สวัสดีค่ะ วันนี้มี่มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มสุด Premium ของแบรนด์ Dior ที่มีชื่อว่า Dior Prestige la Micro-Huile de Rose Advance serum สูตรใหม่ ที่พัฒนาต่อมาจากสูตรเดิมในปี 2017 ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ก่อนจะเริ่มการรีวิว มาดูหน้าตาของน้องก่อนดีกว่าค่ะ น้องมีหน้าตาเป็นอย่างนี้นะคะ

จากที่มองผ่านบรรจุภัณฑ์จะเห็นว่ามีเม็ด capsule กลมๆ เล็กๆ อยู่ ซึ่งทางแบรนด์เรียกว่า Micropearl
ผลิตภัณฑ์ la micro-huile de rose รุ่นปี 2020 นี้พัฒนามาจากการศึกษาค้นคว้าของศูนย์วิจัย LVMH Recherche ของ Dior ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยที่มีทีมวิจัยที่เข้มแข็งมาก มีการสร้างความร่วมมือ สร้างเครือข่ายกับศูนย์ Center for iPS Cell Research (CiRA) และมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ อีก 6 มหาวิทยาลัย
การศึกษานี้เป็นการศึกษาสภาพผิวของกลุ่มตัวอย่างของอาสาสมัครผู้หญิงจำนวน 60 คน มาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นผู้หญิงที่มีอาการเหนื่อยล้า (Fatigue) ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือปัจจัยอื่นๆ จำนวน 30 คน และอีกกลุ่มเป็นผู้หญิงที่ไม่มีอาการ Fatigue
ผลการทดสอบพบว่าผิวของผู้หญิงที่มีอาการ Fatigue ขาดสารอาหารในกลุ่ม Micronutrient ชนิดต่างๆ รวมถึงไขมันดีๆ ในผิว อย่างพวก Ceramide และ Fatty acids บางชนิด
นอกจากนี้การขาด Micronutrients ยังส่งผลให้ความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของผิวลดลงไปด้วย
(Image from Dior)
ส่วนอีกการศึกษาหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่อดนอนมาเป็นเวลา 2 คืน มีปริมาณของโปรตีนบางชนิดที่นำส่งอาหารให้ผิวลดลง เกิดอาการ Fatigue ผิวมีความไม่ยืดหยุ่นและมีโอกาสเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้นกว่าคนที่พักผ่อนเต็มที่
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ la micro-huile de rose นี้พัฒนามาโดยใช้สารสกัดจากน้ำเลี้ยงในก้านกุหลาบ (Rose sap) ของกุหลาบสายพันธุ์พิเศษอย่าง Rose de Granville ซึ่งประกอบด้วยสารสำคัญในกลุ่ม Micronutrient 22 ชนิด และ พฤกษเคมีที่ออกฤทธิ์ผ่านกระบวนการต่างๆ ของผิวที่ 30 Target มีปริมาณสารประกอบในกลุ่ม Flavanols สูงกว่าปกติ 32 เท่า และมีปริมาณ Catechin สูงกว่าปกติถึง 225 เท่า
ให้ประโยชน์ทดแทนสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ผิว เพื่อลดอาการ Fatigue และมีประโยชน์บำรุงให้ผิวแข็งแรง
นอกจากสารสกัดจาก Rose sap แล้ว ในเซรั่มนี้ยังมีองค์ประกอบของ Micro-pearl นับ 10,000 เม็ดที่ค่อยๆ บรรจงผลิตขึ้นมาทีละเม็ดด้วยเทคนิค Encapsulation ภายในบรรจุสารกลุ่มน้ำมันเอาไว้ เวลาทาผิวแคปซูลเหล่านี้ก็จะแตกออกและปลดปล่อยสารออกมา โดยไม่มีความรู้สึกเหนอะหนะ
(Image from Dior)
จุดเด่นของทาง Dior คือ ด้านการ Formulation และ Textureตามที่เคยได้กล่าวไปในรีวิวก่อนหน้านี้
สำหรับเซรั่ม Prestige ตำรับนี้ แม้ดูว่าจะมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่หลายชนิด ที่มองดูแล้วควรจะมาในรูปแบบของน้ำนม แต่กลับมาในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เจลใส และไม่มีความเหนอะหนะอยู่เลย (ส่วนตัวผิวผสม/แห้ง)
ผลิตภัณฑ์นี้มีสิทธิบัติคุ้มครองถึง 6 ฉบับ ประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 92% และผ่านการทดสอบกับสภาพผิวของคนเอเชีย
เนื้อของผลิตภัณฑ์เป็นประมาณนี้นะคะ กดออกมาจะคล้ายๆ เซรั่มเนื้อเจล มีกลิ่นหอมผ่อนคลายจากกุหลาบ

