Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มบำรุงผิวตัวดังจากเกาหลี แบรนด์ Scinic กับ Peptide 95 Ampoule และ Propolis 95 Ampoule มาแบบเบิ้ลๆ

เรียกได้ว่าตอนนี้กำลังวอแวอยู่กับ 2สูตร Ampoule ของไซน์นิค เลยอยากมารีวิวให้ได้ชมกันค่ะ

แบรนด์ไซน์นิค (Scinic) เป็นเครื่องสำอางของทางเกาหลี มี่เองก็ใช้ของเขามาหลายชิ้นก็รู้สึกว่าเขาทำมาได้ดีนะคะ

อย่าง Ampoule 2 สูตรที่เข้าไทยมา เป็นสูตร Peptide 95 Ampoule และ Propolis 95 Ampoule ค่ะ หน้าตาประมาณนี้นะคะ

 

am 1

เริ่มกันที่ตัว Peptide 95 Ampoule มาในกล่องสีน้ำตาลค่ะ

pep 3

ด้านในเป็นขวดแก้วสวยงามแบบมีหลอดหยด

pep 4

สูตรนี้ เนื้อเซรั่มมาในเนื้อเจลข้นๆ สีน้ำตาลอ่อน มีกลิ่นหอมสะอาดๆ

pep 1

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไว แห้งไว ให้ความฉ่ำวาวนิดๆ ไม่เหนอะหนะ

pep 2

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ค่ะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

pH pep

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

pep ing

ตัวส่วนผสมเปิดมาด้วย Peptide solution (สารละลายของเปปไทด์) ที่ข้างกล่องเขียนว่าเป็นสารละลายเข้มข้น 1 ppm ใส่มาจัดเต็มที่ 95% อันนี้ลองคำนวณดู ก็จะได้เนื้อแท้ของ Acetyl hexapeptide หรือ argireline อยู่ที่ ราวๆ 0.095% ก็ถือว่าอยู่ในช่วงที่ไม่น่าเกลียดนะคะ

ถัดมาก็จะเป็นกลุ่มของวิตามินและสารสกัดจากพืชอีกหลายชนิดที่เสริมทัพกันเพื่อบำรุงผิวได้อย่างลงตัว ดูแลผิวที่มีปัญหา Aging ได้อย่างลงตัว ให้ประโยชน์กับผิวในด้านความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง Antioxidant ลดการระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว และ Whitening

นอกจากสารสกัดจากพืชและวิตามินแล้ว ก็ยังมีส่วนผสมของน้ำมันจากพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันจาก Borage, Almond, Macadamia, ทานตะวัน และ Rapeseed ซึ่งน้ำมันจากพืชเหล่านี้ก็มีประโยชน์ในการคืนไขมันทดแทนให้แก่ผิวเรานั่นเอง

 

 

อีกตัวเป็น Propolis Ampoule นะคะ มาในกล่องสีเหลือง หน้าตาประมาณนี้ค่ะ

prop 3

ด้านในเป็นขวดแก้วสวยหรูแบบมีหลอดหยด

prop 4

เนื้อเป็นเนื้อเจล ออกขุ่นเล็กน้อย มีกลิ่นหอมจางๆออกไปทางเฟรชๆสดชื่น

prop 1

เกลี่ยได้ง่าย รู้สึกหนึบกว่าสูตรสีน้ำตาล แต่ก็ยังแห้งไว ซึมไว ไม่เหนอะหนะ แต่ยังมีความผิวฉ่ำๆสไตล์เกาหลีอย่างที่เห็น

prop 2

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5 – 6 เช่นกันค่ะ

pH prop

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

prop ing

เปิดส่วนผสมมาด้วย Propolis extract และส่วนผสมอื่นจากผึ้งแบบครบเซ็ต ไม่ว่าจะเป็น Royal jelly และน้ำผึ้ง เติมมาด้วยสารสกัดจากพืชอีกมากมาย ที่ให้ประโยชน์ในการบำรุงผิวได้อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง Antioxidant กระชับรูขุมขน ลดการระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว Whitening ช่วยให้ผิวใสเรียบเนียนรวมไปถึงให้ประโยชน์ในเชิงสิว และที่เนื้อเบสออกขุ่นหน่อยก็เพราะมีน้ำมันจากพืชอยู่อีก 5 ชนิด คือ น้ำมันจาก Borage, Almond, Macadamia, ทานตะวัน และ Rapeseed ซึ่งน้ำมันจากพืชเหล่านี้ก็มีประโยชน์ในการคืนไขมันทดแทนให้แก่ผิวเรานั่นเอง

มี Silicone อยู่บ้างประปรายเพื่อให้สัมผัสนุ่มนวล ลื่นผิว

 

 

 

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

ขอหยิบยกเอา Peptide 95 Ampoule มาเป็นตัวแทนในการให้คะแนนนะคะ

  1. สารบำรุง อย่างที่ได้เล่าให้ฟังในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสม ว่า ใน ampoule นี้นอกจาก Argireline ที่เป็น peptide ตัวเอกของสินค้าแล้ว ยังมีส่วนผสมของสารบำรุงอีกหลายชนิด ดูแลผิวที่มีปัญหา Aging ได้อย่างลงตัว ให้ประโยชน์กับผิวในด้านความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง Antioxidant ลดการระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว และช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบเนื้อของเซรั่มตัวนี้นะคะ ในด้านของสัมผัสระหว่างใช้ การเกลี่ย สัมผัสหลังใช้ ถือว่าทำมาได้ดี คิดว่าน่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว แต่คนที่มีผิวแห้งมากๆแบบมี่ อาจจะต้องเสริม moisturizer ตัวอื่นเข้ามาอีก ทาทับอีกซักชั้น ส่วนเรื่องกลิ่นมี่ค่อนข้างรู้สึกเฉยๆ แต่เอาให้แม่ใช้ แม่กลับชอบ ก็นานาจิตตังนะคะ ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย ตอนนี้มี่ยังไม่ค่อยมีริ้วรอยเลยขอข้ามประเด็นนี้ไป แต่ในด้านของผิวนุ่ม เรียบเนียน และให้สัมผัสเด้งๆ ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์ค่ะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

 

คะแนน pep

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางแบรนด์ Scinic Thailand ด้วยนะคะที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scinic โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Mini-Review] วิเคราะห์ส่วนผสม โลชั่นชาเขียวสดตัวดังจากไซน์นิค Scinic กับ Scinic green tea moisture lotion

