Image

[Cosme-Diagnosis] มหกรรมวิเคราะห์ส่วนผสม รวมรีวิว 14 BHA Toner ตัวตึงแห่งปี 2022

สำหรับ Blog นี้จะเป็น Content รวมบทวิเคราะห์ส่วนผสม BHA toner ที่น่าสนใจในปี 2022 นี้ แต่ก่อนจะไปเริ่มวิเคราะห์ส่วนผสมขอกล่าวถึง BHA เล็กน้อยนะคะ

BHA หรือ Beta-hydroxy acid จัดเป็นสารในกลุ่มกรดอินทรีย์ (Organic acid) ชนิดหนึ่ง โดยชนิดที่เป็นที่รู้จักและนิยมใช้ในวงการเครื่องสำอางคือ Salicylic acid

น้องมีคุณสมบัติละลายได้ในไขมัน และมีคุณสมบัติในการย่อยสลายโปรตีน Keratin ที่เป็นองค์ประกอบในสิวอุดตัน (Comedone) เราเรียกคุณสมบัตินี้ว่า Comedolytic

โดยในความเข้มข้นสูงๆ จะจัดเป็นยาที่ใช้กัดหนังแข็งๆ ส่วนทางเครื่องสำอาง ความเข้มข้นที่ให้ประโยชน์ในการดูแลเรื่องการอุดตันในรูขุมขนคือ 0.5 – 2.0% ในสูตร

แต่ข้อเสียของวงการเครื่องสำอางคือเรามักจะไม่ทราบความเข้มข้นของสารที่เขียนอยู่บนฉลาก เว้นแต่ผู้ผลิตจะบอกเองค่ะว่าใส่มาเท่าไหร่ การดูลำดับส่วนผสมก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง

ด้วยคุณสมบัติในการผลัดผิวของ Salicylic acid จึงไม่แนะนำให้ใช้ในตอนกลางวัน และถ้าใช้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่มีค่า SPF เหมาะสม และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดค่ะ

และมีข้อควรระวังในผู้ที่มีประวัติแพ้ Aspirin หรือ กลุ่มยาแก้ปวดลดอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพราะอาจจะเกิดการแพ้ได้

ไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์นะคะ เพราะอาจจะมีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ได้

สำหรับ content นี้ผลิตภัณฑ์ที่คัดเลือกมามีด้วย 14 ชิ้นค่ะ

ก่อนไปวิเคราะห์ส่วนผสมขอ Disclaimer เล็กน้อยค่ะ

  1. Content นี้จัดทำขึ้นมาเพื่อใช้ในเชิงการศึกษาเป็นหลัก
  2. Content นี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเครื่องสำอาง หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับความงามแห่งใด
  3. Content นี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์โดยอาศัยหลักการทางด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง และมีการสอดแทรกความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
  4. Content นี้มีการสอดแทรก Affiliated link โดยผู้เขียนอาจได้รับค่าตอบแทนจากการ Click link ที่แนบไว้ท้ายบทวิเคราะห์เครื่องสำอาง

ถ้าพร้อมแล้วขอเริ่มที่ตัวแรกเลยค่ะ

ขอเปิดประเดิมด้วยโทนเนอร์ดูแลสิวในตำนานจาก Some by Mi ที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้ผ่านตามาบ้าง

สมัยก่อนน้องมีขวดใหญ่มากๆ ด้วย แต่ตอนนี้เหลือมีขายแต่ขวดเล็ก แล้วก็มีไลน์ใหม่ที่เป็นไลน์ชาเขียวออกมาแทน ส่วนตัวก็ยังไม่เคยหยิบเอารุ่นชาเขียวมาดูว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง

แต่ตัว AHA BHA PHA 30 Days Miracle Toner ส่วนผสมคือมาเต็มมาก ทั้งดูแลสิว และเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำไปพร้อมๆ กัน

สำหรับสารบำรุงอื่นๆ นอกจากพวก Acids แล้วก็มี Niacinamide ที่เป็นตัวเต็งในวงการสกินแคร์ ร่วมกับสารสกัดจากพืชหลายชนิด และสารบำรุงที่ดูแล้วเด่นไปในทางด้านการเติมน้ำให้กับผิว จะมีรองๆ ก็จะเป็นด้าน Whitening กับ การดูแลเรื่องริ้วรอยผ่าน Adenosine

สารสกัดจากถั่วเลนทิล อาจจะเป็นตัว p-Refinyl ของ Silab ประเทศฝรั่งเศส ที่มีเคลมเกี่ยวกับการดูแลเรื่องรูขุมขนไม่กระชับ ควบคุมความมัน และดูแลเรื่องความรู้สึกกระชับผิวไปพร้อมๆ กัน

ขอแนบ Aff link บน Watsons https://invol.co/clew3bt

Laz Mall Some by Mi https://invol.co/clew3ca

ตัวถัดมาเคยเป็นตัวตึงของบ้านมียอน กับน้อง BHA Music Toner จากแบรนด์ Skin Talk สัญชาติเกาหลีเช่นกัน

ตอนนี้เขาปรับสูตรอีกรอบค่ะ จะไม่เหมือนกับสูตรเก่า เลยขอหยิบเอาสูตรเก่ามาวิเคราะห์เป็นกรณีศึกษาก่อน

จุดเด่นของน้องคือน้องใช้น้ำสกัดจากใบชาเขียวเป็นเบสหลัก เสริมมาด้วยสารสกัดและสารบำรุงหลายชนิด นอกจาก AHA BHA แล้ว ยังมีสารสกัดจากพืชและสารบำรุงที่โดดเด่นในด้านของการดูแลเรื่องการระคายเคือง การสมานผิว การเติมน้ำให้ผิว และดูแลเรื่องสิว

มีเคลมเรื่องของสารสกัดจากสาหร่าย Chlorella ว่ามีประโยชน์ในด้านริ้วรอย

แต่เสียดายที่ตอนนี้สูตรปรับใหม่มีเปลี่ยนส่วนผสมไปหลายอย่างเหมือนกันค่ะ

ดูสูตรเก่าไปแล้ว มาดูสูตรใหม่ล่าสุดบ้าง สูตรนี้ส่วนตัวยังไม่มีโอกาสได้ลองนะคะ แม้จะเห็นว่ามีขายตามแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่บ้าง

ข้อมูลสูตรนี้เอามาจากเว็บไซต์ของแบรนด์ Skin Talk ประเทศเกาหลี นางบอกว่านางใช้น้ำชาเขียวแทนน้ำ แต่ดิฉันก็ยังเห็นน้ำอยู่นะ ต่อจากน้ำชาเขียวเลยค่ะ

จุดที่เปลี่ยนไปก็คือ มีการเพิ่ม Niacinamide เข้ามาในสูตร แล้วตัดเอา Chlorella กับ สาหร่ายเคลป์หมักทิ้งไป เพิ่มเอาสารสกัดจากรำข้าวเข้ามา

ในภาพรวมคือน้องก็ยังมีส่วนผสมที่ดูแลเรื่องการระคายเคืองผิว สมานผิว เติมน้ำ และดูแลเรื่องสิวได้อยู่

แต่ส่วนตัวแอบชอบส่วนผสมของตัวเก่ามากกว่า

ตัวถัดมา ก็เคยเป็นตัวตึงของบ้านมียอนเหมือนกัน เป็นของจากเกาหลีอีกเช่นกัน

เรายังคงอยู่กับความเก๋ไก๋ของ K-beauty ค่ะ

ตัวนี้คือ Natural BHA Skin Returning A-Sol จากแบรนด์ CosRX ตอนนี้น้องมี Official Mall บน Lazada แล้วนะคะ สมัยก่อนดิฉันต้องสั่งผ่าน iHerb เอา แต่เสียดายสูตรนี้เหมือนไม่มีขายแล้วค่ะ ณ ตอนนี้ ก็ขอหยิบยกเอามาเป็นกรณีศึกษา เพราะมีความน่าสนใจอยู่ค่ะ

สำหรับตัวนี้มี AHA BHA โดย BHA น้องมาในรูปแบบ Betaine salicylate ซึ่งเป็นอนุพันธ์ที่ได้จากการรวมตัวกันของ Salicylic acid กับ Betaine ที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine อีกที จุดเด่นของ Betaine salicylate คือ มีการเคลมว่ามีความอ่อนโยนกว่า Salicylic acid ปกติ และตัว Betaine เองก็เด่นเรื่องการดูแลการระคายเคืองไปด้วย

เบสหลักมาในสารสกัดจากโพรโพลิส ที่โดดเด่นเรื่องการดูแลผิวหลายๆ ประการ ทั้งด้านของสิว และการอักเสบระคายเคือง เสริมมาด้วย Panthenol และ Allantoin ที่ดูแลเรื่องการระคายเคืองไปพร้อมๆ กัน ตามมาด้วยสารสกัดจากเมล็ดของ Cassia obtusifolia ที่อาจจะเป็นของบริษัท Garden of Naturalsolution ประเทศเกาหลี ที่เคลมว่ามี Polysaccharide ที่มีคุณสมบัติดูแลเรื่องการระคายเคือง และอาการคันผิว

มี Hya เล็กน้อยพอกรุบกริบ

ปิดท้ายจบด้วย Tea tree oil ถ้าดูจากลำดับส่วนผสมก็พอกล้อมแกล้มว่าอาจจะให้ประโยชน์ด้านสิว

โดยรวมคือ แลดูอ่อนโยน ด้วยความมีสารดูแลเรื่องการระคายเคืองหลายสิ่งอัน

มาถึงสูตรปัจจุบันของ BHA จากแบรนด์ CosRX กันบ้างค่ะ

น้องมีชื่อว่า AHA/BHA Clarifying treatment toner จริงๆ น้องก็เป็นตัวเก่าแก่ตัวหนึ่งในวงการนะคะ

ในด้านของ AHA นอกจากจะเป็น Acids แล้วก็ยังใช้น้ำแอปเปิ้ล ที่มี AHA ตามธรรมชาติ

ส่วนของ BHA เป็น Betaine salicylate เหมือนสูตรป้ายแดง และเสริมมาด้วย BHA ธรรมชาติจากเปลือกต้น Willow

สารบำรุงอาจจะไม่จัดเต็มมาก แต่ก็เด่นไปในทางการดูแลเรื่องการระคายเคืองค่ะ

ราคาไม่แพงเว่อวังนะคะ เป็นมิตรจับต้องได้

อันนี้ขอแนบ Aff link ของ Laz Mall ไว้เผื่อใครอยากไปลองตำ

https://invol.co/cleot31

เมื่อพูดถึง Betaine salicylate แล้ว ขอหยิบเอาอีกตัวที่ดูดีงามไม่แพ้กัน เป็นงานฝาหรั่งค่ะ

Squalane + BHA pore minimizing toner จากแบรนด์ Biossance ที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง แต่น้องทำอะไรออกมาปังหลายๆ อย่างนะคะ

น้องมาในคอนเซปท์น่ารักๆ ส่วนผสมจัดเต็มด้วยสารสกัดจากธรรมชาติมากมายหลายชนิด ดูแลผิวได้ครบสยบทุกปัญหา ทั้งเรื่องสิว ผิวมัน การระคายเคือง Whitening เติมน้ำ รวมไปถึงอาจจะได้ประโยชน์ด้านริ้วรอย

กล่าวคือ รอยดำ รอยแดง รอยสิว ดูแลครบค่ะ

ส่วนของ Acid นั้นน้องเน้นไปที่ BHA ค่ะ โดยมี BHA ธรรมชาติจากเปลือก Willow ร่วมกับ Betaine salicylate

อีกจุดเด่นคือเสริม Squalane ที่ดูแลเรื่องความชุ่มชื้นผ่านกลไกการคืนไขมันให้ผิวนุ่มแบบ Emollient effect

อันนี้ขอแนบ Aff link ผ่านเว็บของ Sephora นะคะ ใครสนใจอยากลองเล่นก็ไปแอบส่องกันได้

https://invol.co/cleot19

ดูงานยากๆ ส่วนผสมเยอะๆ ไปแล้ว มาดูอะไรที่เรียบง่ายบ้างค่ะ กับแบรนด์ The INKEY List แบรนด์เรียบง่ายภายใต้คอนเซปท์ Knowledge Powered Skincare Products

ที่ใช้ส่วนผสมที่มีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพ และใช้เท่าที่จำเป็นตามเทรนด์ ‘The less is more’

Beta Hydroxy Acid ก็คือ BHA จริงๆ ค่ะ เสริมมาด้วย Betaine และ Biosaccharide gum-1 เพื่อดูแลด้านการระคายเคือง และเติมน้ำด้วย Hya

มี Zinc PCA ดูแลเรื่องควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน

แต่ราคาจะแอบแรงนิดนึง เผื่อใครสนใจแอบไปส่องไปตำได้ค่ะ

ขอแนบ Aff link ไปยัง Sephora

https://invol.co/cleot1p

ตัวถัดมายังอยู่กับงานเกาหลีนะคะ อีก 1 ตัวตึงลูกรักบ้านมียอนที่มาในคอนเซปท์ “คงจะดีถ้าเรามี Peeling ที่ดูแล Barrier ผิวไปพร้อมๆ กัน”

ตัวนี้เป็น Toner สำหรับดูแลผิวมันและผิวที่มีปัญหาสิว จากแบรนด์ Zeroid แบรนด์ดังในเครือ Neopharm ประเทศเกาหลี เจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยี MLE ที่เด่นเรื่องของการฟื้นฟู Barrier ผิว ดูแลเรื่องผิวแข็งแรง และความชุ่มชื้น

และแน่นอนว่า Toner สูตรนี้ก็มี MLE ด้วยค่ะ

สำหรับ Acids ในนี้จะเป็น AHA ร่วมกับ LHA (Lipohydroxy acid) ชนิด Capryloyl salicylic acid ที่เอา Salicylic acid มาจับกับไขมัน Caprylic acid เพื่อเสริมคุณสมบัติในการละลายไขมัน น้อง LHA นี้จริงๆ พัฒนามาโดยเครือ L’oreal แต่น่าจะหลุด Patent ไปแล้ว เราเลยเจอได้ในหลายๆ แบรนด์

LHA มีงานวิจัยรองรับว่ามีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายด้านๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening, ริ้วรอย สำหรับเรื่องสิว น้องเหมือนจะเป็นตัวเสริมมากกว่า จากข้อมูลเรื่องการละลายซากเซลล์อุดตัน LHA จะเด่นไม่เท่า BHA แต่ถ้าใช้เสริมกับสารอื่นหรือยาที่ใช้เป็นประจำ น้องจะให้ประโยชน์ดีกว่าใช้สารนั้นอย่างเดียวล่ะ

สารเสริมอื่นๆ นอกจาก MLE ก็จะมี Betaine กับ Panthenol ที่ดูแลด้านการระคายเคือง ร่วมมากับ Hya ที่เติมน้ำ และ Zinc PCA ที่เด่นไปในเชิงการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และยังมีประโยชน์บ้างในด้านของริ้วรอย

ตัวนี้ราคาจะแอบแรงนิดหน่อย แต่ส่วนตัวก็เลิฟๆ ค่ะ

อันนี้ก็ขอแนบ Aff link ไปที่ Official Laz Mall ของแบรนด์ Zeroid นะคะ

https://invol.co/cleot2p

เมื่อพูดถึง LHA ขอมาดูงานไทยที่น่าสนใจบ้างค่ะ

น้องมาจากแบรนด์ Gravich กับ Acneology facial toner

ส่วนตัวได้เลือกน้องมาซักพัก และผ่านการใช้มา 2 ขวดแล้วนะคะ ด้วยความส่วนผสมดีงาม และราคาย่อมเยา ยิ่งมีโปรงามๆ คือ ไม่ถึง 200 บาท คือ คุ้มค่าปังเว่อร์

