Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเจลว่านหางจระเข้ Arosha Aloe vera soothing gel อโลเจลสูตรผสมสารสกัดพืชหลายชนิด

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวเจลว่านหางจระเข้ หรือที่มี่ชอบเรียกว่า Aloe gel มาฝากกันค่ะ

เป็นของแบรนด์ Arosha Aloe vera soothing gel นะคะ

มาดูหน้าตากันก่อนเลยค่ะ

 

arosha.JPG

 

นางจะมาในหลอดบีบที่มีฝาปิดเป็นไม้นะคะ

 

 

 

เนื้อเจลเป็นเจลใสสีเขียว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

 

arosha-2

 

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย มีความลื่น ชุ่มชื้น และเคลือบปกป้องผิวได้ค่ะ

 

arosha-3

 

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

 

%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%9c%e0%b8%aa%e0%b8%a1-arosha

 

จากส่วนผสมตรงนี้ จะเห็นว่า ทางแบรนด์เลือกใช้ Niacinamide โดยใส่มาป็นลำดับ 3 ก่อนสารดูดน้ำอย่าง Glycerin เชียวค่ะ

ลำพังเจ้า Niacinamide นี้ก็ให้ประโยชน์หลายอย่างกับผิวแล้วหล่ะ

ผลของ Niacinamide ที่มีรายงานไว้ คือ เป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ได้ด้วย (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)

เสริมมาด้วยสารสกัดจากพืชอีกหลายชนิด คือ

  • ว่านหางจระเข้ มีบทบาทด้านความชุ่มชื้น และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect)
  • ชาเขียว เป็น Antioxidant ที่ดี สารสกัดจากชาเขียวเองก็เป็นสิ่งที่มีรายงานไว้ค่อนข้างเยอะเหมือนกันค่ะ เช่น เป็น antioxidant เป็น Moisturizer ให้ผลด้านการลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว (Dermatol Ther. 2013;26(3):267-71.)
  • เปปเปอร์มินท์ ตัวนี้มี่หาข้อมูลเจอแต่ด้าน Antioxidant นะคะ อาจจะให้ความเย็นกับผิวก็ได้ ไม่แน่ใจค่ะ
  • Opuntia streptacantha stem extract เป็นสารสกัดจากต้นกระบองเพชรชนิดหนึ่ง เป็นชื่อพ้องของ Ountia ficus-indica เข้าใจว่าเป็นวัตถุดิบ Aquacacteen ของสวิตเซอร์แลนด์ ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่าให้ผลลดการอักเสบ ให้ความรู้สึกสบายผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น
  • Dioscorea villosa extract สารสกัดจาก Wild yam ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าประกอบด้วยสารกลุ่ม Saponin ที่ให้ผลลดการอักเสบ และให้ความรู้สึกสบายผิว

และยังมี Allantoin ที่ให้ผลด้าน Soothing เช่นกัน โดยรวมเราจะเห็นว่ากลุ่มของสารสกัดที่ใช้จะเน้นไปที่ด้านของการลดการอักเสบ และเป็น Soothing effect รวมทั้ง เพิ่มความชุ่มชื้น และเป็น Antioxidant

 

อีกจุดที่น่าสนใจคือ วัตถุดิบ Propanediol นั้น ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่า ถ้าใช้ร่วมกับ Glycerin จะให้ผลเสริมฤทธิ์กันในการเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น

 

ส่วนผสมอื่นๆยังไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ เนื่องจากส่วนผสมไม่ได้เยอะมาก มี่ขอแบ่งเกณฑ์เป็น 2 ข้อนะคะ