#MiniReview #ของเล่นใหม่บ้านมียอน

มีโอกาสได้ลองโลชั่นชาเขียวจากแบรนด์ไซน์นิค #SCINICThailand นางเป็นตัวหนึ่งที่ดังในเกาหลีนะคะ ด้วยราคาที่ไม่แพงมาก และทางแบรนด์เคลมเรื่องของการใช้ส่วนผสมจากน้ำชาเขียวสด ที่ได้จากยอดอ่อนใบชาเขียวที่ไร่ชาในเขตโบซอง

L_g0078431591

(Image from Scinic)

 

นอกจากชาเขียวก็ยังผสมผสานกับสารบำรุงอื่นๆ เพื่อช่วยดูแลผิว โดยเน้นไปที่ด้านชุ่มชื้น และให้ความรู้สึกสบายผิว

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

gt 1-re

ด้านในเป็นขวดพลาสติกหนา มีจุกรู ที่ค่อนข้างกว้าง เทเนื้อโลชั่นออกมาได้สะดวกค่ะ

gt 2

โลชั่นเนื้อบางเบา มีกลิ่นหอมชาเขียวอ่อนๆ

gt 4

เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสลื่นผิว

gt 5-1

พอดีมี่ทำลิสต์ส่วนผสมหายไป เลยขอวิเคราะห์ส่วนผสมเฉพาะตัวสารบำรุงที่เขาใส่มาแทนนะคะ

 

ตัวแรก แน่นอนว่าต้องเป็นชาเขียว พระเอกของผลิตภัณฑ์ตัวนี้

ทางแบรนด์เคลมว่าใช้ยอดอ่อนใบชาเขียวจากไร่ชาที่โบซองค่ะ

L_g0078768269

(Image from Scinic)

 

ซึ่งชาเขียวเป็นพืชที่มีความน่าสนใจมากสำหรับวงการเครื่องสำอาง

เพราะนอกจากคุณสมบัติในการเป็น Antioxidant แล้ว สารประกอบกลุ่ม Catechin ที่พบในใบชาเขียวยังมีประโยชน์กับผิวในหลายๆด้านค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดการอักเสบ ให้ความรู้สึกสบายผิว รวมไปถึงอาจจะได้ไปถึงด้าน Whitening และชะลอวัย ลดริ้วรอยเลยด้วย

 

นอกจากใบชาเขียวแล้ว ยังมีส่วนผสมของใบบัวบก Purslane และ ไฮยาลูรอน

  • ใบบัวบก เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่มีความน่าสนใจในวงการเครื่องสำอาง เพราะประกอบด้วย Madecassoside ที่มีประโยชน์ในการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิว และเป็น antioxidant ที่ดี ประเด็นนี้ทางแบรนด์ยกมาจับที่เวลาคนผ่านสเตียรอยด์มา คอลลาเจนในผิวจะลดลง ทำให้ผิวบางลง และเหี่ยวง่ายกว่าเดิม ถ้าเสริมใบบัวบกเข้าไป ผิวเราก็น่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น
  • Purslane (Portulaca oleracea) เป็นสารสกัดอีกชนิดหนึ่ง ที่มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการเสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) (J Ethnopharmacol. 2003; 88(2-3):131-6.) ลดการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2000; 73(3):445-51.)
  • Hyaluronic acid เพิ่มความชุ่มชื้น

 

โดยรวมถือว่าเป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมหลักเน้นไปทางด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้น รวมไปถึงมีประโยชน์ในเชิงการชะลอวัย และอาจจะได้ประโยชน์ไปในเชิงการลดเลือนริ้วรอย และ Whitening

ในด้านของเนื้อโลชั่นจะชุ่มชื้นผิว เคลือบผิวด้วยสัมผัสที่แรกๆจะแอบๆลื่นหน่อยๆ แต่เมื่อทิ้งไว้บนผิวซักครู่ ความลื่นนั้นจะหายไป เหลือแต่ความรู้สึกนุ่มผิว แต่ไม่ถึงกับหนักผิวค่ะ

 

ซึ่งตอนนี้ทางแบรนด์ไซน์นิคเองก็นำสินค้าตัวนี้เข้ามาจำหน่ายในไทยด้วยแล้วค่ะ โดยมีวางอยู่ที่วัตสันนะคะ

 

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางแบรนด์ Scinic Thailand ด้วยนะคะที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scinic โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสกินแคร์กลุ่ม Tea tree clearing จากแบรนด์ Scinic จากเกาหลี จุใจทั้งโทนเนอร์ และออยล์แต้มสิว ด้วยพลังน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ

สวัสดีค่ะ

สงกรานต์ผ่านไป ทิ้งเอาไว้แต่ความดำ ผิวไหม้แดด ผิวลอก อักเสบ และสิวมากมาย วันนี้เลยขอเอาผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสิวมารีวิวซักหน่อย

เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Scinic ไซน์นิค เจ้าเก่าของเรานั่นเองค่ะ กับซีรี่ส์ Tea tree clearing ซึ่งมี่ได้มาทั้งหมด 2 ชิ้นค่ะ เป็น Toner และ น้ำมันทีทรีบริสุทธิ์สำหรับแต้มสิว

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

tea 1

ขอเริ่มที่ตัวน้ำมันทีทรีก่อนค่ะ

tea 2

นางมาในขวดแก้วแบบหยด อารมณ์คล้ายขวดน้ำมันหอมระเหยทั่วไป

tea 4

มาพร้อมกับคอตตอนบัดส์ปลายแหลม 1 ด้าน เวลาใช้เราก็จะหยดน้ำมันทีทรีที่ปลายคอตตอนบัดส์ แล้วเอาไปแต้มบริเวณสิวค่ะ

tea 5

มีวีดีโอน่ารักๆ ให้ดูด้วยค่ะ

tea tree 1.jpg

ลิงค์สำหรับรับชมวีดีโอค่ะ >>Click<<

 

เนื้อสัมผัสจะไม่ได้เป็นแนวออยล์มาก มันจะเหมือนน้ำๆ และก็แห้งไว และมีฟิล์มบางๆเคลือบอยู่ค่ะ แต้มเฉพาะตรงที่เป็นสิววันละ 2 – 3 ครั้ง

tea 6

ค่า pH อยู่ประมาณ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

tea 9

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

oil 1

ตัวนี้เขาจะ Dilute และผสมน้ำมันหอมระเหยอื่นมาในเบสแล้วนะคะ ไม่ได้มาเป็นน้ำมันหอมระเหยเข้มข้นแบบที่เป็นดราม่ากันในช่วงก่อน