แบรนด์นี้ยังมีสกินแคร์อีกหลายชิ้นที่ดีงามไม่แพ้กันนะคะ

ในด้านของส่วนผสมของกลุ่ม Acids น้องจัดเต็มมากทั้ง AHA/BHA/PHA/LHA เสริมมาด้วย Niacinamide ที่เป็นตัวตึงด้านสกินแคร์

มีสารบำรุงอื่นๆ ที่ดูแลเรื่องการเติมน้ำ อย่าง Trehalose กับ Hya

ใช้ Biosaccharide gum-1 ดูแลเรื่องการระคายเคืองผิว คือ ดูแพงอ่ะ

สำหรับด้านสิวก็มี Zinc PCA, Witch hazel และวิตามินบี 6 ที่ดูแลเรื่องควบคุมความมันให้แก่ผิว

แนบ Aff link บน Laz Mall ค่ะ

https://invol.co/clep8j3

ดูงานไทยไปแล้ว อยากขอหยิบงานไทยอีกชิ้นมาเล่าให้ฟังต่อ

น้องมาในราคามิตรภาพ ส่วนตัวสอยมาจากร้านสีน้ำเงินค่ะ ตอนนั้นได้มาในราคาร้อยกว่าบาท

เป็น Tea tree chapter Anti-acne solutions first toner จากแบรนด์ Plantnery ค่ะ

อันนี้คือสมชื่อนะคะ Anti-acne solutions เพราะเน้นไปที่ acne แบบพุ่งมุ่งเป้ามาก

ไม่ว่าจะเป็นด้านการควบคุมความมันผ่าน Witch hazel วิตามินบี 6 Carnitine Zinc PCA ซึ่งบางตัวก็ให้ประโยชน์ดูแลกระชับรูขุมขนไปด้วย

ยังได้ประโยชน์ดูแลสิวจากสารสกัดใบ Neem และ Niacinamide

เติมน้ำด้วย Hya และดูแลการระคายเคืองด้วย Panthenol

ส่วนของ BHA นั้นเป็นชนิด Salicylic acid ตัวดั้งเดิมค่ะ

ขอแนบ Aff link บน Laz Mall นะคะ

https://invol.co/clep8ic

มาดูงานจากองุ่นที่เพื่อนสาวแสนสวยของหญิงเมนชั่นถึงกันบ้างค่ะ

น้อง Vinopure purifying toner จาก Caudelie แบรนด์ของฝรั่งเศส ที่อาจจะดูหาซื้อยากนิดหน่อย เพราะน้องมีที่ Sephora เราอาจจะต้องแบกร่างไปลองเนื้อนางก่อน

จุดที่น่าสนใจ คือ น้องใช้น้ำองุ่นมาเป็น AHA ธรรมชาติ ร่วมกับ Citric acid และ มี BHA ในรูปแบบ Salicylic acid ลดความระคายเคืองด้วย Rose water หอมกรุ่นที่เบลนด์กับน้ำมันหอมระเหยและสารหอมที่เป็นโมเลกุลที่พบเจอได้ตามธรรมชาติอย่างลงตัว

ติดนิดเดียวตรงมี Alcohol แต่ข้อดีของการมี Alcohol ก็คือน้องอาจจะช่วยขจัดเอา sebum ส่วนเกินบริเวณปากปล่องรูขุมขนออกไปได้ ก็จะอารมณ์เสริมๆ กัน และให้ความรู้สึกเย็นผิวตอนน้องระเหยไป แต่คนที่ sensitive กับ Alcohol ก็อาจจะห่างๆ นิดนึงเนอะ

แนบ Aff link จาก Sephora

https://invol.co/cleot25

ด้วยความที่ Caudelie เป็นงานฝรั่งเศส เลยขอหยิบเอา Effaclar ที่เป็นเสมือนนางเอกแห่งวงการผิวที่มีปัญหาสิวจากแบรนด์ Laroche-Posay ในเครือ L’oreal สัญชาติฝรั่งเศสเหมือนกันมาวิเคราะห์

เสียดายที่ตัวนี้ไม่มีในไทย เพราะน้องทำมาได้อย่างเด็ดดวงมาก น้องขึ้นทะเบียนเป็น OTC ใน USA ค่ะ

สำหรับส่วนผสมนอกจากน้ำแร่ La roche แล้วก็คือมี Salicylic acid ที่ความเข้มข้น 0.5% ตาม Guideline ในการดูแลสิว (0.5-2.0%) ร่วมกับ Glycolic acid ที่ 2.0% เสริมมาด้วย Capryloyl glycine ที่เด็ดดวงสำหรับสิว โดยทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า น้องไปยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase ที่เป็นเอนไซม์เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็น Dihydrotestosterone (DHT) ที่มีฤทธิ์แรงขึ้น

เจ้า DHT นี้ถ้ามีมากเกินไปก็จะส่งผลเสียหลายอย่าง เช่น ผิวมัน เป็นสิวง่าย ถ้าเป็นที่ผมก็ทำให้ผมร่วง

พอโดนยับยั้งไป DHT ก็จะไม่เยอะ ต่อมไขมันก็เลยไม่โดนกระตุ้น ไขมันที่สร้างออกมาก็เลยลดลง พอไม่มีไขมัน เชื้อ C. acnes ก็ไม่มีอะไรกิน อาการของสิวก็จะดีขึ้น

ยังเสริมมาด้วยสารบำรุงอีกนิดหน่อย อย่าง Polysaccharide จากเห็ดหูหนูขาว ที่เด่นเรื่องความชุ่มชื้น กับ Scutellaria extract ที่เด่นเรื่องของริ้วรอย คาดการณ์ว่าจะดูแลพวกรอยสิวอะไรแบบนี้ไปพร้อมๆ กัน

แต่ติดตรงที่มี Alcohol ใครที่ sensitive กับ Alcohol ก็เลี่ยงๆ แต่ใครผิวมันก็น่าจะชอบ

มาลองดูแบรนด์ที่น่าสนใจอีกแบรนด์นะคะ กับ Glamglow ที่รวบรวมสารพัด AHA เอาไว้เข้าด้วยกัน และมี BHA ในรูปแบบ Salicylic acid และ สารสกัดจากเปลือกต้น Willow

โดยในภาพรวมที่น่าสนใจคือ Mandelic acid ที่เป็น AHA ที่มีการกล่าวว่าให้ผลดีกับปัญหาสิว เสริมมาด้วยใบยูคาลิปตัส ซึ่งมีรายงานว่ามีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้าง Ceramide ของผิว (แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นวัตถุดิบตัวเดียวกันกับที่รายงานหรือเปล่า) มี Witch hazel ที่ดูแลเรื่องรูขุมขน

และสารสกัดจากสาหร่าย ซึ่งถ้าทราบข้อมูลสายพันธุ์เราอาจจะวิเคราะห์กันต่อไปได้ว่ามีประโยชน์ไปในทางไหน

ลดการระคายเคืองด้วยว่านหางจระเข้

มีลูกเล่นมุ้งมิ้งด้วย Charcoal และผงวิบวับจาก Mica

ปกติแบรนด์นี้จะเด่นเรื่อง Clay mask ตัวโทนเนอร์เลยทำมาอารมณ์ให้เป็น Clay วิบวับๆ

แต่ตัวนี้มี Alcohol นะคะ ใครที่ sensitive ก็อาจจะต้องเลี่ยงไป

ว่าแล้วก็ขอแนบ Aff link บน Sephora ค่ะ

https://invol.co/cleot1t

ปิดท้ายด้วยโทนเนอร์จากแบรนด์ Tarte ที่เด่นเรื่องของ makeup ส่วนตัวไม่คิดว่าน้องจะทำ skincare ออกมาได้ปังเว่อร์

ในภาพรวมน้องมี AHA+ BHA+ PHA ที่เสริมมาด้วยสารบำรุงหลายชนิดที่ให้ประโยชน์หลายๆ ด้าน ประเดิมด้วย Niacinamide ตัวตึงสกินแคร์

มีสารสกัดจากหัวหอมที่ดูแลพวกการสมานแผล (Wound healing) และ Sulfur ซึ่งเป็นสาร(เก่าแก่)ที่ใช้ในการดูแลสิว แต่ดูจากลำดับคาดว่าอาจจะยังไม่ถึง dose ที่ต้องการก็เป็นได้

ใครสนใจก็ลองไปแอบส่องแอบตำกันได้ค่ะ

แนบ Aff link:

https://invol.co/cleot1i

สำหรับ Content นี้ก็คงต้องขออนุญาตตัดจบไปที่ตรงนี้นะคะ โอกาสหน้าจะเอาอะไรมาวิเคราะห์ส่วนผสมต่อไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ

ปิดท้ายด้วย Disclaimer อีกรอบค่ะ

  1. Content นี้จัดทำขึ้นมาเพื่อใช้ในเชิงการศึกษาเป็นหลัก
  2. Content นี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเครื่องสำอาง หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับความงามแห่งใด
  3. Content นี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์โดยอาศัยหลักการทางด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง และมีการสอดแทรกความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
  4. Content นี้มีการสอดแทรก Affiliated link โดยผู้เขียนอาจได้รับค่าตอบแทนจากการ Click link ที่แนบไว้ท้ายบทวิเคราะห์เครื่องสำอาง
Image

วิเคราะห์ส่วนผสมไนท์ครีม Retinaldehyde สำหรับดูแลผิวที่มีปัญหาสิว จากแบรนด์ Dr.Different VitaAcnal Tx Night cream

สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้มี่จะมาวิเคราะห์ส่วนผสมกับเล่ารายละเอียดคร่าวๆ ของครีมสำหรับดูแลปัญหาสิวต่างๆ รวมทั้งสิวเสี้ยนสิวอุดตันของแบรนด์ Dr.Different เจ้าเก่านะคะ

ทางแบรนด์ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเน้นจัดเต็มไปที่ด้านการดูแลสิวโดยเฉพาะเลย ภายใต้ Product ที่มีชื่อว่า VitaAcnal Tx Night cream ค่ะ

โดยสำหรับวันนี้เรียกได้ว่าเป็น Mini-Review แล้วกันเนาะ เพราะส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาสิว เลยขอคุยกันตามหลักวิชาการนะคะ

ตัว Product มีหน้าตาประมาณนี้นะคะ

ในส่วนของตัวภาชนะ ก็จะคล้ายกับสินค้ากลุ่ม VitaA เพียงแต่กลุ่มดูแลสิวจะใช้โทนสีเขียวมินท์แทน

เนื้อครีมจะมาแบบคล้ายๆ กับสูตรปกตินะคะ

ก่อนเกลี่ย

หลังเกลี่ย

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมจะคล้ายๆ กับ VitaA สูตรปกตินะคะ เพียงแต่มีการปรับเล็กน้อย

  1. ตัดเอาน้ำมัน/ไขมันทิ้งไป เพื่อลดโอกาสในการอุดตัน
  2. เพิ่ม Capryloyl salicylic acid ที่จัดเป็น Lipohydroxy acid เข้ามา ตัวนี้ให้ประโยชน์หลายด้านเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลสิว หรือ Whitening รวมถึงเรื่องของการชะลอวัย
  3. ตัด Adenosine ออกไป เนื่องจากไม่ได้เน้นด้านริ้วรอยเหมือน VitaA

โดยยังคงใช้เทคโนโลยีระบบนำส่งสารแบบ Niosome ซึ่งเป็นระบบนำส่งสารแบบเป็นถุงที่มีผนังสองชั้น สร้างจากไขมัน ร่วมกับสารประกอบอื่นๆ โดย Niosome ที่ทางแบรนด์ใช้เป็นชนิด Multilamellar vesicle หมายความว่า มีผนังสองชั้นซ้อนกันหลายๆ ชุด

เทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตรที่ใช้สารชุดพิเศษที่ทางแบรนด์พัฒนาขึ้นมาค่ะ ซึ่งได้กล่าวไปในการรีวิวสูตร VitaA คราวก่อนค่ะ

ในวันนี้เราจะเพิ่มเรื่องของประโยชน์ของ Retinal ในการดูแลผิวที่มีปัญหาสิวค่ะ

  • การศึกษาชิ้นแรกเป็นของ Ford-Lacoste และคณะ เมื่อปี 1999 ได้ศึกษาคุณสมบัติในการขจัดการอุดตัน (Comedolytic) ของ Retinaldehyde (0.05%) เทียบกับ Retinoic acid (0.025%) ในหนูทดลอง พบว่าทั้งสองตัวให้ประสิทธิภาพในการย่อยสลายเศษซากเซลล์ผิวที่อุดตันได้ไม่ต่างกัน และยังพบว่าทั้งคู่เสริมความหนาให้แก่ชั้นผิวกำพร้าด้วย (Dermatology. 1999;199 Suppl 1:33-5.)
  • ต่อมา Pechére และคณะ เมื่อปี 2002 ได้พบว่า Retinaldehyde มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในระดับหลอดทดลอง และเมื่อเอามาทดสอบบริเวณหน้าผากของอาสาสมัครเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่า จำนวนเชื้อก่อสิว อย่างเจ้า P. acnes และ เชื้อก่อหนอง อย่าง S. aureus ลดลง (Dermatology. 2002;205(2):153-8.)

ซึ่งก็ตรงกับเปเปอร์ทบทวนวรรณกรรมที่แบรนด์เอามาเล่าค่ะ

(Image from Dr.Different Official Website)

ทางแบรนด์เองก็มีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครนะคะ ซึ่งก็พบว่าให้ผลที่น่าสนใจทั้งในแง่ ลดสิวหัวปิดหัวเปิด ปริมาณน้ำมัน และปริมาณ Dead cell ที่ผิวผลัดทิ้งไม่ได้ ใน 4 สัปดาห์

ซึ่งมีภาพของกรณี Dead cell แนบมานะคะ เป็นการถ่ายภาพผ่านเครื่องมือ Visioscan ค่ะ

(Image from Dr.Different Official Website)

สำหรับ Product ตัวนี้ในมุมมอง ส่วนตัวมองว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจตัวหนึ่ง แม้ว่าส่วนผสมจะเป็นการ Combination ที่เห็นแล้วหรูหรามากนัก แต่ต้องยอมในแง่ของเทคโนโลยี และการทดสอบประสิทธิภาพทางคลินิกจริงยืนยันไม่เคลมไปเรื่อย

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Dr.Different (สาขาประเทศไทย) ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้เปิดหูเปิดตา ได้ทดลองใช้ และทุกๆ ท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบด้วยนะคะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/DrdifferentTH

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Dr.Different การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม The Labatorian Agness เซรั่มบำรุงผิวเพื่อดูแลปัญหาสิวสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย เซรั่มดีงามจากความใส่ใจของแบรนด์

สวัสดีค่ะ วันนี้มี่มีรีวิว/วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เซรั่มที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ

น้องเป็นเซรั่มบำรุงผิวเพื่อดูแลปัญหาสิว และปัญหากวนใจอื่นๆ ได้พร้อมกัน เรียกได้ว่า ดูแลครบ จบหมดทุกปัญหา สมชื่อของน้อง ที่บอกว่าเป็น The All-rounded solution เลยหละ

น้องมีชื่อว่า Agness จาก The Labatorian ค่ะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

ภาชนะบรรจุเป็นขวดปั๊มที่ปิดสนิท (Close system)

เนื้อเซรั่มเป็นเจลใส ความหนืดปานกลาง ไม่มีกลิ่น เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยง่าย ลื่น มีสัมผัสของฟิล์มนุ่มลื่นที่ให้ความชุ่มชื้น และความรู้สึกเย็นสบายผิวไปพร้อมๆ กัน เมื่อน้องแห้งไปเราจะรู้สึกเรียบ ตึง และกระชับ แต่ไม่ถึงกับแห้งจนไม่สบายผิว

