Image

รีวิวเซรั่มฟื้นฟู Barrier ที่เนื้อบางเบาอย่างไม่น่าเชื่อ กับ Brikk 6 in 1 daily skin barrier treatment essence จาก The labatorian

สำหรับ Content นี้จะมาเล่าถึงเซรั่มที่น่าสนใจ ซึ่งทางแบรนด์ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟู Barrier ผิวในทุกมิติ จากแบรนด์ The Labatorian ซึ่งทางเพจเราได้นำเสนอบทวิเคราะห์ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์หลายๆ ชิ้นไปก่อนหน้านี้ค่ะ

วันนี้จะมาวิเคราะห์เซรั่มน้องใหม่ของทางแบรนด์ ที่พึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ค่ะ

เซรั่มน้องใหม่นี้มีชื่อว่า Brikk ซึ่งว่ากันว่ากว่าทางแบรนด์จะได้สูตรนี้มานั้นผ่านการปรับสูตรมามากกว่า 50 สูตรเลยทีเดียวจนกว่าจะได้สูตรที่ดีงามขนาดนี้

น้องใหม่ Brikk มีหน้าตาประมาณนี้นะคะ

ตัวแพคเกจนั้นมาในขวดแก้วที่ด้านในเป็นฝาปั๊มค่ะ

เนื้อเซรั่มเป็นเนื้อแบบใส จะได้กลิ่นหอมของกุหลาบจางๆ ซึ่งมาจาก Rose water ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ นอกจากจะให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) แล้วก็ยังได้กลิ่นหอมด้วย

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย แรกๆ จะให้สัมผัสลื่นๆ ผิว แต่เมื่อทิ้งไว้สักพัก ไม่ถึง 1 นาที ตัวเซรั่มจะซึม/แห้งไป ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ชุ่มชื้น และไม่เหนียวเหนอะหนะ

ค่า pH นั้นอยู่ที่ประมาณ 5 นะคะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับค่า pH ของผิว

รายการส่วนผสมนั้นเรียกได้ว่าจัดเต็มคาราเบลมาเกินเบอร์เกินหน้าเกินตาความเป็นเซรั่มใสมาก

ก่อนจะไปดูที่ส่วนผสม เรามาลอง Revised trend ใหม่ล่าสุดของ Barrier ผิวกันค่ะ

ในสมัยก่อนเรากล่าวกันว่า Barrier ผิวประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ

  1. ไขมันที่อยู่ระหว่างเซลล์ Corneocytes (เซลล์ในชั้น Stratum corneum)
  2. Natural moisturizing factor (NMF)
  3. ตัวเซลล์ Corneocyte เองที่เรียงตัวแบบคดเคี้ยว และในเซลล์มีโปรตีน Keratin ที่อัดกันแน่น ทำหน้าที่ปกป้อง Lipid barrier อีกชั้นหนึ่ง ตัวเซลล์ Corneocyte เอง จะมีเปลือกที่เป็นโปรตีนเชิงซ้อน ที่เรียกว่า Cornified envelope หรือ Corneocyte envelope เคลือบอยู่อีกชั้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้อีกชั้นหนึ่ง

เราเรียกโมเดลที่แสดงถึงสิ่ง 3 สิ่งนี้ว่า Brick-wall model ตามภาพค่ะ

ทีนี้ถ้าเราย้อนกลับไป เราแบ่ง Barrier ของผิวออกเป็นกลุ่มๆ ค่ะ

  1. Physical barrier คือ ตัวผิวเอง โครงสร้างที่สมบูรณ์ของผิวหนังเป็นตัวปกป้องไม่ให้ของดีๆ ภายในออกไปข้างนอก และป้องกันไม่ให้อันตรายจากภายนอกเข้ามาข้างใน
  2. Chemical barrier คือ พวกสารเคมีต่างๆ ที่ผิวเราสร้างขึ้นมา การรักษาสภาวะ pH ให้เป็นกรดอ่อนๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อก่อโรคโตได้ บางที่อาจจะนับรวม Biochemical barrier เข้ามาไว้ด้วย คือพวก Antimicrobial peptide ที่ผิวเราสร้างขึ้นมาระงับเชื้อก่อโรคต่างๆ ตัวที่ดังๆ ก็เช่น Defensin
  3. Immunological barrier คือ ระบบภูมิคุ้มกันของผิวเรานั่นเอง ที่คอยปกป้องผิวจากทั้งสารเคมี และพวกจุลินทรีย์ต่างๆ
  4. และล่าสุด เราเริ่มมีการพูดถึง Microbiological barrier คือ พวกจุลินทรีย์หลากหลายชนิด และเจ้าแมลง Dermodex ที่อาศัยกันเป็นชุมชน Microbiome น้องมีปฏิกิริยากับผิวเราทำให้ Immune ของผิวเราทำงานอยู่ตลอดเวลา เป็นเหมือนการซ้อมรบ และเป็นเหมือนการกระตุ้นให้ผิวเราสร้างสารต่างๆ ออกมา เพื่อทำหน้าที่ในชีวิตประจำวัน

เจ้า Microbiological barrier นี่แหละ ที่เป็นที่มาของเทรนด์การเลือกใช้ Pre-pro-post biotics ในทางเครื่องสำอางเพื่อสุขภาพที่ดี เพราะถ้า Microbiome ของเราอยู่ในสภาวะสมดุลดี ผิวเราก็จะสมดุลดีไปด้วย

โดยตัว Brikk นั้นเคลมว่าเป็น 6 in 1 Daily ที่ดูแลผิวเสมือนรวมเอาเซรั่ม 6 ขวดเข้าไว้ด้วยกัน ดังนี้

  • Antioxidant ด้วยส่วนผสมของ Antioxidant ชั้นเลิศอย่าง Resveratrol กับ Ferulic acid
  • Anti-pollution ตัวที่น่าสนใจก็คือ Ectoine กับพวกสารที่ฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง
  • Microbiome ดูแลด้วย Prebiotics
  • Lipid & NMF ฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง
  • Soothing ให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Hydration เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างยาวนาน

เราลองมาดูส่วนผสมของ Brikk กันนะคะว่าดูแล Barrier ผิวได้ในทุกมิติ และเป็นเซรั่ม 6 ขวดในขวดเดียวกันได้ อย่างไร

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมของ Brikk นั้นมีใช้หลายสีเพื่อแบ่งกลุ่มนะคะ เรามาลองดูตัวที่น่าสนใจกันค่ะ

  • กลุ่ม Microbiome ใช้แทนด้วยสีเขียวมะกอก
    • ในกลุ่มนี้ประกอบด้วย Prebiotic 2 ชนิด ได้แก่ Inulin และ Beta-glucan และ Post-biotic อย่าง Lactococcus ferment lysate
    • Inulin เป็น Polysaccharide ที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น Chicory, artichoke ซึ่งจัดเป็น Prebiotic ชนิดหนึ่ง น้องเป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดีที่เรียกกันว่า Probiotic ในทางเครื่องสำอางมีการใช้ Inulin เพื่อเป็น Moisturizer โดยข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า Inulin มีความสามารถในการเป็น Moisturizer ที่ดีกว่า Hyaluronic acid (Ref: TDS preBIULIN AGA)
    • Beta-glucan เป็น Polysaccharide ที่พบได้ในสิ่งมีชีวิตหลายชนิด และในพืชบางชนิด เช่น Oat ซึ่งนอกจากความสามารถในการเป็น Prebiotic แล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านการเป็น Moisturizer และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect
    • Lactococcus ferment lysate เป็นกลุ่มสารที่ได้จากการย่อยระบบที่เลี้ยงจุลินทรีย์ Probiotic อย่าง Lactoccus เราเลยเรียกว่า Postbiotic ข้อมูลจากวัตถุดิบ ProRenew Complex CLR™ กล่าวว่าใช้จุลินทรีย์สายพันธุ์ Lactococcus lactis ซึ่งมีรายงานงานวิจัยสนับสนุนถึงประโยชน์ที่ดีหลายชนิด เช่น คุณสมบัติในการลดการอักเสบของผิวในผิวหนังเพาะเลี้ยง (Lett Appl Microbiol. 2019;68(6):530-536.) เสริมการทำงานของ Barrier ผิวผ่าน Antimicrobial peptide ที่ชื่อ Defensin ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องผิวตามธรรมชาติ และเสริมการสร้าง Filaggrin ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญตัวหนึ่งของผิว ไม่ว่าจะเป็น เป็นสารตั้งต้นของ NMF และ เป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งของ Cornified envelope ที่ให้ Corneocyte แข็งแรง ปกป้องผิวเราจากอันตรายต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม ผลทั้งสองอย่างทดสอบในผิวหนังเพาะเลี้ยง และมีการทดสอบในอาสาสมัครโดยให้ทาตำรับที่มี Lactococcus วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 30 วัน พบว่าผิวหนังของอาสาสมัครมี Barrier ที่แข็งแรงขึ้น วัดจากค่าการระเหยของน้ำจากผิว (Trans-epidermal water loss; TEWL) ที่ลดลง และช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิว (Skin Pharmacol Physiol. 2019;32(2):72-80.)
  • สีบานเย็น เป็นพวกสารที่เสริมคุณสมบัติการเป็น Barrier ของผิว อย่างพวก Ceramide, Cholesterol และ Sphingoid base ที่เป็นโครงสร้างสำคัญของ Ceramide อย่าง Phytoshingosine
  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารที่เติมน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ซึ่งมีด้วยกันหลายตัว เช่น
    • Ectoine เป็นกรดอะมิโนชนิดพิเศษที่มีโครงสร้างเป็นวงกลม สร้างโดยแบคทีเรียบางสายพันธ์ที่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างโหดร้าย (Extremophile) ทำหน้าที่ปกป้องตัวเขาเองจากอันตรายภายนอก ไม่ว่าจะเป็นทั้งจากปัจจัยกายภาพและเคมี มีการพบว่าตัว Ectoine จะทำหน้าที่ดึงเอาน้ำมาเกาะไว้กับตัวเองแล้วกลายเป็นชั้นโครงสร้างที่ช่วยปกป้องโปรตีนองค์ประกอบต่างๆ ที่สำคัญของเซลล์เอาไว้ เรียกว่าเป็น Ectoine hydrocomplex (Clin Dermatol. 2008;26(4):326–633.) เจ้า Hydrocomplex ดังกล่าวส่งผลดีถึงองค์ประกอบทั้งเซลล์ คือปกป้องเซลล์นั้นให้มีปริมาณน้ำเหมาะสม และทำงานได้ตามปกติ แต่เมื่อปริมาณน้ำต่ำลง จะไปมีผลต่อระบบของการอักเสบทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา ในกรณีของผิวหนัง การมี Ectoine จะช่วยให้ Lipid barrier ของผิวทำงานได้ตามปกติและมีความแข็งแรง ผิวจึงแข็งแรง และเก็บกักน้ำได้ดี (มีการระเหยของน้ำออกจากผิว/Transepidermal water loss; TEWL น้อย) (Biophys Chem. 2010;150(1–3):37–46.) มีการทดสอบประสิทธิภาพในทางผิวหนังอยู่หลายชิ้น ซึ่งได้กล่าวถึงในบทความวิชาการล่าสุดของ Kauth และ Truvosa (Dermatology and Therapy. 2022;12:295–313) ในภาพรวมคือ Ectoine ให้ประโยชน์ในการปกป้องผิวให้แข็งแรง ลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ลดการอักเสบระคายเคือง รวมทั้งดูแลปัญหาผิวอักเสบและระคายเคืองต่างๆ (Skin Pharmacol Physiol. 2004; 17(5):232-7.) ยังมีการทดสอบพบว่า Ectoine ให้ประโยชน์เป็น Whitening ได้อีก โดยไป block ผลจาก MSH ไม่ให้กระตุ้นให้เกิดการสร้าง Melanin ออกมาเมื่อเจอรังสี UV (Antioxidants (Basel). 2020;9(1):63.)
    • Polyquaternium-51 ตัวนี้เป็น Polymer สังเคราะห์ที่มีโครงสร้างคล้ายกับไขมัน Phospholipid บนผิวของเรา ว่ากันว่านางจะเคลือบผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้นของนางดีกว่า Hyaluronic acid
    • Saccharide isomerate ที่เด่นเรื่องการจับน้ำให้ผิวได้อย่างยาวนาน เพราะน้องสามารถเกาะติดบนผิวได้ดีและอยู่บนผิวได้นาน ถ้าเราไม่ล้างออกไป
    • Betaine ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine ที่นอกจากจะเพิ่มความชุ่มชื้น ยังดูแลเรื่องการระคายเคืองผิว และปรับ Feeling ของสูตรให้ไม่เหนอะหนะไปพร้อมๆ กัน
    • กรดอะมิโน และสารอื่นที่จัดเป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF มีคุณสมบัติในการจับน้ำให้แก่ผิว
  • สีเขียว คู่หูคู่ขวัญ Niacinamide (B3) + N-acetyl-D-glucosamine (NAG) เราคงไม่กล่าวถึงประโยชน์ของ B3 และ NAG แบบแยกกัน เพราะทั้ง 2 ตัวก็มีประโยชน์กับผิวมากโขอยู่ สำหรับการใช้ร่วมกันนั้นมีการศึกษาที่น่าสนใจโดย Kimball และคณะเมื่อปี 2010 ให้อาสาสมัครทาครีมที่มีส่วนผสมของ Niacinamide 4% + NAG 2% ในอาสาสมัครจำนวน 101 คน เป็นเวลา 10 สัปดาห์ เทียบกับครีมเปล่าที่ไม่มี B3+NAG พบว่ากลุ่มที่ได้รับครีม B3+NAG มีสีผิวที่สม่ำเสมอขึ้น จุดด่างดำต่างๆ แลดูจางลง (Br J Dermatol. 2010;162(2):435-41.)
  • สีน้ำเงิน สารบำรุงอื่นๆ ยกตัวอย่างบางตัวที่น่าสนใจ เช่น
    • Syn-Hycan (Tetradecyl Aminobutyroylvalylaminobutyric Urea Trifluoroacetate) สารชื่อยาวๆ นี้เป็นเปปไทด์สังเคราะห์ เทคโนโลยีสิทธิบัตร ซึ่งทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า มีคุณสมบัติในการเสริมการทำงานของ TGF-Beta ที่มีตามธรรมชาติของผิว ซึ่งส่งผลต่อไปให้มีการสังเคราะห์กลุ่มสาร Matrix จำพวก Hyaluron, Lumican และ Decorin ซึ่งมีคุณสมบัติให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และมีความแข็งแรง รวมทั้งช่วยเสริมการเรียงตัวของคอลลาเจนเดิมในผิวให้อยู่ในโครงร่างที่แข็งแรง (ปกติเวลาเราอายุเพิ่มขึ้นสายเส้นใยของคอลลาเจนจะฉีกขาดไปตามกาลเวลา และมีการเรียงตัวที่ไม่สวยงามไม่เป็นระเบียบแบบเดิม ผิวเลยหย่อนคล้อย ไม่กระชับ)
    • สูตรผสมของ Water (and) Butylene Glycol (and) PEG-60 Almond Glycerides (and) Caprylyl Glycol (and) Glycerin (and) Carbomer (and) Nordihydroguaiaretic Acid (and) Oleanolic Acid รู้จักกันในนาม AC.NetTM จาก Croda ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่เบลนด์กันมาอย่างลงตัวเพื่อดูแลปัญหาสิว ผิวมัน และรูขุมขนกว้าง ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบยังระบุว่า สารชุดนี้ยังยับยั้งการเจริญของพวก C. acnes ที่ก่อสิว และ P. ovale ที่ก่อปัญหาผิวหลายประการ เช่น รูขุมขนอักเสบ
    • Ferulic acid กับ Resveratrol เป็น Antioxidant ที่น่าสนใจ
  • สีส้ม Hyaluron มากมายหลายรูปแบบ ที่มีประโยชน์ในการเติมน้ำให้กับผิวในหลายๆ ระดับ
  • สีชมพู กลุ่มสารที่ดูแลด้านการระคายเคืองผิว ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect)

