Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มอันเลอค่า Dior Prestige la Micro-Huile de Rose Advance serum สูตรปรับปรุงใหม่ เสริมสารสกัดจาก Rose sap

สวัสดีค่ะ วันนี้มี่มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มสุด Premium ของแบรนด์ Dior ที่มีชื่อว่า Dior Prestige la Micro-Huile de Rose Advance serum สูตรใหม่ ที่พัฒนาต่อมาจากสูตรเดิมในปี 2017 ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ก่อนจะเริ่มการรีวิว มาดูหน้าตาของน้องก่อนดีกว่าค่ะ น้องมีหน้าตาเป็นอย่างนี้นะคะ

จากที่มองผ่านบรรจุภัณฑ์จะเห็นว่ามีเม็ด capsule กลมๆ เล็กๆ อยู่ ซึ่งทางแบรนด์เรียกว่า Micropearl

ผลิตภัณฑ์ la micro-huile de rose รุ่นปี 2020 นี้พัฒนามาจากการศึกษาค้นคว้าของศูนย์วิจัย LVMH Recherche ของ Dior ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยที่มีทีมวิจัยที่เข้มแข็งมาก มีการสร้างความร่วมมือ สร้างเครือข่ายกับศูนย์ Center for iPS Cell Research (CiRA) และมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ อีก 6 มหาวิทยาลัย

การศึกษานี้เป็นการศึกษาสภาพผิวของกลุ่มตัวอย่างของอาสาสมัครผู้หญิงจำนวน 60 คน มาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นผู้หญิงที่มีอาการเหนื่อยล้า (Fatigue) ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือปัจจัยอื่นๆ จำนวน 30 คน และอีกกลุ่มเป็นผู้หญิงที่ไม่มีอาการ Fatigue

ผลการทดสอบพบว่าผิวของผู้หญิงที่มีอาการ Fatigue ขาดสารอาหารในกลุ่ม Micronutrient ชนิดต่างๆ รวมถึงไขมันดีๆ ในผิว อย่างพวก Ceramide และ Fatty acids บางชนิด

นอกจากนี้การขาด Micronutrients ยังส่งผลให้ความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของผิวลดลงไปด้วย

(Image from Dior)

ส่วนอีกการศึกษาหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่อดนอนมาเป็นเวลา 2 คืน มีปริมาณของโปรตีนบางชนิดที่นำส่งอาหารให้ผิวลดลง เกิดอาการ Fatigue ผิวมีความไม่ยืดหยุ่นและมีโอกาสเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้นกว่าคนที่พักผ่อนเต็มที่

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ la micro-huile de rose นี้พัฒนามาโดยใช้สารสกัดจากน้ำเลี้ยงในก้านกุหลาบ (Rose sap) ของกุหลาบสายพันธุ์พิเศษอย่าง Rose de Granville ซึ่งประกอบด้วยสารสำคัญในกลุ่ม Micronutrient 22 ชนิด และ พฤกษเคมีที่ออกฤทธิ์ผ่านกระบวนการต่างๆ ของผิวที่ 30 Target มีปริมาณสารประกอบในกลุ่ม Flavanols สูงกว่าปกติ 32 เท่า และมีปริมาณ Catechin สูงกว่าปกติถึง 225 เท่า

ให้ประโยชน์ทดแทนสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ผิว เพื่อลดอาการ Fatigue และมีประโยชน์บำรุงให้ผิวแข็งแรง

นอกจากสารสกัดจาก Rose sap แล้ว ในเซรั่มนี้ยังมีองค์ประกอบของ Micro-pearl นับ 10,000 เม็ดที่ค่อยๆ บรรจงผลิตขึ้นมาทีละเม็ดด้วยเทคนิค Encapsulation ภายในบรรจุสารกลุ่มน้ำมันเอาไว้ เวลาทาผิวแคปซูลเหล่านี้ก็จะแตกออกและปลดปล่อยสารออกมา โดยไม่มีความรู้สึกเหนอะหนะ

(Image from Dior)

จุดเด่นของทาง Dior คือ ด้านการ Formulation และ Textureตามที่เคยได้กล่าวไปในรีวิวก่อนหน้านี้