ก่อนจะไปวิเคราะห์ส่วนผสม อยากเล่าจุดเด่นทั้ง 7 ประการของเซรั่มตัวนี้ก่อนนะคะ

  1. ปรับสมดุลการสร้างน้ำมัน Sebum และให้รูขุมขนแลดูกระชับ
  2. ดูแลปัญหาสิว
  3. Antioxidant และ ลดการอักเสบระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว จุดนี้มีประโยชน์ในด้านการดูแลรอยแดงจากสิว
  4. ฟื้นฟู Barrier ผิว
  5. ลดการอุดตัน
  6. ปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ดูแลปัญหารอยดำจากสิว
  7. เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวดูนุ่มนวล

ซึ่งส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาสิวมาสักพักแล้ว จึงขอวิเคราะห์/วิจารณ์ส่วนผสม ตามหลักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางนะคะ สำหรับส่วนผสม ถือว่าค่อนข้างจัดหนักจัดเต็มอยู่ค่ะ เป็นดังภาพค่ะ

ในส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้หลายสีอยู่นะคะ

เนื่องจากเป็นเซรั่มที่ดูแลปัญหาสิว และปรับสภาพผิวที่เป็นสิวง่ายให้แข็งแรงขึ้น เลยจะขอเริ่มวิเคราะห์ส่วนผสมของกลุ่มที่มีประโยชน์ในด้านสิวก่อนนะคะ

  • กลุ่มของสีฟ้าสดใส ได้แก่ สารสกัดจากเห็ด Fomes, สารสกัดจากเปลือกต้น Willow, และ Oleanolic acid พวกนี้จะมีประโยชน์เด่นในการดูแลสิว โดยจะขอกล่าวทีละตัวแบบย่อนะคะ
  • สารสกัดจากเห็ด Fomes officinalis สารสกัดจากเห็ดนี้ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์หลายชนิด จุดเด่นคือคุณสมบัติที่เรียกว่า Astringent มีความหมายในเชิงการกระชับรูขุมขน ทางผู้ผลิตวัตถุดิบได้ทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดเห็ด Fomes ในการกระชับรูขุมขนของหน้าผากอาสาสมัครพบว่ากระชับรูขุมขนได้ดี

(Image from BASF Personal care)

  • สูตรผสมของ Nordihydroguairetic acid กับ Oleanolic acid ในเบสจำเพาะ สูตรผสมชุดนี้ทางผู้ผลิตเคลมว่าเป็นสูตรผสมของสารบำรุงหลายชนิด ในเบสที่เป็น Osmogel ซึ่งจะสามารถยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ และอาศันประโยชน์ในการควบคุมการสร้างน้ำมัน หรือ Sebum ผ่านการยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase เอนไซม์ตัวนี้เปลี่ยนฮอร์โมน Testosterone เป็น Dihydrotestosterone ที่ทำให้การสร้างน้ำมันของต่อมไขมันมากขึ้นเกิดเป็นสภาพผิวมัน และเสี่ยงต่อการเกิดสิว สำหรับอีกตัวคือ Nordihydroguaiaretic acid ตัวนี้เป็น Antioxidant ที่ดี และมีคุณสมบัติในการปรับสมดุลการแบ่งตัวของผิว และลด/ป้องกันการอุดตันในรูขุมขน
  • Salix alba extract คือ สารสกัดจากเปลือกต้น Willow ประกอบด้วย Salicylic acid จากธรรมชาติ มีประโยชน์ในเชิงการลดการอุดตัน และ ลดการอักเสบระคายเคือง

  • กลุ่มของสารสีส้ม จะเป็นสารที่เด่นในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว โดยจะขอเล่าถึง Ectoin และ สูตรผสมของสารสกัดจากถั่วเขียวกับข้าวโอ๊ต (Phaseolus Radiatus Seed Extract และ Avena Sativa (Oat) Meal Extract)
    • Ectoin เป็นสารที่ได้จากแบคทีเรียบางชนิด นางมีคุณสมบัติช่วยปกป้องตัวแบคทีเรียไม่ให้ตายเพราะสิ่งแวดล้อมที่อันตราย เช่น ความแห้ง อุณหภูมิที่สูงมากๆ โดยสารนี้มีการนำเอามาใช้ทางเครื่องสำอางเพื่อประโยชน์ในด้านของการดูแลปัญหาการอักเสบระคายเคือง และนอกจากนี้ Ectoine เองยังมีรายงานกล่าวว่า Ectioneมีคุณสมบัติกดการเกิดอนุมูลอิสระเพราะรังสี UVA และไปยับยั้งไม่ให้ฮอร์โมน α-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ทำงาน จึงไม่เกิดการสังเคราะห์เม็ดสี ผลคือ ปกป้องผิวไม่ให้เกิดความคล้ำ (Antioxidants (Basel). 2020 Jan; 9(1): 63.) ซึ่งกรณีนี้ก็น่าจะให้ประโยชน์ด้านรอยดำที่เกิดจากการอักเสบ หรือ PIH (Post-inflammatory hyperpigmentation) ไปได้พร้อมๆ กัน
    • สูตรผสมของสารสกัดจากถั่วเขียว และ ข้าวโอ๊ต ในเบสที่เหมาะสม ทางผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง ป้องกันการเกิดการแพ้สารองค์ประกอบในตำรับ และยังช่วยเสริมการแบ่งตัวของ Fibroblast ให้ประโยชน์ในด้านของการชะลอวัย สำหรับในด้านของสิว ส่วนตัวมองว่าการเสริมการทำงานของ Fibroblast น่าจะมีประโยชน์ในการเสริมการสมานแผลให้หายไวขึ้น
  • สารสีเขียว เป็นกลุ่มของพวกสารเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านกระบวนการเติมน้ำให้ผิว หรือ เรียกว่า Humectant ได้แก่ กลุ่มของ Hyaluron ทั้งหมด 4 ชนิด มีประโยชน์ในการเติมน้ำเสริมความชุ่มชื้นในหลายๆ ระดับชั้นผิว ร่วมกับพวก Trehalose และอื่นๆ
  • สีฟ้าอ่อนพาสเทล เป็นกลุ่มของไขมันที่ดูแลและฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง ซึ่งจะว่าไป ผิวของคนที่เป็นสิวเนี่ย ผ่านยามาหลายๆ ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดเองก็ระคายเคือง และก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่ผิวได้ทั้งนั้น ดังนั้นการเสริม Barrier ผิวให้แข็งแรง ก็จะช่วยลดการระคายเคือง และบ้างก็กล่าวว่า ถ้า Barrier แข็งแรง เจ้าจุลินทรีย์ Staphylococcus aureus ที่เป็นตัวก่อหนอง ก็จะเข้าไปโตได้ยากขึ้น
  • สีเขียวอ่อน Tranexamic acid เป็น Whitening ตัวหนึ่งที่ดูแลปัญหาด้านจุดด่างดำได้ค่อนข้างดี มีรายงานว่าสารนี้มีคุณสมบัติไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ต้นตอ คือ ไปยับยั้งสาร Plasmin ที่จะไปกระตุ้นฮอร์โมน α-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ที่เป็นคุณแม่ของ Tyrosinase อีกที กล่าวง่ายๆ ว่า Tranexamic acid ไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ขั้นตอนแรกๆ เลยก็ว่าได้ (J Am AcadDermatol 2011;October:699-714.)
  • สีม่วง เป็นสารบำรุงอื่นๆ ที่ล้วนมีประโยชน์กับผิวที่มีปัญหาสิว และผิวที่มีแนวโน้มเกิดสิวได้ง่าย

ในภาพรวม คือ น้องจัดเต็มมาก ดูแลปัญหาสิว และผิวที่มีแนวโน้มเกิดสิวได้ง่ายได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ

ไม่มีส่วนผสมที่สุ่มเสี่ยงต่อการอุดตัน และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

คะแนนวันนี้ขอแบ่งเป็น 2 หมวดนะคะ คือ ด้านสารบำรุง และ ส่วนผสมอื่นๆ

  1. สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไปในด้านบน คือ น้องจัดเต็มมาด้วยสารที่ดูแลครบจบทุกปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็น การปรับสมดุลการสร้างน้ำมัน หรือ Sebum จากต่อมไขมันในรูขุมขน การปรับสมดุลการแบ่งตัวของผิวในรูขุมขน ลดการอักเสบระคายเคือง ดูแลควบคุมจุลินทรีย์ที่อาจจะก่อให้เกิดสิว ดูแล/ป้องกันปัญหารอยแดง รอยดำ รอยแผลเป็น คือ ครบมากเวอร์ เอาไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ น้องมาในเบสที่เป็นน้ำ (Water-based) ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันที่สุ่มเสี่ยงต่อการอุดตัน ถึงแม้จะมีน้ำมัน แต่ก็จะเป็นน้ำมันที่เป็นส่วนประกอบในส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งจุดนี้มันก็ไม่ได้มีระดับที่เยอะจนน่าวิตก สุดท้ายคือปราศจากสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ The labatorian ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้รู้จัก และขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะ ที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

IG : the_labatorian

Line official : @labatorian

Facebook : Labatorian

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ The labatorian การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเวชสำอางสายคลีนแบรนด์ดัง Kamedis กลุ่ม AC-clear Breakouts control kit ครบเซ็ต

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลปัญหาสิวตัวเด่นตัวดังตัวหนึ่งมาฝากกันนะคะ

เป็นเซ็ตผลิตภัณฑ์ดูแลสิวจากแบรนด์ Kamedis ซึ่งส่วนตัวเข้าใจว่าหลายๆ ท่านน่าจะเคยได้ยินชื่อแบรนด์ แบรนด์นี้มาบ้าง แบรนด์นี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิสราเอลค่ะ

โดยที่มาของแบรนด์ก็น่าสนใจนะคะ เริ่มมาจากคุณ Roni Kramer เธอมีปัญหาผิว เธอเลยเสาะแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาผิวไปเรื่อยๆ จนมีโอกาสได้เรียนการแพทย์แผนจีน และเอาความรู้ที่ได้มาบูรณาการเข้ากับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เลยกลายเป็นผลิตภัณฑ์ของ Kamedis ขึ้นมาค่ะ

ภายใต้คอนเซปท์ East meets West, tradition and innovation, safety and effectiveness

และสโลแกน “Balance, Nature, Science” ค่ะ

(Image from Kamedis Official Website)

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มี่มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมวันนี้เป็นเซ็ตดูแลปัญหาสิว AC-Clear Breakouts control kit นั่นเองค่ะ

ในเซ็ตๆ นี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์จำนวน 3 ชิ้น ได้แก่ Cleanser, Spot treatment และ Face cream ค่ะ มีหน้าตาประมาณนี้

สำหรับเซ็ตนี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 3 ชิ้น ได้แก่ Cleanser, Cream และ Spot treatment

จากคอนเซปท์ Balance, Nature, Science ทางแบรนด์ได้ทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร พบว่าผิวดูสะอาดขึ้น และปัญหาสิวดีขึ้นภายใน 12 ชั่วโมงหลังใช้งานค่ะ

สำหรับสมุนไพรหลักของกลุ่มนี้ จะเป็นสมุนไพรสูตรผสมที่มีสิทธิบัตรรองรับ ตัวหลักจะเป็นตัว Purslane (Portulaca oleracea) ร่วมกับสมุนไพรอื่นอีก 6 ชนิด ได้แก่ Amur Cork Tree (Phellodendron Amurense), Great Burnet (Sanguisorba Officinalis), Chinese Rhubarb (Rheum Palmatum), Baikal Skullcap (Scutellaria Baicalensis), and Chrysanthemum (Chrysanthemum Indicum)

เริ่มกันที่ตัว Cleanser เลยนะคะ

Cleanser ของเขามาในรูปหลอดประมาณนี้ค่ะ

เนื้อเป็นเนื้อแบบโฟม ปริมาณของฟองจะไม่เยอะมากนัก หลังล้างยังคงสบายผิว ไม่แห้งตึง และไม่ระคายเคือง

ค่า pH หลังละลายน้ำอยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ถือว่ากำลังเหมาะเลย

สำหรับส่วนผสมของโฟมล้างหน้าจะเป็นตามนี้ค่ะ

ในภาพรวมสูตรของ Cleanser มาด้วยความอ่อนโยน มีสารไขมันที่คอยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไปหลังล้าง และเสริมสารบำรุงที่เป็นพระเอกอย่างสารสกัดของ Purslane และ Salicylic acid ที่เป็น BHA

ส่วนผสมของ Cleanser มี่ทำสีไว้ 5 สีนะคะ

  • ส่วนของสีม่วงจะเป็นกลุ่มของสารทำความสะอาด ซึ่งทุกตัวมีความอ่อนโยนกับผิวเป็นอย่างดี
  • สีชมพู เป็นสารสกัดจาก Purslane พระเอกของผลิตภัณฑ์กลุ่ม AC-control ค่ะ ซึ่งตรงนี้เดี๋ยวจะกล่าวอีกรอบตอนรีวิวเซรั่มนะคะ
  • สีฟ้า สารสกัดจากพืชในกลุ่มของ Soapberry ประกอบด้วยสารกลุ่ม Saponin มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดเช่นกัน
  • สีน้ำตาล คือ Salicylic acid ตัวนี้เป็น BHA ที่ละลายได้ไขมัน มีคุณสมบัติละลายสิ่งอุดตันภายในรูขุมขน และลดการระคายเคือง
  • สีเขียว เป็นไขมันที่เติมเข้ามา ในทางเครื่องสำอางนิยมเรียก Super fat เพื่อป้องกันผิวแห้งตึงหลังล้างออก และตัวที่น่าสนใจคือ Lauroyl lysine ซึ่งเป็นสารลูกผสมระหว่างกรดอะมิโน Lysine กับกรดไขมัน เป็นสารปรับ Feeling ให้ความรู้สึกนุ่มนวล และอาจเกาะติดผิว ให้คุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น

ต่อมาจะเป็นตัว Spot treatment หน้าตาเป็นประมาณนี้ค่ะ

เนื้อจะออกสีส้ม อมน้ำตาล ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าเป็นสีของสารสกัดจากพืชที่ใส่ลงไป มีกลิ่นแนวสมุนไพรตามธรรมชาติ

ลองดูที่ส่วนผสมก็คือเขาไม่ได้แต่งสี ส่วนตัวก็เลยคิดว่าเป็นสีจากพวกสารสกัดเหมือนกันค่ะ

สำหรับตัวนี้มี่ไม่ได้วัดค่า pH ให้นะคะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ในภาพรวม Spot treatment นี้มาในรูปแบบของเจลเบสน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และซิลิโคน ใช้สารบำรุงหลายชนิด คือ กลุ่มของสาร Signature combination ของกลุ่มนี้ รวมถึง BHA และสารสกัดที่มีสิทธิบัตรรองรับ อย่างชุดสีชมพู

แต่ว่ามีแอลกอฮอล์ ซึ่งติดมากับวัตถุดิบด้วยส่วนหนึ่ง สำหรับแอลกอฮอล์ตรงนี้ส่วนตัวมองว่าน่าจะมีประโยชน์ในการชะ และทำความสะอาดรูขุมขน เหมาะกับสภาพผิวมัน เพราะคนที่เป็นสิวส่วนใหญ่มักจะมีผิวมัน ลองมาดูรายละเอียดกันนะคะ