  1. ส่วนผสม อุดมด้วยสารสกัดจากพืชที่ให้ผลด้าน Soothing effect เพิ่มความชุ่มชื้น และอาศัยคุณสมบัติจากวิตามินบี 3 ให้ผลที่ดีกับผิวในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น ลดการระคายเคือง ชุ่มชื้น ผิวแข็งแรง และ Whitening ซึ่งน่าจะครอบคลุมไปถึงรอยดำจากการอักเสบได้ด้วย ดูเป็นเจลอโลที่มีสารหลายชนิดแย่งกันเป็นพระเอกแทนอโล แต่ก็โอเคนะ เพราะทุกตัวก็มาในแนวทางเดียวกัน ไม่ได้มีอะไรมาหักล้างกันและกัน สารอื่นๆนั้นไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน เป็นเจลที่เกลี่ยง่าย เคลือบผิวได้ดี และให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนาน มี่เคยลองเอามาทาหลังออกแดดจัดๆ แล้วรู้สึกผิวร้อนๆ ก็ให้ผลที่ประทับใจอยู่ค่ะ ส่วนด้านความชุ่มชื้น ถ้าลองแบ่งมาใส่ถ้วยเล็กๆ แล้วไปแช่เย็น ก่อนจะเอาสำลีชุบมาโปะบนหน้านี่จะฟินมาก จุดนี้ถือว่าค่อนข้างชอบค่ะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

 

%e0%b8%84%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%99-arosha

 

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ arosha ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามมาจนจบ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมนั้นสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

http://www.facebook.com/aroshathailand

 

 

Discliamer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Arosha การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมอโลเจล จาก Graccy grace Grace soothing aloe vera moisture gel

สวัสดีค่ะ

 

ยังคงอยู่กับผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Graccy grace นะคะ

 

วันนี้เป็น Aloe gel ของแบรนด์ค่ะ ตัวมี่เป็นคนหนึ่งที่ชอบใช้ Aloe gel ซึ่งที่บ้านก็มี Aloe gel อยู่หลายยี่ห้อเหมือนกันค่ะ

 

ดูหน้าตา Aloe gel ของแบรนด์ก่อนดีกว่าค่ะ

 

Aloe gel.JPG

 

นางมาในหลอดบีบ ใช้ง่าย ใช้สะดวก ไม่เลอะเทอะ

 

 

 

เนื้อเจลเป็นเจลใส ไม่มีกลิ่นค่ะ

aloe-1

 

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความชุ่มชื้นและสบายผิว

 

aloe-2

 

วัด pH กันซักหน่อยนะคะ

 

aloe-3

 

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ค่ะ ซึ่งก็ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

 

 

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

%e0%b8%aa%e0%b8%9c%e0%b8%aa-aloe-gel

 

ในส่วนของ Aloe gel นั้น นอกจากว่านหางจระเข้ที่โด่งดังด้านความชุ่มชื้น Soothing effect (ให้ความรู้สึกสบายผิว) ลดการอักเสบ แล้วก็ยังอุดมด้วยสารกลุ่ม Moisturizer ที่ให้ผลดูดน้ำให้แก่ผิวหลายตัวเลยค่ะ

 

  • Sodium PCA เป็นสารที่จัดเป็น Natural moisturizing factor (NMF) ซึ่งมีอยู่แล้วในผิวเรา ช่วยให้ผิวจับน้ำไว้ได้ดี
  • Urea เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยผลัดผิวแบบอ่อนๆ
  • Trehalose เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ มีคุณสมบัติดูดน้ำให้ผิว และช่วยปกป้องผิวจากอากาศแห้งได้อย่างยาวนาน
  • Polyquaternium-51 เป็นสารโพลิเมอร์สังเคราะห์จาก MPC ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับ Phospholipids บนผิวเรา ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารนี้สามารถดูดน้ำและช่วยให้ผิวจับน้ำได้ดีกว่า hyaluron
  • Sodium hyaluronate ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นเช่นกัน

 

เนื่องจากส่วนผสมไม่เยอะมาก วันนี้ขอให้คะแนนใน 2 หัวข้อนะคะ

  1. ส่วนผสม: ในส่วนของส่วนผสมตัวเจลนั้นค่อนข้างทำมาได้ดีเลยทีเดียว ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ น้ำมัน และซิลิโคน นอกจากว่านหางจระเข้แล้วก็ยังมีส่วนผสมของสารที่ช่วยดูดน้ำและจับน้ำให้ผิวอยู่หลายชนิด และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน: เป็นเจลว่านหางจระเข้ที่บางเบา ดูดซึมไว ให้ความชุ่มชื้นได้ดี ตัวนี้จริงๆถึงจะบอกว่าสำหรับผิวกาย แต่มี่ก็เอามาใช้ชุบสำลีพอกหน้าด้วยค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบ เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์

