Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Propolis energy ampoule pad จาก CNP Laboratory

ใครชอบ Toner pad บ้าง 🙋‍♀️

คือ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบใช้สำลีชุ่มๆ เทโทนเนอร์ เอสเซนส์ใดๆ ลงไปจนชุ่ม เลยชอบกลุ่ม pad ด้วยล่ะ

ส่วนตัวเคยใช้กลุ่ม Toner pad แบบนี้ครั้งแรกสมัยแบรนด์ scinic เข้าวัตสัน แล้วซักพัก วัตสันก็เอา Bella monster มา (ตายละ รู้อายุเลย)

หลังจากนั้นก็หายไปสักพัก ก่อนจะได้กลับมาใช้ใหม่

วันนี้ขอเริ่มจาก Ampoule pad ของ CNP Laboratory ก่อนเลย

น้องเป็นสูตร Propolis บนกล่องจะมีเคลมว่า เอาส่วนผสมหลักจาก Propolis ampoule มาใส่ในนี้ค่ะ

หน้าตาเป็นแบบนี้

ตรงนี้เป็นส่วนของกล่อง

เวลาเปิดมาก็จะมีที่คีบมาให้ค่ะ

ตัวแผ่น pad จะมี 2 ด้าน ด้านหนึ่งจะมีความขรุขระกว่า เวลาใช้งานเราจะเอาด้านนี้เช็ดก่อน เป็นเหมือนกันผลัดผิวด้วยแรงเช็ด-แรงเสียดทาน (mechanical exfoliation) แบบเบาๆ

จากนั้นใช้ด้านเรียบเช็ดเบาๆ

ถ้าเป็นทางนี้จะเอาด้านเรียบมาแปะๆ tapๆ เบาๆ จนซึม

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวมส่วนผสมมาในเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (ยกเว้นน้ำมันหอมระเหยเพื่อแต่งกลิ่น) ซิลิโคน และแอลกอฮอล์

สารบำรุงมีอยู่หลายตัว ซึ่งแบ่งเป็นหลายๆ กลุ่ม

ชื่อผลิตภัณฑ์คือ Propolis ดังนั้น มาวิเคราะห์ตัว Propolis ก่อนเลย

Propolis เป็นสารประกอบที่ผึ้งสร้างขึ้นมาจากน้ำลายผึ้งผสมกับไขผึ้ง และสารอื่นๆ ที่เก็บมาจากดอกไม้ ต้นไม้ที่พึ่งไปเกาะมา กลายเป็นสารเหนียวๆ บางทีเรียก กาวผึ้ง ทำหน้าที่ยึดติดรังเอาไว้ด้วยกัน

ใน Propolis ประกอบด้วยสารในกลุ่ม Polyphenol ที่มีประโยชน์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีคุณสมบัติในการระงับเชื้อจุลินทรีย์บางประเภท มีงานวิจัยพบว่า Propolis ปกป้องผิวจากรังสี UV โดยไปกดการสร้างเอนไซม์ MMP-1 ที่จะไปย่อยสลายคอลลาเจน (Kim et al., Nutrients. 2020;12(12):3790.) มีข้อมูลสนับสนุนว่า สารประกอบ phenolic เช่น caffeic acid, coumaric acid, and ferulic acid ใน propolis ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ (J. Cosmet. Dermatol. 2015;14:47–63.)

