Image

วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มดูแลปัญหาสิวแบบองค์รวมจากแบรนด์ Acnevit สูตร Oil-free Vitamin C Rich Complex

สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้มี่จะมาวิเคราะห์ส่วนผสมกับเล่ารายละเอียดคร่าวๆ ของเซรั่มฃดูแลปัญหาสิวต่างๆ ของผู้ที่มีผิวมัน และผิวอุดตันง่ายจากแบรนด์ Acnevit

แบรนด์ Acnevit จัดได้ว่าเป็นแบรนด์เวชสำอางแบรนด์หนึ่งที่น่าสนใจ โดยตัวผลิตภัณฑ์จะมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์คือ “Vitamin C Rich Complex” โดยทางแบรนด์ได้ทดสอบเจ้า Complex นี้ทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร อยู่หลายอย่าง ก็ดูแล้วดีงามอยู่นะคะ

โดยสำหรับวันนี้เรียกได้ว่าเป็น Mini-Review นะคะ เพราะส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาสิวมานานแล้ว เลยขอเป็นการเอาส่วนผสมมาเล่าสู่กันฟัง พร้อมกับจะเล่ารายละเอียดของการทดสอบที่แบรนด์ได้ทดสอบ บางการทดสอบมาแชร์ให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ

ว่าแล้วก็ไปดูที่ตัว Product ของ Acnevit น้องจะมาในกล่องที่มีหน้าตาประมาณนี้นะคะ

โดยด้านในจะมีตัวบรรจุภัณฑ์ล็อกไว้อยู่ค่ะ

โดยจะมีหน้าตาประมาณนี้

จุดที่น่าสนใจคือ ตัวแพคเกจมีลักษณะที่สามารถบ่งบอกได้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเคยถูกเปิดใช้มาแล้วหรือยัง โดยถ้าเปิดแล้ว วงแหวนสีฟ้าจะหลุดออกมาจากฝาจุกค่ะ

ซึ่งส่วนตัวคิดว่ามันน่าสนใจและให้ความรู้สึกปลอดภัย

เนื้อของเซรั่มมาในรูปแบบของเบสน้ำใส มีความหนืดเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ง่าย ช่วงแรกจะรู้สึกหนึบ แต่พอผ่านไปไม่ถึง 1 นาที ก็จะรู้สึกนุ่มนวล และชุ่มชื้น

สำหรับค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

ก่อนไปดูส่วนผสม อยากเล่าเกี่ยวกับการทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สักหน่อยค่ะ ส่วนแรกที่น่าสนใจคือ การทดสอบความสามารถในการกำจัดเชื้อ P. acnes หรือ ชื่อใหม่ของน้อง คือ Cutibacterium acnes

(Image from Acnevit Official Website)     

ซึ่งพบว่าเซรั่ม Acnevit สามารถลดจำนวนของ C. acnes ลงได้ในระดับหลอดทดลอง

การทดสอบถัดมาเป็นการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร เป็นเวลา 12 สัปดาห์ (84 วัน)

(Images from Acnevit Official Website)  

ซึ่งข้อมูลจากการทดสอบในอาสาสมัครก็พบว่าให้ผลดีเช่นกัน

โดยจุดสำคัญที่แบรนด์เน้นมากของน้องเซรั่มนี้คือ


❤สามารถช่วยดูแลเรื่องสิวได้โดยไม่มีสารก่อให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งถ้าเป็นเครื่องสำอาง ก็มักจะเป็นพวก BHA และ/หรือ AHA หรือกรณีถ้าเป็นยาก็เป็นพวก Benzoyl peroxide (BP) กับพวก Azelaic acid

ซึ่งแน่นอนว่า เครื่องสำอางใส่ตัวยาไม่ได้อยู่แล้วเนาะ แต่ก็มีหลายเคสที่เกิดรอยดำหลังจากสิวหายเพราะการระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้

ตัวนี้ทางแบรนด์เคลมว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรสามารถใช้ได้ โดยส่วนตัวมองว่า ในทางเครื่องสำอางเราไม่ได้มีการศึกษาความปลอดภัยของสารต่อทารกในครรภ์เหมือนยานะคะ โดยเราจะห้ามตัวที่อันตรายชัวร์ๆ ส่วนที่เหลือ ถ้าดูแนวโน้มแล้วไม่มีอันตราย ก็พอจะอนุโลมได้ค่ะ แต่อย่างไรก็ดี แนะนำให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนจะใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามนะคะ

ด้านข้างกล่องมีข้อแนะนำ เพื่อตอบคำถามว่า เซรั่มนี้เหมาะกับใคร หรือ ปัญหาอะไร

  • สิวหัวขาว สิวหัวดำ หรือ สิวเสี้ยน
  • รูขุมขนกว้าง
  • Blotches (รอยสีผิวผิดปกติ เช่น ปื้นเหลือง รอยแดง)
  • ผิวมัน เงาวาว
  • Blemish (จุดด่างดำ ร่องรอยต่างๆ)
  • สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • (Bump) สิวอุดตัน หรือ สิวผดที่อยู่ด้านใน เวลาสัมผัสแล้วรู้สึกได้ว่าผิวไม่เรียบ

มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ ส่วนผสมเป็นดังภาพ

สำหรับส่วนผสมวันนี้ทำไว้หลายสีนะคะ โดยจะขอเริ่มจากสีบานเย็น

  • Sodium ascorbyl phosphate (ขอย่อว่า SAP) ดูเผินๆ อาจจะแบบว่าก็แค่วิตามินซี ที่ละลายน้ำได้ แต่ความจริงแล้ว SAP มีการทดลองทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัครยืนยันถึงประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาสิว  
    • งานชิ้นแรกมาจาก Woolery-Lloyd และคณะ ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของโลชั่นที่มีส่วนผสมของ SAP ความเข้มข้น 5% ในอาสาสมัคร แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับ SAP อีกกลุ่มใช้โลชั่นที่ไม่มี SAP โดยให้อาสาสมัครทาเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าอาการของสิวต่างๆ ดีขึ้นกว่าโลชั่นเปล่า และไม่เกิดอาการข้างเคียง (J Cosmet Dermatol. 2010;9(1):22-7.)
    • งานอีกชิ้นมาจาก Klock และคณะ ทดสอบประสิทธิภาพของ SAP ทั้งในระดับหลอดทดลอง โดยศึกษาผลในการฆ่าเชื้อก่อสิว (Cutibacterium acnes) ของ SAP ความเข้มข้น 1% พบว่ามีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อสิว ก่อนจะไปศึกษาประสิทธิภาพในอาสาสมัคร โดยให้อาสาสมัครทาครีมที่มี SAP 5% เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าได้ผลดี (Int J Cosmet Sci. 2005;27(3):171-6.)
  • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 ซึ่งมีรายงานการวิจัยสนับสนุนถึงประสิทธิภาพหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมความมัน และการดูแลปัญหาสิว
  • Biotin เป็นวิตามินอีกตัวที่น่าสนใจ ในร่างกายเรา Biotin เป็นตัวประกอบ (Co-factor) ในการทำงานของเอนไซม์บางชนิด บางตัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างกรดไขมันของผิว การปรับสมดุลการแบ่งตัวของผิว จึงมีประโยชน์ในการดูแลปัญหาสิว โดยเฉพาะกรณีที่ต้องใช้สารกลุ่ม Retinoids ซึ่งทำให้ผิวแห้ง เพราะไปกดการสร้างไขมัน การเสริม Biotin เข้ามาจะลดอาการผิวแห้ง

สีม่วง ส่วนผสมของ Aqua (and) Butylene Glycol (and) PEG-60 Almond Glycerides (and) Caprylyl Glycol (and) Glycerin (and) Carbomer (and) Nordihydroguaiaretic Acid (and) Oleanolic Acid ตัวนี้เป็นวัตถุดิบของทาง Sederma ประเทศฝรั่งเศส วัตถุดิบชุดนี้อาศัยประโยชน์จาก Nordihydroguaiaretic Acid ในการปรับสมดุลการสร้างและผลัดเซลล์ผิว ซึ่งมีประโยชน์ในเชิงการลดการอุดตัน ร่วมกับ Oleanolic acid ที่มีประโยชน์ในการลดการสร้างน้ำมัน Sebum ผ่านฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้มีฤทธิ์แรงขึ้น และกระตุ้นการสร้าง Sebum ออกมา โดยเจ้า Sebum นี้เป็นอาหารของ C. acnes พอ Sebum ลดลง C. acnes ไม่มีอาหาร ประกอบกับเจอ SAP ปริมาณมันก็จะลดลงไปโดยปริยาย.

สีน้ำเงิน Zinc lactate มีจุดเด่นในด้านของการควบคุมความมัน

สีส้ม สารสกัดจากบัวบก ที่โดดเด่นในแง่ของการดูแลการสร้างคอลลาเจน การสมานแผล จึงน่าจะมีประโยชน์ในการลดการเกิดแผลเป็นจากสิว

สีเขียว Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine มีประโยชน์ในการให้ความชุ่มชื้นและปรับ Feeling ของผลิตภัณฑ์ให้นุ่มนวล

ส่วนอีกจุดที่น่าสนใจ แม้จะไม่ใช่สารบำรุง คือ สีเขียวขี้ม้า Citric acid + Sodium citrate ทำหน้าที่เป็น Buffer เพื่อควบคุมค่า pH ให้คงที่ ซึ่งมีประโยชน์ในด้านของการปกป้องส่วนประกอบในตำรับเพื่อเสริมความคงตัว

โดยรวมคือเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลสิวที่ใช้ส่วนผสมมาดูแล ที่ 5 ปัญหาหลักในการเกิดสิว

  • ปรับสมดุลการสร้างและผลัดผิวให้เป็นปกติ เพื่อลดการอุดตันในรูขุมขน
  • ควบคุมการสร้างน้ำมันซึ่งเป็นอาหารของ C. acnes
  • กำจัด C. acnes
  • อาศัยประโยชน์จากวิตามินซีมาลดการอักเสบระคายเคือง Whitening ดูแลปัญหารอยแดง รอยดำ
  • ดูแลปัญหาด้านการสมานผิว ลดการเกิดรอยแผลเป็น

ในส่วนของเบสหลัก ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และส่วนผสมอื่นๆ ที่อาจจะก่อการระคายเคืองผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ สำหรับวันนี้จะมีคะแนนในส่วนของสารบำรุง และ ส่วนผสมอื่นๆ เท่านั้น

  1. สารบำรุง (Active) ตามที่ได้กล่าวไปในด้านบน ว่ามีส่วนผสมที่มีประโยชน์ในการดูแลสิว และปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิวได้หลายประการ และส่วนตัวมองว่าค่อนข้างครอบคลุม และยังสมารถให้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ชุ่มชื้น ไวท์เทนนิ่ง ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) และการชะลอวัย ชะลอการเกิดริ้วรอย ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ส่วนตัวมองว่าทั้งเนื้อเบสหลัก และส่วนผสมอื่นๆที่ใส่มาเป็นสารปรุงแต่ง ล้วนเป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Acnevit สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมาแนะนำให้ได้รู้จัก และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Acnevit หรือ เพจ DermArtlogy Thailand ซึ่งเป็นผู้นำเข้าได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/dermArtlogyThailand

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Acnevit การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม ผลิตภัณฑ์แต้มสิวที่มีส่วนผสมของชาเขียวเกาะเจจู Green powder AC spot solution จากแบรนด์ SkinTalk