ในภาพรวมส่วนผสมของสารบำรุงที่ใส่ลงมาทำงานเสริมกันอย่างลงตัวทั้งในด้านการฟื้นฟู Barrier ผิว ไม่ว่าจะเป็นส่วนของไขมัน ส่วนของโปรตีน Filaggrin พวก NMF และยังดูแลเรื่อง Microbiome รวมทั้งเติมน้ำ ฟื้นฟู ดูแลปัญหาผิวมัน สิว รูขุมขนกว้าง ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) ไปพร้อมๆ กัน สมกับที่เคลมว่าเป็น 6 in 1 Daily จริงๆ

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

  1. สารบำรุง หรือ Actives ก็ตามที่ได้เกริ่นไปในด้านบน คือ คุณเขาจัดมาเต็มมาก เอาไปเถอะ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย จึงไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ผลิตภัณฑ์เสริม Barrier ส่วนใหญ่เนื้อจะค่อนข้างหนัก แต่น้อง Brikk นั้นทำมาได้ดีมาก บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ คนที่มีผิวมันน่าจะชอบ ส่วนคนที่มีผิวแห้ง หรือผสม/แห้ง อาจจะต้องหาครีมมาทับอีกชั้นหนึ่งถึงจะเลิศเลอขั้นสูงสุด หลังจากที่ได้ลองใช้มาเกือบเดือนส่วนตัวคิดว่าน้องทำมาได้ดีจริงๆ ผลไม่ได้หวือหวาแบบค่ำคืนเดียวปิ๊ง แต่มันจะค่อยๆ รู้สึกไปเอง แบบใช้มาสักพัก เอ๊ะ ทำไมวันนี้หน้านุ่ม มันจะเป็นฟีลแบบอยู่ดีๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ผิวดีอะไรแบบนี้ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ The labatorian ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้รู้จัก และขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะ ที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

IG : the_labatorian

Line official : @labatorian

Facebook : Labatorian

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ The labatorian การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เปี่ยมไปด้วยความรัก LaLaaCram Youth-Full advanced renewal serum + moisturizer

สวัสดีค่ะทุกท่าน

วันนี้มีรีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสม Skincare น้องใหม่จากแบรนด์ LaLaaCram (ลา-ลา-แคลม) มาฝากกันค่ะ

แบรนด์ LaLaaCram เป็นแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาโดยอิงจากประโยชน์ที่ยั่งยืนและความสุขที่ผู้บริโภคจะได้รับจากการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของแบรนด์อย่าง Youth-Full Advanced Skin Renewal Serum + Moisturizer นั้นพัฒนามาในรูปแบบของ 2 in 1 serum + moisturizer เพื่อลดขั้นตอนในการบำรุงผิว หรือ Skincare regimen แต่ยังคงประโยชน์สูงสุดที่เราจะได้รับจากการใช้ผลิตภัณฑ์

ตัวผลิตภัณฑ์มุ่งเน้นไปที่การดูแลเรื่องของ Barrier ผิว พร้อมทั้งให้คุณสมบัติในการปกป้องและดูแลปัญหาต่างๆ ของผิวที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวันไปพร้อมๆ กัน โดยอาศัยส่วนผสมของสารบำรุงผิวหลากหลายชนิดที่เลือกมาเป็นอย่างดี และมีหลักฐานรองรับว่าให้ประโยชน์กับผิว

หน้าตาผลิตภัณฑ์จะเป็นลักษณะกล่องสีเงินประมาณนี้ค่ะ

ตัวภาชนะบรรจุก็มาในสีเงินเช่นกันค่ะ

ความประทับใจแรกเมื่อเราแกะกล่อง คือ เมื่อเห็นคำโปรยด้านในค่ะ

ซึ่งมันตรงกับคอนเซปท์ของเราที่เราชอบพูดเสมอว่า เวลาทำเครื่องสำอางก็เหมือนทำอาหาร ให้ใส่ความรักลงไปด้วย ทางแบรนด์เองก็เช่นกัน ใส่ความรักลงไปหมดใจพร้อมๆ กับ ส่วนผสมที่เชื่อถือได้


ภาชนะบรรจุเป็นชนิด Airless pump ปกป้องเนื้อผลิตภัณฑ์จากการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม

เมื่อเรากด เนื้อครีมก็จะออกมาค่ะ

ตัวครีมจะดูเหมือนเป็นกึ่งๆ เจลครีม เนื้อค่อนข้างชุ่มผิว และเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เราจะได้กลิ่นวัตถุดิบอยู่จางๆ

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นผิว เมื่อทิ้งไว้ประมาณ 2 นาทีจะซึม/แห้งไป ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ

ก่อนไปดูส่วนผสมอยากบอกว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ผ่านการทดสอบการแพ้และการระคายเคืองจากบริษัท Dermscan ซึ่งเป็นบริษัททดสอบเกี่ยวกับเครื่องสำอางชั้นนำของประเทศ พบว่าไม่ระคายเคืองในอาสาสมัครค่ะ

แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ และความรักที่ทางแบรนด์มีให้

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สำหรับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จะเห็นได้ว่ามีอยู่ค่อนข้างเยอะ และส่วนใหญ่จะเป็นสารที่มีประโยชน์ในการบำรุงผิว ซึ่งส่วนตัวได้แบ่งเป็นสีๆ ตามประโยชน์หรือกลุ่มของสาร

ในภาพรวม คือ ถ้ามองในแง่ของมอยส์เจอไรเซอร์ที่เสริม Barrier ผิว น้องทำมาได้ค่อนข้างครบถ้วนเลย คือมีทั้งกลุ่มของไขมันที่เป็น Barrier อย่างพวก Ceramide, Cholesterol และกรดไขมันจากธรรมชาติ ร่วมกับสารจับน้ำตามธรรมชาติ หรือ Natural moisturizing factor (NMF) ที่เป็นกรดอะมิโน น้ำตาล กรดอินทรีย์ มีสารกลุ่ม Hyaluron หลากหลายชนิดที่มีประโยชน์ในการเติมและอุ้มน้ำให้ผิว และเสริมมาด้วยกลุ่มสารที่ดูแลปัญหาเรื่องการระคายเคืองผิวเพราะ Barrier ที่ไม่แข็งแรง และสำหรับคนที่กลัวว่ามอยส์เจอร์นี้จะมันเยิ้มเกินไป ทางแบรนด์ใช้สารสกัดจากเห็ด Fomes ตัดเข้ามาให้ประโยชน์ในด้านการควบคุมความมันกระชับรูขุมขน คือเรียกได้ว่าทำมาพร้อมมาก มาดูไปทีละกลุ่มกันเลยนะคะ

  • สีเขียว แทนด้วยกลุ่มของไขมันที่เป็น Barrier ผิว ที่เป็นสูตรผสมของ Ceramide NP; Ceramide AP; Ceramide EOP; Phytosphingosine; Cholesterol; Sodium Lauroyl Lactylate; Carbomer; Xanthan Gum รู้จักกันในนามชื่อทางการค้าว่า SK Influx จากบริษัท Evonik เจ้าพ่อแห่งวงการ Ceramides ในทางเครื่องสำอาง สารชุดนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบได้ทดสอบประสิทธิภาพทั้งในระดับหลอดทดลองและในระดับอาสาสมัคร มีความโดดเด่นในแง่ของการเสริม Barrier และดูแลปัญหาผิวแห้งต่างๆ
  • สีชมพู เป็น Hyaluronic acid และอนุพันธ์ รวมทั้งหมด 8 รูปแบบที่ประสานกันอย่างลงตัว บางตัวเกาะติดเป็นฟิล์มแล้วให้ความชุ่มชื้น ให้ความรู้สึกสบายผิว บางตัวก็ตัวเล็กหน่อยลงไปเติมน้ำและเสริมการกักเก็บน้ำที่หลายๆระดับความลึกของชั้นผิวชั้นนอก
  • สีน้ำตาล เป็นกลุ่มของ Moisturizer ที่ดูแลผ่านกระบวนการเติมน้ำเช่นกัน แบ่งได้เป็นกลุ่มย่อยๆ คือ พวกกรดอะมิโน ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายชนิด น้ำตาล Glucose และกรดอินทรีย์ ที่พบเป็นองค์ประกอบของ NMF และยังมีสารเพิ่มความชุ่มชื้นที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น
    • Polyglutamic acid ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ของกรดอะมิโน Glutamic อันนี้พบได้ตามธรรมชาติผ่านกระบวนการหมัก เช่นในการหมักนัตโตะ (ถั่วหมักสไตล์ญี่ปุ่น) ก็จับน้ำให้กับผิวได้คล้ายๆ กับ Hya ทางผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า เวลา PGA ลงไปในหนังชั้นนอกนางจะถูกผิวเราย่อยแล้วปลดปล่อยเอา Glutamic acid ตัวน้อยๆ ออกมา ทำหน้าที่เป็น NMF ได้อีกต่อหนึ่ง
    • สารสกัดจากคาราจีแนน ที่เป็นสาหร่ายชนิดหนึ่ง ถ้าไม่นับคุณสมบัติในการเพิ่มเนื้อสัมผัสให้กับครีมแล้ว สารสกัดนี้เมื่อผ่านกรรมวิธีการสกัดด้วยวิธีจำเพาะ ก็จะมีประโยชน์ที่เด่นในด้านของการเติมน้ำ และยังมีประโยชน์เสริมไปในทางการเป็น Antioxidant ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าวสารสกัดดังกล่าวยังมีประโยชน์ในการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนตามธรรมชาติของผิว
    • โปรวิตามินบี 5 ที่นอกจากเพิ่มความชุ่มชื้นแล้วก็ยังมีประโยชน์อีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้านของการดูแลเรื่องการระคายเคือง และการฟื้นฟูสภาพผิว
  • สีน้ำเงิน เป็นกลุ่มของสารที่ดูแลเรื่องการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว หรือ Soothing effect มีทั้งกลุ่มของ Oatmeal ที่โดดเด่นในด้านนี้และมีคุณสมบัติพิเศษในการเสริมความแข็งแรงให้กับผิว พวก Allantoin, Dipotassium glycyrrhizate ว่านหางจระเข้ และอีกตัวที่อยากกล่าวถึงคือ Hydroxyacetophenone ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า Symsave H เป็นสารที่มีประโยชน์หลายอย่าง (Muti-functional) ทั้งในแง่ของการขึ้นสูตรเป็นสารช่วยในตำรับโดยให้ประโยชน์เป็นสารเพิ่มประสิทธิภาพของสารกันเสีย และยังเป็นสารบำรุง โดยให้คุณสมบัติเป็น Antioxidant และเสริมในด้านการดูแลเรื่องการระคายเคืองผิว
  • สีม่วง เป็นกลุ่มของสารบำรุงที่มีประโยชน์อื่นๆ มีด้วยกัน 3 ตัว ได้แก่
    • Bifida ferment lysate ตอนนี้เทรนด์ Postbiotic มา น้องนับเป็น 1 ใน Postbiotic คือเป็นสารที่ได้จากการสกัดเอาระบบที่เลี้ยงแบคทีเรียสายพันธุ์ Prebiotic กลุ่ม Bifidobacterium ซึ่งมีประโยชน์หลายประการต่อผิว ในแง่ของการชะลอวัย ฟื้นฟูและปรับสภาพผิว
    • Fomes officinalis (mushroom) extract เป็นสารสกัดจากเห็ดที่มีประโยชน์ในการดูแลเรื่องปัญหาความมันส่วนเกิน และมีประโยชน์ในการดูแลเรื่องรูขุมขนกว้าง
    • สารสกัดจากบัวบก ที่มีประโยชน์กับผิวมากมาย โดยหลักๆ ก็เด่นไปทางด้านการชะลอวัยลดเลือนริ้วรอย
  • ปิดท้ายด้วยวิตามินบี 3 ที่มีประโยชน์กับผิวหลายประการ กล่าวโดยย่อคือ น้องเป็นส่วนประกอบของโคเอนไซม์กลุ่ม NAD/NADP ที่เสริมกระบวนการต่างๆ ตามธรรมชาติของผิว จึงมีประโยชน์กับผิวหลายด้าน และน้องยังมีประโยชน์ในการเป็น Whitening โดยไปยับยั้งกระบวนการส่งผ่าน Melanin ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมาข้างนอก รวมทั้งมีประโยชน์ในการดูแลเรื่องการระคายเคือง ปัญหาสิว และเสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น Barrier ผิว