 

%e0%b8%84%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%99-aloe

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เฟสบุคของแบรนด์เลยนะคะ

http://www.facebook.com/graccygracebygraccy/

 

Discliamer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับเป็นของขวัญจากเพื่อน การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

[Full review] My beauty diary mask sheet

[Full review] My beauty diary mask sheet

วันนี้มี่แวะมารีวิวมาสค์จาก My beauty diary ที่ได้มาทั้งหมด 9 สูตรให้ชมกันค่ะ

IMG_3334-re

มาดูจุดเด่นของมาสค์แบรนด์นี้กันก่อนนะคะ

1. มาสค์แบรนด์นี้จะเป็นมาสค์ที่ผลิตมาด้วยเทคโนโลยีแบบ Multi-layer คือ ประกอบด้วยเยื่อบางๆหลายๆชั้น โดยชั้นบน กับชั้นล่างสุดจะเป็นชั้นเส้นใยที่นุ่มๆ และชั้นกลางจะเป็นชั้นที่เก็บเอา Mask solution (ขออนุญาตเรียกเป็นไทยว่า น้ำยา แล้วกันนะคะ)

2. น้ำยาของแผ่นมาสค์ ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มี Paraben เป็นองค์ประกอบ (ทางแบรนด์ Claim เพิ่มมาอีกสองตัวว่า ไม่มี MIneral oil และสารเรืองแสงค่ะ)

ทำไมต้องไม่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์อาจจะทำให้บางคนไม่สบายผิวได้

ทำไมต้องไม่มีพาราเบน เพราะพาราเบนบางตัวก่อให้เกิดการแพ้ และถ้าดูดซึมเข้าไปในร่างกายอาจจะไปรบกวนการทำงานของระบบฮอร์โมนได้ค่ะ

3. แผ่นมาสค์มีเอกลักษณ์พิเศษ คือ สามารถฉีกได้ เพื่อให้กระชับเข้ากับรูปหน้าของแต่ละคนค่ะ

เมื่อเราแกะซอง แผ่นมาสค์จะถูกพับมาอย่างเรียบร้อย พร้อมกับแผ่นพลาสติคที่ทำหน้าที่เป็นโครงรักษารูปร่างของแผ่นมาสค์เอาไว้ค่ะ

mask 2

แผ่นมาสค์สามารถฉีกได้ 3 จุด ค่ะ เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของแต่ละคน

mask 3-re

mask 4

สูตรที่มี่ได้มามี 9 สูตร ค่ะ ได้แก่

1. Red wine mask Claim เรื่อง กระชับผิว ลดริ้วรอย และช่วยเรื่องผิวขาว

2. Apple polyphenol mask Claim เรื่อง กระชับรูขุมขน ผิวขาวและกระจ่างใส

3. Arbutin white mask Claim เรื่อง ผิวขาวและนุ่มนวล

4. Collagen firming mask Claim เรื่อง กระชับริ้วรอย ฟื้นฟูและปรับสภาพผิว

5. Caviar mask Claim เรื่องเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก และฟื้นฟูผิว

6. Aloe mask Claim เรื่อง เพิ่มความชุ่มชื้นและให้ความรู้สึกสบายผิว

7. Royal jelly mask Claim เรื่อง ปรับสภาพผิว ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวขาว

8. Black pearl mask Claim เรื่อง ผิวขาวกระจ่างใสและชุ่มชื้น

9. Bulgarian white rose mask Claim เรื่อง เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวนุ่มนวลและกระจ่างใสค่ะ

ไหนๆก็มาทั้งทีก็ต้องวิเคราะห์ส่วนผสมค่ะ

แต่จะให้วิเคราะห์ทั้ง 9 สูตรคงตามอ่านกันเหนื่อยแน่ๆ

อย่างแรกเลย ขอยกส่วนผสมที่คล้ายๆกัน และเจอในมาสค์หลายๆสูตรก่อนนะคะ

ตัวแรก Glycosphingolipids เป็นไขมันชนิดพิเศษ ที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ผิว และเป็นไขมันที่ผิวสามารถเอาไปเปลี่ยนเป็น Ceramide ในผิวได้ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นค่ะ