สำหรับเซรั่ม Prestige ตำรับนี้ แม้ดูว่าจะมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่หลายชนิด ที่มองดูแล้วควรจะมาในรูปแบบของน้ำนม แต่กลับมาในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เจลใส และไม่มีความเหนอะหนะอยู่เลย (ส่วนตัวผิวผสม/แห้ง)

ผลิตภัณฑ์นี้มีสิทธิบัติคุ้มครองถึง 6 ฉบับ ประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 92% และผ่านการทดสอบกับสภาพผิวของคนเอเชีย

เนื้อของผลิตภัณฑ์เป็นประมาณนี้นะคะ กดออกมาจะคล้ายๆ เซรั่มเนื้อเจล มีกลิ่นหอมผ่อนคลายจากกุหลาบ

เกลี่ยได้ง่าย มีกลิ่นหอม เวลาใช้งาน หลังจาก warm บนมือ แล้วเอามือมาอังที่ใบหน้าเพื่อสูดดมกลิ่นหอมของน้ำมันกุหลาบ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และสำหรับคนที่ชอบกุหลาบแบบดิฉันคือได้กลิ่นแล้วมีความสุขมากๆ สมกับคอนเซปท์ของทาง Dior ที่ผู้หญิงจะต้องสวยไปพร้อมๆ กับมีความสุข

วันนี้ไม่ได้วัดค่า pH นะคะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้อยู่ 5 สีนะคะ

ขอเน้นหนักจัดเต็มที่นางเอกของเรา คือ Rose extract เป็นการผสมผสานระหว่าง Rose oil และ สารสกัดจากน้ำเลี้ยงในก้านกุหลาบ หรือ Rose sap จากดอกกุหลาบสายพันธุ์พิเศษ Rose de Granville ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงและผสมข้ามสายพันธุ์อยู่ร่วม 40000 สายพันธุ์ จนได้กุหลาบ Rose de Granville ที่ดีที่สุด ปลูกใน Dior garden

กระบวนการเตรียมสารสกัดมีสิทธิบัตรรองรับ ผ่านเทคนิค Double extraction ที่เป็นการสกัด 2 ครั้ง เพื่อให้ได้สารสำคัญจากกุหลาบทั้งดอก ทั้งส่วนที่ละลายในน้ำ และน้ำมัน สำหรับการสกัดเอา Rose sap ออกมา เป็นวิธีการสกัดแบบ Green extraction ที่มีสิทธิบัตรรองรับเช่นกัน โดยประโยชน์ของ Rose sap ดังที่ได้กล่าวไปในด้านบน คือ ทดแทนและเติมสารอาหารในกลุ่ม Micronutrient ให้แก่ผิว มีประโยชน์ในการเสริมการทำงานตามธรรมชาติของผิว

(Image from Dior)

ทาง Dior ก็ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพของตำรับดังกล่าวทั้งในระดับหลอดทดลอง และ ในอาสาสมัคร พบว่ามีประโยชน์อยู่หลายประการ ได้แก่ ทดแทน Micronutrient คืนให้แก่ผิว เพื่อเสริมฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน นุ่มนวล ลดเลือนริ้วรอย แลดูยกกระชับ

(Image from Dior)

สารสกัดจากกุหลาบทำงานร่วมกับสารบำรุงอื่นๆ หลายชนิด ได้แก่

  • กลุ่มน้ำมันและไขมันจากธรรมชาติ แทนด้วยสีม่วง
  • วิตามินซี และ วิตามินอี แทนด้วยสีเขียว
  • Gum จากเมล็ดมะขาม แทนด้วยสีส้ม ตัวนี้อาจจะมีประโยชน์ในแง่ของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หรือ อาจจะมีประโยชน์ในการเพิ่มความหนืดและปรับ Feeling ให้แก่ตำรับ
  • สีฟ้า มีสองตัว ได้แก่ สารสกัดจาก Mallow และ Adenosine ที่มีประโยชน์ดูแลผิวในเชิงการชะลอวัย และดูแลปัญหาริ้วรอย

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ วันนี้ขอแบ่งคะแนนเป็น 2 หัวข้อนะคะ