  • สีชมพู สูตรผสมของ Capryloyl Glycine & Hexylene Glycol & Sarcosine & Cinnamomum zeylanicum Bark Extract ตัวนี้มีชื่อว่า SepicontrolTM A5 ของบริษัท Seppic ประเทศฝรั่งเศส ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร พบว่าส่วนผสมชุดนี้มีประโยชน์ในด้านของ การยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย เสริมภูมิคุ้มกันให้ผิว การลดการอักเสบระคายเคือง ควบคุมการสร้างน้ำมันจากต่อมไขมัน ปรับสมดุลการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของผิวในรูขุมขน ซึ่งมีประโยชน์ในด้านของลดการอุดตัน และยับยั้งเอนไซม์ Lipase ที่แบคทีเรียสร้างออกมา เมื่อมี Lipase นางจะไปย่อยสลายไขมันจากต่อมไขมัน ทำให้เกิดอาการการอักเสบต่างๆ ตามมาคู่กับอาการของสิว วัตถุดิบชุดนี้มีสิทธิบัตรรองรับ (US20040228822A1)
  • สีเขียวอ่อน สูตรผสมของ Propanediol (and) Picea abies Extract และ Alcohol เป็นสารสกัดของ เนื้อไม้ Norway Spruce มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี และมีความเสถียรสูง
  • สีน้ำตาล คือ BHA ตามที่ได้กล่าวไปด้านบน
  • สีฟ้า เป็นสูตรผสมของสารสกัดที่เป็น Signature ของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ค่ะ ได้แก่
    • สารสกัดจาก Portulaca oleracea หรือ Purslane มีรายงานเกี่ยวกับฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล (Wound healing) (J Ethnopharmacol. 2003; 88(2-3):131-6.) ลดการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2000; 73(3):445-51.) และมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant (J Med Plants Res. 2011; 5(9):1589-1593) นอกจากนี้ ทางผู้ผลิตวัตถุดิบหลายๆ เจ้า ก็กล่าวว่ามีประโยชน์ในด้านของการควบคุมความมัน และกระชับรูขุมขน
    • สารสกัดจาก Sapindus mukorossi หรือ Soapberry มีรายงานว่าเป็น Antioxidant มีประโยชน์ในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ในส่วนของเมล็ดมีรายงานว่ายับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ที่เป็นเอนไซม์สำหรับสร้างเม็ดสี Melanin (Rev Inst Med Trop Sao Paulo. 2012; 54(5):273-80.) ตรงนี้ส่วนตัวมองว่าน่าจะมีประโยชน์ในด้านของการดูแลปัญหารอยดำจากสิว
    • สารสกัดจาก Phellodendron amurense หรือ Amur cork tree ตัวนี้เป็นพืชในยาจีนชนิดหนึ่ง มีรายงานเกี่ยวกับประโยชน์ในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง (Int Immunopharmacol. 2014; 19(2):214-20.)
    • สารสกัดจาก Sanguisorba officinalis หรือ Great burnet มีรายงานว่าประกอบด้วยสารกลุ่ม Flavonoid ที่เป็น Antioxidant ที่ดี มีรายงานว่ามีคุณสมบัติต้านเชื้อจุลชีพได้หลายชนิด (Pharm Chem J. 2016; 50(4): 244–249.)
    • Rheum palmatum สารสกัดจาก Rhubarb ผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าประกอบด้วยสารในกลุ่ม Phenolic หลายชนิด มีประโยชน์เป็น Antioxidant และมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อจุลชีพบางประเภท
    • Scutellaria baicalensis extract สารสกัดจาก Skullcap ประกอบด้วยสารฟลาโวนอยด์ที่ชื่อ Baicalin กับ wogonin ที่ให้ผลลดการอักเสบในผิว ปกป้องไม่ให้รังสี UV ทำลายคอลลาเจนในผิว โดยไปมีผลยับยั้งไม่ให้เอนไซม์ MMP เพิ่มจำนวนขึ้น (Eur J Pharmacol. 2011; 661(1-3):124-32.)
    • Chrysanthemum indicum extract สารสกัดจากดอกไม้ในวงศ์เดียวกับดาวเรือง ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า ประกอบด้วยสารในกลุ่ม Phenolic หลายชนิด และ Saponin ที่มีประโยชน์ในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดการบวมน้ำ ปกป้องผิวหนังจากรังสี UV

ดังนั้นโดยสรุปคือ Spot treatment ตัวนี้จัดมาเต็มมาก แน่นมาก เรียกได้ว่าดูแลครบจบทุกปัญหาสิวเลยในหลอดเดียว

สุดท้ายขอปิดรีวิวด้วยตัวครีมบำรุงนะคะ

หน้าตาเป็นประมาณนี้

เนื้อครีมมีสีออกส้มอมน้ำตาล มีกลิ่นไปในแนวสมุนไพรเฉพาะตัว

เนื้อครีมค่อนข้างให้สัมผัสเย็น เกลี่ยง่าย เบาสบายผิว ไม่เหนอะหนะ

ส่วนผสมของตัว Face cream เป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับตัวของครีม ในภาพรวมจะเป็นรูปแบบครีม หรือ เจลครีม ที่มีส่วนผสมของน้ำ กับน้ำมันที่มีเนื้อบางเบา สารบำรุงคล้ายกับตัวเซรั่ม เพียงแต่มีการเสริมเอา Plankton extract กับวิตามินซี เข้ามา และปรับสารสกัดในตำรับนิดหน่อย จึงขอกล่าวถึงตัวที่เพิ่มมานะคะ

  • สีม่วง สูตรผสมของ Plankton Extract & Phenethyl Alcohol ตัวนี้คาดว่าจะมีชื่อทางการค้าว่า EPS SEAFILL PA ของบริษัท CODIF Technologie Naturelle ประเทศฝรั่งเศส ส่วนผสมชุดนี้ทางผู้ผลิต Claim ไปในเชิงของด้านการชะลอวัย ลดริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน

ซึ่งส่วนตัวมองว่า การเอาวัตถุดิบกลุ่มลดเลือนริ้วรอยมาใส่ในผลิตภัณฑ์ดูแลสิว น่าจะมีประโยชน์ในแง่ของการลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิว

สำหรับวันนี้ในการให้คะแนนขอหยิบยกเอา Spot treatment มาให้คะแนนนะคะ

  1. สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไปในด้านบน ตัวสารบำรุงที่ทางแบรนด์เลือกใส่มา ไม่ว่าจะเป็นสูตรผสมสิทธิบัตร และ สารควบคุมความมัน ลดการอักเสบระคายเคือง รวมไปถึงพวก Antioxidant พวกที่ต่อต้านจุลชีพ และ พวก Whitening ต่างๆ ถือว่าทำมาได้ตอบโจทย์เลยหละ ทั้งปัญหาตัวสิวเอง การอุดตัน ความมัน รอยแดง และรอยดำ ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ด้วยความที่มีการใช้ Alcohol ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวเข้าใจว่าติดมากับวัตถุดิบบางตัว และ อาจใส่เสริมเพื่อปรับสภาพครีมให้แห้ง ไม่มันเยิ้ม ให้ความรู้สึกสดชื่น ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับคนผิวมัน ซึ่งมักพบปัญหาสิวอยู่บ่อยๆ แต่มีก็คือมี เลยขอหักไป 1 ฟลาสก์ ตัววัตถุดิบที่เหลือ เลือกใช้ได้อย่างดี ลงตัว และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย รับไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวนานๆ ทีจะมีปัญหาเกี่ยวกับสิว เลยเอาตัว Spot treatment ไปให้หลานลองใช้ ถือว่าตอบโจทย์ หลาน Happy กับเรื่องการดูแลสิว แต่แค่เวลาราวๆ 2 อาทิตย์ อาจจะยังเห็นผลไม่ชัดเจนเนาะ ตัวหลานเองก็บอกว่าไม่ได้แสบหรือยุบยิบอะไรแต่อย่างใด ส่วนตัวครีม มี่เอามาใช้เองเป็นตัวบำรุงในช่วงกลางวัน ทาเฉพาะตรง T-zone ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ นี่คือ ช่วยทำให้เมคอัพดูสดเหมือนพึ่งแต่ง ให้ความรู้สึก Matte แต่ไม่แห้งตึง จุดนี้ถ้าเอาความรู้สึกของมี่มาเป็นเกณฑ์ขอให้ไปที่ 4 ฟลาสก์ค่ะ แต่คนผิวแห้งอาจจะไม่ไหวนะคะ ตัวนี้ค่อนข้าง Matte เลยแหละ ส่วนคนผิวมันน่าจะชอบค่ะ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ Kamedis ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเพจ Inskin Lab ซึ่งเป็น Official Distributor ของ Kamedis ในไทยได้เลยนะคะ

https://www.facebook.com/inskinlab.th

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Kamedis การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม] เจลล้างหน้าสุดไฮเทค สูตรอ่อนโยน เพื่อผิวคนเป็นสิวโดยเฉพาะ Acnelix time released acne cleansing gel

สวัสดีค่ะ

มี่เชื่อว่าการล้างหน้า เป็นขั้นตอนหนึ่งที่คนที่มีปัญหาสิวมักมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อคนเป็นสิว หรือ การที่ผลิตภัณฑ์ล้างหน้ามักถูกมองข้ามไป มี่อยากจะบอกว่าจริงๆการล้างหน้าเป็นอีก 1 ส่วนที่สำคัญของระบบในการดูแลปัญหาสิวเลยก็ว่าได้ หัวใจของการมีผิวที่ดีก็คือการล้างหน้าให้สะอาด แต่อย่างไหนเรียกว่าสะอาด สะอาดคือแค่ไหน หลายๆคนก็จะรับรู้ตรงนี้ไม่เท่ากัน

 

วันนี้จริงๆมี่มีผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อคนเป็นสิวตัวนึงที่มี่ว่าเค้าทำมาได้ดี และเหมาะกับคนเป็นสิวจริงๆ แต่ไหนๆก็พูดถึงเรื่องการล้างหน้าในคนเป็นสิวแล้ว ก็อยากเล่าความรู้ให้ลูกเพจได้ฟัง จะได้เอาไปเลือกด้วยว่า สรุปแล้วคนเป็นสิวต้องการเจลล้างหน้าแบบไหนกันแน่

 

ต้องเกริ่นก่อนว่าจริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องเลยที่ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก็ควรจะล้างหน้าได้สะอาด แต่ข้อเสียของผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก็คือ มันมักสร้างความระคายเคืองให้ผิวโดยไม่รู้ตัว คือ ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนี่มันจะมีสารลดแรงตึงผิว หรือ Surfactant เป็นพระเอกค่ะ เจ้า Surfactant นี่แหละที่เป็นตัวทำความสะอาดผิวของเรา โดยนางจะไปดึงเอาไขมันที่ต่อมไขมันสร้างออกมา หรือ Sebum กับสิ่งสกปรกต่างๆที่เจ้า Sebum มันจับไว้ออกมา นี่แหละเรียกว่าสะอาด แต่ข้อเสียก็คือ Surfactant นางแยกไม่ออกหรอก ว่าอันไหนคือ Sebum อันไหนคือไขมันดีๆที่เป็น Barrier หรือ เกราะป้องกันของผิว มันดึงออกมาหมดค่ะ ดังนั้นยิ่ง Surfactant ที่มีความรุนแรง นางก็จะขจัดเอาไขมันออกมา เอา Barrier ผิวออกมา ทำให้ผิวเราบอบบางโดยไม่รู้ตัว พอ Barrier ผิวเราเสีย สารดีๆในผิว รวมทั้งความชุ่มชื้นก็จะหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น ทำให้ผิวแห้งแดงลอก และยังทำให้สารก่อการระคายเคือง ก่อการแพ้ รวมถึงพวกจุลินทรีย์เข้าผิวได้ง่ายขึ้นอีก  อย่างกรณีของผิวของคนที่เป็นสิวจะมีอาการอักเสบในตัวอยู่แล้ว และยังต้องมาสัมผัสกับยาสิวอีก ซึ่งยาทาสิวส่วนใหญ่ก็มีความระคายเคืองในตัวของมันเอง จะมาใช้ตัวล้างหน้าที่ใส่ Surfactant แรงๆหน้าก็จะยิ่งระคายเคือง พอรวมกับยาสิว หน้าก็ยิ่งไวต่อการระคายเคืองเข้าไปใหญ่

 

อีกสิ่งหนึ่งที่คนมักเข้าใจผิดคือยิ่งฟองเยอะยิ่งสะอาด อันนี้ไม่จริงเลยค่ะ อาจจะต้องเข้าใจใหม่ว่า ฟองกับความสะอาดไม่ได้ไปด้วยกัน ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนหลายๆตัวมักมีฟองน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่สะอาดนะคะ แต่คนไทยติดฟองค่ะ มี่เองก็ติดฟอง เอาจริงคือฟองนี่ต้องสร้างมาจากสาร Surfactant ที่บางตัวอาจจะเหนี่ยวนำให้เกิดความระคายเคืองได้

ถ้าเวลาเรามีสิวอักเสบนี่ เราควรจะเลี่ยงพวกสครับเด็ดขาดเลย บางคนเข้าใจว่ามันจะไปช่วยขุดสิวเสี้ยนสิวอุดตันออกมาซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย นางจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบมากขึ้นด้วย

 

ว่าแล้วก็เข้าเรื่องกันเลย วันนี้ก็เลยอยากเอาเจลล้างหน้าสําหรับผิวที่เป็นสิว ตัวที่มี่คิดว่าค่อนข้างครบ แล้วเป็นตัวที่น่าสนใจตัวหนึ่งสำหรับคนเป็นสิว

 

เป็นเจลล้างหน้าจากแบรนด์ Acnelix จริงๆแบรนด์ acnelix เค้าเป็นแบรนด์ที่แตกออกมาจากแบรนด์แม่คือ KENE  แบรนด์ที่มี่เคยรีวิวเซรั่มวิตามินซี Brigthage C ของเขาไปเมื่อหลายวันก่อนค่ะ ว่าแล้วก็ขอแปะลิงค์ค่ะ เผื่อใครยังไม่ทันได้ไปโฉบดู (>>ลิงค์<<)

ซึ่งตัว Acnelix ก็เป็นแบรนด์ที่ทำขึ้นมาเพื่อตอบสนองคนเป็นสิวโดยเฉพาะ โดยนางเคลมว่าเน้นดูแลปัญหาสิวแบบถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ เดี๋ยวมาดูกันอีกทีนะคะ

สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีชื่อว่า Acnelix Time-Released Acne Cleansing Gel นะคะ

ac 8.jpg

ที่บนหลอดเราจะเห็นคําว่า Time released Acne cleansing gel กับ Encapsulation technology อยู่ค่ะ อันนี้เป็นเทคโนโลยีที่นําเข้าจากอเมริกาเลยทีเดียว เดี๋ยวมี่นํามาเล่าให้ฟังอีกทีในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

ac 3

โดยทางแบรนด์เคลมว่าได้รวมคุณสมบัติที่คนเป็นสิวต้องการ 3 ข้อคือ สะอาด อ่อนโยน และช่วยจัดการและดูแลปัญหาสิวด้วยไปพร้อมๆกัน เรียกได้ว่ามากันครบถ้วนครบจบสิ่งที่คนเป็นสิวต้องการจริงๆ

เรื่องสะอาดคือเท่าที่มี่ลองใช้มันก็สะอาดจริงๆ สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน ล้างกันแดด แต่คนที่แต่งหน้า ก็ใช้ พวก Cleansing water หรือ oil ตามปกติก่อนมาล้างน้ำซ้ำด้วยตัวนี้ค่ะ

