รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Skindom Luxury cell peptide C cream

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Skindom Luxury cell peptide C cream

วันนี้มี่เอา CC cream จากแบรนด์ Skindom ของเกาหลีมารีวิวให้ชมกันค่ะ

CC ของเขา มีชื่อเต็มๆว่า Luxury cell peptide CC cream นะคะ

CC cream ของเขามีจุดเด่นอยู่ที่ นอกจากช่วยอำพราง และปกปิดได้แล้ว ยังให้ผลเรื่องการชะลอวัย ลดริ้วรอย และยังเป็นกันแดดได้ในตัวเลยค่ะ

ถ้าพูดถึง CC cream นี่ก็มีหลายนิยามค่ะ ทั้ง Color control ที่ช่วยควบคุมสีผิวให้คงที่ตลอดวัน ไม่ดรอป ไม่หมอง หรือจะเป็น Color correction ที่จะช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ หรือ Complete care ที่แปลว่าดูแลแบบสมบูรณ์ เราก็ไม่รู้ว่าแบบไหนถูก แบบไหนผิดเนาะ เอาเป็นว่าจะเรียกอะไรก็ตามสบายเลยจ้า

ถ้าเป็นนิยามของแบรนด์เขาใช้คำว่า Complete correction ค่ะ ที่แปลว่า ช่วยแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ค่ะ

 

IMG_0750-re

มาในขวดสีขาว สะอาดตา เป็นพลาสติกเนื้อหนาค่ะ

 

เนื้อครีมเป็นสีขาว ค่อนข้างข้น เม็ดสีแน่นมาก อารมณ์เหมือนกันแดดทั่วไป

ตอนแรกก็แอบตกใจนะ ว่าขาวแบบนี้จะวอกมั้ย แต่ไม่เลยค่ะ พอเกลี่ยก็เกลี่ยได้ง่าย และปรับให้ผิวขาวขึ้นอีก 2 step เลยค่ะ เสร็จแล้วก็ลงรองพื้นต่อ หน้าจะผ่องและเนียนขึ้นอีก

ในรูปแค่เกลี่ยให้เสร็จเฉยๆค่ะ ไม่ได้ลงรองพื้นทับ

 

มาดูส่วนผสมกันดีกว่านะคะ

 

สผส

จากส่วนผสมจะพอเดาได้ว่า เนื้อเบสหลักจะเป็นอิมัลชั่นของซิลิโคนกับน้ำนะคะ มีน้ำมันอยู่บ้างประปราย น้ำมันที่ใช้ไม่ได้อุดตันรูขุมขนค่ะ ส่วนของ Titanium dioxide, Zinc oxide ที่ใส่มานอกจากช่วยเรื่องปกปิดสีผิวแล้วก็เป็นกันแดดชนิดกายภาพไปในตัว การมีอยู่ของพวก Pigment ตระกูล Iron oxides ให้สีเหลือง-แดง จะให้ผลอำพรางสีผิวได้ด้วย

 

นอกจากพวกเม็ดสีก็ยังมีสารบำรุงอยู่ด้วยแหละ

 

ยกตัวอย่าง

*Niacinamide ที่ให้ผลเรื่องความขาว เรื่องการอักเสบผิว และก็เรื่องความแข็งแรงผิว

*Beta-glucan ที่ช่วยเติมน้ำ และช่วยให้ผิวแข็งแรง

*Sodium hyaluronate ช่วยเติมน้ำ ให้ผิวนุ่มฟู

*Adenosine ช่วยเรื่องริ้วรอย และเสริมพลังงานให้แก่ผิว

*สารสกัดจาก Portulaca, Chamomile และ Allantoin ช่วยเรื่องลดการอักเสบ ระคายเคืองและสมานผิว

*Acetyl hexapeptide-8 เป็นเปปไทด์ตัวดังที่ว่ากันว่าอกฤทธิ์ผ่านระบบประสาทคล้าย Botox ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างรวดเร็ว ไม่แปลกใจเลยที่ลงอันนี้เสร็จ ไม่เคยตกร่อง เพราะร่องมันคลายไป พอตกเย็นมาจะตกไม่ตกนี่ก็อีกเรื่องหนึ่งค่ะ (คิดว่าคนผิวมันไม่น่าจะตกร่อง แต่คนผิวแห้ง ค่ำๆมาอาจจะตกร่องได้นิดหน่อยค่ะ)

 

สารออกฤทธิ์ที่ใส่มาก็เห็นได้ว่าค่อนข้างครอบคลุมนะคะ แม้ว่าจะไม่ได้เต็มมากแบบตัวบำรุง แต่ก็แบบว่า มันเป็นเมคอัพกะกันแดดอะค่ะ ไม่ใช่สกินแคร์ แค่มีก็ดีแล้ว ฟิลลิ่งแบบนี้เลย

 

ให้คะแนนเนาะ

  1. Actives จากสรรพคุณที่บรรยายไว้ด้านบน ก็จะเห็นว่ามาค่อนข้างเต็ม คือถ้าถามว่าอยากได้อะไรอีก ก็คงเป็น Antioxidant ค่ะ ที่ดูเหมือนยังไม่ค่อยเด่นมาก ถึงมีแค่วิตอี แต่วิตอีนี่แบบว่าหลักๆเค้าแค่กันสารในขวดไม่ให้เสียไปก่อนถึงผิวเราแค่นั้น คงไม่เหลืออะไรถึงผิว จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์นะคะ
  2. Base มาในรูปแบบของอิมัลชั่นของซิลิโคนกับน้ำ มีน้ำมันอยู่นิดหน่อยประปราย ส่วนของน้ำใช้ Glycerin กับพวก Glycol เป็นตัวดึงน้ำ ส่วนของน้ำมันมีน้ำมันเคลือบผิว และน้ำมันที่ซึมผิวได้บ้าง และก็ส่วนของซิลิโคนก็มีทั้งที่ระเหยได้ บางเบา กับที่เคลือบปกป้องผิวอยู่ โดยรวมไม่มีอะไรที่น่าจะมีปัญหา ขอให้ 5 ฟลาสก์
  3. Additives สารส่วนใหญ่ที่ใส่มาก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร บางชนิดก็ให้ผลเคลือบผิว ให้ผิวนุ่มนวล ฉาบปิดรูขุมขนให้ดูเรียบเนียน ถึงแม้จะมีน้ำหอม แต่ก็ไม่เคยหักคะแนนน้ำหอมในผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่รอบดวงตามาก่อน จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน ใช้แค่ขนาดประมาณเหรียญ 25 สตางค์ แล้วมาแต้มๆที่หน้า เกลี่ยให้ทั่วนี่จะแบบว่าเรียบเนียนมาก และไม่ได้ขาววอกจนน่าเกลียดเกินไป พอลงรองพื้นทับก็คุมสีรองพื้นไม่ให้ดรอปไม่ให้หมองได้อีก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่กลิ่นอยู่แป๊บเดียว ไม่ได้รบกวนผิวไปทั้งวัน จุดนี้คือ ดีงาม ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน cc cream

 

 

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Skindom ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของ Skindom Thailand

https://www.facebook.com/SkindomThailand

และเวบไซต์ http://www.skindom.co.th กับ http://www.skindomthailand.com เลยนะคะ

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ SKindom Thailand ค่ะ

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์ครีมไข่ Too cool for school Egg cream mask

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์ครีมไข่ Too cool for school Egg cream mask

วันนี้มี่แวะเอามาสค์ครีมไข่ จากแบรนด์ Too cool for school แบรนด์ดังของเกาหลีมารีวิววิเคราะห์ส่วนผสมให้ชมกันค่ะ

Too cool for School ที่เกาหลีก็มีชอปอยู่หลายย่าน มี่เคยเข้าไปเดินเล่นที่ในสาขาอินซาดงอยู่รอบนึง ส่วนในไทยก็มีหลายสาขาค่ะ สาขาที่มี่เคยไปจะเป็นสาขาที่สยามค่ะ จัดร้านคล้ายๆกับที่เกาหลีเลย

เชื่อว่าหลายๆคนคงต้องเคยใช้ตัวมูสไข่ หรือ Egg mousse pack ของแบรนด์นี้มาแล้วแน่ๆ ตอนนี้เขาทำแบบมาสค์ชีท ออกมาด้วยค่ะ สะดวก ง่าย แค่โปะลงไปบนหน้า

เริ่มจากหน้าตาก่อนเลยค่ะ

แบบเป็นเซ็ต 1 เซ็ต มี 5 แผ่นค่ะ บรรจุในกล่องพลาสติกกลม (ใช้มาสค์หมดแล้วเอากล่องไปใส่ CD ได้ด้วยนะตัวเธอ)

tc 1

ตรงนี้เป็นส่วนของข้างหลัง

มีคำเคลมอยู่เล็กน้อย “ให้การบำรุงได้มากถึง 5 เท่า คืนความกระจ่างใสด้วยสารสกัดจากไข่ขาวและไข่แดง ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง”

1 กล่อง 5 แผ่น 820 บาทค่ะ

tc 2

เมื่อเราแกะกล่องออกก็จะเจอแบบนี้ค่ะ

tc 3

ตัวมาสค์มาในแบบซองเกือบเป็นวงกลม เกินครึ่งวงกลมมานิดนึง (ไม่รู้เรียกทรงอะไรดี) แต่สวยดีค่ะ ดีไซน์ก็ดูหรูหราตามสไตล์ของแบรนด์ค่ะ

พอเราฉีกซองมาก็จะเจอแผ่นมาสค์พับอยู่อย่างประณีต สอดแทรกด้วยตาข่ายพลาสติก เพื่อช่วยให้แผ่นมาสค์คงรูปได้ และเป็นตัวช่วยอุ้มน้ำมาสค์ให้แผ่นมาสค์

 

