Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม ผลิตภัณฑ์แต้มสิวที่มีส่วนผสมของชาเขียวเกาะเจจู Green powder AC spot solution จากแบรนด์ SkinTalk

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์แต้มสิวจากแบรนด์ SkinTalk มาฝากกันค่ะ

สำหรับกลุ่มของ Green tea ของแบรนด์ SkinTalk จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ผลิตภัณฑ์สำหรับใบหน้านะคะ

music 2

(Image from SkinTalk official website)

 

จากคราวก่อนที่มี่ได้รีวิวตัว BHA Music toner ของเขาไป (ตามลิงค์นี้นะคะ >>Click<<) และได้เกริ่นๆไปว่า มี่ได้ตัวที่เป็น Spot corrector มาอีกตัว วันนี้เลยขอมาอัพเดทกันต่อค่ะ

สำหรับตัว Spot corrector จะมีชื่อเต็มๆว่า Green powder AC spot solution ค่ะ ซึ่งมาในขวดแก้วสีชาใบเล็กๆกะทัดรัด ตามรูปค่ะ

gp 2

ตัวนี้จะมาในเนื้อคล้ายๆรองพื้นแบบ Liquid foundation นะคะ ทางแบรนด์แนะนำวิธีใช้ไว้ว่าเวลาใช้งานให้เราเอาคอตตอนบัดส์จุ่มลงไปให้ถึงก้นขวดและก็นำมาแต้มบริเวณหัวสิวได้เลยค่ะ

how to use

(Image from SkinTalk official website)

gp 3

แต่เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีสิว เลยแต้มบนหลังมือให้ดูเนื้อสัมผัสกันค่ะ

gp 4

จุดเด่นของตัว AC spot solution ตัวนี้คือทางแบรนด์พยายามเลือกใช้ส่วนผสมที่เป็นมิตรกับผิวมากที่สุด โดยส่วนผสมทุกตัวได้คะแนน EWG อยู่ที่ 0 – 2 ซึ่งหมายความว่าเป็นมิตรกับผิว และสิ่งแวดล้อมค่ะ

EWG

(Image from SkinTalk official website)

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส gp

ส่วนผสมของ Spot corrector ตัวนี้ค่อนข้างไม่ซับซ้อนนะคะ มีสารบำรุงที่เป็น AHA/BHA อยู่ร่วมกับสารสกัดจากพืช และมี Epigallocatechin gallate (EGCG) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่พบในชาเขียว มีประโยชน์ในด้านการลดการอักเสบและระคายเคือง

EGCG

(Image from SkinTalk official website)

จากครั้งก่อนที่เคยเล่าให้ฟังว่าของแบรนด์นี้เลือกใช้ชาเขียวชั้นดีที่ปลูกจากเกาะเจจูมาเป็นส่วนผสมค่ะ โดยที่สารสกัดจากชาเขียวเองก็มีสารในกลุ่มของ Cathechins ซึ่งมีประโยชน์เป็น Antioxidant และประโยชน์อื่นๆ มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนถึงการใช้ชาเขียวในทางเครื่องสำอาง สำหรับตัวชาเขียวของแบรนด์นี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่าประกอบด้วยสาร Saponin ที่มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย และมีคุณสมบัติในการต่อต้านจุลินทรีย์

นอกจากสารสกัดชาเขียวแล้วยังเสริมมาด้วยสารสกัดจาก Portulaca ที่มีประโยชน์ในการเสริมการสมานแผล และ สารสกัดจาก Witch hazel ที่มีประโยชน์ในด้านการควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน

โดยรวมจึงถือว่า ทำมาได้เสริมกันอย่างลงตัว

เพียงแต่ส่วนตัวมองว่าถ้ามีส่วนผสมของพวก Absorbent หรือ สารดูดซับเข้ามาด้วย ตามหลักการทางด้านเครื่องสำอางแล้วน่าจะทำให้สิวแห้งไวขึ้นได้อยู่ค่ะ

วันนี้เนื่องจากส่วนผสมมีไม่มาก เลยไม่ขอให้คะแนนนะคะ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางบริษัท เจ.เอ. เอลลิแก็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมความ เกรดพรีเมี่ยมทั่วโลก ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

 

Line : https://lin.ee/mzbiXGL

Line@ : @jaelegantthailand

FB: J.A Elegant Thailand – ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เกรดพรีเมี่ยมทั่วโลก

FB : Skintalk Thailand By J.A.Elegant – ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้มีปัญหาสิวและผิวหน้า

Shopee : Eelegant Beauty Shop โค้ดส่วนลด 50 บาท สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก

JAELNC000

IG : jaelegant_official

YouTube : J.A.Elegant Official https://www.youtube.com/channel/UCOPLQvKHZo6LJzUnPE-Uubw

WEB: http://www.jaelegantthailand.com

 

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางบริษัท บริษัท เจ.เอ. เอลลิแก็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มบำรุงผิวสายคลีน ด้วยส่วนผสมสารสกัดจากธรรมชาติจากแบรนด์ Neem กับ Multiplant brightening serum

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมผลิตภัณฑ์เซรั่มที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ

เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์น้องใหม่อย่าง Neem ซึ่งเป็นแบรนด์สกินแคร์สายคลีน ที่ใส่ใจการเลือกใช้ส่วนผสมของสารบำรุงจากธรรมชาติ ไม่ใช้ส่วนผสมที่อาจก่อการระคายเคืองให้กับผิวอย่างน้ำหอม แอลกอฮอล์ และ ซิลิโคน ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่มี่หยิบยกเอามารีวิววันนี้เป็นตัว Multiplant brightening serum ที่ทำมาได้น่าสนใจมากเลยค่ะ โดยในด้านของสารบำรุงเรียกได้ว่าจัดเต็มเน้นใช้สารบำรุงที่สกัดจากธรรมชาติ ร่วมกับสารบำรุงสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวค่ะ ไว้เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังอีกทีในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

นอกจากตัว Neem multiplant brightening serum แล้ว ทางแบรนด์ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆที่น่าสนใจอีก 2 ชิ้น คือ เซรั่มเพิ่มความชุ่มชื้น SOS skin hydrating และ สบู่ Bright & Clear acne soap นะคะ

มีทั้งแบบจำหน่ายแยกปลีกเป็นชิ้น และจัดเซ็ตสวยงามในเซ็ต Neem acnoc recovery set ค่ะ

หน้าตาเป็นประมาณนี้นะคะ

ne 1

ใน Set นี้จะประกอบด้วยเครื่องสำอาง 3 ชิ้นนะคะ

ne 3

ตัวเซรั่มมอยส์เจอร์นั้นถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว นอกจากด้านความชุ่มชื้นแล้วยังดูแลผิวด้านการระคายเคือง ไวท์เทนนิ่ง รวมไปถึงด้านริ้วรอยไปพร้อมๆกัน เซรั่มบางเบา ซึมไวไม่เหนอะหนะ

ส่วนสบู่ก็มาในเบสสบู่ธรรมชาติ (สบู่ saponification) ที่ใช้น้ำมันจากพืชหลายชนิดเป็นตัวขึ้นเนื้อสบู่ เสริมด้วย Ceramides และสารสกัดจากพืชอื่นๆอีกหลายชนิดเลยทีเดียว ฟองนุ่มละเอียด ไม่แห้งตึง

 

แต่พระเอกของวันนี้ที่เราจะมีรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมกัน คือ Neem multiplant brightening serum นั่นเองค่ะ

นางมาในขวดแก้วสีขาวทึบแสง มีหลอดหยดค่ะ

ne 4

เนื้อเซรั่มเป็นแบบเซรั่มเบสน้ำ สีออกเหลือง ซึ่งคาดว่าเป็นสีของสารสกัดจากธรรมชาตินะคะ

neem tex 1

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ซึมไวไม่เหนอะหนะค่ะ

neem tex 2

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 6 นะคะ ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

neem pH

ส่วนวันนี้ตัวพระเอก ที่นำมาวิเคราะห์ส่วนผสมจะเป็นเจ้า Neem multiplant brightening serum ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สผส multiplant

มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันดีกว่านะคะ วันนี้ขอมาแบบจัดเต็มเลยค่ะ

ถ้าเราพิจารณากันจะพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ

  1. Actives คือ สารบำรุง เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี รวมไปถึงมีประโยชน์ทางชีวภาพ
  2. Base คือ เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle
  3. Additive คือ สารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ และมีความปลอดภัย

 