ตัวส่วนผสมคือ นอกจากน้ำมันทีทรีที่มีประโยชน์ในการลดสิวแล้ว ยังเสริมน้ำมันหอมระเหยอีก 8 ชนิดเข้ามาด้วย บางตัวเราก็ไม่ค่อยเห็นนัก เพราะเป็นน้ำมันหอมระเหยของทางเกาหลีเขา

เดี๋ยวมี่รีวิวพร้อมกันในตัวโทนเนอร์เลยนะคะ

 

อีกตัวเป็นโทนเนอร์นะคะ

หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

tea 3

เนื้อโทนเนอร์เป็นแบบน้ำ

tea 7

เช็ดแล้วแห้งไว สบายผิว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับการเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปค่ะ ดูจากส่วนผสมแล้วส่วนตัวคิดว่าไม่ได้เป็นสิวก็ใช้ได้ค่ะ

tea 8

ค่า pH อยู่ทีประมาณ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

tea 10

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส toner

ส่วนผสมวันนี้มีหลายสีหน่อยนะคะ

  • สีน้ำเงิน Salicylic acid จัดเป็นสารในกลุ่ม BHA มีคุณสมบัติในการลดการอุดตันโดยไปย่อยสลายเซลล์ผิว (Keratolytic) ที่สะสมตัวในรูขุมขน และลดการอักเสบ มีรายงานว่าในช่วงความเข้มข้นที่ 0.5 – 2% จะให้ผลดีในการลดสิว
  • สีเขียวเป็นน้ำมันหอมระเหยทั้งหมด 9 ชนิด ที่เป็นสูตร Blend เดียวกับตัว Oil ตัวเด่นคือ Tea tree oil ที่มีรายงานรองรับถึงประสิทธิภาพในการลดสิว การเบลนด์กับน้ำมันหอมระเหยชนิดๆอื่นๆ เพื่อเสริมคุณสมบัติในการลดการอักเสบและระคายเคือง
  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารบำรุงอื่นๆ ได้แก่
    • สารสกัดจากใบบัวบก บัวบกเป็นพืชที่มีรายงานถึงฤทธิ์ทางชีวภาพไว้ค่อนข้างเยอะ ฤทธิ์ทางชีวภาพของบัวบกได้แก่ ฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล กระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast กระตุ้นการสังเคราะห์ Collagen และ Fibronectin ในผิว ลดริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย (Postepy Dermatol Alergol. 2013; 30(1):46-9.) ในด้านสิว บัวบกจึงมีประโยชน์ในด้านการลดการเกิดแผลเป็น และช่วยสมานแผลให้หายไวขึ้น
    • สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ลดการอักเสบระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้น อาจจะให้ประโยชน์ในด้านรอยแดงจากสิวได้
    • สารสกัดจาก Coptis japonica เป็นสารสกัดจากพืชในตำรับยาจีนชนิดหนึ่ง ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าสารสกัดจากรากมีคุณสมบัติ Antioxidant ลดการอักเสบระคายเคือง และประกอบด้วยสารที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

ตัวเบสเป็นเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและซิลิโคน แต่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งส่วนตัวมี่ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่า

คะแนนวันนี้เป็นของตัวโทนเนอร์เนอะ

  1. สารบำรุง ตัวโทนเนอร์ทำมาได้ค่อนข้างดี สารบำรุงที่ใส่มามีคุณสมบัติในการฆ่าเชื่อสิว ลดการอุดตัน ลดการอักเสบระคายเคือง และมีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกที่น่าจะให้ประโยชน์ในการป้องกันแผลเป็นจากสิว โดยรวมจึงได้ทั้ง ลดการเกิดสิว รอยแดง และรอยแผลเป็น ยังขาดในด้านของพวกรอยดำอยู่ จุดนี้ขอให้ไป 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งจริงๆก็เป็นผลดี เพราะแอลกอฮอล์จะช่วยทำความสะอาดไขมันที่ตกค้างตามผิวออกมา และเวลานางระเหยไปจากผิว นางจะให้ความรู้สึกดี และมีประโยชน์ในการกระชับรูขุมขน แต่อาจจะทำให้ผิวแห้ง และระคายเคืองได้ ขอให้ไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบตัวโทนเนอร์นะคะ จะใช้ในช่วงก่อนนอน เพราะถ้าใช้ตอนเช้าระหว่างวันอาจจะแห้งได้นิดหน่อย แต่ใช้กลางคืนจะพอดีเลย ส่วนหนึ่งอาจเพราะเราโบกมอยส์เจอไรเซอร์หนักมากเวลาจะนอน ในเรื่องของกลิ่นนางจะมีความซอฟท์กว่ากลิ่นผลิตภัณฑ์ทีทรีทั่วไป เพราะมีการเบลนด์เอาน้ำมันหอมระเหยหลายชนิดเอาไว้ด้วยกัน หลังเช็ดผิวจะออกนุ่มหน่อยๆ เหมือนมีฟิล์มบางๆเคลือบไว้ แต่ไม่ถึงกับเหนอะหนะหนักผิวอะไร ส่วนเรื่องสิว ส่วนตัวมี่ไม่ได้มีสิวอักเสบขึ้นแล้วค่ะ ในจุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน tea

 

ที่สำคัญ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์เซ็ตนี้มีจำหน่ายในวัตสันแล้วนะคะ

 

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ไซน์นิค ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ไซน์นิค โดยตรงเลยนะคะ https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

ทะลายกรุรีวิวกันแดด Scinic (ไซน์นิค) ยก 5 สูตร พร้อมแนะนำวิธีเลือกใช้ตามสไตล์มียอน

สวัสดีค่ะ

กันแดดนี่เสมือนเป็นไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย เพราะรังสี UV จากแสงแดดนั้นส่งผลเสียมากมายกับผิวเรา ไม่ว่าจะเป็นแก่ก่อนวัย สีผิวไม่สม่ำเสมอ กระดำกระด่าง จนไปถึงอาจเกิดมะเร็งผิวหนังได้เลยทีเดียว