ความรู้สึกแรกเมื่อเปิดซองและดึงแผ่นมาสค์ออกมา คือ มันจะนุ่มๆลื่นๆ ดูละมุนมาก

ตัวแผ่นมาสค์นั้นค่อนข้างบางค่ะ แต่ไม่ได้บางมาก จุดเด่นคือ มันจะแนบสนิทไปกับผิว ตามคำเคลมของแบรนด์เลยค่ะ ซึ่งแบรนด์กล่าวว่า เป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ที่นุ่ม ติดผิวได้แนบสนิท (Skin-fitting) และช่วยการนำส่งสารอาหารเข้าผิว

ในส่วนของน้ำมาสค์ หรือ Vehicle นั้น เป็นแบบน้ำนม ที่ค่อนข้างลื่น กลิ่นหอมจางๆคล้ายนมเนย แต่ไม่ได้หวานเหมือนขนมเค้ก

 

tc 9

มาสค์แล้วค่อนข้างชุ่มชื้นดีค่ะ จากส่วนผสมก็ถือว่าเหมาะกับทุกสภาพผิวเลย แม้จะเป็นเนื้อน้ำนม มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หนักมากไปสำหรับคนที่มีผิวมัน

มี่มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

tc 5

จากส่วนผสมนี้ จะเห็นได้ว่ามาในรูปแบบของน้ำนม (Emulsion) เพราะมีทั้งส่วนของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน มีทั้งสารเติมน้ำให้ผิว สารไขมันทดแทนองค์ประกอบผิว (มีทั้งกรดไขมัน และ Ceramides) และมีสารเคลือบผิวอยู่ด้วย

ส่วนผสมที่ใช้ไม่ได้มีตัวไหนมีพิษมีภัยอะไรกับผิวเลยค่ะ

สำหรับส่วนของสารบำรุง หรือ Active ingredients นั้น ได้แก่

Panthenol เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 5 มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการอักเสบในผิว

Arginine เป็นกรดอะมิโน นอกจากเรื่องความชุ่มชื้น Arginine ยังมีส่วนช่วยเรื่องฟื้นฟูริ้วรอย และอาจจะผลเพิ่มการไหลเวียนเลือดได้ด้วย

Sodium hyaluronate เด่นเรื่องความชุ่มชื้นเช่นกัน

Egg yolk extract สารสกัดจากไข่แดง อุดมด้วยไขมันชนิดที่หายาก อย่าง Phospholipids และ Cholesterol ที่ช่วยฟื้นฟู Barrier ผิว และลดการอักเสบในผิวได้

Albumen extract สารสกัดจากไข่ขาว องค์ประกอบเป็นโปรตีน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ว่ากันว่า Albumen จะช่วยให้ความรู้สึกตึงและกระชับผิวได้ด้วย

Linoleic acid เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากภายนอก เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ Ceramide 1 ซึ่งแข็งแรงที่สุด

Ceramide 3 ช่วยฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง

Camellia japonica seed oil น้ำมันสกัดจากเมล็ดชาญี่ปุ่น อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นที่มีประโยชน์กับผิว

ส่วนประกอบของมาสค์นี้จะเด่นไปที่เรื่องของความชุ่มชื้นและการฟื้นฟู Barrier ผิวเป็นหลักเลย ในด้านรองๆ ก็จะช่วยเรื่องการลดการอักเสบในผิวได้

ให้คะแนน

1.Actives ในส่วนของสารออกฤทธิ์ ถ้าพิจารณาจากคุณสมบัติในการเป็น Moisturizer นี่ถือว่าทำมาได้ครบมาก และสมบูรณ์มาก เพราะมีครบทุกองค์ประกอบ มีไขมันทีเป็น Barrier ผิวอยู่ครบทุกชนิด แต่ถ้าพิจารณาใน Skincare องค์รวม ยังอยากได้ Antioxidant มาเสริมอีกซักนิด จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์

2.Base มาในรูปแบบน้ำนม หรือ Emulsion ที่สมบูรณ์ ประกอบด้วย สารดูดน้ำให้ผิว สารไขมันจากธรรมชาติ และสารเคลือบผิว ที่สำคัญคือไม่มี Alcohol จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

3.Additives สารที่ใช้ไม่มีพิษมีภัยอะไรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ให้ 5 ฟลาสก์

4.การใช้งาน ส่วนตัวมี่ใช้อาทิตย์ละแผ่น ตอนนี้ใช้ได้ 2 แผ่นแล้ว หลังมาสค์เราจะสัมผัสได้ทันทีเลยว่าผิวค่อนข้างนุ่มขึ้น มันจะมีช่วงหนึ่งที่อากาศกลับมาหนาว วันแรกนั้นผิวลอก แต่พอโปะมาสค์นี้เข้าไปก่อนนอน แล้วบำรุงผิวตามปกติ วันรุ่งขึ้นหน้าก็หายลอกเป็นปกติ ถือว่าค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน

 

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Skindom 24K gold collagen serum

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Skindom 24K gold collagen serum

วันนี้มี่แวะเอารีวิววิเคราะห์ส่วนผสมของ Skindom 24K gold collagen serum มาฝากกันค่ะ

ในส่วนของ Skindom นั้นเป็นเครื่องสำอางสัญชาติเกาหลีแบรนด์หนึ่งเลยค่ะ ที่มีจุดเด่นเรื่อง Ampoule และคอนเซปท์เรื่องผิวฉ่ำวาวสไตล์เกาหลี

ซึ่งมี่ได้เคยรีวิวไว้อยู่ 3 อย่างด้วยกันค่ะ

มาสค์:

http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=204734

Luxury cell collagen peptide ampoule:

http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=204911

 

วันนี้มี่จะเอาตัว 24K gold collagen serum ที่ได้รับเป็นของขวัญปีใหม่มารีวิวให้ชมหลังจากใช้ได้ไปซักพักค่ะ

 

ดูหน้าตาก่อนเนอะ

 

gold 1

 

มาในขวดแก้วสีชา มีหลอดหยด ซึ่งทางเกาหลีจะเรียกขวดในลักษณะแบบนี้ว่า Ampoule นะคะ

 

ตัวเนื้อเซรัมจะเป็นสีทอง และมีแผ่นทองคำ 24K อยู่ด้วยค่ะ

 

gold 2

 

เนื้อจะค่อนข้างหนืด ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นผิวได้ดีค่ะ

 

gold 3

 

มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสที่ดี เคลือบปกป้องผิวได้ดี ไม่เหนอะหนะมาก

 

gold 4

 

เนื่องจากเนื้อมีสีเหลือง และมีแผ่นทองคำ มันรบกวนการอ่านค่า pH เลยไม่ได้วัดให้นะคะ

 

มาดูส่วนผสมกันดีกว่า

 

สผส skindom

 

จากส่วนผสมเราจะเห็นว่านอกจาก Hydrolyzed collagen ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ถูกย่อยให้มีขนาดเล็กลง ถ้ามีขนาดเหมาะสมก็จะสามารถซึมเข้าผิวได้ ให้ผลเรื่องความชุ่มชื้นและริ้วรอย กับ Gold ตามชื่อผลิตภัณฑ์แล้ว เรายังจะได้คุณสมบัติเรื่อง Antioxidant ช่วยชะลอวัย และเรื่อง Whitening เข้ามาด้วย

 

ส่วนผสมอื่นๆที่น่าสนใจก็คือ

สารสกัดจากชาเขียว ที่มาเป็นลำดับที่ 3 เลย สารสกัดชาเขียวมีประโยชน์มากมาย มีงานวิจัยมากมาย โดยรวมคือให้ผลเรื่อง Antioxidant ช่วยชะลอวัย มี Tannin ช่วยกระชับรูขุมขน ควบคุมความมันได้ด้วย

 

เสริมมาด้วย Actives ที่ให้ผลด้าน whitening หลายตัวเลย เช่น

  1. สารสกัดจากเปลือกต้น Mulberry เป็น Antioxidant และ Whitening ผ่านการยับยั้งเอนไซม์สร้างเม็ดสีผิว
  2. สารสกัดจาก Sophora ซึ่งเป็นสารสกัดจากพืชชนิดหนึ่งในตำรับยาจีน มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดการสร้าง Melanin ในผิว (Exp Dermatol. 2013;22(1):67-9.)
  3. Niacinamide ที่ให้ผลลดการส่งผ่าน Melanin ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมาเห็นเป็นสีผิว และยังมีประโยชน์เรื่องลดการอักเสบ กับเพิ่มความแข็งแรงของผิว
  4. สารสกัดจากผล Acerola กับ Strawberry ที่ให้ผลด้าน Whitening และเป็น Antioxidant เช่นกัน

 

ส่วนของเนื้อหลักก็จะเป็นแบบน้ำ (Water-based) ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แต่มีส่วนผสมของ Ethanol หรือ Alcohol อยู่ ซึ่งอาจจะทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายผิวได้ แต่ส่วนตัวมี่ใช้ได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร

 

สารอื่นๆที่ใส่มาก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร

 

ให้คะแนนกันดีกว่า

  1. Actives ส่วนของสารออกฤทธิ์ดังที่ได้กล่าวเอาไว้ในด้านบน ถือว่ามีตัวบำรุงผิวอยู่รอบด้าน เน้นไปที่ Whitening กับ Moisturizer เป็นหลัก จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. Base ส่วนของเนื้อหลักมาในรูปแบบ Hydrogel ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แต่มีส่วนผสมของ Alcohol จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. Additives สารอื่นๆที่ใช้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
  4. คะแนนการใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบค่ะ เพราะเนื้อเจลให้ความรู้สึกชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวนุ่มฟูและเรียบเนียน จุดนี้เลยขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Skindom ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบค่ะ สวัสดีค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้จากทางแบรนด์ Skindom นะคะ

https://www.facebook.com/SkindomThailand

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับเป็นของขวัญจากแบรนด์ Skindom

