[Mini-Review] Nature Republic Bulgarian Rose Moisture Toner

[Mini-Review] Nature Republic Bulgarian Rose Moisture Toner

มีใครเป็นคอกุหลาบเหมือนมี่มั้ยคะ ???

ถ้าใช่ ตัวนีี้น่าจะเป็นชอยส์ที่น่าสนใจชอยส์นึงเลยทีเดียวค่ะ

นั่นก็คือ Nature Republic Bulgarian Rose Moisture Toner ค่ะ

NR rose 1แม้ชื่อจะเป็นโทนเนอร์ ที่เราเข้าใจว่าเอามาไว้หยดใส่สำลีแล้วเช็ด แต่โดยเนื้อสัมผัส หรือ Texture ของมัน ที่ค่อนข้างหนืด มันเหมาะกับการเอามาตบมากกว่าค่ะ กลิ่นหอมกุหลาบอ่อนๆ ค่อนข้างซึมไว ชุ่มผิวดี แต่แป๊บเดียวผิวก็แห้งเหมือนเดิมแล้วหล่ะ ซื้อมาเพราะกลิ่นกุหลาบเลยจริงๆค่ะ ส่วนผสมก็ไม่ทราบ เพราะมีแต่ภาษาเกาหลี

คือบางครั้ง แค่เราได้กลิ่นที่ถูกใจ เราก็ยอมจ่ายแล้วค่ะ แม้จะไม่รู้ว่ามันจะโอเคหรือไม่ เชื่อว่าผู้หญิงมากกว่า 95% เป็นเหมือนมี่ ในขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่จะค่อนข้างละเอียดและรอบคอบกว่าเราในการจับจ่ายซื้อเครื่องสำอางซักชิ้น

ให้ดูเนื้อนะคะ

NR rose 2-eNR rose3-eตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะซื้อที่ชอปไทย ลดราคาเหลือสองร้อยนิดๆ คือซื้อมานานมากแล้วค่ะ และก็ใช้มาได้ซักพักแล้ว แต่ไม่มีเวลามาเล่าให้ฟัง

ถึงไม่ทราบส่วนผสม แต่ก็พอจะเมาท์เรื่อง Rose water ได้อยู่นะคะ

Rose water คืออะไร??

Rose water เป็นน้ำที่เหลือจากการกลั่นเอาน้ำมันออกจากดอกกุหลาบ ก็จะมีความหอมอ่อนๆ มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้น ผ่อนคลาย และให้ความรู้สึกสบายผิวค่ะ แต่ไม่มีรายงานทางวิทยาศาสตร์รองรับนะคะ 🙂

ที่หน้าเวบไซต์ของ Nature Republic Korea มีรูปให้ดูด้วยค่ะ

กลั่นกุหลาบ

(Image source: http://www.naturerepublic.com/)

ก็คือเราจะให้ความร้อน ให้น้ำกลายเป็นไอ มา Condense ใน Chamber ที่มีกลีบกุหลาบอยู่ น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบ จะระเหยออกไปแล้วก็จะถูก Condense ออกมาเป็น Rose oil ซึ่งมีราคาแพงมาก (กิโลละหลายพัน ถึงหมื่นบาท)

น้ำที่เหลืออยู่ใน Chamber ก็จะเป็นตัว Rose water นั่นเองค่ะ

(Revised) รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสเปรย์มิสท์ Organic rose moisture soda mist จาก meishoku

(Revised) รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสเปรย์มิสท์ Organic rose moisture soda mist จาก meishoku

Revised: 20 พ.ค. 2564

เมื่อช่วงปี 2014 – 2015 เริ่มมีกระแสของการใช้ Carbon dioxide ในด้านความงาม ก่อนจะเริ่มมาทางเครื่องสำอางค่ะ จากเดิมแค่เป็นการทรีทเมนท์บางชนิดในคลินิกความงาม แต่ตอนนี้เราจะเห็นได้ในหลายๆแบรนด์เลย ทั้งญี่ปุ่น-เกาหลี

ถ้าเป็นทางฝั่งเกาหลี นิยมเรียกว่า Carbonic หรือ Sparkling

ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่นตัวนี้เค้าเรียกว่า Soda ค่ะ

สำหรับตัวแพคเกจจะมาในลักษณะนี้นะคะ

โดยตัวสเปรย์จะมาในรูปแบบของ Aerosol ที่มีส่วนผสมดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมมี่ขอทำไว้ 3 สี นะคะ

สีฟ้า จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงต่างๆ ซึ่งในภาพรวมจะเด่นไปที่การเติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และ มีตัว Dipotassium glycyrrhizate ซึ่งเป็นสารที่ได้จากชะเอม มีประโยชน์ในด้านของการลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว

อีกตัวที่น่าสนใจ ที่เรามักพบในกลุ่มของ Moisturizer ของญี่ปุ่น คือ สารสกัดจากลูกเดือย หรือ Job’s tear extract ( Coix lacryma-jobi extract) เราไม่ได้เจออะไรที่เด่นชัดนะคะ แต่เท่าที่เรียบเรียงได้จะเป็นในแนวทางว่า ลูกเดือยมีสารกลุ่มโพลีฟีนอล ที่มีคุณสมบัติเป็น antioxidant และยังมี คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนในกลุ่ม Fructo-oligosaccharide ซึ่งพวกนี้เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังได้โดยการดูดน้ำให้ผิว

และอีกประเด็นของลูกเดือย คือ ตัว Fructo-oligosaccharide เป็น Prebiotic ซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดีบนผิวเรา ซึ่งช่วยให้ผิวเราแข็งแรงทางอ้อมๆ ค่ะ

สีม่วง Carbon dioxide ซึ่งเป็นรูปแบบของแก๊ส ที่อัดลงไปเป็น Propellant (ตัวขับเคลื่อนสารออกจากกระป๋องสเปรย์) โดยนางละลายน้ำได้บางส่วนให้เป็น Carbonic acid ในระบบปิดแบบนี้ ทั้งสองจะอยู่ในรูปแบบสมดุลกันค่ะ ทั้ง Carbon dioxide และ Carbonic acid

โดยการใช้ Carbon dioxide ในเชิงสกินแคร์ จะมีการเคลมเกี่ยวกับ คุณสมบัติกระตุ้น Metabolism ของผิวหนัง ส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดการอุดตันในรูขุมขน และช่วยกระชับรูขุมขน

ซึ่งเอาจริงๆ Carbon dioxide พอละลายน้ำแล้วมีคุณสมบัติเป็นกรด อาจจะต้องมีเทคโนโลยีหรือระบบอะไรสักอย่างมาเพื่อป้องกันไม่ให้มันกร่อนภาชนะได้ จึงอาจเป็นเหตุผลที่ใส่ Nitrogen ร่วมเข้ามา

สำหรับตัวนี้ ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันนี้ (พ.ค. 2564) จะยังมีขายอยู่ไหมนะคะ แต่ ณ ตอนนั้น ราคาตกอยู่ที่กระป๋องละ 950 เยน หรือราวๆ 317 บาทค่ะ

Disclaimer: own purchased

Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