Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม beplain Cicaterol toner โทนเนอร์วีแกนตัวตึงด้านการปลอบประโลมผิวพร้อมคุมมันได้ในตัว

ช้อปปิ้งโทนเนอร์ตัวใหม่มาแล้วชอบ เลยอยากเอามาอวด

น้องเป็นของแบรนด์ beplain ประเทศเกาหลี เจ้าของโฟมล้างหน้าถั่วเขียวที่ขึ้นชื่อนั่นเองค่ะ

โทนเนอร์สูตรที่ดิฉันสอยมา มีชื่อว่า Cicaterol toner มาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

เนื้อโทนเนอร์มีสีธรรมชาติของสารสกัดจาก Cica (Centella asiatica; บัวบก) มีกลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบ

เวลาใช้งาน ลองใช้ทั้งแบบเทใส่สำลีแล้วเช็ด และแบบเทใส่มือวอร์มแล้วกดๆ ได้ ทั้ง 2 แบบ แต่ชอบแบบสำลีมากกว่า ตัวเนื้อมันจะมาแบบมีความลื่นๆ นิดๆ ชุ่มหน่อยๆ ไม่ได้เช็ดแล้วเป็นน้ำแบบสลายหายไป ให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว

ตัวนี้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครมาด้วย ว่าควบคุมความมัน และกระชับรูขุมขน

จากการวิเคราะห์พบว่า จำนวนของรูขุมขนต่อหน่วยพื้นที่ลดลง 28% ขนาดเล็กลง 19% และปริมาตรของรูขุมขนลดลง 16%

และลดรอยแดงบริเวณแก้มได้ด้วย เพราะมีส่วนผสมของ Beta-sitosterol ซึ่งเป็น Phytosterol ที่เด่นในการดูแลปัญหาการระคายเคือง

สำหรับส่วนผสมก็คือมาแบบ Less is more มีแค่ 5 ingredients only

และที่มาของชื่อ Cicaterol ก็คือ Cica + Beta-sitosterol ก็คือเก๋มาก

และได้รับการรับรอง 100% Vegan จากองค์กร eve Vegan ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ตัว Cica ก็มาจากกระบวนการปลูกที่แบรนด์เคลมว่าเป็น “Smart cica” คือ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และลดการปลดปล่อยคาร์บอนออกสู่สิ่งแวดล้อม

โดยตัว Cica หรือ Centella asiatica หรือ บัวบก มีการศึกษาทั้งในโมเดลหลอดทดลอง เซลล์เพาะเลี้ยง สัตว์ทดลอง และในอาสาสมัคร พบว่ามีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ในภาพรวมสารสกัดจากบัวบก มีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการสมานแผล เสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจน และเส้นใย matrix ต่างๆ ใน Dermis มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant และ Soothing ดูแลปัญหาการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว

เมื่อมาจับคู่กับ Beta-sitosterol ซึ่งเป็น Phytosterol ก็คือเด่นมากในการดูแลปัญหาการระคายเคืองผิว

โดยการใช้ Beta-sitosterol มีการทดสอบในหนูทดลองพบว่าไปลดการสร้าง Thymic stromal lymphopoietin (TSLP) (Han et al., Exp Biol Med (Maywood). 2014;239(4):454-64.) ซึ่งเป็น Cytokine ชนิดหนึ่ง ออกฤทธิ์คล้าย IL-7 เกี่ยวข้องกับอาการคันในโรคผิวหนังบางประเภท

โดยสาเหตุที่ KC จะสร้าง TSLP ออกมานั้นยังไม่ชัดเจน 1 ในนั้นก็คือเวลา Barrier เสียสมดุล KC จะปล่อยตัวนี้ออกมา (Kumar et al., J Allergy Clin Immunol. 2016;138(5):1461-1464.e6) พอออกมาแล้วก็อักเสบแบบวนลูป ในระยะยาวส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบ

ซึ่งพอ Beta-sitosterol ไปลดการสร้าง TSLP ได้ ก็น่าจะมีประโยชน์ในการดูแลการอักเสบของผิวได้อีกทาง

ในภาพรวมก็ถือว่าเป็นโทนเนอร์สายคลีนที่ทำมาได้ค่อนข้างดี เลือกส่วนผสมชัด และมีผลเทสต์ในอาสาสมัคร

ทางไปช้อปปิ้ง

https://s.shopee.co.th/5VKfZsoCTb

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม สเปรย์โทนเนอร์ผลัดผิว CosRX AHA/BHA Clarifying treatment toner

ส่วนตัวมองว่ากลุ่ม Exfoliating หรือ Peeling (ผลัดผิว) นี่ก็สำคัญอยู่นะคะ โดยเฉพาะเวลาเราอายุเพิ่มขึ้น การผลัดผิวเกิดได้ช้าลง เราเลยอาจอาศัยพวกกลุ่มนี้เข้ามาช่วยเสริมการดูแลผิว

สำหรับ Blog นี้ขอหยิบเอาโทนเนอร์ผลัดผิว ที่ทำมาได้น่าสนใจ ทำมาแบบคลีนๆ และเป็นชอยส์ที่แลดูอ่อนโยนมาวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

ผลิตภัณฑ์วันนี้คือ AHA/BHA Clarifying treatment toner จาก CosRX ที่มาในหน้าตาแบบนี้

เอาจริงแบรนด์ CosRX นี่ทำไลน์ Peeling (BHA-AHA) มาหลายสูตร สูตรคาดม่วงนี่ก็น่าสนใจค่ะ

ตรงนี้จะเป็นกล่องของผลิตภัณฑ์

ตัวนี้มาในขวดสเปรย์ แต่ส่วนตัวจะสเปรย์ลงสำลีจนพอชุ่ม แล้วค่อยเช็ด เว้นบริเวณรอบดวงตา

หลังเช็ดก็จะแห้งไว ซึมไว ไม่เหนอะหนะ พร้อมลงสกินแคร์ต่อไปได้เลย

ในส่วนของค่า pH จะอยู่ที่ราวๆ 4 ซึ่งเป็นค่า pH ที่ทำให้ AHA อยู่ในรูปที่ไม่แตกตัว และมีคุณสมบัติในการผลัดผิว

ส่วนผสมแบบเต็มเป็นดังนี้

มองว่าทำมาได้ค่อนข้างคลีน และเลือกใช้สารได้อ่อนโยนดีค่ะ

กลุ่ม AHA

  • ใช้น้ำแอปเปิ้ล (Pyrus malus fruit water) เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งในน้ำแอปเปิ้ลจะมีกรด Malic (เป็น AHA ชนิดหนึ่ง) เป็นองค์ประกอบหลัก (Ref: Metabolites. 2018;8(4):74.)
  • ผสมผสานมากับ Glycolic acid
  • Sodium lactate ซึ่งถ้าอยู่ในระบบที่ค่า pH ประมาณ 3.6-3.8 บางส่วนของน้องจะกลายร่างอยู่ในรูป Lactic acid ซึ่งเป็น AHA ได้

ถัดมาเป็น BHA

  • ใช้สารสกัดจากเปลือกต้น Willow (Salix alba bark water) ซึ่งประกอบด้วย BHA ธรรมชาติ ร่วมกับ
  • Betaine salicylate ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ BHA ที่มีความอ่อนโยนขึ้น

ดูแลการระคายเคืองด้วย Panthenol และ Allantoin

ส่วนผสมทำมาได้ค่อนข้างคลีน ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนนแบบคลีนๆ

  1. สารบำรุง ตัว AHA เบลนด์ทั้งที่ได้จากธรรมชาติ และฟอร์มเกลือของ Lactate มาเบลนด์เข้ากับ Glycolic acid และส่วนของ BHA ใช้ฟอร์ม Betaine salicylate มาผสมกับ BHA ธรรมชาติ และดูแลการระคายเคืองด้วย B5 + Allantoin ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ เนื้อของโทนเนอร์ค่อนข้างเบา ถึงเบามาก ส่วนตัวจะสเปรย์ลงบนสำลีจนชุ่ม แล้วใช้เช็ด เว้นบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้แปบเดียว ไม่ถึง 1 นาทีก็พร้อมลงสกินแคร์ได้เลย ถ้าจะมีที่ให้ติ จะขอติ ว่า อยากให้มาในขวดแบบเทมากกว่า เพราะเราชอบใช้กับสำลี คหสต ล้วนๆ เลย ไม่หักคะแนนแล้วกัน ให้ไป 5 ฟลาสก์

เป็นบทวิเคราะห์ส่วนผสมแบบสั้นๆ แต่ก็ฉ่ำไม่เบา ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนจบค่ะ

สำหรับท่านที่สนใจก็ขอแนบทางไปช้อปปิ้งด้านล่างค่ะ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.u4azK?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/4fhHwXm4iu

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมโทนเนอร์ AHA•BHA•PHA 30 Days Miracle Toner จาก Some by Mi

Some by Mi เป็นอีกแบรนด์ที่ส่วนตัวค่อนข้างชอบ และในเกาหลีจะมีสินคล้าหลายไลน์ที่ในไทยไม่ได้นำเข้ามา อยากให้มีในบ้านเราบ้างค่ะ

หลังจากน้องรีแบรนด์ใหม่ด้วยคอนเซปท์ “New cleanical solution” ก็คือเรียกได้ว่าอินเทรนด์มากๆ ตอบรับเทรนด์ Clean beauty และ Cleanical beauty (= Clean + Clinical efficacy) ซึ่งเลือกใช้ส่วนผสมที่ทั้งมีความปลอดภัย (Clean ingredients) และมีประสิทธิภาพ (Clinical efficacy)

Blog นี้เลยขอหยิบเอา Miracle toner ซึ่งเป็นโทนเนอร์ตัวดังของแบรนด์มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

โดยหน้าตาน้องหลังรีแบรนด์แล้วเป็นแบบนี้ค่ะ

ซึ่งบ้านเราจะมี Pack สุดพิเศษที่เรียกว่าเป็น New exclusive edition ที่มีหน้าตาแบบนี้นะคะ

โดยในเซ็ตจะเป็นเซ็ตที่ซื้อขนาดปกติ (150 ml) แถมไซส์เล็ก 30 ml ซึ่งเหมาะกับสาวน้อยนักเดินทางแบบเรา พกพาสะดวก

เนื้อของโทนเนอร์จะเป็นเนื้อเหลว มีกลิ่นในโทนเย็นสดชื่นของทีทรีและน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินท์ที่เป็นส่วนประกอบ

ซึ่งค่า pH ที่วัดได้อยู่ที่ประมาณ 5

ซึ่งทางเราและทีมงานก็มีความสงสัย เพราะ AHA ควรจะออกฤทธิ์ที่ pH ประมาณ 3.8 – 4.0 แต่ใดๆ คือ การวัดด้วยกระดาษอาจจะไม่แม่นยำ และคลาดเคลื่อนได้ และทางแบรนด์ก็มีผลการทดสอบประสิทธิภาพทางคลินิก ทั้งในด้านของประสิทธิภาพและความปลอดภัยรองรับ

ในด้านของการทดสอบประสิทธิภาพนั้นพบว่า การให้อาสาสมัครใช้โทนเนอร์ร่วมกับเซรั่มและครีมในไลน์ AHA•BHA•PHA พบว่าปริมาณความมัน หรือน้ำมันบนผิว (Sebum) ลดลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก และที่ 4 สัปดาห์ลดลงถึง 43.41% เมื่อเทียบกับก่อนใช้

และยังผ่านการทดสอบการระคายเคือง (คะแนนค่าเฉลี่ยการระคายเคือง = 0.00 แปลว่าไม่ระคายเคือง) และ ผ่านการทดสอบว่าไม่อุดตันรูขุมขน