Miyeon’s Shopping Guide: มียอนชวนชอปสกินแคร์ Holika Holika

Miyeon’s Shopping Guide: มียอนชวนชอปสกินแคร์ Holika Holika

วันนี้มาแชร์ชวนชอปสกินแคร์ และเมคอัพของแบรนด์ Holika Holika ให้ได้ชมกันค่ะ

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ในเครือบริษัท Enprani บริษัทน้องใหม่ที่พึ่งกำเนิดมาในช่วงปีค.ศ. 2000 มีคอนเซปท์เกี่ยวกับ “Young and healthy skin” เนื่องจากข้อมูลของบริษัทเป็นภาษาเกาหลีจึงไม่สามารถสืบค้นรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดยเครื่องสำอางของบริษัทนี้มีการเติบโตและขยายสาขาไปยังไต้หวันได้อย่างรวดเร็ว
บริษัทนี้มีแบรนด์ยอดนิยมอยู่ภายใต้จำนวน 2 แบรนด์ ได้แก่ Enprani และ Holika Holika

โดยแบรนด์ Holika Holika เป็นแบรนด์ที่เจาะกลุ่มวัยสาวแรกรุ่นด้วยคอนเซปท์สีม่วงที่ดูเล้นรับและใช้ความหมายในแนวแฟนตาซี มีแม่มดเป็นสื่อกลางค่ะ

ตอนมี่ไปเกาหลีเองก็ได้เข้าสาขาของร้านนี้หลายสาขาอยู่ค่ะ แต่ละสาขาจะมีโปรโมชั่น และการขอ Tax free ได้แตกต่างกันนะคะ

10325193_10202278541065118_416973565497716173_n

(รูปนี้ถ่ายมาเองค่ะเมื่อมิย 57)

 

สินค้าของแบรนด์ก็จะมาใน Package น่ารักกรุบกริบ

 

holika 1

 

holika 2

 

สินค้าของ Holika Holika ที่มี่มีประจำบ้านก็จะมีอยู่ 4 ตัวนี้นะคะ

 

holika miyoen

จะเป็นตัว Aloe 99% soothing gel ลูกรักประจำบ้าน ตัวนี้มีปัญหาเรื่องการหาพรี เพราะของมันหนัก และราคามันถูก ไม่มีใครเค้าอยากรับพรีให้ค่ะ ถ้าไม่หิ้วเองก็ต้อง Korea depart ละมาลุ้นภาษี (ที่โคตรแพง) กันอีกที

ตัวนี้ลงทุนนั่งแปลส่วนผสมเอง และรีวิวไปฝากไว้บนจีบันค่ะ

 

http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=199755

 

เผื่อใครขี้เกียจไปตาม ดูส่วนผสมได้ตรงนี้นะคะ

 

คะแนนก็เป็นดังนี้ค่ะ

คะแนน aloe

ที่ไม่ให้คะแนน Base เพราะมันไม่มี Base นะคะ เค้าใส่ Aloe มาเป็น Base เลยค่ะ

 

อีกสองตัวมาจาก Line Skin and Good cera เป็นครีม กับ Toner ค่ะ

ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่า Toner แต่ความมันนี่ค่อนข้างมากเลยทีเดียวค่ะ ใช้ฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรงเช่นกัน

good cera

 

อีกตัวนึงที่ขาดไม่ได้ก็ Pore pack ค่ะ ข้างในเป็นสีชมพู ติดได้แนบสนิท ลอกไม่เจ็บ สิวเสี้ยนออกดีมาก ก็เลยเป็นลูกรักไปอย่างง่ายดาย

 

ต่อมามาดู Shopping guide ของมี่บ้างนะคะ

 

มีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจมากเลยค่ะ เช่น

 

Cushion collection Dodo Cat  ที่ออกมาใหม่ จะมีสองสีในตัวนะคะ ส่วนที่เป็นอุ้งเท้าน้องเหมียวสีขาวนั้นจะทำหน้าที่เป็น Highlighter ที่เพิ่มความ Glow ได้ในตัวค่ะ

 

visual_01

 

มาสค์หน้ารูปสัตว์ที่โดดเด่นกว่าด้วย คุณสมบัติเเผ่นมาสค์เปลี่ยนสีได้

20013056

 

เก๋ไหมละ ถ้าสีเปลี่ยน ก็คือ การมาสค์หน้าเสร็จสมบูรณ์ ถอดออกได้เลย

(เรียกสวยๆแบบวิทย์ๆว่า เป็น Indicator ของการมาสค์)

 

อีกชิ้นที่น่าเล่นก็จะเป็น Mascara ของแบรนด์ที่โด่งดังเช่นกันค่ะ

 

mascara

 

จริงๆของแบรนด์ก็มีอีกหลายอย่างนะคะที่น่าเล่น

 

สำหรับวันนี้ก็มีแค่นี้ก่อนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบค่ะ สวัสดีค่ะ

 

Beauty News: เครื่องสำอางไลน์ผักจาก Innisfree เกาหลี

Beauty News: เครื่องสำอางไลน์ผักจาก Innisfree เกาหลี

ใจจริงก็อยากสวมรอยเป็นนักข่าว เขียน Beauty News มานานแล้วเหมือนกัน

 

ไหนๆก็ว่างๆ ขอจัดซักหน่อยค่ะ

 

Beauty News วันนี้ว่าด้วยเรื่องเครื่องสำอางผักค่ะ

 

กระแสของการใช้ผักในเครื่องสำอางนี่เค้ามาแรงมากกกกกกกกกก นะคะ แต่บ้านเรายังไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

 

น่าจะเปิดตัวด้วย Nature republic ที่ทำ Product ผักออกมาหลายๆตัวอยู่

 

ตอนนี้มาถึงคอนเซปท์ผักจาก Innisfree บ้างแล้วค่ะ

 

ผัก-1

(Image source: http://www.innisfree.co.kr/)

มีคอนเซปท์สวยๆว่า “Super food from Jeju”

 

แน่นอนว่าพอได้ยินคำว่า Jeju ปุ๊บ มี่ก็ไม่คิดอะไรละค่ะ ใจเอนเอียงไปมากกว่า 90%

 

ในไลน์นี้เลือกผัก/ผลไม้/ธัญพืชมาอยู่หลายตัวค่ะ ได้แก่

  1. Blueberry
  2. Kale (คะน้า)
  3. Broccoli
  4. Oat
  5. Red beet

 

แต่ละ Super foods ก็จะมี Product ต่างๆค่ะ มาดูไปทีละอาหารเลยนะคะ

 

ตัวแรก Blueberry นางใช้คอนเซปท์ว่า Rebalancing ค่ะ

 

เดาว่า เหมือนเป็นการปรับสภาพผิวให้คืนสู่สภาวะสมดุลนะคะ

 

จริงๆ Blueberry เองนี่เค้าก็จะมีพวก Anthocyanin ที่เป็น Antioxidant ดีมาก แต่เราไม่รู้ว่ามาอยู่ในขวดแล้วจะคงตัวอยู่ไหม เพราะสารกลุ่มนี้ความคงตัวค่อนข้างต่ำค่ะ แต่ที่ได้แน่นอนคือวิตามิน และน้ำตาล

 

ในไลน์นี้ ทำ Skin (เครื่องสำอางเกาหลี เทียบเท่า Essence, lotion น้ำญี่ปุ่น) และ Cream ค่ะ

 

(Image source: http://www.innisfree.co.kr/)

 

ตัวที่สองเป็นคะน้าค่ะ

คะน้าใช้คอนเซปท์เรื่อง Anti-oxidant

ซึ่งคะน้าเองเค้าก็จะมีพวก Antioxidant อยู่จริงค่ะ

 

ในไลน์นี้ทำออกมา 3 ผลิตภัณฑ์ค่ะ คือ Skin, Lotion และ Cream

(Image source: http://www.innisfree.co.kr/)

 

ตัวที่สามเป็น Broccoli ค่ะ

นางใช้คอนเซปท์เรื่อง Clearing เดาว่าเป็นตัวทำความสะอาดนะคะ เพราะผลิตภัณฑ์ที่นางทำออกมาก็คือกลุ่มทำความสะอาดค่ะ

 

แต่จริงๆแล้ว Broccoli เองก็เด่นเรื่อง Antioxidant เช่นกันค่ะ

 

ในไลน์นี้มี Toner กับ Lotion ค่ะ

 

(Image source: http://www.innisfree.co.kr/)

 

ไลน์ที่ 4 เป็นข้าวโอ้ตนะคะ

มาด้วยคอนเซปท์ Mild moisture เดาๆว่าน่าจะเป็นแบบเพิ่มความชุ่มชื้น อ่อนโยน สำหรับคนเซ้นสิจนน่าถีบ เอ้ย Sensitive

 

จริงๆแล้ว Oat นี่งานวิจัยเกี่ยวกับการลดการแพ้ การระคายเคือง ลดการอักเสบในผิวเยอะมากกกกกกกกกกกกก และยังเป็น Antioxidant ด้วยค่ะ

 

โดยรวมคือมี่ว่า Oat ดีงามสุด ดูแพง ดู Organic ดูเลอค่า

 

ในส่วนของไลน์ Oat ทำออกมาเป็น Skin, Lotion และ Cream

 

(Image source: http://www.innisfree.co.kr/)

 

ไลน์สุดท้ายมาจาก Red beet ค่ะ หรือบีทรูทนั่นเอง

มาด้วยคอนเซปท์ White-toning ค่ะ

 

ในบีทรูทนี่ก็คงไม่ต้องพูดถึง เพราะนางโดนยกให้เป็นอาหารสุขภาพลำดับต้นๆไปซะแล้วค่ะ นางมีพวก Anthocyanin เยอะมาก เป็น Antioxidant ที่ดี และช่วยเรื่องผิวขาวได้ด้วยค่ะ แต่ปัญหาคงเป็นเรื่องความคงตัวเช่นกันค่ะ

ในไลน์นี้ทำออกมาเป็น Lotion กับ Skin ค่ะ

(Image source: http://www.innisfree.co.kr/)

 