ตัวต่อมา กลุ่มสารเติมน้ำตัวเล็กๆ ที่เราเรียกว่า Natural moisturizing factor (NMF) พวกนี้จะเป็นองค์ประกอบที่พบในผิวค่ะ ที่เจอในสูตร Mask ก็จะมี Sodium lactate กับ Sodium PCA

Tocopheryl acetate เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินอี ให้ผลเป็น Antioxidant ในส่วนผสมมีน้ำมันไม่กี่ชนิดและบรรจุมาในซองปิดสนิท จึงอาจจะมีวิตามินอีเหลือมาให้ประโยชน์กับผิวได้ด้วย

อีกตัว Polyglutamic acid ตัวนี้เป็นโพลิเมอร์ที่เกิดจากกรดอะมิโน Glutamic acid หลายๆตัวพบได้จากการหมักถั่วหมักญี่ปุ่น หรือ Natto ซึ่งเป็นสิ่งที่จุลินทรีย์บางชนิดสร้างระหว่างกระบวนการหมัก ในทางเภสัชกรรมมีประโยชน์ในการเป็นระบบนำส่งสารเข้าสู่ร่างกาย ส่วนในทางเครื่องสำอางผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่าสามารถดูดและจับน้ำได้มากถึง 5000 เท่าของน้ำหนักตัวมัน และมีรายงานการวิจัยอีกฉบับกล่าวว่า Polyglutamic acid ที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้ (Chem Biodivers. 2010; 7(6):1555-62.) น่าจะมีส่วนช่วยให้ระบบผิวหนังแข็งแรงขึ้น

และมี สารสกัดจากพืชหลายๆตัวที่เจอในแทบทุกสูตร

ตัวอย่างเช่น Aloe barbadensis leaf juice หรือ น้ำจากใบว่านหางจรเข้ มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และช่วยให้รู้สึกสบายผิว

ลองวิเคราะห์แบบละเอียดซักส่วนผสมนะคะ

ขอเลือกสูตร Arbutin whitening mask ค่ะ (ถ้าอยากให้วิเคราะห์ส่วนผสมสูตรไหนอีกแนะนำเข้ามาได้นะคะ) มาดูส่วนผสมกันก่อนดีกว่าค่ะ

mask 1
ส่วนผสมชุดนี้ประกอบด้วยสารสกัดจากพืชหลายๆชนิดที่ให้ผลเป็น Whitening ได้ และยังมีผลหลายๆด้าน เช่น Moisturizing, Antioxidant, ลดการอักเสบ และการระคายเคือง รวมไปถึงมีสารที่ช่วยผลัดผิวจากธรรมชาติ คือ สารสกัดจากผลเกรฟฟุต สารสกัดจากสับประรด แอปเปิ้ล ส้ม และ Sugar maple พวกนี้มีกรดอินทรีย์และเอนไซม์ที่ช่วยผลัดผิวได้ และจะมีความอ่อนโยนกว่าการใช้ AHA แบบเพียวๆ

โดยรวมถือว่าค่อนข้างมาครบเลยทีเดียวค่ะ

ตัวน้ำยามีกลิ่นค่อนข้างหอม ไม่เหนียวและเหนอะหนะจนเกินไป พอมาสค์เสร็จผิวหน้าก็นุ่มและอิ่มน้ำพอดี โดยรวมถือว่าดีเลยค่ะ

ให้คะแนนส่วนผสม 5/5
การใช้งาน 5/5

สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ค่ะ พบกันใหม่โอกาสหน้า ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนจบค่ะ

Love you,
xoxo

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) ผู้นำเข้ามาสค์ My beauty diary ในไทยค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ทางเวบไซต์ http://www.mybeautydiary.co.th/ เลยนะคะ
Review Holika Holika Aloe 99% soothing gel