กลุ่ม pre-pro-post biotics มีด้วยกันหลายตัว

  • Prebiotics จะเป็น Beta-glucan ซึ่งเป็น prebiotics ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ มีประโยชน์เรื่องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดการอักเสบ การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Beta-glucan ที่สกัดจากข้าวโอ๊ตมีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ผิว ให้โตเต็มวัย ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และฟื้นฟู Barrier ผิว (Int J Biol Macromol. 2021;185:876-889.)
  • Postbiotics จะเป็นพวก Lactobacillus ferment กับ พวกสารสกัดจากพืชที่ผ่านกระบวนการหมักด้วย Lactobacillus และ Saccharomyces ซึ่งจะได้สารที่มีประโยชน์ทั้งจากพืช และที่จุลินทรีย์สร้าง รวมถึงแปรสภาพต่างๆ อย่าง Lactobacillus/Soybean Ferment Extract นี้มีข้อมูลอยู่ว่า พวกสาร Isoflavone ตามธรรมชาติในถั่วเหลือง ปกติจะอยู่ในรูปแบบที่เกาะกับน้ำตาลอยู่ เรียกว่า Glycoside เมื่อหมักแล้ว เชื้อจะเปลี่ยนพวก Glycoside ให้กลายเป็นตัว Isoflavone เฉยๆ (เรียก Aglycone) ซึ่งมีคุณสมบัติ antioxidant ที่ดีขึ้น

กลุ่มสาร Soothing-ดูแลการระคายเคือง

เป็นสามสหาย Dipotassium glycyrrhizate + Panthenol + Allantoin เติมมาด้วย Cica

ใช้ Hya และน้ำผึ้งช่วยเติมน้ำเพิ่มความชุ่มชื้น

แต่งกลิ่นแนว Herb ด้วย น้ำมันหอมระเหยจาก Sweet geranium (perlagonium graveolens) ทำให้นัวขึ้นด้วยสารหอม Citronellol, Geraniol, Linalool

ในภาพรวมถือว่าทำมาได้น่าสนใจทีเดียว

ช้อปปิ้ง

https://s.shopee.co.th/1LVPbijOPV

https://s.lazada.co.th/s.BJl5N?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Isdin Hyaluronic moisture ครีม สูตร Sensitive

Blog นี้ขอหยิบเอาครีม Hyaluronic acid สูตรที่พัฒนาและออกแบบมาสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายจากแบรนด์ ISDIN ที่มีชื่อว่า Hyaluronic moisture สูตร Sensitive skin (รุ่นกระปุกสีชมพู)

โดยใน Blog นี้จะขอย่อชื่อน้องว่า HMS นะคะ

น้องมีหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ตัวครีมมีแพคเกจเป็นกระปุก

ซึ่งซีรี่ส์ Hyaluronic moisture ทั้ง 2 สูตรนี้มีความรักษ์โลกตรงที่สามารถรีฟิลได้ค่ะ

(Image from ISDIN official website)

ท้าพิสูจน์ ลองแกะดู ก็แกะได้ไม่ยาก

ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ ISDIN โดยฉพาะในไลน์ ISDINCEUTICS ก็คือมั่นใจได้เลยว่าผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยมาแล้วแน่นอน น้อง HMS ก็เช่นกัน

โดยทางแบรนด์มีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครเพศหญิงจำนวน 30 คน ให้ทาผลิตภัณฑ์วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ประเมินผลด้วยแพทย์ผิวหนังและแบบสอบถามให้อาสาสมัครประเมินตนเอง (Self-assessment questionnaire)

พบว่า

  • 97% ของอาสาสมัครมีผิวที่มีสุขภาพดีขึ้น
  • 93% ของอาสาสมัครพบว่า รอยแดงลดลงได้ทันทีในหลังทา
  • 93% ของอาสาสมัครรู้สึกสบายผิว

ผลการทดสอบด้านการลดอาการแดงของผิว

(Image from ISDIN Thailand)

     ก็คือสามารถลดรอยแดงลงได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อให้อาสาสมัครใช้วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์

จากความเด่นในการลดรอยแดง และดูแลการระคายเคืองนี้เอง ที่ทำให้เราสามารถเอาน้องมา Mix & Match เข้ากับ ISDIN retinal intense เพื่อดูแลการระคายเคืองที่อาจจะเกิดได้อย่างลงตัว

ทางไปอ่านรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Retinal intense >>Click<<