แล้วนี่ยิ่งกลางฤดูร้อน แดดยิ่งรุนแรงเข้าไปอีกค่ะ

วันนี้มี่เลยเอากันแดดของ Scinic หรือ ไซน์นิค แบรนด์ดังจากเกาหลี นางออกกันแดดมา 5 สูตร ในกลุ่มของ Enjoy sun เพื่อตอบโจทย์ชีวิตของเราๆ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกความต้องการ และสภาพผิวเลยทีเดียวค่ะ อยากให้อ่านรีวิวจนจบ เพราะแบรนด์นี้เค้ากล้านำเข้ามาขายที่ไทยในราคาเท่ากับที่เกาหลีเลย ไม่ต้องเสียเวลาหิ้วให้หนักให้เสียเวลา

หน้าตาของพวกนางเป็นดังนี้ค่ะ

sun 3.JPG

นางเป็น 5 ศรีพี่น้อง มาด้วยกัน 5 สูตร เริ่มจาก

  • Waterproof sun cream หลอดสีฟ้าคาดส้มแดง เป็นกันแดดสูตรกันน้ำกันเหงื่อ มาในเนื้อเอสเซนส์บางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ มีค่า SPF 50+ และ PA++++ มาในคอนเซปท์ “กันแดดสูตรกันน้ำกันเหงื่อ”
  • Tone up sun cream หลอดสีขาว มีแถบสีชมพู/เทาด้านล่าง ตัวนี้เป็นสูตรผสม Pigment ช่วยปรับสภาพสีผิวให้กระจ่างใส ใช้เป็น Makeup base ได้ในตัว มีค่า SPF50+ และ PA++++ เช่นเดียวกัน มาในคอนเซปท์ “บล็อกแดด ผิวไบรท์ ไม่หลอกตา”
  • Silky pore sun milk ตัวนี้มาในขวดสีขาว ฝาเขียว เป็นเบสแบบเนื้อน้ำนม บางเบา ซึมง่าย แห้งไวไม่เหนอะหนะ ไม่หนักผิว เหมาะกับผิวมัน มีค่า SPF50+ PA+++ มาในคอนเซปท์ “กันแดดน้ำนมพรางรูขุมขน”
  • Safe shield sun cream นางมาในหลอดสีน้ำเงินคาดเขียวเหลือง เป็นกันแดดเนื้อเอสเซนส์ ซึมไว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับผิวแพ้ง่าย มีค่า SPF50+ PA++++ มาในคอนเซปท์ “Block แสงขั้นสุด ซึมไวใน 5 วิ”
  • Perfect daily sun cream มาในหลอดสีส้มคาดแดงอันร้อนแรง เป็นเบสแบบครีม เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ มีค่า SPF50+ PA+++ ตัวนี้นางเป็นตัว Top ติด Best seller ที่เกาหลี ได้รางวัลจากรายการ Beauty talk เมื่อปี 2017 มาในคอนเซปท์ “กันแดดในอุดมคติ”

 

เปรียบเทียบเนื้อของกันแดดทั้ง 5 ตัวซักหน่อย

sun 1.jpg

 

sun 2

ถ้าพูดถึงส่วนผสมที่สำคัญที่สุดของเครื่องสำอางป้องกันแสงแดด ก็คงหนีไม่พ้น สารกันแดด โดยสารกันแดดมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ คือ สารกันแดดชนิดกายภาพ (Physical sunscreen) และ สารกันแดดเคมี (Chemical sunscreen)

  • สารกันแดดกายภาพ จะเป็นกลุ่มของ Titanium dioxide และ Zinc oxide ทำหน้าที่สะท้อนกระจายรังสี UV ออกไป
  • สารกันแดดเคมี จะเป็นกลุ่มของสารเคมี ทำหน้าที่ดูดซับรังสี UV เอาไว้ แล้วคายออกไป

 

ถ้าพิจารณาตามกลไกของสารกันแดด สารกันแดดเคมีที่มีการดูดซับรังสีไว้กับตัวและคายพลังงานออกมา ย่อมจะต้องเสื่อมลง จึงต้องทาทับทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อออกแดดนานๆ หรือโดนแดดจัดๆ ส่วนกันแดดแบบกายภาพนั้นตามกลไกคือเขาจะสะท้อนรังสีออกไป ถ้าเราไม่ไปล้างไปเช็ด หรือเหงื่อไม่ออก มันก็จะอยู่บนผิว สะท้อนรังสีได้ยาวนานกว่า

 

มี่เคยอัพรายละเอียดเรื่องแสงแดดและกันแดดไว้ ถ้าใครสนใจไปตามอ่านได้ที่ https://cosmeknowledge.wordpress.com/2014/09/09/sun-and-sunscreen/ เลยค่ะ

 

มาดูรายละเอียดทีละสูตรเลยนะคะ

  • สูตร Waterproof

ถ้าเราพูดถึงกันแดดกันน้ำ เรามักจะจิตนาการถึงกันแดดเหนียวๆ หนักๆ ที่ทาก่อนลงไปทะเล หรือก่อนลงน้ำ ผิดคาดเลย กันแดดตัวนี้เนื้อเบามาก เบาจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นกันแดดกันน้ำ นางพลิกมิติและการรับรู้ถึงกันแดดและกันน้ำไปเลย ด้วยเนื้อเบา ซึมไว เกลี่ยง่าย ไม่เป็นปื้นขาว มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ

waterproof

ในด้านส่วนผสม นางมาในกันแดดแบบเคมี มาในเบสชนิดอิมัลชั่นของน้ำและซิลิโคน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เสริมสารบำรุงมาหลายชนิด เน้นไปที่ด้านการลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว มีส่วนของไขมันจากธรรมชาติที่ช่วยทดแทนไขมันจำเป็นให้แก่ผิว และมีส่วนผสมของสารสกัดพืชที่ช่วยเสริมปกป้องผิวจากรังสี UV

 

แต่ถึงจะเป็นสูตรกันน้ำ ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องใช้ตอนจะไปว่ายน้ำ หรือ ไปทะเล หรือจะสงกรานต์ แต่ก็สามารถใช้ได้แบบ Everyday โดยเฉพาะหน้าร้อน ที่เหงื่อออกเยอะๆ เพราะเนื้อกันแดดไม่ได้หนักผิวเลย

 

 

  • สูตร Tone Up

เป็นกันแดดที่มีส่วนผสมของ Pigment ที่ช่วยอำพรางสีผิวและปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้นมา 1 Step ใช้แทน Makeup base ได้ดี เนื้อกันแดดจะข้นขึ้นมานิดหน่อย ตอนแรกลงอาจจะดูขาวนิด แต่พอเกลี่ยไปจะกลืนไปกับสีผิว ไม่ขาววอก ไม่เทา ไม่ลอย  ตัวนี้มีกลิ่นน้ำหอมจางมากๆ แทบจะไม่ได้กลิ่นค่ะ