คือยังไม่ทราบส่วนผสมนะคะเลยยังวิเคราะห์ละเอียดไม่ได้

 

ถ้าเอาอารมณ์คนผิวแห้งแบบมี่ตั้ง มี่ว่า Oat กับ คะน้า น่าสนใจนะคะ

 

ถ้าอยากได้ขาว ก็หันไปทาง Blueberry กับ Red beet

 

ส่วนผิวมันก็ Broccoli ค่ะ

 

ใครไปเกาหลีอย่าลืมถ่ายรูปส่วนผสมมาฝากน๊าาา พบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ สวัสดีค่ะ

Review: Innerface Dermal herb X-droop essence toner and deep sleep mask

Review: Innerface Dermal herb X-droop essence toner and deep sleep mask

วันนี้มี่แวะเอาเครื่องสำอางเกาหลีจากแบรนด์ Innerface มารีวิวให้ชมกันค่ะ

innerface logo

แบรนด์นี้มีคอนเซปท์ เกี่ยวกับการใช้สมุนไพรธรรมชาติในการดูแลผิว จะเห็นได้จากในโลโก้ว่า Vital herb นะคะ โดยทางแบรนด์เกาหลีเลือกใช้สมุนไพรจากสถาบัน Medicinal herb institute of New Zealand มีเทคโนโลยีชั้นสูงในการสกัดเพื่อได้ได้สารสำคัญออกมาอย่างครบถ้วนเลยค่ะ

แบรนด์เป็นแบรนด์เครื่องสำอาง Organic ที่มี Claim หลัก อยู่ 5 ด้านค่ะ

claim หลัก

ด้านแรก: Vegan หรือง่ายๆ คือ เจ ไม่มีส่วนผสมที่มาจากสัตว์ค่ะ ก็จะเหมาะกับคนที่เป็นมังสะวิรัติ หรือผู้นับถือศาสนาบางศาสนา และผู้ที่แพ้ส่วนผสมจากสัตว์บางชนิด

ด้านสอง: Not tested on animals ไม่ทดสอบในสัตว์ทดลอง

ด้านสาม: Paraben free ไม่ใส่พาราเบน พาราเบนนี่เป็นสารกันเสียที่มีรายงานเกี่ยวกับการแพ้ และการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางประเภทค่ะ

ด้านสี่ PEG free: PEG นี่เป็นสารสังเคราะห์ ที่เวลาสังเคราะห์อาจจะมีหน่วยเล็กๆหลงเหลืออยู่ เจ้าหน่วยเล็กๆนี้อาจจะก่อมะเร็งได้ในระยะยาวค่ะ

และสุดท้าย Recycle: ว่ากันว่าแพคเกจของแบรนด์ผลิตมาจากกระดาษรีไซเคิลค่ะ และมีรูปทรงเก๋ไก๋ แบบสามเหลี่ยม

ตัวที่มี่ได้มาเป็นตัวที่อยู่ในไลน์ Dermal herb X-Droop นะคะ ได้มา 2 ตัวคือ Essence toner กับ Deep sleep mask ค่ะ

inner

กล่องมาแบบเก๋ไก๋เป็นสามเหลี่ยมค่ะ

มาดูรายละเอียดทีละตัวเลยนะคะ

ตัวแรก Essence toner ค่ะ เป็นสูตรผสมแบบ 2-in-1 ของ Essence กับโทนเนอร์ จะเอามาเช็ด มาตบ หรือมาทา ก็ได้หมดค่ะ

es jar

ตัวนี้เนื้อจะมาแบบหนืดๆคล้ายเซรัมอยู่ค่ะ ลักษณะใส มีกลิ่นหอมอ่อนๆของสมุนไพร

es tex

เกลี่ยค่อนข้างง่าย ให้สัมผัสที่ดี และก็ซึมไว แห้งไว ไม่ทิ้งคราบเหนอะหนะค่ะ

essence feel

วัด pH ซักหน่อยนะคะ

es ph

อยู่ที่ประมาณ 4-5 ค่ะ ซึ่งก็ถือว่าเหมาะกับผิวดี

อีกตัวจะเป็นตัว Deep sleep mask ค่ะ

slp jar

นางจะมาในกระปุกแก้วสีขาวสะอาดตา ข้างในนี่นางซีลปิดฝากระปุกไว้อีกชั้นค่ะ กันปนเปื้อนจากภายนอก

เนื้อจะหยุ่นๆ นุ่มๆ ตัวนี้แทบจะไม่มีกลิ่นน้ำหอมเลยค่ะ

slp tex bottle

เนื้อเป็นเหมือนๆลูกผสมของครีมกับเจล สีขาวขุ่นค่ะ

slp tex

เวลาเกลี่ยจะเกลี่ยค่อนข้างง่าย และจะกลายเป็นเนื้อฟิล์มบางๆเคลือบผิวไว้ค่ะ

slp feel

เจ้าฟิล์มนี่เองที่จะเคลือบผิวและสร้างภาวะที่เรียกว่า Occlusive ที่เป็นหัวใจหลักของการมาสค์ค่ะ ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารต่างๆ เพิ่มความชุ่มชื้นในผิว และช่วยปรับสมดุลการทำงานให้ผิวได้ด้วยค่ะ

วัด pH กันซักนิดนะคะ

slp ph

ดูยากนิดนึงนะคะ เพราะสีของมาสค์มันเคลือบไว้ มี่เดาว่าน่าจะ 6 ค่ะ ซึ่งก็โอเคนะคะ ใกล้เคียงกับผิวอยู่ค่ะ

มาถึงคิวการวิเคราะห์ส่วนผสมแล้วค่ะ

Essence toner

สผส essence

(มี่ทำสีของสารออกฤทธิ์ให้เป็นสีม่วงไว้นะคะ)

จะเห็นว่าสารออกฤทธิ์ทุกตัวเลยได้จากธรรมชาติ แล้วมีค่อนข้างหลากหลายมากค่ะ มาดูรายละเอียดกันพอหอมปากหอมคอกันดีกว่าเนาะ

Rosa damascena flower water หรือน้ำกุหลาบมอญ เป็นน้ำที่เหลือจากการกลั่นน้ำมันกุหลาบ จะยังพอมีน้ำมันกุหลาบเหลืออยู่เล็กน้อย ร่วมกับสารบำรุงอื่นๆ มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคือง ลดการอักเสบ และให้ความรู้สึกสบายผิว

-นอกจากนี้ยังมี Panthenol, Aloe กับ Allantoin ก็ช่วยเรื่องชุ่มชื้น ลดระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว เช่นกัน

Hamamelis virginiana water หรือ Witch hazel ตัวดังเรื่องกระชับรูขุมขน และยังเป็น Antioxidant ได้ด้วย

-Saururus chinensis extract ตัวนี้ต้องขอจัดเต็มค่ะ คือนางดีและเยอะมาก นางเป็นสารสกัดจากพืชยาจีนชนิดหนึ่ง มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการเป็น Antioxidant และ ลดการอักเสบ (J Med Food. 2005;8(2):190-7.) สารประกอบ Sauchinone ที่พบมีคุณสมบัติส่งเสริมการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยไปกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาว Phagocyte ของร่างกายกินเชื้อแบคทีเรียเพื่อกำจัดทิ้งได้ดีขึ้น (Eur J Pharmacol. 2014;728:176-82.) สารนี้ยังช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากรังสี UV ได้อีก (Biol Pharm Bull. 2013;36(7):1134-9.) สารประกอบ Manassantin B ที่พบมีผลช่วยเรื่องผิวขาว โดยไปยับยั้งกระบวนการนำส่งเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมาเห็นเป็นสีผิวภายนอก (Pigment Cell Melanoma Res. 2012;25(6):765-72.) สารประกอบ Manassantin A ที่พบยังไปลดการสร้างเอนไซม์ Tyrosinase ได้ (xp Dermatol. 2011;20(9):761-3.) โดยรวมคือ ปกป้องผิวจากยูวี ผิวขาว ลดอักเสบ และชะลอวัย

Polyglutamic acid และ Sodium hyaluronate โดดเด่นเรื่องความชุ่มชื้นค่ะ

โดยรวมจะเห็นได้ว่าสารออกฤทธิ์นี้มาค่อนข้างเต็ม และครบถ้วน โดยเน้นไปที่เรื่องชุ่มชื้น ลดอักเสบ ให้ความรู้สึกสบายผิว และมีเรื่องชะลอวัย ปกป้องผิวจากยูวี ผิวขาว และกระชับรูขุมขนเสริมมาค่ะ

คะแนนนน

1.สารออกฤทธิ์ จากที่บรรยายไปคือไม่รู้จะอยากได้อะไรเพิ่มมาอีกดี ก็เลยให้ 5 ฟลาสก์

2.เนื้อผลิตภัณฑ์ เป็นกลุ่มน้ำ (Water-based) ไม่มีน้ำมัน ไม่มีซิลิโคน ไม่มีแอลกอฮอล์ และยังมีสารดูดน้ำให้ผิวดีๆอยู่ด้วย เลยให้ 5 ฟลาสก์

3.สารองค์ประกอบอื่นๆ มีแค่เท่าที่จำเป็น คือ มีสารเพิ่มความหนืด มีสารทำให้ใส และก็สารกันเสียแค่นั้น โดยสารกันเสียที่ใช้เป็นสารกันเสียจากธรรมชาติค่ะ ไม่มีพาราเบน ก็เลยให้ 5 ฟลาสก์ เช่นกัน

4.การใช้งาน โดยรวมคือค่อนข้างชอบ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นกลิ่นสมุนไพรค่อนข้างชัด เนื้อนุ่มเบาสบายเกลี่ยง่าย ชุ่มชื้นผิวมาก ใช้มาได้อาทิตย์กว่าๆ ก็รู้สึกว่าแต่งหน้าติดผิวได้มากขึ้น ขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน

ถึงคิว Sleeping mask บ้างค่ะ

ส่วนผสมนะคะ

สผส sleep

ส่วนผสมจะค่อนข้างคล้ายกับตัวโทนเนอร์ แต่ที่ต่างคือ มีการเพิ่มน้ำมันจาก Babassu (Orbignya oleiferaseed oil) ซึ่งเป็นพืชตระกูลปาล์ม ประกอบด้วยกรดไขมันสายสั้นๆ C12 (Lauric acid) เป็นหลัก (50%) รองลงมาเป็น Myristic acid และ Oleic acid อารมณ์จะคล้ายๆน้ำมันมะพร้าวอยู่ค่ะ

และที่เพิ่มเข้ามาคือ Pinus sylvestris extract เป็นสารรสกัดจากพืชตระกูลสน มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ช่วยชะลอวัย และมีส่วนช่วยเรื่อง Whitening ได้

ให้คะแนนเช่นกัน

1.สารออกฤทธิ์ ส่วนผสมชุดนี้เน้นไปที่การฟื้นฟูบำรุง โดยการเสริมสร้างไขมันให้ผิว ช่วยเติมน้ำ และลดการอักเสบระคายเคืองในผิว โดยรวมยังถือว่าขาดในส่วนของ Antioxidant ไปอยู่เล็กน้อยเพราะตัวที่มียังไม่เด่นมาก จุดนี้จึงขอให้ 4 ฟลาสก์

2.เนื้อหลัก เป็นชนิดอิมัลชั่นประกอบด้วยส่วนผสมของน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีตามอุดมคติครบถ้วน คือ มีสารดึงน้ำ มีสารไขมันทดแทน และมีสารไขมันเคลือบปกป้องผิว โดยรวมขอให้ 5 ฟลาสก์

3.สารองค์ประกอบอื่นๆ สารที่ใช้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิว ไม่มีพาราเบน ไม่มีสาร Surfactant แรงๆ โดยรวมจึงถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

4.การใช้งาน ถ้าคืนไหนเรามาสค์อันนี้ เช่ามาจะสังเกตได้เลยว่าหน้านุ่มขึ้นมาก ถ้าอยากใช้ร่วมกันสองตัวก็แค่โบกโทนเนอร์ลงไปก่อน แล้วรอซักแป๊บ ก่อนละเลงมาสค์นี้ลงไป แต่สำหรับผิวมี่ มี่ว่าถ้าใช้ซักวันเว้นวันหรือวันเว้นสองวันน่าจะกำลังเหมาะเลย แต่ถ้าให้ใช้ทุกวัน มี่ว่ามันค่อนข้างเคลือบผิวไปนิดนึงค่ะ โดยรวมถือว่าชอบ และเหมาะมากสำหรับคนผิวแห้งค่ะ จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์

ทmask

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางแบรนด์ Innerface Thailand ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ค่ะ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์เลยนะคะ

เฟสบุค: http://www.facebook.com/Innerface

website: http://www.innerfacethailand.com/

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ Innerface

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

Review ยีสต์โฟมตัวดังจากเกาหลี Skindom yeast whip foam

Review ยีสต์โฟมตัวดังจากเกาหลี Skindom yeast whip foam

วันนี้มี่แวะเอา Whip Foam Cleanser จากเกาหลีมารีวิวให้ชมกันค่ะ

Whip foam วันนี้เป็น Yeast ultra deep cleansing whip foam จากแบรนด์ Skindom ค่ะ

ขอเรียกสั้นๆ ว่า “Yeast whip foam” นะคะ

ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Skindom ที่มี่รีวิวไปในกระทู้ก่อนๆก็จะมีตัว Ampoule mask กับตัว Ampoule serum ทั้งสองอัน ติดตามได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

ลิงค์สำหรับอ่านรีวิว Ampoule mask

ลิงค์สำหรับอ่านรีวิว Ampoule serum

วันนี้มาดูวิปโฟมดีกว่าค่ะ ถ้าพูดถึงวิปโฟม ปกติจะคิดถึงทางฝั่งค่ายญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเจอกับทางฝั่งประเทศอื่น แต่ตอนนี้เรามีของเกาหลีแล้วนะคะ แล้วก็กำลังอินเทรนด์เลยด้วย ยอมรับว่ามี่ยังไม่เคยใช้วิปโฟมตัวดังตัวนั้นนะคะ พึ่งจะใช้ตัวนี้เป็นตัวแรกค่ะ

ควรใช้คู่กับตาข่ายตีฟองจะยิ่งได้ฟองที่เลอค่าขึ้นไปอีกค่ะ

IMG_0444-re

ผลิตภัณฑ์มาในหลอดบีบนุ่มๆสีขาวสะอาด มีตรา Ecocert ด้วยนะคะ

Ecocert

(แอบเอารูปมาจาก Google นะคะ)

Ecocert คืออะไร?

Ecocert เป็นหน่วยงานของประเทศฝรั่งเศสที่ให้การรับรองสินค้า Organic ต่างๆค่ะ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เครื่องสำอาง รวมไปถึงพวกผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในครัวเรือนต่างๆ

นอกจาก Ecocert ผลิตภัณฑ์ยังได้ตรา KFDA (องค์การอาหารและยาเกาหลี) และ USFDA ของอเมริกาด้วยค่ะ

โฟมตัวนี้พอบีบออกมาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากโฟมล้างหน้าทั่วไปค่ะ จะเป็นเนื้อวาวๆเหลือบมุกสวยงาม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

faom

แต่พอตีฟองกับตาข่ายตีฟองเท่านั้นแหละค่ะคุณขา ฟองพรึ่บ นุ่มและละเอียดมากเหมือนวิปครีมจริงๆค่ะ

IMG_0448-re

สาวบ้าฟอง ฟินกับฟองเลยค่ะทีนี้

ฟองที่ได้มีความคงตัวสูงด้วยค่ะ ไม่ยุบตัวเร็ว ไม่แตกและหายไปไหน พอเอามาล้างหน้าก็จะนุ่มๆ รู้สึกดีค่ะ

ให้ดูความหนาของฟองชัดๆอีกซักรูป คงตัวมากนะจ๊ะ เอาช้อนตักออกมายังไม่หกเลอะเทอะเลย

foam 4-re

ทางแบรนด์ Claim วิธีใช้ไว้ 2 แบบนะคะ

1.แบบหนืด-ยืด-หยุ่น ให้บีบโฟมประมาณ 1 – 2 ซม. แล้วใช้มือแห้งๆตีโฟมให้หนืดๆแล้วค่อยเอามาล้างหน้าที่เปียกค่ะ

2.แบบฟอง-เนียน-นุ่ม ให้บีบโฟมประมาณ 1 ซม. แล้วใช้ตาข่ายตีฟองค่ะ

ของมี่ใช้แบบ 2 นะคะ >w<

ถ้าเทียบกับโฟมล้างหน้าที่มี่ใช้ทุกวันนี่จะเห็นได้ชัดเลยค่ะ

vs foam ใหม่

ตอนล้างเสร็จหน้าก็จะนุ่ม ไม่แห้งตึงค่ะ

มาดูส่วนผสมกันบ้างดีกว่าค่ะ

จุดเด่นของโฟมตัวนี้ได้แก่

1.เทคโนโลยีชีวภาพการหมักของยีสต์ ถั่วหมัก และแลคโตบาซิลลัสซึ่งเป็นจุลินทรีย์ชนิดดี หรือ Probiotic ค่ะ ค่ะ ข้อดีของยีสต์ วิปโฟม ตัวนี้คือเป็น Saccharomyces ทำให้หน้าใสเนียนนุ่มขึ้น ลดเลือนริ้วรอย และช่วยกำจัดแบคทีเรียบนใบหน้า ในขณะที่วิปโฟมทั่วไปจะทำความสะอาดเพียงอย่างเดียว นวัตกรรมการหมักนี้เป็นภูมิปัญญาของชาวเอเชียเรา ในระหว่างการหมัก จะเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า “Bio-conversion” เป็นการที่ยีสต์ไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสารอาหารให้มีขนาดเล็กลง ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ดูดซึมได้ง่ายขึ้น และตอนนี้ทางฝั่งยุโรปและอเมริกากำลังให้ความสนใจมากถึงขนาดดาราหลายคนไม่ยอมใช้สกินแคร์ที่ไม่มียีสต์หมักกันเลย

2.สารสกัดจากพืช 7 ชนิดจากเทือกเขาแอลป์ ซึ่งเป็นสูตรผสมของวัตถุดิบที่มีชื่อทางการค้าว่า Giga White ที่ให้ผลเรื่องความขาว ดูแลผิวที่หมองคล้ำและเป็นฝ้าได้ ที่สำคัญคือทางแบรนด์เค้ารับรองถิ่นกำเนิดของส่วนผสมด้วยค่ะ

3.น้ำแร่ธารหิมะ (Glaciar) จากเทือกเขาแอลป์

Full ingredient list ค่ะ

yeast สผส

ขอแบ่งเป็นกลุ่มๆนะคะ

1.สารทำความสะอาด ตัวหลักน่าจะเป็นชนิด Soap (แปลว่าสบู่ หมายถึงสารที่เกิดจากปฎิกิริยาระหว่างกรดไขมันกับด่างค่ะ) คือ สารที่ได้จากปฎิกิริยาของ Stearic acid, Myristic acid, Lauric acid กับ Potassium hydroxide ค่ะ เสริมมาด้วย Cocamidopropyl betaine ที่เป็นชนิดสองประจุ มีความอ่อนโยน สามารถปรับสภาพผิวได้ ส่วนตัว Lauramide DEA เป็นตัวเพิ่มฟองค่ะ พวกนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผิวและมีความอ่อนโยนมากกว่ากลุ่ม SLS/SLES ค่ะ

2.สารเติมน้ำ ได้แก่ Glycerin, Panthenol, Sodium hyaluronate, Mannitol พวกนี้เติมน้ำให้ผิวได้ดีและดูมีคุณค่ามากกว่าการใช้แค่ Glycerin กับ Propylene glycol เฉยๆ

