Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเวชสำอางสายคลีนแบรนด์ดัง Kamedis กลุ่ม AC-clear Breakouts control kit ครบเซ็ต

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลปัญหาสิวตัวเด่นตัวดังตัวหนึ่งมาฝากกันนะคะ

เป็นเซ็ตผลิตภัณฑ์ดูแลสิวจากแบรนด์ Kamedis ซึ่งส่วนตัวเข้าใจว่าหลายๆ ท่านน่าจะเคยได้ยินชื่อแบรนด์ แบรนด์นี้มาบ้าง แบรนด์นี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิสราเอลค่ะ

โดยที่มาของแบรนด์ก็น่าสนใจนะคะ เริ่มมาจากคุณ Roni Kramer เธอมีปัญหาผิว เธอเลยเสาะแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาผิวไปเรื่อยๆ จนมีโอกาสได้เรียนการแพทย์แผนจีน และเอาความรู้ที่ได้มาบูรณาการเข้ากับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เลยกลายเป็นผลิตภัณฑ์ของ Kamedis ขึ้นมาค่ะ

ภายใต้คอนเซปท์ East meets West, tradition and innovation, safety and effectiveness

และสโลแกน “Balance, Nature, Science” ค่ะ

(Image from Kamedis Official Website)

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มี่มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมวันนี้เป็นเซ็ตดูแลปัญหาสิว AC-Clear Breakouts control kit นั่นเองค่ะ

ในเซ็ตๆ นี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์จำนวน 3 ชิ้น ได้แก่ Cleanser, Spot treatment และ Face cream ค่ะ มีหน้าตาประมาณนี้

สำหรับเซ็ตนี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 3 ชิ้น ได้แก่ Cleanser, Cream และ Spot treatment

จากคอนเซปท์ Balance, Nature, Science ทางแบรนด์ได้ทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร พบว่าผิวดูสะอาดขึ้น และปัญหาสิวดีขึ้นภายใน 12 ชั่วโมงหลังใช้งานค่ะ

สำหรับสมุนไพรหลักของกลุ่มนี้ จะเป็นสมุนไพรสูตรผสมที่มีสิทธิบัตรรองรับ ตัวหลักจะเป็นตัว Purslane (Portulaca oleracea) ร่วมกับสมุนไพรอื่นอีก 6 ชนิด ได้แก่ Amur Cork Tree (Phellodendron Amurense), Great Burnet (Sanguisorba Officinalis), Chinese Rhubarb (Rheum Palmatum), Baikal Skullcap (Scutellaria Baicalensis), and Chrysanthemum (Chrysanthemum Indicum)

เริ่มกันที่ตัว Cleanser เลยนะคะ

Cleanser ของเขามาในรูปหลอดประมาณนี้ค่ะ

เนื้อเป็นเนื้อแบบโฟม ปริมาณของฟองจะไม่เยอะมากนัก หลังล้างยังคงสบายผิว ไม่แห้งตึง และไม่ระคายเคือง

ค่า pH หลังละลายน้ำอยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ถือว่ากำลังเหมาะเลย

สำหรับส่วนผสมของโฟมล้างหน้าจะเป็นตามนี้ค่ะ

ในภาพรวมสูตรของ Cleanser มาด้วยความอ่อนโยน มีสารไขมันที่คอยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไปหลังล้าง และเสริมสารบำรุงที่เป็นพระเอกอย่างสารสกัดของ Purslane และ Salicylic acid ที่เป็น BHA

ส่วนผสมของ Cleanser มี่ทำสีไว้ 5 สีนะคะ

  • ส่วนของสีม่วงจะเป็นกลุ่มของสารทำความสะอาด ซึ่งทุกตัวมีความอ่อนโยนกับผิวเป็นอย่างดี
  • สีชมพู เป็นสารสกัดจาก Purslane พระเอกของผลิตภัณฑ์กลุ่ม AC-control ค่ะ ซึ่งตรงนี้เดี๋ยวจะกล่าวอีกรอบตอนรีวิวเซรั่มนะคะ
  • สีฟ้า สารสกัดจากพืชในกลุ่มของ Soapberry ประกอบด้วยสารกลุ่ม Saponin มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดเช่นกัน
  • สีน้ำตาล คือ Salicylic acid ตัวนี้เป็น BHA ที่ละลายได้ไขมัน มีคุณสมบัติละลายสิ่งอุดตันภายในรูขุมขน และลดการระคายเคือง
  • สีเขียว เป็นไขมันที่เติมเข้ามา ในทางเครื่องสำอางนิยมเรียก Super fat เพื่อป้องกันผิวแห้งตึงหลังล้างออก และตัวที่น่าสนใจคือ Lauroyl lysine ซึ่งเป็นสารลูกผสมระหว่างกรดอะมิโน Lysine กับกรดไขมัน เป็นสารปรับ Feeling ให้ความรู้สึกนุ่มนวล และอาจเกาะติดผิว ให้คุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น

ต่อมาจะเป็นตัว Spot treatment หน้าตาเป็นประมาณนี้ค่ะ

เนื้อจะออกสีส้ม อมน้ำตาล ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าเป็นสีของสารสกัดจากพืชที่ใส่ลงไป มีกลิ่นแนวสมุนไพรตามธรรมชาติ