 

tone

ดูแบบนี้อาจจะไม่ชัด ลองจัดให้ดูแบบจริงจังเลยดีกว่าค่ะ

ผิวรวม

ในด้านของส่วนผสม นางเป็นกันแดดลูกผสมกายภาพ/เคมี มาด้วยเบสอิมัลชั่น ที่มีน้ำ น้ำมัน และซิลิโคนนิดหน่อยพอกรุบกริบ นางมีส่วนผสมของสารบำรุงอยู่หลายชนิด ให้ประโยชน์ไปในทางด้าน Whitening, ต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็น antioxidant ชะลอวัย ลดการอักเสบระคายเคือง รวมไปถึงด้านริ้วรอยก็มี Adenosine มาช่วยด้วยอีกส่วน

 

 

 

  • สูตร Safe shield เซฟชิลด์

ตัว Safe shield นี้มาในบสแบบเนื้อครีมที่ค่อนข้างบางเบา สมกับที่แบรนด์เรียกเป็นกันแดดเนื้อเอสเซนส์ เกลี่ยง่าย ซึมไว ภายในระยะเวลา 5 วิ ไม่เหนอะหนะไม่หนักผิว มีกลิ่นอ่อนๆ ทางแบรนด์เคลมว่ากันน้ำกันเหงื่อได้ด้วยหละ

safe shiled

ในด้านส่วนผสม นางเป็นกันแดดแบบลูกผสมกายภาพ/เคมี มาในเบสแบบอิมัลชั่นที่มีส่วนผสมของ น้ำ น้ำมัน แบะซิลิโคนนิดหน่อยพอกรุบกริบ เสริมสารบำรุงมาหลายชนิด ให้ประโยชน์ในด้านของการลดการอักเสบ ระคายเคือง เป็น Antioxidant และให้ความรู้สึกสบายผิว

 

 

  • สูตร Perfect daily

ที่ทางแบรนด์ว่าเป็นกันแดดในอุดมคติ นางได้รับรางวัล Best seller จากรายการ Beauty Talks พอได้ลองก็เข้าใจเลยว่าทำไมได้มา นางมาในเบสแบบเนื้อครีมนุ่มแน่น เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสนุ่ม ไม่หนักผิว ตอนแรกเกลี่ยอาจจะดูเหมือนมีปื้นขาวนิดๆ แต่พอเกลี่ยไปซักครู่ ก็จะหายไปหมด สีขาวๆเหล่านั้นก็คือเม็ดของกันแดดกายภาพนั่นเองค่ะ พอเขาเรียงตัวบนผิวเสร็จ ด้วยขนาดเล็กมาก นางก็จะไม่มีความทึบแสงให้เราเห็น

perfect

นางเป็นกันแดดแบบผสมกายภาพ/เคมี มาในเบสกันแดดแบบอิมัลชั่น ประกอบด้วย น้ำ และซิลิโคนนิดหน่อยพอกรุบกริบ มีส่วนของน้ำมันสังเคราะห์อยู่นิดหน่อย ช่วยเคลือบผิวไม่ให้แห้งตึง เสริมสารบำรุงมามากมายหลายชนิด เด่นไปที่ด้านการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง ช่วยให้ผิวแข็งแรง

 

  • Silky pore sun milk

เป็นกันแดดแบบน้ำนม ที่มีความต่างจากพี่น้อง คือนางมาในขวด เนื้อจะค่อนข้างเหลว เหมือนน้ำนม เกลี่ยง่าย ซึมไว แห้งไวไม่เหนอะหนะ น่าจะเหมาะกับคนที่มีผิวมัน ตัวส่วนผสมจะช่วยอำพรางรูขุมขนได้อีกทาง ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น

 

milk

ในด้านส่วนผสม นางมาในเบสแบบอิมัลชั่น  ทีป่ระกอบด้วยซิลิโคน กับน้ำ ตัวนี้จะมีแอลกอฮอล์อยู่ด้วย เพื่อให้กันแดดแห้งไว ไม่เหนอะหนะ และตอนแอลกอฮอล์ระเหยไปนางจะให้ความรู้สึกเย็นพร้อมกระชับรูขุมขนไปในตัว ส่วนตัวมี่มีผิวแห้งตกบ่ายมาก็จะแห้งตึงหน่อยๆ จึงน่าจะเหมาะกับผิวมันค่ะ

 

ก่อนจะไปวิเคราะห์ส่วนผสมมาตอบคำถามก่อน

กันแดดไซน์นิค มีตั้ง 5 สูตร ใช้อันไหนดี?

อันนี้ไปเอาของแบรนด์มาค่ะ

scinic fb-20180327-01

(ที่มา Scinic)

 

 

ตามความเห็นของมี่นะคะ มี่ทำตารางสรุปจุดเด่นให้ตามนี้ค่ะ

table

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ แต่จะวิเคราะห์หมดทั้ง 5 ตัวก็เกรงจะยาวยืดไปจนไม่น่าอ่าน เลยขอหยิบเอาสูตรที่ชอบที่สุด คือ สูตร Safe Shield มาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ชมกันค่ะ

สผส sun

วันนี้มี่ทำสีส่วนผสมไว้ 3 สีค่ะ

  • สีส้ม เป็นกันแดดชนิดกายภาพ อย่าง Titanium dioxide ซึ่งพวกนี้จะออกฤทธิ์สะท้อนรังสี UV ออกไปแบบไม่จำเพาะเจาะจง นางมีความคงตัวค่อนข้างดี ถ้าเหงื่อไม่ออกไม่ไปล้างไปเช็ด นางก็จะยังคงเรียงตัวอยู่บนผิวสะท้อนรังสีต่อไป
  • สีฟ้า เป็นกันแดดชนิดเคมี มีด้วยกัน 4 ชนิด กันได้ครบถ้วนทั้ง UVA และ UVB ได้แก่
    • Homosalate ช่วยกรองรังสีในช่วง UVB
    • Ethylhexyl salicylate ช่วยกรองรังสีในช่วง UVB
    • Diethylamino hydroxybenzoylhexyl benzoate ช่วยกรองรังสีในช่วง UVA
    • Bis-Ethylhexyloxyphenol methoxyphenyl triazine ช่วยกรองรังสีในช่วงกว้างทั้ง UVA และ UVB
  • สีเขียว เป็นสารบำรุง มีอยู่หลายชนิดเลยค่ะ
    • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีประโยชน์ด้าน Whitening ลดการอักเสบระคายเคือง
    • Adenosine มีประโยชน์ในเชิงการลดริ้วรอย
    • วิตามินอี เป็น Antioxidant
    • สารสกัดพืชทั้งหมด 8 ชนิด มีประโยชน์ในเชิงการเป็น Antioxidant ลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว

enjoysafeshieldsun_720_07.jpg

(ที่มา Scinic Korea)