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์แต้มสิวจากแบรนด์ SkinTalk มาฝากกันค่ะ

สำหรับกลุ่มของ Green tea ของแบรนด์ SkinTalk จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ผลิตภัณฑ์สำหรับใบหน้านะคะ

music 2

(Image from SkinTalk official website)

 

จากคราวก่อนที่มี่ได้รีวิวตัว BHA Music toner ของเขาไป (ตามลิงค์นี้นะคะ >>Click<<) และได้เกริ่นๆไปว่า มี่ได้ตัวที่เป็น Spot corrector มาอีกตัว วันนี้เลยขอมาอัพเดทกันต่อค่ะ

สำหรับตัว Spot corrector จะมีชื่อเต็มๆว่า Green powder AC spot solution ค่ะ ซึ่งมาในขวดแก้วสีชาใบเล็กๆกะทัดรัด ตามรูปค่ะ

gp 2

ตัวนี้จะมาในเนื้อคล้ายๆรองพื้นแบบ Liquid foundation นะคะ ทางแบรนด์แนะนำวิธีใช้ไว้ว่าเวลาใช้งานให้เราเอาคอตตอนบัดส์จุ่มลงไปให้ถึงก้นขวดและก็นำมาแต้มบริเวณหัวสิวได้เลยค่ะ

how to use

(Image from SkinTalk official website)

gp 3

แต่เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีสิว เลยแต้มบนหลังมือให้ดูเนื้อสัมผัสกันค่ะ

gp 4

จุดเด่นของตัว AC spot solution ตัวนี้คือทางแบรนด์พยายามเลือกใช้ส่วนผสมที่เป็นมิตรกับผิวมากที่สุด โดยส่วนผสมทุกตัวได้คะแนน EWG อยู่ที่ 0 – 2 ซึ่งหมายความว่าเป็นมิตรกับผิว และสิ่งแวดล้อมค่ะ

EWG

(Image from SkinTalk official website)

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส gp

ส่วนผสมของ Spot corrector ตัวนี้ค่อนข้างไม่ซับซ้อนนะคะ มีสารบำรุงที่เป็น AHA/BHA อยู่ร่วมกับสารสกัดจากพืช และมี Epigallocatechin gallate (EGCG) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่พบในชาเขียว มีประโยชน์ในด้านการลดการอักเสบและระคายเคือง

EGCG

(Image from SkinTalk official website)

จากครั้งก่อนที่เคยเล่าให้ฟังว่าของแบรนด์นี้เลือกใช้ชาเขียวชั้นดีที่ปลูกจากเกาะเจจูมาเป็นส่วนผสมค่ะ โดยที่สารสกัดจากชาเขียวเองก็มีสารในกลุ่มของ Cathechins ซึ่งมีประโยชน์เป็น Antioxidant และประโยชน์อื่นๆ มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนถึงการใช้ชาเขียวในทางเครื่องสำอาง สำหรับตัวชาเขียวของแบรนด์นี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่าประกอบด้วยสาร Saponin ที่มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย และมีคุณสมบัติในการต่อต้านจุลินทรีย์

นอกจากสารสกัดชาเขียวแล้วยังเสริมมาด้วยสารสกัดจาก Portulaca ที่มีประโยชน์ในการเสริมการสมานแผล และ สารสกัดจาก Witch hazel ที่มีประโยชน์ในด้านการควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน

โดยรวมจึงถือว่า ทำมาได้เสริมกันอย่างลงตัว

เพียงแต่ส่วนตัวมองว่าถ้ามีส่วนผสมของพวก Absorbent หรือ สารดูดซับเข้ามาด้วย ตามหลักการทางด้านเครื่องสำอางแล้วน่าจะทำให้สิวแห้งไวขึ้นได้อยู่ค่ะ

วันนี้เนื่องจากส่วนผสมมีไม่มาก เลยไม่ขอให้คะแนนนะคะ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางบริษัท เจ.เอ. เอลลิแก็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมความ เกรดพรีเมี่ยมทั่วโลก ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

 

Line : https://lin.ee/mzbiXGL

Line@ : @jaelegantthailand

FB: J.A Elegant Thailand – ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เกรดพรีเมี่ยมทั่วโลก

FB : Skintalk Thailand By J.A.Elegant – ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้มีปัญหาสิวและผิวหน้า

Shopee : Eelegant Beauty Shop โค้ดส่วนลด 50 บาท สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก

JAELNC000

IG : jaelegant_official

YouTube : J.A.Elegant Official https://www.youtube.com/channel/UCOPLQvKHZo6LJzUnPE-Uubw

WEB: http://www.jaelegantthailand.com

 

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางบริษัท บริษัท เจ.เอ. เอลลิแก็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม โทนเนอร์สูตรน้ำสำหรับบำรุงผิวหน้า ดูแลปัญหาสิว จากแบรนด์ Scitifique กับเจ้า Acne clarifying Hydrolotion

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์ดีๆจากแบรนด์ Scitifique เจ้าเก่ามาฝากกันนะคะ

แบรนด์ Scitifique นี้เป็นเวชสำอางแบรนด์ไทยที่คิดค้นและพัฒนาสูตรโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยระดับปริญญาเอกตามกระบวนการคิดและหลักการทางวิทยาศาสตร์ (scientific) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ ส่วนผสมที่ใช้ต้องมีงานวิจัยรองรับและมีความปลอดภัยสูง

มี่เคยอัพรีวิวเซรั่ม Whitening ของเขาไว้ ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

https://cosmeknowledge.wordpress.com/2017/07/09/scitifiquewhite/

ขอดึงรูปเก่ามาย้อนอดีตนิดนึง

sci 7

ช่วงนี้มี่ไปได้สินค้าใหม่ของเขา คือ Acne clarifying Hydrolotion ซึ่งเป็นโทนเนอร์สูตรน้ำสำหรับบำรุงผิวหน้า ที่มีส่วนช่วยลดปัญหาผิวมัน และลดการเกิดสิว ด้วยทฤษฎีการเสริม Probiotic ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ดีเข้าเพื่อบำรุงผิว พร้อมเสริมสารที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบและให้ความรู้สึกสบายผิว และมีน้ำมัน Tea tree ที่มีประโยชน์ในการลดเชื้อสิว