รายละเอียดส่วนผสมแต่ละตัว

  1. Actives หรือสารบำรุง วันนี้มี่ทำไว้ 3 เฉดสีค่ะ
  • ขอเปิดด้วยสีชมพู เป็นกลุ่มของสารที่ให้ประโยชน์ในเชิงด้าน Whitening ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดค่ะ
    • สารสกัดจากชะเอม มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ลดการสร้างเมลานินช่วยให้สีผิวจางลง และยังมีประโยชน์เป็น Antioxidant ( 2014; 19(7):9101-13.)
    • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ด้วย (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)
    • 3-Glyceryl ascorbate เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินซี ซึ่งปกติแล้ววิตามินซีมีคุณสมบัติในด้าน Whitening การชะลอวัย และเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิว ผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า วิตามินซีรูปแบบนี้มาในรูปแบบไม่มีประจุ (Non-ionic) ให้ผลเพิ่มความชุ่มชื้นได้ไปพร้อมๆกับการแสดงคุณสมบัติของวิตามินซี และมีข้อมูลความคงตัวที่ดี สามารถใช้ในผลิตภัณฑ์รูปแบบเจลใสได้ในความเข้มข้นสูง ตรงกันกับเซรั่มที่มาในความใสพอดี
    • N-Acetyl-D-Glucosamine นางเป็นอนุพันธ์ของน้ำตาลชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นองค์ประกอบของ Hyaluronic acid มีขนาดที่เล็กสามารถดูดซึมได้ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังโดยดูดน้ำเข้าหาตัว และสามารถยับยั้งการ Glycosylation เพื่อเปลี่ยน pro-tyrosinase ไม่ให้เป็น tyrosinase จึงไม่มีฤทธิ์สร้างเม็ดสี มีรายงานการวิจัยกล่าวว่าสามารถควบคุมการผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น (Int J Cosmet Sci. 2010;32(3):234.) มีข้อมูลสนับสนุนว่าเมื่อใช้ร่วมกับ Niacinamide จะมีประโยชน์ในการลดจุดด่างดำได้ดีขึ้น (Br J Dermatol. 2010;162(2):435-41.)
    • Diglucosyl gallic acid นางเป็นวัตถุดิบรางวัลระดับโลก มีชื่อทางการค้าว่า Brightenyl ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่าเป็นสารที่เรียกว่า Skin complexion optimizer ช่วยปรับสมดุลให้ผิวกระจ่างใส มีกลไกการออกฤทธิ์ที่สลับซับซ้อนโดยสาร Diglucosyl gallic acid จะถูกแปรสภาพโดยจุลินทรีย์เจ้าบ้าน (หรือ Normal flora) บริเวณผิวชั้นนอก ให้ได้เป็นสารออกฤทธิ์ที่ให้ผลลดการอักเสบ ลดการสร้างเม็ดสีผ่านการยับยั้ง Nitric oxide และ Diacylglycerol
    • Glutathione เป็นเปปไทด์ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด เป็น Antioxidant ที่ดี และเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้าง เมลานินชนิดสีอ่อน ที่มีชื่อว่า Pheomelanin
    • สารสกัดจากขมิ้นชัน (Curcuma longa root extract) เป็น Antioxidant และมีประโยชน์ในการเป็น Whitening ผ่านการยับยั้งการสร้างเม็ดสี
    • Paeonia albiflora root extract สารสกัดจากรากโบตั๋นมีรายงานว่าเป็น Whitening โดยผ่านการยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว
  • สีเขียว เป็นสารบำรุงอื่นๆ ได้แก่
    • น้ำจากดอก Witch hazel มีประโยชน์ในเชิงกระชับรูขุมขน ควบคุมความมัน
    • สารสกัดจากว่านหางจระเข้ มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
    • สารสกัดจากใบบัวบก บัวบกเป็นพืชที่มีรายงานถึงฤทธิ์ทางชีวภาพไว้ค่อนข้างมาก ฤทธิ์ทางชีวภาพของบัวบกได้แก่ ฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล เสริมการสังเคราะห์ของ Collagen และ Fibronectin ในผิว มีประโยชน์ในเชิงการกระชับผิว และดูแลริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย (Postepy Dermatol Alergol. 2013; 30(1):46-9.)
    • สารสกัดจากคาโมมายล์ และ ดาวเรือง มีประโยชน์ในเชิงการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
    • สารสกัดจาก Neem (Azadirachta indica leaf extract) ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารสกัดจากส่วนของใบ ประกอบด้วย azadirachtin, nimbin, nimbinin and nimbidin มีประโยชน์ในเชิงการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รา ลดการอักเสบระคายเคือง และเป็น Antioxidant (TDS Neem Leaf Extract-NS, The Garden of Naturalsolution)
  • สีฟ้า เป็นส่วนผสมของ Hyaluron 2 ชนิด มีประโยชน์ในเชิงการเพิ่มความชุ่มชื้น
  1. ส่วนของเนื้อหลัก หรือ Base มาในเบสแบบน้ำ ประกอบด้วย น้ำ และ Glycerin
  2. สารปรุงแต่งอื่นๆ หรือ Additives ได้แก่
    • สารกันเสีย ได้แก่ Phenoxyethanol และ Sodium benzoate

 

โดยสรุป ถือเป็นเซรั่มเบสน้ำ ที่ทำมาได้ค่อนข้างดี เสริมสารบำรุงหลายชนิด ให้ประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Whitening, Antioxidant ชะลอวัย ลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ความรู้สึกสบายผิว พร้อมทั้งดูแลเรื่องรูขุมขน และปัญหาสิวไปพร้อมๆกัน และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว นั่นคือเซรั่มสูตรนี้ ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ และซิลิโคน ค่ะ

 

มาให้คะแนนกันค่ะ

  1. สารบำรุง จากที่ได้กล่าวไปในด้านบน ถือว่ามาได้ค่อนข้างเต็ม และดูแลผิวได้ครบจบทุกปัญหา ให้ประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Whitening, Antioxidant ชะลอวัย ลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ความรู้สึกสบายผิว พร้อมทั้งดูแลเรื่องรูขุมขน และปัญหาสิวไปพร้อมๆกัน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตัวเซรั่มทำมาได้ค่อนข้างดีนะคะ เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนอะหนะ ทาแล้วสามารถลงสกินแคร์ในขั้นตอนอื่นได้เลยโดยไม่ต้องเว้นช่วง ในด้านของผลในเชิงไวท์เทนนิ่ง ส่วนตัวมี่ลองใช้ประมาณ 2 อาทิตย์ อาจจะยังฟันธงในด้านประสิทธิภาพไม่ได้ แต่ก็ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงในทางทีดีขึ้นค่ะ เรื่องของความนุ่มผิว แต่งหน้าได้ติดทน และรองพื้นตกร่องน้อยลง รอยด่างดำดูจางลงในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นที่น่าพอใจค่ะ แต่สำหรับคนผิวแห้ง อาจจะรู้สึกว่าแห้งตึงไปนิดหน่อย ต้องหาผลิตภัณฑ์อื่นมาทาทับเสริมอีกชั้นหนึ่ง หรือ อย่างถ้าเสริมเจ้าตัวเซรั่ม SOS skin hydrating ที่มาในเซ็ตเพิ่มมาอีกชิ้น เรื่องปัญหาความแห้งก็จะน้อยลง ด้วยความที่นางมีส่วนผสมของสารสกัดจากหลายชนิดที่เข้ามาดูแลผิวและเสริมกันกับ Multiplant ได้อย่างลงตัว ซึ่งจะเอามารีวิวให้ได้ชมกันในโอกาสต่อไปนะคะ ส่วนในคนผิวมันไม่น่ามีปัญหาค่ะ จุดนี้ขอให้ไป 4 ฟลาสก์

 

คะแนน ne

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Neem ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Neem โดยตรงเลยนะคะ

Facebook : Neemthailand (https://www.facebook.com/NeemThailand/)

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Neem การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม โทนเนอร์สูตรน้ำสำหรับบำรุงผิวหน้า ดูแลปัญหาสิว จากแบรนด์ Scitifique กับเจ้า Acne clarifying Hydrolotion

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์ดีๆจากแบรนด์ Scitifique เจ้าเก่ามาฝากกันนะคะ

แบรนด์ Scitifique นี้เป็นเวชสำอางแบรนด์ไทยที่คิดค้นและพัฒนาสูตรโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยระดับปริญญาเอกตามกระบวนการคิดและหลักการทางวิทยาศาสตร์ (scientific) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ ส่วนผสมที่ใช้ต้องมีงานวิจัยรองรับและมีความปลอดภัยสูง

มี่เคยอัพรีวิวเซรั่ม Whitening ของเขาไว้ ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

https://cosmeknowledge.wordpress.com/2017/07/09/scitifiquewhite/

ขอดึงรูปเก่ามาย้อนอดีตนิดนึง

sci 7

ช่วงนี้มี่ไปได้สินค้าใหม่ของเขา คือ Acne clarifying Hydrolotion ซึ่งเป็นโทนเนอร์สูตรน้ำสำหรับบำรุงผิวหน้า ที่มีส่วนช่วยลดปัญหาผิวมัน และลดการเกิดสิว ด้วยทฤษฎีการเสริม Probiotic ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ดีเข้าเพื่อบำรุงผิว พร้อมเสริมสารที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบและให้ความรู้สึกสบายผิว และมีน้ำมัน Tea tree ที่มีประโยชน์ในการลดเชื้อสิว

หน้าตาของนางเป็นแบบนี้ค่ะ

sci 1

ในไลน์นี้ทางแบรนด์ทำมาด้วยกัน 2 ขนาด คือ ขนาดทดลอง 20 ml และขนาดปกติ 60 ml ค่ะ

 