ตัวเบสมาในเบสแบบอิมัลชั่น มีส่วนผสมของน้ำ ซิลิโคน และน้ำมันอยู่นิดหน่อย ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สารที่ใช้เสี่ยงอุดตันน้อยมาก และมีข้อมูลความปลอดภัยที่ค่อนข้างดี สมกับที่เคลมว่าเหมาะกับ Sensitive skin

 

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ เป็นคะแนนของสูตร Safe shield เด้อ

  1. สารบำรุง รวมเอาสารกันแดดไว้ด้วย ในด้านของสารกันแดดก็ถือว่าทำมาได้ดี เป็นกันแดดแบบผสมกายภาพ/เคมี กันได้ครบถ้วนสมบูรณ์ดี เสริมสารบำรุงที่มีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคืองของผิว และ antioxidant ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เล็ดรอดเข้าไปในผิวได้ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่กันแดดได้ 100% อย่างไรก็ต้องมีรังสี UV เล็ดรอดเข้าผิวได้อยู่ดี การมีพวก antioxidant หรือสารลดการอักเสบพวกนี้ก็จะช่วยปกป้องผิวเราได้ค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตัวกันแดดทำมาได้ค่อนข้างดี เนื้อนุ่ม เกลี่ยง่าย ไม่แห้งไม่มันเกินไปสำหรับผิวมี่ เรื่องกลิ่นก็ไม่ได้แรงจนฉุนไป กำลังซอฟท์ๆ ไม่กวนใจ ทาแล้วสามารถลงรองพื้นได้เลย ไม่เหนอะหนะ ไม่ตีกับรองพื้นจนเป็นคราบ โดยรวมขอให้คะแนนการใช้งานไว้ที่ 4 ฟลาสก์

คะแนน sun

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ไซน์นิค ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ไซน์นิค โดยตรงเลยนะคะ มีจำหน่ายที่วัตสัน ตอนนี้มีโปร ลดราคา เหลือแค่ 450 เท่านั้น ราคาเท่ากับที่เกาหลีคือ 15,000 วอนเลย สำหรับขนาด 50ml. ถือว่าคุ้มมาก

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

 

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์หน้าน้ำผลไม้ My Juicy bottle mask จากแบรนด์ไซน์นิค (Scinic)

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวมาสค์ที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ เป็นมาสค์น้ำผลไม้จากแบรนด์ไซน์นิค (Scinic) ขาประจำของเรานั่นเองค่ะ

มีชื่อว่า My juicy bottle mask ที่มาในซองรูปขวดดูสวยงามน่ารักดีค่ะ

mask sci.JPG

เป็นมาสค์ที่ทำมา 4 สูตร เพื่อวัตถุประสงค์ในการบำรุงตามปัญหาผิว 4 ด้าน คือ

  • สูตรสีส้ม เป็น Whitening สูตรวิตามินรวมเพื่อผิวกระจ่างใส
  • สูตรสีเขียว เป็น Soothing สูตรว่านหางจระเข้ ทีทรี เพื่อลดการอักเสบระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว รวมถึงปัญหาสิว
  • สูตรสีชมพู เป็น Firming สูตรคอลลาเจน มะเขือเทศ กระชับผิว
  • สูตรสีฟ้า เป็น Moisturizing สูตรไฮยา ไม้ไผ่ เพิ่มความชุ่มชื้น

 

ทางแบรนด์เคลมว่าตัวแผ่นมาสค์ใช้เทคโนโลยี Air bag “ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดีให้ความรู้สึกเย็นสบายระหว่างการมาส์ก แนบผิวหน้าสนิท ช่วยให้แผ่นมาส์กไม่หลุดง่าย ส่งผ่านคุณค่าจากสารบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

air bag

(Image from Scinic)

 

ตัวน้ำมาสค์ หรือ Vehicle ทางแบรนด์เรียกว่า Ampoule ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างข้นคล้ายเจลค่ะ อารมณ์เหมือนควักเซรั่มมามาสค์ ไม่เหลวไม่ไหล ไม่หยดย้อยเลอะเทอะ นานๆทีเราจะได้เห็นมาสค์ที่น้ำมาสค์ข้นๆคล้ายเจลแบบนี้

เมื่อเราฉีกซองออกมาเราจะเจอแผ่นมาสค์พับอยู่ค่ะ น้ำมาสค์จะค่อนข้างข้นคล้ายเจล ฉาบอยู่บนแผ่นมาสค์

m 1

แผ่นมาสค์แนบสนิทกับผิวจริงเหมือนที่เค้าเคลมค่ะ

m 2

ค่า pH ของน้ำมาสค์อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

m 3

ส่วนผสมในภาพรวมของมาสค์แต่ละสูตรนางจะมาในเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์ และซิลิโคน ในด้านของสารบำรุง นอกจากสารบำรุงเฉพาะสูตรแล้ว ทุกๆสูตรจะมีสารบำรุงที่เหมือนกัน คือ มี Hyaluron, Panthenol, Allantoin และ Trehalose ซึ่งเด่นในด้านการเติมน้ำ ลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว

โดยรวมถือว่าเป็นมาสค์ที่ทำมาได้ดี และน่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว

 

สำหรับส่วนผสมของมาสค์แต่ละสูตรจะเป็นตามนี้เลยค่ะ

ประเดิมกันด้วยสูตรที่มี่ชอบมากที่สุด สูตรสีส้ม

สีส้ม

สูตรนี้มีสารบำรุงอยู่หลายกลุ่ม ตัวหลักน่าจะเป็นกลุ่มของวิตามินรวม ได้แก่ วิตามินบี 3 บี 5 บี 6 ซี และ อี ซึ่งแค่ลำพังวิตามินเหล่านี้ก็ให้ประโยชน์กับผิวได้ครอบคลุมครบทุกด้านแล้วค่ะ

นอกจากวิตามินรวม ในส่วนผสมยังมีสารสกัดจากพืชตระกูลส้ม ไม่ว่าจะเป็น ส้ม มะนาวเลม่อน มะนาวเขียว และเกรฟฟรุ๊ต ซึ่งมีประโยชน์ในการเติมน้ำให้ผิว และมีส่วนผสมของ AHA จากธรรมชาติอยู่อ่อนๆ