ในด้านของเนื้อครีม น้องเป็นครีมที่ออกแบบมาให้มี Texture ที่คล้ายๆ อิมัลชั่นเจล อารมณ์แบบลูกผสม เจล-ครีม

มีกลิ่นหอมเป็นโทนดอกไม้หวานๆ เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความชุ่มชื้นสูง ให้ความรู้สึกเย็น และสบายผิว ใช้เวลาสักนิดในการซึม/แห้ง ฟีลลิ่งหลังใช้ผิวนุ่ม ไม่เหนอะหนะ

ด้วย Texture แบบนี้เอามาทำ Retinol sandwich ส่วนตัวรู้สึกว่า ก็ดีอยู่ ไม่หนักผิวเท่าไหร่

ลองมาดูส่วนผสมกันบ้าง

ในส่วนของแบรนด์เคลม แบรนด์ได้เคลมส่วนผสมไว้ 3 กลุ่ม ดังนี้

  • Tri-moisture complex ที่เป็นการเบลนด์ Hya ขนาดกลาง และเล็ก เข้ากับ Pro-vitamin B5 และ Moisturizing biopolymers
  • Multi-protection complex ที่เป็นการเบลนด์ Vitamin E, Exo-P และ VitA-Tech เพื่อให้สมบัติ Antioxidant, Anti-pollution และ Anti-aging ไปพร้อมๆ กัน
  • Redness relief complex ด้วย Niacinamide และสารบำรุงอื่นๆ

เราลองมาดูรายละเอียดของสารบำรุงที่น่าสนใจโดยละเอียดกันค่ะ

ด้วยความที่น้องมีชื่อว่า Hyaluronic moisture ก็เลยขอเริ่มที่ Moisturizer ในกลุ่มสีฟ้า

  • Medium and Low molecular weight hyaluronic acid ที่เติมน้ำให้ผิวในหลากหลายระดับความลึกของชั้นหนังกำพร้า ให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น
  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 ที่มีประโยชน์กับผิวหลายประการ ทั้งในแง่ของการเสริมความชุ่มชื้น ฟื้นฟู Barrier ผิวที่เกิดความเสียหาย และดูแลการระคายเคือง โดยตัว Panthenol นั้น มีข้อมูลสนับสนุนว่า สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้ มีคุณสมบัติเป็น Moisturizer ที่ดี เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยผิวกักเก็บน้ำโดยไปลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ให้ผิวนุ่ม ยืดหยุ่น เสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) ลดการอักเสบระคายเคือง ลดรอยแดง (Ebner et al., Am J Clin Dermatol. 2002;3(6):427-33.)
  • Trehalose เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ที่เติมน้ำให้ผิวได้อย่างยาวนาน
  • Urea เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นที่ได้รับการยอมรับในวงการผิวพรรณอีกตัวหนึ่ง น้องเป็น Natural moisturizing factor (NMF) ที่ช่วยจับน้ำให้ผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และมีรายงานสนับสนุนว่า Urea เสริมการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ (Differentiation) ของเซลล์ Keratinocyte ในชั้นหนังกำพร้า ให้ผิวมีความแข็งแรง เสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว และเสริมภูมิคุ้มกันของผิว โดยไปเสริมการสร้าง Peptide ที่มีฤทธิ์ต่อต้านจุลชีพตามธรรมชาติบนผิว (Dirschka, Int J Clin Pract. 2020;(74, S187):e13569
  • Serine เป็นกรดอะมิโน ที่เป็น NMF เช่นกัน สำหรับ Serine นั้นผิวอาจหยิบไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ Ceramide ได้