สำหรับส่วนผสมอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าคัดเลือกมาอย่างดี และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง มีด้วยกันหลากหลายกลุ่ม ซึ่งทำงานเสริมกันอย่างลงตัวในการดูแลปัญหาของผิว โดยเน้นไปที่ด้านของ Barrier ความชุ่มชื้นของผิว การระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และอาจได้ประโยชน์ไปในถึงด้านของการชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอยให้แลดูจางลง และ Whitening รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวได้ทดลองใช้อยู่ประมาณ 3 อาทิตย์ โดยเสริมเข้ามาใน Regimen ปกติ มีความประทับใจในด้านของเนื้อครีมที่แลดูชุ่มฉ่ำ แต่ก็ไม่แห้งจนเกินไปและไม่มันเยิ้มจนเกินไป โดยรวมค่อนข้างชอบ ส่วนคนผิวแห้งมากๆ ในวันที่อากาศแห้งมาก อาจจะต้องเสริมครีมทับอีกชั้นหนึ่ง ระหว่างที่ใช้จะมีช่วงหนึ่งที่มากทม. แล้วเอาน้องลงมาด้วย ระหว่างวันคือฟีลแบบกำลังดีเลย ไม่แห้งไป ไม่เยิ้มไป เหงื่อออกก็ไม่รู้สึกว่าเป็นเมือก โดยรวมชอบเนื้อครีมและความชุ่มชื้นที่ได้รับ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ LaLaaCram ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และมาแนะนำแบรนด์ที่มีคอนเซปท์น่ารักๆ มาให้รู้จัก และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: https://www.facebook.com/Lalaacram24

Line: @LaLaaCram

และสำหรับท่านที่สนใจสินค้าสามารถตามไปส่องได้ที่ร้านค้า Official ของทางแบรนด์เลยนะคะ

Shopee: https://invol.co/clalt0l

Lazada: https://invol.co/clalt1e

Disclaimer/Conflict of Interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ LaLaaCram การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

Mini-review + วิเคราะห์ส่วนผสม Zeroid pimprove toner

สวัสดีค่ะ วันนี้ขอหยิบเอาโทนเนอร์ลูกรักของแบรนด์ Zeroid สูตร Pimprove มาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันนะคะ

น้องมีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

น้องยังคงคุมโทนอยู่ในเฉดสีชมพูโอรสเหมือนเดิมค่ะ

ตัวแพคเกจมาในขวดพลาสติกขนาด 200 ml

ตัวเนื้อสัมผัสของโทนเนอร์เป็นเนื้อแบบน้ำใส ส่วนตัวเอามาลองใช้ทั้งในรูปแบบน้ำตบ และ หยดใส่สำลีก่อนเช็ดลงบนหน้า

สำหรับส่วนผสม ส่วนตัวมองว่าคัดเลือกมาค่อนข้างดีนะคะ

ในภาพรวม Toner นี้ใช้ส่วนผสมของ LHA (Lipohydroxy acid) ร่วมกับ AHA 3 ตัว (ซึ่งอาจจะเอามาปรับ pH หรือแอบหวังผลในการออกฤทธิ์ด้วยตรงนี้ไม่แน่ใจ) ลดการระคายเคืองด้วย Panthenol กับ Betaine เติมน้ำด้วย Hya กับดูแลปัญหาสิวเพิ่มเติม ควบคุมความมัน ด้วย Zinc PCA และใช้เทคโนโลยี MLE จาก ceramide PC-9S ของทาง Neopharm

ลองมาดูรายละเอียดของส่วนผสมกันนะคะ ขอละ Hya ไว้ในฐานที่นางเป็นสารที่ Popular มากนะคะ

พระเอกของโทนเนอร์นี้คงเป็นเทคโนโลยี MLE ที่เกิดจาก Ceramide PC-9S (Myristoyl/palmitoyl oxosteramide/arachamide MEA) ว่ากันว่า สารนี้เวลาอยู่ในตำรับนางจะเรียงตัวในรูปแบบของ Multi-lamellar emulsion ซึ่งคล้ายกับการเรียงตัวของไขมันที่เป็น Barrier ของผิว สารนี้มีสิทธิบัตรรองรับอยู่หลายชิ้น อย่าง สิทธิบัตรอเมริกา US patent US6221371B1 กับสิทธิบัตรเกาหลี KR20120041294A

ในสิทธิบัตรของอเมริกายังกล่าวว่าตัว PC-9S ยังสามารถเสริมการสร้าง Ceramide ตามธรรมชาติของผิวได้อีก

ส่วนตรงนี้จะเป็นภาพการเรียงตัวของ PC-9S ในรูปแบบ MLE จากสิทธิบัตร KR20120041294A นะคะ

(Image from Korean patent KR20120041294A)

มีพระเอกแล้วก็ต้องมีพระรอง คือ Capryloyl salicylic acid ตัวนี้จัดเป็น Lipohydroxy acid หรือ LHA ซึ่งเป็นอนุพันธ์ที่เกิดจาก Salicylic acid ที่จัดเป็น BHA โดยว่ากันว่า LHA จะลงผิวได้น้อยเลยให้คุณสมบัติผลัดผิวได้ดี

มีการทดสอบหนึ่งที่ศึกษาตั้งแต่ปี 2008 โดยเทียบประสิทธิภาพในการผลัดผิวของ 5-10% LHA กับ 20-50% AHA ในคลินิกเป็นเวลา 12 อาทิตย์ พบว่า LHA ให้ประสิทธิภาพไม่ต่างกันกับ AHA ทั้งในด้านของริ้วรอยตื้นๆ และความสม่ำเสมอของสีผิว (J Cosmet Dermatol. 2008; 7(4):259-62.) แต่การศึกษานี้ใช้ความเข้มข้นค่อนข้างสูง และทำในคลินิกนะคะ

คุณสมบัติในภาพรวมของ LHA คือ มีประโยชน์ในด้านของการดูแลปัญหาริ้วรอยตื้นๆ ปัญหาสิว และสีผิวไม่สม่ำเสมอ

AHA 3 ชนิด คือ Glycolic acid, Lactic acid และ Citric acid คู่กับ Sodium citrate ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าหวังผลผลัดผิวด้วยหรือไม่ หลักๆ ก็จะเด่นเรื่องเติมน้ำ ให้ความชุ่มชื้นผิว

Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 ซึ่งเด่นในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น

Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine มีคุณสมบัติในด้านของการดูแลปัญหาเรื่องการระคายเคืองของผิวเช่นเดียวกัน

Zinc PCA เป็นสารผสมของ PCA กับ Zinc ซึ่งข้อมูลของผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า นางมีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำให้ผิว พร้อมกับควบคุมความมัน และ ดูแลปัญหาเรื่องริ้วรอยและชะลอวัยไปพร้อมๆ กัน

ส่วนผสมอื่นๆ ก็ถือว่าเลือกมาได้ค่อนข้างดีนะคะ เพราะมีอยู่เท่าที่จำเป็น และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ในรูปแบบของของขวัญ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมน้องใหม่คนสุดท้องจากบ้าน DermArtlogy กับ Gel Moisturizer ที่ทุกคนเฝ้ารอคอย

สวัสดีค่ะทุกท่าน เชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะเห็นผ่านตาว่าทางแบรนด์ DermArtlogy เจ้าของ Ageless series ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบของ Gel moisturizer มาสักพักแล้ว

วันนี้ได้โอกาส มี่เลยขอหยิบเอาผลิตภัณฑ์ใหม่ของทางแบรนด์มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันนะคะ

โดยสูตร Gel moisturizer นี้เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดที่ทางแบรนด์พึ่ง Launch ออกมา โดยมีคอนเซปท์ว่า Instant soothing refreshing

ให้อารมณ์ประมาณว่า ทาแล้วสดชื่นสบายผิวอย่างรวดเร็วนั่นเอง

หน้าตาเป็นประมาณนี้นะคะ

Gel ตัวนี้มาในรูปแบบหลอดบีบค่ะ โดยยังคงคุมโทนรูปแบบของ Package และ Design ไว้ได้เหมือนเดิมเลย

เนื้อเจลมาในรูปแบบของ Emulsion gel สีเหมือนครีม แต่จะหยุ่นๆ และให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นกว่าเมื่อเกลี่ย

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความรู้สึกเบาสบาย ไม่เหนอะหนะหนักผิว แต่ยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่ เนื้อเบาและซึมค่อนข้างไวค่ะ น่าจะเหมาะมากกับคนที่มีผิวมัน

วันนี้ไม่ได้วัดค่า pH ให้นะคะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