ในด้านของส่วนผสมเป็นดังนี้

ในส่วนของสารบำรุงนั้น เปิดมาด้วย Niacinamide (แบรนด์เคลม 2%) ซึ่งมีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายอย่าง และให้ประโยชน์ในการดูแลผิวมัน ผิวที่มีปัญหาสิว

เสริมมาด้วยสารบำรุงอื่นๆ ที่ให้ประโยชน์ในผิวมัน และผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ได้แก่

กลุ่มผลัดผิว

  • BHA เป็นตัว Salicylic acid ที่ใส่มาในความเข้มข้น 100 ppm (คำนวณกลับมาได้ 0.01%)
  • PHA ใช้ตัว Lactobionic acid ที่ความเข้มข้น 100 ppm (0.01%)
  • AHA เป็น Citric acid ที่ความเข้มข้น 500 ppm (0.05%)
  • สารสกัดจากมะละกอ ที่มีเอนไซม์ให้ประโยชน์ในการย่อยโปรตีน ช่วยผลัดผิวแบบอ้อมๆ

กลุ่มดูแลผิวอื่นๆ

  • สารสกัดจาก Tea tree (10,000 ppm หรือ 1%) ที่มีข้อมูลถึงคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับสิว ร่วมกับ Raspberry ketone ที่ในสูตรเป็นสารเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย แต่ตัวมันเองก็มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดได้
  • Lens esculenta seed extract หรือ สารสกัดจากถั่วเลนทิล ไม่แน่ใจว่าใช่ p-RefinylTM ของ Silab ไหม ซึ่งข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าเป็น Oligosaccharide ที่ได้จากถั่วเลนทิล มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเรียบเนียน ผ่านการลดการปลดปล่อยน้ำมันส่วนเกิน กระตุ้นการสร้าง collagen I และ เสริมกระบวนการ Maturation ของ Keratinocyte ทำให้สมดุลการสร้าง-เจริญ-ผลัดทิ้งของเซลล์หนังกำพร้าสมบูรณ์ ในภาพรวมก็คือ ดูแลเรื่องกระชับรูขุมขน (Ref TDS, Silab)

ในส่วนของภาพนี้เป็นประสิทธิภาพในการกระชับรูขุมขนของสาร p-Refinyl ของบริษัท Silab

  • Witch hazel extract ที่มีประโยชน์ในการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน
  • Adenosine ที่อาจให้ประโยชน์ในการดูแลริ้วรอย เสริมการทำงานของผิวตามธรรมชาติ
  • สารสกัดจากดอกบัว และ Allantoin ดูแลเรื่องการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว

กลุ่มเติมน้ำ ได้แก่ สารสกัดจากรังนก, Fructan, Hydroxyethyl urea และ Xylitol

ในสูตรมี Buffer ที่เป็นคู่ของ Citric acid + Sodium citrate ที่ช่วยควบคุมค่า pH ให้คงที่

ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง แม้ว่าสารที่ใส่มาจะไม่ได้จัดมาในความเข้มข้นที่สูงมาก แต่ตัวที่ทางแบรนด์เลือกใช้ก็คือทำมาได้ตอบโจทย์สำหรับคนผิวมัน และมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ทั้งในส่วนของการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และการผลัดผิว เสริมมาด้วยการเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในด้านของเนื้อสัมผัส ส่วนตัวคิดว่าเอามาเช็ดเป็นโทนเนอร์ที่เอามาทำความสะอาดผิวหลังล้างหน้าเสร็จแล้ว และเตรียมผิวได้ดีตัวหนึ่ง ไม่แห้งตึง และส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาระคายเคือง หรือยุบยิบอะไร และด้วยความเข้มข้นที่ไม่สูงมาก คิดว่าน่าจะเหมาะกับมือใหม่ที่อยากเริ่มพวก peeling ตั่งต่าง ในด้านของกลิ่น เอาจริงตัวเองไม่ได้แฟนซีกับกลิ่นของทีทรี แต่เมื่อเขาเอามาผสมกับมินท์ คิดว่ามันสดชื่นดีและลงตัวมากๆ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

แนบลิงค์ทางไปตำ

จากการสำรวจ ณ วันที่ 28 ก.ค. 67 บนแอพฟ้า แพค New Exclusive ซื้อ 1 แถม 1 นะคะ

https://s.lazada.co.th/s.LHsOZ?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสกินแคร์ดูแลจุดด่างดำเพื่อผิวกระจ่างใส สูตร Cleanical beauty จาก T’else ในไลน์ Red orange ครบชุดทั้งโทนเนอร์ และเซรั่ม

T’else rebrand ใหม่ ปรับคอนเซปท์เป็น Cleanical beauty ภายใต้ชื่อใหม่ Terra + Else วันนี้มาถึงคิววิเคราะห์ส่วนผสมของ Line Red orange กันบ้างค่ะ

สำหรับ Line นี้จะมาในสีส้มสดใส เน้นเคลมหลักไปที่ด้าน Brightening & Vitalizing เพื่อผิวกระจ่างใส มีชีวิตชีวา

  • ด้วยส่วนผสมของ Terra เป็น Blood orange ส้มสีเลือดเกรดออร์แกนิกจากอิตาลี่ นำมาสกัดด้วยกรรมวิธีพิเศษของทางแบรนด์ ที่เรียกว่า Air-brewing 100TM ที่สกัดด้วยฟองอากาศบางๆ ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส กว่า 100 ชั่วโมง
  • มาจับคู่กับ Niacinamide วิตามินบี 3 สารพัดประโยชน์ เพื่อดูแลด้านความกระจ่างใสของผิว

Line นี้มาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ก่อนไปรีวิว ต้องบอกก่อนว่า ทำไมทางแบรนด์ถึงเลือก Blood orange สายพันธุ์ Moro จากอิตาลี นั่นก็เพราะว่ามีส่วนผสมของ Anthocyanin สูงกว่า Blood orange สายพันธุ์อื่นนั่นเอง

ถึงเวลาของการรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม โดยจะขอเริ่มที่สูตร Toner

น้องมาในหน้าตาแบบนี้

เช่นเคย วัตถุดิบสำหรับภาชนะบรรจุมาจาก PCR (post-consumer recycled) plastic

เนื้อโทนเนอร์เป็นแบบใส มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ที่เบลนด์ขึ้นมาจาก Galbanum (Ferula galbaniflua) resin และ Mugwort (Artemisia vulgaris) essential oil

กลิ่นจะเป็น Top green ตามมาด้วยกลิ่นโทนยางไม้และ woody ใครที่ชอบก็จะชอบ ใครที่ไม่ชินก็อาจจะรู้สึกแบบ แปลกๆ แต่กลิ่นไม่ติดผิวค่ะ แป๊บเดียวก็ไปละ ไม่ต้องกังวลไป

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไวแห้งไว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับการใช้ทั้งเทบนมือแล้วตบๆ เป็นน้ำตบ หรือ เทใส่สำลีแล้ว tap เบาๆ

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

ความน่าสนใจของสูตร Toner นี้คือ ทางแบรนด์ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในอาสาสมัครมาเรียบร้อย โดยจุดเด่น ก็คือ น้องสามารถปรับโทนสีผิวให้แลดูกระจ่างใส โดยลดทั้งความด่างดำ และ ความเหลืองของสีผิว

โดยการวัดค่าความด่างดำ นั้นประเมินจากค่าความสว่าง (L*) พบว่า เมื่อให้อาสาสมัครใช้ไปเพียง 7 วัน ก็สามารถเพิ่มความสว่างให้ผิวได้ จึงเป็นที่มาของการเคลมว่าสัมผัสการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 7 วัน

ส่วนประสิทธิภาพการปรับความเหลือง วัดจากค่า b* เป็นค่าสีในแกนเหลือง-น้ำเงิน ค่าที่น้อยลง แสดงถึงความเหลืองน้อยลง ซึ่งพบว่าเริ่มเห็นผล (Significant) ตั้งแต่ 7 วันแรก

วิเคราะห์ส่วนผสมของ Toner กันดีกว่า

สำหรับส่วนผสม พระเอก คงหนีไม่พ้นสารสกัดจาก Blood orange (Citrus sinensis (orange) fruit extract) ที่ได้จากส้ม Blood orange จากประเทศอิตาลี่ สกัดด้วยกรรมวิธีพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ เพื่อดึงเอาสารพฤกษเคมีที่สำคัญออกมา ด้วยกรรมวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โดยในสารสกัดจากส้ม Blood orange นั้นประกอบด้วยพฤกษเคมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Vitamin C, Anthocyanin และ Flavonoid ที่เป็น Antioxidant ที่ดีกับผิว

โดย Flavonoid ที่พบในส้มนั้นมีหลายชนิด เช่น quercetin, kaempferol, hesperidin, nobiletin เป็นต้น

ส่วนผสมอื่นๆ ได้แก่

  • Gluconolactone เป็น PHA ที่ดูแลเรื่องการผลัดผิวได้อย่างอ่อนโยน
  • วิตามินรวม ทั้ง Niacinamide (B3), Ascorbic acid (C), Cyanocobalamin (B12), Folic acid, Panthenol (B5) และ Tocopherol (E) ที่ให้ประโยชน์กับผิวได้หลากหลายประการ
  • ดูแลการระคายเคือง พร้อมให้ความรู้สึกสบายผิวด้วย Betaine
  • เติมน้ำด้วยกรดอะมิโน Arginine
  • ดูแลริ้วรอยด้วย Adenosine

มาในเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ถัดมาเราลองมาดูสูตร Serum บ้าง

ตัว Serum มาในหน้าตาประมาณนี้

แพคเกจเป็นแบบขวดปั๊ม

เนื้อเป็นเซรั่มแบบน้ำใส มีความหนืดมีน้ำมีเนื้อ ในส่วนของกลิ่นก็เป็นโทนเดียวกัน คือ Galbanum + Mugwort

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความชุ่มชื้นมากขึ้น ถ้าเทียบกับสูตร Toner

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 เช่นกัน

สำหรับเซรั่มนี้ก็ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในอาสาสมัครมาเช่นกันค่ะ โดยน้องจะเด่นเรื่องของการดูแลปัญหาสีผิวที่พบเจอในชีวิตประจำวัน 4 ชนิด ได้แก่ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และผิวคล้ำจากการสัมผัสผิว UV

โดยในการทดสอบกับอาสาสมัครพบว่าเซรั่มสามารถดูแลลดความเข้มของจุดด่างดำทั้งระดับตื้น และระดับลึกได้โดยผลเริ่มเห็น (Significant) ที่ 7 วัน

85% ของอาสาสมัครที่ทดลองใช้ 2 สัปดาห์พบว่าสีผิวขาวกระจ่างใสขึ้น และบริเวณของรอยดำแลดูลดลง

มาดูส่วนผสมกันบ้าง

ส่วนผสมจะมีปรับจาก Toner นิดหน่อยนะคะ

  • เพิ่มความเข้มข้นของสารสกัดจาก Blood orange และ Niacinamide ขึ้นมา
  • ปรับสารการดูแลการระคายเคืองและให้ความรู้สึกสบายผิวแบบฉ่ำ ด้วย Allantoin และ Dipotassium glycyrrhizate
  • ตัด PHA ออกไป

ส่วนของเบสมีการเพิ่มสารเพิ่มความหนืดให้มีน้ำมีเนื้อมากขึ้น และยังคงไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ตั้งแต่วันเปิดตัว (แต่ดิฉันพึ่งได้ฤกษ์หยิบมารีวิว) และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ T’else โดยตรงเลยนะคะ

https://web.facebook.com/TelseThailand

ทางไปตำ (สูตร Toner)

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.micRO?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/6plLWGOy8f

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Cosme-Diagnosis] มหกรรมวิเคราะห์ส่วนผสม รวมรีวิว 14 BHA Toner ตัวตึงแห่งปี 2022