ถัดมา เรามาดูกลุ่ม Multi-protection complex กัน

  • Alteromonas Ferment Extract หรือ ที่รู้จักในชื่อการค้าว่า Exo-P ซึ่งเป็น Polysaccharide ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากมลภาวะ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • Vigna aconitifolia Seed Extract หรือสารสกัดจากถั่ว Moth bean ตัวนี้ถ้าดูองค์ประกอบที่มี Maltodextrin ด้วย จะเข้ากันได้กับวัตถุดิบ Vit-A-Like® PW LS 9898 ของ BASF ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีผลการทดสอบทั้งในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง ผิวหนังจำลอง และในอาสาสมัคร โดยพบว่า สารสกัดนี้ สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เสริมกระบวนการผลัดผิวอย่างอ่อนโยน ซึ่งเหมาะกับผิวแพ้ง่าย และลดเลือนริ้วรอยในอาสาสมัคร (Ref: TDS Vit-A-Like® PW LS 9898)
  • Tocopherol และ Tocopheryl acetate เป็น Antioxidant ที่ละลายได้ในไขมัน ปกป้ององค์ประกอบของไขมันในผิวไม่ให้เสื่อมสภาพเพราะอนุมูลอิสระ

ต่อมาเป็นกลุ่ม Soothing แทนด้วยสีบานเย็น

  • 4-t-Butylcyclohexanol หรือที่รู้จักกันในนาม Symsitive ซึ่งให้ประโยชน์ในการลดการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Hydroxyphenyl Propamidobenzoic Acid หรือ Oat avenanthramide ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่พบในข้าวโอ๊ต มีคุณสมบัติเด่นในการลดการระคายเคือง ดูแลการแพ้ การคัน และให้ความรู้สึกสบายผิว

ปิดจ๊อบด้วย Niacinamide ที่มีประโยชน์กับผิวมากมายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว เสริมการสร้างไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว ให้ผิวแข็งแรง ลดการส่งผ่าน Melanin ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปสู่ภายนอก และชะลอวัย

ส่วนผสมอื่นๆ เลือกมาอย่างดี ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง: ถึงแม้ชื่อจะมาด้วย Hyaluronic moisture แต่ส่วนผสม Beyond เกินไปกว่านั้น เพราะว่านอกจากจะเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว ในสูตรยังเสริมสารบำรุงที่ดูแลการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะ และ ดูแลปัญหาริ้วรอย หรือ ปัญหาผิวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามอายุไปได้พร้อมๆ กัน ส่วนตัวว่าทำมาได้ค่อนข้างครบ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ: ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ: ในแง่ของการ Formulate น้อง HMS ทำมาได้ค่อนข้างดี เลือกใช้สารเพื่อมาเสริมกันได้อย่างลงตัว ในด้านเนื้อสัมผัส น้องมาในเนื้อแบบครีมเจล กลิ่นหอมแนวดอกไม้หวานๆ เกลี่ยง่าย ให้ความรู้สึกเย็นและสบายผิว ส่วนตัวผิวผสม-แห้ง รู้สึกว่าชุ่มชื้นพอดี ไม่เหนอะหนะและไม่หนักผิวเกินไป แต่ก็คงความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี ให้คะแนนความชอบ 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทยด้วยค่ะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่มาให้ได้เรียนรู้ เปิดหูเปิดตา และรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบบทความ

สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.oJBGf?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/8KUlV8JjhS

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมาส์กหน้าเติมน้ำเพื่อความโกลวฉ่ำ Barulab Hydroasis

เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 mask sheet ที่สร้างความโกลว์ให้ผิวได้แบบสับแบบฉ่ำ เหมาะกับการเตรียมผิวสำหรับวันสำคัญ และ ฟื้นฟูผิวหลังหมดวัน

เป็น มาสก์หน้าที่มีชื่อว่า Hydroasis จากแบรนด์ Barulab นั่นเองค่ะ

ซึ่งคราวก่อนทางเพจนำเสนอรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Vegan mask sheet series ไป วันนี้ขอหยิบเอาสูตร Hydroasis มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมบ้างนะคะ

สำหรับท่านที่สนใจตามไปอ่าน Vegan mask sheet series สามารถติดตามได้ที่ลิงค์นี้นะคะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

น้ำมาส์กจะเป็นเนื้อคล้ายเซรั่ม มีความหนืดนิดหน่อย

ค่า pH ของน้ำมาส์กอยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

คำถาม ตุ๊กตา Cinderella ข้างกระดาษวัด pH นี่คืออะไรคะหญิง?