เรียกได้ว่าเน้นบำรุงผิวได้ครบในทุกมิติเลยทีเดียว

 

ส่วนสูตรสีเขียว

สีเขียว

ในด้านสารบำรุงมีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชสมุนไพรและดอกไม้หลายชนิด เปิดมาด้วยสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ที่เด่นเรื่องการเติมน้ำและลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว ตามมาด้วยสารสกัดจาก Tea tree ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะให้ผลในการฆ่าเชื้อและลดสิวได้เหมือน Tea tree oil หรือเปล่า และยังมีสารสกัดจากพืชอีกหลายชนิด  ซึ่งมีประโยชน์โดยรวมไปในทางด้านการลดการอักเสบและระคายเคือง พร้อมให้ความรู้สึกสบายผิว จะได้รองๆมาที่ด้านกระชับรูขุมขน ควบคุมความมัน

 

สูตรสีฟ้าก็ไม่น้อยหน้านะคะ

สีฟ้า

ในด้านของสารบำรุงเปิดมาด้วยสารสกัดจากไผ่ ซึ่งเด่นเรื่องการลดการอักเสบและระคายเคือง ตามมาด้วยชาเขียว ซึ่งมีประโยชน์กับผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Antioxidant ควบคุมความมัน ลดการอักเสบและระคายเคือง นอกจากนั้นก็จะมีแตงกวา กับดอกบัว ซึ่งก็ยังคงเด่นเรื่องลดการอักเสบระคายเคืองและเพิ่มความชุ่มชื้น

 

สุดท้ายสูตรสีชมพู

สีแดง

ในด้านของสารบำรุงซองสีแดงก็ต้องมีของแดงอย่างทับทิมและมะเขือเทศ ซึ่งเป็น Antioxidant ที่ดี มีประโยชน์ในการชะลอวัย เสริมมาด้วสารสกัดจากโสม ซึ่งเรียกได้ว่ามีประโยชน์กับผิวหลายด้าน ซึ่งเด่นไปในด้านริ้วรอยและช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ร่วมกับ Royal jelly น้ำผึ้ง และ Collagen ซึ่งมีประโยชน์ในการเติมน้ำให้ผิว

 

โดยรวมถือว่าทั้ง 4 สูตรทำมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลยค่ะ สมสโลแกน Trustworthy cosmetic ของแบรนด์จริงๆค่ะ

 

ราคาแผ่นละ 59 บาท ช่วงนี้ที่วัตสันมีโปร ซื้อแผ่นที่สองในราคาบาทเดียวค่ะ ก็จะตกแผ่นละ 30 บาท ถือว่าโอเคเลยหละ ราคาเท่ากับที่เค้าขายใน shop ที่เกาหลีเลย ไม่ต้องไปเสียเวลาไปหิ้วให้ยุ่งยากวุ่นวาย

มาให้คะแนนกันดีกว่า

วันนี้ขอให้คะแนนเป็น 2 หัวข้อนะคะ

  1. ส่วนผสม ในส่วนของเบส ตัวมาสค์ทำมาในเบสน้ำ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว และในด้านของสารบำรุงตามสูตร ถือว่าทำมาได้ดีค่ะ ตรงตามวัตถุประสงค์และ Claiming ของแต่ละสูตร ส่วนตัวมี่จะค่อนข้างชอบส่วนผสมของสูตรสีส้มค่ะ จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ตัวแผ่นมาสค์แนบสนิทกับผิวจริง และใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะแห้ง แต่มี่คิดว่า พอกไว้ราวๆ 15 – 20 นาทีก็ดึงออกได้แล้ว ช่วงที่ดึงออกผิวจะนุ่มชุ่มชื้น และดูอิ่มน้ำ ส่วนตัวมี่มีผิวแห้งหลังจากดึงแผ่นมาสค์ออกซักพักแล้วต้องเติมครีมอีกชั้นหนึ่งค่ะ เพราะเราจะรู้สึกว่ามันยังแห้งอยู่นิดๆ แต่ด้วย Feeling ที่ไม่เยิ้มฉ่ำมากจนเกินไปแบบนี้ เราก็สามารถมาสค์เจ้านี่ได้ตอนเช้า ก่อนแต่งตัวได้อยู่ค่ะ มาสค์ในวันสำคัญๆนางจะช่วยให้เมคอัพติดทน แต่งหน้าได้ง่าย เกลี่ยรองพื้นได้เรียบสนิทขึ้นไม่ตกร่องค่ะ จุดนี้ขอให้ไป 4 ฟลาสก์

 

คะแนน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Scinic ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scinic โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

 

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม น้ำตบกาแลกโต สูตรขาวใส Scinic first treatment essence สูตร Glowpick winner 2017

สวัสดีค่ะ

เมื่อกลางเดือนที่แล้ว มี่ได้เล่าให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้เครื่องสำอางและ Skincare ของแบรนด์ Scinic จากเกาหลีมีวางจำหน่ายแบบถูกต้องตามกฎหมายในไทยแล้ว และจะทะยอยๆเอาตัวที่น่าสนใจของเค้ามารีวิวให้ได้ชมกัน

วันนี้ขอเปิดประเดิมด้วยน้ำตบกาแลคโตสูตรขาวใสของเค้า หรือ Scinic first treatment essence กันก่อนเลยค่ะ

ตัวนี้นางเป็น Essence ที่ใช้ Galactomyces ferment filtrate ในความเข้มข้นสูงถึง 90% แล้วเสริมมาด้วยสารบำรุงอีกหลายชนิดค่ะ เดี๋ยวไว้ไปวิเคราะห์ส่วนผสมกันอีกรอบนะคะ

น้ำตบจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

ess 1

ด้านในเป็นขวดแก้วนะคะ

ess 2

ซึ่งแก้วจะมีข้อดีเหนือกว่าพลาสติกคือ ยอมให้อากาศผ่านเข้าออกได้ยากกว่า จึงจะช่วยปกป้องสารสำคัญไว้ได้ดีกว่าค่ะ

ตัวน้ำตบมาในเนื้อแบบเหลว ใส อาจจะมีกลิ่นจางๆของวัตถุดิบอยู่ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

ess 3

เกลี่ยง่าย ซึมไว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ ตบสนุก ตบแล้วลงสกินแคร์อันอื่นทับได้เลย

ess 4

ในส่วนของค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ess 5

ก่อนจะไปดูวิเคราะห์ส่วนผสม อยากบอกว่า น้ำตบตัวนี้ได้รางวัลด้วยนะคะ นางได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมประเภท essence, ampoule และ serum ต่อกัน 2 ปีซ้อน