เกลี่ยได้ง่าย มีกลิ่นหอม เวลาใช้งาน หลังจาก warm บนมือ แล้วเอามือมาอังที่ใบหน้าเพื่อสูดดมกลิ่นหอมของน้ำมันกุหลาบ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และสำหรับคนที่ชอบกุหลาบแบบดิฉันคือได้กลิ่นแล้วมีความสุขมากๆ สมกับคอนเซปท์ของทาง Dior ที่ผู้หญิงจะต้องสวยไปพร้อมๆ กับมีความสุข

วันนี้ไม่ได้วัดค่า pH นะคะ
สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้อยู่ 5 สีนะคะ
ขอเน้นหนักจัดเต็มที่นางเอกของเรา คือ Rose extract เป็นการผสมผสานระหว่าง Rose oil และ สารสกัดจากน้ำเลี้ยงในก้านกุหลาบ หรือ Rose sap จากดอกกุหลาบสายพันธุ์พิเศษ Rose de Granville ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงและผสมข้ามสายพันธุ์อยู่ร่วม 40000 สายพันธุ์ จนได้กุหลาบ Rose de Granville ที่ดีที่สุด ปลูกใน Dior garden
กระบวนการเตรียมสารสกัดมีสิทธิบัตรรองรับ ผ่านเทคนิค Double extraction ที่เป็นการสกัด 2 ครั้ง เพื่อให้ได้สารสำคัญจากกุหลาบทั้งดอก ทั้งส่วนที่ละลายในน้ำ และน้ำมัน สำหรับการสกัดเอา Rose sap ออกมา เป็นวิธีการสกัดแบบ Green extraction ที่มีสิทธิบัตรรองรับเช่นกัน โดยประโยชน์ของ Rose sap ดังที่ได้กล่าวไปในด้านบน คือ ทดแทนและเติมสารอาหารในกลุ่ม Micronutrient ให้แก่ผิว มีประโยชน์ในการเสริมการทำงานตามธรรมชาติของผิว
(Image from Dior)
ทาง Dior ก็ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพของตำรับดังกล่าวทั้งในระดับหลอดทดลอง และ ในอาสาสมัคร พบว่ามีประโยชน์อยู่หลายประการ ได้แก่ ทดแทน Micronutrient คืนให้แก่ผิว เพื่อเสริมฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน นุ่มนวล ลดเลือนริ้วรอย แลดูยกกระชับ
(Image from Dior)
สารสกัดจากกุหลาบทำงานร่วมกับสารบำรุงอื่นๆ หลายชนิด ได้แก่
- กลุ่มน้ำมันและไขมันจากธรรมชาติ แทนด้วยสีม่วง
- วิตามินซี และ วิตามินอี แทนด้วยสีเขียว
- Gum จากเมล็ดมะขาม แทนด้วยสีส้ม ตัวนี้อาจจะมีประโยชน์ในแง่ของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หรือ อาจจะมีประโยชน์ในการเพิ่มความหนืดและปรับ Feeling ให้แก่ตำรับ
- สีฟ้า มีสองตัว ได้แก่ สารสกัดจาก Mallow และ Adenosine ที่มีประโยชน์ดูแลผิวในเชิงการชะลอวัย และดูแลปัญหาริ้วรอย
มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ วันนี้ขอแบ่งคะแนนเป็น 2 หัวข้อนะคะ
- ส่วนผสม ถ้าดูเพียงที่รายการสารในส่วนผสม เราอาจจะแบบว่า เอ๊ะ .. แต่พอได้ทราบถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการตั้งตำรับ การทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร ถึงกับต้องอุทานว่า เริ่ดอ่ะ ในด้านของส่วนผสม นอกจากชูโรงด้วยส่วนผสมของ Rose sap และ Rose extract ที่เตรียมจาก Rose de Granville สายพันธุ์พิเศษ ยังเสริมมาด้วยวิตามินซี และ อี และสารสกัดจากพืช ส่วนผสมอื่นๆ ไม่ได้มีตัวไหนที่ไม่เป็นมิตรกับผิว จุดนี้ขอให้คะแนนที่เทคโนโลยีนะคะ รับไป 5 ฟลาสก์
- การใช้งาน ตอนแรกที่เห็นส่วนผสม ส่วนตัวคิดดูว่า มีส่วนผสมของสารไขมันจากธรรมชาติอยู่หลายชนิด แต่พอเอามาทาผิวแล้วไม่เหนอะหนะ อาจจะด้วยเพราะ Capsule ที่ใช้มาปรับ Feeling ให้รู้สึกดีไม่เหนอะหนะเลย และด้วยความที่ส่วนตัวเป็นคนชอบกุหลาบ เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Sponsor แบรนด์ Dior ประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะ ที่ติดตามรับชมมาจนจบ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทาง Dior โดยตรงเลยนะคะ
สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ
Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ Dior ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