คำตอบ คือ จะบอกว่า น้องเป็น Mask sheet ที่สามารถพลิกผิวนางซินให้เป็นเจ้าหญิงพร้อมออกงาน และฟื้นฟูสภาพผิวหลังจบงานได้ดีค่ะ เลยขอมอบตุ๊กตานางซินให้นาง

แผ่นมาสก์ค่อนข้างบาง และแนบสนิทกับผิว

แผ่นมาส์กอุ้มน้ำได้ค่อนข้างดี ซึ่งก็ไม่ค่อยแปลกใจค่ะ เพราะว่าตัวแผ่นทำมาได้ค่อนข้างดี เป็นเส้นใยที่ถักทอมาอย่างดี มีรูพรุน เลยอุ้มน้ำมาส์กที่พัฒนาสูตรมาให้มีความหนืดเล็กน้อยได้ดี

(ภาพนี้ถ่ายหลังจากใช้งานเสร็จ แล้วปล่อยให้แห้งเพื่อสังเกตเส้นใยของแผ่นมาส์ก)

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ชุดนี้จะเน้นไปที่การเติมน้ำให้ผิวด้วย Hyaluron 6 รูปแบบ และ ใช้สารบำรุงที่ดูแลด้านการระคายเคือง ร่วมกับสกัดจากพืช ที่เมื่อเชคกับฐานข้อมูลของผู้ผลิตวัตถุดิบสารสกัดรายใหญ่ หลายๆ เจ้า จากเกาหลี สารสกัดทุกชนิดจะให้ข้อมูลไปในทางเดียวกัน คือ เรื่องของ การต่อต้านการอักเสบ และลดการระคายเคือง ซึ่งเมื่อมาจับมือกับ Panthenol ก็จะได้ทั้งเรื่องของความชุ่มชื้น ดูแลปัญหาการระคายเคือง และเสริมกระบวนการฟื้นฟู Barrier ตามธรรมชาติ

เราลองมาดูสารบำรุงกันนะคะ

  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 เปิดนำมาด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้น ดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และเสริมกระบวนการฟื้นฟู Barrier ผิวตามธรรมชาติ
  • Hyaluron 6 รูปแบบ ซึ่งมีประโยชน์ในการเติมน้ำในหลากหลายระดับชั้นผิว (ชั้น Epidermis) และเคลือบผิว เพื่อเสริมกระบวนการอุ้มน้ำให้ผิว
  • สารสกัดจากชาเขียว เป็น Antioxidant ที่ดี และยังมีประโยชน์เด่นๆ ในด้านของการดูแลกระบวนการอักเสบ และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • สารสกัดจากชะเอม (Glycyrrhiza glabra) ที่นอกจากจะดูแลเรื่องการระคายเคือง แล้วยังได้ประโยชน์ในเชิง Whitening ด้วยนิดหน่อย จับมือมากับ Dipotassium glycyrrhizate ซึ่งเป็นสารที่พบในชะเอม เด่นเรื่องการดูแลการอักเสบระคายเคืองเช่นกัน
  • พืชหลากหลายชนิดที่พบได้ในเกาหลี ข้อมูลจากผู้ผลิตเกาหลี ระบุไปในทางเดียวกัน หลักๆ จะเป็น Anti-inflammatory รองๆ จะเป็น Antioxidant ซึ่งพืชเหล่านี้ประกอบด้วยพฤกษเคมีหลายกลุ่ม เช่น Flavonoid
  • สารสกัดจากขิง (Zingiber officinale extract) เป็น Antioxidant
  • สารสกัดจากเมล็ด Grapefruit พอมีข้อมูลอยู่ในแง่ของการยับยั้งจุลินทรีย์บางชนิด