หน้าตาของนางเป็นแบบนี้ค่ะ

sci 1

ในไลน์นี้ทางแบรนด์ทำมาด้วยกัน 2 ขนาด คือ ขนาดทดลอง 20 ml และขนาดปกติ 60 ml ค่ะ

 

ตัวนี้จะเป็นขนาด 60 ml นะคะ

sci 2

ด้านในเป็นจุกรูแบบหยดๆ สามารถหยดใส่สำลีได้สะดวก

 

ส่วนตัวนี้จะเป็นขนาดทดลอง 20 ml ค่ะ

sci 3

 

ตัวโทนเนอร์เป็นแบบน้ำใส สมชื่อ Hydrolotion มีกลิ่นจางๆของ Tea tree oil

sci 4

เช็ดแล้วแห้งสนิท สบายผิว ไม่เหนอะหนะหนักผิว

sci 5

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 4 – 5 ค่ะ

sci 8

ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส scitifique

ก่อนไปดูส่วนผสม อยากเล่าให้ฟังถึงสาเหตุของสิวก่อนนะคะ

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางเชื่อว่า สิวเป็นภาวะที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ และมีหลายปัจจัยเข้าร่วมค่ะ ดังนั้นการดูแลสิว จึงควรดูแลให้ครบทุกปัจจัย กำจัดทุกสาเหตุค่ะ

สาเหตุการเกิดสิว มีทั้งหมด 4 ประการ ได้แก่

  • สภาวะที่ต่อมไขมันแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากเกินไป และสร้างไขมัน Sebum ออกมามากเกินไป
  • เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนแบ่งตัวออกมามากเกินไปจนผลัดทิ้งไปไม่ทัน หรือ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปแบบผิดรูปแบบ ทำให้การผลัดผิวเกิดได้ยาก จนทำให้เกิดการอุดตันขึ้นมาในรูขุมขน
  • เชื้อจุลินทรีย์ Propionibacterium acnes หรือ P. acnes นางเป็นตัวหลักในการเกิดสิว และการอักเสบต่างๆ ส่วนตัวรองๆอย่าง Staphylococcus aureus นั้นสามารถทำให้เกิดหนองได้
  • การอักเสบและปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันภายในรูขุมขน

 

ดังนั้นการดูแลปัญหาสิว ควรดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ครอบคลุมทั้ง 4 กลไก ได้แก่

  • ควบคุมความมัน
  • เสริมการผลัดผิว
  • ลดเชื้อจุลินทรีย์
  • ลดการอักเสบ

 

ในด้านการลดเชื้อจุลินทรีย์ ตอนนี้เทรนด์ใหม่ของตลาดเครื่องสำอางคือการเสริมพวก Normal flora คือจุลินทรีย์เจ้าบ้านที่อาศัยอยู่บนผิว พวกนี้เป็นจุลินทรีย์ที่ดี ไม่ก่อโรคในคนที่มีสุขภาพดี นางจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง และช่วยควบคุมประชากรของจุลินทรีย์ที่ไม่ดีไม่ให้มากเกินไปจนก่อโรคได้

 

มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันดีกว่านะคะ วันนี้ขอมาแบบจัดเต็มเลยค่ะ

ถ้าเราพิจารณากันจะพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ

  1. Actives คือ สารบำรุง เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี รวมไปถึงมีประโยชน์ทางชีวภาพ
  2. Base คือ เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle
  3. Additive คือ สารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ และมีความปลอดภัย

 

รายละเอียดส่วนผสมแต่ละตัว

  1. Actives หรือสารบำรุง วันนี้มี่ทำไว้ 3 เฉดสีค่ะ
  • สีฟ้า Lactobacillus ferment เป็นสารที่ได้จากเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ Lactobacillus ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ Probiotic ที่มีประโยชน์กับร่างกาย ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า ระหว่างการหมักจุลินทรีย์จะมีการเปลี่ยนโครงสร้าง (Biotransformation) กรดไขมันสายชั้นๆที่มีชื่อว่า Undecylenic acid เป็นอนุพันธ์ของ Undecylenates ที่ละลายน้ำได้ เจ้าสารตัวนี้เองที่มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ดีอื่นๆ รวมไปถึงเชื้อรา ยีสต์บางชนิดได้ นอกจากนี้อนุพันธ์ที่ละลายน้ำได้ของ Undecylenates ยังมีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ไปพร้อมๆกัน
    นอกจากนี้การหมักด้วย Lactobacillus จะได้กรด Lactic acid ออกมาด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อีกทาง

ซึ่งการหมักพวกนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งอาหารของเชื้อด้วย เช่น การเปลี่ยนอาหารที่เอามาหมัก หรือการเปลี่ยนสายพันธ์ของเชื้อที่เอามาหมัก ก็จะได้สารที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปและส่วนมากก็จะเป็นความลับของผู้ผลิตวัตถุดิบที่เขาปิดบังตรงนี้ กันคนมาก๊อปสูตร

การทดสอบในระดับหลอดทดลองพบว่า ส่วนของน้ำ หรือ Medium ที่แยกออกมาจากการหมัก Lactobacillus helveticus NF8 ที่ใช้นมเป็นอาหารเลี้ยงเชื้อ สามารถปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลายด้วยรังสี UVB และป้องกันไม่ให้เซลล์สร้างเม็ดสีสร้างเม็ดสีออกมามากเกินไปเมื่อสัมผัสรังสี UVB Z(J Appl Microbiol. 2017 Aug;123(2):511-523.)