ลองดูที่ส่วนผสมก็คือเขาไม่ได้แต่งสี ส่วนตัวก็เลยคิดว่าเป็นสีจากพวกสารสกัดเหมือนกันค่ะ

สำหรับตัวนี้มี่ไม่ได้วัดค่า pH ให้นะคะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ในภาพรวม Spot treatment นี้มาในรูปแบบของเจลเบสน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และซิลิโคน ใช้สารบำรุงหลายชนิด คือ กลุ่มของสาร Signature combination ของกลุ่มนี้ รวมถึง BHA และสารสกัดที่มีสิทธิบัตรรองรับ อย่างชุดสีชมพู

แต่ว่ามีแอลกอฮอล์ ซึ่งติดมากับวัตถุดิบด้วยส่วนหนึ่ง สำหรับแอลกอฮอล์ตรงนี้ส่วนตัวมองว่าน่าจะมีประโยชน์ในการชะ และทำความสะอาดรูขุมขน เหมาะกับสภาพผิวมัน เพราะคนที่เป็นสิวส่วนใหญ่มักจะมีผิวมัน ลองมาดูรายละเอียดกันนะคะ

  • สีชมพู สูตรผสมของ Capryloyl Glycine & Hexylene Glycol & Sarcosine & Cinnamomum zeylanicum Bark Extract ตัวนี้มีชื่อว่า SepicontrolTM A5 ของบริษัท Seppic ประเทศฝรั่งเศส ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร พบว่าส่วนผสมชุดนี้มีประโยชน์ในด้านของ การยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย เสริมภูมิคุ้มกันให้ผิว การลดการอักเสบระคายเคือง ควบคุมการสร้างน้ำมันจากต่อมไขมัน ปรับสมดุลการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของผิวในรูขุมขน ซึ่งมีประโยชน์ในด้านของลดการอุดตัน และยับยั้งเอนไซม์ Lipase ที่แบคทีเรียสร้างออกมา เมื่อมี Lipase นางจะไปย่อยสลายไขมันจากต่อมไขมัน ทำให้เกิดอาการการอักเสบต่างๆ ตามมาคู่กับอาการของสิว วัตถุดิบชุดนี้มีสิทธิบัตรรองรับ (US20040228822A1)
  • สีเขียวอ่อน สูตรผสมของ Propanediol (and) Picea abies Extract และ Alcohol เป็นสารสกัดของ เนื้อไม้ Norway Spruce มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี และมีความเสถียรสูง
  • สีน้ำตาล คือ BHA ตามที่ได้กล่าวไปด้านบน
  • สีฟ้า เป็นสูตรผสมของสารสกัดที่เป็น Signature ของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ค่ะ ได้แก่
    • สารสกัดจาก Portulaca oleracea หรือ Purslane มีรายงานเกี่ยวกับฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล (Wound healing) (J Ethnopharmacol. 2003; 88(2-3):131-6.) ลดการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2000; 73(3):445-51.) และมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant (J Med Plants Res. 2011; 5(9):1589-1593) นอกจากนี้ ทางผู้ผลิตวัตถุดิบหลายๆ เจ้า ก็กล่าวว่ามีประโยชน์ในด้านของการควบคุมความมัน และกระชับรูขุมขน
    • สารสกัดจาก Sapindus mukorossi หรือ Soapberry มีรายงานว่าเป็น Antioxidant มีประโยชน์ในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ในส่วนของเมล็ดมีรายงานว่ายับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ที่เป็นเอนไซม์สำหรับสร้างเม็ดสี Melanin (Rev Inst Med Trop Sao Paulo. 2012; 54(5):273-80.) ตรงนี้ส่วนตัวมองว่าน่าจะมีประโยชน์ในด้านของการดูแลปัญหารอยดำจากสิว
    • สารสกัดจาก Phellodendron amurense หรือ Amur cork tree ตัวนี้เป็นพืชในยาจีนชนิดหนึ่ง มีรายงานเกี่ยวกับประโยชน์ในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง (Int Immunopharmacol. 2014; 19(2):214-20.)
    • สารสกัดจาก Sanguisorba officinalis หรือ Great burnet มีรายงานว่าประกอบด้วยสารกลุ่ม Flavonoid ที่เป็น Antioxidant ที่ดี มีรายงานว่ามีคุณสมบัติต้านเชื้อจุลชีพได้หลายชนิด (Pharm Chem J. 2016; 50(4): 244–249.)
    • Rheum palmatum สารสกัดจาก Rhubarb ผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าประกอบด้วยสารในกลุ่ม Phenolic หลายชนิด มีประโยชน์เป็น Antioxidant และมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อจุลชีพบางประเภท
    • Scutellaria baicalensis extract สารสกัดจาก Skullcap ประกอบด้วยสารฟลาโวนอยด์ที่ชื่อ Baicalin กับ wogonin ที่ให้ผลลดการอักเสบในผิว ปกป้องไม่ให้รังสี UV ทำลายคอลลาเจนในผิว โดยไปมีผลยับยั้งไม่ให้เอนไซม์ MMP เพิ่มจำนวนขึ้น (Eur J Pharmacol. 2011; 661(1-3):124-32.)
    • Chrysanthemum indicum extract สารสกัดจากดอกไม้ในวงศ์เดียวกับดาวเรือง ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า ประกอบด้วยสารในกลุ่ม Phenolic หลายชนิด และ Saponin ที่มีประโยชน์ในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดการบวมน้ำ ปกป้องผิวหนังจากรังสี UV