สำหรับ Blog นี้จะเป็น Content รวมบทวิเคราะห์ส่วนผสม BHA toner ที่น่าสนใจในปี 2022 นี้ แต่ก่อนจะไปเริ่มวิเคราะห์ส่วนผสมขอกล่าวถึง BHA เล็กน้อยนะคะ

BHA หรือ Beta-hydroxy acid จัดเป็นสารในกลุ่มกรดอินทรีย์ (Organic acid) ชนิดหนึ่ง โดยชนิดที่เป็นที่รู้จักและนิยมใช้ในวงการเครื่องสำอางคือ Salicylic acid

น้องมีคุณสมบัติละลายได้ในไขมัน และมีคุณสมบัติในการย่อยสลายโปรตีน Keratin ที่เป็นองค์ประกอบในสิวอุดตัน (Comedone) เราเรียกคุณสมบัตินี้ว่า Comedolytic

โดยในความเข้มข้นสูงๆ จะจัดเป็นยาที่ใช้กัดหนังแข็งๆ ส่วนทางเครื่องสำอาง ความเข้มข้นที่ให้ประโยชน์ในการดูแลเรื่องการอุดตันในรูขุมขนคือ 0.5 – 2.0% ในสูตร

แต่ข้อเสียของวงการเครื่องสำอางคือเรามักจะไม่ทราบความเข้มข้นของสารที่เขียนอยู่บนฉลาก เว้นแต่ผู้ผลิตจะบอกเองค่ะว่าใส่มาเท่าไหร่ การดูลำดับส่วนผสมก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง

ด้วยคุณสมบัติในการผลัดผิวของ Salicylic acid จึงไม่แนะนำให้ใช้ในตอนกลางวัน และถ้าใช้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่มีค่า SPF เหมาะสม และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดค่ะ

และมีข้อควรระวังในผู้ที่มีประวัติแพ้ Aspirin หรือ กลุ่มยาแก้ปวดลดอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพราะอาจจะเกิดการแพ้ได้

ไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์นะคะ เพราะอาจจะมีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ได้

สำหรับ content นี้ผลิตภัณฑ์ที่คัดเลือกมามีด้วย 14 ชิ้นค่ะ

ก่อนไปวิเคราะห์ส่วนผสมขอ Disclaimer เล็กน้อยค่ะ

  1. Content นี้จัดทำขึ้นมาเพื่อใช้ในเชิงการศึกษาเป็นหลัก
  2. Content นี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเครื่องสำอาง หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับความงามแห่งใด
  3. Content นี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์โดยอาศัยหลักการทางด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง และมีการสอดแทรกความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
  4. Content นี้มีการสอดแทรก Affiliated link โดยผู้เขียนอาจได้รับค่าตอบแทนจากการ Click link ที่แนบไว้ท้ายบทวิเคราะห์เครื่องสำอาง

ถ้าพร้อมแล้วขอเริ่มที่ตัวแรกเลยค่ะ

ขอเปิดประเดิมด้วยโทนเนอร์ดูแลสิวในตำนานจาก Some by Mi ที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้ผ่านตามาบ้าง

สมัยก่อนน้องมีขวดใหญ่มากๆ ด้วย แต่ตอนนี้เหลือมีขายแต่ขวดเล็ก แล้วก็มีไลน์ใหม่ที่เป็นไลน์ชาเขียวออกมาแทน ส่วนตัวก็ยังไม่เคยหยิบเอารุ่นชาเขียวมาดูว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง

แต่ตัว AHA BHA PHA 30 Days Miracle Toner ส่วนผสมคือมาเต็มมาก ทั้งดูแลสิว และเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำไปพร้อมๆ กัน

สำหรับสารบำรุงอื่นๆ นอกจากพวก Acids แล้วก็มี Niacinamide ที่เป็นตัวเต็งในวงการสกินแคร์ ร่วมกับสารสกัดจากพืชหลายชนิด และสารบำรุงที่ดูแล้วเด่นไปในทางด้านการเติมน้ำให้กับผิว จะมีรองๆ ก็จะเป็นด้าน Whitening กับ การดูแลเรื่องริ้วรอยผ่าน Adenosine

สารสกัดจากถั่วเลนทิล อาจจะเป็นตัว p-Refinyl ของ Silab ประเทศฝรั่งเศส ที่มีเคลมเกี่ยวกับการดูแลเรื่องรูขุมขนไม่กระชับ ควบคุมความมัน และดูแลเรื่องความรู้สึกกระชับผิวไปพร้อมๆ กัน

ขอแนบ Aff link บน Watsons https://invol.co/clew3bt

Laz Mall Some by Mi https://invol.co/clew3ca

ตัวถัดมาเคยเป็นตัวตึงของบ้านมียอน กับน้อง BHA Music Toner จากแบรนด์ Skin Talk สัญชาติเกาหลีเช่นกัน

ตอนนี้เขาปรับสูตรอีกรอบค่ะ จะไม่เหมือนกับสูตรเก่า เลยขอหยิบเอาสูตรเก่ามาวิเคราะห์เป็นกรณีศึกษาก่อน

จุดเด่นของน้องคือน้องใช้น้ำสกัดจากใบชาเขียวเป็นเบสหลัก เสริมมาด้วยสารสกัดและสารบำรุงหลายชนิด นอกจาก AHA BHA แล้ว ยังมีสารสกัดจากพืชและสารบำรุงที่โดดเด่นในด้านของการดูแลเรื่องการระคายเคือง การสมานผิว การเติมน้ำให้ผิว และดูแลเรื่องสิว

มีเคลมเรื่องของสารสกัดจากสาหร่าย Chlorella ว่ามีประโยชน์ในด้านริ้วรอย

แต่เสียดายที่ตอนนี้สูตรปรับใหม่มีเปลี่ยนส่วนผสมไปหลายอย่างเหมือนกันค่ะ

ดูสูตรเก่าไปแล้ว มาดูสูตรใหม่ล่าสุดบ้าง สูตรนี้ส่วนตัวยังไม่มีโอกาสได้ลองนะคะ แม้จะเห็นว่ามีขายตามแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่บ้าง

ข้อมูลสูตรนี้เอามาจากเว็บไซต์ของแบรนด์ Skin Talk ประเทศเกาหลี นางบอกว่านางใช้น้ำชาเขียวแทนน้ำ แต่ดิฉันก็ยังเห็นน้ำอยู่นะ ต่อจากน้ำชาเขียวเลยค่ะ

จุดที่เปลี่ยนไปก็คือ มีการเพิ่ม Niacinamide เข้ามาในสูตร แล้วตัดเอา Chlorella กับ สาหร่ายเคลป์หมักทิ้งไป เพิ่มเอาสารสกัดจากรำข้าวเข้ามา

ในภาพรวมคือน้องก็ยังมีส่วนผสมที่ดูแลเรื่องการระคายเคืองผิว สมานผิว เติมน้ำ และดูแลเรื่องสิวได้อยู่

แต่ส่วนตัวแอบชอบส่วนผสมของตัวเก่ามากกว่า

ตัวถัดมา ก็เคยเป็นตัวตึงของบ้านมียอนเหมือนกัน เป็นของจากเกาหลีอีกเช่นกัน

เรายังคงอยู่กับความเก๋ไก๋ของ K-beauty ค่ะ

ตัวนี้คือ Natural BHA Skin Returning A-Sol จากแบรนด์ CosRX ตอนนี้น้องมี Official Mall บน Lazada แล้วนะคะ สมัยก่อนดิฉันต้องสั่งผ่าน iHerb เอา แต่เสียดายสูตรนี้เหมือนไม่มีขายแล้วค่ะ ณ ตอนนี้ ก็ขอหยิบยกเอามาเป็นกรณีศึกษา เพราะมีความน่าสนใจอยู่ค่ะ

สำหรับตัวนี้มี AHA BHA โดย BHA น้องมาในรูปแบบ Betaine salicylate ซึ่งเป็นอนุพันธ์ที่ได้จากการรวมตัวกันของ Salicylic acid กับ Betaine ที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine อีกที จุดเด่นของ Betaine salicylate คือ มีการเคลมว่ามีความอ่อนโยนกว่า Salicylic acid ปกติ และตัว Betaine เองก็เด่นเรื่องการดูแลการระคายเคืองไปด้วย

เบสหลักมาในสารสกัดจากโพรโพลิส ที่โดดเด่นเรื่องการดูแลผิวหลายๆ ประการ ทั้งด้านของสิว และการอักเสบระคายเคือง เสริมมาด้วย Panthenol และ Allantoin ที่ดูแลเรื่องการระคายเคืองไปพร้อมๆ กัน ตามมาด้วยสารสกัดจากเมล็ดของ Cassia obtusifolia ที่อาจจะเป็นของบริษัท Garden of Naturalsolution ประเทศเกาหลี ที่เคลมว่ามี Polysaccharide ที่มีคุณสมบัติดูแลเรื่องการระคายเคือง และอาการคันผิว

มี Hya เล็กน้อยพอกรุบกริบ

ปิดท้ายจบด้วย Tea tree oil ถ้าดูจากลำดับส่วนผสมก็พอกล้อมแกล้มว่าอาจจะให้ประโยชน์ด้านสิว

โดยรวมคือ แลดูอ่อนโยน ด้วยความมีสารดูแลเรื่องการระคายเคืองหลายสิ่งอัน

มาถึงสูตรปัจจุบันของ BHA จากแบรนด์ CosRX กันบ้างค่ะ

น้องมีชื่อว่า AHA/BHA Clarifying treatment toner จริงๆ น้องก็เป็นตัวเก่าแก่ตัวหนึ่งในวงการนะคะ

ในด้านของ AHA นอกจากจะเป็น Acids แล้วก็ยังใช้น้ำแอปเปิ้ล ที่มี AHA ตามธรรมชาติ

ส่วนของ BHA เป็น Betaine salicylate เหมือนสูตรป้ายแดง และเสริมมาด้วย BHA ธรรมชาติจากเปลือกต้น Willow

สารบำรุงอาจจะไม่จัดเต็มมาก แต่ก็เด่นไปในทางการดูแลเรื่องการระคายเคืองค่ะ

ราคาไม่แพงเว่อวังนะคะ เป็นมิตรจับต้องได้

อันนี้ขอแนบ Aff link ของ Laz Mall ไว้เผื่อใครอยากไปลองตำ

https://invol.co/cleot31

เมื่อพูดถึง Betaine salicylate แล้ว ขอหยิบเอาอีกตัวที่ดูดีงามไม่แพ้กัน เป็นงานฝาหรั่งค่ะ

Squalane + BHA pore minimizing toner จากแบรนด์ Biossance ที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง แต่น้องทำอะไรออกมาปังหลายๆ อย่างนะคะ

น้องมาในคอนเซปท์น่ารักๆ ส่วนผสมจัดเต็มด้วยสารสกัดจากธรรมชาติมากมายหลายชนิด ดูแลผิวได้ครบสยบทุกปัญหา ทั้งเรื่องสิว ผิวมัน การระคายเคือง Whitening เติมน้ำ รวมไปถึงอาจจะได้ประโยชน์ด้านริ้วรอย

กล่าวคือ รอยดำ รอยแดง รอยสิว ดูแลครบค่ะ

ส่วนของ Acid นั้นน้องเน้นไปที่ BHA ค่ะ โดยมี BHA ธรรมชาติจากเปลือก Willow ร่วมกับ Betaine salicylate

อีกจุดเด่นคือเสริม Squalane ที่ดูแลเรื่องความชุ่มชื้นผ่านกลไกการคืนไขมันให้ผิวนุ่มแบบ Emollient effect

อันนี้ขอแนบ Aff link ผ่านเว็บของ Sephora นะคะ ใครสนใจอยากลองเล่นก็ไปแอบส่องกันได้

https://invol.co/cleot19

ดูงานยากๆ ส่วนผสมเยอะๆ ไปแล้ว มาดูอะไรที่เรียบง่ายบ้างค่ะ กับแบรนด์ The INKEY List แบรนด์เรียบง่ายภายใต้คอนเซปท์ Knowledge Powered Skincare Products