3.สารออกฤทธิ์อื่นๆ จะเห็นว่ามีกลุ่มของสารที่ได้จากกระบวนการเทคโนโลยีการหมัก (Fermentation) พวกนี้ก็ให้ผลดีๆกับผิวหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องชุ่มชื้น ลดการอักเสบในผิว และริ้วรอย ยังมีสารสกัดจากพืชอีกหลายชนิดตามสูตรผสมของ Giga white ที่ให้ผลเรื่องความขาว มีเอนไซม์ผลัดผิว 2 ตัว อย่าง Bromelain กับ Papain ช่วยย่อยสลายขี้ไคลอย่างอ่อนโยน ถึงแม้ว่ากลุ่ม Cleansing จะสัมผัสผิวแค่ไม่นานก็ต้องล้างออก แต่การมีสารออกฤทธิ์ย่อมต้องดีกว่าไม่มีแน่นอน

4.สารองค์ประกอบอื่นๆ ไม่มีตัวไหนมีพิษมีภัยอะไรกับผิวค่ะ

มาให้คะแนนดีกว่าค่ะ วันนี้มี 3 เกณฑ์นะคะ

1.สารทำความสะอาด เป็นกลุ่ม Soap ถึงแม้จะไม่ได้อ่อนโยนมาก แต่ก็ยังไม่ได้แรงเท่าสารทำความสะอาดที่ใช้กันเกลื่อนกลาดอย่าง Sodium lauryl ether sulfate หรือ SLES มีการเสริมด้วยสารกลุ่ม Betaine ช่วยลดระคายเคืองได้อีกต่อ จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์

2.สารออกฤทธิ์ หรือ Active ingredients นับรวมเอาสารเติมน้ำเข้ามาด้วย จากที่บรรยายไปเมื่อครู่จะเห็นว่ามาครบถ้วนทุกสิ่งอย่าง และก็อย่างที่บอก ถึงแม้ว่ากลุ่ม Cleansing จะสัมผัสผิวแค่ไม่นานก็ต้องล้างออก แต่การมีสารออกฤทธิ์ย่อมต้องดีกว่าไม่มีแน่นอน จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

3.การใช้งาน โฟมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นกลิ่นที่มี่ชอบพอดี แนวแป้งๆ หวานๆ อารมณ์ประมาณ Dairy + Honey กับมีกลิ่นดอกไม้จางๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย วิปโฟมละเอียดนุ่ม ให้สัมผัสที่ดี ล้างออกได้หมดจด ไม่ทำให้หน้าแห้งตึง อย่างไรก็ดี ล้างหน้าเสร็จอย่าลืมเติมน้ำคืนผิวภายใน 20 นาทีนะคะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Skindom ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่

Facebook : http://www.facebook.com/SkindomThailand

Instagram : https://instagram.com/SkindomThailand

Website : http://www.skindomthailand.com

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ SKindom Thailand ค่ะ

[Full Review] Etude House Play therapy Soft clay pack

[Full Review] Etude House Play therapy Soft clay pack

วันนี้แวะเอามาสค์โคลนของ Etude house มารีวิวให้ชมกันค่ะ

ทบทวนเรื่องมาสค์โคลนอีกรอบนะคะ

มาสค์โคลน หรือ Clay mask เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารกลุ่ม Clay กระจายและพองตัวอยู่ในเนื้อของผลิตภัณฑ์ ทำให้ดูหนืดข้นเหมือนโคลนจริงๆ

ตัวอย่างสารกลุ่ม Clay เช่น อะไรก็ตามที่มีคำว่า Clay, และสารอื่นๆ เช่น Kaolin, Bentonite, Magnesium Aluminium Silicate

สารกลุ่ม Clay มีคุณสมบัติพิเศษ ด้วยความที่ตัวมันมีรูพรุน ทำให้มันสามารถดูดซับเอาสารต่างๆไว้กับตัวมันได้ เวลาเอา Clay มาพอกหน้าจึงให้ผลดูดซับความมัน สิ่งสกปรกต่างๆออกมาจากผิว รวมไปถึงพวกสารพิษ และมลภาวะต่างๆที่ตกค้างบนผิวได้ด้วย

สารกลุ่ม Clay มีคุณสมบัติดูดซับความมันได้ดีจึงเหมาะกับคนที่มีผิวมันมากกว่าผิวแห้ง

คนที่แต่งหน้าด้วย Shimmer หรือ Glitter เป็นประจำ ควรมาสค์โคลนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อ Detox และดูดซับเอาผงของพวก Mica ซึ่งมักล้างไม่ออก ออกไปจากใบหน้า

ส่วนมาสค์โคลนลูกรักที่แอดมินใช้ (จริงๆเคยใช้แค่อันเดียว ก็เลยรัก คือแบบว่าใช้นานๆที แล้วใช้แค่ตรงทีโซน เลยไม่ยอมหมดซักที แกะมาเกือบปีแล้วค่ะ) คือเจ้า Etude House Play therapy Soft clay pack ค่ะ

etude 1

อันนี้ไปหิ้วเองมาจากกรุงโซลเมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว เริ่มแกะใช้ประมาณช่วง ตค.ค่ะ นี่ก็เกือบปีแล้ว ยังไม่ยุบเลย

ตัวนี้ทางแบรนด์เคลมเรื่อง Pore and Sebum care ค่ะ

เป็นมาสค์ที่ค่อนข้างแห้งจริงๆ ถ้าเอาลงตรงแก้มนี่คือพังเลยค่ะ ลงได้แค่ทีโซน

นางเคลมว่านางเอา Clay มาจากป่าอเมซอนในบราซิล (Brazil forest clay) ค่ะ นางเคลมว่า Clay ตรงนี้มีความบริสุทธิ์สูง และมีแร่ธาตุมากมาย

ตรงนี้มี่ไม่มีข้อมูลมารองรับนะคะ ก็ฟังๆกันไปเนาะ

กลิ่นนางเป็นแนวๆเย็นๆ นางว่านางใช้ Eucalyptus ค่ะ แต่อิชั้นว่า ยูคาลิปตัสมันระคายผิวได้นะคะ

มาดูเนื้อสัมผัสก่อนนะคะ จะเป็นเนื้อหนืดๆหนักๆข้นๆสีเขียวอ่อนๆค่ะ

etude 2

(พอดีถ่ายกลางคืนใต้แสงไฟนีออนเลยไม่ค่อยชัดนะคะ)

เกลี่ยง่ายค่ะ กลิ่นก็ไม่เชิงหอมมาก แต่เป็นแนวเย็นๆ

เวลาใช้มาสค์โคลนควรเกลี่ยให้กลบสีผิวเราได้มิดพอดี และรอจนโคลนแห้ง (สังเกตโดยการมองใต้แสง ว่าไม่มีความเงาแล้ว) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

etude 3

(อันนี้พึ่งลง จะเห็นว่าเงาๆอยู่ค่ะ)

มาดูส่วนผสมกันซักหน่อยเป็นพิธี

etude สผส

ส่วนผสมตัวนี้จะต่างจากมาสค์โคลนทั่วไปในตลาดค่ะ เพราะว่าตัวเนื้อ (หรือ Base) ของนางทำมาจาก Emulsion เพราะมีน้ำมันอยู่ด้วย แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ น้ำมันที่นางใช้ไม่ได้อุดตันอะไรรูขุมขน

ส่วนจุดเด่นอีกอย่างคือการใช้ทั้ง Kaolin และ Bentonite มาเสริมกัน

เจ้า Kaolin นี่เป็น Clay สีขาว ที่ประกอบด้วย Magnesium, Aluminium และ Silica เป็นหลัก คิดว่าน่าจะหมายถึงที่โคลนอะเมซอนที่แบรนด์ใช้

เจ้า Bentonite นี่เป็น Clay สีเทา มีคุณสมบัติพองตัวในน้ำ ดูดซับความมันได้ดีเช่นกันค่ะ

และก็จุดเด่นอีกจุดน่าจะเป็นการที่ใส่ Silica มาดูดน้ำมันอีก

และลำดับของสารกลุ่ม Clay นี่มาต้นๆเลย ผิดกับบางแบรนด์ที่ใส่มาแค่กรุบกริบแล้ว Claim ซะอลังการ

นอกจากนั้นยังเสริมมาด้วยสารอย่าง Trehalose ที่เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ ช่วยดูดน้ำและช่วยปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้แห้งเกินไปค่ะ

โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างโอเคเลย เพราะมีการเสริมตัวดูดน้ำให้ผิวด้วย จะได้ไม่แห้งมาก

ส่วนสารอื่นๆก็ไม่มีข้อติ เพราะไม่ได้มีพาราเบน กับซิลิโคน  ส่วนน้ำหอม นางว่านางใช้ Eucalyptus ค่ะ ก็อาจจะระคายเคืองได้ค่ะ ในบางคน ควรทดสอบก่อนใช้นะคะ

ส่วนราคา จำไม่ได้แล้วค่ะ

พบกันใหม่รีวิวต่อไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตัวเอง (Consumer reviewed)

[Full Review] Skindom Luxury cell collagen peptide ampoule และ Angels Bifida 100% ampoule

[Full Review] Skindom Luxury cell collagen peptide ampoule และ Angels Bifida 100% ampoule

วันนี้มี่แวะเอา Ampole จากแบรนด์ Skindom ของประเทศเกาหลีมารีวิวให้ชมกันค่ะ

ในกลุ่ม Ampoule ที่มี่ได้มา มี 2 ตัว เป็นตัว Skindom Luxury cell collagen peptide ampoule และ Angels Bifida 100% ampoule ค่ะ มาดูรายละเอียดกันไปทีละตัวดีกว่านะคะ

อ้อ แอบกระซิบไว้ว่า สองตัวนี้ใช้คู่กันได้นะคะ แล้วใช้ได้ทั้งเช้าทั้งเย็นค่ะ มี่แนะนำว่าเอา Bifida ลงก่อน ตามด้วย Luxury cell ampoule ค่ะ