  1. ส่วนผสม ถ้าดูเพียงที่รายการสารในส่วนผสม เราอาจจะแบบว่า เอ๊ะ .. แต่พอได้ทราบถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการตั้งตำรับ การทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร ถึงกับต้องอุทานว่า เริ่ดอ่ะ ในด้านของส่วนผสม นอกจากชูโรงด้วยส่วนผสมของ Rose sap และ Rose extract ที่เตรียมจาก Rose de Granville สายพันธุ์พิเศษ ยังเสริมมาด้วยวิตามินซี และ อี และสารสกัดจากพืช ส่วนผสมอื่นๆ ไม่ได้มีตัวไหนที่ไม่เป็นมิตรกับผิว จุดนี้ขอให้คะแนนที่เทคโนโลยีนะคะ รับไป 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ตอนแรกที่เห็นส่วนผสม ส่วนตัวคิดดูว่า มีส่วนผสมของสารไขมันจากธรรมชาติอยู่หลายชนิด แต่พอเอามาทาผิวแล้วไม่เหนอะหนะ อาจจะด้วยเพราะ Capsule ที่ใช้มาปรับ Feeling ให้รู้สึกดีไม่เหนอะหนะเลย และด้วยความที่ส่วนตัวเป็นคนชอบกุหลาบ เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Sponsor แบรนด์ Dior ประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะ ที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทาง Dior โดยตรงเลยนะคะ

สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ Dior ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิวคุชชั่นสุดเลอค่า DIOR PRESTIGE Cushion foundation – le cushion teint de rose คุชชั่นที่ผสานสารสกัดจากกุหลาบสายพันธุ์พิเศษ Rose de Granville

เมื่อวันก่อนมี่มาเล่าประสบการณ์ที่ทางทีมงานของ Dior มาดูแลประดุจดั่งเป็นเจ้าหญิงไป

ตามลิงค์นี้นะคะ เผื่อท่านใดพลาดไป >>Click<<

ใน Content คราวก่อนได้ทิ้งท้ายไว้ที่ Highlight product คือ DIOR PRESTIGE Cushion foundation – le cushion teint de rose

น้องเป็นคุชชั่นผสมสารสกัดจากกุหลาบสายพันธุ์พิเศษอย่าง Rose de Granville ที่ผ่านการคัดเลือกและผสมข้ามสายพันธุ์กว่า 7 รุ่น จนได้กุหลาบที่มีคุณสมบัติพิเศษในการบำรุงผิว ซึ่งกุหลาบ Rose de Granville ตัวนี้เองก็เป็นนางเอกในกลุ่มสกินแคร์ในไลน์ Dior Prestige หลายๆ ชิ้น ที่เดี๋ยวมี่จะหยิบยกเอาเซรั่ม Rose de Granville มารีวิวให้ได้ชมในโอกาสต่อไปนะคะ

คุชชั่นนี้เป็นคุชชั่นที่เรียกได้ว่าสวยงามหรูหราประดุจดั่งเจ้าหญิงเลย เรียกได้ว่าแค่มีวางประดับบนโต๊ะเครื่องแป้งก็ดูสวยแพงแล้ว

ตัวตลับดีไซน์มาด้วยสีทองดูหรูหราเลอค่า

Puff สำหรับใช้คู่กับคูชั่นก็ยังหรูหราเลยค่ะ

ด้านในมีการ Seal มาอย่างดี

แผ่นฟองน้ำที่ใช้ซับเนื้อของคุชชั่นก็มีการพิมพ์ลาย Dior ของแบรนด์ไว้ด้วย

ตัวคุชชั่นมีด้วยกัน 5 เฉดสีนะคะ ตอนแรกมี่ก็ลังเลอยู่ 2 เฉด ระหว่าง 011 กับ 030 แต่คุณอั๋น (Makeup trainer ของทาง Dior) แนะนำให้ใช้เบอร์ 030 Beige Moyen หรือ Medium beige ค่ะ ซึ่งพอออกมาก็สวยงาม และติดทนนานไม่น้อยเลยทีเดียว

การปกปิดของคุชชั่นตัวนี้จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนะคะ

อย่างแรกคือความแรงในการกดพัฟลงบนเนื้อคูชั่น ถ้ากดแรง ก็จะได้เนื้อครีมออกมาเยอะ จะปกปิดดี แต่ถ้าจิ้มเบาๆ ก็จะปิดแบบเบาๆ เน้นงานผิว