มาให้คะแนนกัน

  1. สารบำรุง ในภาพรวมเอาเป็นว่าน้องเป็นแผ่นมาส์กที่เน้นเติมน้ำแบบฉ่ำ พร้อมทั้งให้ความรู้สึกสบายผิว ด้วยการดึงเอา Hya 6 รูปแบบ มาจับมือกับ Panthenol และสารสกัดจากพืช รวมถึงสารบำรุงอีกหลายชนิด เหมาะมากกับการดูแลผิวในวันที่เหนื่อยล้า หรือเตรียมผิวไว้ให้พร้อมรับวันหนักๆ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดที่ให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวค่อนข้างชอบ Mask sheet รุ่นนี้ ได้ลองใช้เตรียมผิวคืนก่อนไปออกงาน และใช้ฟื้นฟูผิวหลังจากออกงาน ส่วนตัวว่าน้องทำมาได้ตอบโจทย์นะคะ มอบความโกลว์ฉ่ำ เอาไปเลยไม่ต้องพูดเยอะ 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Barulab ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา และได้ทดลองใช้ทันวันอีเวนท์ใหญ่เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 67 ที่ผ่านมาพอดี

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเพจของแบรนด์เลยนะคะ

https://www.facebook.com/barulabTH

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.ovsPO?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/6zzWJS9EsS

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Barulab สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Curecode the series ภาค Ultra Soothing Radiance Gel และ Intensive CalmAGE ointment

เชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะเคยเห็นผลิตภัณฑ์และแอบเล็งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากทาง Curecode กันอยู่

วันนี้ขอข้ามช็อต มารีวิวไลน์ใหม่ของ Curecode ที่พึ่งออกมาในปี 2024 นี้โดยมีอยู่ด้วยกัน 2 สูตร คือ Ultrasoothing Radiance Gel ขอย่อว่า RG และ Intensive ClamAGE Ointment ขอย่อว่า CO

ซึ่งมีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

ว่าด้วยคอนเซปท์และนวัตกรรมของแบรนด์ Curecode กันก่อนนะคะ

แบรนด์ Curecode นั้นเป็นแบรนด์ที่พัฒนาโดย Dr.Raymond Park ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวแพ้ง่ายและบอบบางระดับโลก ซึ่ง Dr. นั้นได้รับรางวัลมาการันตีความสามารถมากมายเลยค่ะ

  • ได้รับรางวัลหนึ่งในนักพัฒนาสูตรชั้นสูงระดับโลก Master Skin Care Formulators in Professional Beauty เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2014
  • ผู้นํา นวัตกรรมและเทคโนโลยี นักวิจัยด้านปราการผิวและผิวบอบบางแพ้ง่าย
  • งานวิจัยตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 50 ชิ้น
  • จดสิทธิบัตรมากกว่า 50 ชิ้น
  • ได้รับรางวัล Albert Nelson Marquis Lifetime Achievement Award ในปี 2021

ไม่เบาเลยนะคะ

โดยทางแบรนด์ Curecode จะเด่นด้านนวัตกรรม Neuromide Skin-Biome® Science และ Crystal Lamella MES® Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตรค่ะ

มาทำความรู้จักกับ Neuromide® ก่อนนะคะ น้องมีชื่อ INCI name ว่า N-palmitoyl serinol ซึ่งเป็นสารที่จุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อ Probiotics เชื้อเจ้าบ้านบนผิวของเรา สร้างขึ้น (เรียกได้ว่าเป็น Metabolite ของ probiotic หรือที่ในวงการเรียกว่าเป็น Postbiotic นั่นเอง)

