารในกลุ่ม Polyhydroxy acid (PHA) ให้คุณสมบัติการผลัดผิว (Exfoliant) คล้าย AHA แต่อ่อนโยน ระคายเคืองน้อยกว่า มีรายงานวิจัยสนับสนุนว่าการผลัดผิวของ PHA สามารถเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มความแข็งแรงของ Barrier ผิวหนัง และมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant รวมทั้งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสารออกฤทธิ์ชนิดอื่นๆ ได้ ( 2004; 73(2 Suppl):3-13.)

 

ในด้านของเบส มาในเบสรูปแบบของอิมัลชั่น ประกอบด้วยน้ำ สารดูดน้ำ และซิลิโคนที่ช่วยเคลือบผิวอย่าง Dimethicone และสารปรุงแต่งที่เหลือก็ไม่มีตัวไหนที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

 

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง อัดแน่นมาด้วยส่วนผสมของสารบำรุงหลายชนิด มีประโยชน์โดยรวมในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น Anti-pollution ต่อต้านมลภาวะตามชื่อผลิตภัณฑ์ เพิ่มความชุ่มชื้น antioxidant เสริมความแข็งแรงของ Barrier ผิว ลดการอักเสบและระคายเคือง รวมถึงด้านริ้วรอยได้ไปพร้อมๆกัน ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ Anti-pollution ที่มาครบด้วยสารบำรุงอื่นๆที่ดูแลผิวได้ครบถ้วนแบบ Global effect ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มาในเนื้อเบสแบบอิมัลชั่น ที่ประกอบด้วยน้ำ สารดูดน้ำ และซิลิโคนเคลือบผิวตัวพื้นฐานอย่าง Dimethicone ซึ่งตัวนี้ไม่ได้กันน้ำกันเหงื่อแรงแบบซิลิโคนในกันแดดหรือเมคอัพ จึงล้างออกจากผิวได้ง่าย ไม่ต้องห่วงเรื่องอุดตัน สารปรุงแต่งอื่นๆก็ทำมาได้ดี ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตัวมาสค์มาในกระปุกแบบกว้าง ซึ่งการตักออกมาใช้อาจจะต้องหาไม้พายเล็กๆ หรือ ช้อนเล็กๆ เพราะเนื้อเจลไม่ได้ข้นมากขนาดที่จะตักออกมาแล้วเป็นเส้นสวย เหมือนจะเหลวไปนิดนึง เนื้อเจลบางเบา ไม่หนักผิว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ ไม่มีน้ำหอม ใช้กลางคืน เช้าตื่นมาแล้วนุ่มฟูจริงอะไรจริงรู้สึกผิวมีสุขภาพดี ตาม claim ของแบรนด์ ส่วนตัวมี่ผิวแห้ง ใช้แทน Night cream ทุกวันก็ถือว่าชุ่มชื้นดี เอาอยู่สำหรับหน้าหนาวที่เชียงราย เรื่อง whitening กับริ้วรอยอาจจะยังเห็นไม่ชัดเพราะพึ่งเริ่มใช้ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ แต่เรื่องชุ่มชื้นนี่ดีงามมาก สัมผัสได้ตั้งแต่คืนแรกที่ใช้ค่ะ ให้ไป 4.5 ฟลาสก์

 

คะแนน.jpg

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Klairé ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Klairé ได้โดยตรงเลยค่ะ

Facebook: https://www.facebook.com/KlaireOfficial

Instagram: Klaireofficial

www.beforeandaftercorp.com

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ Klairé การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม] มูสมาสค์เทคโนโลยี LBS 2 in 1 พอกหน้าก็ได้ ล้างหน้าก็ดี ต้านมลภาวะ จาก Klairé anti-pollution mousse pack

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวมาสค์เนื้อมูสที่ใช้เป็น Cleansing ได้ในขวดเดียวกัน จากแบรนด์ Klairé มาฝากกันนะคะ

แบรนด์ Klairé เป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยแบรนด์หนึ่ง ที่เปิดตัวมาด้วยผลิตภัณฑ์น้ำตบและเซรั่มต่อต้านมลภาวะ ตั้งแต่พึ่งจะเริ่มมีเทรนด์ Anti-pollution เข้ามา ขอยกลิงค์รีวิวของ Klairé  anti-pollution essence มาอีกรอบนะคะ

https://cosmeknowledge.wordpress.com/2015/11/24/klaire-essence/

 