มีบทความทางวิชาการกล่าวว่า การเสริมจุลินทรีย์ Lactobacillus ซึ่งเป็น probiotic ให้ผลดีในการลดการเกิดสิว และโรคผิวหนัง Atopic dermatitis ได้ (Int J Dermatol. 2018 Apr 20. doi: 10.1111/ijd.13972.) แต่อาจจะไม่ได้ตรงกับวัตถุดิบตัวนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าน่าจะต้องผ่านกรรมวิธีการสกัดออกมา ก็จะเหลือแค่โครงสร้างและสารอาหารที่เชื้อสร้างไว้ ซึ่งมีประโยชน์กับผิวเหมือนกัน แต่อาจจะคนละแบบ ซึ่งจุดนี้ก็พอจะมีรายงานอยู่ว่า เมื่อให้ Lactobacillus ที่ผ่านกรรมวิธีทำลายเชื้อด้วยความร้อน (Heat-killed lactobacillus) ลงไปในผิวหนังสังเคราะห์ พบว่ามีผลทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ดี Staphylococcus aureus ซึ่งเป็นตัวการหนึ่งในการทำให้เกิดหนอง เกาะผิวได้น้อยลง จึงมีโอกาสเกิดสิวหนองได้ลดลง และยังมีผลกระตุ้นให้ผิวสร้างเปปไทด์ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อตามธรรมชาติออกมามากขึ้น จึงเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดสิวได้ง่าย (Exp Dermatol. 2018 Jan 30. doi: 10.1111/exd.13504.) ซึ่งให้ผลในทำนองเดียวกับการทดสอบประสิทธิภาพของตำรับโลชั่นที่มี Lactobacillus ที่ผ่านการฆ่าด้วยความร้อน (Heat-killed) ในอาสาสมัครที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ Atopic dermatitis พบว่าให้ผลลดจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ Staphylococcus aureus บนผิวได้ และมีอาการอักเสบของผิวที่ลดลง (Clin Cosmet Investig Dermatol. 2017 Jul 3;10:249-257.) การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่า

  • สีเขียว น้ำมันหอมระเหยจาก Tea tree เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อก่อสิว มีการศึกษาทางคลินิกรองรับถึงประสิทธิภาพ แต่ใช้ในความเข้มข้น 5% พบว่าให้ผลดีในการลดจำนวนและความรุนแรงของสิวในอาสาสมัคร (Indian J Dermatol Venereol Leprol. 2007;73(1):22-5.)
  • สีชมพู เป็นกลุ่มของสารบำรุงที่มีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) ได้แก่
    • Rose water เป็นน้ำที่เหลือจากการกลั่นน้ำมันกุหลาบ ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นน้ำกลั่นจากกุหลาบออร์แกนิก มีประโยชน์ในการลดการอักเสบ ระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น ตัวข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าสามารถเสริมการผลัดเซลล์ผิว จึงมีประโยชน์เสริมในการลดการอุดตันของรูขุมขน
    • สารสกัดจากว่านหางจระเข้ มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบและระคายเคือง รวมไปถึงมีรายงานการวิจัยกล่าวว่าสาร Aloin ที่พบในใบสามารถออกฤทธิ์เป็นสารช่วยให้ผิวขาวได้โดยไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ Melanin aggregation ทำให้สีผิวจางลง (Planta Med. 2012; 78(8):767-71.) การทดสอบในระดับหลอดทดลองพบว่าสารสกัดจากใบว่านหางจระเข้สามารถลดการอักเสบในผิวผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Phospholipase A2 เช่นเดียวกับสารในกลุ่ม Corticosteroid (Lipids Health Dis. 2011;10:30.)
    • Allantoin มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคืองเช่นกัน
  1. Base หรือ เนื้อหลัก มาในเบสแบบน้ำ ประกอบด้วยน้ำ
  2. Additives หรือ สารปรุงแต่ง มีอยู่เท่าที่จำเป็น คือ
    • สารกันเสีย คือ Phenoxyethanol

 

ในภาพรวมถือว่าเป็นโทนเนอร์เบสน้ำที่ทำมาได้ดี ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมัน และซิลิโคน เสริมสารบำรุงที่มีประโยชน์ในการลดเชื้อก่อสิว และลดการอักเสบระคายเคือง รวมไปถึงการลดรอยดำ จากคุณสมบัติ Whitening ของ สารสกัดว่านหางจระเข้ ลดรอยแดงจากสารบำรุงที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ

 

ให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. ส่วนผสม ถ้าพิจารณาตามกลไกในการเกิดสิว ตัวนี้ยัง Target เรื่องสิวได้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบปาเป้าร้อยเปอร์เซ็นต์นัก แต่ก็ถือว่าทำมาได้ดี ด้วยคอนเซปท์ การเสริม Probitoic เข้ามาเพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรง สารบำรุงที่ช่วยลดการอักเสบระคายเคืองจะช่วยปลอบประโลมผิว (Soothing effect) ให้เรารู้สึกสบายผิว คนมีสิวไม่ควรจะเจออะไรที่รุนแรงไปอีก เพราะลำพังแค่ยารักษาสิวที่เอามาใช้ก็ทำร้ายผิวในระดับหนึ่งแล้ว คนที่มีผิวแห้งก็สามารถใช้ได้ ไม่ได้หนักหรือแห้งตึงอะไร คนที่ไม่ได้เป็นสิวก็สามารถใช้ได้เพราะมีประโยชน์ด้าน Soothing effect ตัวโทนเนอร์ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมัน และซิลิโคน และมีสารส่วนผสมอยู่เท่าที่จำเป็นตามคอนเซปท์ ‘Simple is the best’ จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ย่างเข้าหน้าร้อนแล้วส่วนตัวมี่มีผิวผสมค่อนข้างแห้ง จะมันก็แค่จมูกในช่วงบ่ายๆ สามารถใช้โทนเนอร์ตัวนี้ได้เลยในขั้นตอนแรกหลังการล้างหน้า และบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆต่อไป สิ่งที่ได้คือเรื่องความรู้สึกสบายผิว เรื่องการควบคุมความมันบริเวณ T-zone ทำมาได้ดีค่ะ ส่วนบริเวณแก้มซึ่งปกติแห้งอยู่แล้วก็ไม่ได้แห้งมากเว่อร์เกินไปเหมือนโดนพวก Witch hazel ส่วนเรื่องสิวช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหาสิวเลยยังบอกไม่ได้ เอาขวดเล็กไปให้หลานลอง หลานก็บอกว่าดี นางบอกว่าตอนนางใช้ไปราวๆ อาทิตย์หนึ่งก็รู้สึกว่ามีสิวอักเสบใหม่เกิดขึ้นน้อยลง จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน sci