สำหรับ N-palmitoyl serinol (ย่อว่า NPS) นั้นเป็น Analog ของ N-palmitoyl ethanolamine ซึ่งเป็นสารที่จับกับตัวรับ endocannabinoid system แล้วให้ประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายอย่าง เช่น การเสริมการสังเคราะห์ Ceramide

นั้นมีงานวิจัยที่น่าสนใจอยู่ 2 ชิ้นค่ะ

  • การศึกษาในปี 2021 พบว่าการทา NPS ในโมเดลหนูทดลองที่เป็นโรค Atopic dermatitis โดยให้หนูทาตำรับ 0.5% NPS วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ พบว่า NPS เร่งการฟื้นฟู Barrier ผิว และลดการระเหยของน้ำออกจากผิว (Trans-epidermal water loss; TEWL) ได้ (Wen et al., Can J Vet Res. 2021;85(3):201-204.)
  • การศึกษาอีกชิ้น ทำในผิวหนังเพาะเลี้ยง NPS นั้น สามารถกระตุ้นการสังเคราะห์ Ceramide ผ่าน Receptor CB-1 ของระบบ endocannabinoid system โดยเฉพาะ Ceramide สายยาว (long-chain fatty acids (FAs) (C22-C24)) ที่มีความสามารถในการเป็น Barrier ที่แข็งแรง (Int J Mol Sci. 2021;22(15):8302.)

การใช้ Pre-Pro-Post biotics ร่วมกัน เราอาจเรียกได้ว่าเป็น Tri-biotics โดยทาง Curecode มีการเลือกใช้ Tribiotics ดังภาพ

(Image from Curecode)

  • Prebiotics 2 ชนิด โดย เลือก N-acetyl glucosamine ที่เป็นอาหารเลี้ยง probiotics กลุ่ม Lactobacillus spp. ร่วมกับ Sialyl lactose ที่เป็นอาหารเลี้ยง probiotics กลุ่ม Bifidobacterium spp.
  • Probiotics ใช้เป็น Bifida ferment lysate
  • Postbiotics ใช้เป็น Neuromide (N-palmitoyl serinol) ซึ่งเป็นสารที่จุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อ Probiotics เชื้อเจ้าบ้านบนผิวของเราสร้างขึ้นมาค่ะ

สำหรับตัวเทคโนโลยีอีกชิ้น คือ Microencapsulation system หรือ MES® technology นั้นทางแบรนด์เป็นการเตรียมตำรับให้อยู่ในรูปแบบของ Multiple lamellar delivery system ที่จะมีลักษณะของไขมันที่เรียงตัวกันเป็นชั้นๆ มีช่องว่างให้น้ำแทรกอยู่ แล้วบรรจุเอาสารบำรุงหลายชนิด โดยที่ละลายน้ำได้จะอยู่ในส่วนของช่องว่าง และ ที่ละลายในไขมัน จะอยู่ในชั้นของไขมัน ดังภาพ

ภาพซ้ายจะเป็น Emulsion แบบปกติ และภาพขวาจะเป็น MES

(Image from Curecode)

ซึ่งการเรียงตัวแบบ MES นี้ ถ้าส่องดูด้วย Polarized microscope จะพบว่าเป็นการเรียงตัวแบบเดียวกับไขมันที่เป็น Barrier ผิว จึงมีประโยชน์ในการนำส่งสาร และดูแลฟื้นฟู Barrier ให้แข็งแรง

ดังนั้น Core concept สูตรของ Cure code คือ จะมี องค์ประกอบหลัก 3 ชนิด ได้แก่

  • Microbiome science (Tri-biotics)
  • Neuromide เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และดูแลการระคายเคือง + Soothing (ให้ความรู้สึกสบายผิว)
  • MES technology เพื่อฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง

จากนั้นจึงมาผสมกับสารเสริมเพื่อให้ตอบความต้องการตามแต่ละสูตร

สำหรับ Blog นี้ขอเริ่มที่ Ultrasoothing Radiance Gel ก่อนเลยนะคะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

