สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้มี่จะมาวิเคราะห์ส่วนผสมกับเล่ารายละเอียดคร่าวๆ ของเซรั่มฃดูแลปัญหาสิวต่างๆ ของผู้ที่มีผิวมัน และผิวอุดตันง่ายจากแบรนด์ Acnevit
แบรนด์ Acnevit จัดได้ว่าเป็นแบรนด์เวชสำอางแบรนด์หนึ่งที่น่าสนใจ โดยตัวผลิตภัณฑ์จะมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์คือ “Vitamin C Rich Complex” โดยทางแบรนด์ได้ทดสอบเจ้า Complex นี้ทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร อยู่หลายอย่าง ก็ดูแล้วดีงามอยู่นะคะ
โดยสำหรับวันนี้เรียกได้ว่าเป็น Mini-Review นะคะ เพราะส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาสิวมานานแล้ว เลยขอเป็นการเอาส่วนผสมมาเล่าสู่กันฟัง พร้อมกับจะเล่ารายละเอียดของการทดสอบที่แบรนด์ได้ทดสอบ บางการทดสอบมาแชร์ให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ
ว่าแล้วก็ไปดูที่ตัว Product ของ Acnevit น้องจะมาในกล่องที่มีหน้าตาประมาณนี้นะคะ

โดยด้านในจะมีตัวบรรจุภัณฑ์ล็อกไว้อยู่ค่ะ

โดยจะมีหน้าตาประมาณนี้

จุดที่น่าสนใจคือ ตัวแพคเกจมีลักษณะที่สามารถบ่งบอกได้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเคยถูกเปิดใช้มาแล้วหรือยัง โดยถ้าเปิดแล้ว วงแหวนสีฟ้าจะหลุดออกมาจากฝาจุกค่ะ

ซึ่งส่วนตัวคิดว่ามันน่าสนใจและให้ความรู้สึกปลอดภัย
เนื้อของเซรั่มมาในรูปแบบของเบสน้ำใส มีความหนืดเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ง่าย ช่วงแรกจะรู้สึกหนึบ แต่พอผ่านไปไม่ถึง 1 นาที ก็จะรู้สึกนุ่มนวล และชุ่มชื้น

สำหรับค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

ก่อนไปดูส่วนผสม อยากเล่าเกี่ยวกับการทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สักหน่อยค่ะ ส่วนแรกที่น่าสนใจคือ การทดสอบความสามารถในการกำจัดเชื้อ P. acnes หรือ ชื่อใหม่ของน้อง คือ Cutibacterium acnes
(Image from Acnevit Official Website)
ซึ่งพบว่าเซรั่ม Acnevit สามารถลดจำนวนของ C. acnes ลงได้ในระดับหลอดทดลอง
การทดสอบถัดมาเป็นการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร เป็นเวลา 12 สัปดาห์ (84 วัน)
(Images from Acnevit Official Website)
ซึ่งข้อมูลจากการทดสอบในอาสาสมัครก็พบว่าให้ผลดีเช่นกัน
โดยจุดสำคัญที่แบรนด์เน้นมากของน้องเซรั่มนี้คือ
❤สามารถช่วยดูแลเรื่องสิวได้โดยไม่มีสารก่อให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งถ้าเป็นเครื่องสำอาง ก็มักจะเป็นพวก BHA และ/หรือ AHA หรือกรณีถ้าเป็นยาก็เป็นพวก Benzoyl peroxide (BP) กับพวก Azelaic acid
ซึ่งแน่นอนว่า เครื่องสำอางใส่ตัวยาไม่ได้อยู่แล้วเนาะ แต่ก็มีหลายเคสที่เกิดรอยดำหลังจากสิวหายเพราะการระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้
ตัวนี้ทางแบรนด์เคลมว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรสามารถใช้ได้ โดยส่วนตัวมองว่า ในทางเครื่องสำอางเราไม่ได้มีการศึกษาความปลอดภัยของสารต่อทารกในครรภ์เหมือนยานะคะ โดยเราจะห้ามตัวที่อันตรายชัวร์ๆ ส่วนที่เหลือ ถ้าดูแนวโน้มแล้วไม่มีอันตราย ก็พอจะอนุโลมได้ค่ะ แต่อย่างไรก็ดี แนะนำให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนจะใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามนะคะ
ด้านข้างกล่องมีข้อแนะนำ เพื่อตอบคำถามว่า เซรั่มนี้เหมาะกับใคร หรือ ปัญหาอะไร
- สิวหัวขาว สิวหัวดำ หรือ สิวเสี้ยน
- รูขุมขนกว้าง
- Blotches (รอยสีผิวผิดปกติ เช่น ปื้นเหลือง รอยแดง)
- ผิวมัน เงาวาว
- Blemish (จุดด่างดำ ร่องรอยต่างๆ)
- สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- (Bump) สิวอุดตัน หรือ สิวผดที่อยู่ด้านใน เวลาสัมผัสแล้วรู้สึกได้ว่าผิวไม่เรียบ
มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ ส่วนผสมเป็นดังภาพ