ทีนี้แบบไหนเรียกอ่อนโยน อ่อนโยนเรียกแบบไหน ลองสังเกตจากส่วนผสมและคำ Claim นะคะ

  1. ควรเป็นสูตรแบบ soap-free สารทำความสะอาดกลุ่ม Soap นี่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างกรดไขมัน กับด่าง ได้เป็นเกลือของกรดไขมัน เกลือนี่แหล่ะเรียกว่า Soap ด้วยความที่นางมีค่า pH ที่ค่อนข้างสูงนางจะทำให้โปรตีน Keratin บนผิวพองและเกิดผิวแห้งระคายเคืองได้ง่าย รวมถึงนางอาจจะไปขจัดเอา Barrier ผิวออกมาด้วย
  2. ไม่ควรมี SLS หรือ sodium lauryl sulfate สารตัวนี้เป็นสารที่ระคายเคืองมาก ไม่ควรมีเลย แม้จะเป็นอาบน้ำ ใช้กับเรือนร่าง ก็ไม่ควรเจอ ในทางผิวหนังเราใช้เป็นตัวแทนของสารที่ระคายเคืองผิวในงานวิจัยเลยด้วยซ้ำ ส่วนกรณี SLES หรือ sodium laureth sulfate นางอ่อนโยนกว่า SLS แหล่ะ แต่ถ้าถามว่ามีตัวที่อ่อนโยนกว่าไหม ก็มีค่ะ แต่ด้วยความที่นางให้ฟองเยอะ นางก็เลยได้ใจเราไปเต็มๆ
  3. ค่า pH ควรใกล้เคียงกับผิว สังเกตจากคำว่า pH-balance หลายๆตัวชอบใช้คำนี้มา Claim ค่ะ เวลาเราใช้อะไรที่มีการปรับค่า pH ให้ใกล้เคียงผิว มันก็จะรบกวนผิวได้น้อยค่ะ จริงอยู่ที่ผิวเรามีระบบ Buffer ตามธรรมชาติในการปรับค่า pH ให้สู่สมดุล แต่กรณีในคนที่เป็นโรคผิวหนังบางชนิด ระบบ Buffer ของผิวทำงานไม่ค่อยดี ทำให้เกิดความระคายเคืองได้ง่ายนั่นเอง
  4. น้ำหอม อันนี้นานาจิตตังนะคะ น้ำหอมเป็นสาเหตุต้นๆในการแพ้เครื่องสำอาง ถ้าใครแพ้ง่ายมากๆ หันมามองพวก Fragrance-free ก็จะดี

 

สำหรับเรื่องความอ่อนโยน สูตรของ Acnelix เป็นสูตรที่มี่ถือว่าทำได้ครบด้านความอ่อนโยนคือไม่มีสบู่ ไม่มี SLS, SLES มีค่า pH สมดุลกับผิว ไม่มีน้ำหอม แล้วก็ไม่มีสารกันเสียกลุ่ม Imidazolidinyl urea ที่บางคนอาจจะแพ้แล้วเกิดผิวหนังอักเสบได้ สำหรับความอ่อนโยน มี่เลยถือว่าสอบผ่านค่ะ

เรื่องสุดท้ายคือเรื่องจัดการสิว หลายๆคนคงเคยเห็นว่าผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อคนเป็นสิวส่วนมาก ก็เคลมกันว่าช่วยจัดการแบคทีเรีย ช่วยจัดการสิว แต่ในความเป็นจริงคือ เจลล้างหน้าที่อยู่บนหน้าไม่ถึง 2 นาที มันจะออกฤทธิ์ได้นานแค่ไหนกันเชียว ซึ่งมันก็เป็นความจริงค่ะ ปกติมี่จะไม่หวังอะไรจากเจลล้างหน้านอกจากการทำความสะอาด เพราะส่วนผสมที่สัมผัสหน้าไม่ถึงนาทีสองนาที มันจะไปช่วยอะไรได้ถูกไหมค่ะ ดังนั้นปกติถึงจะใส่อะไรมามี่ก็ไม่ค่อยคาดหวังอะไรเท่าไหร่ แต่มีก็ดีกว่าไม่มีนะคะ

แต่ตัวนี้นางจะแอบเด่นเรื่องของ Time-released คือใช้เทคโนโลยีเก็บกักเอา Salicylic acid ไว้ในเปลือกแคปซูล ที่เรียกว่า การทำ Encapsulation จึงมีผลทำให้ salicylic acid มันยังทำงานได้อยู่ แคปซูลพวกนี้พอลงผิวมันก็จะค่อยๆปลดปล่อย Salicylic acid ออกมา เลยเรียกว่า Time-released แม้เราจะล้างตัวเจลอออกไปแล้ว ตัวนี้มันเป็นข้อดีเพราะ ทำให้ทุกการล้างหน้าของเรามันได้อะไรมากกว่าการทำความสะอาด แต่เหมือนลดอุดตัน ลดอักเสบไปในตัว แน่นอนว่ามันคงไม่เท่าการทาบำรุง แต่ก็ดีกว่าการล้างทิ้งออกไป

เดี๋ยวพูดถึงประโยชน์ของ Salicylic acid อีกรอบในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

ที่ด้านหลังของหลอดจะมีคำอธิบายอยู่ด้วยค่ะ

ac 2

เนื้อเจลเป็นแบบใสค่ะ ไม่มีกลิ่น เพราะทางแบรนด์ไม่ได้ใส่น้ำหอมค่ะ

ac 4

เป็นเจลแบบไม่มีฟองนะคะ

ac 7

เกลี่ยได้ง่าย ลื่น ล้างแล้วรู้สึกนุ่มสบายไม่แห้งตึง

ค่า pH ของเจลเปล่าๆอยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

ac 6

ละลายน้ำแล้ว ค่า pH ขึ้นมานิดนึงอยู่ที่ 6

ac 5

ก็ยังใกล้เคียงกับผิวอยู่ค่ะ

 

 

สำหรับส่วนผสมเรียกได้ว่าค่อนข้างมาเต็มนะคะ ถึงจะเป็น Cleansing แต่ก็ดีงามและมากันอย่างแน่นหนาไม่แพ้สกินแคร์เลยทีเดียว

ส่วนผสมค่ะ

สผส acnelix

ส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้ 3 เฉดสีนะคะ คือ สีม่วง เป็นสารทำความสะอาด สีเขียว เป็นสารบำรุง และ สีฟ้า คือ วัตถุดิบพระเอกของเรา เจ้า Salicylic acid ที่เก็บกักในแคปซูล อย่าง Salsphere นั่นเองค่ะ

วันนี้เรามารีวิวกันแบบละเอียด แจงจัดหนักทุกส่วนผสมเลยนะคะ

ถ้าเราพิจารณากันจะพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ

  1. Actives คือ สารบำรุง เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี รวมไปถึงมีประโยชน์ทางชีวภาพ
  2. Base คือ เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle มี่จะจัดเอาสารทำความสะอาดเข้ามาอยู่ใน Base นะคะ
  3. Additive คือ สารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ และมีความปลอดภัย

 

  1. สารบำรุง มีอยู่ด้วยกันค่อนข้างมากค่ะ ได้แก่
  • สีฟ้า ส่วนผสมของ Cocamidopropyl Dimethylamine (and) Salicylic Acid (and) Aqua (and) Polysorbate 80 (and) Phenoxyethanol (and) Ethylhexylglycerin (and) Carthamus Tinctorius (Safflower) Seed Oil (and) Olea Europaea (Olive) Fruit Oil คือวัตถุดิบ SalsphereTM salicylic acid ที่นำเข้าจากบริษัท Salvona Technologies Inc. อเมริกา เป็นวัตถุดิบที่เก็บกักเอา Salicylic acid ที่เป็น BHA ไว้ในเปลือกแคปซูลที่มีชื่อว่า Salsphere ค่ะ ทางแบรนด์จัดมาเต็มที่ความเข้มข้น 3.3% ให้ Salicylic acid เนื้อแท้ในความเข้มข้นที่อยู่ในช่วงที่มีประโยชน์ในการดูแลสิวค่ะ

คส sal.jpg

(ที่มา: Salvona Technologies Inc.)

 

เจ้าลูกแคปซูลนี้พอลงผิวเข้าไป นางก็จะค่อยๆปลดปล่อยเอา Salicylic acid ออกมา ให้ผลลดการอุดตัน ลดการอักเสบ จึงช่วยให้อาการของสิวดีขึ้นค่ะ

sal 2.jpg

(ที่มา: Salvona Technologies Inc.)

 

นวัตกรรม Salsphere นี้นอกจากจะช่วยเพิ่มการนำส่งสาร Salicylic acid เข้าไปที่บริเวณสิวแล้ว ยังช่วยลดความระคายเคืองที่เกิดขึ้นได้ดีกว่า การใช้ Salicylic acid แบบตัวดั้งเดิม

sal vs pH

(ที่มา: Salvona Technologies Inc.)

 

จากรูปจะเห็นว่าถ้าทา Salicylic acid ตัวดั้งเดิมลงไปบนผิว จะทำให้ค่า pH ของผิวตกลงไปชั่วคราว ซึ่งเขาบอกว่า จุดที่ค่า pH ของผิวตกลงไปต่ำกว่า 4.5 จะทำให้เกิดการระคายเคือง แต่ถ้าทา Salsphere ค่า pH ของผิวจะไม่ตกลงไปต่ำจนเกิดความรู้สึกระคายเคือง

 

ถึงแม้จะเป็นแค่ Cleansing ทางบริษัทผู้ผลิต Salsphere ก็ได้ทำการทดสอบแล้วพบว่า สามารถเพิ่มการสะสมตัวของ Salicylic acid บนผิวหนังได้ดีกว่าการใช้ salicylic acid รูปแบบดั้งเดิม

sal accu

(ที่มา: Salvona Technologies Inc.)

 

จากกราฟ เป็นข้อมูลที่บริษัทได้ตรวจสอบปริมาณของ Salicylic acid ที่สะสมตัวบนผิวหนังจากผลิตภัณฑ์ประเภท Cleansing พบว่ากรณีที่ใช้ Salsphere จะมีการสะสมตัวของ Salicylic acid ได้ดีกว่าแบบปกติ

 

  • สีเขียว เป็นสารบำรุงอื่นๆ
    • กลุ่มของสารสกัดจากพืช ได้แก่
      • น้ำคั้นจากว่านหางจระเข้ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง
      • สารสกัดจากชาเขียว เป็น Antioxidant และมีคุณสมบัติกระชับรูขุมขน ควบคุมความมัน เพราะมีสารกลุ่ม Tannin ที่มีรสฝาดเป็นองค์ประกอบ
      • สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่ชื่อ Bisabolol มีคุณสมบัติลดการอักเสบ ระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
      • สารสกัดจากแอปเปิ้ล ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ประกอบด้วยสารในกลุ่ม AHA ที่ชื่อ Malic acid ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และผลัดผิวอย่างอ่อนโยน
      • Propolis wax เป็นส่วนของพังกาวที่ได้จากรังผึ้ง มีคุณสมบัติฆ่าเชื้ออย่างอ่อนๆ มีประโยชน์ต่อด้านสิว
    • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ด้วย (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261) มีการทดสอบเชิงคลินิกพบว่า Niacinamide ที่ความเข้มข้น 4% มีประสิทธิภาพเทียบเท่า Clindamycin ในการรักษาสิว (Int J Dermatol. 2013;52(8):999-1004.)
    • Sodium PCA จัดเป็นสารที่เรียกว่า Natural moisturizing factor หรือ NMF ที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว
    • Zinc PCA เป็นสารลูกผสมของแร่ธาตุ Zinc กับ PCA ที่เป็น NMF ปกติ Zinc เป็นแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน และเป็นองค์ประกอบของเอนไซม์บางชนิดในผิว ช่วยให้ผิวทำงานได้อย่างสมดุล สำหรับ Zinc PCA มีรายงานการวิจัยกล่าวว่า Zinc PCA ช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสี UVA ได้ โดยไปกดการสร้างเอนไซม์ MMP-1 ที่ เป็นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนในผิวทำให้เกิดความหย่อนยานและริ้วรอย (Int J Cosmet Sci. 2012; 34(1):23-8.)
    • Tocopherol คือ วิตามินอี เป็น Antioxidant

 

2. Base หรือส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ ขอเอาสารทำความสะอาดมาใส่ไว้ในนี้นะคะ

  • สารทำความสะอาดที่ใช้ ได้แก่ Decyl glucoside เป็นสารทำความสะอาดหลัก สารตัวนี้เป็นสารทำความสะอาดชนิดที่ไม่มีประจุ มีความสามารถในการทำความสะอาดที่ดี และมีความอ่อนโยนต่อผิวดี ร่วมกับสารทำความสะอาดอื่นๆ คือ Cocamidopropyl betaine, PEG-40 hydrogenated castor oil, Laureth-9, Trideceth-7 ซึ่งมีความอ่อนโยนกันหมด

– เสริมมาด้วย Polyquaternium-7 ที่จะช่วยเคลือบผิว ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ไม่แห้งตึง

  • ส่วนผสม Base อื่น เป็นส่วนของสารกลุ่มน้ำ และสารอื่นที่ละลายได้ในน้ำ

 

3. Additives เป็นพวกสารปรุงแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีลักษณะที่ดี เช่น

  • สารเพิ่มความหนืด คือ Acrylates/C10-30 alkyl acrylate crosspolymer กับ Hydroxyethylcellulose
  • สารกันเสีย และสารเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย ได้แก่ Sodium benzoate, Ethylhexylglycerin, Caprylyl glycol, p-Anisic acid, Potassium sorbate และ สารจับอิออนโลหะ Disodium EDTA

 

โดยรวมคือไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

 

แวะสรุปอีกสักครั้งก่อนไปให้คะแนนนะคะ

เจลล้างหน้า Acnelix เป็นเจลล้างหน้าเบสน้ำ ที่ใช้สารทำความสะอาดที่ทำความสะอาดได้ล้ำลึก แต่ก็ยังมีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคืองผิวที่เป็นสิว ส่วนนี้เป็นสิ่งที่เจลล้างหน้าที่ดีควรมีเลยค่ะ คือคุณจะมีสารบำรุงอะไรยังไงก็ช่าง แต่คุณต้องสะอาดและอ่อนโยนก่อน ซึ่งจุดนี้ Acnelix ถือว่าทำได้ จุดที่แตกต่างอีกจุดของ Acnelix ก็คือการใช้นวัตกรรม encapsulated salicylic acid ที่ช่วยปลดปล่อย Salicylic acid ออกมาทีละน้อยๆ แม้จะเป็นแค่ Cleansing แต่ก็ให้ประโยชน์กับผิวได้เหมือนทา Skincare มันทำให้เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนนี้มัน เหมาะกับคนเป็นสิวจริงๆ ช่วยลดสิว ป้องกันสิวได้ด้วยไม่ได้ทำความสะอาดอย่างเดียว แล้วปกติพวก time-released salicylic acid มันมักอยู่ในเซรั่มที่ราคาค่อนข้างสูง ปริมาณกรุบกริบนิดหน่อย ก็ราคาเป็นพัน แต่ตัวนี้เอามาทำเป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าในราคา 300 กว่าบาท ก็ถือว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ไม่เว่อร์วังน่าถอยมาลองใช้ซักหลอด

ถ้าถามว่าวิเคราะห์มาดีงามขนาดนี้ เอามาแทนยาสิวเลยดีไหม มี่ตอบได้เลยว่าไม่ได้เนอะ เครื่องสำอางก็คือเครื่องสำอาง แค่ช่วยส่งเสริมและดูแลผิวและปัญหาสิวค่ะ ยาเยอที่หมอให้มาก็ยังต้องใช้เหมือนเดิมค่ะ

การรักษาสิวยังใช้การทายาเป็นขั้นตอนหลักอยู่ เพียงแต่ตัวนี้จะเหมือนช่วยทำให้ขั้นตอนการล้างหน้ามันดีขึ้น ช่วย

ยิ่งสำหรับคนที่ไม่ได้มีสิวเห่อมาก หรือนานๆขึ้นทีแบบอิชั้น ตัวนี้เป็นอีกตัวที่มี่รู้สึกว่าใช้แล้วหวังผลเรื่องป้องกันสิวใหม่ได้ดีค่ะ

 

