Image

[Miyeon on Event] ได้รับการดูแลประดุจดั่งเป็นเจ้าหญิงในนิทาน – Being treated like a princess

เชื่อว่าผู้หญิงหลายๆ คน มีความฝันอยากได้รับการดูแลปรนนิบัติแบบเจ้าหญิง อย่างน้อยก็สักครั้ง ส่วนตัวมี่เองก็มีความฝันแบบนั้นนะคะ

ไปกรุงเทพครั้งนี้มี่มีโอกาสได้พบกับ คุณอั๋น Dior Makeup trainer และ คุณบี Color stylist มาช่วยเติมแต่งความสวย ทั้งแต่งหน้า ทำผม ทาเล็บ ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก Dior เรียกได้ว่าเพียบพร้อมพร้อมและสวยงามมาก

ทาง Dior มีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ให้เราได้ประทับใจเสมอเลยค่ะ อย่างเรื่องการทาเล็บ Color stylist ก็จะนวดมือให้ก่อนด้วย เพื่อความผ่อนคลาย

ระหว่างแต่งหน้าก็ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับคุณอั๋นถึงเทคนิคการแต่งหน้าแบบต่างๆ ซึ่งเอาจริงๆ เราก็รู้แค่ทฤษฎี แต่สกิลด้านการปฏิบัตินั้นเรียกได้ว่า แทบไม่มีเลยค่ะ

โจทย์ที่คุณอั๋นถามคือ อยากได้ลุคประมาณไหน เราก็แบบ อยากให้มันเป็นการเบลนด์กันของ K-beauty และ Eu-beautyเป็นการผสมกันอย่างลงตัวระหว่าง K-beauty และ งานสายฝอ คุณอั๋นก็เนรมิตออกมาให้ได้อย่างสวยงาม เข้ากันกับชุด และทรงผมที่คุณบีทำให้อย่างเหมาะเจาะ

โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็นหัวใจหลักของการแต่งหน้าครั้งนี้คือ DIOR PRESTIGE Cushion foundation – le cushion teint de rose

นางเป็นคุชชั่นที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรม Rose color blend complex ที่ให้ Complexion ผิวที่สวยแบบดอกกุหลาบ และเทคโนโลยี Rose light pigment ที่มีคุณสมบัติกระจายแสงให้ทั่วใบหน้า ให้ผิวแลดูสดชื่น เปล่งปลั่ง อมชมพู อย่างเป็นธรรมชาติ และมีชีวิตชีวา นอกจากนี้นางยังมีคุณสมบัติปกป้องแสงแดดในตัวด้วยค่า SPF50 PA+++

รุ่นใหม่นี้เป็น Cushion รุ่น Slim ที่ค่อนข้างบางกว่าตลับแบบเดิม พกง่าย ไม่กินเนื้อที่ในกระเป๋า ในการแต่งหน้าครั้งนี้ มี่ใช้เบอร์ 030 ค่ะ ราคาตลับจริงอยู่ที่ 3,800 บาท Refill 2,050 บาท Sponge 2 ชิ้น 350 บาท

ส่วนตัวมี่เองผิวค่อนข้างแห้ง ทางคุณอั๋นจึงแนะนำเทคนิคให้เอาเซรั่ม Dior prestige La micro-huile de rose มาวอร์มผสมกับเนื้อ Cushion ก่อนลงผิวจะได้ความชุ่มฉ่ำเพิ่มขึ้น และติดทนผิวมากขึ้น เป็นงานผิวที่ดูแบบสดใสและเป็นธรรมชาติมากๆ

Finished look เป็นประมาณนี้ค่ะ

สำหรับลุคนี้ ระหว่างวันผิวไม่แห้ง ไม่เหี่ยว ไม่ตึง ไม่ลอก และก็ไม่เยิ้ม คือ ปลื้มปริ่มมากจริงๆแต่งตั้งแต่ตอนราวๆ 9 โมง เสร็จงานราวๆ 4 โมงเย็น ออกไปเที่ยวต่อถึง 4 ทุ่มกว่า กลับห้องยังสวยเหมือนเดิม เรียกได้ว่าแทบไม่อยากจะลบเมคอัพเลยทีเดียวหละ

สวยฉ่ำยาวยัน 4 ทุ่ม

Disclaimer: การร่วมแต่งหน้าในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Dior

Image

Review + Swatch liquid lipstick เป๊ะปังสุดเลอค่าจากแบรนด์ Callin’ cosmetics ลิปจิ้มจุ่มเนื้อแมทท์สุดชิค เพื่อเป็นสาว Callin’

ถ้าพูดถึงลิปสติก เชื่อว่า สมัยนี้ ลิปสติกเป็นมากกว่าเครื่องสำอางแล้วนะคะ ลิปสติกเหมือนเป็นเครื่องมือแห่งพิธีกรรมอะไรบางอย่าง ลิปสติกมีพลังงานพิเศษที่ทำให้เราเข้มแข็ง มีแรงใจ แรงกายในการทำงานต่างๆ

เหมือนที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆว่า “ปากไม่แดง แรงไม่มี” จริงไหม !!

 

ทำไมวันนี้มี่เกริ่นอะไรมาแปลกๆ นั่นก็เพราะว่า วันนี้จะมาอวด #ของเล่นใหม่บ้านมียอน นั่นเองค่ะ

เป็นลิปสติกจิ้มจุ่มเนื้อแมทท์ จากแบรนด์ไทย ที่ผ่านการพัฒนามาด้วยนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางที่มีความเชี่ยวชาญด้าน color cosmetic มีประสบการณ์ในวงการนี้มายาวนาน

เป็นลิปจิ้มจุ่มเนื้อแมทท์ของแบรนด์น้องใหม่อย่าง Callin’ cosmetics (คอลลิ่ง คอสเมติกส์) นั่นเองจ้า

ลิปจิ้มจุ่มรุ่นนี้มีชื่อว่า Kiss me babe liquid lipstick นั่นเองค่ะ

 

นางมาในแพคเกจน่ารักน่าร็อค สีชมพู ด้านในเป็นขวดลิ้มจิ้มจุ่มขนาดพอเหมาะ พกสะดวก ที่มีสกรีนลายที่ฝาแบบนี้ค่ะ

 

calling 1

ในรุ่นแรกที่เปิดตัวมานี้ทางแบรนด์ทำมาด้วยกัน 8 สีค่ะ

calling 2

เรียงไล่มาตั้งแต่โทนหวานๆสีชมพู มาถึงนู้ดๆแบบ earth tone กลายเป็นส้ม และปิดท้ายด้วยสีแนวๆ Burgundy หรือ สีไวน์แดงค่ะ

 

ลิปตัวนี้ทำเนื้อมาค่อนข้างดี เกลี่ยง่าย กลบสีปากได้ค่อนข้างดี เมื่อแห้งแล้วจะติดทนมาก กินน้ำ กินขนมอะไรนี่แทบจะไม่หลุด แต่ถ้ากินข้าวมื้อหนักๆ อาจจะต้องเติมตรงด้านในปากนิดนึงค่ะ

 

แต่ถึงจะติดทนก็ล้างออกได้ค่อนข้างง่าย

 

ส่วนเรื่องที่หลายๆคนกลัว คือ จะทำให้ปากแห้งไหม ตัวนี้ทำให้ปากแห้งได้นิดหน่อยค่ะ พอๆกับลิปแมทท์แบบแท่ง แต่ไม่มากถึงขั้นปากแห้งแตกลอก

 

 

สวอทช์สีกันค่ะ

callin cosmetics

 

สีเบอร์ 1 และ 2 จะออกโทนสีชมพู ให้อารมณ์หวานๆ ดูใสๆไร้เดียงสา โดยสี 1 จะหวานกว่าสี 2 ค่ะ

สีเบอร์ 3 และ 4 จะเป็นคู่สี Earth tone ในแนวน้ำตาล โดยเบอร์ 3 จะมี undertone ของสีส้มแฝงอยู่ ส่วนเบอร์ 4 จะเป็นน้ำตาลที่เข้มกว่า แบบผู้ใหญ่ น่าจะเหมาะกับคนที่มีผิวสีเข้มหน่อย ใช้เป็นสีสุภาพ ใส่แบบ Everyday ได้สบายๆ ค่ะ