ตัวนี้จะเป็นขนาด 60 ml นะคะ

sci 2

ด้านในเป็นจุกรูแบบหยดๆ สามารถหยดใส่สำลีได้สะดวก

 

ส่วนตัวนี้จะเป็นขนาดทดลอง 20 ml ค่ะ

sci 3

 

ตัวโทนเนอร์เป็นแบบน้ำใส สมชื่อ Hydrolotion มีกลิ่นจางๆของ Tea tree oil

sci 4

เช็ดแล้วแห้งสนิท สบายผิว ไม่เหนอะหนะหนักผิว

sci 5

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 4 – 5 ค่ะ

sci 8

ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส scitifique

ก่อนไปดูส่วนผสม อยากเล่าให้ฟังถึงสาเหตุของสิวก่อนนะคะ

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางเชื่อว่า สิวเป็นภาวะที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ และมีหลายปัจจัยเข้าร่วมค่ะ ดังนั้นการดูแลสิว จึงควรดูแลให้ครบทุกปัจจัย กำจัดทุกสาเหตุค่ะ

สาเหตุการเกิดสิว มีทั้งหมด 4 ประการ ได้แก่

  • สภาวะที่ต่อมไขมันแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากเกินไป และสร้างไขมัน Sebum ออกมามากเกินไป
  • เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนแบ่งตัวออกมามากเกินไปจนผลัดทิ้งไปไม่ทัน หรือ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปแบบผิดรูปแบบ ทำให้การผลัดผิวเกิดได้ยาก จนทำให้เกิดการอุดตันขึ้นมาในรูขุมขน
  • เชื้อจุลินทรีย์ Propionibacterium acnes หรือ P. acnes นางเป็นตัวหลักในการเกิดสิว และการอักเสบต่างๆ ส่วนตัวรองๆอย่าง Staphylococcus aureus นั้นสามารถทำให้เกิดหนองได้
  • การอักเสบและปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันภายในรูขุมขน

 

ดังนั้นการดูแลปัญหาสิว ควรดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ครอบคลุมทั้ง 4 กลไก ได้แก่

  • ควบคุมความมัน
  • เสริมการผลัดผิว
  • ลดเชื้อจุลินทรีย์
  • ลดการอักเสบ

 

ในด้านการลดเชื้อจุลินทรีย์ ตอนนี้เทรนด์ใหม่ของตลาดเครื่องสำอางคือการเสริมพวก Normal flora คือจุลินทรีย์เจ้าบ้านที่อาศัยอยู่บนผิว พวกนี้เป็นจุลินทรีย์ที่ดี ไม่ก่อโรคในคนที่มีสุขภาพดี นางจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง และช่วยควบคุมประชากรของจุลินทรีย์ที่ไม่ดีไม่ให้มากเกินไปจนก่อโรคได้

 

มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันดีกว่านะคะ วันนี้ขอมาแบบจัดเต็มเลยค่ะ

ถ้าเราพิจารณากันจะพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ

  1. Actives คือ สารบำรุง เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี รวมไปถึงมีประโยชน์ทางชีวภาพ
  2. Base คือ เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle
  3. Additive คือ สารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ และมีความปลอดภัย

 

รายละเอียดส่วนผสมแต่ละตัว

  1. Actives หรือสารบำรุง วันนี้มี่ทำไว้ 3 เฉดสีค่ะ
  • สีฟ้า Lactobacillus ferment เป็นสารที่ได้จากเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ Lactobacillus ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ Probiotic ที่มีประโยชน์กับร่างกาย ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า ระหว่างการหมักจุลินทรีย์จะมีการเปลี่ยนโครงสร้าง (Biotransformation) กรดไขมันสายชั้นๆที่มีชื่อว่า Undecylenic acid เป็นอนุพันธ์ของ Undecylenates ที่ละลายน้ำได้ เจ้าสารตัวนี้เองที่มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ดีอื่นๆ รวมไปถึงเชื้อรา ยีสต์บางชนิดได้ นอกจากนี้อนุพันธ์ที่ละลายน้ำได้ของ Undecylenates ยังมีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ไปพร้อมๆกัน
    นอกจากนี้การหมักด้วย Lactobacillus จะได้กรด Lactic acid ออกมาด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อีกทาง

ซึ่งการหมักพวกนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งอาหารของเชื้อด้วย เช่น การเปลี่ยนอาหารที่เอามาหมัก หรือการเปลี่ยนสายพันธ์ของเชื้อที่เอามาหมัก ก็จะได้สารที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปและส่วนมากก็จะเป็นความลับของผู้ผลิตวัตถุดิบที่เขาปิดบังตรงนี้ กันคนมาก๊อปสูตร

การทดสอบในระดับหลอดทดลองพบว่า ส่วนของน้ำ หรือ Medium ที่แยกออกมาจากการหมัก Lactobacillus helveticus NF8 ที่ใช้นมเป็นอาหารเลี้ยงเชื้อ สามารถปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลายด้วยรังสี UVB และป้องกันไม่ให้เซลล์สร้างเม็ดสีสร้างเม็ดสีออกมามากเกินไปเมื่อสัมผัสรังสี UVB Z(J Appl Microbiol. 2017 Aug;123(2):511-523.)

มีบทความทางวิชาการกล่าวว่า การเสริมจุลินทรีย์ Lactobacillus ซึ่งเป็น probiotic ให้ผลดีในการลดการเกิดสิว และโรคผิวหนัง Atopic dermatitis ได้ (Int J Dermatol. 2018 Apr 20. doi: 10.1111/ijd.13972.) แต่อาจจะไม่ได้ตรงกับวัตถุดิบตัวนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าน่าจะต้องผ่านกรรมวิธีการสกัดออกมา ก็จะเหลือแค่โครงสร้างและสารอาหารที่เชื้อสร้างไว้ ซึ่งมีประโยชน์กับผิวเหมือนกัน แต่อาจจะคนละแบบ ซึ่งจุดนี้ก็พอจะมีรายงานอยู่ว่า เมื่อให้ Lactobacillus ที่ผ่านกรรมวิธีทำลายเชื้อด้วยความร้อน (Heat-killed lactobacillus) ลงไปในผิวหนังสังเคราะห์ พบว่ามีผลทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ดี Staphylococcus aureus ซึ่งเป็นตัวการหนึ่งในการทำให้เกิดหนอง เกาะผิวได้น้อยลง จึงมีโอกาสเกิดสิวหนองได้ลดลง และยังมีผลกระตุ้นให้ผิวสร้างเปปไทด์ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อตามธรรมชาติออกมามากขึ้น จึงเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดสิวได้ง่าย (Exp Dermatol. 2018 Jan 30. doi: 10.1111/exd.13504.) ซึ่งให้ผลในทำนองเดียวกับการทดสอบประสิทธิภาพของตำรับโลชั่นที่มี Lactobacillus ที่ผ่านการฆ่าด้วยความร้อน (Heat-killed) ในอาสาสมัครที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ Atopic dermatitis พบว่าให้ผลลดจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ Staphylococcus aureus บนผิวได้ และมีอาการอักเสบของผิวที่ลดลง (Clin Cosmet Investig Dermatol. 2017 Jul 3;10:249-257.) การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่า

  • สีเขียว น้ำมันหอมระเหยจาก Tea tree เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อก่อสิว มีการศึกษาทางคลินิกรองรับถึงประสิทธิภาพ แต่ใช้ในความเข้มข้น 5% พบว่าให้ผลดีในการลดจำนวนและความรุนแรงของสิวในอาสาสมัคร (Indian J Dermatol Venereol Leprol. 2007;73(1):22-5.)
  • สีชมพู เป็นกลุ่มของสารบำรุงที่มีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) ได้แก่
    • Rose water เป็นน้ำที่เหลือจากการกลั่นน้ำมันกุหลาบ ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นน้ำกลั่นจากกุหลาบออร์แกนิก มีประโยชน์ในการลดการอักเสบ ระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น ตัวข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าสามารถเสริมการผลัดเซลล์ผิว จึงมีประโยชน์เสริมในการลดการอุดตันของรูขุมขน
    • สารสกัดจากว่านหางจระเข้ มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบและระคายเคือง รวมไปถึงมีรายงานการวิจัยกล่าวว่าสาร Aloin ที่พบในใบสามารถออกฤทธิ์เป็นสารช่วยให้ผิวขาวได้โดยไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ Melanin aggregation ทำให้สีผิวจางลง (Planta Med. 2012; 78(8):767-71.) การทดสอบในระดับหลอดทดลองพบว่าสารสกัดจากใบว่านหางจระเข้สามารถลดการอักเสบในผิวผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Phospholipase A2 เช่นเดียวกับสารในกลุ่ม Corticosteroid (Lipids Health Dis. 2011;10:30.)
    • Allantoin มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคืองเช่นกัน
  1. Base หรือ เนื้อหลัก มาในเบสแบบน้ำ ประกอบด้วยน้ำ
  2. Additives หรือ สารปรุงแต่ง มีอยู่เท่าที่จำเป็น คือ
    • สารกันเสีย คือ Phenoxyethanol

 