สำหรับสนนราคาก็ตกอยู่ที่ ขวดเล็ก 20 ml 250 บาท ส่วนขวดใหญ่ 60 ml 680 บาท คิดเป็นราคา 11.33 บาท/ml

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Scitifique ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scitifique โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/scitifique/

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scitifique การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เจลแต้มสิวนวัตกรรมใหม่ ผสมสารสกัดจาก Dragon’s blood เข้มข้น จากแบรนด์ Puricas

วันนี้มี่มีรีวิวเจลแต้มสิวที่น่าสนใจมาฝากค่ะ

เป็นเจลแต้มสิวจากแบรนด์ Puricas ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจาก Dragon’s blood เข้มข้น และยังมีนวัตกรรมที่ให้ประโยชน์ในการลดและป้องกันสิวได้ครบวงจรเลยหละ เดี๋ยวค่อยมาดูรายละเอียดกันอีกทีในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

แบรนด์ Puricas เป็นแบรนด์สกินแคร์กึ่งเวชสำอางที่เอาสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Dragon’s blood ของประเทศสเปน และป่าแถบอะเมซอน มาผสานกับเทคโนโลยีอื่นๆได้อย่างลงตัวค่ะ

เป็นแบรนด์แรกของประเทศไทยที่ใช้สารสกัดจาก Dragon’s blood ในการฟื้นฟูและบำรุงเลยทีเดียว

เริ่มจากหน้าตากันก่อนเลยค่ะ

pu 1

ตัวแพคเกจเป็นหลอดแบบเรียวเล็ก ใช้สะดวก บีบออกมานิดเดียวก็แต้มสิวได้แล้ว แต่ตอนช่วงเปิดครั้งแรก มันจะกะปริมาณยากหน่อยๆค่ะ

หลอดนี้พกสะดวกเหมือนกัน สำหรับคนชอบเดินทางบ่อยแบบมี่

pu 2

เนื้อเจลจะมาในรูปแบบน้ำนม สีเหลืองอมส้ม กลิ่นหอมจางๆ เข้าใจว่าน่าจะเป็นกลิ่นของน้ำมัน Tea tree

pu 3

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย นุ่มลื่น ไม่หนักผิว

pu 4

พอแห้งแล้วจะมีฟิล์มบางๆเคลือบอยู่ค่ะ

pu 5

ตรงนี้จะเป็นข้างหลังกล่องนะคะ

pu 7

วัด pH ซักหน่อยพองาม

pu 6

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

เอาหละ มาดูส่วนผสมกันดีกว่า

สผส puricas acne

จากส่วนผสมมี่ทำสีไว้ให้แล้วนะคะ ลองมาแมทช์กับที่ทางแบรนด์ Claim ไว้เนอะ

 

7% Triple action ที่ประกอบด้วย 3% Acnadiol BG ร่วมกับ 2% Salicylic acid และ 2% Cytobiol Iris ที่ทำงานเสริมฤทธิ์กันแบบ Synergistic effect (คำนี้เป็นศัพท์เทคนิคทางการแพทย์ค่ะ แปลง่ายๆว่าการเสริมฤทธิ์กันแล้วให้ผลดีกว่าเดิม แบบ 1 + 1 ได้ผลมากกว่า 2)

 

  • Acnadiol BG ประกอบด้วย 10-Hydroxydecanoic acid, Sebacic acid และ 1,10-Decanediol ว่ากันว่าแยกสกัดได้จากนมผึ้ง หรือ Royal jelly มีคุณสมบัติลดการสร้างน้ำมันของผิวโดยผ่านการยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase ที่เป็นต้นตอของการสร้างน้ำมัน หรือ Sebum ในรูขุมขน และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ จึงให้ผลดีด้านสิว บริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบกล้า Claim ว่า ถ้าใช้ตาม Dose ที่กำหนดจะลดการหลั่งน้ำมันได้รวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง
  • Salicylic acid ที่ความเข้มข้น 2% ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่มีรายงานว่าให้ผลดีสำหรับการดูแลสิว
  • Cyobiol Iris เป็นวัตถุดิบของฝรั่งเศส ประกอบด้วย Iris florentina Root Extract ร่วมกับ Zinc Sulfate และ Retinyl Palmitate ช่วยลดการสร้างน้ำมันในรูขุมขน ยับยั้งเชื้อสิว ช่วยควบคุมการอุดตัน ผู้ผลิตวัตถุดิบยังเคลมว่า มีประโยชน์ด้านการลดริ้วรอย และกระชับรูขุมขนเสริมเข้ามาอีก

 

อีกตัวที่เป็นเสมือนนางเอกของแบรนด์ Puricas คือ สารสกัดจาก Dragon’s blood หรือ Croton lechleri resin extract

เดี๋ยวๆเห็นชื่อแบบนี้ ไม่ได้เป็นนิยายแฟนตาซีนะคะ เพราะใช่เลือดมังกรจริงๆค่ะ แต่เป็นสารสกัดของยางไม้ของต้นที่มีชื่อว่า Dragon’s blood (ชื่อวิทยาศาสตร์ Croton lechleri) นั่นเอง

603b3580a861a307dc6dbe2db2bb8236.jpg

(ที่มา: https://ctesthetic.com/tag/skin-care/)

 

ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่า ยางของต้นนางเป็นสีแดงเหมือนเลือดนั่นเอง

drop_of_dragons_blood_main_-_zoe_helene

(ที่มา: Helen, Z. http://www.medicinehunter.com/dragons-blood)

สารสกัดนี้มีประโยชน์อย่างไร ???