สีเบอร์ 5 และ 6 เป็นสีแดงที่ออกในเฉดสีร้อน โดยสี 5 จะเป็นสีแดงส้ม และสีเบอร์ 6 จะเป็นสีแดงสด ใครอยากได้ลุค เฟียร์สๆ หน่อย ต้องจัดค่ะ

เบอร์ 7 จะเป็นสีแดงที่ออกมาด้วยอันเดอร์สีเย็นๆ เป็นแดงที่เหมาะกับทุกเบสสีผิว ให้ความเป็นผู้ใหญ่ สุขุมนุ่มลึก แต่ด้วยสวยซ่อนเปรี้ยว

ปิดท้ายด้วยเบอร์ 8 เป็นสีเฉด Burgundy เป็นโทนแดงเข้มอมม่วงไว้เล็กน้อย คล้ายๆไวน์แดง สีนี้ทาแล้วจะดูมีอำนาจ ดูเป็นคนรว้ายๆ แต่ก็มีเสน่ห์และน่าค้นหา

 

สีที่มี่ชอบคือเบอร์ 1 เบอร์ 6 และ เบอร์ 8 ค่ะ

 

ไว้จะหาโอกาสมาอวดกันใหม่นะคะ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/Calling.cosmetics/

 

วันนี้ต้องลากันไปเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Image

Mini Review>>> Metal cushion รุ่น Cherry blossom collection II

สวัสดีค่ะ

ตอนไปเกาหลีเมื่อช่วง Spring ปีที่แล้ว มี่บังเอิญไปเห็น Metal cushion ของแบรนด์ Isa Knox เขาทำตลับลายดอกซากุระออกมา แล้วที่สำคัญคือเป็นสีม่วง/ชมพู ด้วยความที่มันโดนจริต เลยซื้อมาไว้อันนึง เก็บไว้ในกรุ

สมัยนั้นใช้เบอร์ 23 แต่เบอร์ 23 เป็นตลับเขียว ไม่สวย เลยยอมซื้อเบอร์ 21 ที่เป็นสีม่วงมา กะจะเอามาสะสมเป็นคอลเลคชั่น

Isa Knox นี่เป็นแบรนด์ในเครือ LG คู่แข่งของ Amore Pacific นั่นเองค่ะ

(ปล. นอกเรื่องนิดนึงค่ะ หลังๆได้ยินมาว่าเครื่องสำอางเกาหลีไม่ได้ดีทุกแบรนด์นะ แบรนด์ที่เกรดต่ำและอาจปนเปื้อนสารเคมี ก็มีอยู่ด้วย เลยไม่ค่อยซื้อของไปเรื่อย แต่ไว้ใจเครือ LG เลยจัดมาค่ะ)

 

Isa Knox นางออกสินค้าในตลับน่ารักๆมาหลายชิ้นเหมือนกันนะคะ เห็นแล้วก็อยากได้ (อยากได้ตลับ 55)

อย่างรูปนี้เอามาจากหน้าเว็บค่ะ เป็น Collection ปี 2018 เป็น Cherry blossom collection III (แต่ที่เรามีเป็นรุ่น II)

isa 2018.jpg

(Image from Isa Knox)

 

Collection II ที่มี่ได้มา จงใจเลือกตลับสีม่วงค่ะ

หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

isa 1

ตอนแรกกะว่าจะสะสมไปๆมาๆ ก็อยากลองแกะใช้

 

ด้านในก็เหมือน Metal cushion ทั่วไป คือ บรรจุรองพื้นเนื้อครีมในตลับเหล็ก ที่มีรูๆ

isa 2

(พยายามเช็ดแล้วนะ แต่มันยังมีรอยรองพื้นอยู่นิดหน่อย ไม่เป็นไรเนอะ ดูไปเพลินๆ)

 

เวลาเรากดออกมา เนื้อครีมรองพื้นก็จะไหลออกมาตามรูค่ะ

isa 3

ใช้คู่กับ Air Puff ขออภัยในความสกปรกของ Air Puff อิชั้นด้วยนะคะ

 

ตอนแรกก็คิดว่าจะขาววอกเกินไปหรือเปล่า แต่ไม่เลย ผิวมี่ตอนนี้ใช้เบอร์ 21 ได้สบายๆ อาจจะเพราะด้วยหลายสาเหตุ เช่น กางร่มตลอดเวลาออกนอกอาคาร ใช้กันแดดทุกวัน อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานน้อยลง สกินแคร์ที่เป็น Whitening หลายๆชิ้นที่ได้ทดลองตามที่เคยรีวิวกันไป ฯลฯ

 

เนื้อรองพื้นทำมาได้ดีมาก เหมาะกับอากาศร้อนบ้านเราพอดีเลย ให้ลุคที่ดูแมทท์ ไม่เยิ้ม ไม่แห้งเกินไป ไม่ดรอป สีสวยงาม เข้ากับผิวพอดี แต่จำราคาไม่ได้แล้วหละ ซื้อที่ร้านป้าปากแดงใต้ดินมยองดงค่ะ

 

ลงผิวแขนให้ดูก่อนค่ะ

isa 4

 

ลองลงหน้าให้ดู ถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ และแสงแฟลช ค่ะ

isa skin

 

ในภาพรวมคือค่อนข้างเหมาะกับผิวมี่จริงๆค่ะ

พอดีมี่หาส่วนผสมไม่ได้ เลยขอข้ามการวิเคราะห์ส่วนผสมไปนะคะ

 

สำหรับวันนี้คงต้องขอตัวลากันไปเท่านี้ก่อน พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้อาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมรองพื้นคูชั่นแนวใหม่จากเกาหลี กับ Immiroir UHD perfect cushion foundation

สวัสดีค่ะ เรียกได้ว่ากระแสของคูชั่นยังแรงไม่ตกเลยนะคะ และก็มีหลายแบรนด์ที่พัฒนารูปแบบ อาจมีนวัตกรรม หรือให้เด่นกว่าแบรนด์ของคนอื่น เพื่อสร้างจุดเด่นให้แก่สินค้าของตนเองค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวรองพื้นแบบคูชั่นของเกาหลี ซึ่งเป็นเบสที่ค่อนข้างเบา แต่อัดแน่นด้วย Solid content คือ พวก เม็ดสี pigment รวมถึงสารที่เป็นของแข็ง จึงได้เนื้อที่ค่อนข้าง Matte แห้งสนิท เหมาะกับสาวไทย รวมถึงคนที่ชอบแบบ Matte นะคะ

เป็นรองพื้นจากแบรนด์ Immiroir กับ UHD perfect cushion foundation นั่นเองค่ะ และแน่นอนว่าไม่ใช่คูชั่นรองพื้นธรรมดา แต่อัดแน่นมาด้วยสารบำรุงอีกหลายชนิด และมีสารกันแดดในตัวเลยหล่ะ เรียกได้ว่าถ้าในวันเร่งรีบ ไม่ต้องลง Skincare ตบอันนี้อันเดียวก็ออกบ้านได้เลย

มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่านะคะ ตัวคูชั่นจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

im 1.jpg

นางจะมาในกล่องสีแนวเมทัลลิคสีม่วง ดูหรูหรา

ตลับคูชั่นเป็นสีดำเงา ดูหรูหราเช่นกัน

im 2

เปิดตลับมาเราจะเจอตัว air puff สีดำ พิมพ์ด้วยคำว่า Immiroir

im 3

พัฟค่อนข้างนุ่มและละเอียดมากค่ะ ชอบๆ

im 4

ตอนแรกงง ว่าจะใช้ยังไง นึกว่าเหมือน Metal cushion เกาหลีทั่วไปที่ต้องกดตรง pan

ไม่จ้ะ นางมีปุ่มกด นี่ไม่เห็นเอง กดๆ แล้วเนื้อรองพื้นจะออกมาตามรูที่เขาปรุไว้ค่ะ

im 5

ตลับแบบนี้มันมีข้อดีเหนือกว่าคูชั่นแบบฟองน้ำก็ตรงที่ นางจะปกป้องไม่ให้แผ่นพัฟไปสัมผัสกับฟองน้ำโดยตรง ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมตัวของเชื้อจุลินทรีย์ได้

 