ในภาพรวมถือว่าเป็นโทนเนอร์เบสน้ำที่ทำมาได้ดี ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมัน และซิลิโคน เสริมสารบำรุงที่มีประโยชน์ในการลดเชื้อก่อสิว และลดการอักเสบระคายเคือง รวมไปถึงการลดรอยดำ จากคุณสมบัติ Whitening ของ สารสกัดว่านหางจระเข้ ลดรอยแดงจากสารบำรุงที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ

 

ให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. ส่วนผสม ถ้าพิจารณาตามกลไกในการเกิดสิว ตัวนี้ยัง Target เรื่องสิวได้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบปาเป้าร้อยเปอร์เซ็นต์นัก แต่ก็ถือว่าทำมาได้ดี ด้วยคอนเซปท์ การเสริม Probitoic เข้ามาเพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรง สารบำรุงที่ช่วยลดการอักเสบระคายเคืองจะช่วยปลอบประโลมผิว (Soothing effect) ให้เรารู้สึกสบายผิว คนมีสิวไม่ควรจะเจออะไรที่รุนแรงไปอีก เพราะลำพังแค่ยารักษาสิวที่เอามาใช้ก็ทำร้ายผิวในระดับหนึ่งแล้ว คนที่มีผิวแห้งก็สามารถใช้ได้ ไม่ได้หนักหรือแห้งตึงอะไร คนที่ไม่ได้เป็นสิวก็สามารถใช้ได้เพราะมีประโยชน์ด้าน Soothing effect ตัวโทนเนอร์ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมัน และซิลิโคน และมีสารส่วนผสมอยู่เท่าที่จำเป็นตามคอนเซปท์ ‘Simple is the best’ จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ย่างเข้าหน้าร้อนแล้วส่วนตัวมี่มีผิวผสมค่อนข้างแห้ง จะมันก็แค่จมูกในช่วงบ่ายๆ สามารถใช้โทนเนอร์ตัวนี้ได้เลยในขั้นตอนแรกหลังการล้างหน้า และบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆต่อไป สิ่งที่ได้คือเรื่องความรู้สึกสบายผิว เรื่องการควบคุมความมันบริเวณ T-zone ทำมาได้ดีค่ะ ส่วนบริเวณแก้มซึ่งปกติแห้งอยู่แล้วก็ไม่ได้แห้งมากเว่อร์เกินไปเหมือนโดนพวก Witch hazel ส่วนเรื่องสิวช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหาสิวเลยยังบอกไม่ได้ เอาขวดเล็กไปให้หลานลอง หลานก็บอกว่าดี นางบอกว่าตอนนางใช้ไปราวๆ อาทิตย์หนึ่งก็รู้สึกว่ามีสิวอักเสบใหม่เกิดขึ้นน้อยลง จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน sci

สำหรับสนนราคาก็ตกอยู่ที่ ขวดเล็ก 20 ml 250 บาท ส่วนขวดใหญ่ 60 ml 680 บาท คิดเป็นราคา 11.33 บาท/ml

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Scitifique ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scitifique โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/scitifique/

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scitifique การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม] เจลล้างหน้าสุดไฮเทค สูตรอ่อนโยน เพื่อผิวคนเป็นสิวโดยเฉพาะ Acnelix time released acne cleansing gel

สวัสดีค่ะ

มี่เชื่อว่าการล้างหน้า เป็นขั้นตอนหนึ่งที่คนที่มีปัญหาสิวมักมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อคนเป็นสิว หรือ การที่ผลิตภัณฑ์ล้างหน้ามักถูกมองข้ามไป มี่อยากจะบอกว่าจริงๆการล้างหน้าเป็นอีก 1 ส่วนที่สำคัญของระบบในการดูแลปัญหาสิวเลยก็ว่าได้ หัวใจของการมีผิวที่ดีก็คือการล้างหน้าให้สะอาด แต่อย่างไหนเรียกว่าสะอาด สะอาดคือแค่ไหน หลายๆคนก็จะรับรู้ตรงนี้ไม่เท่ากัน

 

วันนี้จริงๆมี่มีผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อคนเป็นสิวตัวนึงที่มี่ว่าเค้าทำมาได้ดี และเหมาะกับคนเป็นสิวจริงๆ แต่ไหนๆก็พูดถึงเรื่องการล้างหน้าในคนเป็นสิวแล้ว ก็อยากเล่าความรู้ให้ลูกเพจได้ฟัง จะได้เอาไปเลือกด้วยว่า สรุปแล้วคนเป็นสิวต้องการเจลล้างหน้าแบบไหนกันแน่

 

ต้องเกริ่นก่อนว่าจริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องเลยที่ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก็ควรจะล้างหน้าได้สะอาด แต่ข้อเสียของผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก็คือ มันมักสร้างความระคายเคืองให้ผิวโดยไม่รู้ตัว คือ ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนี่มันจะมีสารลดแรงตึงผิว หรือ Surfactant เป็นพระเอกค่ะ เจ้า Surfactant นี่แหละที่เป็นตัวทำความสะอาดผิวของเรา โดยนางจะไปดึงเอาไขมันที่ต่อมไขมันสร้างออกมา หรือ Sebum กับสิ่งสกปรกต่างๆที่เจ้า Sebum มันจับไว้ออกมา นี่แหละเรียกว่าสะอาด แต่ข้อเสียก็คือ Surfactant นางแยกไม่ออกหรอก ว่าอันไหนคือ Sebum อันไหนคือไขมันดีๆที่เป็น Barrier หรือ เกราะป้องกันของผิว มันดึงออกมาหมดค่ะ ดังนั้นยิ่ง Surfactant ที่มีความรุนแรง นางก็จะขจัดเอาไขมันออกมา เอา Barrier ผิวออกมา ทำให้ผิวเราบอบบางโดยไม่รู้ตัว พอ Barrier ผิวเราเสีย สารดีๆในผิว รวมทั้งความชุ่มชื้นก็จะหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น ทำให้ผิวแห้งแดงลอก และยังทำให้สารก่อการระคายเคือง ก่อการแพ้ รวมถึงพวกจุลินทรีย์เข้าผิวได้ง่ายขึ้นอีก  อย่างกรณีของผิวของคนที่เป็นสิวจะมีอาการอักเสบในตัวอยู่แล้ว และยังต้องมาสัมผัสกับยาสิวอีก ซึ่งยาทาสิวส่วนใหญ่ก็มีความระคายเคืองในตัวของมันเอง จะมาใช้ตัวล้างหน้าที่ใส่ Surfactant แรงๆหน้าก็จะยิ่งระคายเคือง พอรวมกับยาสิว หน้าก็ยิ่งไวต่อการระคายเคืองเข้าไปใหญ่

 

อีกสิ่งหนึ่งที่คนมักเข้าใจผิดคือยิ่งฟองเยอะยิ่งสะอาด อันนี้ไม่จริงเลยค่ะ อาจจะต้องเข้าใจใหม่ว่า ฟองกับความสะอาดไม่ได้ไปด้วยกัน ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนหลายๆตัวมักมีฟองน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่สะอาดนะคะ แต่คนไทยติดฟองค่ะ มี่เองก็ติดฟอง เอาจริงคือฟองนี่ต้องสร้างมาจากสาร Surfactant ที่บางตัวอาจจะเหนี่ยวนำให้เกิดความระคายเคืองได้

ถ้าเวลาเรามีสิวอักเสบนี่ เราควรจะเลี่ยงพวกสครับเด็ดขาดเลย บางคนเข้าใจว่ามันจะไปช่วยขุดสิวเสี้ยนสิวอุดตันออกมาซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย นางจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบมากขึ้นด้วย

 

ว่าแล้วก็เข้าเรื่องกันเลย วันนี้ก็เลยอยากเอาเจลล้างหน้าสําหรับผิวที่เป็นสิว ตัวที่มี่คิดว่าค่อนข้างครบ แล้วเป็นตัวที่น่าสนใจตัวหนึ่งสำหรับคนเป็นสิว

 

เป็นเจลล้างหน้าจากแบรนด์ Acnelix จริงๆแบรนด์ acnelix เค้าเป็นแบรนด์ที่แตกออกมาจากแบรนด์แม่คือ KENE  แบรนด์ที่มี่เคยรีวิวเซรั่มวิตามินซี Brigthage C ของเขาไปเมื่อหลายวันก่อนค่ะ ว่าแล้วก็ขอแปะลิงค์ค่ะ เผื่อใครยังไม่ทันได้ไปโฉบดู (>>ลิงค์<<)

ซึ่งตัว Acnelix ก็เป็นแบรนด์ที่ทำขึ้นมาเพื่อตอบสนองคนเป็นสิวโดยเฉพาะ โดยนางเคลมว่าเน้นดูแลปัญหาสิวแบบถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ เดี๋ยวมาดูกันอีกทีนะคะ

สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีชื่อว่า Acnelix Time-Released Acne Cleansing Gel นะคะ

ac 8.jpg

ที่บนหลอดเราจะเห็นคําว่า Time released Acne cleansing gel กับ Encapsulation technology อยู่ค่ะ อันนี้เป็นเทคโนโลยีที่นําเข้าจากอเมริกาเลยทีเดียว เดี๋ยวมี่นํามาเล่าให้ฟังอีกทีในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

ac 3

โดยทางแบรนด์เคลมว่าได้รวมคุณสมบัติที่คนเป็นสิวต้องการ 3 ข้อคือ สะอาด อ่อนโยน และช่วยจัดการและดูแลปัญหาสิวด้วยไปพร้อมๆกัน เรียกได้ว่ามากันครบถ้วนครบจบสิ่งที่คนเป็นสิวต้องการจริงๆ

เรื่องสะอาดคือเท่าที่มี่ลองใช้มันก็สะอาดจริงๆ สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน ล้างกันแดด แต่คนที่แต่งหน้า ก็ใช้ พวก Cleansing water หรือ oil ตามปกติก่อนมาล้างน้ำซ้ำด้วยตัวนี้ค่ะ

ทีนี้แบบไหนเรียกอ่อนโยน อ่อนโยนเรียกแบบไหน ลองสังเกตจากส่วนผสมและคำ Claim นะคะ

  1. ควรเป็นสูตรแบบ soap-free สารทำความสะอาดกลุ่ม Soap นี่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างกรดไขมัน กับด่าง ได้เป็นเกลือของกรดไขมัน เกลือนี่แหล่ะเรียกว่า Soap ด้วยความที่นางมีค่า pH ที่ค่อนข้างสูงนางจะทำให้โปรตีน Keratin บนผิวพองและเกิดผิวแห้งระคายเคืองได้ง่าย รวมถึงนางอาจจะไปขจัดเอา Barrier ผิวออกมาด้วย
  2. ไม่ควรมี SLS หรือ sodium lauryl sulfate สารตัวนี้เป็นสารที่ระคายเคืองมาก ไม่ควรมีเลย แม้จะเป็นอาบน้ำ ใช้กับเรือนร่าง ก็ไม่ควรเจอ ในทางผิวหนังเราใช้เป็นตัวแทนของสารที่ระคายเคืองผิวในงานวิจัยเลยด้วยซ้ำ ส่วนกรณี SLES หรือ sodium laureth sulfate นางอ่อนโยนกว่า SLS แหล่ะ แต่ถ้าถามว่ามีตัวที่อ่อนโยนกว่าไหม ก็มีค่ะ แต่ด้วยความที่นางให้ฟองเยอะ นางก็เลยได้ใจเราไปเต็มๆ
  3. ค่า pH ควรใกล้เคียงกับผิว สังเกตจากคำว่า pH-balance หลายๆตัวชอบใช้คำนี้มา Claim ค่ะ เวลาเราใช้อะไรที่มีการปรับค่า pH ให้ใกล้เคียงผิว มันก็จะรบกวนผิวได้น้อยค่ะ จริงอยู่ที่ผิวเรามีระบบ Buffer ตามธรรมชาติในการปรับค่า pH ให้สู่สมดุล แต่กรณีในคนที่เป็นโรคผิวหนังบางชนิด ระบบ Buffer ของผิวทำงานไม่ค่อยดี ทำให้เกิดความระคายเคืองได้ง่ายนั่นเอง
  4. น้ำหอม อันนี้นานาจิตตังนะคะ น้ำหอมเป็นสาเหตุต้นๆในการแพ้เครื่องสำอาง ถ้าใครแพ้ง่ายมากๆ หันมามองพวก Fragrance-free ก็จะดี

 

สำหรับเรื่องความอ่อนโยน สูตรของ Acnelix เป็นสูตรที่มี่ถือว่าทำได้ครบด้านความอ่อนโยนคือไม่มีสบู่ ไม่มี SLS, SLES มีค่า pH สมดุลกับผิว ไม่มีน้ำหอม แล้วก็ไม่มีสารกันเสียกลุ่ม Imidazolidinyl urea ที่บางคนอาจจะแพ้แล้วเกิดผิวหนังอักเสบได้ สำหรับความอ่อนโยน มี่เลยถือว่าสอบผ่านค่ะ

เรื่องสุดท้ายคือเรื่องจัดการสิว หลายๆคนคงเคยเห็นว่าผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อคนเป็นสิวส่วนมาก ก็เคลมกันว่าช่วยจัดการแบคทีเรีย ช่วยจัดการสิว แต่ในความเป็นจริงคือ เจลล้างหน้าที่อยู่บนหน้าไม่ถึง 2 นาที มันจะออกฤทธิ์ได้นานแค่ไหนกันเชียว ซึ่งมันก็เป็นความจริงค่ะ ปกติมี่จะไม่หวังอะไรจากเจลล้างหน้านอกจากการทำความสะอาด เพราะส่วนผสมที่สัมผัสหน้าไม่ถึงนาทีสองนาที มันจะไปช่วยอะไรได้ถูกไหมค่ะ ดังนั้นปกติถึงจะใส่อะไรมามี่ก็ไม่ค่อยคาดหวังอะไรเท่าไหร่ แต่มีก็ดีกว่าไม่มีนะคะ

แต่ตัวนี้นางจะแอบเด่นเรื่องของ Time-released คือใช้เทคโนโลยีเก็บกักเอา Salicylic acid ไว้ในเปลือกแคปซูล ที่เรียกว่า การทำ Encapsulation จึงมีผลทำให้ salicylic acid มันยังทำงานได้อยู่ แคปซูลพวกนี้พอลงผิวมันก็จะค่อยๆปลดปล่อย Salicylic acid ออกมา เลยเรียกว่า Time-released แม้เราจะล้างตัวเจลอออกไปแล้ว ตัวนี้มันเป็นข้อดีเพราะ ทำให้ทุกการล้างหน้าของเรามันได้อะไรมากกว่าการทำความสะอาด แต่เหมือนลดอุดตัน ลดอักเสบไปในตัว แน่นอนว่ามันคงไม่เท่าการทาบำรุง แต่ก็ดีกว่าการล้างทิ้งออกไป

เดี๋ยวพูดถึงประโยชน์ของ Salicylic acid อีกรอบในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

ที่ด้านหลังของหลอดจะมีคำอธิบายอยู่ด้วยค่ะ

ac 2

เนื้อเจลเป็นแบบใสค่ะ ไม่มีกลิ่น เพราะทางแบรนด์ไม่ได้ใส่น้ำหอมค่ะ

ac 4

เป็นเจลแบบไม่มีฟองนะคะ

ac 7

เกลี่ยได้ง่าย ลื่น ล้างแล้วรู้สึกนุ่มสบายไม่แห้งตึง

ค่า pH ของเจลเปล่าๆอยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

ac 6

ละลายน้ำแล้ว ค่า pH ขึ้นมานิดนึงอยู่ที่ 6

ac 5

ก็ยังใกล้เคียงกับผิวอยู่ค่ะ

 

 

สำหรับส่วนผสมเรียกได้ว่าค่อนข้างมาเต็มนะคะ ถึงจะเป็น Cleansing แต่ก็ดีงามและมากันอย่างแน่นหนาไม่แพ้สกินแคร์เลยทีเดียว

ส่วนผสมค่ะ

สผส acnelix

ส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้ 3 เฉดสีนะคะ คือ สีม่วง เป็นสารทำความสะอาด สีเขียว เป็นสารบำรุง และ สีฟ้า คือ วัตถุดิบพระเอกของเรา เจ้า Salicylic acid ที่เก็บกักในแคปซูล อย่าง Salsphere นั่นเองค่ะ

วันนี้เรามารีวิวกันแบบละเอียด แจงจัดหนักทุกส่วนผสมเลยนะคะ

ถ้าเราพิจารณากันจะพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ

  1. Actives คือ สารบำรุง เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี รวมไปถึงมีประโยชน์ทางชีวภาพ
  2. Base คือ เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle มี่จะจัดเอาสารทำความสะอาดเข้ามาอยู่ใน Base นะคะ
  3. Additive คือ สารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ และมีความปลอดภัย

 

  1. สารบำรุง มีอยู่ด้วยกันค่อนข้างมากค่ะ ได้แก่
  • สีฟ้า ส่วนผสมของ Cocamidopropyl Dimethylamine (and) Salicylic Acid (and) Aqua (and) Polysorbate 80 (and) Phenoxyethanol (and) Ethylhexylglycerin (and) Carthamus Tinctorius (Safflower) Seed Oil (and) Olea Europaea (Olive) Fruit Oil คือวัตถุดิบ SalsphereTM salicylic acid ที่นำเข้าจากบริษัท Salvona Technologies Inc. อเมริกา เป็นวัตถุดิบที่เก็บกักเอา Salicylic acid ที่เป็น BHA ไว้ในเปลือกแคปซูลที่มีชื่อว่า Salsphere ค่ะ ทางแบรนด์จัดมาเต็มที่ความเข้มข้น 3.3% ให้ Salicylic acid เนื้อแท้ในความเข้มข้นที่อยู่ในช่วงที่มีประโยชน์ในการดูแลสิวค่ะ

คส sal.jpg

(ที่มา: Salvona Technologies Inc.)