เจลล้างหน้านี้เหมาะกับใคร

  • แน่นอนว่าเหมาะกับคนที่เป็นสิวแน่นอน
  • และนอกจากนั้น คนที่มีผิวปกติที่มีแนวโน้มอุดตันง่ายก็สามารถใช้ได้ค่ะ
  • หรือ สำหรับคนที่ต้องการป้องกันการเกิดสิว หรือลดการอุดตันของรูขุมขน แต่ผิวระคายเคืองง่าย ใช้ BHA Toner ธรรมดาๆไม่ไหว

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. ส่วนผสมของสารบำรุง นอกจากพระเอกของนางอย่าง Encapsulated salicylic acid แล้วก็ยังเสริมสารบำรุงออกมาอีกหลายชนิด มีประโยชน์เสริมมาอีกหลายด้าน ทั้งการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว รวมถึงมีวิตามินบี 3 ที่ให้ประโยชน์กับผิวอีกหลายด้าน จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์ค่ะ
  2. ส่วนผสมอื่นๆ สารทำความสะอาดที่ใช้มีความอ่อนโยนสูงไม่ระคายเคือง และไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตัวเจลล้างหน้ามาในรูปแบบของไม่มีฟอง เกลี่ยใช้ได้ง่าย หลังล้างไม่แห้งตึง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับลื่นเป็นเมือก ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบความรู้สึกหลังล้างนะคะ แต่ส่วนตัวมี่ก็ยังคงติดฟองอยู่เลยขอให้ 4 ฟลาสก์นะคะในจุดนี้

คะแนน ac

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Kene ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Kene ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/KeneThailand/

https://kene.co.th/

 

ส่วนช่องทางจำหน่ายรู้สึกตอนนี้จะมีจำหน่ายที่ Eve&boy, konvy.com และทางช่องทางออนไลน์ของแบรนด์

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Kene การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Naturalist Perfect BHA clear deep exfoliating water โทนเนอร์ BHA ดีๆส่วนผสมเลอค่าฝีมือคนไทย

สวัสดีค่ะ วันนี้มี่จะมาอวดผลิตภัณฑ์ดีๆฝีมือคนไทยที่มีดีไซน์หรูหราดูอินเตอร์มาก และยังมีส่วนผสมที่ดู High class อีกค่ะ

เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่ม Skincare ที่มี่ได้มาจากแบรนด์ Naturalist beauty นะคะ

naturalist

เห็นแพคเกจแล้วนึกว่าหอบหิ้วมาจากยุโรปเลยทีเดียว

ผลิตภัณฑ์ที่มี่ได้มามี 3 อย่างค่ะ

  • Perfect BHA clear deep exfoliating toner
  • Soybean phytogen moisture essence
  • Duo B hydrabright essence

 

วันนี้เรามาเริ่มกันที่ BHA นะคะ

ส่วนตัวมี่เองก็จะสอดแทรก BHA เอาไว้ใน Skincare regimen อยู่ เพื่อลดการอุดตัน ลดการเกิดสิว และช่วยลดการอักเสบในรูขุมขนค่ะ

หน้าตาของเจ้า Perfect BHA clear deep exfoliating water ค่ะ

BHA 1

บอกเค้าไปว่าชั้นชอบดีไซน์แพคเกจเค้า (ขอใช้ภาษาวิบัติเพื่ออรรถรสในการอ่าน)

จุดเด่นของเจ้าโทนเนอร์ตัวนี้คือ นางใช้นวัตกรรมใหม่ของ Salicylic Acid ที่เก็บกักในแคปซูล แคปซูลตัวนี้จะมีขนาดเล็ก ซึมลงไปในผิวได้ง่าย และค่อยๆแตกตัวปลดปล่อย Salicylic acid ออกมา โดยทางแบรนด์บอกว่า Salicylic acid จะค่อยๆ ปลดปล่อยออกจากแคปซูล ทาเพียงครั้งเดียวอยู่ได้ถึง 6 ชั่วโมง เลยทีเดียว
การเก็บในแคปซูลก็มีข้อดีคือ ทำให้ความระคายเคืองของ Salicylic acid ลดลง มีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้น แต่ยังคงออกฤทธิ์ได้ดีอยู่ และการมีแคปซูลที่เป็นระบบนำส่งทำให้ตัว Salicylic acid ลงไปลึกสมชื่อ Deep exfoliating toner ของนาง

ตัวนี้ใช้คู่กับสำลีนะคะ

BHA 2

เป็นโทนเนอร์ที่ไม่มีน้ำหอม เลยจะได้กลิ่นจางๆของวัตถุดิบ ใช้ง่าย ไม่แสบ ไม่ระคายเคืองค่ะ ตัวนี้ตอนแรกมี่ใช้เช้าเย็น แต่ด้วยความที่มี่เป็นคนผิวแห้ง รู้สึกว่าผิวแห้งเลยเก็บไว้ใช้แค่ก่อนนอนค่ะ

BHA 3

เช็ดแล้วแห้งไว ไม่เหนอะหนะ และไม่ทิ้งคราบเหนียวใดๆไว้บนผิว

วัด pH ซักหน่อยเป็นพิธี

BHA 4

pH อยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับผิวดี

จุดนี้ BHA เราอยู่ในแคปซูลนะคะ pH เท่าไหร่ก็ไม่มีปัญหา

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

สผส BHA

สำหรับสารบำรุงมี่ทำสีเขียวไว้ให้นะคะ เอ๊ะ มีสีฟ้าโดดเด่นมาตัวนึง คือเจ้า Isopentyldiol ตัวนี้เป็นสารที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอื่นๆเข้าผิวค่ะ (มีชื่อเรียกแบบสวยๆว่า Percutaneous absorption enhancer)

มาดูสารบำรุงกันเรียงตัวเลยดีกว่า

  • Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง
  • Salicylic acid ก็คือ BHA ที่เป็นพระเอกของเราในวันนี้ค่ะ ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน
  • Panthenol คือ โปรวิตามินบี 5 ที่จะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินบี 5 มีบทบาทในการเพิ่มการชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิว
  • สารสกัดจากเปลือก Magnolia ช่วยฆ่าเขื้อจุลินทรีย์ และช่วยลดการอักเสบและระคายเคือง
  • สารสกัดจากใบยูคาลิปตัส มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อจุลินทรีย์เช่นกัน
  • สารสกัดจาก Sigesbeckia มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2011; 11;137(3))
  • Allantoin ลดการระคายเคือง
  • Raspberry ketone เป็น Whitening ได้โดยไปยับยั้งเอนไซม์ที่สร้างเม็ดสี (Int J Mol Sci. 2011;12(8):4819-35.) ข้อมูลจากทางแบรนด์บอกว่ามีผลต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย นอกจากนี้มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจึงให้ผลปกป้องผลิตภัณฑ์จากเชื้อ

อีกตัวที่ไม่ได้ทำสีไว้ แต่ก็คู่ควรแก่การกล่าวถึงคือ Hexamidine diisethionate ตัวนี้ก็เป็นสารฆ่าเชื้อเช่นกัน

โดยรวมจึงเห็นว่านอกจากพระเอกอย่าง BHA แล้ว ยังมีเหล่าบรรดานักแสดงสมทบที่ช่วยมาเสริมกันเรื่องฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ลดการอักเสบระคายเคือง ซึ่งจะให้ผลดีกับรอยแดงสิว และ Whitening จาก Raspberry ketone ที่จะช่วยเรื่องรอยดำสิวได้ไปพร้อมๆกัน

ขอเชิญคะแนนเลยนะคะ เนื่องจากวันนี้ส่วนผสมเรามีไม่มาก เลยขอแบ่งเป็นคะแนนส่วนผสม กับ คะแนนการใช้งานค่ะ

  1. ส่วนผสม จัดหนักจัดเต็ม มีประโยชน์ต่อผิวได้ครอบคลุมทุกปัญหาสิวเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ รวมไปถึงรอยแดง รอยดำ และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไปเลยค่ะ 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบที่ตัวดีไซน์ของเขานะคะ เนื้อในก็ดีไม่แพ้กัน ใช้ง่าย ใช้ซ้อนกับโทนเนอร์อื่นก็ได้ อย่างตัวมี่จะใช้ตัวนี้คู่กับตัว Duo B ที่จะมารีวิวครั้งหน้า ทางแบรนด์แนะนำว่าหยดใส่สำลีเดียวกัน แบ่งอย่างละครึ่งแผ่น และเช็ดทีเดียวเลยค่ะ รวดเร็วทันใจ ส่วนเรื่องความรู้สึกในการใช้งาน คือ ชอบนะ ไม่แสบผิว ไม่ร้อน ไม่วูบวาบ ช่วงแรกใช้เช้าเย็นเลยค่ะ แต่ด้วยอารมณ์ที่มี่ผิวแห้ง ก็เลยอาจรู้สึกแห้งไปหน่อย มี่เลยลดเหลือแค่ใช้กลางคืนค่ะ ใช้ลดปัญหาพวกสิวเสี้ยนกวนใจก็ดีค่ะ เอาไป 5 ฟลาสก์

คะแนน

ตัวนี้ทางแบรนด์จัดโปร ราคาจะอยู่ที่ 790 บาท/100 ml จากราคาปกติ 1290 ตกเป็น 7.9 บาท/ml ค่ะ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทางแบรนด์ Naturalist ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามกับทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/NaturalistTH/

LINE : @naturalist.th

 

Discliamer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Naturalist beauty การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Creamgel สูตรเภสัชกรไทยในประเทศสวีเดน กับ Jayrada Perfectionist Expert anti-acne and whitening cream-gel

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ กับ Jayrada Perfectionist Expert anti-acne and whitening cream-gel จาก Jayrada Skincare of Sweden เรียกได้ว่ามากันแบบ 2 in 1 เลยทีเดียว ทั้ง Anti-acne และ Whitening

ขอกล่าวถึงแบรนด์ Jayrada ซักน้อยนะคะ แบรนด์นี้เป็นแบรนด์จากประเทศสวีเดน โดยเภสัชกรไทยในสวีเดน มีจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและประเทศสวีเดน กล่าวได้ว่า Jayrada เป็นสูตรเฉพาะจากสวีเดน แต่ด้วยความตั้งใจของเจ้าของแบรนด์ที่อยากจะให้มีสินค้า Made in Thailand ในยุโรป Jayrada จึงผลิตในประเทศไทยค่ะ

มาดูโฉมหน้าของ Cream-gel ตัวนี้ดีกว่าค่ะ

jay-1

เป็นเซรั่มที่มาในหลอดพลาสติกสีขาวค่ะ

jay-4

ส่วนนี้เป็นคำเคลมที่ด้านหลังกล่อง

jay-2

ในส่วนของคำ Claim นั้น ทางแบรนด์ Jayrada ได้เลือกใช้สารบำรุงจากธรรมชาติถึง 8 ชนิด เพื่อเสริมฤทธิ์กันอย่างลงตัว เหมาะกับทุกสภาพผิวแม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย

 

เนื้อเป็นเนื้อใส ไม่มีกลิ่น เพราะทางแบรนด์ไม่ได้ใส่น้ำหอมค่ะ

jay-5

เกลี่ยง่าย ซึมไว แห้งไว ให้ความรู้สึกเย็นและสบายผิว

jay-6

 

สำหรับส่วนผสมเรียกได้ว่ามากันแน่นเลยทีเดียวค่ะ

%e0%b8%aa%e0%b8%9c%e0%b8%aa-jayrada

มี่ทำสีของสารบำรุงผิวไว้นะคะ

  • กลุ่มวิตามิน สีม่วง
  • กลุ่มแร่ธาตุ สีเขียว
  • กลุ่มสารที่มีผลฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ สีน้ำตาล
  • กลุ่มสารบำรุงอื่นๆ สีฟ้า

 

ถ้าเราดูแถบสี จะเห็นว่า ส่วนของสารส่วนใหญ่ใน Jayrada เป็นสารบำรุงเกือบหมดเลย มีสารอื่นๆอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเองค่ะ

 

มาเริ่มกันที่กลุ่มวิตามิน

  • วิตามินซี ทางแบรนด์เลือกใส่วิตามินซี มาถึง 3 สายพันธ์เลยทีเดียว คือ Ascorbic acid ตัวดั้งเดิม Ascorbyl glucoside ที่มีความอ่อนโยน ตัวนี้ละลายน้ำ และ Ascobyl palmitate ตัวนี้ละลายน้ำมัน ทำมาตอบโจทย์ของผิวเราที่มีทั้งน้ำมันและน้ำอยู่ด้วยกัน วิตามินซีมีประโยชน์เป็น Antioxidant และเป็นองค์ประกอบในการสังเคราะห์คอลลาเจน จึงช่วยเรื่องริ้วรอย และลดการสังเคราะห์เม็ดสีผิวจึงช่วยเรื่อง Whitening
  • วิตามินอี เป็น Antioxidant
  • วิตามินบี 5 เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบและระคายเคืองผิว

 

กลุ่มสารบำรุงอื่นๆมาด้วยกันค่อนข้างหลายชนิด มีมาทั้งส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น Whitening Antioxidant ชะลอวัย ลดการอุดตัน และฆ่าเชื้อแบคทีเรียก่อสิว จึงให้ผลด้านชุ่มชื้น Whitening ชะลอวัย และลดการเกิดสิวไปพร้อมๆกัน

 

ขอกล่าวถึงตัวที่น่าสนใจนะคะ

สูตรผสมของ Aqua (and) Butylene Glycol (and) Panthenol (and) Escin (and) Glycerin (and) Ruscus Aculeatus Root Extract (and) Ammonium Glycyrrhizate (and) Centella Asiatica Extract (and) Hydrolyzed Yeast Protein (and) Calendula Officinalis Flower Extract เป็นวัตถุดิบนวัตกรรมของบริษัท BASF Care creation ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัตถุดิบเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในฝั่งยุโรปค่ะ

วัตถุดิบนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่า ให้ผลปรับโทนสีผิว หรือ Skin tone ให้สม่ำเสมอ โดยไปเพิ่มการไหลเวียนของเลือดใต้ผิวหนัง ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) ลดรอยเส้นเลือดฝอยบนผิวเพราะสารอุดมไปด้วย Flavonoids ที่ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง

 

กลุ่มสีน้ำตาลเป็นพืชที่มีคุณสมบัติเด่นด้านสิว โดยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการอุดตันเพราะมี BHA จากธรรมชาติ

ส่วนของเนื้อหลักผลิตภัณฑ์และสารปรุงแต่งก็ไม่ได้มีสารอื่นๆที่ไม่เป็นมิตรอยู่เลยค่ะ

 

ให้คะแนนดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง หรือ Active ingredients เรียกได้ว่ามากันเต็มจริงๆ โดดเด่นทั้งส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น Whitening Antioxidant ชะลอวัย และดูแลสิวไปพร้อมๆกัน จัดไปเลย 5 ฟลาสก์
  2. เนื้อหลักผลิตภัณฑ์ หรือ Base มาในเบสน้ำไม่มีน้ำมัน ไม่มีแอลกอฮอล์ และซิลิโคน เลยไม่รู้จะหักคะแนนอะไรดี เอาไป 5 ฟลาสก์
  3. สารปรุงแต่งอื่นๆ แทบจะไม่มีส่วนของสารปรุงแต่งที่ใส่มาไร้สาระ และสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์เช่นกัน
  4. การใช้งาน Jayrada Cream-gel เป็นครีมเจลที่มีสัมผัสบางเบามาก ส่วนตัวมี่ลองใช้อยู่ 2 อาทิตย์ เรียกได้ว่าชอบมากเลยทีเดียว ด้วยความบางเบา และสิ่งที่สัมผัสได้คือ เวลาเรามีสิวขึ้นมา สิวจะยุบค่อนข้างไวค่ะ และไม่ทิ้งรอยแดงรอยดำอะไรไว้เลย จะมีที่ติก็แค่หลอดเล็กไปนิด (15 ml) หลอดนึงน่าจะใช้ได้ซักเดือน ถ้าใช้ประหยัดๆหน่อย ทุกวันนี้กลัวหมดเลยเอาไว้ใช้เป็น Spot corrector แต้มบริเวณรอยดำรอยแดงสิวเป็นหลักค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