วันนี้มี่ทำสีในส่วนผสมไว้หลากหลายสี เรามาไล่ดูกันไปทีละสีนะคะ

  • สีม่วง เป็นกลุ่มของไขมัน น้ำมันจากธรรมชาติ และ Pseudoceramide ที่มีประโยชน์ในการฟื้นฟู และเสริม Barrier ผิวให้มีความแข็งแรง ในรูปแบบเทคโนโลยี MLE โดยอย่างตัวที่เรารู้จักกันในนามว่า Ceramide PC-9S คือ Myristoyl/palmitoyl oxostearamide/arachamide MEA ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของทาง Neopharm อิงตามสิทธิบัตรอเมริกา US patent US6221371B1 ของปี 2001 Claim ว่าให้ประโยชน์ในการเหนี่ยวนำให้ผิวสร้างไขมันใหม่ออกมาฟื้นฟู Barrier ผิวที่เสียหาย มีรายงานการวิจัยทดสอบประสิทธิภาพของสารนี้ในหนูทดลอง พบว่า ตัวนี้เมื่อใช้ร่วมกับไขมันชนิดที่มีในผิว (Physiological lipids) สามารถกระตุ้นให้ผิวเรามีการสร้างตัวรับที่มีชื่อว่า PPAR-α ออกมา ซึ่งมีประโยชน์ในการลดการอักเสบของผิว และสามารถต้านผลเสียของสเตียรอยด์ที่ไปทำให้ผิวบาง Barrier ผิวเสื่อม น้ำระเหยออกจากผิวได้มาก การใช้ PC-9S จะช่วยเร่งการฟื้นฟู Barrier ผิวได้ดีขึ้น (Arch Dermatol Res. 2015 Nov;307(9):781-92.)
  • สีเขียวขี้ม้า เป็นกลุ่มของสารเพิ่มความชุ่มชื้น อย่าง Beta-glucan ที่นอกจากเพิ่มความชุ่มชื้น ยังให้ความรู้สึกสบายผิว ให้ผิวแข็งแรงไปพร้อมๆ กัน ร่วมกับ Hyaluronic acid และ ตัวที่เป็น Key technology อีกชิ้นอย่าง Tetradecyl Aminobutyroylvalylaminobutyric Urea Trifluoroacetate ที่มีชื่อทางการค้าว่า Syn-Hycan® ตัวนี้ทางผู้ผลิตเคลมว่ามีกลไกการออกฤทธิ์อยู่ 2 อย่างหลักๆ คือ Fuller กับ Firmer
    • Fuller คือ มีคุณสมบัติในการเสริมการสังเคราะห์ Glycosaminoglycan และ Hyaluronic acid ในผิว
    • Firmer คือ เพิ่มการสังเคราะห์ Proteoglycan ที่ชื่อ Decorin และ Lumican ซึ่งเป็นตัวที่เกาะกับสายคอลลาเจนที่พันกันเป็นเกลียว (Helix) ระหว่างเกลียวนี้ก็จะมีพวก Hyaluronic acid และ GAGs ต่างๆแทรกอยู่ ทำให้เกลียวของคอลลาเจนแข็งแรงขึ้น และสารกลุ่ม GAGs ก็อุ้มน้ำให้ผิวดูอวบอิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กัน
    • ตัวนี้มีเป็นส่วนประกอบใน Zeroid Intensive hydrating ampoule ด้วย นะคะ ส่วนตัวลงรายละเอียดของสารนี้ไว้ในรีวิว Zeroid ค่อนข้างเยอะ สามารถตามไปอ่านเพิ่มได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ https://miyeonthereviewer.com/2020/09/26/zeroid-ampoule/
  • สีเขียว มีอยู่ 2 ชิ้น ได้แก่ Aquatide ลูกรัก กับ Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester ตัวนี้จะเป็นเปปไทด์ตัวเดียวกับตัวที่มีชื่อทางการค้าว่า Calmosensine
    • Aquatide นี่ มี่กล่าวถึงไว้ค่อนข้างละเอียดในหลายๆรีวิวก่อนหน้านะคะ โดยรวมมีประโยชน์ทั้งในด้านของความชุ่มชื้น การชะลอวัย ลดการอักเสบระคายเคือง และ เสริม Barrier ผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น จุดเด่นของเจลนี้คือ ทางแบรนด์ได้ Claim ว่า น้องมี Aquatide ที่ความเข้มข้นสูงสุดในบรรดาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ DermArtlogy
    • Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester เป็นเปปไทด์ที่เด่นในแง่ของการลดการอักเสบระคายเคือง ซึ่งประสิทธิภาพในจุดนี้มีการศึกษารองรับในอาสาสมัคร โดยให้อาสาสมัครทา Capsaicin เพื่อเกิดการระคายเคือง แล้วทาผลิตภัณฑ์ที่มีสารตัวนี้ลงไป พบว่า สารนี้สามารถลดการระคายเคือง และแสบร้อนจาก Capsaicin ได้ (J Eur Acad Dermatol Venereol. 2016;30 Suppl 1:18-20.) ข้อมูลจากทางผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารนี้นอกจากให้คุณสมบัติด้านการลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิวแล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านของการคลายริ้วรอยต่างๆ ให้แลดูจางลง
  • สีฟ้า ประกอบด้วยวิตามินบี 3 วิตามินบี 5 ซึ่งสองตัวนี้คงไม่ต้องกล่าวขวัญถึงคุณงามความดีของเขาแล้วเนาะ ร่วมกับ Dipotassium glycyrrhizate ที่มีคุณสมบัติในด้านการลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และ Methylbenzyl Methylbenzimidazole Piperidinylmethanone สารชื่อยาวๆ นี้ รู้จักในชื่อ ADefence-P ซึ่งส่วนตัวเคยกล่าวถึงในรีวิวของ Zeroid pimprove โดยสรุปคือ น้องมีคุณสมบัติตัวนี้เป็น Protease inhibitor ซึ่งมีผลไปยับยั้ง PAR-2 receptor (Protease activated receptor) ทำให้ผิวปรับสมดุลการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน และลดการสร้างและขับ Sebum ออกมา จึงมีประโยชน์ในแง่ของการลดโอกาสในการเกิดสิว และอาจจะมีส่วนในแง่ของการลดการส่งผ่านเม็ดสีเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปภายนอก ซึ่งอาจจะมีประโยชน์ในด้านของ Whitening ด้วย
  • ปิดท้ายด้วยสีชมพู ซึ่งเป็นกลุ่มของพวก Antioxidant ชั้นดีอย่าง Resveratrol, Glutathione และเอนไซม์ที่เป็นที่รู้จักกันอย่าง Superoxide dismutase หรือ SOD ซึ่งการเสริม Antioxidant ให้แก่ผิวเองก็มีประโยชน์หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการชะลอวัย แต่ยังรวมไปถึงลดโอกาสในการเกิดการอักเสบ และ สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอในอนาคต

สำหรับตัวเบส มาในรูปแบบของ Emulsion gel หรือ เจลน้ำนม ที่ใช้ส่วนผสมของน้ำมันที่บางเบาผิว ซึ่งไม่มีรายงานถึงการอุดตันผิว ไม่มีส่วนผสมของ Alcohol และ Silicone แต่ยังให้ความบางเบาแม้จะมีส่วนผสมของน้ำมันจากพืชธรรมชาติอีกหลายชนิด ส่วนนี้อาจจะด้วยการใช้เทคนิค MLE จึงทำให้เนื้อบางเบากว่าที่คิดไว้

และที่สำคัญคือ ไม่มีส่วนผสมอื่นๆ ที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

  1. สารบำรุง เรียกได้ว่า น้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอันหรูหราไฮเทค มากด้วยเทคโนโลยีอยู่หลายชนิด ให้ประโยชน์ในการบำรุงผิวได้ครบจบทุกปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผิวบอบบางไม่แข็งแรง สีผิวไม่สม่ำเสมอ การอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ดูแลปัญหาริ้วรอย ชะลอวัย ดูแลปัญหาสิว ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ด้วยความที่ส่วนตัวมีผิวผสม/แห้ง ประกอบกับช่วงที่ได้ทดลองใช้เป็นช่วงปลายๆ ธันวาคม 2563/ต้นๆ มกราคม 2564 อากาศค่อนข้างหนาวเย็น ตอนที่ได้ทดลองใช้ก็จะรู้สึกว่าแห้งตึงไปนิดหน่อย ต้องเสริม Moisturizer มาทับสักชั้นจะสวยงาม สำหรับเรื่องของประสิทธิภาพอื่นๆ ส่วนตัวยอมรับจริง ว่าเขาเลอค่า สำหรับเนื้อแบบนี้ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเหมาะกับผิวมัน เลยเอาไปให้คนที่มีผิวมันทดลองทาดู ก็เป็นไปตามคิดจริงๆ ว่าเหมาะกับผิวมัน/ผิวผสม-มัน มากกว่า จุดนี้ส่วนตัวขอให้ 4 ฟลาสก์ค่ะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ DermArtlogy ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ DermArtlogy โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/DermArtlogyThailand/

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DermArtlogy การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มน้องใหม่คนสุดท้องจาก DermArtlogy Ageless potent rejuvenating serum เซรั่มที่อัดแน่นด้วยส่วนผสมอันอลังการ เลอค่าสมการรอคอย

สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจจากทางแบรนด์ DermArtlogy มาฝากกันนะคะ

เป็นเซรั่มน้องใหม่ล่าสุดที่ทางแบรนด์พึ่ง Launch ออกมาสู่ตลาด ใหม่มากๆ ชนิดที่ว่าบนเว็บไซต์ของเกาหลี ยังไม่ได้เอาผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นเลยค่ะ

เรียกได้ว่าบ้านเรา Exclusive สุดๆ เลย ที่มีโอกาสได้ทดลองผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก่อนใคร

ผลิตภัณฑ์วันนี้มีชื่อว่า Ageless potent rejuvenating serum หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

ตัวของแพคเกจจะออกมาคล้ายกับตัว Ageless สูตรแรกนะคะ

ด้านในเป็นขวดแบบมีหลอดหยด ที่ต้องหมุนก่อนแล้วปุ่มกดเพื่อดูดเนื้อเซรั่ม คล้ายๆ กับ Ageless สูตรแรก

สำหรับสูตรนี้และสูตรแรกจะแตกต่างกันที่เนื้อของเซรั่ม และส่วนผสมค่ะ

ถ้าท่านใดสนใจตามไปอ่าน รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของ Ageless Barrier Rejuvenating serum สามารถตามไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้นะคะ

https://cosmeknowledge.wordpress.com/2020/03/03/dermartlogy-serum/

โดยในสูตรใหม่เนื้อเซรั่มเป็นเนื้อแบบน้ำนม ความหนืดเล็กน้อย ด้วยความที่ไม่มีน้ำหอม เลยจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่ค่ะ

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ ไม่เหนียว ไม่เยิ้ม ไม่เป็นเมือก

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ

ส่วนตัวมี่มีโอกาสได้ใช้เซรั่มดังกล่าวมาราวๆ 1 เดือน รู้สึกว่าสุขภาพผิวดีขึ้น ผิวนุ่ม และเนียนละเอียดขึ้น รู้สึกว่าผิว Firm และแน่นกระชับขึ้น

สำหรับด้านริ้วรอย กับ Whitening ส่วนตัวมี่ยังไม่มีปัญหาในจุดนี้ เลยยังตอบชัดแบบฟันธงไม่ได้ค่ะ ลองประเมินด้วยภาพถ่าย จะเป็นประมาณนี้นะคะ

ถ่ายโดยใช้แสง Flash เพื่อลดผลกระทบจากสภาวะแสงที่ไม่เท่ากัน หลังจากตื่นนอน ก่อนล้างหน้า

ผลจากรูป ก่อนใช้ Undertone ของผิวจะออกติดสีแดง/ชมพู ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นอาการอักเสบ หรือ ระคายเคืองในผิวหรือไม่ พอเป็นของ week 2 และ week 4 แดงดูเหมือนจะจางลง แต่สำหรับ week 4 ดูเหมือนจะออกสี undertone ติดชมพูเล็กน้อย คล้าย Before แต่จางกว่า

ในจุดนี้เลยค่อนข้างสงสัยว่า ตัวเซรั่มนี้ให้ประโยชน์ด้านรอยแดง Whitening และเสริมความแข็งแรงได้ หรือเป็น Effect จากการวางกล้อง แสงตกกระทบ ซึ่งการใช้ Flash น่าจะช่วยลดทอนเรื่องของแสงได้บางส่วน

ถ้าเป็นด้านความรู้สึกก็ตามที่ได้เล่าให้ฟังในด้านบนค่ะ สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ในภาพรวมเซรั่มตัวนี้ทำมาในเบสแบบน้ำนม มีส่วนผสมของน้ำ และ น้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และซิลิโคน

ส่วนผสมจะออกมาคล้ายๆกับ ตัว Barrier rejuvenating serum แต่แตกต่างกันเล็กน้อยค่ะ

จุดที่น่าสนใจมากๆ คือการเลือกใช้ส่วนผสมของ Bakuchiol เข้ามาเพื่อให้ประโยชน์ในด้านริ้วรอยค่ะ

Ingredient ที่เป็นตัวหลักมี่แทนด้วยสีชมพูนะคะ

  • Bakuchiol สารตัวนี้จัดเป็นสารในกลุ่มของ Meroterpene ที่ได้จากพืชชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Psoralea corylifolia พืชนี้เป็นพืชเก่าแก่ มีใช้ทั้งในตำรับยาจีน และตำรับอายุรเวท นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในพืชอีกหลายชนิด มีการศึกษาหนึ่งเมื่อปี 2014 ศึกษาผลของ Bakuchiol เทียบกับ Retinol เทียบกับผิวหนังสังเคราะห์ที่เพาะเลี้ยงขึ้นมา สรุปความได้ว่า Bakuchiol ออกฤทธิ์คล้ายกับ Retinol ทั้งในแง่ของการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน เสริมการสังเคราะห์โปรตีนและยีนอีกหลายชนิดที่เกี่ยวกับความ Firm ของผิว และยังเสริมการสังเคราะห์ Aquaporin-3 ที่มีประโยชน์ในการกักเก็บน้ำของผิว ต่อมา ทางทีมวิจัยเอาไปทดลองในอาสาสมัคร โดยให้ทาที่บริเวณตีนกาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 12 อาทิตย์ พบว่า เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Bakuchiol มีประโยชน์ในการลดริ้วรอย เพิ่มความกระชับและความยืดหยุ่น รวมถึงปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอมากขึ้น (Chaudhuri and Bojanowski. Int J Cosmet Sci. 2014;36(3):221-30.) ต่อมามีการทดสอบในอาสาสมัครอีกครั้งในปี 2018 เทียบกับ Retinol พบว่าให้ผลในด้านของการลดเลือนริ้วรอย และปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ เช่นเดียวกัน แต่อาสาสมัครกลุ่มที่ใช้ Bakuchiol มีอาการข้างเคียงน้อยกว่า (Dhaliwal, et al. Br J Dermatol. 2019;180(2):289-296.) ในภาพรวมส่วนตัวมองว่า Bakuchiol มีประโยชน์ในเชิงของริ้วรอย ความกระชับ ความยืดหยุ่นของผิว รวมไปถึงความชุ่มชื้น และการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอมากขึ้น
  • Hexacarboxymethyl dipeptide-12 ตัวนี้มีชื่อทางการค้าว่า AquatideTM ซึ่งเป็นเปปไทด์ตัวดังที่มาจากทางเกาหลี เปปไทด์ตัวนี้มีคุณสมบัติหลายประการเลยค่ะ โดยทางผู้ผลิตเคลมว่าเป็น Skincare vaccine ช่วยให้ผิวเราแข็งแรง โดยสารมีคุณสมบัติเพิ่มการทำงานของ Barrier ผิว ลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ และมลภาวะ ลดการอักเสบ และปรับสมดุลให้แก่ผิว นอกจากนี้ยังเสริมกระบวนการ Autophagy ตามธรรมชาติของผิว ซึ่งเป็นเสมือนการ Recycle องค์ประกอบของเซลล์ผิวที่แก่และทำงานได้น้อยลง มาสร้างเป็นเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงอีกครั้ง จึงมีประโยชน์ในด้านของการชะลอวัย โดยรายละเอียดเรื่อง Autophagy มี่เคยกล่าวไว้แล้วในรีวิวเดิมของสูตร Barrier นะคะ