 

เจ้าลูกแคปซูลนี้พอลงผิวเข้าไป นางก็จะค่อยๆปลดปล่อยเอา Salicylic acid ออกมา ให้ผลลดการอุดตัน ลดการอักเสบ จึงช่วยให้อาการของสิวดีขึ้นค่ะ

sal 2.jpg

(ที่มา: Salvona Technologies Inc.)

 

นวัตกรรม Salsphere นี้นอกจากจะช่วยเพิ่มการนำส่งสาร Salicylic acid เข้าไปที่บริเวณสิวแล้ว ยังช่วยลดความระคายเคืองที่เกิดขึ้นได้ดีกว่า การใช้ Salicylic acid แบบตัวดั้งเดิม

sal vs pH

(ที่มา: Salvona Technologies Inc.)

 

จากรูปจะเห็นว่าถ้าทา Salicylic acid ตัวดั้งเดิมลงไปบนผิว จะทำให้ค่า pH ของผิวตกลงไปชั่วคราว ซึ่งเขาบอกว่า จุดที่ค่า pH ของผิวตกลงไปต่ำกว่า 4.5 จะทำให้เกิดการระคายเคือง แต่ถ้าทา Salsphere ค่า pH ของผิวจะไม่ตกลงไปต่ำจนเกิดความรู้สึกระคายเคือง

 

ถึงแม้จะเป็นแค่ Cleansing ทางบริษัทผู้ผลิต Salsphere ก็ได้ทำการทดสอบแล้วพบว่า สามารถเพิ่มการสะสมตัวของ Salicylic acid บนผิวหนังได้ดีกว่าการใช้ salicylic acid รูปแบบดั้งเดิม

sal accu

(ที่มา: Salvona Technologies Inc.)

 

จากกราฟ เป็นข้อมูลที่บริษัทได้ตรวจสอบปริมาณของ Salicylic acid ที่สะสมตัวบนผิวหนังจากผลิตภัณฑ์ประเภท Cleansing พบว่ากรณีที่ใช้ Salsphere จะมีการสะสมตัวของ Salicylic acid ได้ดีกว่าแบบปกติ

 

  • สีเขียว เป็นสารบำรุงอื่นๆ
    • กลุ่มของสารสกัดจากพืช ได้แก่
      • น้ำคั้นจากว่านหางจระเข้ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง
      • สารสกัดจากชาเขียว เป็น Antioxidant และมีคุณสมบัติกระชับรูขุมขน ควบคุมความมัน เพราะมีสารกลุ่ม Tannin ที่มีรสฝาดเป็นองค์ประกอบ
      • สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่ชื่อ Bisabolol มีคุณสมบัติลดการอักเสบ ระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
      • สารสกัดจากแอปเปิ้ล ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ประกอบด้วยสารในกลุ่ม AHA ที่ชื่อ Malic acid ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และผลัดผิวอย่างอ่อนโยน
      • Propolis wax เป็นส่วนของพังกาวที่ได้จากรังผึ้ง มีคุณสมบัติฆ่าเชื้ออย่างอ่อนๆ มีประโยชน์ต่อด้านสิว
    • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ด้วย (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261) มีการทดสอบเชิงคลินิกพบว่า Niacinamide ที่ความเข้มข้น 4% มีประสิทธิภาพเทียบเท่า Clindamycin ในการรักษาสิว (Int J Dermatol. 2013;52(8):999-1004.)
    • Sodium PCA จัดเป็นสารที่เรียกว่า Natural moisturizing factor หรือ NMF ที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว
    • Zinc PCA เป็นสารลูกผสมของแร่ธาตุ Zinc กับ PCA ที่เป็น NMF ปกติ Zinc เป็นแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน และเป็นองค์ประกอบของเอนไซม์บางชนิดในผิว ช่วยให้ผิวทำงานได้อย่างสมดุล สำหรับ Zinc PCA มีรายงานการวิจัยกล่าวว่า Zinc PCA ช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสี UVA ได้ โดยไปกดการสร้างเอนไซม์ MMP-1 ที่ เป็นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนในผิวทำให้เกิดความหย่อนยานและริ้วรอย (Int J Cosmet Sci. 2012; 34(1):23-8.)
    • Tocopherol คือ วิตามินอี เป็น Antioxidant

 

2. Base หรือส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ ขอเอาสารทำความสะอาดมาใส่ไว้ในนี้นะคะ

  • สารทำความสะอาดที่ใช้ ได้แก่ Decyl glucoside เป็นสารทำความสะอาดหลัก สารตัวนี้เป็นสารทำความสะอาดชนิดที่ไม่มีประจุ มีความสามารถในการทำความสะอาดที่ดี และมีความอ่อนโยนต่อผิวดี ร่วมกับสารทำความสะอาดอื่นๆ คือ Cocamidopropyl betaine, PEG-40 hydrogenated castor oil, Laureth-9, Trideceth-7 ซึ่งมีความอ่อนโยนกันหมด

– เสริมมาด้วย Polyquaternium-7 ที่จะช่วยเคลือบผิว ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ไม่แห้งตึง

  • ส่วนผสม Base อื่น เป็นส่วนของสารกลุ่มน้ำ และสารอื่นที่ละลายได้ในน้ำ

 

3. Additives เป็นพวกสารปรุงแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีลักษณะที่ดี เช่น

  • สารเพิ่มความหนืด คือ Acrylates/C10-30 alkyl acrylate crosspolymer กับ Hydroxyethylcellulose
  • สารกันเสีย และสารเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย ได้แก่ Sodium benzoate, Ethylhexylglycerin, Caprylyl glycol, p-Anisic acid, Potassium sorbate และ สารจับอิออนโลหะ Disodium EDTA

 

โดยรวมคือไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

 

แวะสรุปอีกสักครั้งก่อนไปให้คะแนนนะคะ

เจลล้างหน้า Acnelix เป็นเจลล้างหน้าเบสน้ำ ที่ใช้สารทำความสะอาดที่ทำความสะอาดได้ล้ำลึก แต่ก็ยังมีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคืองผิวที่เป็นสิว ส่วนนี้เป็นสิ่งที่เจลล้างหน้าที่ดีควรมีเลยค่ะ คือคุณจะมีสารบำรุงอะไรยังไงก็ช่าง แต่คุณต้องสะอาดและอ่อนโยนก่อน ซึ่งจุดนี้ Acnelix ถือว่าทำได้ จุดที่แตกต่างอีกจุดของ Acnelix ก็คือการใช้นวัตกรรม encapsulated salicylic acid ที่ช่วยปลดปล่อย Salicylic acid ออกมาทีละน้อยๆ แม้จะเป็นแค่ Cleansing แต่ก็ให้ประโยชน์กับผิวได้เหมือนทา Skincare มันทำให้เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนนี้มัน เหมาะกับคนเป็นสิวจริงๆ ช่วยลดสิว ป้องกันสิวได้ด้วยไม่ได้ทำความสะอาดอย่างเดียว แล้วปกติพวก time-released salicylic acid มันมักอยู่ในเซรั่มที่ราคาค่อนข้างสูง ปริมาณกรุบกริบนิดหน่อย ก็ราคาเป็นพัน แต่ตัวนี้เอามาทำเป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าในราคา 300 กว่าบาท ก็ถือว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ไม่เว่อร์วังน่าถอยมาลองใช้ซักหลอด

ถ้าถามว่าวิเคราะห์มาดีงามขนาดนี้ เอามาแทนยาสิวเลยดีไหม มี่ตอบได้เลยว่าไม่ได้เนอะ เครื่องสำอางก็คือเครื่องสำอาง แค่ช่วยส่งเสริมและดูแลผิวและปัญหาสิวค่ะ ยาเยอที่หมอให้มาก็ยังต้องใช้เหมือนเดิมค่ะ

การรักษาสิวยังใช้การทายาเป็นขั้นตอนหลักอยู่ เพียงแต่ตัวนี้จะเหมือนช่วยทำให้ขั้นตอนการล้างหน้ามันดีขึ้น ช่วย

ยิ่งสำหรับคนที่ไม่ได้มีสิวเห่อมาก หรือนานๆขึ้นทีแบบอิชั้น ตัวนี้เป็นอีกตัวที่มี่รู้สึกว่าใช้แล้วหวังผลเรื่องป้องกันสิวใหม่ได้ดีค่ะ

 

เจลล้างหน้านี้เหมาะกับใคร

  • แน่นอนว่าเหมาะกับคนที่เป็นสิวแน่นอน
  • และนอกจากนั้น คนที่มีผิวปกติที่มีแนวโน้มอุดตันง่ายก็สามารถใช้ได้ค่ะ
  • หรือ สำหรับคนที่ต้องการป้องกันการเกิดสิว หรือลดการอุดตันของรูขุมขน แต่ผิวระคายเคืองง่าย ใช้ BHA Toner ธรรมดาๆไม่ไหว