และได้รับรางวัล Glowpick 2017

พร้อมทั้งได้ตรา KFDA ด้าน Whitening และ Antiaging ค่ะ

ทางแบรนด์ยังบอกว่า นางเป็น Bestselling product บนเว็บ Naver และ ติดอันดับ 1 ในด้านยอดขายและการซื้อซ้ำในเกาหลีค่ะ

sci naver.jpg

ทางแบรนด์เคลมเรื่องของผลลัพธ์ 10 ประการ ใน 10 วัน ได้แก่

  • ผิวขาวกระจ่างใส เปล่งประกายออร่า
  • ผิวนุ่มชุ่มชื้น แต่งหน้าติดทน
  • ผิวกระชับเต่งตึง มีความยืดหยุ่น
  • ปลอบประโลมผิวที่อักเสบ แดง และยังเป็นเกราะป้องกันผิวจากแสงแดดหรือมลภาวะต่างๆ
  • เพิ่มความฉ่ำวาวให้ผิวสวยสุขภาพดีมีมิติ
  • ลดเลือนริ้วรอยร่องแก้ม หน้าผาก รอบดวงตา
  • ผิวเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์
  • ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน
  • เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวที่ขาดน้ำ ต้นเหตุจองผิวแก่กว่าวัย
  • รูขุมขนกระชับ ผิวละเอียดเรียบเนียนดุจกระเบื้องเคลือบ

 

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สผส scinic

จากส่วนผสมวันนี้มี่ทำสีสารบำรุงไว้สองสีค่ะ

เริ่มจากสีฟ้า พระเอกของเรา Galactomyces ferment filtrate เป็นสารที่ได้จากการเลี้ยงยีสต์ Galactomyces ค่ะ

มีรายงานการวิจัยระบุว่าสามารถเพิ่มความแข็งแรงของ Barrier ที่ผิวหนังชั้นนอก โดยไปเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ Caspase-14 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในการแปรสภาพโปรตีน Filaggrin ให้กลายเป็น กรดอะมิโนที่ทำหน้าที่เป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF เพื่อช่วยในการดักจับน้ำรักษาความชุ่มชื้นของผิว (Arch Dermatol Res. 2013; 305(8):683-9.) มีคุณสมบัติลดการสังเคราะห์เม็ดสีผิว Melanin (J Am Acad Dermatol. 2014; 70(5)S1:AB127.)

พูดง่ายๆคือ เป็นตัวช่วยให้ผิวแข็งแรง อุ้มน้ำได้ดีขึ้น และเป็น Whitening ได้

 

ส่วนสีเขียว เป็นสารบำรุงอื่นๆที่เสริมเข้ามา มีอยู่ 6 ตัว ได้แก่

  • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 อันนี้เราพูดถึงกันบ่อยมาก นางมีประโยชน์มากมายทั้ง เสริมการสังเคราะห์ไขมันทีเป็น Barrier ผิว ทั้งเป็น Whitening ผ่านการขัดขวางการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก และลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว รวมไปถึงด้านสิวด้วย
  • Adenosine มีประโยชน์ในการชะลอวัย ลดริ้วรอย
  • สารสกัดจากราสเบอร์รี่ ประกอบด้วยน้ำตาล และวิตามินต่างๆ มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • กลุ่มสารบำรุงที่ม่ีประโยชน์ในการลดการอักเสบและระคายเคือง ได้แก่ สารสกัดจากชะเอม Purslane และน้ำทะเล

 

ในภาพรวมคือ สารบำรุงที่จัดมา เน้นไปที่ด้านของการช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น เก็บกักน้ำได้ดีขึ้น ลดการอักเสบและระคายเคือง รวมไปถึงด้าน Whitening และริ้วรอย

ส่วนตัวเบสเป็นแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซิลิโคน และแอลกอฮอล์

ไม่มีน้ำหอม พาราเบน และสีสังเคราะห์

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ สำหรับวันนี้ส่วนผสมค่อนข้างน้อย เลยขอให้คะแนนเป็น 2 หัวข้อใหญ่ๆ คือ ส่วนผสม และการใช้งานนะคะ

  1. ส่วนผสม เป็นน้ำตบที่มาในเบส GFF ในความเข้มข้น 90% ซึ่ง GFF มีประโยชน์ในการช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และ Whitening เสริมมาด้วยสารบำรุงอื่นๆ เน้นไปที่ด้านของการช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น เก็บกักน้ำได้ดีขึ้น ลดการอักเสบและระคายเคือง รวมไปถึงด้าน Whitening และริ้วรอย ในตัวเบสมีส่วนผสมของสารที่ช่วยดักจับน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ตัวน้ำตบจะค่อนข้างเหลว ถ้าเทใส่มือแล้วตบเลยโดยตรงอาจจะเลอะเทอะได้นิดหน่อย ต้องกะปริมาณดีๆ ในด้านของความชุ่มชื้น ส่วนตัวมี่ผิวแห้งอาจจะต้องหา Moisturizer อื่นๆมาทับอีกชั้นหนึ่ง ถึงจะเพียงพอ ส่วนคุณสมบัติ 10 ประการ ตามที่แบรนด์เคลม หลังจากที่มี่ลองมาเกือบๆ 2 อาทิตย์ ถือว่า ได้ไป 8 จาก 10 ข้อ จะติดก็เรื่องริ้วรอย กับ Whitening จุดด่างดำ ซึ่งช่วงนี้เราไม่ค่อยมีอยู่แล้ว เลยเห็นไม่ค่อยชัด ส่วนด้านชุ่มชื้น นุ่มฟู เต่งตึง นี่ถือว่าปลื้มปริ่มมากค่ะ ขอให้ไป 4 ฟลาสก์

 

คะแนน ess

นางมาในขนาด 150 ml ราคา 1090 บาท ตกเป็น 7.27 บาท/ ml ที่สำคัญช่วงเดือนมีนาคม 2561 นี้ นางจัดโปร ชิ้นที่สองบาทเดียวอยู่ที่ Watsons นะคะ ถ้าซื้อโปรชิ้นที่ 2 บาทเดียว จะตกที่ 3.64 บาท/ml ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว

watson

(Image from Watsons Thailand)

 

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Scinic ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scinic โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