ตอนนี้ทางแบรนด์ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็น Mousse pack ค่ะ มีโฉมหน้าเป็นแบบนี้นะคะ

 

klaire 1

นางจะเป็นกระบอกทำจากโลหะ บรรจุมาในพลาสติกใส แอบมีลายดอกฝ้ายนิดหน่อย ดูหรูหราดีค่ะ

 

พอเราแกะพลาสติกที่หุ้มออก ก็จะเจอกระปุก mousse ของเราค่ะ

klaire 2

มาในคอนเซปท์โทนสีฟ้าเช่นเดิม

 

ตัว Mousse ตัวนี้ Made in Korea นะคะ เข้าทางสายเกาแบบอิชั้นเลย

 

เนื้อมูสตอนกดออกมาใหม่ๆจะมีสีเทาๆ

klaire 3

เนื้อมูสที่กดออกมาจะค่อนข้างแน่นค่ะ

 

 

พอเริ่มเกลีย เราจะรู้สึกว่ามูสเริ่มฟูตัวขึ้นมาอีก

klaire 4

ยิ่งนวดยิ่งสนุก #นวดวนไป

 

klaire 5

ยิ่งนวดฟองก็จะยิ่งเยอะ ยิ่งนุ่มละมุน

 

 

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีฟองที่ดูนุ่มละมุนและแน่นแบบนี้ มาจากการที่ทางแบรนด์ได้ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า LBS หรือ Low boiling point liquid stabilizing system เป็นเทคโนโลยีใหม่ของทางเกาหลีค่ะ

LBS tech

(Image from Kolmar Korea)

เทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ฟองคงตัวโดยอาศัยส่วนประกอบของของเหลวที่มีจุดเดือดต่ำ (Low boiling point liquid) มาควบคุมแรงตึงผิวของสารลดแรงตึงผิว หรือ Surfactant ในสูตร เมื่อสัมผัสผิว เจ้าของเหลวพวกนี้นางจะระเหยออกไป ทำให้ฟองนั้นถูกเหนี่ยวนำให้ปะทุตลอดเวลา เหมือนเราตีฟองอยู่นั่นเองค่ะ

มีความนวัตกรรมจริงๆ

 

หลังล้างก็จะรู้สึกสะอาด กระชับ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าจะแห้งตึง

klaire 6

มูสนี้เราจะใช้ได้ 2 แบบค่ะ

แบบแรก เป็นมาสค์ Detox เราจะใช้มูสนี้นวดๆ บนผิวที่ทำล้างหน้าทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ซับหน้าให้ห้าง แล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที แล้วล้างออก ใช้ตอนช่วงเย็นซักอาทิตย์ละ 1 – 2 ครั้งค่ะ

 

แบบสอง ใช้เป็นโฟมมูสล้างหน้า เราจะใช้มูสนี้นวดลงไปบนหน้าที่เปียก นวดวนไป แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ ใช้ล้างวันละ 1 ครั้งช่วงเย็น เพื่อดูดซับและกำจัดเอามลพิษที่สะสมมาทั้งวันออกไป

 

 