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. ส่วนผสมของสารบำรุง นอกจากพระเอกของนางอย่าง Encapsulated salicylic acid แล้วก็ยังเสริมสารบำรุงออกมาอีกหลายชนิด มีประโยชน์เสริมมาอีกหลายด้าน ทั้งการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว รวมถึงมีวิตามินบี 3 ที่ให้ประโยชน์กับผิวอีกหลายด้าน จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์ค่ะ
  2. ส่วนผสมอื่นๆ สารทำความสะอาดที่ใช้มีความอ่อนโยนสูงไม่ระคายเคือง และไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตัวเจลล้างหน้ามาในรูปแบบของไม่มีฟอง เกลี่ยใช้ได้ง่าย หลังล้างไม่แห้งตึง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับลื่นเป็นเมือก ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบความรู้สึกหลังล้างนะคะ แต่ส่วนตัวมี่ก็ยังคงติดฟองอยู่เลยขอให้ 4 ฟลาสก์นะคะในจุดนี้

คะแนน ac

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Kene ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Kene ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/KeneThailand/

https://kene.co.th/

 

ส่วนช่องทางจำหน่ายรู้สึกตอนนี้จะมีจำหน่ายที่ Eve&boy, konvy.com และทางช่องทางออนไลน์ของแบรนด์

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Kene การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เจลแต้มสิวนวัตกรรมใหม่ ผสมสารสกัดจาก Dragon’s blood เข้มข้น จากแบรนด์ Puricas

วันนี้มี่มีรีวิวเจลแต้มสิวที่น่าสนใจมาฝากค่ะ

เป็นเจลแต้มสิวจากแบรนด์ Puricas ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจาก Dragon’s blood เข้มข้น และยังมีนวัตกรรมที่ให้ประโยชน์ในการลดและป้องกันสิวได้ครบวงจรเลยหละ เดี๋ยวค่อยมาดูรายละเอียดกันอีกทีในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

แบรนด์ Puricas เป็นแบรนด์สกินแคร์กึ่งเวชสำอางที่เอาสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Dragon’s blood ของประเทศสเปน และป่าแถบอะเมซอน มาผสานกับเทคโนโลยีอื่นๆได้อย่างลงตัวค่ะ

เป็นแบรนด์แรกของประเทศไทยที่ใช้สารสกัดจาก Dragon’s blood ในการฟื้นฟูและบำรุงเลยทีเดียว

เริ่มจากหน้าตากันก่อนเลยค่ะ

pu 1

ตัวแพคเกจเป็นหลอดแบบเรียวเล็ก ใช้สะดวก บีบออกมานิดเดียวก็แต้มสิวได้แล้ว แต่ตอนช่วงเปิดครั้งแรก มันจะกะปริมาณยากหน่อยๆค่ะ

หลอดนี้พกสะดวกเหมือนกัน สำหรับคนชอบเดินทางบ่อยแบบมี่

pu 2

เนื้อเจลจะมาในรูปแบบน้ำนม สีเหลืองอมส้ม กลิ่นหอมจางๆ เข้าใจว่าน่าจะเป็นกลิ่นของน้ำมัน Tea tree

pu 3

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย นุ่มลื่น ไม่หนักผิว

pu 4

พอแห้งแล้วจะมีฟิล์มบางๆเคลือบอยู่ค่ะ

pu 5

ตรงนี้จะเป็นข้างหลังกล่องนะคะ

pu 7

วัด pH ซักหน่อยพองาม

pu 6

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

เอาหละ มาดูส่วนผสมกันดีกว่า

สผส puricas acne

จากส่วนผสมมี่ทำสีไว้ให้แล้วนะคะ ลองมาแมทช์กับที่ทางแบรนด์ Claim ไว้เนอะ

 

7% Triple action ที่ประกอบด้วย 3% Acnadiol BG ร่วมกับ 2% Salicylic acid และ 2% Cytobiol Iris ที่ทำงานเสริมฤทธิ์กันแบบ Synergistic effect (คำนี้เป็นศัพท์เทคนิคทางการแพทย์ค่ะ แปลง่ายๆว่าการเสริมฤทธิ์กันแล้วให้ผลดีกว่าเดิม แบบ 1 + 1 ได้ผลมากกว่า 2)

 

  • Acnadiol BG ประกอบด้วย 10-Hydroxydecanoic acid, Sebacic acid และ 1,10-Decanediol ว่ากันว่าแยกสกัดได้จากนมผึ้ง หรือ Royal jelly มีคุณสมบัติลดการสร้างน้ำมันของผิวโดยผ่านการยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase ที่เป็นต้นตอของการสร้างน้ำมัน หรือ Sebum ในรูขุมขน และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ จึงให้ผลดีด้านสิว บริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบกล้า Claim ว่า ถ้าใช้ตาม Dose ที่กำหนดจะลดการหลั่งน้ำมันได้รวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง
  • Salicylic acid ที่ความเข้มข้น 2% ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่มีรายงานว่าให้ผลดีสำหรับการดูแลสิว
  • Cyobiol Iris เป็นวัตถุดิบของฝรั่งเศส ประกอบด้วย Iris florentina Root Extract ร่วมกับ Zinc Sulfate และ Retinyl Palmitate ช่วยลดการสร้างน้ำมันในรูขุมขน ยับยั้งเชื้อสิว ช่วยควบคุมการอุดตัน ผู้ผลิตวัตถุดิบยังเคลมว่า มีประโยชน์ด้านการลดริ้วรอย และกระชับรูขุมขนเสริมเข้ามาอีก

 

อีกตัวที่เป็นเสมือนนางเอกของแบรนด์ Puricas คือ สารสกัดจาก Dragon’s blood หรือ Croton lechleri resin extract

เดี๋ยวๆเห็นชื่อแบบนี้ ไม่ได้เป็นนิยายแฟนตาซีนะคะ เพราะใช่เลือดมังกรจริงๆค่ะ แต่เป็นสารสกัดของยางไม้ของต้นที่มีชื่อว่า Dragon’s blood (ชื่อวิทยาศาสตร์ Croton lechleri) นั่นเอง

603b3580a861a307dc6dbe2db2bb8236.jpg

(ที่มา: https://ctesthetic.com/tag/skin-care/)

 

ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่า ยางของต้นนางเป็นสีแดงเหมือนเลือดนั่นเอง

drop_of_dragons_blood_main_-_zoe_helene

(ที่มา: Helen, Z. http://www.medicinehunter.com/dragons-blood)

สารสกัดนี้มีประโยชน์อย่างไร ???

  • Dragon’s blood extract เป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์ในการช่วยเร่งการสมานแผล ลดการอักเสบ ต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยเป็น Barrier ปกป้องน้ำระเหยออกจากผิวได้ด้วย ว่ากันว่าสีแดงในน้ำยางมาจากสารกลุ่ม Proanthocyanidins ที่พบในองุ่น และ เปลือกสน ก็เป็น Antioxidant ที่ดี ตามที่เขา Claim มา

 

สารบำรุงอื่นๆ

  • Niacinamide หรือ วิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ด้วย (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261) มีการทดสอบเชิงคลินิกพบว่า Niacinamide ที่ความเข้มข้น 4% มีประสิทธิภาพเทียบเท่า Clindamycin ในการรักษาสิว เลยทีเดียว (Int J Dermatol. 2013;52(8):999-1004.) ถ้าเราพิจารณาจากลำดับส่วนผสมแล้ว น่าจะพอเดาได้ว่า คงใส่มาเยอะอยู่ เพราะมาในลำดับที่ 2 เลยทีเดียว
  • สารสกัดจากใบบัวบก มีประโยชน์เด่นด้าน Antioxidant ช่วยเรื่องการสมานแผล ลดการเกิดแผลเป็น และให้ประโยชน์ไปถึงการชะลอวัย ลดริ้วรอย
  • สารสกัดจากเปลือกมังคุด ที่โดดเด่นเรื่องการยับยั้งเชื้อก่อสิว และยังมีประโยชน์เสริมในด้านลดการอักเสบและระคายเคือง รวมถึงเป็น Antioxidant ได้อีก
  • น้ำมันจาก Tea tree ที่มีประโยชน์ในการยับยั้งเชื้อก่อสิว เช่นกัน
  • Horse fat หรือ ไขมัน/น้ำมันม้า มีคุณสมบัติลดการอักเสบในผิวได้ และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทดแทนไขมันคืนให้ผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง

 

แอบมี Alcohol ติดมาในลำดับท้ายๆ หลัง EDTA ซึ่งปกตินิยมใช้ที่ 0.1% เข้าใจว่าน่าจะมากับวัตถุดิบซักตัวนึง น้อยขนาดนี้ไม่น่าจะมีผลอะไร ส่วนตัวมี่เองก็ใช้ได้มาเกือบสองสัปดาห์ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ วันนี้ขอให้คะแนนเป็น 3 หัวข้อนะคะ