และท่านที่สนใจเรื่อง Aquatide สามารถตามไปอ่าน Aquatide แบบละเอียดได้ที่ลิงค์นี้นะคะ

(https://cosmeknowledge.wordpress.com/2019/06/11/spotlight-aquatide/)

  • Methyl caprooyl tyrosinate ตัวนี้มีชื่อทางการค้าว่า Defensamide ออกฤทธิ์โดยไปเพิ่มการสังเคราะห์ Antimicrobial peptides (AMP) ตามธรรมชาติของผิว จึงส่งเสริมและปกป้องผิวจากเชื้อจุลินทรีย์ นอกจากนี้ผู้ผลิตวัตถุดิบยังกล่าวว่า มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง และลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ไปพร้อมๆกัน

ส่วนที่เหลือจะคล้ายๆกับสูตรเดิมนะคะ มี่จะขอกล่าวอีกรอบในนี้เลยค่ะ

สีลาเวนเดอร์ เป็นกลุ่มของไขมันและน้ำมันต่างๆ มี่ขอหยิบเฉพาะตัวที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังนะคะ

  • Myristoyl/palmitoyl oxostearamide/arachamide MEA ตัวนี้มีชื่อย่อว่า PC-9S เป็นสิทธิบัตรของทาง Neopharm อิงตามสิทธิบัตรอเมริกา US patent US6221371B1 ของปี 2001 Claim ว่าให้ประโยชน์ในการเหนี่ยวนำให้ผิวสร้างไขมันใหม่ออกมาฟื้นฟู Barrier ผิวที่เสียหาย มีรายงานการวิจัยทดสอบประสิทธิภาพของสารนี้ในหนูทดลอง พบว่า ตัวนี้เมื่อใช้ร่วมกับไขมันชนิดที่มีในผิว (Physiological lipids) สามารถกระตุ้นให้ผิวเรามีการสร้างตัวรับที่มีชื่อว่า PPAR-α ออกมา ซึ่งมีประโยชน์ในการลดการอักเสบของผิว และสามารถต้านผลเสียของสเตียรอยด์ที่ไปทำให้ผิวบาง Barrier ผิวเสื่อม น้ำระเหยออกจากผิวได้มาก การใช้ PC-9S จะช่วยเร่งการฟื้นฟู Barrier ผิวได้ดีขึ้น (Arch Dermatol Res. 2015 Nov;307(9):781-92.)
  • Caprylamide MEA ตัวนี้มีชื่อทางการค้าว่า Dualgaurd-7 ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำงานเสริมกับ Aquatide โดยช่วยให้ Aquatide ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เสริมกระบวนการ Autophagy การสังเคราะห์ collagen และลดการสร้างสารก่อการอักเสบอย่าง Interleukin (IL) IL-6 และ IL-7

ว่าแต่ทำไมต้องมี Autophagy นั่นก็เพราะว่าจากข้อมูล นักวิทยาศาสตร์พบว่า การสังเคราะห์โปรตีนต่างๆของร่างกาย มักจะมีการเรียงตัวผิดๆ (Misfolded) อยู่ราวๆ 30% พอมันเรียงตัวผิด การทำงานต่างๆ ก็ทำได้ไม่ดี หรือทำงานไม่ได้เลย กลายเป็นขยะชิ้นหนึ่ง ร่างกายเรามีวิธีการกำจัดพวกขยะโปรตีนนี้หลายวิธี 1 ในนั้นคือการ Autophagy ที่จะไปทำลายโปรตีนที่เรียงตัวผิดๆ และเอาส่วนประกอบมา Recycle ใหม่

Autophagy สามารถเกิดได้จากหลายๆกลไก โดยกลไกหนึ่งที่สำคัญคือ เกิดผ่านเส้นทาง (Pathway) p62 เมื่อมี p62 เยอะๆ การเกิด autophagy จะน้อยลง (Liu, W.J., Ye, L., Huang, W.F. et al. Cell Mol Biol Lett 21, 29 (2016). https://doi.org/10.1186/s11658-016-0031-z)

สำหรับในด้านของการเกิด Autophagy นั้น ข้อมูลการทดสอบในระดับหลอดทดลองของทาง Neopharm กล่าวว่า Caprylamide MEA ไปมีผลเสริมการเกิด Autophagy โดยไปลดการสังเคราะห์ p62 ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่สำคัญๆ หลายอย่าง รวมทั้งเป็น Autophagy adaptor ที่ช่วยควบคุมกระบวนการ Autophagy ให้เกิดขึ้นได้อย่างสมดุล

ถ้าเป็นที่ผิว ก็จะช่วยให้ผิวเราแข็งแรง และชะลอความแก่ให้ผิว

  • Phytosterols และ Sterols จาก Rapeseed (Brassica campestris sterols) มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง
  • Cholesterol เป็นส่วนหนึ่งของ Barrier ผิว จึงช่วยทดแทนไขมันที่เป็น Barrier ให้กับผิว
  • น้ำมันแมคคาเดเมีย ประกอบด้วยกรดไขมันที่เป็นส่วนหนึ่งของ Barrier ผิว จึงช่วยทดแทนไขมันที่เป็น Barrier ให้กับผิว

สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารเติมน้ำให้กับผิว มี่ขอหยิบเฉพาะตัวที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังนะคะ

  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 นอกจากประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว นางยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและระคายเคืองของผิวด้วย
  • Hyaluronic acid 2 รูปแบบ มีประโยชน์ในการเติมน้ำให้ผิวเช่นกัน

สีเขียวแก่ เป็นสารสกัดจากบัวบก และสารบริสุทธิ์ที่พบได้ในบัวบก

  • Centella asiatica extract คือ สารสกัดจากบัวบก ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวในหลายประการ ตัวนี้ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นสารสกัดจากบัวบกในรูปแบบ Medical grade ที่มีความบริสุทธิ์สูง
    ซึ่งถ้าดูตามลำดับส่วนผสมจะเห็นว่ามีการใช้สารสกัดจากบัวบกในลำดับแรก โดยข้อมูลที่ได้จากทางแบรนด์คือ ใส่มาในความเข้มข้นสูงถึง 50% และยังเสริมสารบริสุทธิ์ที่เป็นสารสำคัญหลัก (Active phytochemicals) ในบัวบก อย่าง Madecassoside, Asiaticoside, Madecassic acid, และ Asiatic acid เข้ามาทั้งครอบครัว ซึ่งสารเหล่านี้มีประโยชน์ในด้านการลดการอักเสบ เสริมการสมานแผล ชะลอวัยลดเลือนริ้วรอย เป็น Antioxidant และอื่นๆอีกหลายด้าน

ขอกล่าวถึง Madecassoside เล็กน้อยนะคะ เพราะเป็นสารที่มีการศึกษารองรับว่า มีคุณสมบัติที่ดี มีมีคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบ เป็น Anti-oxidant ชะลอวัย รวมไปถึงความสามารถในการเสริมการทำงานของ Fibroblast ให้สังเคราะห์ Collagen ได้ดีขึ้น (Burns. 2012; 38(5):677-84.) ซึ่งน่าจะให้ประโยชน์ไปในเชิงด้านของการลดเลือนริ้วรอย

ส่วนสารบำรุงที่เหลือก็เรียกได้ว่า เลือกมาได้น่าสนใจไม่แพ้กันนะคะ ไม่ว่าจะเป็น Niacinamide ที่มีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายอย่าง รวมไปถึง Zinc gluconate และ สารยอดฮิตอย่าง Allantoin และ Dipotassium glycyrrhizate ที่ให้ประโยชน์ในเชิงของการลดการอักเสบระคายเคืองของผิว และให้ความรู้สึกสบายผิว

และอีกจุดที่สำคัญคือ ในส่วนผสมไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลยค่ะ

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง เซรั่มตัวนี้เป็นเซรั่มที่อัดแน่นมาด้วยสารบำรุงที่ให้ประโยชน์พร้อมกัน ทั้งด้านของการลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ ปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ พร้อมๆกับ การเสริมสร้างและฟื้นฟู Barrier ผิวที่อาจจะเสื่อมลงตามวัย ในภาพรวมก็จะช่วยให้ผิวสุขภาพดี มีความทนทานต่อมลภาวะต่างๆมากขึ้น จุดนี้ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดีและลงตัวมาก ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ในส่วนของการใช้งาน จากที่ได้เล่าให้ฟังในด้านบน ส่วนตัวมองว่าค่อนข้างตอบโจทย์ ในด้านของความกระชับผิว เรื่องของรูขุมขน ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีขึ้น ความมันระหว่างวันลดลง แต่งหน้าได้ติดทนมากขึ้น มีความชุ่มชื้น และเรียบเนียนมากขึ้น สำหรับเรื่องจุดด่างดำ และ ริ้วรอย ส่วนตัวมี่ยังไม่ได้มีปัญหาด้านนี้นะคะ ผลเลยอาจจะยังออกมาไม่ชัดเจนค่ะ แต่สิ่งที่ได้หลังจากได้ทดลองใช้มาร่วมๆ เดือนครึ่ง ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ DermArtlogy ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ DermArtlogy โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/DermArtlogyThailand/

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DermArtlogy การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เอสเซนส์ฟื้นฟูผิว ด้วยพลัง Ionic balance กับ GluCA Derma Solv Ionic Essence จากเกาหลี

สวัสดีค่ะ วันนี้มี่หยิบเอาเซรั่มตัวโปรดที่มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจจากเกาหลีมารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันค่ะ

เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ GluCA ซึ่งเป็นเวชสำอางประสิทธิภาพสูงจากเกาหลี ที่มีวางจำหน่ายในคลินิกและโรงพยาบาลผิวหนังชั้นนำของประเทศเกาหลีค่ะ

ซึ่งมี่เองก็มีโอกาสได้รู้จักจากการไปเดินชมงาน K-beauty expo 2019 เมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาค่ะ

ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ GluCA ที่เข้ามาในไทยจะมีด้วยกัน 2 Line นะคะ คือ Line Clinic รุ่นสีฟ้า กับ Line whitening จะเป็นสีเทาค่ะ

ในกลุ่มของ Clinic จะมีผลิตภัณฑ์อยู่ 4 ชิ้นค่ะ คือ โฟมล้างหน้า เอสเซนส์ ครีม และ กันแดดค่ะ

glu 1

(Image from GluCA official website)

วันนี้มี่หยิบเอาส่วนผสมของ GluCA Derma Solv Ionic Essence ซึ่งเป็นตัวเอสเซนส์เข้มข้นในไลน์สีฟ้า หรือ ไลน์ Clinic มาวิเคราะห์ให้ได้ชมกันค่ะ

เริ่มที่หน้าตาของน้องจะมาในกล่องสีขาวแถบฟ้าแบบนี้นะคะ

glu 2

ตัวแพคเกจจะมาในรูปแบบหลอด พร้อมหัว Applicator

glu 3

glu 4-1

ซึ่งเมื่อเรากดที่ปุ่มสีฟ้า เนื้อผลิตภัณฑ์ก็จะออกมาแบบนี้ค่ะ

glu 7

โดยเราสามารถใช้ตัว Applicator นี้กลิ้งเบาๆได้ทั่วใบหน้าเลยค่ะ หรือจะเน้นเฉพาะรอบดวงตาก็ได้

 

ผลิตภัณฑ์มาในเนื้อเจลใส มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ อันนี้ทาด้วย Applicator ที่ติดมากับหลอดนะคะ

glu 8

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ซึมไว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ

glu 9

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวเราดีค่ะ

glu 5

สำหรับส่วนผสมเป็นดังภาพค่ะ

สผส gluCA

ในภาพรวมนางเป็นเอสเซนส์ที่มาในรูปแบบของเจลเบสน้ำ มีส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติที่ทดแทนไขมันคืนให้ผิวอยู่เล็กน้อยในลำดับท้ายๆ เสริมมาด้วยสารบำรุงหลายชนิด และแต่งกลิ่นด้วยน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติค่ะ

ส่วนผสมวันนี้มีหลายสีหน่อยนะคะ

  • ขอเปิดด้วยสีส้ม อิออน Calcium และ Magnesium ในรูปแบบที่ละลายน้ำได้ ซึ่งสองตัวนี้ทางแบรนด์เคลมเรื่องของเทคโนโลยี Ion balance เพื่อควบคุมสมดุลของ Calcium และ Magnesium ของผิว ซึ่งประโยชน์ของ Calcium ที่มีต่อผิวนั้นมีมากมาย แต่หลักๆคือช่วยให้เซลล์ผิวเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ (Differentiation) เป็นผิวที่โตเต็มวัย
    โดย Calcium จะทำงานร่วมกับ Magnesium ในการควบคุมกระบวนการต่างๆ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ในเซลล์ที่มีสุขภาพดี อิออนของ Calcium และ Magnesium จะอยู่ในสภาวะที่สมดุล แต่ถ้าไม่สมดุล เซลล์ก็จะสุขภาพไม่ดี

glu ca mg

สำหรับประโยชน์ของ Calcium ที่ชัดเจนสำหรับผิวหนังก็คือเรื่องการ Differentiation ให้ผิวเราแข็งแรงและสมบูรณ์ ซึ่งรูปนี้อธิบายได้ชัดมากๆค่ะ
glu ca mg 2