เนื้อรองพื้น ค่อนข้างบางเบา ให้ความ Matte ค่ะ

im 6

การปกปิดอยู่ในเกณฑ์ปานกลางนะคะ ให้อารมณ์ผิวสุขภาพดีมากกว่าที่จะดูแน่นและหนา

im 7

ถ้าลงหน้าจริง มี่จะลงประมาณ 1 – 2 ชั้น ขึ้นกับความต้องการค่ะ จะได้ลุคแมทท์ที่สวยงาม กลบรอยแดงได้เกือบหมด กลบรอยน้ำตาลได้ในระดับกลางๆ หรือเรียกแบบสวยๆว่า Medium coverage ค่ะ ถ้าจะเอาแน่นกว่านี้ ตบ 3 ชั้นจะได้แบบ Full coverage ค่ะ

im 8

ถือว่าค่อนข้างโอเคเลย ภาพนี้ถ่ายวันเดียวกันต่างเวลากัน 5 นาที ไม่ได้คุมแสง ไม่ได้ผ่านแอพค่ะ

การคุมมันสำหรับผิวมี่ ที่เป็นผิวแห้ง/ผสม มี่ว่าค่อนข้างดีค่ะ โปะเช้าได้ถึงช่วงบ่ายแก่ๆ ตรงจมูกและหน้าผากถึงจะเริ่มมัน

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ มาดูส่วนผสมกันดีกว่านะคะ

สผส immiroir

มี่ทำสีส่วนผสมไว้ 4 สี นะคะ

เริ่มที่

  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารกันแดดค่ะ ซึ่งเป็นชนิดกายภาพผสมเคมี กันได้ครบถ้วนสมบูรณ์ดีค่ะ ปกติถ้ามีกันแดดกายภาพ มันจะฉาบอยู่บนผิวอย่างนั้น ถ้าเหงื่อไม่ออก หรือไม่ไปล้างไปเช็ดมันก็ไม่หายไปไหนค่ะ ที่กล่องเขียนว่า มีค่า SPF50+/PA+++
  • สีส้ม หรือ Silica กับ Magnesium aluminium silicate เป็นสารที่ทำหน้าที่ควบคุมความมัน ดูดซับความมันส่วนเกินของผิวหนัง
  • สีม่วง สูตรผสมของ Xylitylglucoside, Anhydroxylitol, Xylitol พวกนี้เป็นน้ำตาลและอนุพันธ์ของน้ำตาล เป็นวัตถุดิบของฝรั่งเศส ที่มีชื่อว่า Aquaxyl ตัวนี้ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ไว้ว่าเป็นวัตถุดิบที่เพิ่มความชุ่มชื้นแบบ 3 มิติ (3D hydration concept) โดยสามารถเพิ่มการเก็บกักน้ำให้ผิว เพิ่มการสร้าง Hyaluron และไขมันที่เป็น Barrier ตามธรรมชาติของผิว
  • สีเขียว เป็นสารบำรุงที่เหลือค่ะ
    • สูตรผสมของสารสกัดพืช 7 ชนิด ได้แก่ บัวบก คาโมมายล์ ชะเอม ชาเขียว Japanese Knotweed โรสแมรี่ และ Skullcap มีชื่อว่า MultiEX BSASM เป็นวัตถุดิบของเกาหลี ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่าให้ผลลดการอักเสบ ระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว มีเคสที่ผู้ผลิตทดสอบผลในอาสาสมัครที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบแบบ Atopic อยู่ด้วย
    • Arbutin ตัวนี้ทางแบรนด์จัดเต็มมาถึง 2% ให้ผลลดการสร้างเม็ดสีผิวโดยไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่ใช้สร้างเม็ดสิว
    • Adenosine มีประโยชน์ในการลดริ้วรอย มีรายงานการวิจัยว่าให้ผลดีในการลดริ้วรอยตีนกา และรอยย่นบนหน้าผาก (Int J Cosmet Sci. 2006;28(6):447-51.)
    • สูตรผสมของ สารสกัดพืช 4 ชนิดนี้
      • Limonia acidissima Extract (ทานาคา)
      • Bambusa vulgaris Leaf Extract (ใบไผ่)
      • Oldenlandia diffusa Extract (Snake needle grass)
      • Lonicera caprifolium (Honeysuckle) Extract (ดอกสายน้ำผึ้ง)

พืชทั้ง 4 นี้ เจอด้วยกันในผลิตภัณฑ์กระชับรูขุมขนควบคุมความมันหลายๆยี่ห้อของทางเกาหลี เลยคาดเดาว่าให้ผลกระชับรูขุมขน ถ้าพิจารณาแยกกันเป็นตัวๆ ทานาคาจะให้ผลด้าน Whitening, ใบไผ่ให้ความรู้สึกสบายผิว, Snake needle grass เป็น Antioxidant ช่วยชะลอวัย และ ดอกสายน้ำผึ้งให้ผลฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้

 

  • ส่วนผสมของสารสกัดชุดสุดท้าย คือ ลาเวนเดอร์ Thyme, oregano, Rosemary น่าจะใช้เป็นตัวเสริมประสิทธิภาพของสารกันเสีย (สารกันบูด) เพราะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ และคล้ายกับวัตถุดิบที่เป็นสารกันเสียยี่ห้อหนึ่ง เพียงแต่มีส่วนผสมน้อยกว่า จากที่ดูคือไม่มีสารกันเสียอื่นอีกแล้ว นอกจาก Ethylhexylglycerin ซึ่งเป็นสารเสริมสารกันเสียเช่นเดียวกัน

 

ในส่วนของเบส เป็นเนื้อเบสอิมัลชั่น ชนิด ซิลิโคนในน้ำ มีส่วนผสมของน้ำมันอยู่น้อยมาก จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว และซิลิโคนที่เลือกใช้เป็นซิลิโคนชนิดพื้นฐานที่ล้างออกได้ง่ายด้วย Cleanser จึงไม่น่ากังวลเรื่องอุดตันค่ะ และส่วนตัวมี่เองใช้มาร่วม 3 อาทิตย์ ก็ยังไม่เจอว่ามีสิวขึ้นมา

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ถึงแม้ตัว Product จะมาในรูปแบบของรองพื้น แต่ก็อัดแน่นมาด้วยทั้งสารกันแดด เหมือนผลิตภัณฑ์กันแดดจริงๆ กันได้ครบถ้วนสมบูรณ์ดี และยังมีสารบำรุงอีกหลายชนิด มีประโยชน์โดยรวมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดการอักเสบ ชะลอวัย ลดริ้วรอย ควบคุมความมัน รวมไปถึง Whitening จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยขอให้ 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบเนื้อของรองพื้น ที่บางเบา เกลี่ยง่าย ไม่หนักผิว ไม่เยิ้มระหว่างวัน แต่ก็ไม่แห้งจนเกินไป การปกปิดมี่ว่าถ้าตบ 1 – 2 ชั้นจะได้ในระดับ Medium แต่ถ้าตบที่ 3 ชั้นจะได้แบบ Full coverage ขอให้คะแนนตามความชอบไปที่ 5 ฟลาสก์ค่ะ

 

คะแนน im

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Immiroir ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามที่ทางแบรนด์ Immiroir ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/immiroircosmetic/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Immiroir การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

เปิดกรุรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม CC cream นานาชาติในบ้านมียอน 5 แบรนด์ 5 สไตล์

เปิดกรุรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม CC cream นานาชาติในบ้านมียอน 5 แบรนด์ 5 สไตล์

วันนี้มี่มารีวิวเปิดกรุ CC cream ในบ้านมียอนให้ชมกันค่ะ

CC cream ที่มี่มีไว้ในครอบครอง จะเป็น 5 หลอดนี้ค่ะ
คำถาม: จำเป็นไหม ต้องมี CC 5 หลอด??
คำตอบ: แล้วแต่อารมณ์ค่ะ วันนี้อยากทาอันนี้ อีกวันอยากทาอีกอัน ไรงี้

 

cc 1.jpg

 

ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ ตัวแรก Maybelline New York White superfresh CC
Make it happen inspired by คุณแม่เจนี่ค่ะ

 

cc 2.jpg

 

ตัวนี้เนื้อบีบออกมามีสีค่อนข้างขาว พอทาแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเนื้อกลืนไปกับผิว (ภาษาอังกฤษมาค่ะ —> Color changed !!)