%e0%b8%84%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%99-jay

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Jayrada นะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของแบรนด์ โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/jayrada.skincare/

 

Discliamer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Jayrada การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม ครีมเจลและเจลล้างหน้าในกลุ่ม Acniover แบรนด์เวชสำอาง Martiderm จากสเปน

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม ครีมเจลและเจลล้างหน้าในกลุ่ม Acniover แบรนด์เวชสำอาง Martiderm จากสเปน

วันนี้มี่จะมารีวิววิเคราะห์ส่วนผสมเจลครีม Creamigel ใน Line ดูแลสิวที่มีชื่อว่า Acniover จาก Martiderm เวชสำอางจากสเปนให้ชมกันค่ะ

ในไลน์ Acniover นี้ มีผลิตภัณฑ์อยู่ 2 อย่างเป็นตัวล้างหน้า และ Creamigel ค่ะ

มาเริ่มกันที่ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก่อนดีกว่านะคะ มีชื่อว่า Gel purificante ค่ะ

หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

wash 1

ตัวนี้เป็นเจลใสสีเขียว กลิ่นแอปเปิ้ล ที่ค่อนข้างอ่อนโยนกับผิวค่ะ

ถูกับน้ำแล้วจะมีฟองอยู่ค่อนข้างน้อยแต่ฟองละเอียดเหมือนครีม มีความลื่นอยู่ในระดับหนึ่ง ทำให้เราละเลงบนหน้าได้ง่ายดี และล้างออกง่ายหมดจด ไม่ทิ้งความมัน หรือความเมือกไว้บนผิวเลยค่ะ

น่าจะเหมาะกับผิวมัน เพราะประสิทธิภาพในการทำความสะอาดค่อนข้างดีเลยทีเดียว

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

ส่วนผสม wash

จากส่วนผสมจะมีพวกสารทำความสะอาดอยู่หลายตัวหลายกลุ่มค่ะ

โดยสิ่งที่โดดเด่นออกมา คือ สารทำความสะอาดจากธรรมชาติ ที่ใช้เป็นสารสกัดจาก Acacia concinna Fruit Extract, Balanites aegyptiaca Fruit Extract และ Gypsophila paniculata Root Extract ซึ่งไปตรงกับวัตถุดิบที่ชื่อ Phytofoam® ของบริษัท Croda สารนี้เป็นสารทำความสะอาดกลุ่ม Saponin ที่มีความอ่อนโยน และทำให้ฟองละเอียดคล้ายครีม

สารทำความสะอาดหลักได้แก่ Glycereth-26, PEG-120 Methyl Glucose Trioleate, Sodium Lauroyl Sarcosinate และ Caprylyl/Capryl Glucoside ซึ่งทุกตัวมีความอ่อนโยนสูง

สารคู่ผสมอย่าง Polyglyceryl-4 Caprylate/Caprate, Polyglyceryl-4 Laurate/Sabacate ตัวนี้ก็อ่อนโยน มาจากบริษัท Croda เช่นกัน มีชื่อทางการค้าว่า NatraGem™ S150 NP มีคุณสมบัติช่วยละลายสาร ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ใส มีคุณสมบัติทำความสะอาดที่ดี สามารถล้างเมคอัพและสิ่งสกปรกที่ติดค้างบนผิวได้ดี

ส่วนสารออกฤทธิ์ก็จะมีตัวชาเขียว ที่เป็น Antioxidant และ สารสกัดจาก Witch hazel ที่ช่วยควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน ร่วมกับน้ำตาล Lactitol และ Xylitol ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ซึ่งไปตรงกับวัตถุดิบที่ชื่อ Hairspa ของบริษัท Sederma ที่มี claim เกี่ยวกับการเพิ่มความแข็งแรงของเชื้อจุลชีพเจ้าบ้านบนผิว (Skin normal flora) ที่เมื่อมีความแข็งแรงก็จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ผิวได้ และป้องกันการเจริญของเชื้อโรคต่างๆ (วัตถุดิบนี้จริงๆทำมาเกี่ยวกับเส้นผม แต่สามารถประยุกต์ใช้กับผิวได้)

สารอื่นๆก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิว

เดี๋ยวค่อยให้คะแนนทีเดียวตอนท้ายนะคะ

ส่วนอีกตัวเป็นตัว Cremigel ค่ะ

มาดูหน้าตาผลิตภัณฑ์ซักหน่อยนะคะ

acni 1

เนื้อเป็นเจลขุ่นๆ สมกับชื่อ Cremigel ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เกลี่ยค่อนข้างง่าย ไม่เหนอะหนะ ก่อฟิล์มบางๆเคลือบผิวไว้ ให้ผลควบคุมความมันและอำพรางรูขุมขนไปในตัว

 

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

ส่วนผสม

สผส

ในส่วนผสมค่อนข้างเรียบง่าย ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่

สูตรผสมของ Salicylic Acid, Polydextrose, Dextrin, Amylopectin และ Niacinamide

ไปตรงกับวัตถุดิบที่ชื่อ Biogenic Sallic-210 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ทางเครื่องสำอางจากบริษัท Biogenics ในการเก็บกักเอา Salicylic acid ไว้ในเปลือกแคปซูลของพวก Polysaccharide อย่าง Polydextrose, Dextrin, Amylopectin มีผลเพิ่มการละลายน้ำ เพิ่มการดูดซึมเข้าสู่ผิว ลดการระคายเคือง และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์

ดังรูปค่ะ

technology

(Image from Biogenics Inc.)

ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า สารนี้ให้ผลที่ดีในการฆ่าเชื้อก่อสิว และเชิ้อแบคทีเรียอื่นๆ ลดการเกิดสิว และความรุนแรงของสิวในอาสาสมัคร ให้ผิวขาว และช่วยผลัดเซลล์ผิว
นอกจากนี้แล้ว ทางแบรนด์ยังเติม Niacinamide เพิ่มเข้ามาอีก โดยรวมแล้วในผลิตภัณฑ์มี Niacinamide อยู่ถึง 5% ซึ่งมีงานวิจัยทดสอบแล้วพบว่าให้ผลดีในการดูแลสิวได้เทียบเท่ากับตัวยา Clindamycin (Int J Dermatol. 2013;52(8):999-1004.) หมายเหตุ: ในงานวิจัย ใช้ 4%

สารออกฤทธิ์อีกตัวคือ Syringa vulgaris extract หรือ สารสกัดจาก Lilac ที่ประกอบด้วยพฤกษเคมีที่ชื่อ Verbacoside ที่มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง ฆ่าเชื้อสิว ควบคุมความมัน และช่วยให้ผิวขาว จึงมีผลลดรอยดำจากสิวได้อีก

ส่วนอีกสองตัวที่มีมาคือ Milk protein ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น และ Saccharide isomerate ที่เพิ่มความชุ่มชื้นเช่นกัน โดยสารนี้ออกฤทธิ์ได้อย่างยาวนานเพราะจับกับโปรตีน Keratin บนผิวหนัง จึงไม่ถูกชะล้างออกไปง่ายๆ

โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างตรงจุดกับสิวเลยโดยตรง

ส่วนของเนื้อหลักผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อแบบ Emulgel คือ มีทั้งส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน
สารที่ใช้ไม่ได้มีอะไรอุดตันรูขุมขน และไม่ได้มี Alcohol เป็นส่วนประกอบ

สารอื่นๆที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ส่วนที่มีประโยชน์ก็จะเป็นตัว Silica ที่ช่วยควบคุมมันได้อีกทางหนึ่ง

ถึงเวลาให้คะแนน

เริ่มจากตัวล้างหน้า
1. Actives จากที่ได้เล่าให้ฟังไปในด้านบน ถือว่าส่วนผสมนั้นทำมาได้ค่อนข้างดี เพราะนอกจากจะมีสารสกัดที่ช่วยเรื่องควบคุมความมันแล้ว ยังมีสารกลุ่มน้ำตาลที่ช่วยสนับสนุนการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์เจ้าบ้าน มีผลช่วยให้ผิวแข็งแรงได้อีก จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
2. Base กลุ่มของสารทำความสะอาดที่ใช้ทุกตัวมีความอ่อนโยนมาก และเป็นชนิดที่ได้จากธรรมชาติ หรือ ดัดแปลงจากธรรมชาติ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
3. Additives สารองค์ประกอบอื่นๆ มีอยู่เท่าที่จำเป็น ไม่มีตัวไหนมีพิษมีภัยอะไรเลยไม่รู้จะหักคะแนนอะไร จึงเป็น 5 ฟลาสก์
4. การใช้งาน ส่วนของเนื้อสัมผัสนั้นค่อนข้างนุ่มนวล ลื่น เกลี่ยง่าย ล้างได้สะอาดหมดจด เนื่องจากส่วนตัวมี่นั้นผิวค่อนข้างแห้ง เลยรู้สึกแห้งไปเล็กน้อย และเรื่องของปริมาณฟองที่ค่อนข้างน้อย มี่เป็นคนติดฟอง ถึงแม้จะรู้ว่าฟองไม่ได้เกี่ยวกับความสะอาด และความอ่อนโยน ก็ยังติดฟองอยู่ จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์

คะแนน wash

ส่วนตัวครีมเจล
1. Actives จากที่ได้เล่าให้ฟังในด้านบน ถือว่าส่วนผสมนั้นทำมาได้ค่อนข้างดี มีสารที่ให้ประโยชน์เรื่องสิวได้อย่างครบถ้วน และยังมีตัวเพิ่มความชุ่มชื้นเสริมมาอีก แต่ถ้าเป็นไปได้ น่าจะมี Antioxidant เสริมมาซักหน่อย เพื่อปกป้องน้ำมันไม่ให้ถูก Oxidize จากอนุมูลอิสระและความเครียด ก่อเป็นปัญหาผิวต่างๆตามมาภายหลัง จุดนี้จึงขอให้ 4 ฟลาสก์
2. Base เนื้อหลักผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อแบบ Emulgel คือ มีทั้งส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคนมีสารดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว มีน้ำมันเคลือบผิวเก็บกักน้ำให้ผิว และมีน้ำมันจากธรรมชาติที่ดูดซึมได้อยู่ในรูปแบบของ Triglyceride สารที่ใช้ไม่ได้มีอะไรอุดตันรูขุมขน และไม่ได้มี Alcohol เป็นส่วนประกอบ จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
3. Additives สารที่ใช้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร จึงไม่มีจุดให้หักคะแนน ขอให้ 5 ฟลาสก์
4. การใช้งาน ตัวผลิตภัณฑ์ให้ผลควบคุมความมันได้ค่อนข้างดี สามารถใช้ลงแทน Primer ก่อนแต่งหน้าได้ด้วย ส่วนตัวมี่เอามาลงเป็น Primer บริเวณ T-zone ก็ให้ผลคุมมันได้จนเย็นอยู่ แต่ถ้าเอาลงที่แก้มจะแห้งเกินไปนิดนึง ส่วนเรื่องสิว เมื่อแต้มสิวลงไป ก็ช่วยให้สิวหายไวขึ้น และไม่ทิ้งร่องรอยอารยธรรมไว้มากมาย จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน

สุดท้ายนี้อีกครั้งอยากขอบคุณทางบริษัท Advance Aesthetic Company ที่ส่งสินค้าดีๆเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีมาให้ได้ทดลองใช้ค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

เฟสบุคของบริษัท http://www.facebook.com/advanceaestheticthailand ได้เลยค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Martiderm

 

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมโทนเนอร์และสลีปปิ้งมาสค์ ผสมสมุนไพรทั่วเอเชีย จากแบรนด์ Asiae

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมโทนเนอร์และสลีปปิ้งมาสค์ ผสมสมุนไพรทั่วเอเชีย จากแบรนด์ Asiae

 

วันนี้เปลี่ยน Mode มาดู Skincare ของไทยๆ กันบ้างนะคะ เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่ม Aqua active จากแบรนด์ Asiae ที่เคลมว่าใช้สมุนไพรทั่วทั้งเอเชียค่ะ

เห็นชื่อ ก็เดาไว้ก่อนเลยว่า ต้องเป็นแบบ Water-based แน่ๆ และพอดูส่วนผสมก็เป็นแบบ Water-based จริงๆ ค่ะ

ในไลน์ Aqua active นี้มีผลิตภัณฑ์อยู่ 2 ตัวค่ะ เป็นมาสค์ กับ โทนเนอร์

มาดูโฉมหน้ากันหน่อยนะคะ

asiae 1

นางจะมาในกล่องสีขาวสะอาดตา ตกแต่งด้วยสีเขียวแก่ดูคลาสสิคดีค่ะ

มาดูกันไปทีละตัวเลยเนอะ

ตัวแรกเป็นโทนเนอร์ค่ะ

asiae 2

ทำไมเราต้องใช้โทนเนอร์ด้วยคะ?

โทนเนอร์นั้นเป็นผลิตภัณฑ์แรกสุดที่เราใช้หลังจากล้างหน้าเสร็จ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่หลังล้างหน้า ปรับสภาพ/เตรียมผิวให้พร้อมรับสารอาหารในขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับส่วนผสมของโทนเนอร์นั้นๆด้วยอีกที

เนื้อโทนเนอร์ก็เป็นแบบน้ำใส ไม่ได้ใส่น้ำหอม เลยไม่มีกลิ่นค่ะ

asiae 3

เช็ดแล้วจะให้ความรู้สึกสบายผิว ผิวหลังเช็ดนุ่มไม่แห้งตึงค่ะ

asiae 4

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

asiae 5

ส่วนผสมนี่เรียกได้ว่าจัดมาเต็มมาก เพราะส่วนมากเป็นสารออกฤทธิ์ หรือ Active ingredients ซึ่งมีเยอะมาก โดยทางแบรนด์เน้นไปที่กลุ่มพืชที่พบได้ใน Asia เหมือนชื่อแบรนด์ Asiae (เอเชียอี้)

ส่วนผสมนั้นไม่ได้ใช้แค่สารสกัดพืชธรรมดาๆ แต่สารบางตัวเป็นสารสกัดพืชที่ Advance ขึ้นมาอีกขั้น เพราะเป็นสารที่ได้จากกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) คือ เอาสารสกัดมาหมัก เพื่อให้ได้ฤทธิ์ที่ดีขึ้น เพราะระหว่างการหมัก เชื้อจุลินทรีย์จะไปเปลี่ยนสารต่างๆในพืช ให้มีขนาดเล็กลง ทำให้ซึมผิวดีขึ้น ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น