  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารเพิ่มความชุ่มชื้น ผ่านกระบวนการเติมน้ำให้ผิว ซึ่งประกอบด้วย Hyaluron 3 ชนิด ร่วมกับสารสกัดจากน้ำผึ้ง โปรวิตามินบี 5 และ Hydrolyzed collagen
  • สีเขียว คู่ผสมของ Palmitoyl tripeptide-1, Palmitoyl tetrapeptide-7 รู้จักกันในนามของ Matrixyl 3000 (จริงๆใน Matrixyl 3000 มีสารตัวอื่นประกอบด้วย แต่ขอละไว้นะคะ) ซึ่งมีประโยชน์ในการลดเลือนริ้วรอย และมีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพ
  • สีม่วง เป็นไขมันที่ทดแทนให้ผิว โดยตัวสำคัญคือ Ceramide NP หรือ Ceramide 3 ซึ่งตัวเซราไมด์เองมีความสำคัญมากกับความสามารถในการเป็นปราการเพื่อปกป้องผิว
  • สีเขียวมะกอก เป็นสารบำรุงอื่นๆ ซึ่งตาม Combination ที่แบรนด์เคลมในไลน์ Clinic จะมีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชทั้งหมด 6 ชนิด ที่ผ่านการค้นคว้าและพัฒนามาจากทางแบรนด์ โดยทางแบรนด์เคลมว่าได้คัดเลือกมาจากฐานข้อมูลสารสกัดกว่า 85 ชนิด จนได้ 6 ชนิดนี้มาเป็น Combination ที่ให้ประโยชน์ในเชิงการฟื้นฟูและปรับสภาพผิว ที่ทางแบรนด์เรียกว่าเป็น Self-restoration technology ได้แก่ สาหร่ายสีน้ำตาล บลูเบอร์รี่ ใบบัวบก ชาเขียว เสริมด้วย สารสกัดจาก Propolis และ Allantoin

glu สารสกัด

(Image from GluCA)

มี่ขอเลือกกล่าวถึงสารสกัดจากพืชบางตัวนะคะ

  • สารสกัดจากใบบัวบก เสริมมากับ Madecassoside บริสุทธิ์ ซึ่งในปกติใบบัวบกเองก็มี Madecassoside อยู่ตามธรรมชาติ แต่ก็ยังมีการเติมเสริมเพิ่มลงไป เพื่อประโยชน์ในเชิงด้านของการสมานแผล (Wound healing) และในเชิงริ้วรอย
  • สารสกัดจากชาเขียว อุดมไปด้วยสารในกลุ่ม Catechins ซึ่งมีประโยชน์มากมายกับผิว ไม่ว่าจะเป็นในเชิงของ Antioxidant รวมไปถึงเชิงการป้องกันการเกิดริ้วรอย ลดการอักเสบระคายเคือง

 

แต่จุดที่น่าพิจารณาคือ การมีน้ำมันจากเปลือกของพืชในตระกูล Citrus ที่ได้มาจากกระบวนการบีบ (Cold press) อาจจะทำให้เกิดอาการผิวไวต่อแสงได้ในบางคน จึงควรทากันแดดเสมอ หรือ นำผลิตภัณฑ์ไปใช้ในตอนกลางคืน ซึ่งในจุดนี้ส่วนตัวมี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหลังจากใช้ทั้งเช้าและเย็นมาเกือบเดือน ซึ่งในจุดนี้เราก็ไม่ทราบว่าน้ำมันหอมระเหยจาก Citrus เหล่านี้มาจากกระบวนการไหน ถ้าเป็นการสกัดวิธีอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

ในภาพรวมถือว่าเป็นเอสเซนส์ที่ทำมาได้น่าสนใจทั้งในด้านของ Package ทั้งส่วนผสม ที่คัดเลือกมาเสริมกันอย่างลงตัว และการเลือกใช้เทคโนโลยี Ion balance ที่เลือกใช้ทั้ง Calcium และ Magnesium มาเสริมกันได้อย่างลงตัว

 

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ในด้านของสารบำรุง ตามที่กล่าวไปด้านบน ทางแบรนด์เลือกใช้สารบำรุงหลายชนิด ที่บำรุงผิวเสริมกันได้อย่างลงตัว เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวแห้ง ผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย ซึ่งเกิดจากสิ่งแวดล้อม หรือเกิดตามกาลเวลา อายุที่เพิ่มขึ้น โดยสารบำรุงที่เลือกใช้ นอกจากจะให้ประโยชน์ในด้านการฟื้นฟู Barrier ผิวแล้ว ยังมีประโยชน์ในเชิงการลดริ้วรอย ลดการอักเสบระคายเคือง เสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) และเติมน้ำไปพร้อมๆกัน จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีการใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืชในสกุล Citrus ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการแพ้แสงได้ในบางราย แต่ส่วนตัวมี่ใช้ทั้งเช้าเย็น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน อย่างแรกที่ต้องชมก่อนคือเรื่องของ Applicator ที่เขาออกแบบมาได้รับกับส่วนเว้าใต้ตา และส่วนโค้งของใบหน้า เรื่องของเนื้อสัมผัสของตัวเอสเซนส์ก็ทำมาได้ค่อนข้างดี และเรื่องของประสิทธิภาพส่วนตัวมองว่าในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง และช่วยฟื้นฟูให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ตรงนี้ทำมาได้ประทับใจมากๆ ให้ไป 5 ฟลาสก์

คะแนน GluCA

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะที่ติดตามรับชมมาจนจบ แล้วพบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Ingredient spotlight] Aquatide by AS&NH, Japan and Incospharm, Korea

เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา มี่มีโอกาสได้ไปเป็นผู้ดำเนินรายการ และผู้แปลภาษาในงานสัมมนา Look beauty & Look better จัดโดยบริษัท AH&NS ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับบริษัท JR Serve ประเทศไทย ที่ผ่านมาค่ะ

aquatide 1

บนเวทีในภาพนะคะ เรียงจากซ้ายไปขวา คือ คุณ Yuki Kinoshita และ คุณ Atsushi Takeoka ค่ะ

ซึ่งคุณ Takeoka เป็นนักวิจัยทางเทคโนโลยีทางชีวภาพที่ร่วมกับนักวิจัยจากทางเกาหลีพัฒนา Aquatide ตัวนี้ขึ้นมานั่นเองค่ะ ปลื้มมากๆ

ตอนเย็นหลังจากงาน มี่ไปดินเนอร์กับทีมงาน มีโอกาสได้คุยกับ คุณ Takeoka แกบอกว่า ตัว Aquatide นี่คือดีงามมาก ส่วนตัวแกเองก็ใช้เป็น Soothing และเป็น Aftershave สามารถลดการระคายเคืองได้ดีเลยหละ คือแบบน่าสนใจเนาะ

 

ทีนี้กลับมาที่ทางบริษัท AH&NS นะคะ บริษัทนี้มีวัตถุดิบอยู่หลายชิ้นมากค่ะที่น่าสนใจ แล้วก็บ้านเรามีบริษัท JR Serve เป็นตัวแทนจำหน่ายค่ะ

สำหรับส่วนผสมที่มี่หยิบยกมาเล่าให้ฟังในช่วง spotlight วันนี้คือเจ้า Aquatide ค่ะ

ซึ่ง Aquatide มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของทางเกาหลีหลายแบรนด์ เช่น Zeroid, Dermartlogy รวมถึง Logically skin

ขอแนบลิงค์รีวิวเก่าๆ ไว้ตามแนบนะคะ

  • Dermartlogy ageless cream (Improved formula) และ Ampoule ทั้ง 5 สูตร: Click here
  • Logically skin: Click here

 

ส่วน Zeroid มี่เคยใช้อยู่ 1 ชิ้น เป็นตัว Intense cream ค่ะ ถ้ามีโอกาสจะนำมารีวิวให้ได้ชมกันต่อไปนะคะ

 

สำหรับ Aquatide นั้นมีชื่อกลางทางเครื่องสำอาง หรือ INCI name ว่า Hexacarboxymethyl dipeptide-12 

chemical structure

สูตรโครงสร้างของ Aquatide

 

กลไกในการออกฤทธิ์ของ Aquatide

Aquatide นั้นออกฤทธิ์ได้หลายกลไก แต่กลไกหลักคือ การควบคุมกระบวนการ Autophagy ของเซลล์ค่ะ

ว่าแต่อะไรคือ Autophagy?

Autophagy เป็นศัพท์เทคนิคทางชีววิทยา หมายถึง ปฏิกิริยาที่เซลล์ในร่างกายทำลายเซลล์อีกเซลล์หนึ่ง แล้วนำเอาองค์ประกอบภายในเซลล์ที่โดนทำลายไป ไป Recycle สร้างเซลล์ใหม่ออกมาทดแทน เพื่อให้ร่างกายทำหน้าที่ได้อย่างปกติ

autophagy drawing

ที่ผิวหนังพบว่าการ Autophagy ของเซลล์ผิวหนังจะทำให้เซลล์ผิวทำงานได้ดีขึ้น มี Barrier ที่แข็งแรงขึ้น ลดการระเหยของน้ำออกจากผิวได้ดี จึงทำให้ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น (ค่า TEWL ลดลง)

โดยทางบริษัทคาดเดากลไกของการเหนี่ยวนำให้เกิด Autophagy นี้ว่าเกิดมาจากการที่สารไปเสริมการทำงานของเอนไซม์ Sirtuin-1 (Sirt-1) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับความมีอายุยืนของเซลล์ (Longevity) และเอนไซม์นี้ยังไปยับยั้ง mTOR โปรตีนที่ทำให้เกิดความแก่ขึ้นมาค่ะ

sirt-1

(Image from Incospharm)

 

aquatide 2

(Image from Incospharm)

 

ทางบริษัทได้มีการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง (In vitro) และในอาสาสมัครอยู่หลายอย่างเหมือนกันนะคะ และมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการนานาชาติอยู่หลายบทความค่ะ

 

ตัวอย่างการทดสอบของทางบริษัท

1. ช่วยให้ผิวฟื้นฟูความเสียหายได้ไวขึ้น

EFF

(Image from Incospharm)

การศึกษานี้ทำโดยให้อาสาสมัครทาสารละลายที่มี Aquatide 2% เทียบกับ สารละลายเปล่าๆ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พอครบเวลา ก็ใช้เทคนิค Tape stripping ดึงเอาผิวหนังชั้น Stratum corneum ออก แล้ววัดค่า TEWL ที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ

2. ความชุ่มชื้นของผิวเพิ่มขึ้น

ความชุ่มชื้น

(Image from Incospharm)

ใช้การทดสอบแบบเดียวกับในข้อ 1

3. ช่วยให้ Barrier ผิวแข็งแรง และลดความรุนแรงของสิว

ทำการทดสอบโดยให้อาสาสมัครที่มีสิวทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Aquatide 1% ร่วมกับ salicylic acid 0.5% เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนประเมินอาการด้วยแพทย์ผิวหนัง

พบว่าความรุนแรงของสิวลดลง 65%

acne

(Image from Incospharm)

นอกจากข้อมูลจากทางผู้ผลิตวัตถุดิบแล้ว Aquatide ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นรองรับถึงประสิทธิภาพ โดยมี่ขอหยิบยกเอางานที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังค่ะ

  • งานวิจัยของ Lim และ คณะ (2019) ได้ทดสอบประสิทธิภาพของ Aquatide ทั้งในระดับของหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร พบว่า Aquatide มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์เพาะเลี้ยงไม่ให้ถูกทำลายจาก Hydrogen peroxide ที่จัดเป็น 1 ใน Reactive oxygen species ที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมา และในอาสาสมัคร พบว่าสามารถปกป้ององค์ประกอบของโปรตีนไม่ให้ถูกทำลายด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชั่น และ เมื่อทดสอบที่สัปดาห์ที่ 4 และ 8 พบว่าอาสาสมัครมีความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้น (J Cosmet Dermatol 2019 Feb;18(1):197-203.)