CC นี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ

 

m texture.jpg

 

การคุมมันตัวนี้ทำมาได้ค่อนข้างดีนะคะ คุมมันที่จมูกได้นานกว่า 6 ชั่วโมงค่ะ แต่มันดีเกินไปค่ะ ผิวแก้มของมี่ปกติจะไม่มันเหมือน T-zone ใช้ตัวนี้มี่จะรู้สึกแห้งตึงไปนิดนึงค่ะ
ถ้ามาแล้วไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ค่ะ

ส่วนผสมมาค่ะ

 

สผส M.jpg

ตัวนี้ส่วนผสมค่อนข้างมาเต็ม เพราะอัดแน่นด้วยสารบำรุงอยู่หลายตัวมาก ทั้งสารกลุ่ม LHA, อนุพันธ์ของกรดอะมิโนราคาแพง สารสกัดจากดอกบัว และ โบตั๋น (Peony) ซึ่งให้ผลโดยรวมในด้านริ้วรอยและผิวขาวเช่นกัน มาดูรายละเอียดกันซักเล็กน้อยนะคะ

  • LHA ที่มี่ว่า คือ Capryloyl salicylic acid เป็นลูกหลานของ Salicylic acid ซึ่งเป็น BHA มีบทบาทในการผลัดเซลล์ผิว ลดการอักเสบ ละลายสิวอุดตัน มีงานวิจัยหนึ่งทดสอบประสิทธิภาพของสารตัวนี้เทียบกับ Glycolic acid พบว่า LHA ลดริ้วรอยในอาสาสมัครได้ และช่วยให้ผิวขาวขึ้นดีกว่า Glycolic acid (J Cosmet Dermatol. 2008; 7(4):259-62.)
  • Sodium palmitoyl proline ที่มี่บอกว่าดูแพง มีชื่อว่า Sepicalm VG ซึ่งเป็นวัตถุดิบผสมระหว่างสารตัวนี้กับสารสกัดจากดอกบัว (Nymphaea alba extract) มีประโยชน์เป็น Whitening ทั้งส่วนของสีผิวด่างดำที่เกิดตากกระบวนการอักเสบ และความผิดปกติของสีผิวที่เกิดตามอายุ และมีคุณสมบัติ Soothing ช่วยให้สบายผิว 
  • Paoenia suffruticosa extract คือ สารสกัดจากโบตั๋นพันธ์ Tree peony มีสารประกอบพวก Flavonoid ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีรายงานการวิจัยบอกว่าสามารถทำให้เซลล์ผิวหนัง Keratinocyte มีชีวิตยืนยาวขึ้น (Fitoterapia. 2013;84:308-17) มีรายงานถึงฤทธิ์ Antiinflammatory (Nat Prod Res. 2014;28(5):301-5.) และฤทธิ์ Antioxidant กับฤทธิ์ทำให้ผิวขาว ผ่านกลไกการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase เอนไซม์ DOPA oxidase และยังลดการสังเคราะห์เอนไซม์ tyrosinase กับโปรตีนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์เมลานินได้ด้วย (Plant Foods Hum Nutr. 2011;66(3):275-84.)
โดยรวมคือ CC นี้ได้ความไวท์ไปเต็มๆค่ะ

แต่มาตกม้าตายเพราะมีส่วนผสมของ paraben อยู่นะคะ

ตัวที่สองมาจากฝั่งเกาหลีบ้างค่ะ เป็น CC จากแบรนด์ Pretty story
cc 6
เนื้อครีมจะออกไปที่อันเดอร์โทนสีชมพู ตามสไตล์เกาหลี ขาวอมชมแบบมีเลือดฝาด กลิ่นหอมอ่อนๆ เน้นปกปิด เพราะเนื้อจะมีเม็ดสีที่ค่อนข้างเข้มข้นค่ะ
pretty texture

การคุมมันนั้น ค่อนข้างดีเช่นกัน คุมมันที่จมูกได้นานกว่า 6 ชั่วโมง แต่ตัวนี้ไม่ได้ทำให้หน้ารู้สึกแห้งไปนะคะ กำลังดีค่ะ

ในส่วนของส่วนผสมนั้น

 

สผส P.jpg

 

มีสารกันแดดทั้งชนิดกายภาพและเคมี และมีสารบำรุงผิวอยู่หลายตัว คือ

  • Arbutin เป็นสารที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิว ซึ่งมาในลำดับต้นๆของรายการส่วนผสมเลยค่ะ
  • Snail secretion filtrate หรือ เมือกหอยทาก มีงานวิจัยรองรับถึงผลในการฟื้นฟูผิวที่เสียหายเพราะรังสี UV และช่วยลดริ้วรอย
  • Adenosine มีงานวิจัยรองรับถึงผลในการลดริ้วรอย
  • Collagen ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นผิว
  • Malus domestica fruit cell extract สารสกัดจากเซลล์เพาะเลี้ยงของแอปเปิ้ล ที่เรียกๆกันว่า Apple stem cell มีผลช่วยดูแลฟื้นฟูความเสียหายของผิวและลดริ้วรอย
  • Fragaria chiloensis fruit extract สารสกัดจากสตรอเบอรี่สายพันธ์สีขาว ช่วยลดการสร้างเม็ดสี และช่วยปกป้องฟื้นฟูผิวจากรังสี UV

โดยรวมถือว่าเป็น CC ที่ให้ผลทั้งไวท์เทนนิ่ง ชุ่มชื้น และริ้วรอย ในหลอดเดียวกัน

แต่ก็ยังมีส่วนผสมของ paraben อยู่ค่ะ

 

ตัวที่สาม สัญชาติเกาหลีเช่นกัน เป็นตัว Cathy Doll speed white CC cream

 

cc 10

หลอดดูไปดูมาคล้ายๆเสือดาวมุ้งมิ้ง ตัวนี้นางเคลมเรื่องของการคุมมันตลอดทั้งวันค่ะ แต่ส่วนตัวมี่คุมตรงจมูกได้ราวๆ 4 ชั่วโมงค่ะ บ่ายๆมาต้องเติมแป้งซักหน่อย แต่บริเวณแก้มและหน้าผากกำลังผ่องเลย

 

ตัวนี้บีบออกมาเนื้อจะค่อนข้างขาวนะคะ แต่เวลาเกลี่ยเสร็จก็เกือบจะไม่เห็นสี สัมผัสค่อนข้างบางเบา ออกจะหนึบๆอยู่นิดนึงค่ะ

cathy texture

 

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

 

สผส c

 

ส่วนผสมตัวนี้มีส่วนของสารกันแดดทั้งชนิดกายภาพและเคมีค่ะ ในส่วนของสารบำรุงมีสาร Arbutin ที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสี แต่มาในลำดับท้ายๆ

เราจะทำเป็นมองไม่เห็นนะคะ ว่ามีส่วนผสมที่สะกดผิด

ตัวที่สี่ สัญชาติอังกฤษ จาก  Seventeen นั่นเองค่ะ

นางมาในหลอดสีขาว สลับสีเขียวพาสเทลดูเด็กๆวัยใสกรุบกริบ

 

cc 13

 

ตัวนี้สีจะเข้มนิดนึงนะคะ มีส่วนผสมของ Shimmer อยู่ด้วย

ส่วนตัวมี่อยากแนะนำว่า ก่อนใช้เขย่าซักนิดนะคะ จะมีส่วนของ Shimmer ที่มัน Bleed ออกมาจากเนื้อครีม (ศัพท์สวยๆของคำว่า แยกชั้นหรือแยกตัวออกมา)

 

seventeen tex

 

ส่วนการคุมมัน มี่ขอให้ระดับกลางๆค่ะ ตัวนี้จะเน้นความโกลว ความวาวอยู่ด้วย

 

สำหรับส่วนผสมนั้นเป็นดังนี้ค่ะ

 

สผส s

 

จะมีส่วนของสารกันแดดทั้งชนิดเคมีและกายภาพ ร่วมกับสารบำรุงผิว 2 ตัว คือ สารสกัดจาก St.Paul worth (Sigesbeckia orientalis extract) ที่ช่วยเรื่องริ้วรอยได้ และ Rabdosia rubescens ซึ่งคู่นี้ไปตรงกับวัตถุดิบ Chromacare ของบริษัท Sederma ที่ช่วยเรื่องสีผิวอย่างครบวงจร คือ ลดรอยดำ ลดรอยแดงโดยไปลดสีจาก Hemoglobin (องค์ประกอบของ Hemoglobin) และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว

ชิคค่ะ สมกับวัย Seventeen จริงๆ เพราะไม่ได้แค่ปกปิด แต่ลดรอยดำรอยแดงได้ในระยะยาว

ตัวสุดท้ายเป็น ZA color match shield cc cream ตัวใหม่ล่าสุด ที่มี่เลือกมาเป็นสูตรสีม่วงค่ะ

 

cc 16

 

เป็น CC base ม่วงที่เปลี่ยนเป็นสีเนื้อตอนทา ให้ผลปรับสีผิวให้สว่างขึ้น มีกลิ่นหอม

za texture

 

ประกอบด้วยสารกันแดดทั้งชนิดกายภาพและเคมี ในส่วนของสารบำรุงนั้นเป็นกลุ่มน้ำตาลที่ช่วยเรื่องของความชุ่มชื้นเป็นหลัก ร่วมกับสารสกัดจากชาเขียว และ hyaluron ค่ะ

เทียบเนื้อหลังเกลี่ยของทุกตัวให้ชมนะคะ

 

seventeen tex

 

ของ ZA กับ Seventeen จะมีความวาวอยู่เล็กๆ และตัวที่กลืนกับผิวมี่ที่สุดจะเป็นตัว Pretty story ตามมาด้วย Maybelline ค่ะ

 

มาดูเนื้อ และ ความมันของเนื้อ CC กันบ้างนะคะ

 

ความมัน

 

ตัวที่เนื้อครีมยังมีความมันอยู่จะเป็นตัว Cathy doll, Seventeen และ ZA นะคะ แต่ Maybelline และ Pretty story นั้น ยังไม่มีน้ำมันซึมออกมาจากเนื้อครีมในช่วงนี้ค่ะ

 

ส่วนการปกปิด มี่ทดสอบกับ สี 3 สี คือ ดำ น้ำตาล และ ชมพู เพื่อใช้ประเมินการกลบรอยดำ เม็ดสี และ รอยแดงนะคะ

 

ปกปิด 1+2

 

ปกปิด 3+4

 

จากรูปจะเห็นว่าตัวที่ปกปิดได้ค่อนข้างดีจะเป็น Pretty story, Seventeen และ ZA ค่ะ ตามลงมาจะเป็น Maybelline และ Cathy doll

สุดท้ายก็มาถึงช่วงให้คะแนนกันค่ะ

 

คะแนน cc

 

สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามรับชมมาจนจบนะคะ

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมอายแชโดว์เนื้อครีมแบบดินสอ Paponk eyester 24/7 style lids wonder stick shadow

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมอายแชโดว์เนื้อครีมแบบดินสอ Paponk eyester 24/7 style lids wonder stick shadow

สวัสดีค่ะพี่ๆน้องๆเพื่อนๆห้องแป้งที่น่ารักทุกท่าน

วันนี้มี่แวะเอารีวิวอายแชโดว์ครีม แบบแท่งดินสอ ของแบรนด์ไทยสุดแซ่บ Paponk มาฝากกันค่ะ

กับเจ้า 24/7 style lids wonder stick shadow นั่นเองค่ะ

ซึ่งที่มี่ได้มามีทั้งหมด 7 สีค่ะ

pencil 1

ลักษณะก็จะเป็น Autopencil คือ ไม่ต้องเหลา แค่หมุนๆ มันก็จะเลื่อนออกมา

ลักษณะหัวดินสอเป็นปลายมน เหมาะแก่การฝนลงไปบนเปลือกตา เม็ดสีเขาแน่นมากจริงๆ แค่แตะเบาๆ สีก็ติดแล้วค่ะ

pencil 2-1

สวอทช์สีกันค่ะ

pencil swatch

สีสวยงามอลังการมุ้งมิ้งมาก

ความทนนี่ ที่หนึ่งเลยค่ะ แทบจะกราบ

เริ่มจากไปล้างใต้ก๊อก 2 นาที

pencil 6

แล้วเอาทิชชู่ลากกกกกกก สีแทบไม่หลุดค่ะ

pencil 7

ถูแรงๆ 5 ครั้ง

pencil 8

และถ้าเขาเซ็ตตัวแล้ว Cleansing water ก็เอาไม่ออกนะคะ เพราะนางจะเกิดเป็นฟิล์มบางๆ ที่เคลือบสีเอาไว้ไม่ให้เลอะ ไม่ให้หลุดร่อน ต้องใช้ Oil เท่านั้นจ้า เหมาะมากกับงานที่ต้องการความแน่น ความกันน้ำ ความปัง ความคม ความไม่โป๊ะ

pencil 9

มาทั้งทีจะไม่วิเคราะห์ส่วนผสมเลยคงไม่ได้

สำหรับส่วนผสมแต่ละสีจะค่อนข้างคล้ายกัน ต่างกันที่เม็ดสีนะคะ

มี่เลยขอยกตัวอย่างเป็นสี Meet his parents ซึ่งเป็นสีม่วงพาสเทลกลีบดอกลาเวนเดอร์ค่ะ

“Cyclomethicone, Trimethylsiloxysilicate, Mica, Titanium dioxide, Polyethylene, Ceresin, Silica, Paraffin, Carmine (CI 75740), Zinc stearate, Methicone, Stearic acid, Synthetic fluorphlogopite”

จากส่วนผสมก็เดาได้เลยว่า กันน้ำแน่นอน เพราะไม่มีอะไรที่ละลายน้ำได้ง่ายๆเลย สารองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็น Silicone ร่วมกับ Wax เพื่อเพิ่มความแข็ง การใช้ Silicone ทำให้เราได้สัมผัสที่ค่อนข้างเบานั่นเอง

ความน่าสนใจ ของอายแชโดว์นี้ ตามความเห็นของมี่จะอยู่ที่ ความเหลือบมุกของ Pigment ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการหักเหแสง ตัวที่คิดว่าน่าจะมีผล คือ ส่วนผสมของ Synthetic fluorphlogopite กับ Silica และ Titanium dioxide ซึ่งเป็นสูตรผสมในวัตถุดิบเม็ดสี Pigment ชื่อดังหลายๆสูตร

ความมหัศจรรย์อยู่ที่ การผสม Synthetic fluorphlogopite กับ Titanium dioxide (อาจจะผสมร่วมกับ Iron oxide บางชนิด) ในสัดส่วนต่างๆจะทำให้เกิดการหักเหแสงที่แปลกไปจากเม็ดสีดั้งเดิม ส่งผลให้ตาเรารับแสงเป็นสีเหลือบ เหมือนมันเปลี่ยนสีได้นั่นเอง เทคนิคนี้ เรียกว่า Color travel ค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น เม็ดสีดั้งเดิมมีสีม่วง พอเกิด Color travel แล้วกลายเป็นน้ำเงิน ประมาณนี้ จะให้ความเหลือบ และความแวววาวออกมา พอรวมกับพวกสีที่แววาวอย่าง Mica กับ Pigment และสีอื่นๆ ก็กลายเป็นสีกลีบดอกลาเวนเดอร์พาสเทลที่มีเอกลักษณ์ อย่าง สีพบพ่อแม่ผู้ชาย สีนี้ขึ้นมา (จะแปลทำไม ?? สี Meet his parents ค่ะ)

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

1. ส่วนผสม จากส่วนผสมที่ใส่มาให้คุณสมบัติกันน้ำและมีเม็ดสีที่ค่อนข้างมีคุณสมบัติพิเศษเรือง color travel สารที่ใช้ในกลุ่มซิลิโคนยังช่วยเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้นได้ โดยไม่เหนอะหนะ และที่สำคัญคือไม่มีสารไหนมีพิษมีภัยอะไรกับผิวเลย ขอให้ 5 ฟลาสก์
2. การใช้งาน ตัวดินสอมาในเนื้อแบบแท่ง ค่อนข้างคล้าย Wax แต่เกลี่ยง่าย เม็ดสีค่อนข้างแน่น ลากปุ๊บติดปั๊บ และติดทนนานมาก ขยี้ตายังไม่หลุด ไม่เลอะ แต่เวลาล้างก็เช่นกัน ต้องใช้ Cleansing oil มาล้างถึงจะสะอาด จุดนี้คือชอบมาก ขอให้ 5 ฟลาสก์เช่นกัน