ดังนั้นโดยสรุปคือ Spot treatment ตัวนี้จัดมาเต็มมาก แน่นมาก เรียกได้ว่าดูแลครบจบทุกปัญหาสิวเลยในหลอดเดียว

สุดท้ายขอปิดรีวิวด้วยตัวครีมบำรุงนะคะ

หน้าตาเป็นประมาณนี้

เนื้อครีมมีสีออกส้มอมน้ำตาล มีกลิ่นไปในแนวสมุนไพรเฉพาะตัว

เนื้อครีมค่อนข้างให้สัมผัสเย็น เกลี่ยง่าย เบาสบายผิว ไม่เหนอะหนะ

ส่วนผสมของตัว Face cream เป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับตัวของครีม ในภาพรวมจะเป็นรูปแบบครีม หรือ เจลครีม ที่มีส่วนผสมของน้ำ กับน้ำมันที่มีเนื้อบางเบา สารบำรุงคล้ายกับตัวเซรั่ม เพียงแต่มีการเสริมเอา Plankton extract กับวิตามินซี เข้ามา และปรับสารสกัดในตำรับนิดหน่อย จึงขอกล่าวถึงตัวที่เพิ่มมานะคะ

  • สีม่วง สูตรผสมของ Plankton Extract & Phenethyl Alcohol ตัวนี้คาดว่าจะมีชื่อทางการค้าว่า EPS SEAFILL PA ของบริษัท CODIF Technologie Naturelle ประเทศฝรั่งเศส ส่วนผสมชุดนี้ทางผู้ผลิต Claim ไปในเชิงของด้านการชะลอวัย ลดริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน

ซึ่งส่วนตัวมองว่า การเอาวัตถุดิบกลุ่มลดเลือนริ้วรอยมาใส่ในผลิตภัณฑ์ดูแลสิว น่าจะมีประโยชน์ในแง่ของการลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิว

สำหรับวันนี้ในการให้คะแนนขอหยิบยกเอา Spot treatment มาให้คะแนนนะคะ

  1. สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไปในด้านบน ตัวสารบำรุงที่ทางแบรนด์เลือกใส่มา ไม่ว่าจะเป็นสูตรผสมสิทธิบัตร และ สารควบคุมความมัน ลดการอักเสบระคายเคือง รวมไปถึงพวก Antioxidant พวกที่ต่อต้านจุลชีพ และ พวก Whitening ต่างๆ ถือว่าทำมาได้ตอบโจทย์เลยหละ ทั้งปัญหาตัวสิวเอง การอุดตัน ความมัน รอยแดง และรอยดำ ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ด้วยความที่มีการใช้ Alcohol ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวเข้าใจว่าติดมากับวัตถุดิบบางตัว และ อาจใส่เสริมเพื่อปรับสภาพครีมให้แห้ง ไม่มันเยิ้ม ให้ความรู้สึกสดชื่น ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับคนผิวมัน ซึ่งมักพบปัญหาสิวอยู่บ่อยๆ แต่มีก็คือมี เลยขอหักไป 1 ฟลาสก์ ตัววัตถุดิบที่เหลือ เลือกใช้ได้อย่างดี ลงตัว และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย รับไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวนานๆ ทีจะมีปัญหาเกี่ยวกับสิว เลยเอาตัว Spot treatment ไปให้หลานลองใช้ ถือว่าตอบโจทย์ หลาน Happy กับเรื่องการดูแลสิว แต่แค่เวลาราวๆ 2 อาทิตย์ อาจจะยังเห็นผลไม่ชัดเจนเนาะ ตัวหลานเองก็บอกว่าไม่ได้แสบหรือยุบยิบอะไรแต่อย่างใด ส่วนตัวครีม มี่เอามาใช้เองเป็นตัวบำรุงในช่วงกลางวัน ทาเฉพาะตรง T-zone ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ นี่คือ ช่วยทำให้เมคอัพดูสดเหมือนพึ่งแต่ง ให้ความรู้สึก Matte แต่ไม่แห้งตึง จุดนี้ถ้าเอาความรู้สึกของมี่มาเป็นเกณฑ์ขอให้ไปที่ 4 ฟลาสก์ค่ะ แต่คนผิวแห้งอาจจะไม่ไหวนะคะ ตัวนี้ค่อนข้าง Matte เลยแหละ ส่วนคนผิวมันน่าจะชอบค่ะ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ Kamedis ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเพจ Inskin Lab ซึ่งเป็น Official Distributor ของ Kamedis ในไทยได้เลยนะคะ

https://www.facebook.com/inskinlab.th

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Kamedis การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s