อีกอย่างคือการ Layer ถ้าลง 2 ชั้น ระดับการปกปิดก็จะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมค่ะ

สำหรับคนผิวแห้ง หรือ คนที่รู้สึกว่ามันแห้งไป เราเอามาผสมกับสกินแคร์ปริมาณน้อยๆบนหลังมือ แล้วค่อยๆ Tap ไปบนหน้าก็เก๋ดีนะคะ

ลองดู Finish look ที่ได้นะคะ

เริ่มจากลงสกินแคร์เรียบร้อย ก่อนทาคุชชั่น

หลังทาคูชั่นอย่างเดียว การปกปิดอยู่ในระดับ Medium-Full coverage ตรงส่วนนี้เป็นการลงแค่ชั้นเดียวนะคะ

หลัง Set ด้วยแป้ง ดิฉันก็รู้สึกว่าแป้งดิฉันเฉดเข้มไป ดิฉันควรไปใช้แป้งฝุ่น Translucent หรือเฉดที่สว่างกว่านี้

ส่วนตัวชอบเลยหละ ระดับการปกปิดประมาณนี้ ยังดูเป็นแนว Makeup-no-Makeup อยู่แบบกรุบๆ

ทาเช้าก่อนออกบ้าน ส่วนตัวรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่า 4 ทุ่มเมคอัพยังสวยสดโดยไม่ต้องซับไม่ต้องเติม (ผิวผสม/แห้ง)

องค์ประกอบหลักที่เป็น Key และ Claim หลักของคูชั่นนี้คือ

  • การเรียงตัวเป็น Second skin ขององค์ประกอบในสูตร Cushion ที่สามารถปกป้องผิวเอาไว้ แต่ยังคงรู้สึกเบาสบายผิว ไม่อบอ้าว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพราะ Second skin นี้ยอมให้ความชื้นผ่านเข้าออกได้ตามอิสระ ดังนั้นไม่ว่าจะเหงื่อออก หรือ อากาศชื้น หรือวันไปจอยๆ ริมทะเล ก็ยังสบายผิวอยู่
  • Pigment ชนิดพิเศษของทางแบรนด์ ที่เรียกว่า Rose light pigment ที่ช่วยปรับคุณสมบัติการกระจายแสงจากผิวให้ดู Glow สว่าง และนวลเนียนคล้ายกลีบกุหลาบ
  • ส่วนผสมของสารสกัดจากดอกกุหลาบ Rose de Granville โดยทางแบรนด์กล่าวว่า ใน คุชชั่น 1 ตลับนี้มีกลีบกุหลาบ Rose de Granville ถึง 460 กลีบเลยทีเดียว
  • กลิ่นกุหลาบหอมที่ช่วยผ่อนคลาย ตาม Concept หลักของทาง Dior คือ ผู้หญิงต้องสวยไปพร้อมๆ กับมีความสุข

สำหรับวันนี้คงต้องขอตัวลาจากกันไปเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ Dior การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

MiYeon’s Shopping in Jeju, April 2015

MiYeon’s Shopping in Jeju, April 2015

Hi guys, this is my first English topic, please feel free to have comments or chats or etc.

On last April, I went to Jeju, South Korea with Thai tour company with very low cost (around 12900 THB for plane, hotels and some foods)

I am Korean Cosmetics-addicted, and always find the way to purchase them into Thailand.

I like to try everything that is Korean, so my daily routine is almost done bt Korean cosmetics.

Well, its time to see my shopping bags!!!

But before shopping bags, before going to Korea I have to check the price and products that will include in my wishlists, and here is my wishlists.

shopping list

Then, we have arrived !!, at Jeju airport

jeju

Tah dah!! here is my shoppings

IMG_2543-re

Wah Quite a lot, right??

In Jeju, the most frequent shop I found is Nature republic, which can be found in almost every place that tour guide to.

IMG_2361-re

Lucky!!, they are on sale !!!!

And these are my purchased.

IMG_2532-re

All of Nature Republic’s products are great and skin friendly.

I love the cactus gel and bamboo mist very much (which will be further reviewed in the next occasion).

The next brand is It’s Skin, It’s Skin is one of my fav’ and the product that I do love most is GF effector. This time I purchased four bottles, for one year.

IMG_2528-re

Woohoo!! See you again next year, Korea.