ที่ใช้ส่วนผสมที่มีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพ และใช้เท่าที่จำเป็นตามเทรนด์ ‘The less is more’

Beta Hydroxy Acid ก็คือ BHA จริงๆ ค่ะ เสริมมาด้วย Betaine และ Biosaccharide gum-1 เพื่อดูแลด้านการระคายเคือง และเติมน้ำด้วย Hya

มี Zinc PCA ดูแลเรื่องควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน

แต่ราคาจะแอบแรงนิดนึง เผื่อใครสนใจแอบไปส่องไปตำได้ค่ะ

ขอแนบ Aff link ไปยัง Sephora

https://invol.co/cleot1p

ตัวถัดมายังอยู่กับงานเกาหลีนะคะ อีก 1 ตัวตึงลูกรักบ้านมียอนที่มาในคอนเซปท์ “คงจะดีถ้าเรามี Peeling ที่ดูแล Barrier ผิวไปพร้อมๆ กัน”

ตัวนี้เป็น Toner สำหรับดูแลผิวมันและผิวที่มีปัญหาสิว จากแบรนด์ Zeroid แบรนด์ดังในเครือ Neopharm ประเทศเกาหลี เจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยี MLE ที่เด่นเรื่องของการฟื้นฟู Barrier ผิว ดูแลเรื่องผิวแข็งแรง และความชุ่มชื้น

และแน่นอนว่า Toner สูตรนี้ก็มี MLE ด้วยค่ะ

สำหรับ Acids ในนี้จะเป็น AHA ร่วมกับ LHA (Lipohydroxy acid) ชนิด Capryloyl salicylic acid ที่เอา Salicylic acid มาจับกับไขมัน Caprylic acid เพื่อเสริมคุณสมบัติในการละลายไขมัน น้อง LHA นี้จริงๆ พัฒนามาโดยเครือ L’oreal แต่น่าจะหลุด Patent ไปแล้ว เราเลยเจอได้ในหลายๆ แบรนด์

LHA มีงานวิจัยรองรับว่ามีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายด้านๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening, ริ้วรอย สำหรับเรื่องสิว น้องเหมือนจะเป็นตัวเสริมมากกว่า จากข้อมูลเรื่องการละลายซากเซลล์อุดตัน LHA จะเด่นไม่เท่า BHA แต่ถ้าใช้เสริมกับสารอื่นหรือยาที่ใช้เป็นประจำ น้องจะให้ประโยชน์ดีกว่าใช้สารนั้นอย่างเดียวล่ะ

สารเสริมอื่นๆ นอกจาก MLE ก็จะมี Betaine กับ Panthenol ที่ดูแลด้านการระคายเคือง ร่วมมากับ Hya ที่เติมน้ำ และ Zinc PCA ที่เด่นไปในเชิงการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และยังมีประโยชน์บ้างในด้านของริ้วรอย

ตัวนี้ราคาจะแอบแรงนิดหน่อย แต่ส่วนตัวก็เลิฟๆ ค่ะ

อันนี้ก็ขอแนบ Aff link ไปที่ Official Laz Mall ของแบรนด์ Zeroid นะคะ

https://invol.co/cleot2p

เมื่อพูดถึง LHA ขอมาดูงานไทยที่น่าสนใจบ้างค่ะ

น้องมาจากแบรนด์ Gravich กับ Acneology facial toner

ส่วนตัวได้เลือกน้องมาซักพัก และผ่านการใช้มา 2 ขวดแล้วนะคะ ด้วยความส่วนผสมดีงาม และราคาย่อมเยา ยิ่งมีโปรงามๆ คือ ไม่ถึง 200 บาท คือ คุ้มค่าปังเว่อร์

แบรนด์นี้ยังมีสกินแคร์อีกหลายชิ้นที่ดีงามไม่แพ้กันนะคะ

ในด้านของส่วนผสมของกลุ่ม Acids น้องจัดเต็มมากทั้ง AHA/BHA/PHA/LHA เสริมมาด้วย Niacinamide ที่เป็นตัวตึงด้านสกินแคร์

มีสารบำรุงอื่นๆ ที่ดูแลเรื่องการเติมน้ำ อย่าง Trehalose กับ Hya

ใช้ Biosaccharide gum-1 ดูแลเรื่องการระคายเคืองผิว คือ ดูแพงอ่ะ

สำหรับด้านสิวก็มี Zinc PCA, Witch hazel และวิตามินบี 6 ที่ดูแลเรื่องควบคุมความมันให้แก่ผิว

แนบ Aff link บน Laz Mall ค่ะ

https://invol.co/clep8j3

ดูงานไทยไปแล้ว อยากขอหยิบงานไทยอีกชิ้นมาเล่าให้ฟังต่อ

น้องมาในราคามิตรภาพ ส่วนตัวสอยมาจากร้านสีน้ำเงินค่ะ ตอนนั้นได้มาในราคาร้อยกว่าบาท

เป็น Tea tree chapter Anti-acne solutions first toner จากแบรนด์ Plantnery ค่ะ

อันนี้คือสมชื่อนะคะ Anti-acne solutions เพราะเน้นไปที่ acne แบบพุ่งมุ่งเป้ามาก

ไม่ว่าจะเป็นด้านการควบคุมความมันผ่าน Witch hazel วิตามินบี 6 Carnitine Zinc PCA ซึ่งบางตัวก็ให้ประโยชน์ดูแลกระชับรูขุมขนไปด้วย

ยังได้ประโยชน์ดูแลสิวจากสารสกัดใบ Neem และ Niacinamide

เติมน้ำด้วย Hya และดูแลการระคายเคืองด้วย Panthenol

ส่วนของ BHA นั้นเป็นชนิด Salicylic acid ตัวดั้งเดิมค่ะ

ขอแนบ Aff link บน Laz Mall นะคะ

https://invol.co/clep8ic

มาดูงานจากองุ่นที่เพื่อนสาวแสนสวยของหญิงเมนชั่นถึงกันบ้างค่ะ

น้อง Vinopure purifying toner จาก Caudelie แบรนด์ของฝรั่งเศส ที่อาจจะดูหาซื้อยากนิดหน่อย เพราะน้องมีที่ Sephora เราอาจจะต้องแบกร่างไปลองเนื้อนางก่อน

จุดที่น่าสนใจ คือ น้องใช้น้ำองุ่นมาเป็น AHA ธรรมชาติ ร่วมกับ Citric acid และ มี BHA ในรูปแบบ Salicylic acid ลดความระคายเคืองด้วย Rose water หอมกรุ่นที่เบลนด์กับน้ำมันหอมระเหยและสารหอมที่เป็นโมเลกุลที่พบเจอได้ตามธรรมชาติอย่างลงตัว

ติดนิดเดียวตรงมี Alcohol แต่ข้อดีของการมี Alcohol ก็คือน้องอาจจะช่วยขจัดเอา sebum ส่วนเกินบริเวณปากปล่องรูขุมขนออกไปได้ ก็จะอารมณ์เสริมๆ กัน และให้ความรู้สึกเย็นผิวตอนน้องระเหยไป แต่คนที่ sensitive กับ Alcohol ก็อาจจะห่างๆ นิดนึงเนอะ

แนบ Aff link จาก Sephora

https://invol.co/cleot25

ด้วยความที่ Caudelie เป็นงานฝรั่งเศส เลยขอหยิบเอา Effaclar ที่เป็นเสมือนนางเอกแห่งวงการผิวที่มีปัญหาสิวจากแบรนด์ Laroche-Posay ในเครือ L’oreal สัญชาติฝรั่งเศสเหมือนกันมาวิเคราะห์

เสียดายที่ตัวนี้ไม่มีในไทย เพราะน้องทำมาได้อย่างเด็ดดวงมาก น้องขึ้นทะเบียนเป็น OTC ใน USA ค่ะ

สำหรับส่วนผสมนอกจากน้ำแร่ La roche แล้วก็คือมี Salicylic acid ที่ความเข้มข้น 0.5% ตาม Guideline ในการดูแลสิว (0.5-2.0%) ร่วมกับ Glycolic acid ที่ 2.0% เสริมมาด้วย Capryloyl glycine ที่เด็ดดวงสำหรับสิว โดยทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า น้องไปยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase ที่เป็นเอนไซม์เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็น Dihydrotestosterone (DHT) ที่มีฤทธิ์แรงขึ้น

เจ้า DHT นี้ถ้ามีมากเกินไปก็จะส่งผลเสียหลายอย่าง เช่น ผิวมัน เป็นสิวง่าย ถ้าเป็นที่ผมก็ทำให้ผมร่วง

พอโดนยับยั้งไป DHT ก็จะไม่เยอะ ต่อมไขมันก็เลยไม่โดนกระตุ้น ไขมันที่สร้างออกมาก็เลยลดลง พอไม่มีไขมัน เชื้อ C. acnes ก็ไม่มีอะไรกิน อาการของสิวก็จะดีขึ้น

ยังเสริมมาด้วยสารบำรุงอีกนิดหน่อย อย่าง Polysaccharide จากเห็ดหูหนูขาว ที่เด่นเรื่องความชุ่มชื้น กับ Scutellaria extract ที่เด่นเรื่องของริ้วรอย คาดการณ์ว่าจะดูแลพวกรอยสิวอะไรแบบนี้ไปพร้อมๆ กัน

แต่ติดตรงที่มี Alcohol ใครที่ sensitive กับ Alcohol ก็เลี่ยงๆ แต่ใครผิวมันก็น่าจะชอบ

มาลองดูแบรนด์ที่น่าสนใจอีกแบรนด์นะคะ กับ Glamglow ที่รวบรวมสารพัด AHA เอาไว้เข้าด้วยกัน และมี BHA ในรูปแบบ Salicylic acid และ สารสกัดจากเปลือกต้น Willow

โดยในภาพรวมที่น่าสนใจคือ Mandelic acid ที่เป็น AHA ที่มีการกล่าวว่าให้ผลดีกับปัญหาสิว เสริมมาด้วยใบยูคาลิปตัส ซึ่งมีรายงานว่ามีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้าง Ceramide ของผิว (แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นวัตถุดิบตัวเดียวกันกับที่รายงานหรือเปล่า) มี Witch hazel ที่ดูแลเรื่องรูขุมขน

และสารสกัดจากสาหร่าย ซึ่งถ้าทราบข้อมูลสายพันธุ์เราอาจจะวิเคราะห์กันต่อไปได้ว่ามีประโยชน์ไปในทางไหน

ลดการระคายเคืองด้วยว่านหางจระเข้

มีลูกเล่นมุ้งมิ้งด้วย Charcoal และผงวิบวับจาก Mica

ปกติแบรนด์นี้จะเด่นเรื่อง Clay mask ตัวโทนเนอร์เลยทำมาอารมณ์ให้เป็น Clay วิบวับๆ

แต่ตัวนี้มี Alcohol นะคะ ใครที่ sensitive ก็อาจจะต้องเลี่ยงไป

ว่าแล้วก็ขอแนบ Aff link บน Sephora ค่ะ

https://invol.co/cleot1t

ปิดท้ายด้วยโทนเนอร์จากแบรนด์ Tarte ที่เด่นเรื่องของ makeup ส่วนตัวไม่คิดว่าน้องจะทำ skincare ออกมาได้ปังเว่อร์

ในภาพรวมน้องมี AHA+ BHA+ PHA ที่เสริมมาด้วยสารบำรุงหลายชนิดที่ให้ประโยชน์หลายๆ ด้าน ประเดิมด้วย Niacinamide ตัวตึงสกินแคร์