คะแนน

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางแบรนด์ Paponk ด้วยนะคะที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของแบรนด์

ได้เลยค่ะ

 

Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจาก Paponk

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Skindom Luxury cell peptide C cream

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Skindom Luxury cell peptide C cream

วันนี้มี่เอา CC cream จากแบรนด์ Skindom ของเกาหลีมารีวิวให้ชมกันค่ะ

CC ของเขา มีชื่อเต็มๆว่า Luxury cell peptide CC cream นะคะ

CC cream ของเขามีจุดเด่นอยู่ที่ นอกจากช่วยอำพราง และปกปิดได้แล้ว ยังให้ผลเรื่องการชะลอวัย ลดริ้วรอย และยังเป็นกันแดดได้ในตัวเลยค่ะ

ถ้าพูดถึง CC cream นี่ก็มีหลายนิยามค่ะ ทั้ง Color control ที่ช่วยควบคุมสีผิวให้คงที่ตลอดวัน ไม่ดรอป ไม่หมอง หรือจะเป็น Color correction ที่จะช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ หรือ Complete care ที่แปลว่าดูแลแบบสมบูรณ์ เราก็ไม่รู้ว่าแบบไหนถูก แบบไหนผิดเนาะ เอาเป็นว่าจะเรียกอะไรก็ตามสบายเลยจ้า

ถ้าเป็นนิยามของแบรนด์เขาใช้คำว่า Complete correction ค่ะ ที่แปลว่า ช่วยแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ค่ะ

 

IMG_0750-re

มาในขวดสีขาว สะอาดตา เป็นพลาสติกเนื้อหนาค่ะ

 

เนื้อครีมเป็นสีขาว ค่อนข้างข้น เม็ดสีแน่นมาก อารมณ์เหมือนกันแดดทั่วไป

ตอนแรกก็แอบตกใจนะ ว่าขาวแบบนี้จะวอกมั้ย แต่ไม่เลยค่ะ พอเกลี่ยก็เกลี่ยได้ง่าย และปรับให้ผิวขาวขึ้นอีก 2 step เลยค่ะ เสร็จแล้วก็ลงรองพื้นต่อ หน้าจะผ่องและเนียนขึ้นอีก

ในรูปแค่เกลี่ยให้เสร็จเฉยๆค่ะ ไม่ได้ลงรองพื้นทับ

 

มาดูส่วนผสมกันดีกว่านะคะ

 

สผส

จากส่วนผสมจะพอเดาได้ว่า เนื้อเบสหลักจะเป็นอิมัลชั่นของซิลิโคนกับน้ำนะคะ มีน้ำมันอยู่บ้างประปราย น้ำมันที่ใช้ไม่ได้อุดตันรูขุมขนค่ะ ส่วนของ Titanium dioxide, Zinc oxide ที่ใส่มานอกจากช่วยเรื่องปกปิดสีผิวแล้วก็เป็นกันแดดชนิดกายภาพไปในตัว การมีอยู่ของพวก Pigment ตระกูล Iron oxides ให้สีเหลือง-แดง จะให้ผลอำพรางสีผิวได้ด้วย

 

นอกจากพวกเม็ดสีก็ยังมีสารบำรุงอยู่ด้วยแหละ

 

ยกตัวอย่าง

*Niacinamide ที่ให้ผลเรื่องความขาว เรื่องการอักเสบผิว และก็เรื่องความแข็งแรงผิว

*Beta-glucan ที่ช่วยเติมน้ำ และช่วยให้ผิวแข็งแรง

*Sodium hyaluronate ช่วยเติมน้ำ ให้ผิวนุ่มฟู

*Adenosine ช่วยเรื่องริ้วรอย และเสริมพลังงานให้แก่ผิว

*สารสกัดจาก Portulaca, Chamomile และ Allantoin ช่วยเรื่องลดการอักเสบ ระคายเคืองและสมานผิว

*Acetyl hexapeptide-8 เป็นเปปไทด์ตัวดังที่ว่ากันว่าอกฤทธิ์ผ่านระบบประสาทคล้าย Botox ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างรวดเร็ว ไม่แปลกใจเลยที่ลงอันนี้เสร็จ ไม่เคยตกร่อง เพราะร่องมันคลายไป พอตกเย็นมาจะตกไม่ตกนี่ก็อีกเรื่องหนึ่งค่ะ (คิดว่าคนผิวมันไม่น่าจะตกร่อง แต่คนผิวแห้ง ค่ำๆมาอาจจะตกร่องได้นิดหน่อยค่ะ)

 

สารออกฤทธิ์ที่ใส่มาก็เห็นได้ว่าค่อนข้างครอบคลุมนะคะ แม้ว่าจะไม่ได้เต็มมากแบบตัวบำรุง แต่ก็แบบว่า มันเป็นเมคอัพกะกันแดดอะค่ะ ไม่ใช่สกินแคร์ แค่มีก็ดีแล้ว ฟิลลิ่งแบบนี้เลย

 

ให้คะแนนเนาะ

  1. Actives จากสรรพคุณที่บรรยายไว้ด้านบน ก็จะเห็นว่ามาค่อนข้างเต็ม คือถ้าถามว่าอยากได้อะไรอีก ก็คงเป็น Antioxidant ค่ะ ที่ดูเหมือนยังไม่ค่อยเด่นมาก ถึงมีแค่วิตอี แต่วิตอีนี่แบบว่าหลักๆเค้าแค่กันสารในขวดไม่ให้เสียไปก่อนถึงผิวเราแค่นั้น คงไม่เหลืออะไรถึงผิว จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์นะคะ
  2. Base มาในรูปแบบของอิมัลชั่นของซิลิโคนกับน้ำ มีน้ำมันอยู่นิดหน่อยประปราย ส่วนของน้ำใช้ Glycerin กับพวก Glycol เป็นตัวดึงน้ำ ส่วนของน้ำมันมีน้ำมันเคลือบผิว และน้ำมันที่ซึมผิวได้บ้าง และก็ส่วนของซิลิโคนก็มีทั้งที่ระเหยได้ บางเบา กับที่เคลือบปกป้องผิวอยู่ โดยรวมไม่มีอะไรที่น่าจะมีปัญหา ขอให้ 5 ฟลาสก์
  3. Additives สารส่วนใหญ่ที่ใส่มาก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร บางชนิดก็ให้ผลเคลือบผิว ให้ผิวนุ่มนวล ฉาบปิดรูขุมขนให้ดูเรียบเนียน ถึงแม้จะมีน้ำหอม แต่ก็ไม่เคยหักคะแนนน้ำหอมในผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่รอบดวงตามาก่อน จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน ใช้แค่ขนาดประมาณเหรียญ 25 สตางค์ แล้วมาแต้มๆที่หน้า เกลี่ยให้ทั่วนี่จะแบบว่าเรียบเนียนมาก และไม่ได้ขาววอกจนน่าเกลียดเกินไป พอลงรองพื้นทับก็คุมสีรองพื้นไม่ให้ดรอปไม่ให้หมองได้อีก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่กลิ่นอยู่แป๊บเดียว ไม่ได้รบกวนผิวไปทั้งวัน จุดนี้คือ ดีงาม ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน cc cream

 

 

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Skindom ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของ Skindom Thailand

https://www.facebook.com/SkindomThailand

และเวบไซต์ http://www.skindom.co.th กับ http://www.skindomthailand.com เลยนะคะ

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ SKindom Thailand ค่ะ

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Primer ของ Wet n Wild Coverall Primer base de teint

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Primer ของ Wet n Wild Coverall Primer base de teint

วันนี้มี่เอารีวิว Primer ตัวใหม่ของ Wet n wild มาฝากกันค่ะ

Primer ตัวใหม่นี้มีชื่อเต็มๆว่า Coverall Primer base de teint ค่ะ

มาดู Spot กันซักนิด

20160405_083521-re

ในส่วนของเนื้อ Primer นั้นเป็นเนื้อครีมสีขาว เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย เรียบเนียน เซ็ตตัวได้ไวค่ะ