ดังนั้นโดยสรุป Aquatide จึงมีประโยชน์ทั้งในด้านของความชุ่มชื้น การชะลอวัย ลดการอักเสบระคายเคือง และ เสริม Barrier ผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้นค่ะ

 

Image

[Beauty News] CeraVe Thailand brand launch event 2018

เมื่อวันก่อนมี่มีโอกาสได้ไปร่วมงานเปิดตัว CeraVe (เซราวี) ในประเทศไทยเป็นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

หลายๆท่านน่าจะรู้จักแบรนด์ CeraVe อยู่แล้วนะคะ ส่วนตัวมี่เองก็เลยลองใช้ตัวนี้อยู่ สั่งมาจากเวบ iHerb

ตอนนี้ทางบริษัท L’oreal Thailand ก็ได้นำเอาสินค้าในแบรนด์ CeraVe เข้ามาจำหน่ายในไทยแล้วค่ะ ไม่ต้องสั่งบนเว็บ ไม่ต้องหิ้วให้เหนื่อยต่อไป

แบรนด์ CeraVe นี่เป็นแบรนด์เวชสำอางบำรุงผิวที่พัฒนาร่วมกับแพทย์ผิวหนังชั้นน้ำของอเมริกา มีราคาที่จับต้องได้ หาซื้อได้ง่าย และเป็นที่นิยมทั่วโลกเลยทีเดียวค่ะ

 

บรรยากาศภายในงานตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดสว่างตา ตัดด้วยสีฟ้าของแบรนด์ CeraVe ค่ะ

ce 1

 

นี่ไงป้ายของเรา

ce 6

 

เมื่อเข้าไปถึงทางทีมงานก็จะให้วัดสภาพผิวก่อนค่ะ

ce 2

 

ขนาดเราคิดว่าเราก็ดูแลดีแล้วนะ ผลยังออกมาเกินอายุเลย

 

ด้านแรก ด้านความชุ่มชื้น ผิวมี่ผิวแห้ง เครื่องก็บอกว่าแห้งมากกกกกกกก

ce 3

 

ด้านที่สอง ด้านเม็ดสี ริ้วรอย และ รอยเส้นเลือดฝอย

ce 4

เม็ดสีกับริ้วรอย ของมี่เกินอายุไปนิดนึง ส่วนด้านรอยเส้นเลือดฝอยนั้นยังไม่มี ซึ่งตรงนี้อาจจะ error ได้เพราะเราโบกเมคอัพไปค่อนข้างหนาค่ะ

 

สรุปเลยออกมาว่า ผิวเราก็ยังพอได้อยู่

ce 5

 

ต่อมาก็เป็นซุ้มที่โชว์สินค้าค่ะ

 

ซึ่งทางแบรนด์ CeraVe เคลมเรื่องของนวัตกรรม MVE (Multivesicular emulsion technology) ลิขสิทธิ์ของทางแบรนด์ ซึ่งมีรูปแบบคล้ายหอมหัวใหญ่ ค่อยๆปลดปล่อยไขมันให้ผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน

ce 8

 

จุดเด่นอีกจุด คือ การใช้เซราไมด์ 3 ชนิด ได้แก่ เซราไมด์ 1 เซราไมด์ 3 และ เซราไมด์ 6-II ซึ่งเน้นช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพ Barrier ผิวให้แข็งแรงค่ะ

ce 7

 

กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มี่ได้มาจะเป็นทั้งหมดตามภาพนี้ค่ะ

 

ce 9.JPG

ไว้เดี๋ยวเรามารีวิวกันอีกทีนะคะ ^^

 

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางแบรนด์ CeraVe Thailand ด้วยค่ะที่เชิญมี่ไปร่วมงานเปิดตัวสินค้า และมอบผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้ได้ทดลองใช้

 

สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มมอยส์เจอไรเซอร์แบรนด์ไทยที่มีส่วนผสมของไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว กับ Provamed Derma soothing cream

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวส่วนผสมของครีมที่มีประโยชน์ในการเสริมสร้าง Barrier ผิวมาฝากกันค่ะ

 

ถ้าเราพูดถึง Barrier ผิว นางเป็นส่วนสำคัญที่ปกป้องผิวจากอันตรายต่างๆภายนอก และปกป้องไม่ให้สารต่างๆที่มีประโยชน์ในผิวหลุดรอดออกไป

Barrier ผิว ประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 อย่างค่ะ คือ

  1. สารโมเลกุลเล็กที่ชอบน้ำ ทำหน้าที่ดุดจับน้ำเอาไว้ เราเรียก Natural moisturizing factor หรือ NMF
  2. ไขมันระหว่างเซลล์ผิวในชั้นนอกสุด หรือ Stratum corneum
  3. การเรียงตัวแบบซับซ้อนของเซลล์ผิวในชั้น Startum corneum

ดาวน์โหลด.jpg

(Image from http://www.blackboxcosmeticsblog.com/blog/2017/2/7/what-is-the-acid-mantle-and-why-you-should-be-using-a-sulphate-free-face-wash-to-protect-it)

 

โดยว่ากันว่าองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการเป็น Barrier ผิวก็คือไขมันค่ะ

โดยเจ้าไขมันนี้ เราอาจจะเข้าใจผิดว่า มันสร้างมาจากต่อมไขมัน ซึ่งจริงๆไม่ใช่ นางเป็นคนละกลุ่มกันค่ะ ไขมันที่เป็น Barrier ผิวนี่จะถูกสร้างที่ผิวชั้นหนังกำพร้าด้านใน ส่วนไขมัน Sebum ที่ทำให้เราหน้ามันเยิ้มนี่สร้างมาจากต่อมไขมัน

คนผิวมัน คือ มี Sebum เยอะ แต่ไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิวอาจจะน้อยก็ได้ ถ้าไขมันที่เป็น Barrier ผิวน้อย ผิวเราก็จะมีกลไกในการรักษาความชุ่มชื้น และกลไกในการปกป้องตัวเองจากสิ่งต่างๆภายนอกได้ลดลง ผิวก็มีสิทธิขาดน้ำ หรือ มีลักษณะบอบบางแพ้ง่ายได้

ไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิวประกอบขึ้นจากไขมันสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่

  1. Ceramide
  2. Cholesterol
  3. Fatty acid

ทางหนึ่งในการฟื้นฟู Barrier ผิว ก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไขมันทั้ง 3 ประเภท ในสัดส่วนเท่ากัน (วัดเป็นความเข้มข้นโดยโมล) แต่ในทางปฏิบัติเรามักจะไม่ทราบว่าเขาใส่มาเท่าไหร่ ก็เลือกโดยดูจากส่วนผสมเอา ถ้ามีครบ 3 ประเภทก็คือจบ โดยบางที Fatty acid หลายๆแบรนด์ เลือกใช้ในรูปแบบของน้ำมันจากพืชค่ะ แต่บางแบรนด์ก็ใช้ในรูปแบบของ Fatty acid อิสระ

 

เกริ่นมาซะยืดยาว มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่มี่นำมารีวิววันนี้เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่จากแบรนด์ Provamed แบรนด์เวชสำอางแบรนด์ดังของไทยแบรนด์หนึ่งนั่นเองค่ะ แบรนด์นี้เราเจอได้ในร้านยาทั่วไปเลยนะคะ คุณเภสัชเองเค้าก็ชอบแนะนำแบรนด์นี้อยู่ค่ะ

ตอนนี้ทางแบรนด์พึ่ง Launch ผลิตภัณฑ์ในในไลน์ใหม่ Derma soothing ออกมาค่ะ

หน้าตาของ Product ใหม่เป็นดังนี้ค่ะ

prov 4

ตัวแพคเกจจริงมาในรูปแบบหลอดค่ะ

prov 7

ที่บนกล่องจะมีเคลมเรื่องของ A.T.O. defense system ซึ่งหมายถึง Active optimized system ที่เป็นการเลือกสรรวัตถุดิบต่างๆมาเพื่อเสริมฤทธิ์กันได้อย่างลงตัว

prov 5prov 6

เนื้อครีมเป็นครีมสีขาว ค่อนข้างบางเบา ถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นๆในกลุ่มครีมเสริมสร้าง Barrier ผิวด้วยกัน จึงน่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว

 

prov 1

เกลี่ยได้ง่าย ซึมผิวไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

prov 2

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

prov 3

สำหรับส่วนผสมเรียกได้เลยว่า มาแบบจัดเต็ม เลือกส่วนผสมที่ออกฤทธิ์เสริมกันได้อย่างลงตัว Target ทุกปัญหาของผิวบอบบางแพ้ง่าย

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ส่วนผสม prova

วันนี้ขอรีวิวแบบวิเคราะห์จัดเต็มเลยนะคะ

ถ้าเราพิจารณากันจะพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ

  1. Actives คือ สารบำรุง เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี รวมไปถึงมีประโยชน์ทางชีวภาพ
  2. Base คือ เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle
  3. Additive คือ สารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ และมีความปลอดภัย

 

รายละเอียดส่วนผสมแต่ละตัวเป็นดังนี้ค่ะ

  1. Actives หรือ สารบำรุง วันนี้มี่ทำไว้หลายสี ตาม Code ของสารบำรุงที่ทางแบรนด์เลือกใช้มานะคะ
  • เปิดด้วยสีเขียวก่อนนะคะ สูตรผสมของ Octyldodecanol, Ribes Nigrum (Black Currant) Seed Oil, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil Unsaponifiables, Cardiospermum Halicacabum Flower/Leaf/Vine Extract, Tocopherol, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil, Rosmarinus Officinalis (Rosemary) Leaf Extract เป็นวัตถุดิบที่มีชื่อว่า Defensil-Plus ซึ่งเป็นวัตถุดิบนำเข้ามาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วัตถุดิบนี้มีเคลมเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดการอักเสบ เสริมสร้างและฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในระดับอาสาสมัคร พบว่ามีประโยชน์ที่ดีในการลดการอักเสบ การแพ้ Soothing (ปลอบประโลมให้ความรู้สึกสบายผิว) ลดรอยแดง ลดการระเหยของน้ำจากผิว (ลด TEWL) รวมถึงมีผลการทดสอบในอาสาสมัครที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ Atopic พบว่าให้ผลดีเช่นกัน

defensil

(Image from Rahn AG)

  • สีฟ้า สูตรผสมของ Ceramide 3; Ceramide 6 II; Ceramide 1; Phytosphingosine; Cholesterol; Sodium Lauroyl Lactylate; Carbomer; Xanthan Gum เป็นวัตถุดิบ Ceramide Mix ที่นำเข้ามาจากเยอรมัน ซึ่งเป็นสูตรผสมของไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิวรวมกัน โดยเน้นไปที่ Ceramides เป็นหลัก เสริมมาด้วย Cholesterol ถ้าเอาไปรวมกับน้ำมันจากพืชอื่นๆที่ใส่เข้ามา ผลิตภัณฑืนี้คือมีส่วนประกอบของ Barrier ผิวครบถ้วนสมบูรณ์ วัตถุดิบนี้มีการศึกษาในผิวหนังที่เอามาเพาะเลี้ยงในหลอดทดลอง พบว่า สามารถเพิ่มการดูดซึม Ceramide ต่างๆลงไปในผิวได้ดีกว่า
  • สีชมพู สูตรผสมของ Glycerin, Aqua, Disodium Adenosine Triphosphate, Carica Papaya Fruit Extract, Phenoxyethanol, Algin, Sodium Hydroxide คือวัตถุดิบ Hydractin นำเข้ามาจากสวิตเซอร์แลนด์เช่นกัน ผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า ปรับสมดุลความชุ่มน้ำของผิวหนังชั้นนอก (Epidermis) มีประโยชน์กับผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความชุ่มชื้น ผลัดผิวอย่างอ่อนโยน ลดการเกิดผิวแห้งเป็นขุย มีการทดสอบในอาสาสมัครพบว่าสารนี้สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี

rahn

(Image from Rahn AG)

  • สีน้ำตาล ได้แก่
    • Squalane ตัวนี้เป็นไขมันที่เลียนแบบไขมัน Squalene ที่เป็นองค์ประกอบของ Sebum นางจะทำหน้าที่เคลือบปกป้องผิวรักษาความชุ่มชื้น ทางแบรนด์เคลมว่า ใช้เป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่แยกออกมาจากมะกอก นำเข้ามาจากฝรั่งเศส
    • น้ำมันสกัดจากถั่วดาวอินคาออร์แกนิค (Plukenetia volubilis seed oil) อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น Omega 3 และ 6 ช่วยให้ความชุ่มชื้น และเสริมกรดไขมันจำเป็นให้แก่ผิว ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบในระดับหลอดทดลองพบว่า สามารถเสริมการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์ผิว และการทดสอบในอาสาสมัครพบว่า มีประโยชน์ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่นขึ้น

green 1

(Image from Greentech)

green 2

(Image from Greentech)