มีสารสกัดจากหัวหอมที่ดูแลพวกการสมานแผล (Wound healing) และ Sulfur ซึ่งเป็นสาร(เก่าแก่)ที่ใช้ในการดูแลสิว แต่ดูจากลำดับคาดว่าอาจจะยังไม่ถึง dose ที่ต้องการก็เป็นได้

ใครสนใจก็ลองไปแอบส่องแอบตำกันได้ค่ะ

แนบ Aff link:

https://invol.co/cleot1i

สำหรับ Content นี้ก็คงต้องขออนุญาตตัดจบไปที่ตรงนี้นะคะ โอกาสหน้าจะเอาอะไรมาวิเคราะห์ส่วนผสมต่อไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ

ปิดท้ายด้วย Disclaimer อีกรอบค่ะ

  1. Content นี้จัดทำขึ้นมาเพื่อใช้ในเชิงการศึกษาเป็นหลัก
  2. Content นี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเครื่องสำอาง หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับความงามแห่งใด
  3. Content นี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์โดยอาศัยหลักการทางด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง และมีการสอดแทรกความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
  4. Content นี้มีการสอดแทรก Affiliated link โดยผู้เขียนอาจได้รับค่าตอบแทนจากการ Click link ที่แนบไว้ท้ายบทวิเคราะห์เครื่องสำอาง
Image

Mini-review + วิเคราะห์ส่วนผสม Zeroid pimprove toner

สวัสดีค่ะ วันนี้ขอหยิบเอาโทนเนอร์ลูกรักของแบรนด์ Zeroid สูตร Pimprove มาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันนะคะ

น้องมีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

น้องยังคงคุมโทนอยู่ในเฉดสีชมพูโอรสเหมือนเดิมค่ะ

ตัวแพคเกจมาในขวดพลาสติกขนาด 200 ml

ตัวเนื้อสัมผัสของโทนเนอร์เป็นเนื้อแบบน้ำใส ส่วนตัวเอามาลองใช้ทั้งในรูปแบบน้ำตบ และ หยดใส่สำลีก่อนเช็ดลงบนหน้า

สำหรับส่วนผสม ส่วนตัวมองว่าคัดเลือกมาค่อนข้างดีนะคะ

ในภาพรวม Toner นี้ใช้ส่วนผสมของ LHA (Lipohydroxy acid) ร่วมกับ AHA 3 ตัว (ซึ่งอาจจะเอามาปรับ pH หรือแอบหวังผลในการออกฤทธิ์ด้วยตรงนี้ไม่แน่ใจ) ลดการระคายเคืองด้วย Panthenol กับ Betaine เติมน้ำด้วย Hya กับดูแลปัญหาสิวเพิ่มเติม ควบคุมความมัน ด้วย Zinc PCA และใช้เทคโนโลยี MLE จาก ceramide PC-9S ของทาง Neopharm

ลองมาดูรายละเอียดของส่วนผสมกันนะคะ ขอละ Hya ไว้ในฐานที่นางเป็นสารที่ Popular มากนะคะ

พระเอกของโทนเนอร์นี้คงเป็นเทคโนโลยี MLE ที่เกิดจาก Ceramide PC-9S (Myristoyl/palmitoyl oxosteramide/arachamide MEA) ว่ากันว่า สารนี้เวลาอยู่ในตำรับนางจะเรียงตัวในรูปแบบของ Multi-lamellar emulsion ซึ่งคล้ายกับการเรียงตัวของไขมันที่เป็น Barrier ของผิว สารนี้มีสิทธิบัตรรองรับอยู่หลายชิ้น อย่าง สิทธิบัตรอเมริกา US patent US6221371B1 กับสิทธิบัตรเกาหลี KR20120041294A

ในสิทธิบัตรของอเมริกายังกล่าวว่าตัว PC-9S ยังสามารถเสริมการสร้าง Ceramide ตามธรรมชาติของผิวได้อีก

ส่วนตรงนี้จะเป็นภาพการเรียงตัวของ PC-9S ในรูปแบบ MLE จากสิทธิบัตร KR20120041294A นะคะ

(Image from Korean patent KR20120041294A)

มีพระเอกแล้วก็ต้องมีพระรอง คือ Capryloyl salicylic acid ตัวนี้จัดเป็น Lipohydroxy acid หรือ LHA ซึ่งเป็นอนุพันธ์ที่เกิดจาก Salicylic acid ที่จัดเป็น BHA โดยว่ากันว่า LHA จะลงผิวได้น้อยเลยให้คุณสมบัติผลัดผิวได้ดี

มีการทดสอบหนึ่งที่ศึกษาตั้งแต่ปี 2008 โดยเทียบประสิทธิภาพในการผลัดผิวของ 5-10% LHA กับ 20-50% AHA ในคลินิกเป็นเวลา 12 อาทิตย์ พบว่า LHA ให้ประสิทธิภาพไม่ต่างกันกับ AHA ทั้งในด้านของริ้วรอยตื้นๆ และความสม่ำเสมอของสีผิว (J Cosmet Dermatol. 2008; 7(4):259-62.) แต่การศึกษานี้ใช้ความเข้มข้นค่อนข้างสูง และทำในคลินิกนะคะ

คุณสมบัติในภาพรวมของ LHA คือ มีประโยชน์ในด้านของการดูแลปัญหาริ้วรอยตื้นๆ ปัญหาสิว และสีผิวไม่สม่ำเสมอ

AHA 3 ชนิด คือ Glycolic acid, Lactic acid และ Citric acid คู่กับ Sodium citrate ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าหวังผลผลัดผิวด้วยหรือไม่ หลักๆ ก็จะเด่นเรื่องเติมน้ำ ให้ความชุ่มชื้นผิว

Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 ซึ่งเด่นในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น

Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine มีคุณสมบัติในด้านของการดูแลปัญหาเรื่องการระคายเคืองของผิวเช่นเดียวกัน

Zinc PCA เป็นสารผสมของ PCA กับ Zinc ซึ่งข้อมูลของผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า นางมีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำให้ผิว พร้อมกับควบคุมความมัน และ ดูแลปัญหาเรื่องริ้วรอยและชะลอวัยไปพร้อมๆ กัน

ส่วนผสมอื่นๆ ก็ถือว่าเลือกมาได้ค่อนข้างดีนะคะ เพราะมีอยู่เท่าที่จำเป็น และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ทางไปช้อปปิ้ง

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/5Kx5LdS3Ps

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.u78KS?cc

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ในรูปแบบของของขวัญ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมโทนเนอร์คาโมมายล์ Chamomile calming tea toner จากแบรนด์ T’else

สวัสดีค่ะ วันนี้มีรีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมผลิตภัณฑ์ใหม่จากแบรนด์ T’else มาฝากกันนะคะ

สำหรับแบรนด์ T’else เป็นแบรนด์ที่น่าสนใจแบรนด์หนึ่งในเครือ Neopharm ของทางเกาหลีค่ะ ซึ่งส่วนตัวมี่เคยรีวิวสินค้าของแบรนด์นี้ไว้อยู่หลายชิ้นด้วยกันนะคะ

อย่างตัวที่ชอบมากๆ ก็จะเป็นตัว Essence ของ Kombucha กับ Artemisia ค่ะ

(สามารถตามไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>>Click<<<)

หลังจากที่ได้ลองได้เข้าไปดูเว็บไซต์ Official ของ brand ก็พบว่าตอนนี้ทางแบรนด์ได้ Rebrand ใหม่ให้มีความเป็นมิตรกับธรรมชาติมากขึ้น มีความ Clean และ เป็นเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ คือเป็น Vegan นั่นเอง

(Image from T’else)

วันนี้มีโอกาสได้ลองใช้ซีรี่ส์ใหม่ที่พึ่งเข้ามาในไทย เป็นซีรี่ส์ของคาโมมายล์ที่โดดเด่นในด้านของคุณสมบัติให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) โดยในซีรี่ส์นี้มีด้วยกัน 3 ผลิตภัณฑ์ คือ Ampoule, Cream และ Toner ค่ะ

วันนี้ขอหยิบโทนเนอร์มาเป็นตัวแทนในการรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

ตัวโทนเนอร์มีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

ตัวโทนเนอร์มาในรูปแบบของขวดแก้วใส ที่ติดด้วยสติกเกอร์ใส ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวค่อนข้างชอบการดีไซน์ของแบรนด์ คือ เมื่อเราต้องการจะเอาไปรีไซเคิล เราก็แค่แกะสติกเกอร์นี้ออก แล้วทางแหล่งรับรีไซเคิลก็เอาไปรีไซเคิลได้เลยค่ะ

ตัวโทนเนอร์เป็นเนื้อใส สีเหลืองอ่อนๆ ภายในมีกลีบดอกบรรจุอยู่ อยากโฟกัสเข้าไปที่กลีบดอกนะคะ ส่วนตัวมองว่ามันดูโดดเด่นดีค่ะ

ด้วยความที่เป็นโทนเนอร์ในรูปแบบตำรับน้ำใส (Solution) ปกติเราก็จะใช้โทนเนอร์กับสำลี

ส่วนตัวลองใช้ทั้งหยดลงบนมือ แล้ววอร์ม ก่อนนำไปลูบไล้บนหน้า กับ หยดใส่สำลีค่ะ

ถ้าใช้กับมือก็จะเกลี่ยง่าย ซึมไวแห้งไวไม่เหนอะหนะ

ส่วนถ้าใช้กับสำลี ส่วนตัวรู้สึกว่าชุ่มชื้น ชุ่มฉ่ำและนุ่มฟูกว่าใช้กับมือ

เนื้อของโทนเนอร์เป็นประมาณนี้ค่ะ

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เย็นๆ ดมไปดมมาก็แอบคล้ายน้ำเก็กฮวย

ส่วนของค่า pH จะอยู่ที่ประมาณ 5 ค่ะ

ก่อนไปดูส่วนผสมอยากยกผลการทดสอบของทางแบรนด์ในอาสาสมัครมาเล่าให้ฟังสักหน่อย

ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่เราจำเป็นต้องใส่ Mask ซึ่งหลายคน รวมทั้งตัวเองด้วย หลังใส่ Mask นานๆ ก็จะรู้สึกระคายเคือง และบางครั้งบริเวณก็จะระคายเคืองมากจนแก้มเป็นรอยแดง ทางแบรนด์ทำการทดสอบประสิทธิภาพในการลดรอยแดงจากการใส่ Mask พบว่า รอยแดงลดลง 31% ในเวลา 3 วัน

อีกการทดสอบเป็นการทดสอบประสิทธิภาพในด้านของการ Soothing พบว่าใน 1 สัปดาห์สามารถลดรอยแดงได้ 32.5%

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สำหรับส่วนผสมวันนี้ทำไว้ 4 สีค่ะ

เริ่มที่กลุ่มแรก สีน้ำเงิน จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงที่โดดเด่นในด้านของการให้ความรู้สึกสบายผิว หรือ Soothing effect รวมไปถึงคุณสมบัติในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง ดูแลปัญหาเรื่องรอยแดงค่ะ