Review Holika Holika Aloe 99% soothing gel

วันนี้มี่เอา Aloe gel 99% ตัวหนึ่งมารีวิวให้ชมกันค่ะ

Aloe ตัวนี้มี่ไปเจอที่เกาหลี ตอนไปเที่ยวเมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้วพอดีเลยค่ะ ก็ไม่ได้อะไรมาก เห็นขวดมันสวยดีเลยซื้อมาค่ะ

ราคาที่เกาหลีอยู่ที่ 5900 วอน/250 ml ประมาณสองร้อยบาท ตก ml ละไม่ถึงบาท คุ้มมากๆ

หลังจากนั้นก็พรีออร์เดอร์มาใช้เรื่อยๆ จนตอนนี้ย่างเข้าหลอดที่สามแล้วค่ะ

นางมีชื่อว่า Aloe 99% Soothing gel ของ Holika Holika

มี่เรียกย่อๆเอง ว่า Aloe 99

เคยจัดอันดับตัวนี้เป็น Miyeon’s favorites 2014 ด้วยค่ะ ( Link: The best of 2014)

มาดูแพคเกจก่อนดีกว่าค่ะ

aloe 1-re

แพคเกจเป็นรูปใบว่านหางจรเข้ น่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง

สังเกตคำว่า “Holika Holika” ด้วยนะคะ

เมื่อประมาณปลายปี ไปเดินเล่นที่ร้านเครื่องสำอางสีชมพู ที่ห้างหนึ่งเชียงใหม่ ไปสะดุดกับขวดแบบนี้เข้า เกือบสอยละนะคะ ดีนะ ที่อ่านทัน แม่เจ้า นางเป็น Helika ค่ะ เกือบไปแล้ว

แต่แอบพลิกดูส่วนผสมนาง ก็ดูโอเคนะคะ เพียงแต่ ไม่รู้สินะ จะได้เฮ หรือเปล่า

ดูชื่อกันดีๆนะคะสาวๆ

ลองมาดูเนื้อสัมผัสดีกว่าค่ะ นางจะเป็นเจลยืดๆ เหมือนเมือกๆ ใสๆ กลิ่นคล้ายๆแตงกวา ทราบมาทีหลังว่าเป็นสารแต่งกลิ่น ก็แอบเสียใจนิดนึง แต่ก็ไม่เป็นไร ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ

aloe 5-re

มันจะลื่น เกลี่ยค่อนข้างง่าย แต่แห้งช้านิดนึง แล้วจะรู้สึกหนึบๆ บนผิวอยู่บ้างค่ะ

จะพยายามถ่ายความชุ่มของมันให้เห็น แต่มันไม่ติด เลยสาดแฟลชใส่ ทีนี้ชัดเลยค่ะ แฉะเชียว

aloe 3-re-horz

ซักประมาณ 3-5 นาทีก็จะแห้งสนิทค่ะ

ถ้าอยากฟินกว่านั้น บีบใส่ถ้วยเล็กๆ แล้วแช่ตู้เย็นไว้ แล้วเอามาโปะบนหน้า แล้วเอาผ้าก๊อซ หรือสำลี หรือแผ่นมาสค์ชีทเปล่าๆ แปะทับกลายเป็นมาสค์อโล จะฟินมากค่ะ

เวลาทำงานมาเหนื่อยๆ แปะเสร็จแล้วไปนอน เปิดเพลงเบาๆ หายเป็นปลิดทิ้งเชียวค่ะ

ดูกันมาเยอะ มาดูคำโปรยของผลิตภัณฑ์ดีกว่านะคะ

ตัวนี้ที่ Official Canada website ของ Holika Holika บอกว่า

“99 % fermented aloe vera leaf juice is contained.