  • สีน้ำเงิน เป็นกลุ่มของสารลดการอักเสบและระคายเคือง ใส่มาด้วยกันหลายตัว ดังนี้
    • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 ซึ่งคุณสมบัติในการเป็น Moisturizer ของ Panthenol มีรายงานตีพิมพ์รองรับ คือ สามารถช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของผิวหนัง ช่วยลดการระเหยของน้ำออกจากผิว รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวได้ (J Cosmet Sci. 2011; 62(4):361-70.) อนุพันธ์ชนิด D-panthenol มีคุณสมบัติลดการอักเสบในผิวได้ดี (Acta Pol Pharm. 2004;61(6):433-7.) การทดสอบเชิงคลินิกพบว่าครีมชนิดน้ำมันที่มีส่วนผสมของ Panthenol ในความเข้มข้น 5% ให้ผลในการลดการอักเสบในเด็กที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ Atopic ได้ดีเทียบเท่า Hydrocortisone 1% ซึ่งเป็นสเตียรอยด์ความแรงอ่อน (J Drugs Dermatol. 2012 Mar;11(3):366-74.) ซึ่งในจุดนี้ทางแบรนด์ใส่มาที่ 5% เทียบเท่าในงานวิจัยนี้เลย
    • Betaine เป็นกรดอะมิโนชนิดพิเศษที่เป็นอนุพันธ์ของ Glycine มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ความรู้สึกนุ่มเบาสบายผิว และลดความเหนอะหนะของเนื้อครีม
    • Allantoin เป็นสารที่แยกได้จากรากคอมเฟรย์ มีประโยชน์ในการลดการอักเสบและระคายเคือง
    • Bisabolol เป็นสารที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบระคายเคือง พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น คาโมมายล์ การทดสอบในสัตว์ทดลองพบว่า α-(-)-Bisabolol สามารถกดการสร้างสารก่อการอักเสบได้ (Curr Pharm Biotechnol. 2014;15(2):173-81.) ทางแบรนด์เคลมว่า Bisabolol ที่ใช้ เป็นรูปแบบ α-(-)-Bisabolol ได้จากต้นไม้ในกลุ่ม candeia ประเทศบราซิล ซึ่งให้ฤทธิ์ดีกว่าแบบสังเคราะห์ 25%
  • สารบำรุงอื่นๆ ได้แก่
    • Sodium hyaluronate มีประโยชน์ในการดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
    • Glucose มีประโยชน์ในการดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  1. ส่วนของเบส มาในเบสชนิดครีมประกอบด้วยส่วนผสมของน้ำ และน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน และแอลกอฮอล์
    • ส่วนของน้ำ ได้แก่ น้ำ Pentylene glycol, Butylene glycol, Glycerin ซึ่งเป็นสารดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
    • ส่วนของน้ำมัน ได้แก่ Glyceryl stearate, Cetyl alcohol, Isohexadecane, C12-15 alkyl benzoate, Dicaprylyl carbonate, C14-22 alcohols, และ C12-20 alkyl glycerides
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีอยู่เท่าที่จำเป็น ได้แก่
    • Emulsifier เป็นสารเชื่อมผสานให้น้ำเข้ากับน้ำมันเกิดเป็นเนื้อครีมได้ ได้แก่ PEG-75 stearate, PEG-100 stearate, Ceteth-20, Steareth-20
    • สารจับโลหะ Disodium EDTA มีประโยชน์ในการเพิ่มความคงตัวให้แก่เนื้อครีม และเสริมประสิทธิภาพของสารกันเสีย
    • สารกันเสีย ได้แก่ Phenoxyethanol
    • สารปรับ pH มี Sodium hydroxide บางคนเห็นแล้วอาจจะหวีดร้อง แต่ความจริงคือ ในการปรับ pH จะมีเนื้อสารของ Sodium hydroxide น้อยมาก ไม่มีอันตรายอะไรกับผิว

 

สรุป: ในภาพรวม ส่วนผสมที่ใส่มาทำมาได้ค่อนข้างดีในการเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสร้าง Barrier ผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง ด้วยคอนเซปท์ Active optimized ที่อาศัยสารบำรุงทั้ง 3 กลุ่มเข้ามาทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ถึงแม้จะเป็นแบรนด์ไทย แต่สารบำรุงส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศเลย เรียกได้ว่าเป็น World class quality

ส่วนตัวเบสและส่วนของสารปรุงแต่ง ก็ทำมาได้ดี ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ในด้านของการเป็นไขมันของ Barrier ผิว ในครีมตัวนี้มีส่วนผสมของ Ceramide, Cholesterol และ Fatty acid อยู่ครบทั้ง 3 ชนิด และเสริมสารบำรุงอื่นๆลงมาเพื่อเสริมฤทธิ์ในการดูแลผิวบอบบางได้เป็นอย่างดี ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ค่อนข้างดีทั้งตัวเบส และ สารปรุงแต่ง ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่มีผิวผสม/แห้ง ตรง T-zone จะค่อนข้างมัน ส่วนตรงแก้มจะแห้ง มี่ลองใช้ครีมตัวนี้ทั้งเช้าเย็นมาได้เกือบๆ 2 สัปดาห์ เรื่องของความเป็นมอยส์เจอไรเซอร์นั้นถือว่าทำมาได้ดีเลย เหมาะกับผิวแห้ง แต่ก็ไม่ได้เหนอะหนะเว่อร์วังจนเกินไป คิดว่าน่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิวอยู่ ส่วนเรื่องการอักเสบระคายเคืองนั้น ช่วงนี้มี่ไม่ได้มีอาการนี้ เลยไม่ขอฟันธงให้ค่ะ ถ้าในด้านความประทับใจและความชอบส่วนตัว ขอให้ 5 ฟลาสก์เช่นกันค่ะ

คะแนน prov

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Provamed ด้วยนะคะที่ส่งสินค้าดีๆมาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/Provamedclub/

http://www.provamed.co.th/

 

สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Provamed การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มเพื่อผิวแข็งแรง Wady skin barrier fortifier ที่อัดแน่นด้วยส่วนผสมฟื้นฟู barrier ผิว

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวเซรั่มดีๆฝีมือคนไทย ที่เน้นด้านการฟื้นฟูและเสริม Barrier ของผิวมาฝากกันค่ะ

เป็นเซรั่มจากแบรนด์ Wady ที่มีชื่อว่า Wady Skin barrier fortifier ค่ะ

หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

นางมาในกล่องทรง 6 เหลี่ยม

wady 4.JPG

พอเปิดฝามาจะเจอ Gimmick ของแบรนด์ที่กล่าวว่า “First step to stronger skin”

wady 5

เหมือนอารมณ์ประมาณว่า เป็นขั้นตอนแรกสู่ผิวแข็งแรงค่ะ

ด้านในเป็นขวดแก้วทรงระฆังมีหลอดหยดค่ะ

wady 6

เนื้อเซรั่มเป็นแบบน้ำนม ทางแบรนด์ไม่ใส่น้ำหอมเลยมีกลิ่นจางๆของวัตถุดิบนิดหน่อยค่ะ

wady 1

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ซึมผิวไว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น และนุ่มดีค่ะ

wady 2

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีนะคะ

wady 3

ก่อนไปดูส่วนผสม เล่าถึงองค์ประกอบของ Barrier ผิวซักหน่อยนะคะ ผิวเราจะมีกลไกสำคัญ 3 อย่างที่ทำหน้าที่เป็น Barrier ช่วยในการเก็บกักน้ำ ป้องกันไม่ให้สารภายในออกไปข้างนอก และป้องกันไม่ให้สิ่งอันตรายต่างๆจากภายนอกเข้ามาข้างในผิว

องค์ประกอบที่สำคัญ 3 อย่างนั้นก็คือ

  1. สารไขมัน ซึ่งเรียงตัวเป็นชั้นๆ (Lipid lamellar) ไขมันนี้ประกอบด้วย Ceramide, Cholesterol และ กรดไขมัน (Fatty acid)
  2. ารโมเลกุลเล็กๆที่ชอบน้ำ ทำหน้าที่จับน้ำไว้กับผิว เรียก Natural moisturizing factor หรือ NMF ได้แก่ กรดอะมิโน Sodium PCA น้ำตาล เกลือและอิออน บางชนิด
  3. การเรียงตัวสลับซับซ้อนของเซลล์ผิวในชั้นนอกสุด หรือ Stratum corneum และ โปรตีน Keratin

ว่ากันว่าไขมันจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการเป็น Barrier ของผิว หลายๆแหล่งเลยว่ากันว่าผลิตภัณฑ์ที่จะฟื้นฟูให้ Barrier ผิวแข็งแรง ควรจะประกอบด้วยไขมันทั้ง 3 ชนิด คือ Ceramide, Cholesterol และ กรดไขมัน (Fatty acid) ในสัดส่วนที่เหมาะสมค่ะ

 

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ เรียกได้ว่ามากันแน่นเลยทีเดียว

สผส wady

จากรูปมี่ทำแถบสีสารบำรุงต่างๆเอาไว้นะคะ

สารบำรุงที่ทาง Wady ใส่มา มีค่อนข้างเยอะเลยค่ะ ถ้าแบ่งเป็นกลุ่มๆ จะแบ่งประมาณนี้ค่ะ

  1. กลุ่มวิตามิน: แทนด้วยสีน้ำเงิน มีส่วนผสมของวิตามินอี ซี บี3 และ บี5 อยู่ค่ะ
  • วิตามินอี ใช้ในรูปแบบของ Tocopheryl acetate มีประโยชน์เป็น antioxidant
  • วิตามินบี 5 เป็นรูปของ Panthenol มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการอักเสบระคายเคือง
  • วิตามินบี 3 ในรูป Niacinamide ซึ่งมีประโยชน์กับผิวหลายด้าน รูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ด้วย (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)
  • วิตามินซี ใช้ในรูป Caprylyl 2-glyceryl ascorbate เป็นวิตซีรูปแบบใหม่ของทางญี่ปุ่น ผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า นอกจากให้ผลช่วยเรื่อง Antioxidant ลดการสร้างเม็ดสี และเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการสังเคราะห์คอลลาเจนแล้ว สารนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้าง Ceramide ในผิวได้
  1. กลุ่มไขมันทดแทน Barrier ผิว แทนด้วยสีน้ำตาล ประกอบด้วยไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว อย่าง Ceramide, Cholesterol, และกรดไขมัน Oleic acid รวมถึง Caprylic/capric triglyceride ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่ง และ Phytosphingosine ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายเอาไปสร้าง ceramide ได้ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าสารนี้มีคุณสมบัติลดการอักเสบ ลดรอยแดงจากสิว และลดการเกิดสิวได้ (Sphingosine, Evonik Industry)
  2. กลุ่มสีเขียวจะเป็นสารที่ดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และทำหน้าที่เป็น NMF หรือ Natural moisturizing factor ที่เป็นสารที่ช่วยในการเก็บกักน้ำตามธรรมชาติของผิว ถือว่าใส่มาหลายชนิดเลยทีเดียว
  3. กลุ่มสีม่วงเป็นสารบำรุงอื่นๆ เช่น
  • สารสกัดจากข้าวโอ๊ต Allantoin และ ชะเอม มีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • สารสกัดจากเซลล์เพาะเลี้ยงกุหลาบมอญ หรือที่วงการเครื่องสำอางเรียกว่า plant stem cell ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติเด่นในด้าน Whitening รองลงมาคือเป็น antioxidant ช่วยในการชะลอวัย และมีคุณสมบัติในด้านลดการอักเสบ
  • Copper tripeptide-1 เป็น สารประกอบ Peptide ที่จับกับแร่ธาตุ Copper มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสมานแผล ลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว มีรายงานการวิจัยทดสอบถึงการซึมผ่านผิว พบว่าสารนี้ซึมผ่านผิวได้ในระดับที่ดีพอที่จะออกฤทธิ์เป็นสารต่อต้านกระบวนการอักเสบในผิวได้ (inflamm Res. 2011;60(1):79–)

 

โดยรวมคือเซรั่มนี้มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้น มีส่วนประกอบที่ช่วยในการฟื้นฟู Barrier ผิวอยู่ครบทั้งไขมันและ NMF ซึ่งจะช่วยให้ผิวแข็งแรง มีสารบำรุงเสริมมาในด้านของ Whitening ลดการอักเสบและระคายเคือง ชะลอวัยป้องกันริ้วรอย และยังมีประโยชน์เรื่องดูแลสิว ซึ่งถือว่าดูแลผิวได้ค่อนข้างครบ และมีประโยชน์กับผิวในหลายๆด้าน

ในด้านเบสเป็นแบบน้ำนม ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคนและแอลกอฮอล์ และสารอื่นๆที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง เป็นเซรั่มที่เน้นการฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง เพิ่มความชุ่มชื้น และมีประโยชน์เสริมให้กับผิวในหลายด้านไม่ว่าจะเป็น Whitening ลดการอักเสบและระคายเคือง ชะลอวัยป้องกันริ้วรอย และยังมีประโยชน์เรื่องดูแลสิว จึงถือว่าทำมาได้ค่อนข้างครบ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน แอลกอฮอล์ และสารอื่นที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน สังเกตว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ทำมาเพื่อฟื้นฟู Barrier ผิว มักจะมาในเบสน้ำมันที่ค่อนข้างจะหนักผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้น และเคลือบผิวได้ดี แต่คนที่มีผิวมันอาจจะไม่ชอบ มี่ว่าตัวนี้เป็นเซรั่มที่มีเนื้อค่อนข้างเบา ไม่เหนอะหนะ ไม่หนักผิว น่าจะเหมาะกับคนผิวมัน แต่คนผิวแห้งแบบมี่อาจจะรู้สึกว่าเบาไปนิดนึง ต้องหาครีมมาเสริมอีกทีค่ะ หลังจากใช้มาอยู่เดือนกว่า ก็รู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นดี ช่วงนี้แถวบ้านกำลังเริ่มหนาว ก็ไม่ได้มีอาการผิวแห้งลอกแต่อย่างใด ถือว่าทำมาได้ประทับใจอยู่ค่ะ จุดนี้ขอให้ไป 4 ฟลาสก์ค่ะ

 

คะแนน wady

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Wady ด้วยค่ะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/wadycosmetics/

 

แล้วพบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Wady การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