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

สผส klaire

ในส่วนผสมวันนี้มี่ทำสีไว้ 4 สีนะคะ

  • สีเขียว เป็นสารทำความสะอาด มีอยู่ 3 ตัวหลักๆ คือ Sodium lareth-4 carboxylate เป็นสารทำความสะอาดชนิดประจุลบ ซึ่งมีความสามารถในการทำความสะอาดได้ดี ร่วมกับ PEG-7 glyceryl cocoate เป็นสารทำความสะอาดชนิดไม่มีประจุ และ สารที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่าง Triethanolamine กับ Stearic acid ได้เป็น Triethanolamine stearate ซึ่งจัดเป็นสารทำความสะอาดกลุ่ม Soap ค่ะ
  • สีม่วง เป็นกลุ่มของ Clay ที่เสริมเข้ามาเพื่อเป็นตัวหลักในการช่วยดูดซับสิ่งสกปรกออกจากผิว ในที่นี้ก็จะมี ผง Charcoal กับ Moroccan lava clay ค่ะ
    • ผง charcoal จะมีรูพรุนในตัว ช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและความมันจากผิว รวมถึงพวกมลภาวะที่เราสะสมมาทั้งวัน
    • Moroccan lava clay ที่เกิดขึ้นมาจากลาวาที่เย็นตัวลงบนภูเขา ว่ากันว่าเป็นโคลนที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีแร่ธาตุจำนวนมากมายหลายชนิด ที่มากกว่าสารในกลุ่ม Clay ชนิดอื่นๆ
  • สีน้ำตาล เจ้า Fructooligosaccharide กับ Beta-glucan ป็นสารที่เรียกว่าเป็น Prebiotic ซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ดีๆบนผิว เมื่อจุลินทรีย์ดีๆบนผิวแข็งแรง ก็จะช่วยปกป้องผิวช่วยให้ผิวแข็งแรง
  • สีฟ้า เป็นสารบำรุงต่างๆ มีด้วยกันหลายตัว มี่ขอยกมาบางตัวนะคะ เช่น
    • Betaine ตัวนี้เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง
    • Saccharomyces ferment filtrate เป็นสารที่ได้จากการหมักยีสต์ มีคุณสมบัติเด่นเกี่ยวกับการเพิ่มความชุ่มชื้น ควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และช่วยให้ผิวแข็งแรง
    • สารสกัดจากใบบัวบก มีประโยชน์ในเชิงการชะลอวัย และลดริ้วรอย
    • สารสกัดจากลูก Fig มีรายงานวิจัยกล่าวว่าอาสาสมัครที่ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากลูก Fig เป็นเวลา 8 สัปดาห์มีผิวที่ชุ่มชื้นมากขึ้น สีผิวกระจ่างใสขึ้นเพราะมีปริมาณของเม็ดสีผิวลดลง ผิวแข็งแรงขึ้นเพราะมีการระเหยของน้ำออกจากผิวลดลง และ ความมันบนผิวหนังลดลง (Indian J Pharm Sci. 2014; 76(6): 560–)
    • Hydrolyzed hyaluronic acid คือ ไฮยาลูรอนที่ผ่านการย่อยแล้ว มีขนาดที่เล็กลง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
    • Ceramide NP เป็นอีกชื่อหนึ่งของ Ceramide 3 เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว

 

ในด้านส่วนผสมที่เหลือก็ไม่ได้มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว จึงถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี

มาให้คะแนนกันดีกว่า

  1. สารทำความสะอาด: Sodium lareth-4 carboxylate เป็นสารทำความสะอาดชนิดประจุลบ ซึ่งมีความสามารถในการทำความสะอาดได้ดี ร่วมกับ PEG-7 glyceryl cocoate ซึ่งดูมีความอ่อนโยน เสริมด้วยสารทำความสะอาดกลุ่ม Soap ถ้าใช้ Soap เดี่ยวๆอาจจะทำให้ผิวแห้งได้เล็กน้อยในบางราย แต่ถ้าเอามาใช้ร่วมกันคิดว่าน่าจะ Balance กันพอดี จุดนี้ขอให้คะแนนสารทำความสะอาดที่ 5 ฟลาสก์นะคะ ดูดีกว่าโฟมล้างหน้าทั่วไปอยู่ และส่วนตัวมี่ช่วงนี้ผิวผสม/แห้ง ใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไร
  2. สารบำรุง: ถึงจะเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดหน้า ที่สัมผัสผิวแค่ไม่นาน แต่การมีสารบำรุงอยู่ก็ย่อมดีกว่าไม่มีเลย และสารบำรุงที่ใช้มีอยู่ค่อนข้างหลายชนิด สารสกัดพืชบางอย่างก็ยังมีงานวิจัยรองรับ และยังไม่ลืมเสริมไขมันทดแทนให้ผิวโดยการเติม Ceramide เข้ามาด้วย เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์เช่นกัน
  3. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวเลยขอให้ 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่คิดว่าตัวผลิตภัณฑ์แอบมีลูกเล่น ยิ่งนวดฟองยิ่งหนานุ่มยิ่งแน่นยิ่งสนุก ก็นวดกันวนไป หลังล้างก็ไม่ได้รู้สึกแห้งตึงอะไร และก็ไม่ได้เยิ้มลื่นจนเป็นเมือกๆ โดยรวมมี่ค่อนข้างชอบค่ะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

 

คะแนน klaie

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Klairé ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Klairé ได้โดยตรงเลยค่ะ

Facebook: https://www.facebook.com/KlaireOfficial

Instagram: Klaireofficial

www.beforeandaftercorp.com

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Klairé การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