And the next brand is Innisfree, lucky I have some times and went to Innisfree Jeju House, which is the perfect place that I enjoyed most.

11173325_10204071639651462_5295637980083187181_n IMG_1853-re

These are my purchased,

IMG_2535-re

Sparkling mineral is the new line that launched in April, I think.

But I did not tried it yet, so when I tried it I will make a review.

For Etude House, I purchased Magic any cushion, which is my fav’ and some mask sheets for trying

IMG_2530-re

About magic any cushion, I used peach color.

And the next brand is Beyond. Beyond is one of my interesting since I went to Korea on June, 2014.

Their products are quite great, however there are few line that used alcohol, which may not suits some individuals, and this are my purchased.

IMG_2531-re

On that time I went, their mask sheet is on promotion, 10+10 (Buy 10 get 10 free).

And the next brand is Tony Moly, I used their Galactomyces water before. This time I went for their Goat milk toner, which is newly launched.

IMG_2537-re

Their mascara is also great!!!!!

The next brand is Hanyul, this time I go for their rice skin softener

IMG_2538-re

And the next brand is Mamonde, I love their concepts, I love flower, esp. roses.

This is my purchased,

IMG_2539-re

And the last one is the saem, another eco-friendly brand.

IMG_2540-re

their wrapping tints are great, look like natural lips.

Well That’s all

See you again in my next blog post

love you

xoxo

[Mini-Review] Nature Republic Bulgarian Rose Moisture Toner

[Mini-Review] Nature Republic Bulgarian Rose Moisture Toner

มีใครเป็นคอกุหลาบเหมือนมี่มั้ยคะ ???

ถ้าใช่ ตัวนีี้น่าจะเป็นชอยส์ที่น่าสนใจชอยส์นึงเลยทีเดียวค่ะ

นั่นก็คือ Nature Republic Bulgarian Rose Moisture Toner ค่ะ

NR rose 1แม้ชื่อจะเป็นโทนเนอร์ ที่เราเข้าใจว่าเอามาไว้หยดใส่สำลีแล้วเช็ด แต่โดยเนื้อสัมผัส หรือ Texture ของมัน ที่ค่อนข้างหนืด มันเหมาะกับการเอามาตบมากกว่าค่ะ กลิ่นหอมกุหลาบอ่อนๆ ค่อนข้างซึมไว ชุ่มผิวดี แต่แป๊บเดียวผิวก็แห้งเหมือนเดิมแล้วหล่ะ ซื้อมาเพราะกลิ่นกุหลาบเลยจริงๆค่ะ ส่วนผสมก็ไม่ทราบ เพราะมีแต่ภาษาเกาหลี

คือบางครั้ง แค่เราได้กลิ่นที่ถูกใจ เราก็ยอมจ่ายแล้วค่ะ แม้จะไม่รู้ว่ามันจะโอเคหรือไม่ เชื่อว่าผู้หญิงมากกว่า 95% เป็นเหมือนมี่ ในขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่จะค่อนข้างละเอียดและรอบคอบกว่าเราในการจับจ่ายซื้อเครื่องสำอางซักชิ้น

ให้ดูเนื้อนะคะ

NR rose 2-eNR rose3-eตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะซื้อที่ชอปไทย ลดราคาเหลือสองร้อยนิดๆ คือซื้อมานานมากแล้วค่ะ และก็ใช้มาได้ซักพักแล้ว แต่ไม่มีเวลามาเล่าให้ฟัง

ถึงไม่ทราบส่วนผสม แต่ก็พอจะเมาท์เรื่อง Rose water ได้อยู่นะคะ

Rose water คืออะไร??

Rose water เป็นน้ำที่เหลือจากการกลั่นเอาน้ำมันออกจากดอกกุหลาบ ก็จะมีความหอมอ่อนๆ มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้น ผ่อนคลาย และให้ความรู้สึกสบายผิวค่ะ แต่ไม่มีรายงานทางวิทยาศาสตร์รองรับนะคะ 🙂

ที่หน้าเวบไซต์ของ Nature Republic Korea มีรูปให้ดูด้วยค่ะ

กลั่นกุหลาบ

(Image source: http://www.naturerepublic.com/)