  • Dragon’s blood extract เป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์ในการช่วยเร่งการสมานแผล ลดการอักเสบ ต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยเป็น Barrier ปกป้องน้ำระเหยออกจากผิวได้ด้วย ว่ากันว่าสีแดงในน้ำยางมาจากสารกลุ่ม Proanthocyanidins ที่พบในองุ่น และ เปลือกสน ก็เป็น Antioxidant ที่ดี ตามที่เขา Claim มา

 

สารบำรุงอื่นๆ

  • Niacinamide หรือ วิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ด้วย (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261) มีการทดสอบเชิงคลินิกพบว่า Niacinamide ที่ความเข้มข้น 4% มีประสิทธิภาพเทียบเท่า Clindamycin ในการรักษาสิว เลยทีเดียว (Int J Dermatol. 2013;52(8):999-1004.) ถ้าเราพิจารณาจากลำดับส่วนผสมแล้ว น่าจะพอเดาได้ว่า คงใส่มาเยอะอยู่ เพราะมาในลำดับที่ 2 เลยทีเดียว
  • สารสกัดจากใบบัวบก มีประโยชน์เด่นด้าน Antioxidant ช่วยเรื่องการสมานแผล ลดการเกิดแผลเป็น และให้ประโยชน์ไปถึงการชะลอวัย ลดริ้วรอย
  • สารสกัดจากเปลือกมังคุด ที่โดดเด่นเรื่องการยับยั้งเชื้อก่อสิว และยังมีประโยชน์เสริมในด้านลดการอักเสบและระคายเคือง รวมถึงเป็น Antioxidant ได้อีก
  • น้ำมันจาก Tea tree ที่มีประโยชน์ในการยับยั้งเชื้อก่อสิว เช่นกัน
  • Horse fat หรือ ไขมัน/น้ำมันม้า มีคุณสมบัติลดการอักเสบในผิวได้ และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทดแทนไขมันคืนให้ผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง

 

แอบมี Alcohol ติดมาในลำดับท้ายๆ หลัง EDTA ซึ่งปกตินิยมใช้ที่ 0.1% เข้าใจว่าน่าจะมากับวัตถุดิบซักตัวนึง น้อยขนาดนี้ไม่น่าจะมีผลอะไร ส่วนตัวมี่เองก็ใช้ได้มาเกือบสองสัปดาห์ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ วันนี้ขอให้คะแนนเป็น 3 หัวข้อนะคะ

  1. สารบำรุง สมกับเป็นเจลแต้มสิว เพราะอัดแน่นมาด้วยส่วนผสมที่ให้ประโยชน์ในเรื่องสิวได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดการอุดตัน ลดการอักเสบ ควบคุมความมัน ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และยังมีผลดีไปถึงแผลเป็น รอยดำ รอยแดงจากสิวได้อีก ยังไม่พอ ยังมีสารบำรุงเสริมด้านชุ่มชื้น กับชะลอวัย ป้องกันริ้วรอยเสริมมาอีก ถึงจะเป็น Brand ไทย แต่สารบำรุงส่วนมากก็นำเข้าจากต่างประเทศ เยอะขนาดนี้เอาคะแนนไปเถอะค่ะ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ นอกจากแอลกอฮอล์ที่ติดมาในลำดับท้ายๆ ก็ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอีกเลย แต่มีก็คือมี ก็ต้องขอหักคะแนนเพื่อความยุติธรรมค่ะ ให้ไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน เป็นเจลแต้มสิวที่มีกลิ่นหอมของน้ำมัน Tea tree เนื้อเจลนุ่มลื่น ใช้ง่าย ใช้ได้ทั้งเช้าเย็น บ่ายๆเจ็บสิวคว้ามาเติมก็ยังได้ (ทางแบรนด์แนะนำว่าใช้วันละ 1 – 3 ครั้ง) มีประโยชน์ดีทั้งรอยสิว รอยดำ รอยแดง สิวอักเสบ สิวหัวดำ หัวขาว สิวเสี้ยนก็ยังใช้ได้ ประมาณ 1 – 2 วันก็ยุบแล้วค่ะ เก็บยาทาสิวอันแสนระคายเคืองและแสบหน้าขึ้นหิ้งไปเลย เอาใจอิชั้นไปเลย 5 ฟลาสก์

คะแนน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Puricas ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเพจ Puricas โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/puricas/

http://puricas.com/th/home

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Puricas การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Beauty Talks] แชร์สเต็ปใสห่างไกลสิวเสี้ยนของบ้านมียอน สำหรับหนุ่มสาวผิวแห้ง

สวัสดีค่ะ

วันนี้จะมาแชร์สเต็ปการดูแลสิวเสี้ยนของบ้านมียอนเพื่อแลกเปลี่ยนกันนะคะ

สิวเสี้ยน.jpg

เรียกได้ว่าสิวเสี้ยนนี่เป็นปัญหากวนใจสำหรับหลายคนเลยทีเดียวค่ะ

ว่าแต่ สิวเสี้ยนนี่มันเกิดมาจากไหนกันนะ

acne-formation-process-different-types-bumps-scars-bumps-blackheads-whiteheads-papule-pustules-scars-68322579.jpg