IMG_0249-re

ตัวแรกที่จะเจาะส่วนผสมเป็น Skindom Luxury cell collagen peptide ampoule ค่ะ

แค่ชื่อก็แบบว่า Luxury จ้าาา หรูหรา

IMG_0259-re

สรรพคุณที่ แบรนด์ Claim จะเป็น 7 in 1 ampoule ขวดเดียวบำรุงได้ 7 ด้าน คือ ริ้วรอย รูขุมขน ความชุ่มชื้น ชะลอวัย ความยืดหยุ่นผิว คุมมัน และให้ผิวเงาฉ่ำวาวสไตล์เกาหลีค่ะ

ส่วนเนื้อเป็นเนื้อเจลใส มีความหนืดปานกลาง มีกลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ

IMG_0260-re IMG_0261-re

เกลี่ยง่าย ให้ความรู้สึกเย็นและสบายผิว ดูดซึมผิวได้ปานกลาง เมื่อเวลาผ่านไปก็จะไม่ทิ้งคราบอะไรไว้บนผิวค่ะ

IMG_0262-re

วัดค่า pH กันซักหน่อยค่ะ

IMG_0264-re

ตัวนี้ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5-6 ค่ะ เท่ากับผิวพอดีเลย

มาดูส่วนผสมกันดีกว่านะคะ

สผส colla

มี่ขอแบ่งวิเคราะห์ส่วนผสมเป็นกลุ่มๆดังนี้นะคะ

***Fermented soybean (ถั่วเหลืองหมัก) ในส่วนผสมมีอยู่ถึง 2 ตัว คือ Bacillus/soybean fermented extract กับ Lactobacillus/soybean fermented extract

ในการหมักด้วยจุลินทรีย์ ปกติจุลินทรีย์จะไปเปลี่ยนสารในพืชให้มีขนาดเล็กลง ทำให้ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น และสามารถซึมผ่านผิวได้มากขึ้น

มีการศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติของถั่วเหลืองที่หมักด้วยจุลินทรีย์สายพันธ์ Bacillus พบว่า ถั่วเหลืองหมักมีคุณสมบัติ Antioxidant ที่ดีขึ้น และเป็น Whitening ได้ดีขึ้น เพราะถั่วเหลืองหมักออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase (เอนไซม์ที่สร้างเม็ดสีผิว) ได้มากกว่าเดิม (Toxicol Res. 2011;27(4):205–209.)

ส่วนการหมักด้วย Lactobacillus ก็จะได้ Lactic acid ที่เป็นประโยชน์กับผิว และยังช่วยเปลี่ยน Isoflavone ที่อยู่ในรูปแบบ Glycoside (มีน้ำตาลเกาะอยู่) ให้กลายเป็นรูปแบบ Aglycone (ไม่มีน้ำตาล) (Int J Food Sci Nutr. 2012;63(5):566-79.) ทำให้ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น สารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดีและเป็น Phytoestrogen ช่วยให้ผิวนุ่มนวล และริ้วรอยลดลง

***กลุ่มสารที่เป็น Antioxidants มีอยู่ 4 ตัว คือ สารสกัดจากชา (Camellia oleifera extract), สารสกัดจาก Elm (Ulmus davidiana extract), สารสกัดจากทับทิม (Punica granatum extract) และวิตามินอี

ขอกล่าวถึงสารสกัดจาก Elm นิดหน่อยนะคะ เพราะว่าดูโดดเด่นเป็นพิเศษเพราะช่วยชะลอการแก่ได้ระดับเซลล์เลยทีดียว เพราะมีรายงานว่าสารสกัดนี้สามารถชะลอการแก่ (Senescence) ของเซลล์ Fibroblast ในผิว (Planta Med. 2011; 77(5):441-9.) เซลล์ Fibroblast เป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว

***กลุ่มสารเพิ่มความชุ่มชื้น มี 3 ตัว คือ Sodium hyaluronate, Panthenol, และ Beta-glucan ช่วยอุ้มน้ำให้ผิว ผิวจะนุ่มและแลดูอวบอิ่ม

***กลุ่มสารลดริ้วรอย ได้แก่ Adenosine, Tripeptide-29, Acetyl hexapeptide-8 และ Copper tripeptide-1 ขอกล่าวถึงตัว peptide 3 ตัวหลังนะคะ

Tripeptide-39 เป็น Peptide ที่เกิดจากกรดอะมิโน 3 ตัว มีโครงสร้างคล้ายกับหน่วยย่อยของ Collagen จึงมีชื่อว่า Collagen tripeptide มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนในผิว

Acetyl hexapeptide-8 เป็น Neuropeptide ที่รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า Argireline ออกฤทธิ์ผ่านระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อที่หดตัวเกิดเป็นริ้วรอยคลายตัว คล้ายๆกับ Botulinum toxin (หรือ Botox) เมื่อทาจะทำให้รู้สึกว่าผิวเรียบตึงขึ้นทันที แต่ผลที่เกิดขึ้นอยู่ได้ไม่นาน

Copper tripeptide-1 เป็น peptide ที่เกิดจากกรดอะมิโน 3 ตัว มาจับกับแร่ Copper มีฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล ลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว มีรายงานการวิจัยทดสอบถึงการซึมผ่านผิว พบว่าสารนี้ซึมผ่านผิวได้ในระดับที่ดีพอที่จะออกฤทธิ์เป็นสารต่อต้านกระบวนการอักเสบได้ (inflamm Res. 2011;60(1):79–86.)

***กลุ่มสารลดการอักเสบ ระคายเคืองและช่วยสมานผิว ได้แก่ Allantoin, Dipotassium glycyrrhizate และ สารสกัดจาก Portulaca oleraceae

โดยรวมจึงเห็นว่ามากันครบถ้วนเลยทีเดียว

วิเคราะห์คะแนนดีกว่าค่ะ

1.Actives ส่วนของสารออกฤทธิ์ตามที่ได้สาธยายและบรรยายไว้ในข้างบนก็ถือว่ามาเต็มและครบถ้วนสมบูรณ์ จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

2.Base หลักๆเป็นรูปแบบของ Solution ที่ไม่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบ ไม่มี Alcohol มี Glycerin กับ Butylene glycol เป็นตัวดึงน้ำให้ผิว ก็ไม่รู้จะหักคะแนนอะไร จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

3.Additives สารอื่นๆที่ใช้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิว สารบางตัวยังช่วยเคลือบเป็นฟิล์มบางๆบนผิวและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ ส่วนผสมชุดนี้ ไม่มีพาราเบน และไม่มีซิลิโคน แม้จะมีน้ำหอมแต่ก็ไม่เคยหักคะแนนน้ำหอมในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่พวกดูแลรอบดวงตามาก่อน จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

4.การใช้งาน มาในรูปแบบเจลใส เกลี่ยง่าย ให้ความรู้สึกเย็นและสบายผิว ดูดซึมผิวได้ปานกลาง แต่เมื่อซึมหมดแล้วไม่ทิ้งคราบอะไรไว้บนผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่แอบหนึบๆเล็กๆ ทำให้ผิวนุ่มลื่นขึ้นมาก เช้าตื่นมาจะเกลี่ยรองพื้นได้ง่าย และแต่งหน้าได้เรียบเนียนแนบสนิทมากขึ้น แต่คหสต.มี่คิดว่ากลิ่นมันฉุนไปนิดสำหรับมี่ จึงขอให้ 4 ฟลาสก์

คะแนน cell

ต่อไปเป็นอีกตัวที่ใช้คู่กัน คือ Skindom Angels Bifida 100% ampoule

IMG_0251-re

เนื้อเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นค่ะ พยายามจะหยดให้สวยๆบนมือ แต่มันเหลวก็เลยกลิ้งไปกลิ้งมาถ่ายยากมาเลยได้มาแค่นี้ค่ะ

IMG_0252-re

IMG_0255-re

เกลี่ยค่อนข้างง่าย ซึมผิวไวมาก ไม่มีกลิ่น และไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลยค่ะ

IMG_0262-re

วัด pH กันซักนิดนะคะ

IMG_0263-re

pH อยู่ที่ 5 ค่ะ ก็ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ตัวนี้ส่วนผสมเรียกได้เลยว่าเรียบง่ายมาก คือ ใส่ Bifida ferment filtrate (ขอย่อว่า BFF นะคะ) มา 100% เต็มๆ

สำหรับ Bifida ferment filtrate นี่ได้จากการเลี้ยงจุลินทรีย์ Bifidobacterium ที่เป็นจุลินทรีย์สายพันธ์ดีที่มีประโยชน์ ที่เรียกว่า Probiotic ผู้ผลิตวัตถุดิบรายงานว่าสารที่ Bifidobacterium สร้างให้ผลเพิ่มความชุ่มชื้น ผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวขาวโดยไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase และยังช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากรังสี UV และยังช่วยปรับสมดุลภูมิคุ้มกันให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้

เนื่องจากส่วนผสมมีแค่ Bifida ferment filtrate เพียงตัวเดียวจึงขอให้คะแนนเฉพาะส่วนของการใช้งาน

คะแนนการใช้งาน ตัวนี้เป็นสารละลายใสๆ ไม่หนืด ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส (เดี๋ยวๆ) เวลาใช้จะใช้แค่เพียง 2-3 หยด วอร์มๆบนมือแล้วลากบนหน้าได้เลย แต่ถ้ากลัวลากไม่มันส์ก็ผสมกับ Skincare ที่ใช้อยู่เป็นประจำก่อนลงหน้าก็ได้ค่ะ เกลี่ยง่าย ซึมผิวไวไม่เหนอะหนะค่ะ และก็อย่าลืมเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ เพราะบ้านเราอากาศร้อนมากกกกก จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์ค่ะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Skindom ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของ Skindom Thailand

https://www.facebook.com/SkindomThailand

และเวบไซต์ http://www.skindom.co.th กับ http://www.skindomthailand.com เลยนะคะ

 