  • น้ำสกัด Chamomile และสารสกัดจาก Chamomile เข้าใจว่าเป็นชนิด Roman Chamomile  มีรายงานการวิจัยสนับสนุนถึงเสริมการไหลเวียนของเลือด (Clin Exp Hypertens. 2013; 35(3):200-6.) ซึ่งผิวที่มีการไหลเวียนของเลือดที่สมดุล จะมีสุขภาพดีค่ะ นอกจากนี้ยังพบว่ามีส่วนผสมของสารประกอบ Octulosonic acid ที่มีประโยชน์ในเชิงการดูแลปัญหาอักเสบและระคายเคือง (J Nat Prod. 2014 Jan 28.) รวมไปถึงพวก Bisabolol และ Azulene ที่โดดเด่นในด้านของการดูแลปัญหาอักเสบและระคายเคือง สำหรับข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบแห่งหนึ่งกล่าวว่า สารสกัดดังกล่าวมีประโยชน์ในเชิง Soothing รวมไปถึงเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • Azulene เป็นสารพฤกษเคมีที่แยกได้จากพืชหลายชนิด ในที่นี้เข้าใจว่า มาจาก Chamomile ที่โดดเด่นในด้านของการดูแลปัญหาอักเสบและระคายเคืองเช่นกัน
  • น้ำสกัดจาก Marigold ที่เป็นพืชในสกุลเดียวกับดาวเรือง (Calendula officinalis extract) ตัวนี้เองก็โดดเด่นในด้านของการดูแลปัญหาการอักเสบและระคายเคือง รวมถึงมีงานวิจัยทดสอบรองรับ (Cosmetics 2021, 8, 31.) และมีการทดสอบคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวหลังจากผิวไหม้แดดในอาสาสมัคร พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจาก Marigold ให้คุณสมบัติที่ดีในการฟื้นฟูผิว (IOP Conf. Series: Materials Science and Engineering. 2019;571:012082)

ส่วนถัดมา คือ สีชมพู ได้แก่ Coptis japonica root extract สำหรับพืชตัวนี้เป็นพืชในตำรับยาแผนโบราณในแถบเอเชีย ที่เกาหลีเรียกพืชนี้ว่า Hwangryun ซึ่งทางผู้ผลิตวัตถุดิบเจ้าหนึ่ง Claim ว่า มีคุณสมบัติในเชิงการปกป้องผิว Soothing และ เป็น Antioxidant

ส่วนของสีเขียว เป็นกลุ่มของสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ซึ่งได้แก่ Hyaluron 3 รูปแบบ และ Hydroxyethyl urea

ปิดท้ายด้วยกลุ่มของสารสีส้ม ซึ่งเป็นกลุ่มของสารพฤกษเคมีที่พบได้ในบัวบก มีรายงานมากมาย สารเหล่านี้มีประโยชน์ค่อนข้างกว้างในการดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็น ดูแลเรื่องของการชะลอวัย การฟื้นฟู การสมานผิว การดูแลเรื่องของการสร้างคอลลาเจน เป็น Antioxidant ฯลฯ

ในภาพรวมจะเห็นว่าสารที่ใส่มาในผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ และมีประโยชน์กับผิว ในส่วนของเบสหลักเป็นเบสน้ำชาที่ชง/สกัดจากคาโมมายล์ ซึ่งในจุดนี้แบรนด์เคลมว่าใส่มาถึง 80% เลยทีเดียว

และไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และซิลิโคน

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

  1. สารบำรุง เรียกได้ว่าน้องจัดมาเต็มมากในด้านของการดูแลปัญหาด้านของการระคายเคือง การอักเสบ ให้ความสบายผิว (Soothing effect) ฟื้นฟูผิว รวมถึงด้านของการชุ่มชื้น และอาจจะให้ประโยชน์ครอบคลุมไปถึงด้านของการชะลอวัยและดูแลปัญหาริ้วรอยไปพร้อมๆ กัน รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ นอกจากสารบำรุงแล้ว ก็ไม่ได้มีสารอื่นที่ไม่จำเป็น และไม่ได้มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน หลังเช็ดทันที จะรู้สึกว่าสบายผิว และชุ่มชื้น นุ่มฟู และสำหรับการใช้งายในระยะยาว ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่า ส่วนตัวเคยมีปัญหาเรื่องผิวแดง ระคายเคืองง่ายที่บริเวณแก้ม หลังจากใช้โทนเนอร์นี้ เสริมเข้ามาใน Regimen ร่วมกับ Skincare ตัวอื่นที่ใช้เป็นประจำ เป็นเวลาเดือนกว่าๆ ก็รู้สึกเลยว่า การเกิดรอยแดงของผิวลดลง รู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้น ส่วนตัวค่อนข้างชอบ จะติก็นิดหน่อย ตอนใกล้หมดขวด กลีบดอกมันจะชอบมาใกล้ๆที่หยด แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะแค่แกว่งขวดตัวโทนเนอร์ก็ยังหยดออกมาได้ตามปกติ เอาไปเลย 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าใหม่ล่าสุดมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ T’else หรือ เพจ DermArtlogy Thailand ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: dermArtlogyThailand

[Ads] สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดตามไปดูร้านค่า Official ของทางบริษัท dermartlogy ได้ค่ะ

https://invol.co/cl5lphc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ T’else การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมโทนเนอร์ผลัดผิวสูตรอ่อนโยนด้วย Polyhydroxy acid (PHA) ของแบรนด์ Dr.Different กับ Scaling Toner

สวัสดีค่ะ

วันนี้ขอมารีวิวอีกผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจจากแบรนด์ Dr.Different นะคะ

ถ้าถามเรื่องการผลัดผิว หรือ exfoliation/peeling ส่วนตัวมองว่ามันมีประโยชน์นะคะ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลให้ผิวชั้นขี้ไคลดูเรียบเนียน นุ่มนวล รวมไปถึงยังให้ประโยชน์ต่อด้านริ้วรอย และ Whitening ได้

แต่ว่าการผลัดผิวด้วย AHA นั้นอาจจะระคายเคืองได้ในบางคน ในทางเครื่องสำอางก็เลยพยายามหาวิธีการในการผลัดผิวแบบอ่อนโยนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้พวกผงเอนไซม์ หรือ ใช้พวกสารอื่นมาทดแทน AHA

ตัวหนึ่งที่น่าสนใจคือสารในกลุ่ม Polyhydroxy acid หรือ PHA ซึ่งส่วนใหญ่มาในรูปแบบของกรดน้ำตาล เช่น Gluconolactone หรือ Gluconic acid และ Lactobionic acid เป็นต้น ซึ่งตรงนี้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกรอบนะคะ

สารในกลุ่ม PHA นี้มีความอ่อนโยนกว่า AHA แล้วก็ผู้ที่มีปัญหาผิวระคายเคืองง่ายหลายๆ ประเภท หลายๆ ท่านก็สามารถใช้ได้ค่ะ (แต่ทั้งนี้การตอบสนองของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ จึงไม่สามารถจะฟันธงได้ว่าใช้ได้แน่นอน หรืออย่างไร)

เกริ่นเสียยาวยืด ผลิตภัณฑ์ที่มารีวิววันนี้มีชื่อว่า Scaling toner น้องเป็น Toner ที่มีส่วนผสมของ Gluconolactone ซึ่งเป็น PHA ในความเข้มข้น 10% ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่เหมาะสมในทางเครื่องสำอางค่ะ

หน้าตาประมาณนี้นะคะ

แวบแรกที่เห็นคือรู้สึกแบบเอ๊ะ ทำไมใหญ่จัง

พอเห็นภาชนะด้านใน คือแบบ อ๊าย น่ารัก

นางมาในแพคเกจที่เป็น ขวดรูปชมพู่ หรือ Erlenmeyer Flask คือ เป็นอินเนอร์ส่วนตัว ชอบค่ะ

ด้านในก็จะมีการ seal ปิดผนึกปากขวดเพื่อป้องกันหกค่ะ

เวลาใช้ส่วนตัวจะใช้กับสำลีนะคะ ใช้ก่อนนอน โดยโทนเนอร์จะมาในรูปแบบของของเหลว มีความหนืดเล็กน้อย ด้วยความไม่มีน้ำหอม เลยจะมีกลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่บ้างค่ะ

หลังเช็ดแรกๆ จะชุ่ม แต่ถ้าทิ้งไว้สักพักส่วนตัวคิดว่าหนึบๆ ไปหน่อยค่ะ ส่วนตัวหลังจากเช็ดแล้วจะตบเบาๆ ก่อนลงเอสเซนส์ต่อเลยค่ะ

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 4 นะคะ (Brand claim ที่ 4.5 ค่ะ ตรงนี้ทางแบรนด์น่าจะวัดด้วย pH meter ที่มีความแม่นยำสูงกว่ากระดาษวัด pH แบบที่เราใช้กันค่ะ)

มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

ในด้านของส่วนผสมวันนี้มี่ทำสีของสารบำรุงไว้ 4 สีนะคะ

เริ่มที่พระเอกของผลิตภัณฑ์ คือ Gluconolactone ค่ะ จัดเป็น Polyhydroxy acid (PHA) ที่เป็นอนุพันธ์ของน้ำตาล สารตัวนี้มีประโยชน์อยู่หลายอย่าง และมีงานวิจัยรองรับอยู่หลายฉบับ จึงขอหยิบยกเอามาเล่าบางชิ้นนะคะ

  • บทความของ Grimes และ คณะ (2004) กล่าวว่า Gluconolactone มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมความแข็งแรงของ Barrier ผิวหนัง ได้ดีกว่า AHA และสามารถใช้ได้ในกลุ่มคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย (Cutis. 2004; 73(2 Suppl):3-13.)
  • การทดลองของ Edison และ คณะ (2004) เปรียบเทียบประสิทธิภาพของ PHA และ AHA ในอาสาสมัคร เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่ามีประโยชน์ไม่แตกต่างกันกับ AHA ในด้านของริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย (Photoaging) และมีการระคายเคืองต่ำกว่า (Cutis. 2004;73(2 Suppl):14-7.)
  • การทดลองของ Bernstein และ คณะ (2004) ทดสอบความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UV ทั้งในระดับหลอดทดลองและในผิวหนังมนุษย์ พบว่าสามารถเสริมการปกป้องรังสี UV ที่ผิวหนัง (Dermatol Surg. 2004; 30(2 Pt 1):189-95)
  • การทดลองของ Hunt และ Barnetson (1992) ทดสอบประสิทธิภาพของ Gluconolactone (14%) ในการดูแลสิว เทียบกับ ตัวยา Benzoyl peroxide (5%) พบว่ามีประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาสิวไม่แตกต่างกันแต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า (Australas J Dermatol. 1992; 33(3):131-4.)

ในภาพรวม Gluconolactone มีประโยชน์ในแง่ของการผลัดผิว ดูแลปัญหาริ้วรอย สิว และยังมีคุณสมบัติเด่นในด้านอื่นๆ เช่น เป็น Antioxidant มีความสามารถในการดักจับอิออนของโลหะ (Chelating agent) ฯลฯ

ส่วนผสมอื่นๆ ที่น่าสนใจได้แก่

  • สารในกลุ่มสีบานเย็น มีประโยชน์ในด้านของความชุ่มชื้นเป็นหลัก รองลงมาคือความสามารถในการลดการระคายเคือง อย่าง Panthenol และ Beta-glucan
    • Beta-glucan เป็นสารในกลุ่ม Polysaccharide ที่ได้จากยีสต์ เห็ด และพืชหลายๆ ชนิด มีประโยชน์ในทางเครื่องสำอางหลายประการ เช่น antioxidant ชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย ปกป้องผิวจากรังสี UV และเพิ่มความชุ่มชื้น (Phytother Res. 2014;28(2):159-66.)
  • สารในกลุ่มสีฟ้า Allantoin และ Betaine มีประโยชน์ในการลดการระคายเคืองที่อาจจะเกิดขึ้น
  • สารสีเขียว Zinc PCA ซึ่งเป็นสารลูกผสมของ Zinc กับ Pyrollidone carboxylic acid (PCA) ซึ่ง PCA ปกติทำหน้าทีเป็น Natural moisturizing factor ที่อุ้มน้ำให้กับผิว Zinc เป็นแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน และเป็นองค์ประกอบของเอนไซม์บางชนิด สำหรับ Zinc PCA มีรายงานการวิจัยกล่าวว่า Zinc PCA ช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากรังสี UVA ได้ โดยไปลดการสร้าง Activator protein 1 และ MMP-1 ที่มักจะสร้างเวลามีรังสี UV ซึ่งตัว MMP เป็นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนในผิวทำให้เกิดความหย่อนยานและริ้วรอย (Int J Cosmet Sci. 2012; 34(1):23-8.) ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า สารนี้มีประโยชน์เป็นสารเติมน้ำให้ผิว (Humectant) ระงับเชื้อบางชนิด ควบคุมความมัน ลดริ้วรอยและชะลอวัย