สำหรับส่วนผสมวันนี้ทำไว้หลายสีนะคะ โดยจะขอเริ่มจากสีบานเย็น
- Sodium ascorbyl phosphate (ขอย่อว่า SAP) ดูเผินๆ อาจจะแบบว่าก็แค่วิตามินซี ที่ละลายน้ำได้ แต่ความจริงแล้ว SAP มีการทดลองทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัครยืนยันถึงประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาสิว
- งานชิ้นแรกมาจาก Woolery-Lloyd และคณะ ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของโลชั่นที่มีส่วนผสมของ SAP ความเข้มข้น 5% ในอาสาสมัคร แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับ SAP อีกกลุ่มใช้โลชั่นที่ไม่มี SAP โดยให้อาสาสมัครทาเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าอาการของสิวต่างๆ ดีขึ้นกว่าโลชั่นเปล่า และไม่เกิดอาการข้างเคียง (J Cosmet Dermatol. 2010;9(1):22-7.)
- งานอีกชิ้นมาจาก Klock และคณะ ทดสอบประสิทธิภาพของ SAP ทั้งในระดับหลอดทดลอง โดยศึกษาผลในการฆ่าเชื้อก่อสิว (Cutibacterium acnes) ของ SAP ความเข้มข้น 1% พบว่ามีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อสิว ก่อนจะไปศึกษาประสิทธิภาพในอาสาสมัคร โดยให้อาสาสมัครทาครีมที่มี SAP 5% เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าได้ผลดี (Int J Cosmet Sci. 2005;27(3):171-6.)
- Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 ซึ่งมีรายงานการวิจัยสนับสนุนถึงประสิทธิภาพหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมความมัน และการดูแลปัญหาสิว
- Biotin เป็นวิตามินอีกตัวที่น่าสนใจ ในร่างกายเรา Biotin เป็นตัวประกอบ (Co-factor) ในการทำงานของเอนไซม์บางชนิด บางตัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างกรดไขมันของผิว การปรับสมดุลการแบ่งตัวของผิว จึงมีประโยชน์ในการดูแลปัญหาสิว โดยเฉพาะกรณีที่ต้องใช้สารกลุ่ม Retinoids ซึ่งทำให้ผิวแห้ง เพราะไปกดการสร้างไขมัน การเสริม Biotin เข้ามาจะลดอาการผิวแห้ง
สีม่วง ส่วนผสมของ Aqua (and) Butylene Glycol (and) PEG-60 Almond Glycerides (and) Caprylyl Glycol (and) Glycerin (and) Carbomer (and) Nordihydroguaiaretic Acid (and) Oleanolic Acid ตัวนี้เป็นวัตถุดิบของทาง Sederma ประเทศฝรั่งเศส วัตถุดิบชุดนี้อาศัยประโยชน์จาก Nordihydroguaiaretic Acid ในการปรับสมดุลการสร้างและผลัดเซลล์ผิว ซึ่งมีประโยชน์ในเชิงการลดการอุดตัน ร่วมกับ Oleanolic acid ที่มีประโยชน์ในการลดการสร้างน้ำมัน Sebum ผ่านฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้มีฤทธิ์แรงขึ้น และกระตุ้นการสร้าง Sebum ออกมา โดยเจ้า Sebum นี้เป็นอาหารของ C. acnes พอ Sebum ลดลง C. acnes ไม่มีอาหาร ประกอบกับเจอ SAP ปริมาณมันก็จะลดลงไปโดยปริยาย.
สีน้ำเงิน Zinc lactate มีจุดเด่นในด้านของการควบคุมความมัน
สีส้ม สารสกัดจากบัวบก ที่โดดเด่นในแง่ของการดูแลการสร้างคอลลาเจน การสมานแผล จึงน่าจะมีประโยชน์ในการลดการเกิดแผลเป็นจากสิว
สีเขียว Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine มีประโยชน์ในการให้ความชุ่มชื้นและปรับ Feeling ของผลิตภัณฑ์ให้นุ่มนวล
ส่วนอีกจุดที่น่าสนใจ แม้จะไม่ใช่สารบำรุง คือ สีเขียวขี้ม้า Citric acid + Sodium citrate ทำหน้าที่เป็น Buffer เพื่อควบคุมค่า pH ให้คงที่ ซึ่งมีประโยชน์ในด้านของการปกป้องส่วนประกอบในตำรับเพื่อเสริมความคงตัว
โดยรวมคือเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลสิวที่ใช้ส่วนผสมมาดูแล ที่ 5 ปัญหาหลักในการเกิดสิว
- ปรับสมดุลการสร้างและผลัดผิวให้เป็นปกติ เพื่อลดการอุดตันในรูขุมขน
- ควบคุมการสร้างน้ำมันซึ่งเป็นอาหารของ C. acnes
- กำจัด C. acnes
- อาศัยประโยชน์จากวิตามินซีมาลดการอักเสบระคายเคือง Whitening ดูแลปัญหารอยแดง รอยดำ
- ดูแลปัญหาด้านการสมานผิว ลดการเกิดรอยแผลเป็น
ในส่วนของเบสหลัก ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และส่วนผสมอื่นๆ ที่อาจจะก่อการระคายเคืองผิว
มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ สำหรับวันนี้จะมีคะแนนในส่วนของสารบำรุง และ ส่วนผสมอื่นๆ เท่านั้น
- สารบำรุง (Active) ตามที่ได้กล่าวไปในด้านบน ว่ามีส่วนผสมที่มีประโยชน์ในการดูแลสิว และปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิวได้หลายประการ และส่วนตัวมองว่าค่อนข้างครอบคลุม และยังสมารถให้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ชุ่มชื้น ไวท์เทนนิ่ง ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) และการชะลอวัย ชะลอการเกิดริ้วรอย ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
- ส่วนผสมอื่นๆ ส่วนตัวมองว่าทั้งเนื้อเบสหลัก และส่วนผสมอื่นๆที่ใส่มาเป็นสารปรุงแต่ง ล้วนเป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Acnevit สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมาแนะนำให้ได้รู้จัก และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Acnevit หรือ เพจ DermArtlogy Thailand ซึ่งเป็นผู้นำเข้าได้โดยตรงเลยนะคะ
https://www.facebook.com/dermArtlogyThailand
Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Acnevit การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