กระซิบกระซาบว่า ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มีวางจำหน่ายที่ Watsons ทั่วประเทศ, EVEANDBOY(สยาม), มีเคาน์เตอร์แบรนด์ อยู่ที่ The Mall งามวงศ์วาน, และในเร็วๆ นี้เห็นทางแบรนด์ว่าจะเข้าเซ็นทรัลอีกหลายๆสาขาด้วยหละ ก็ติดตามกันต่อไปเนาะ
Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ SKindom Thailand ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

พบกันใหม่โอกาสถัดไป

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Ampoule sheet mask ของแบรนด์ Skindom

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Ampoule sheet mask ของแบรนด์ Skindom


วันนี้มี่แวะเอา Ampoule sheet mask เกาหลี จากแบรนด์ Skindom มารีวิวให้ชมกันค่ะ

ก่อนอื่นอยากเกริ่นแนะนำแบรนด์ Skindom ซักนิดค่ะ ขนาดมี่เป็นสายเกาหลี ก็ยอมรับเลยว่ายังไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้มาก่อน เลยไปทำการบ้านนิดหน่อย ได้ความว่า แบรนด์นี้เป็นแบรนด์สกินแคร์ที่ใช้กันในคลินิคความงามและสถานเสริมความงามมากมายด้วยประสิทธิภาพที่แพทย์ผิวหนังเกาหลีส่วนใหญ่เชื่อว่าเห็นผลได้ และมีอยู่ในตลาดมาสิบกว่าปีแล้วค่ะ

คอนเซปท์ของแบรนด์คือ การใช้นวัตกรรมแอมเพิล ที่เรียกว่า Super serum ใช้สารโมเลกุลเล็ก ทำงานและดูดซึมได้ลึก ให้ผิวเต็มอิ่มด้วยคุณค่าสารอาหาร เพื่อผิวสวยไร้ที่ติ เปล่งปลั่งฉ่ำวาวสไตล์สาวเกาหลีค่ะ

สำหรับ Ampoule sheet mask ที่มี่ได้มามีทั้งหมด 6 สูตรค่ะ

IMG_0283-re

แผ่นมาสค์เป็นวัสดุที่นุ่มมาก และเนื้อบางเบามาก ตัวเนื้อ Soaking solution (ขอเรียกว่าน้ำยา นะคะ) เป็นแบบเข้มข้นเหมือนกับเจลและซีรัม ที่เรียกว่า แอมเพิล (Ampoule) มีกลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ ใจจริงชั้นอยากอ่านว่าแอมพูลนะ แต่ด้วยความอินเทรนด์ตามกระแสบ้านเราต้องเรียกแอมเพิล ค่ะ

แอมเพิลนี้คืออะไร???

แอมเพิลนี้ คือ เซรั่มเข้มข้นพิเศษ (Super Serum) ประกอบด้วยคุณค่าจากสารอาหารผิวและสารสกัดที่มีความเข้มข้นสูงกว่าซีรัมมีส่วนช่วยกระตุ้น (Booster) กระบวนการดูดซึมสารอาหารให้เข้าสู่โมเลกุลของเซลล์ผิวอย่างล้าลึกและตรงจุดยิ่งขึ้นจึงให้ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีกว่าค่ะ

มาดูมาสค์ดีกว่าค่ะ

ในส่วนของแผ่นมาสค์เป็นแผ่นที่เนื้อนุ่ม ละเอียด และบางเบามากค่ะ

IMG_0290-re

ในซองให้น้ำยามาเยอะมาก ขนาดเอาน้ำยาที่เหลือในซองมาทาแขน ทาขา ยังไม่หมดเลยค่ะ

ส่วนของตัวน้ำยาจะเป็นเนื้อเจลใสๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ชุ่มผิวค่อนข้างมากค่ะ

IMG_0291-re

ส่วนตัวมี่มาสค์ตอนกลางคืน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรือรอจนแผ่นมาสค์แห้งก็ไปดึงออก แล้วนอนเลย เช้าตื่นมาหน้านุ่มมาก เกลี่ยรองพื้นได้ดีมาก แต่งหน้าได้เรียบสุดๆ

ถ้าพูดถึงส่วนผสม แต่ละสูตรจะมีส่วนผสมหลักๆที่คล้ายๆกันนะคะ ลองดูจากรูปนี้นะคะ เป็นตัวแทนส่วนผสมจาก 3 สูตร คือ Mulberry, Acerola และ Grapefruit ค่ะ

แอบกระซิบว่าบางสูตรไม่มีน้ำหอมนะคะ

สผส มาสค์

ในส่วนของน้ำยา ถ้าไม่นับน้ำจะมีส่วนประกอบของ Glycerin, Butylene glycol, Propylene glycol, betaine เป็นหลัก พวกนี้ให้ผลดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ ไม่มี Alcohol ค่ะ

ในส่วนของสารออกฤทธิ์ แทบทุกสูตรจะมีส่วนผสมของ Biosaccharide gum-1 กับ Cereus grandiflorus extract และ Dipotassium glycyrrhizate เป็นหลักค่ะ และก็เสริมด้วยสารอื่นๆตามสูตรของแต่ละมาสค์ กล่าวรายละเอียดแต่ละตัวซักเล็กน้อยนะคะ

Biosaccharide gum-1 ตัวนี้เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากการหมักจุลินทรีย์ ประกอบด้วยน้ำตาล 3 โมเลกุล คือ Galacturonic acid, L-Fucose และ D-Galactose มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ค่อนข้างนาน ซึ่งผู้ผลิตทดสอบความชุ่มชื้นหลังจากที่ผ่านไป 4 ชั่วโมง ตรงตามที่ Official US website Claim ไว้ สารนี้มีคุณสมบัติก่อฟิล์มให้ความรู้สึกชุ่มชื้นนุ่มนวล ไม่เหนอะหนะ ไม่มัน ถ้าใช้กับผมจะช่วยเคลือบเกล็ดผมที่แตกออก ทำให้ผมเรียบเนียนขึ้น ผมก็จะดูสวยงาม และมีรายงานว่าช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการแพ้ได้ (Fucogel, Solabia Inc.)

Cereus grandiflorus flower extract สารสกัดจากดอกกระบองเพชร ไม่มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังตีพิมพ์ในฐาน Pubmed ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าให้ผลเป็น Antioxidant ที่ดี มีคุณสมบัติ Astringent (แปลเป็นไทยว่าฝาดสมาน แปลแล้วก็ไม่รู้เรื่อง สารกลุ่ม Astringent ให้ผลกระชับรูขุมขนและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้บางชนิด) พร้อมให้ผลส่งเสริมการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวแบบอ่อนๆ

Dipotassium glycyrrhizate เป็นสารที่แยกได้จากรากชะเอม ให้ผลลดการอักเสบ ลดการระคายเคืองได้ดี และให้ความรู้สึกสบายผิว

ทีนี้แต่ละสูตรก็มีส่วนที่เป็น Key ingredient เพิ่มเข้ามา คือ

1. สูตร Acacia collagen มีการเสริม Acacia concinna fruit extract เพิ่มเข้ามา ให้ผลเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยกระชับผิวค่ะ

2. สูตร Grape fruit มีการเสริมสารสกัดจากผลเกรฟฟรุต (Citrus paradise fruit extract) เพิ่มเข้ามา ปกติสารสกัดจากผลส้มจะมีวิตามิน และมีกรดอินทรีย์ธรรมชาติช่วยเติมน้ำให้ผิว และช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้

3. สูตร Hyaluronic acid เสริม Hyaluronic acid เพิ่มเข้ามา ให้ผลเติมน้ำให้ผิวยืดหยุ่นและนุ่มนวล

4. สูตร Mulberry root extract เสริม Morus alba bark extract เข้ามา สารสกัดจาก Mulberry นี้สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ที่เป็นเอนไซม์สร้างเม็ดสีผิว จึงช่วยให้สีผิวค่อยๆอ่อนลง

5. สูตร Snail เสริม Snail secretion filtrate เพิ่มเข้ามา ตัวเมือกหอยทากนี้มีรายงานการวิจัยรองรับว่าสามารถช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยสมานผิว และลดการอักเสบได้

6. สูตร Acerola เสริมสารสกัด Malphigia emarginata fruit extract เข้ามา สารสกัดจากผลอะเซโรล่านี้นอกจากมีวิตามินซีสูงให้ผลเป็น Whitening ได้ดีแล้วยัง มีสารประกอบ Polyphenol หลายชนิด ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวเมื่อโดนแสงแดด เป็น Antioxidant ที่ดีและลดการอักเสบในผิว ทางแบรนด์ Claim ว่าสามารถกระชับรูขุมขนได้

ให้คะแนนส่วนผสมอยู่ที่ 5/5 และ คะแนนการใช้งานอยู่ที่ 4/5 ค่ะ จริงๆกลิ่นหอมอ่อนๆของมาสค์มันก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายดีนะคะ แต่ส่วนตัวมี่คิดว่ากลิ่นบางสูตรฉุนไปนิดนึงค่ะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Skindom ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางเฟสบุคของ Skindom Thailand

https://www.facebook.com/SkindomThailand

และเวบไซต์ http://www.skindom.co.th กับ http://www.skindomthailand.com เลยนะคะ

 

กระซิบกระซาบว่า ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มีวางจำหน่ายที่ Watsons ทั่วประเทศ, EVEANDBOY(สยาม), มีเคาน์เตอร์แบรนด์ อยู่ที่ The Mall งามวงศ์วาน, และในเร็วๆ นี้เห็นทางแบรนด์ว่าจะเข้าเซ็นทรัลอีกหลายๆสาขาด้วยหละ ก็ติดตามกันต่อไปเนาะ
Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ SKindom Thailand ค่ะ

แล้วพบกันใหม่โอกาสถัดไปค่ะ

Love you,
xoxo