ในภาพรวมคือ โทนเนอร์ PHA นอกจากผลัดผิวอย่างอ่อนโยนแล้ว ยังเสริมมาด้วยสารบำรุงอีกหลายๆ ตัว อย่างลงตัว จึงมีประโยชน์หลายอย่างกับผิว ไม่ว่าจะเป็นการชะลอวัย ดูแลปัญหาริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น ดูแลปัญหาเรื่องสิว

ส่วนผสมอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าคัดเลือกมาอย่างดี ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

  1. สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไว้ในด้านบนว่าสารบำรุงในผลิตภัณฑ์นี้มีประโยชน์ในด้านของการผลัดผิวอย่างอ่อนโยน ชะลอวัย ดูแลปัญหาริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และดูแลปัญหาเรื่องสิวไปพร้อมๆ กัน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรต่อผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบ Feeling หลังเช็ดใหม่ๆ นะคะ แต่ว่าพอทิ้งไว้สักพักส่วนตัวจะรู้สึกว่ามันหนึบไปหน่อย เลยใช้วิธีเช็ดเสร็จแล้วตบเบาๆ ก่อนลงเอสเซนส์ และสกินแคร์อื่นๆ ทับก็ดูแลในจุดนี้ได้ค่ะ ส่วนด้านของผลการใช้งาน เมื่อใช้ร่วมกับ Vita-A, CEQ และ Skincare ที่ใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆ ก็รู้สึกได้ว่าสุขภาพผิวดีขึ้นเรื่อยๆ นับว่า Happy แต่ขอแอบกดคะแนนเรื่องความหนึบ เลยขอให้ไป 4 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Dr.Different (สาขาประเทศไทย) ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้เปิดหูเปิดตา ได้ทดลองใช้ และทุกๆ ท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบด้วยนะคะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/DrdifferentTH

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Dr.Different การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม โทนเนอร์สูตรน้ำสำหรับบำรุงผิวหน้า ดูแลปัญหาสิว จากแบรนด์ Scitifique กับเจ้า Acne clarifying Hydrolotion

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์ดีๆจากแบรนด์ Scitifique เจ้าเก่ามาฝากกันนะคะ

แบรนด์ Scitifique นี้เป็นเวชสำอางแบรนด์ไทยที่คิดค้นและพัฒนาสูตรโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยระดับปริญญาเอกตามกระบวนการคิดและหลักการทางวิทยาศาสตร์ (scientific) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ ส่วนผสมที่ใช้ต้องมีงานวิจัยรองรับและมีความปลอดภัยสูง

มี่เคยอัพรีวิวเซรั่ม Whitening ของเขาไว้ ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

https://cosmeknowledge.wordpress.com/2017/07/09/scitifiquewhite/

ขอดึงรูปเก่ามาย้อนอดีตนิดนึง

sci 7

ช่วงนี้มี่ไปได้สินค้าใหม่ของเขา คือ Acne clarifying Hydrolotion ซึ่งเป็นโทนเนอร์สูตรน้ำสำหรับบำรุงผิวหน้า ที่มีส่วนช่วยลดปัญหาผิวมัน และลดการเกิดสิว ด้วยทฤษฎีการเสริม Probiotic ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ดีเข้าเพื่อบำรุงผิว พร้อมเสริมสารที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบและให้ความรู้สึกสบายผิว และมีน้ำมัน Tea tree ที่มีประโยชน์ในการลดเชื้อสิว

หน้าตาของนางเป็นแบบนี้ค่ะ

sci 1

ในไลน์นี้ทางแบรนด์ทำมาด้วยกัน 2 ขนาด คือ ขนาดทดลอง 20 ml และขนาดปกติ 60 ml ค่ะ

 

ตัวนี้จะเป็นขนาด 60 ml นะคะ

sci 2

ด้านในเป็นจุกรูแบบหยดๆ สามารถหยดใส่สำลีได้สะดวก

 

ส่วนตัวนี้จะเป็นขนาดทดลอง 20 ml ค่ะ

sci 3

 

ตัวโทนเนอร์เป็นแบบน้ำใส สมชื่อ Hydrolotion มีกลิ่นจางๆของ Tea tree oil

sci 4

เช็ดแล้วแห้งสนิท สบายผิว ไม่เหนอะหนะหนักผิว

sci 5

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 4 – 5 ค่ะ

sci 8

ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส scitifique

ก่อนไปดูส่วนผสม อยากเล่าให้ฟังถึงสาเหตุของสิวก่อนนะคะ

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางเชื่อว่า สิวเป็นภาวะที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ และมีหลายปัจจัยเข้าร่วมค่ะ ดังนั้นการดูแลสิว จึงควรดูแลให้ครบทุกปัจจัย กำจัดทุกสาเหตุค่ะ

สาเหตุการเกิดสิว มีทั้งหมด 4 ประการ ได้แก่

  • สภาวะที่ต่อมไขมันแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากเกินไป และสร้างไขมัน Sebum ออกมามากเกินไป
  • เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนแบ่งตัวออกมามากเกินไปจนผลัดทิ้งไปไม่ทัน หรือ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปแบบผิดรูปแบบ ทำให้การผลัดผิวเกิดได้ยาก จนทำให้เกิดการอุดตันขึ้นมาในรูขุมขน
  • เชื้อจุลินทรีย์ Propionibacterium acnes หรือ P. acnes นางเป็นตัวหลักในการเกิดสิว และการอักเสบต่างๆ ส่วนตัวรองๆอย่าง Staphylococcus aureus นั้นสามารถทำให้เกิดหนองได้
  • การอักเสบและปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันภายในรูขุมขน

 

ดังนั้นการดูแลปัญหาสิว ควรดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ครอบคลุมทั้ง 4 กลไก ได้แก่

  • ควบคุมความมัน
  • เสริมการผลัดผิว
  • ลดเชื้อจุลินทรีย์
  • ลดการอักเสบ

 

ในด้านการลดเชื้อจุลินทรีย์ ตอนนี้เทรนด์ใหม่ของตลาดเครื่องสำอางคือการเสริมพวก Normal flora คือจุลินทรีย์เจ้าบ้านที่อาศัยอยู่บนผิว พวกนี้เป็นจุลินทรีย์ที่ดี ไม่ก่อโรคในคนที่มีสุขภาพดี นางจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง และช่วยควบคุมประชากรของจุลินทรีย์ที่ไม่ดีไม่ให้มากเกินไปจนก่อโรคได้

 

มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันดีกว่านะคะ วันนี้ขอมาแบบจัดเต็มเลยค่ะ

ถ้าเราพิจารณากันจะพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ

  1. Actives คือ สารบำรุง เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี รวมไปถึงมีประโยชน์ทางชีวภาพ
  2. Base คือ เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle
  3. Additive คือ สารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ และมีความปลอดภัย

 

รายละเอียดส่วนผสมแต่ละตัว

  1. Actives หรือสารบำรุง วันนี้มี่ทำไว้ 3 เฉดสีค่ะ
  • สีฟ้า Lactobacillus ferment เป็นสารที่ได้จากเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ Lactobacillus ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ Probiotic ที่มีประโยชน์กับร่างกาย ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า ระหว่างการหมักจุลินทรีย์จะมีการเปลี่ยนโครงสร้าง (Biotransformation) กรดไขมันสายชั้นๆที่มีชื่อว่า Undecylenic acid เป็นอนุพันธ์ของ Undecylenates ที่ละลายน้ำได้ เจ้าสารตัวนี้เองที่มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ดีอื่นๆ รวมไปถึงเชื้อรา ยีสต์บางชนิดได้ นอกจากนี้อนุพันธ์ที่ละลายน้ำได้ของ Undecylenates ยังมีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ไปพร้อมๆกัน
    นอกจากนี้การหมักด้วย Lactobacillus จะได้กรด Lactic acid ออกมาด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อีกทาง

ซึ่งการหมักพวกนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งอาหารของเชื้อด้วย เช่น การเปลี่ยนอาหารที่เอามาหมัก หรือการเปลี่ยนสายพันธ์ของเชื้อที่เอามาหมัก ก็จะได้สารที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปและส่วนมากก็จะเป็นความลับของผู้ผลิตวัตถุดิบที่เขาปิดบังตรงนี้ กันคนมาก๊อปสูตร

การทดสอบในระดับหลอดทดลองพบว่า ส่วนของน้ำ หรือ Medium ที่แยกออกมาจากการหมัก Lactobacillus helveticus NF8 ที่ใช้นมเป็นอาหารเลี้ยงเชื้อ สามารถปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลายด้วยรังสี UVB และป้องกันไม่ให้เซลล์สร้างเม็ดสีสร้างเม็ดสีออกมามากเกินไปเมื่อสัมผัสรังสี UVB Z(J Appl Microbiol. 2017 Aug;123(2):511-523.)

มีบทความทางวิชาการกล่าวว่า การเสริมจุลินทรีย์ Lactobacillus ซึ่งเป็น probiotic ให้ผลดีในการลดการเกิดสิว และโรคผิวหนัง Atopic dermatitis ได้ (Int J Dermatol. 2018 Apr 20. doi: 10.1111/ijd.13972.) แต่อาจจะไม่ได้ตรงกับวัตถุดิบตัวนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าน่าจะต้องผ่านกรรมวิธีการสกัดออกมา ก็จะเหลือแค่โครงสร้างและสารอาหารที่เชื้อสร้างไว้ ซึ่งมีประโยชน์กับผิวเหมือนกัน แต่อาจจะคนละแบบ ซึ่งจุดนี้ก็พอจะมีรายงานอยู่ว่า เมื่อให้ Lactobacillus ที่ผ่านกรรมวิธีทำลายเชื้อด้วยความร้อน (Heat-killed lactobacillus) ลงไปในผิวหนังสังเคราะห์ พบว่ามีผลทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ดี Staphylococcus aureus ซึ่งเป็นตัวการหนึ่งในการทำให้เกิดหนอง เกาะผิวได้น้อยลง จึงมีโอกาสเกิดสิวหนองได้ลดลง และยังมีผลกระตุ้นให้ผิวสร้างเปปไทด์ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อตามธรรมชาติออกมามากขึ้น จึงเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดสิวได้ง่าย (Exp Dermatol. 2018 Jan 30. doi: 10.1111/exd.13504.) ซึ่งให้ผลในทำนองเดียวกับการทดสอบประสิทธิภาพของตำรับโลชั่นที่มี Lactobacillus ที่ผ่านการฆ่าด้วยความร้อน (Heat-killed) ในอาสาสมัครที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ Atopic dermatitis พบว่าให้ผลลดจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ Staphylococcus aureus บนผิวได้ และมีอาการอักเสบของผิวที่ลดลง (Clin Cosmet Investig Dermatol. 2017 Jul 3;10:249-257.) การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่า