เมื่อเซ็ตแล้วจะให้ผลในการอำพรางริ้วรอยเล็กๆ และรูขุมขน ร่องรอยต่างๆได้ค่ะ

primer review 1

ลองทดสอบกับการเกลี่ยรองพื้นนะคะ

primer review 2

จากรูปมันอาจจะไม่ค่อยชัด แต่เวลาลง Primer ตัวนี้แล้วปล่อยให้นางเซ็ตตัวดีๆ เราจะลากรองพื้นได้ง่ายขึ้น ช่วยคุมมัน และช่วยให้รองพื้นติดผิวได้นานขึ้นด้วยค่ะ

ลองกับหนังหน้าจริงๆบ้างค่ะ

primer review 3

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

สผส

จากส่วนผสมตรงนี้จะเห็นว่าเป็นส่วนประกอบของครีมที่ประกอบด้วยน้ำและซิลิโคนเป็นหลัก มีกลุ่มน้ำมันอยู่เล็กน้อย โดยที่น้ำมันที่ใช้คือ Isododecane ที่เป็นน้ำมันสังเคราะห์ ที่ไม่มีปัญหาเรื่องความเสี่ยงในการอุดตันรูขุมขน

ถ้าพูดถึง Silicone จะเห็นว่าตัวที่มาเป็นหลักเลย จะเป็น Cyclomethicone เป็น Silicone ที่มีน้ำหนักเบา ระเหยได้ จะไม่เกาะติดบนผิว ให้สัมผัสที่บางเบาไม่เหนอะหนะ ส่วน Dimethicone นั้นไม่ระเหย เคลือบอยู่บนผิวค่ะ

หลายๆคนมองว่า Silicone นั้นไม่ดี แต่จริงๆแล้ว Silicone นั้นปลอดภัยนะคะ ไม่แพ้ ไม่อุดตัน ถ้าเราล้างออกให้สะอาด แต่ถ้าไม่สะอาดเมื่อไหร่ มันจะไปสร้างตัวเป็นฟิล์มบนผิวขัดขวางการผลัดผิวและขับน้ำมัน ส่งผลให้เกิดการหมักหมมสิ่งสกปรกขึ้นมา

ทางแบรนด์ Claim เรื่องของอัญมณี Sapphire ซึ่งมี่มองว่า หมายถึง Alumina ซึ่งเจ้า Alumina นี้เป็นสินแร่ชนิดหนึ่ง เกิดได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพลอย ไพลิน ทับทิม พวกนี้จะมีคุณสมบัติเรื่องการหักเหและกระเจิงแสงอยู่ในตัว เลยช่วยอำพรางร่องรอยตื้นๆ และรูขุมขนได้ค่ะ

และสุดท้าย นางไม่ได้มาแบบเบสเปล่าๆ นางยังแถมวิตซี 3-O-Ethyl ascorbic acid ที่ว่ากันว่ามีขนาดเล็ก ออกฤทธิ์ได้ดีมาด้วยอีกตัวนึง

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ เนื่องจากส่วนผสมค่อนข้างน้อยเลยขอยกยอดรวมเป็นคะแนน ส่วนผสม และคะแนนการใช้งานเลยนะคะ
1. ส่วนผสม ไม่มีสารไหนมีพิษมีภัยอะไรกับผิว และมีการใช้ผงพลอยไพลิน เป็นตัวช่วยกระเจิงแสง เสริมวิตซีมาอีกเล็กน้อย ส่วนตัวมี่คิดว่าถ้าหากมีพวก Antioxidant หรือสารบำรุงอะไรเสริมมาอีกหน่อยน่าจะสมบูรณ์ขึ้น เลยขอให้ 4 ฟลาสก์

2. การใช้งาน ตัวนี้ถ้าแต่งครบ จะได้ลุคที่กึ่งแมทท์ ไม่ได้แมทท์มาก ไม่ได้ Dewy มาก แต่กำลังดีค่ะ มีผลคุมความมันได้ดีระหว่างวัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้แห้งเกินไป สำหรับผิวมี่ที่ค่อนข้างแห้ง ถ้าเจอ Primer คุมมันแรงๆ ผิวจะแห้งและเหี่ยว แต่ตัวนี้ไม่เป็น สำหรับบริเวณจมูก ซึ่งค่อนข้างมัน ตอนบ่ายแก่ๆ ยังต้องมาตบแป้งซับอีกรอบ และที่สำคัญคือราคาราคาเป็นมิตรจับต้องได้ค่ะ (25 mL/390 บาท) ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบนะคะ เลยขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางแบรนด์ Wet n Wild ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Wet n Wild ได้โดยตรงเลยค่ะ

 

https://www.facebook.com/WetnWildThailand

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมแป้งโบท็อกซ์ ของแบรนด์ Physicians formula

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมแป้งโบท็อกซ์ ของแบรนด์ Physicians formula

สวัสดีค่ะพี่ๆน้องๆเพื่อนๆห้องแป้งที่น่ารักทุกท่าน ช่วงนี้มาบ่อย อย่าพึ่งเบื่อกันนะคะ

วันนี้มี่แวะเอารีวิวแป้งโบท็อกซ์ ชื่อดังจากแบรนด์ Physicians formula มาฝากกันค่ะ

ชื่อเต็มๆของเขาก็คือ

Physicans formula CoverTox Ten 50 Wrinkle therapy face powder ค่ะ

แป้ง 1

ทางแบรนด์ทำมาด้วยกัน 2 เฉดนะคะ

เป็นแป้งโปร่งแสงทั้งคู่ สี Light กับ Medium ค่ะ

ตัวแป้งนั้นมาในตลับสีดำ ค่อนข้างหนา ทนทาน พร้อมแปรงเล็กๆ 1 อันค่ะ

ตลับแป้ง

Swatch ทั้งสองสีให้ดู จะเห็นว่าต่างกันไม่มากค่ะ

แป้ง บนแขน

แป้งตัวนี้ ถ้าเราเร่งรีบ เราโบกลงบนหน้าสดได้เลย การปกปิดนั้นไม่เยอะมาก ดูบางเบา และเป็นธรรมชาติดีค่ะ
มี่ใช้สี Medium นะคะ

หน้าสด
หรือจะเอามาใช้เป็นแป้ง Set รองพื้นแทนแป้งฝุ่นก็ได้เช่นกัน ไม่เลอะเทอะ ไม่ต้องมานั่งดมแป้ง

หน้ารองพื้น

ถ้าเอามา Set รองพื้น จะได้เนื้อค่อนข้าง Matte ติดทนนานทั้งวันค่ะ สีไม่ดรอปไม่หมอง (มี่เหงื่อไม่ค่อยออกนะคะ Lifestyle: ไม่ได้ทำงานออฟฟิสตลอด ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกบ้าง)

เอามาเติมระหว่างวัน เวลาหน้ามันก็ได้ค่ะ

ด้านหลังกล่องก็เป็นคำเคลมที่ทางแบรนด์เคลมไว้ค่ะ

แป้ง 2

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้

ส่วนผสมเป็นดังนี้เลยค่ะ

ส่วนผสม

จากส่วนผสมจะเห็นว่า มีส่วนของสารออกฤทธิ์อยู่ 3 ตัว คือ
1. Aminobutyric acid เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญชนิดหนึ่ง มีรายงานการวิจัยรองรับถึงผลการทาภายนอก สามารถฟื้นฟู Barrier ผิวที่เสียหายไปได้ (J Invest Dermatol. 2002;119(5):1041-7.) ลดการอักเสบ และช่วยเร่งการสมานแผล (J Microbiol Biotechnol. 2007;17(10):1661-9.) ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่าการใช้ GABA ในเครื่องสำอางสำหรับทาภายนอก จะช่วยคลายกล้ามเนื้อ ให้ผลคล้าย Botox ได้ และสารนี้สามารถกดการสร้างเมลานินได้โดยไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ได้ทั้งขาวและริ้วรอยเลยทีเดียวเชียว

2. Tetrahexyldecyl ascorbate อนุพันธ์ชนิดละลายในไขมันของวิตามินซี มีความคงตัวสูง มีความเป็นกรดต่ำ ให้ผลเป็น Antioxidant ช่วยลดการสร้างเม็ดสี และ เป็นส่วนหนึ่งในการสังเคราะห์คอลลาเจน