(รูปจาก Dreamstime)

ในสภาวะปกติ: แถวบนสุดรูปที่ 1

การหลั่งน้ำมันจากรูขุมขน และ การสร้างกับผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขนมีความสมดุล จึงไม่เกิดสิวขึ้น

 

เมื่อเกิดปัญหาอะไรบางอบ่างขึ้น ทำให้สมดุลในการสร้างน้ำมันจากรูขุมขน และ การสร้างกับผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขน เสียสมดุลขึ้น ทำให้เซลล์เหล่านี้ไปอุดตันที่ปากรูขุมขน น้ำมันจึงออกไปข้างนอกไม่ได้ เกิดการอุดตันขึ้นมา (แถวบนสุดรูปที่ 2) อุดตันนี้เราเรียกว่าเป็น Comedone

 

Comedone นี้เกิดได้สองแบบ คือ เกิดอยู่ข้างในรูขุมขน เราเรียกเป็นสิวหัวปิด หรือ Whitehead (แถวบนสุดรูปที่ 3)

 

แต่ถ้าอี Comedone นี้มันมากไปจนดันให้หัวรูขุมขนเปิด ไขมันที่สะสมอยู่ก็สัมผัสออกซิเจนในอากาศ เกิดปฏิกิริยาออกซิไดส์ จนให้เห็นเป็นสีดำ เราจะเรียกว่าเป็นสิวหัวเปิด หรือ Blackhead ก็คือสิวเสี้ยนที่เราเห็นนั่นเองค่ะ (แถวกลางรูปที่สาม)

 

การเกิดสิวจริงๆแล้วมีอีกหลายสาเหตุ และมีสิวอักเสบอีกหลายๆแบบ แต่วันนี้ขอแปะไว้ก่อน ยังไม่กล่าวถึงนะคะ

 

ในการดูแลสิวเสี้ยนนั้น ถ้าคนที่มีผิวมัน กลุ่มสาร หรือ ยาที่มีผลเพิ่มการผลัดผิว หรือ ปรับสมดุลการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เช่น วิตามินเอต่างๆ พวกนี้จะช่วยได้ค่ะ แต่ปัญหาคือ พวกนี้มันกดการสร้างน้ำมันด้วย และสารที่ผลัดผิวมักจะระคายเคือง คนผิวแห้งจะใช้ไม่ค่อยได้

 

มี่เองก็ผิวแห้งค่ะ ส่วนตัวมี่มีวิธีดูแลสิวเสี้ยนดังนี้ค่ะ

ในการดูแลแบบทุกวัน หรือ Everyday care หลังจากล้างเมคอัพแล้ว ตอนกลางคืน มี่จะเริ่มจาก

  • นวดด้วย Cleansing oil ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่า Like dissolves like น้ำมันในคลีนซิ่งออยล์ก็จะไปละลายเอาไขมันอุดตันในรูขุมขนออกมา การที่เรานวด ก็ช่วยให้น้ำมันลงไปในรูขุมขน และเกิดความร้อนขึ้นมา รูขุมขนจึงเปิดออก
  • ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า อันนี้ตามปกติเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นไปได้ ล้างน้ำอุ่นค่ะ เอาให้อุ่นพอประมาณ อย่าร้อนเกินไป น้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขน และชะเอา Cleansing oil ออกมา
  • เสร็จแล้วก็ตบท้ายด้วย BHA toner ขั้นตอนนี้ถ้าผิวแห้งมากๆ อาจจะใช้ไม่ได้นะคะ บางคนอาจจะรู้สึกแสบร้อนกับ BHA ได้ ก็แนะนำว่าเลี่ยงไป ใช้โทนเนอร์น้ำกุหลาบ หรือ ชาเขียว หรือพวก Witch hazel แทนค่ะ

 

และนอกจากการดูแลทุกวันแล้ว สิ่งที่เป็น Special care จะทำเพียงสัปดาห์ละครั้ง หรือ สองสัปดาห์ครั้ง ค่ะ จะเริ่มจาก

  • นวด Cleansing oil และล้างน้ำอุ่น อันนี้เหมือนข้างบน
  • แปะ Pore pack ในขณะที่หน้ายังเปียกน้ำอุ่นเมื่อกี๊อยู่ ซึ่ง pore pack จะคอยดูดจับหัวสิวเสี้ยนออกมาได้ค่ะ
  • แปะ pore pack เสร็จเราต้องกระชับรูขุมขนนะคะ เพราะเมื่อสิวเสี้ยนถูกดึงออกมา รูขุมขนเราจะกว้างอยู่ ให้รีบกระชับเพื่อปิดรูขุมขน โดยการประคบเย็นค่ะ ง่ายสุดคือ เอาสำลีชุบน้ำเย็น (จากตู้เย็น) แล้ววางไว้แป๊บนึง (ประมาณ 3 – 5 นาทีก็พอค่ะ)
  • เช็ด BHA toner ซักหน่อย พอกรุบกริบ
  • มาสค์หน้าแบบเย็น (เอามาสค์ไปแช่ตู้เย็นซักประมาณ 30 นาที ก่อนแปะ pore pack กำลังดีเลยค่ะ) ความเย็นจะช่วยปิดรูขุมขน และ การมาสค์หน้าจะเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยให้ผิวเราฟื้นฟูตัวเองได้ไวขึ้นค่ะ

 

จบแล้วค่ะ สำหรับวิธีการดูแลสิวเสี้ยนแบบง่ายๆ แต่อย่างไรก็ดี พวกนี้ต้องใช้เวลานะคะ ไม่มีอะไรที่ใช้ปุ๊บแล้วหายได้ภายในข้ามคืนหรอกค่ะ

 

พบกันใหม่ Blog ถัดไป สวัสดีค่ะ