ส่วนของสารสกัดนั้นให้ผลโดยรวมหลายด้าน ได้แก่
– ผลัดเซลล์ผิวลดการอุดตัน จากสารสกัดของต้น Willow 2 สายพันธ์ คือ Salix nigra (Black willow) และ Salix alba ที่มี BHA ตามธรรมชาติ ให้ผลลดการอุดตัน ลดการอักเสบ ร่วมกับ Glycolic acid ที่เป็น AHA และสาร Lactic acid ธรรมชาติที่ได้จากการหมักของ Lactobacillus
– Antioxidant ต่อต้านอนุมูลอิสระ จากสารสกัดพืชหลายชนิด
– ผลดีต่อสิว มี Niacinamide ที่ช่วยลดการอักเสบสิว ร่วมกับสารสกัดจากพืชที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออย่าง Melia azaridacta (สะเดาอินเดีย), Houttuynia cordata (พลูคาว) และสารหอม O-cymen-5 ol ที่เป็นสารกลุ่ม Terpenes ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้หลายชนิด ร่วมกับ Glyceryl caprylate ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกับผิวหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความชุ่มชื้น จนถึงฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ
– ลดการอักเสบ จากสารสกัด Phellodendron amurense ซึ่งมีงานวิจัยรองรับถึงคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ (Int Immunopharmacol. 2014; 19(2):214-20.)
– ริ้วรอยและแผลเป็น มีสารสกัดจาก Scutellaria ที่ช่วยเรื่องการสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยลดริ้วรอย สมานแผล
– สูตรผสมของ Lactobacillus/Soybean Ferment Extract (and) Saccharomyces/Viscum Album (Mistletoe) Ferment Extract (and) Saccharomyces/Imperata Cylindrica Root Ferment Extract มีชื่อทางการค้าว่า Natural HGTM ของเกาหลี มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยให้ความรู้สึกสบายผิว ลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง
– Whitening อาศัย Niacinamide เป็นตัวลดการส่งผ่านเมลานินออกมาจากข้างใน มีผลลดรอยดำจากสิวได้ด้วย
– Moisturizer มี Trehalose ที่เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ มีคุณสมบัติดูดน้ำให้ผิว และช่วยปกป้องผิวจากอากาศแห้งๆได้ดี ร่วมกับสารดูดน้ำอีกหลายตัว และ Sodium hyaluronate

โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างครบค่ะ

ในส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ ก็ไม่ได้มีสารที่มีพิษมีภัยอะไร ไม่มี Alcohol มีสารดูดน้ำดีๆหลายตัว มี Silicone ที่ช่วยเคลือบปกป้องผิวรักษาความชุ่มชื้นได้ด้วย

เดี๋ยวค่อยให้คะแนนทีเดียวกันนะคะ

ตัวต่อมาเป็น Sleeping mask ค่ะ

ชื่อเต็มๆคือ Aqua active sleeping mask

asiae 6

ตัวนี้เป็นมาสค์หน้าข้ามคืนแบบ Water-based ค่ะ

เนื้อเป็นเนื้อเจล สีฟ้าขุ่นๆ มีกลิ่นจางๆบางๆ เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย เคลือบผิวได้ดี ไม่เหนอะหนะ ให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว

 

 

ในส่วนของส่วนผสมนั้นเป็นดังนี้นะคะ

asiae 9

ตัวนี้มาในรูปแบบของ Emulsiongel ที่ประกอบด้วยซิลิโคนกับน้ำ ไม่มีน้ำมันที่สุ่มเสี่ยงอุดตันรูขุมขน

ส่วนสารออกฤทธิ์นั้นเป็นชุดเดียวกันกับตัวโทนเนอร์ ซึ่งได้เล่าให้ฟังแล้วในช่วงต้น

มาให้คะแนนกันดีกว่า
Aqua active Toner
1. กลุ่มสารออกฤทธิ์ ดังที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วในด้านบน จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
2. Base มาในรูปแบบของ Water-based ถึงแม้จะมีซิลิโคนอยู่หลายตัว แต่เนื่องจากเป็นน้ำใส เลยขอกล่าวว่าเป็นแบบน้ำ มีส่วนผสมของสารดูดน้ำให้ผิวที่ดีอยู่หลายตัว มีสารซิลิโคนที่ช่วยเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้น ไม่มีแอลกอฮอล์ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
3. Additives ไม่มีสารที่มีพิษมีภัยอะไรกับผิว เลยไม่รู้จะหักคะแนนอะไร เลยขอให้ 5 ฟลาสก์
4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบสัมผัสนะคะ เช็ดแล้วผิวค่อนข้างนุ่ม ไม่แห้งตึงเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป แต่เนื่องจากตัวขวดปั๊ม กดแล้วน้ำยาจะออกมาค่อนข้างแรงเลย กระเด็นนิดหน่อย แบบ แอบเสียดาย เลยขอให้ 4 ฟลาสก์

Aqua active Sleeping mask
1. กลุ่มสารออกฤทธิ์ ดังที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วในด้านบน จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
2. Base มาในรูปแบบของ Emulgel ที่ประกอบด้วยน้ำ ซิลิโคน และกลุ่มน้ำมันสังเคราะห์ มีส่วนผสมของสารดูดน้ำให้ผิว สารเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้น แต่ยังขาดน้ำมันธรรมชาติที่จะช่วยทดแทนไขมันในผิวหนังอยู่ จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
3. Additives ไม่มีสารที่มีพิษมีภัยอะไรกับผิว เลยไม่รู้จะหักคะแนนอะไร เลยขอให้ 5 ฟลาสก์
4. การใช้งาน ตัวนี้เป็น Sleeping mask ที่ให้สัมผัสที่เบา ไม่หนักผิว ไม่มันเยิ้ม เน้นการเติมน้ำให้กับผิว เกลี่ยค่อนข้างง่าย ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบค่ะ ขอให้ 5 ฟลาสก์[/left]

คะแนน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Asiae ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ สวัสดีค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เฟสบุคของทางแบรนด์ได้เลยค่ะ

https://www.facebook.com/Asiae.np
Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ Asiae

 

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมเซรัมน้ำแร่ไวท์เทนนิ่ง Sho original Expert whitening complex serum

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมเซรัมน้ำแร่ไวท์เทนนิ่ง Sho original Expert whitening complex serum

วันนี้มี่แวะเอารีวิวเซรัมน้ำแร่ที่น่าสนใจมารีวิววิเคราะห์ส่วนผสมให้ชมกันค่ะ

 

ผลิตภัณฑ์วันนี้คือ Sho original Expert whitening complex serum ค่ะ

 

sho 1

 

ในสเตปการเปิดขวดจะต้องหมุนฝามา 1 กึ๊กก่อน แล้วหัวปั๊มก็จะเด้งออกมาค่ะ

 

sho 2

 

ตัวเซรัมนั้นเป็นเนื้อกึ่งๆน้ำนม มีกลิ่นหอม

 

sho 3

 

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความชุ่มชื้นผิวดี ซึมไวไม่เหนอะหนะ

 

sho 4

 

วัดค่า pH กันซักหน่อยนะคะ

 

sho 5

 

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 4 – 5 ซึ่งเป็นช่วงที่สารหลายๆตัวมีความคงตัวดีค่ะ

 

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

 

สผส sho

 

ที่ข้างกล่องจะเห็นว่าทางแบรนด์ Claim ไว้ 7 ด้านด้วยกันค่ะ เรามาวิเคราะห์กันดีกว่าค่ะ

sho claim

 

ปกติเราแบ่งส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็น 3 หมวดหลักๆ คือ

  1. Actives หรือ สารออกฤทธิ์ เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
  2. Base หรือ ส่วนเนื้อของผลิตภัณฑ์ เป็นตัวอุ้มและเก็บสารออกฤทธิ์ไว้
  3. Additives หรือ ส่วนของสารปรุงแต่ง เป็นตัวเติมแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย เช่น พวกสารกันเสีย พวกน้ำหอม พวกซิลิโคน ตัวเพิ่มความหนืด ฯลฯ

 

มาดูไปทีละกลุ่มเลยนะคะ

 

  1. Actives ส่วนของสารออกฤทธิ์ ได้แก่
  • N-acetyl glucosamine เป็นสารอนุพันธ์ของน้ำตาล เป็นองค์ประกอบของ Hyaluronic acid มีขนาดที่เล็กสามารถดูดซึมได้ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังโดยดูดน้ำเข้าหาตัว มีรายงานการวิจัยกล่าวว่าสามารถควบคุมการผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น (Int J Cosmet Sci. 2010;32(3):234.) กระตุ้นการสังเคราะห์ Collagen และ Hyaluronic acid ในผิว ช่วยชะลอการแก่ตัวของเซลล์ Fibroblast (Int J Cosmet Sci. 2013;35(5):472-6.) เมื่อใช้ร่วมกับ Niacinamide จะให้ผลลดจุดด่างดำได้ดีขึ้น (Br J Dermatol. 2010;162(2):435-41.)
  • Niacinamide รูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ด้วย (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261) มีการทดสอบเชิงคลินิกพบว่า Niacinamide ที่ความเข้มข้น 4% มีประสิทธิภาพเทียบเท่า Clindamycin ในการรักษาสิว (Int J Dermatol. 2013;52(8):999-1004.)
  • Ascorbyl tetraisopalmitate ตัวนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินซี มีความเป็นกรดต่ำ ซึมเข้าผิวดี ออกฤทธิ์ได้เนิ่นนาน นอกจากไปลดการสร้างเม็ดสีก็ยังเป็น Antioxidant และเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสังเคราะห์คอลลาเจน
  • Gluconolactone อนุพันธ์ของน้ำตาล มีคุณสมบัติเป็น Multifunctional agent เป็นได้ทั้ง Additives ช่วยจับโลหะ เป็นสารระงับเชื้อจุลินทรีย์ และเป็น Active ingredients โดยช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เป็นสารในกลุ่ม Polyhydroxy acid (PHA) ให้คุณสมบัติการผลัดผิว (Exfoliant) คล้าย AHA แต่อ่อนโยน ระคายเคืองน้อยกว่า มีรายงานวิจัยสนับสนุนว่าการผลัดผิวของ PHA สามารถเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มความแข็งแรงของ Barrier ผิวหนัง และมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant รวมทั้งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสารออกฤทธิ์ชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินเอ และไฮโดรควิโนนได้ดี ( 2004; 73(2 Suppl):3-13.) มีรายงานว่าสามารถเพิ่มผลการปกป้องรังสี UV ที่ผิวหนังได้ถึง 50% (Dermatol Surg. 2004; 30(2 Pt 1):189-95) การศึกษาทางคลินิกพบว่า Gluconolactone สามารถรักษาสิวได้เทียบเท่า Benzoyl peroxide ซึ่งเป็นยา แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า (Australas J Dermatol. 1992; 33(3):131-4.)
  • Carnitine กรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่มีบทบาทในการ Metabolism ของไขมัน มีคุณสมบัติเป็น Moisturizer โดยการดึงน้ำเข้าหาตัว มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว (Exfoliation) นอกจากนี้ยังให้ผลเป็น Antioxidang และ Anti-inflammatory มีงานวิจัยกล่าวว่าการทา L-carnitine จะมีผลไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ Beta-oxidation ของไขมันในเซลล์ Sebocyte ทำให้ไขมันลดลง ให้ผลควบคุมความมันของผิวหนัง (J Cosmet Dermatol. 2012; 11(1):30-6.)
  • Fomes officinalis extract เป็นสารสกัดจากเห็ดชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติช่วยควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว การทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดในอาสาสมัครซึ่งจัดโดยบริษัทผลิตวัตถุดิบ กล่าวว่าให้ผลกระชับรูขุมขนได้ในทันทีที่ทา และผลที่ได้ดีกว่า Witch hazel กับ Zinc (Technical data sheet: Laboratoires Serobiologiques)
  • Aloe barbadensis leaf juice powder ส่วนของวุ้นว่านหางจรเข้ที่ผ่านกรรมวิธีจนได้ในรูปแบบผง มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Lecithin สารในกลุ่ม Phospholipids ที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ผิว มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ทดแทนไขมันในผิวหนัง อาจจะใช้เป็นตัวสร้าง Liposome ซึ่งเป็นระบบนำส่งสารเข้าผิวรูปแบบหนึ่งได้
  • Tocopheryl acetate สารอนุพันธ์ของวิตามินอี มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant แต่ส่วนมากมักจะให้ประโยชน์ปกป้องสารในผลิตภัณฑ์ไม่ให้เสื่อมสภาพเพราะอากาศ
  • Allantoin สารที่พบในรากคอมเฟรย์ มีประโยชน์ช่วยลดการแพ้ ลดการระคายเคือง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง มีรายงานการวิจัยสนับสนุนเรื่องคุณสมบัติในการช่วยสมานแผล (Acta Cir Bras. 2010;25(5):460-6.)
  • 4-Butylresorcinol ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ทำให้เมลานินถูกสร้างมาน้อยลง ผิวขาวขึ้น การทดสอบในอาสาสมัครที่เป็นฝ้ากับครีมที่มีส่วนผสมของสารนี้ 1% เป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ พบว่ารอยฝ้าจางลง และมีผลข้างเคียงน้อยมาก (Ann Dermatol. 2010; 22(1): 21–25.)
  • Sodium hyaluronate มีบทบาทเกี่ยวกับความชุ่มชื้นของผิวหนัง
  1. Base ส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นส่วนของน้ำ และน้ำมัน

2.1 โดยส่วนของน้ำ คือ น้ำแร่ ว่ากันว่า ทางแบรนด์ใช้น้ำแร่จากเมือง Yangpyeong ของเกาหลี ซึ่งเป็นเมืองที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ น้ำที่นี่ก็จะสะอาด อุดมด้วยแร่ธาตุต่างๆที่มีประโยชน์กับผิว

ถึงแม้ว่าเรื่องประโยชน์ของน้ำแร่กับผิวนั้นยังไม่มีผู้ใดศึกษาไว้อย่างแน่ชัด แต่องค์ประกอบของแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำแร่นั้นก็พอมีรายงานอยู่บ้าง เช่น Calcium จำเป็นต่อกระบวนการทำงานของผิว และความแข็งแรงของเซลล์ผิว Zinc เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์หลายๆชนิดในผิว และมีคุณสมบัติควบคุมความมัน และสมานผิว เป็นต้น กับสารดูดน้ำให้ผิวอย่าง Propylene glycol

2.2 ส่วนของน้ำมัน ได้แก่ น้ำมัน Jojoba ที่มีคุณสมบัติบางเบา ซึมผิวไว ไม่เหนอะหนะ

  1. Additives กลุ่มของสารปรุงแต่ง ได้แก่
    • สารเพิ่มความหนืด มี Sodium acrylates copolymer กับ Xanthan gum เป็นตัวเพิ่มความหนืด
    • Preservatives ได้แก่ สารจับโลหะ EDTA กับสารกันเสีย Chlorphenesin กับ Methylisothiazolinone
    • สารแต่งกลิ่น (Fragrance)

 

ถึงเวลาให้คะแนน

  1. Actives สารที่ใช้ให้คุณสมบัติในการบำรุงผิวได้รอบด้าน ทั้ง Whitening moisturizer anti-aging และช่วยเรื่องความมัน กับรูขุมขน โดยรวมถือว่าค่อนข้างครบถ้วนและตรงตาม Claim จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. Base ในส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์นั้น ใช้น้ำแร่ล้วนๆ ไม่มีน้ำ เสริมมาด้วยสารดูดน้ำให้ผิว และสารไขมันเพิ่มคามชุ่มชื้น ซึ่งไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แต่ยังขาดในส่วนของสารที่จะเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้นไว้ ถึงจะไม่มีก็มีข้อดีนะคะ คือ ถ้าไม่มีเนื้อครีมจะไม่เหนอะหนะค่ะ แต่จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์นะคะ
  3. Additives สารปรุงแต่งอื่นๆ มีเพียงสารเพิ่มความหนืด น้ำหอม และสารกันเสีย เท่านั้น ซึ่งถือว่าเลือกใส่มาเท่าที่จำเป็น ไม่มี Parabens ไม่มี Silicone และไม่มี Surfactant ใดๆ จึงไม่มีจุดให้หักคะแนน ได้ไป 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบที่คอนเซปท์เรื่องน้ำแร่ และแพคเกจที่ช่วยลดการปนเปื้อน และไม่เกะกะเลอะเทอะ ในส่วนของเนื้อสัมผัสก็ค่อนข้างบางเบา แต่ชุ่มชื้นผิวดี จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน sho

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

FB , IG , twitter : SHOskincare

https://www.facebook.com/SHOskincare/

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Sho ด้วยนะคะที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Sho