  1. สารบำรุง สมกับเป็นเจลแต้มสิว เพราะอัดแน่นมาด้วยส่วนผสมที่ให้ประโยชน์ในเรื่องสิวได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดการอุดตัน ลดการอักเสบ ควบคุมความมัน ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และยังมีผลดีไปถึงแผลเป็น รอยดำ รอยแดงจากสิวได้อีก ยังไม่พอ ยังมีสารบำรุงเสริมด้านชุ่มชื้น กับชะลอวัย ป้องกันริ้วรอยเสริมมาอีก ถึงจะเป็น Brand ไทย แต่สารบำรุงส่วนมากก็นำเข้าจากต่างประเทศ เยอะขนาดนี้เอาคะแนนไปเถอะค่ะ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ นอกจากแอลกอฮอล์ที่ติดมาในลำดับท้ายๆ ก็ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอีกเลย แต่มีก็คือมี ก็ต้องขอหักคะแนนเพื่อความยุติธรรมค่ะ ให้ไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน เป็นเจลแต้มสิวที่มีกลิ่นหอมของน้ำมัน Tea tree เนื้อเจลนุ่มลื่น ใช้ง่าย ใช้ได้ทั้งเช้าเย็น บ่ายๆเจ็บสิวคว้ามาเติมก็ยังได้ (ทางแบรนด์แนะนำว่าใช้วันละ 1 – 3 ครั้ง) มีประโยชน์ดีทั้งรอยสิว รอยดำ รอยแดง สิวอักเสบ สิวหัวดำ หัวขาว สิวเสี้ยนก็ยังใช้ได้ ประมาณ 1 – 2 วันก็ยุบแล้วค่ะ เก็บยาทาสิวอันแสนระคายเคืองและแสบหน้าขึ้นหิ้งไปเลย เอาใจอิชั้นไปเลย 5 ฟลาสก์

คะแนน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Puricas ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเพจ Puricas โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/puricas/

http://puricas.com/th/home

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Puricas การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

รีวิววิเคราะห์ แผ่นแปะสิว Hydrocolloid จาก Mia care สูตร Day และ Night

รีวิววิเคราะห์ แผ่นแปะสิว Hydrocolloid จาก Mia care สูตร Day และ Night

วันนี้มี่จะแวะมารีวิวแผ่นแปะสิว Hydrocolloid จากแบรนด์ Miacare (ไมย์แคร์) ให้ชมกันค่ะ

ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของทาง BenQ ชื่อดังที่ผลิตคอมพิวเตอร์นั่นเองค่ะ

mia 1

 

ในไทยนำเข้าโดยบริษัทยูนิ-เพรสซิเดนท์ เจ้าเดียวกับที่นำเข้ามาสค์ My beauty diary ตัวดังจากไต้หวันนั่นเอง

 

สูตรที่มี่ได้มา มี 3 แบบนะคะ

แบบกล่องชมพู เป็นสูตรกลางวัน แบบกล่องฟ้า เป็นสูตรกลางคืน และแบบกล่องม่วง เป็นแบบทั้งกลางวันกลางคืนค่ะ

 

ก่อนจะไปรีวิว อยากเมาท์มอยสาระเรื่อง Hydrocolloid กันซักหน่อยนะคะ

 

คำว่า Colloid หมายถึงระบบการกระจายตัวรูปแบบหนึ่งที่มีของแข็งขนาดเล็กๆ กระจายอยู่ในของเหลว

 

ส่วน Hydrocolloid ก็เป็นคำที่สื่อว่า Colloid นี้อยู่ในน้ำค่ะ

ลักษณะก็ประมาณรูปนี้ค่ะ

hydrocolloid

ซึ่งเจ้าอนุภาคของแข็งขนาดเล็กๆนี้ มีความสามารถในการดูดซับของเหลวไว้ได้ในตัวมันเอง ประกอบกับความเล็ก ทำให้มีพื้นที่ผิวมากมายไว้คอยดูดซับ ก็จะช่วยดูดซับของเหลวจากตัวสิวไว้ได้ดีค่ะ

 

ช่วงนี้หน้าหนาวเลยไม่ค่อยมีสิว ขอรีวิวให้ดูบนแขนแทนนะคะ

เริ่มจากสูตร Day กล่องสีชมพูค่ะ

 

mia 3

กล่องหนึ่งจะมี 12 หลุม Sealed มาแบบดิบดี ประหนึ่งผ่าน Sterile มา

 

ตัวแผ่นจะค่อนข้างบาง แนบสนิทไปกับผิว แต่งหน้าทับได้ค่ะ

 

 

ส่วนตัว Night มาในกล่องสีฟ้านะคะ

 

mia 7

ตัวนี้กล่องหนึ่งก็มี 12 หลุม เช่นกันค่ะ ลักษณะแผ่นจะค่อนข้างหนากว่า ช่วยเพิ่มความสามารถในการดูดซับ

 

 

ในส่วนของประสิทธิภาพในการซับสิว มี่เคยเอามาแปะสิวที่อักเสบมีหนองอยู่ครั้งหนึ่ง ก็ดูดซับออกมาได้พอควรนะคะ เพียงแต่ถ้าอักเสบมาก อาจจะต้องเปลี่ยนแผ่นระหว่างวันค่ะ ส่วนตัวค่อนข้างชอบนะคะ

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ Miacare

Beauty Talks: ผิวบอบบางแพ้ง่าย และสกินแคร์สำหรับ Sensitive skin

Beauty Talks: ผิวบอบบางแพ้ง่าย และสกินแคร์สำหรับ Sensitive skin

 

วันนี้มี่อยากเล่าเรื่อง Sensitive skin ค่ะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้คนเอเชียเกิดภาวะ Sensitive skin กันมากขึ้น

 

sensitive

 

Sensitive skin นี่ ไม่ใช่แค่ว่า บอบบางแพ้ง่ายอย่างเดียวค่ะ แต่ในทางการแพทย์ ตาม Baumann skin typing system เขาแบ่งประเภทของ Sensitive skin ไว้ 4 แบบเลยทีเดียวค่ะ

ได้แก่

S1 คือ Sensitive skin ประเภทที่เรียกว่า Acne type เป็นผิวที่มีแนวโน้มเกิดสิวได้ง่ายกว่าคนปกติ ใช้อะไรก็จะอุดตันหมด อุดตันตลอดปีตลอดชาติตลอดชีวิต

คนกลุ่มนี้ต้องเลี่ยงสารต่อไปนี้นะคะ

 

acne

 

แต่ ไม่ได้แปลว่า เจอพวกนี้แล้วจะต้องอดตันเสมอไป จะแบนไปเลย ความจริงแล้วการอุดตันมีหลายๆปัจจัยมาเกี่ยวข้องด้วย รวมถึงความเข้มข้นที่เขาใส่มาในสูตรด้วย ยิ่งเข้มข้นก็ยิ่งเสี่ยงตันค่ะ

 

 

S2 คือ Sensitive skin ประเภทที่เรียกว่า Rosacea type เป็นผิวที่มีอาการแดง เหมือนอายตลอดเวลา เพราะพวกนี้เส้นเลือดเขาจะไวค่ะ แค่ทานของร้อนของเผ็ด หรืออากาศร้อน ก็แดงละค่ะ

 

 

S3 คือ Sensitive skin ประเภทที่เรียกว่า Burning and Stinging type เป็นผิวที่มีอาการปวดแสบปวดร้อน รู้สึกแสบ ร้อน เมื่อทาผลิตภัณฑ์ หรือเมื่อสัมผัสสิ่งเร้าบางอย่าง เช่น ลม ความเย็น ความร้อน โดยไม่จำเป็นต้องมีอาการแดงร่วมด้วยค่ะ

คนกลุ่มนี้จะต้องเลี่ยงสารต่อไปนี้นะคะ

 

sting

 

แต่ไม่ได้แปลว่าจะให้แบนไปเลยเช่นกัน เพราะความทนของแต่ละคนไม่เท่ากันค่ะ มันขึ้นกับความเข้มข้นสารในผลิตภัณฑ์ด้วย

 

 

และ S4 คือ Sensitive skin ประเภทที่เรียกว่า Contact dermatitis and irritant dermatitis type คนกลุ่มนี้จะแพ้ง่ายเพราะ Barrier ผิวอ่อนแอกว่าคนปกติ

แพ้ได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งน้ำประปา คนกลุ่มนี้ควรทดสอบการแพ้ก่อนการใช้งานค่ะ

สารที่มีความเสี่ยงสูงทำให้แพ้ก็จะเป็นพวก กันแดดเคมี สารกันเสีย น้ำหอม และสารกลุ่มโปรตีนเป็นต้น

การแพ้นี่ไม่ขึ้นกับความเข้มข้นสาร แค่ใส่มา น้อยแค่ไหนก็แพ้ได้ค่ะ และการแพ้คาดเดาไม่ได้ค่ะ แต่จะเกิดซ้ำๆเดิม จากสารที่เคยแพ้

 

 

 

ต่อมาเป็นแนะนำ Skincare สำหรับ Sensitive skin แบบต่างๆนะคะ

S1: ควรใช้ BHA เป็นประจำเพื่อละลายสิวอุดตันค่ะ

S2: สามารถใช้ได้เหมือนคนปกติเลยค่ะ อาจจะหาเบสเขียวมากลบรอยแดง

S3: ควรเลี่ยงพวก AHA, BHA, Alcohol, Essential oil

S4: ควรเลือกเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารไม่มากชนิดจนเกินไป เพราะ Barrier ผิวของคน S4 ไม่ดี สารจะซึมลงง่าย ทำให้เสี่ยงแพ้ง่ายค่ะ นอกจากนี้ควรเลี่ยงน้ำหอม กันแดดเคมี และโปรตีนค่ะ

 

สรุป

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