  • Fermented contents maximize the effect of activating components like aloesin. So it helps your skin to be clear & healthy”

เค้าบอกว่าเค้าเอา Aloe ไปหมัก ทำให้สารออกฤทธิ์ดีขึ้น

อันนี้จริงไหม จริงค่ะ การหมัก จุลินทรีย์จะไปทำให้เกิดกระบวนการ Bio-conversion เปลี่ยนแปลงสารต่างๆของพืช ส่วนใหญ่ก็จะมีฤทธิ์เพิ่มขึ้นค่ะ

คุณสมบัติของ Aloe ที่มีรายงานการวิจัยสนับสนุนแล้วก็ได้แก่ Whitening, ลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้นค่ะ

ลองมาดูส่วนผสมดีกว่าค่ะ

ตัวนี้ส่วนผสมเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมดเลย

ตัวมี่กำลังหัดสะกดฮันกึล (อักษรภาษาเกาหลี) ได้ซักพักแล้วค่ะ เลยลองแกะดู ก็พอจะได้ข้อมูลดังรูปนี้ค่ะ

aloe สผส

ปกติเราจะแบ่งสารส่วนผสมในเครื่องสำอางเป็น 3 กลุ่ม ค่ะ
1. Actives หรือ สารออกฤทธิ์ เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
2. Base หรือ ส่วนเนื้อของผลิตภัณฑ์ เป็นตัวอุ้มและเก็บสารออกฤทธิ์ไว้
3. Additives หรือ ส่วนของสารเติมแต่ง เป็นตัวเติมแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย เช่น พวกสารกันเสีย พวกน้ำหอม พวกซิลิโคน ตัวเพิ่มความหนืด ฯลฯ

ลองมาไล่ไปทีละตัวเลยดีกว่า

คุณสมบัติสารแต่ละตัวแยกตามหน้าที่
1.Actives ได้แก่
– สารสกัดจากว่านหางจรเข้ (Aloe vera extract) ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น การลดการระคายเคือง ช่วยให้ความรู้สึกสบายผิว
– สารสกัดจากดอกบัว ช่วยเรื่องริ้วรอย
– สารสกัดจากบัวบก ช่วยเรื่องริ้วรอย การสมานแผล ลดการเกิดแผลเป็น
– สารสกัดจากไผ่ ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น
– สารสกัดจากแตงกวา ใบข้าวโพด ใบกะหล่ำปลี แตงโม ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นเช่นกัน

2.Base ไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำอโล

3.Additives มีอยู่ไม่กี่อย่าง ได้แก่
3.1 emulsifier PEG-60 Hydrogenated castor oil ช่วยเรื่องช่วยให้ผลิตภัณฑ์ใส
3.2 สารเพิ่มความหนืด ได้แก่ Sodium polyacrylate กับ Carbomer
3.3 สารปรับ pH ได้แก่ Triethanolamine
3.4 preservative ได้แก่ Phenoxyethanol
3.5 สารแต่งกลิ่น

แล้วก็เกิดคำถาม เมื่อใช้ Aloe ไป 99% แล้วที่เหลือนี่ มันอัดกันเข้ามาได้ขนาดนี้เลยหรือ Carbomer กว่าจะหนืดได้ก็ 0.2-0.3% เข้าไปละ Phenoxyethanol ก็ควรใส่อย่างน้อย 0.5% ที่เหลือคงเป็นสารสกัด อย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะเนาะ

คะแนน
1. Actives มีอยู่หลายตัว ให้ผลประโยชน์กับผิวรอบด้าน โดยเน้นหนักไปที่ผลการให้ความชุ่มชื้น และการลดการระคายเคืองของผิว ขอให้ 5 ฟลาสก์
2. Base ไม่มี เลยไม่ขอให้คะแนน
3. Additives มีอยู่หลายชนิดเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร และก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร และก็ไม่เคยหักคะแนนน้ำหอมในผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ไม่ใช่พวกครีมทาใต้ตามาก่อน ก็เลยให้ไป 5 ฟลาสก์
4. การใช้งาน ตามที่ได้บรรยายสรรพคุณไปแล้วในหลายๆกระทู้ จึงขอให้ 5 ฟลาสก์ค่ะ

คะแนน aloe

สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ค่ะ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนจบนะคะ

เอาไปใช้ทาผิวไหม้แดดหลังสงกรานต์ได้เลยแหละ

See you again~