ก็คือเราจะให้ความร้อน ให้น้ำกลายเป็นไอ มา Condense ใน Chamber ที่มีกลีบกุหลาบอยู่ น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบ จะระเหยออกไปแล้วก็จะถูก Condense ออกมาเป็น Rose oil ซึ่งมีราคาแพงมาก (กิโลละหลายพัน ถึงหมื่นบาท)

น้ำที่เหลืออยู่ใน Chamber ก็จะเป็นตัว Rose water นั่นเองค่ะ

(Revised) รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสเปรย์มิสท์ Organic rose moisture soda mist จาก meishoku

(Revised) รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสเปรย์มิสท์ Organic rose moisture soda mist จาก meishoku

Revised: 20 พ.ค. 2564

เมื่อช่วงปี 2014 – 2015 เริ่มมีกระแสของการใช้ Carbon dioxide ในด้านความงาม ก่อนจะเริ่มมาทางเครื่องสำอางค่ะ จากเดิมแค่เป็นการทรีทเมนท์บางชนิดในคลินิกความงาม แต่ตอนนี้เราจะเห็นได้ในหลายๆแบรนด์เลย ทั้งญี่ปุ่น-เกาหลี

ถ้าเป็นทางฝั่งเกาหลี นิยมเรียกว่า Carbonic หรือ Sparkling

ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่นตัวนี้เค้าเรียกว่า Soda ค่ะ

สำหรับตัวแพคเกจจะมาในลักษณะนี้นะคะ

โดยตัวสเปรย์จะมาในรูปแบบของ Aerosol ที่มีส่วนผสมดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมมี่ขอทำไว้ 3 สี นะคะ

สีฟ้า จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงต่างๆ ซึ่งในภาพรวมจะเด่นไปที่การเติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และ มีตัว Dipotassium glycyrrhizate ซึ่งเป็นสารที่ได้จากชะเอม มีประโยชน์ในด้านของการลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว

อีกตัวที่น่าสนใจ ที่เรามักพบในกลุ่มของ Moisturizer ของญี่ปุ่น คือ สารสกัดจากลูกเดือย หรือ Job’s tear extract ( Coix lacryma-jobi extract) เราไม่ได้เจออะไรที่เด่นชัดนะคะ แต่เท่าที่เรียบเรียงได้จะเป็นในแนวทางว่า ลูกเดือยมีสารกลุ่มโพลีฟีนอล ที่มีคุณสมบัติเป็น antioxidant และยังมี คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนในกลุ่ม Fructo-oligosaccharide ซึ่งพวกนี้เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังได้โดยการดูดน้ำให้ผิว

และอีกประเด็นของลูกเดือย คือ ตัว Fructo-oligosaccharide เป็น Prebiotic ซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดีบนผิวเรา ซึ่งช่วยให้ผิวเราแข็งแรงทางอ้อมๆ ค่ะ

สีม่วง Carbon dioxide ซึ่งเป็นรูปแบบของแก๊ส ที่อัดลงไปเป็น Propellant (ตัวขับเคลื่อนสารออกจากกระป๋องสเปรย์) โดยนางละลายน้ำได้บางส่วนให้เป็น Carbonic acid ในระบบปิดแบบนี้ ทั้งสองจะอยู่ในรูปแบบสมดุลกันค่ะ ทั้ง Carbon dioxide และ Carbonic acid

โดยการใช้ Carbon dioxide ในเชิงสกินแคร์ จะมีการเคลมเกี่ยวกับ คุณสมบัติกระตุ้น Metabolism ของผิวหนัง ส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดการอุดตันในรูขุมขน และช่วยกระชับรูขุมขน

ซึ่งเอาจริงๆ Carbon dioxide พอละลายน้ำแล้วมีคุณสมบัติเป็นกรด อาจจะต้องมีเทคโนโลยีหรือระบบอะไรสักอย่างมาเพื่อป้องกันไม่ให้มันกร่อนภาชนะได้ จึงอาจเป็นเหตุผลที่ใส่ Nitrogen ร่วมเข้ามา

สำหรับตัวนี้ ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันนี้ (พ.ค. 2564) จะยังมีขายอยู่ไหมนะคะ แต่ ณ ตอนนั้น ราคาตกอยู่ที่กระป๋องละ 950 เยน หรือราวๆ 317 บาทค่ะ

Disclaimer: own purchased

Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