  • สีเขียว น้ำมันหอมระเหยจาก Tea tree เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อก่อสิว มีการศึกษาทางคลินิกรองรับถึงประสิทธิภาพ แต่ใช้ในความเข้มข้น 5% พบว่าให้ผลดีในการลดจำนวนและความรุนแรงของสิวในอาสาสมัคร (Indian J Dermatol Venereol Leprol. 2007;73(1):22-5.)
  • สีชมพู เป็นกลุ่มของสารบำรุงที่มีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) ได้แก่
    • Rose water เป็นน้ำที่เหลือจากการกลั่นน้ำมันกุหลาบ ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นน้ำกลั่นจากกุหลาบออร์แกนิก มีประโยชน์ในการลดการอักเสบ ระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น ตัวข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าสามารถเสริมการผลัดเซลล์ผิว จึงมีประโยชน์เสริมในการลดการอุดตันของรูขุมขน
    • สารสกัดจากว่านหางจระเข้ มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบและระคายเคือง รวมไปถึงมีรายงานการวิจัยกล่าวว่าสาร Aloin ที่พบในใบสามารถออกฤทธิ์เป็นสารช่วยให้ผิวขาวได้โดยไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ Melanin aggregation ทำให้สีผิวจางลง (Planta Med. 2012; 78(8):767-71.) การทดสอบในระดับหลอดทดลองพบว่าสารสกัดจากใบว่านหางจระเข้สามารถลดการอักเสบในผิวผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Phospholipase A2 เช่นเดียวกับสารในกลุ่ม Corticosteroid (Lipids Health Dis. 2011;10:30.)
    • Allantoin มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคืองเช่นกัน
  1. Base หรือ เนื้อหลัก มาในเบสแบบน้ำ ประกอบด้วยน้ำ
  2. Additives หรือ สารปรุงแต่ง มีอยู่เท่าที่จำเป็น คือ
    • สารกันเสีย คือ Phenoxyethanol

 

ในภาพรวมถือว่าเป็นโทนเนอร์เบสน้ำที่ทำมาได้ดี ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมัน และซิลิโคน เสริมสารบำรุงที่มีประโยชน์ในการลดเชื้อก่อสิว และลดการอักเสบระคายเคือง รวมไปถึงการลดรอยดำ จากคุณสมบัติ Whitening ของ สารสกัดว่านหางจระเข้ ลดรอยแดงจากสารบำรุงที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ

 

ให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. ส่วนผสม ถ้าพิจารณาตามกลไกในการเกิดสิว ตัวนี้ยัง Target เรื่องสิวได้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบปาเป้าร้อยเปอร์เซ็นต์นัก แต่ก็ถือว่าทำมาได้ดี ด้วยคอนเซปท์ การเสริม Probitoic เข้ามาเพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรง สารบำรุงที่ช่วยลดการอักเสบระคายเคืองจะช่วยปลอบประโลมผิว (Soothing effect) ให้เรารู้สึกสบายผิว คนมีสิวไม่ควรจะเจออะไรที่รุนแรงไปอีก เพราะลำพังแค่ยารักษาสิวที่เอามาใช้ก็ทำร้ายผิวในระดับหนึ่งแล้ว คนที่มีผิวแห้งก็สามารถใช้ได้ ไม่ได้หนักหรือแห้งตึงอะไร คนที่ไม่ได้เป็นสิวก็สามารถใช้ได้เพราะมีประโยชน์ด้าน Soothing effect ตัวโทนเนอร์ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมัน และซิลิโคน และมีสารส่วนผสมอยู่เท่าที่จำเป็นตามคอนเซปท์ ‘Simple is the best’ จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ย่างเข้าหน้าร้อนแล้วส่วนตัวมี่มีผิวผสมค่อนข้างแห้ง จะมันก็แค่จมูกในช่วงบ่ายๆ สามารถใช้โทนเนอร์ตัวนี้ได้เลยในขั้นตอนแรกหลังการล้างหน้า และบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆต่อไป สิ่งที่ได้คือเรื่องความรู้สึกสบายผิว เรื่องการควบคุมความมันบริเวณ T-zone ทำมาได้ดีค่ะ ส่วนบริเวณแก้มซึ่งปกติแห้งอยู่แล้วก็ไม่ได้แห้งมากเว่อร์เกินไปเหมือนโดนพวก Witch hazel ส่วนเรื่องสิวช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหาสิวเลยยังบอกไม่ได้ เอาขวดเล็กไปให้หลานลอง หลานก็บอกว่าดี นางบอกว่าตอนนางใช้ไปราวๆ อาทิตย์หนึ่งก็รู้สึกว่ามีสิวอักเสบใหม่เกิดขึ้นน้อยลง จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน sci

สำหรับสนนราคาก็ตกอยู่ที่ ขวดเล็ก 20 ml 250 บาท ส่วนขวดใหญ่ 60 ml 680 บาท คิดเป็นราคา 11.33 บาท/ml

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Scitifique ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scitifique โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/scitifique/

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scitifique การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสกินแคร์กลุ่ม Tea tree clearing จากแบรนด์ Scinic จากเกาหลี จุใจทั้งโทนเนอร์ และออยล์แต้มสิว ด้วยพลังน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ

สวัสดีค่ะ

สงกรานต์ผ่านไป ทิ้งเอาไว้แต่ความดำ ผิวไหม้แดด ผิวลอก อักเสบ และสิวมากมาย วันนี้เลยขอเอาผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสิวมารีวิวซักหน่อย

เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Scinic ไซน์นิค เจ้าเก่าของเรานั่นเองค่ะ กับซีรี่ส์ Tea tree clearing ซึ่งมี่ได้มาทั้งหมด 2 ชิ้นค่ะ เป็น Toner และ น้ำมันทีทรีบริสุทธิ์สำหรับแต้มสิว

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

tea 1

ขอเริ่มที่ตัวน้ำมันทีทรีก่อนค่ะ

tea 2

นางมาในขวดแก้วแบบหยด อารมณ์คล้ายขวดน้ำมันหอมระเหยทั่วไป

tea 4

มาพร้อมกับคอตตอนบัดส์ปลายแหลม 1 ด้าน เวลาใช้เราก็จะหยดน้ำมันทีทรีที่ปลายคอตตอนบัดส์ แล้วเอาไปแต้มบริเวณสิวค่ะ

tea 5

มีวีดีโอน่ารักๆ ให้ดูด้วยค่ะ

tea tree 1.jpg

ลิงค์สำหรับรับชมวีดีโอค่ะ >>Click<<

 

เนื้อสัมผัสจะไม่ได้เป็นแนวออยล์มาก มันจะเหมือนน้ำๆ และก็แห้งไว และมีฟิล์มบางๆเคลือบอยู่ค่ะ แต้มเฉพาะตรงที่เป็นสิววันละ 2 – 3 ครั้ง

tea 6

ค่า pH อยู่ประมาณ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

tea 9

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

oil 1

ตัวนี้เขาจะ Dilute และผสมน้ำมันหอมระเหยอื่นมาในเบสแล้วนะคะ ไม่ได้มาเป็นน้ำมันหอมระเหยเข้มข้นแบบที่เป็นดราม่ากันในช่วงก่อน

ตัวส่วนผสมคือ นอกจากน้ำมันทีทรีที่มีประโยชน์ในการลดสิวแล้ว ยังเสริมน้ำมันหอมระเหยอีก 8 ชนิดเข้ามาด้วย บางตัวเราก็ไม่ค่อยเห็นนัก เพราะเป็นน้ำมันหอมระเหยของทางเกาหลีเขา

เดี๋ยวมี่รีวิวพร้อมกันในตัวโทนเนอร์เลยนะคะ

 

อีกตัวเป็นโทนเนอร์นะคะ

หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

tea 3

เนื้อโทนเนอร์เป็นแบบน้ำ

tea 7

เช็ดแล้วแห้งไว สบายผิว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับการเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปค่ะ ดูจากส่วนผสมแล้วส่วนตัวคิดว่าไม่ได้เป็นสิวก็ใช้ได้ค่ะ

tea 8

ค่า pH อยู่ทีประมาณ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

tea 10

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส toner

ส่วนผสมวันนี้มีหลายสีหน่อยนะคะ

  • สีน้ำเงิน Salicylic acid จัดเป็นสารในกลุ่ม BHA มีคุณสมบัติในการลดการอุดตันโดยไปย่อยสลายเซลล์ผิว (Keratolytic) ที่สะสมตัวในรูขุมขน และลดการอักเสบ มีรายงานว่าในช่วงความเข้มข้นที่ 0.5 – 2% จะให้ผลดีในการลดสิว
  • สีเขียวเป็นน้ำมันหอมระเหยทั้งหมด 9 ชนิด ที่เป็นสูตร Blend เดียวกับตัว Oil ตัวเด่นคือ Tea tree oil ที่มีรายงานรองรับถึงประสิทธิภาพในการลดสิว การเบลนด์กับน้ำมันหอมระเหยชนิดๆอื่นๆ เพื่อเสริมคุณสมบัติในการลดการอักเสบและระคายเคือง
  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารบำรุงอื่นๆ ได้แก่
    • สารสกัดจากใบบัวบก บัวบกเป็นพืชที่มีรายงานถึงฤทธิ์ทางชีวภาพไว้ค่อนข้างเยอะ ฤทธิ์ทางชีวภาพของบัวบกได้แก่ ฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล กระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast กระตุ้นการสังเคราะห์ Collagen และ Fibronectin ในผิว ลดริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย (Postepy Dermatol Alergol. 2013; 30(1):46-9.) ในด้านสิว บัวบกจึงมีประโยชน์ในด้านการลดการเกิดแผลเป็น และช่วยสมานแผลให้หายไวขึ้น
    • สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ลดการอักเสบระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้น อาจจะให้ประโยชน์ในด้านรอยแดงจากสิวได้
    • สารสกัดจาก Coptis japonica เป็นสารสกัดจากพืชในตำรับยาจีนชนิดหนึ่ง ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าสารสกัดจากรากมีคุณสมบัติ Antioxidant ลดการอักเสบระคายเคือง และประกอบด้วยสารที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

ตัวเบสเป็นเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและซิลิโคน แต่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งส่วนตัวมี่ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่า

คะแนนวันนี้เป็นของตัวโทนเนอร์เนอะ

  1. สารบำรุง ตัวโทนเนอร์ทำมาได้ค่อนข้างดี สารบำรุงที่ใส่มามีคุณสมบัติในการฆ่าเชื่อสิว ลดการอุดตัน ลดการอักเสบระคายเคือง และมีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกที่น่าจะให้ประโยชน์ในการป้องกันแผลเป็นจากสิว โดยรวมจึงได้ทั้ง ลดการเกิดสิว รอยแดง และรอยแผลเป็น ยังขาดในด้านของพวกรอยดำอยู่ จุดนี้ขอให้ไป 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งจริงๆก็เป็นผลดี เพราะแอลกอฮอล์จะช่วยทำความสะอาดไขมันที่ตกค้างตามผิวออกมา และเวลานางระเหยไปจากผิว นางจะให้ความรู้สึกดี และมีประโยชน์ในการกระชับรูขุมขน แต่อาจจะทำให้ผิวแห้ง และระคายเคืองได้ ขอให้ไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบตัวโทนเนอร์นะคะ จะใช้ในช่วงก่อนนอน เพราะถ้าใช้ตอนเช้าระหว่างวันอาจจะแห้งได้นิดหน่อย แต่ใช้กลางคืนจะพอดีเลย ส่วนหนึ่งอาจเพราะเราโบกมอยส์เจอไรเซอร์หนักมากเวลาจะนอน ในเรื่องของกลิ่นนางจะมีความซอฟท์กว่ากลิ่นผลิตภัณฑ์ทีทรีทั่วไป เพราะมีการเบลนด์เอาน้ำมันหอมระเหยหลายชนิดเอาไว้ด้วยกัน หลังเช็ดผิวจะออกนุ่มหน่อยๆ เหมือนมีฟิล์มบางๆเคลือบไว้ แต่ไม่ถึงกับเหนอะหนะหนักผิวอะไร ส่วนเรื่องสิว ส่วนตัวมี่ไม่ได้มีสิวอักเสบขึ้นแล้วค่ะ ในจุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน tea

 

ที่สำคัญ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์เซ็ตนี้มีจำหน่ายในวัตสันแล้วนะคะ

 

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ไซน์นิค ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ไซน์นิค โดยตรงเลยนะคะ https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