3. Tocopheryl acetate เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินอี มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี แต่ส่วนมากมักจะให้ผลแค่ปกป้องสารอื่นๆในผลิตภัณฑ์ไม่ให้เสื่อมสภาพเพราะอากาศ

ส่วนของเนื้อแป้ง เป็นส่วนผสมของ Talcum ที่ช่วยเรื่องการดูดซับความมันได้, Mica ที่มีความโปร่งแสง ให้ความเงาวาว ดูสว่าง, Nylon-12 ที่เคลือบฟิล์มบนผิว ให้สัมผัสที่ดี และช่วยเรื่องการปกปิดได้เล็กน้อย

มีสารกลุ่มไขมัน/น้ำมัน และซิลิโคน เสริมเข้ามา ซึ่งจำเป็นในการตอกอัดลงพิมพ์ สารพวกนี้เป็นสารที่ค่อนข้างปลอดภัย และมีสัมผัสที่ดี ตัวที่น่าสนใจคือ Octyldodecyl stearoyl stearate ที่ให้ผลเรื่องการปกคลุมผิว ปกป้องผิว และกันน้ำระเหยออกจากผิว แต่ไม่เหนอะหนะและหนักผิว

สารอื่นๆทำมาได้ค่อนข้างดี จะมีจุดติก็แค่ตรงสารกันเสียกลุ่ม Paraben แค่นั้นเอง

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ
1. Actives ถึงจะเป็นแค่แป้งแต่งหน้า แต่ก็ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะนางยังแฝงมาด้วย Aminobutyric acid และ วิตซี/วิตอี ตามคำเคลมของแบรนด์ คือ เคลมเรื่องของริ้วรอย ซึ่งสารออกฤทธิ์อย่าง Aminobutyric acid นั้นก็ดูมีศักยภาพเพียงพอ และมาในลำดับที่ค่อนข้างต้นๆ จึงถือว่าดูแพง สำหรับแป้งแต่งหน้าชิ้นหนึ่ง ขอให้ 5 ฟลาสก์

2. Base เนื้อเป็นส่วนผสมของ Talcum กับผงแร่ Mica และสารก่อฟิล์ม Nylon-12 กับพวกเม็ดสี Iron oxides ไม่มีอะไรให้หักคะแนน จึงเป็น 5 ฟลาสก์

3. Additives อาศัยพวก Fatty ester เป็นตัวยึดเกาะตอนตอกอัดแป้ง สารพวกนี้มีสัมผัสที่ดี และไม่อุดตันรูขุมขน แต่ในส่วนของสารกันเสียนั้น มีการใช้สารในกลุ่ม paraben จึงขอหักคะแนนไปนิดนึง เหลือ 4 ฟลาสก์

4. การใช้งาน แป้งมีสัมผัสค่อนข้างดี บางเบา ไม่หนาเตอะ ควบคุมความมันได้ดี สีไม่ดรอปไม่หมอง เอามาเติมระหว่างวันได้ เวลาทาก็ทาแล้วเรียบเนียนตามคำเคลมของแบรนด์ ช่วยกลบและอำพรางรูขุมขนได้ในตัว โดยรวมคือค่อนข้างชอบเลยค่ะ แต่ติดตรงตลับนั้นหนาไปนิด พกใส่กระเป๋าแล้วแอบกินที่ไปนิดนึง แต่ก็ไม่ได้เป็นประเด็นที่ร้ายแรงอะไร เลยขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของแบรนด์ Physicians formula Thailand ได้โดยตรงเลยค่ะ

https://www.facebook.com/PhysiciansFormulaThailand

Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์

Miyeon’s Shopping Guide: มียอนชวนชอปสกินแคร์ Holika Holika

Miyeon’s Shopping Guide: มียอนชวนชอปสกินแคร์ Holika Holika

วันนี้มาแชร์ชวนชอปสกินแคร์ และเมคอัพของแบรนด์ Holika Holika ให้ได้ชมกันค่ะ

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ในเครือบริษัท Enprani บริษัทน้องใหม่ที่พึ่งกำเนิดมาในช่วงปีค.ศ. 2000 มีคอนเซปท์เกี่ยวกับ “Young and healthy skin” เนื่องจากข้อมูลของบริษัทเป็นภาษาเกาหลีจึงไม่สามารถสืบค้นรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดยเครื่องสำอางของบริษัทนี้มีการเติบโตและขยายสาขาไปยังไต้หวันได้อย่างรวดเร็ว
บริษัทนี้มีแบรนด์ยอดนิยมอยู่ภายใต้จำนวน 2 แบรนด์ ได้แก่ Enprani และ Holika Holika

โดยแบรนด์ Holika Holika เป็นแบรนด์ที่เจาะกลุ่มวัยสาวแรกรุ่นด้วยคอนเซปท์สีม่วงที่ดูเล้นรับและใช้ความหมายในแนวแฟนตาซี มีแม่มดเป็นสื่อกลางค่ะ

ตอนมี่ไปเกาหลีเองก็ได้เข้าสาขาของร้านนี้หลายสาขาอยู่ค่ะ แต่ละสาขาจะมีโปรโมชั่น และการขอ Tax free ได้แตกต่างกันนะคะ

10325193_10202278541065118_416973565497716173_n

(รูปนี้ถ่ายมาเองค่ะเมื่อมิย 57)

 

สินค้าของแบรนด์ก็จะมาใน Package น่ารักกรุบกริบ

 

holika 1

 

holika 2

 

สินค้าของ Holika Holika ที่มี่มีประจำบ้านก็จะมีอยู่ 4 ตัวนี้นะคะ

 

holika miyoen

จะเป็นตัว Aloe 99% soothing gel ลูกรักประจำบ้าน ตัวนี้มีปัญหาเรื่องการหาพรี เพราะของมันหนัก และราคามันถูก ไม่มีใครเค้าอยากรับพรีให้ค่ะ ถ้าไม่หิ้วเองก็ต้อง Korea depart ละมาลุ้นภาษี (ที่โคตรแพง) กันอีกที

ตัวนี้ลงทุนนั่งแปลส่วนผสมเอง และรีวิวไปฝากไว้บนจีบันค่ะ

 

http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=199755

 

เผื่อใครขี้เกียจไปตาม ดูส่วนผสมได้ตรงนี้นะคะ

 

คะแนนก็เป็นดังนี้ค่ะ

คะแนน aloe

ที่ไม่ให้คะแนน Base เพราะมันไม่มี Base นะคะ เค้าใส่ Aloe มาเป็น Base เลยค่ะ

 

อีกสองตัวมาจาก Line Skin and Good cera เป็นครีม กับ Toner ค่ะ

ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่า Toner แต่ความมันนี่ค่อนข้างมากเลยทีเดียวค่ะ ใช้ฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรงเช่นกัน

good cera

 

อีกตัวนึงที่ขาดไม่ได้ก็ Pore pack ค่ะ ข้างในเป็นสีชมพู ติดได้แนบสนิท ลอกไม่เจ็บ สิวเสี้ยนออกดีมาก ก็เลยเป็นลูกรักไปอย่างง่ายดาย

 

ต่อมามาดู Shopping guide ของมี่บ้างนะคะ

 

มีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจมากเลยค่ะ เช่น

 

Cushion collection Dodo Cat  ที่ออกมาใหม่ จะมีสองสีในตัวนะคะ ส่วนที่เป็นอุ้งเท้าน้องเหมียวสีขาวนั้นจะทำหน้าที่เป็น Highlighter ที่เพิ่มความ Glow ได้ในตัวค่ะ

 

visual_01

 

มาสค์หน้ารูปสัตว์ที่โดดเด่นกว่าด้วย คุณสมบัติเเผ่นมาสค์เปลี่ยนสีได้

20013056

 

เก๋ไหมละ ถ้าสีเปลี่ยน ก็คือ การมาสค์หน้าเสร็จสมบูรณ์ ถอดออกได้เลย

(เรียกสวยๆแบบวิทย์ๆว่า เป็น Indicator ของการมาสค์)

 

อีกชิ้นที่น่าเล่นก็จะเป็น Mascara ของแบรนด์ที่โด่งดังเช่นกันค่ะ

 

mascara

 

จริงๆของแบรนด์ก็มีอีกหลายอย่างนะคะที่น่าเล่น

 

สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ก่อนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบค่ะ สวัสดีค่ะ