แพคเกจเป็นแบบหลอดบีบ

เนื้อเป็นแบบ Emulsion gel หรือ ครีมเจล คล้ายครีม แต่จะบางเบากว่า

เกลี่ยได้ง่าย มีความชุ่มชื้นดี แต่ไม่ถึงกับเหนอะหนะ ไม่มีกลิ่นเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

ก่อนไปดูส่วนผสม ผลิตภัณฑ์นี้ได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพในอาสาสมัครโดยแลปที่ได้รับมาตรฐาน และเป็น 3rd party (คือไม่เกี่ยวข้องกับทางบริษัท เพื่อลด bias ในผลการทดสอบ) มาเรียบร้อยแล้วนะคะ

  • ผลิตภัณฑ์ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันในอาสาสมัครทดสอบ ช่วงอายุ 20 – 40 ปี
  • ผลิตภัณฑ์ไม่ก่อเกิดการระคายเคือง ทดสอบด้วยวิธี patch test ในอาสาสมัครทดสอบ ช่วงอายุ 20 – 60 ปี (ค่าคะแนนเฉลี่ยของการระคายเคือง หรือ MII = 0.00 หมายถึงไม่ระคายเคือง)
  • ในด้านของประสิทธิภาพ
    • พบว่าสามารถควบคุมความมันในอาสาสมัครได้ด้วย โดยผลในการควบคุมความมันเห็นผลตั้งแต่สัปดาห์แรก และเมื่อใช้ไปต่อเนื่องจนครบ 4 สัปดาห์ ก็มีประสิทธิภาพควบคุมความมันได้เพิ่มขึ้น อันนี้น่าสนใจค่ะ เพราะเวลาเราพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ดูแล Barrier ผิว เรามักจะเจอว่าน้องไปทำให้ผิวมันขึ้น ด้านความสว่างกระจ่างใสของผิว เริ่มเห็นผลว่าความกระจ่างใสของผิวเพิ่มขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1 และเพิ่มขึ้นได้อีกเมื่อใช้เป็นเวลา 4 สัปดาห์
    • ส่วนผลด้านความชุ่มชื้น-ผิวแข็งแรงนั้นก็ให้ผลที่ดีเช่นกันค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

ส่วนผสมชุดนี้ทำไว้หลายสีอยู่เหมือนกัน

ขอเริ่มที่ Combination signature ของแบรนด์ Curecode ตัวแรก Tribiotics ได้แก่

  • Prebiotics: N-acetyl glucosamine (NAG) เป็นอาหาร probiotics กลุ่ม Lactobacillus spp. ร่วมกับ Sialyl lactose เป็นอาหาร probiotics กลุ่ม Bifidobacterium spp.
    • โดย NAG มีประโยชน์กับผิวอีกหลายอย่างเลยจะหยิบมาพูดอีกรอบ
  • Probiotics: Bifida ferment lysate (BFL) ที่มีประโยชน์หลายประการ เด่นๆ น้องจะ ฟื้นฟูและปรับสภาพ สมดุลผิวผ่านหลายๆ กลไก ล่าสุดงานวิจัยของ Wang และคณะ ตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้วเจอว่า BFL ปรับสภาพสมดุลผิวผ่านหลาย Gene หลายกลไก ผลโดยรวมคือ ผิวแข็งแรง ลดการระคายเคือง และเสริมความต้านทานของผิวให้ผิวเราทนทานมากขึ้น (J Cosmet Dermatol. 2023;22(12):3427-3435.)
  • Postbiotics: Neuromide® หรือ N-palmitoyl serinol ให้ผิวแข็งแรงเช่นกัน

ถัดมาเป็นเทคโนโลยี MES ที่บรรจุสารไว้หลายชนิด ที่น่าสนใจ คือ Phytosterol และ Ceramide NP (Ceramide 3) เอาไว้ เสริม Barrier ผิวอีก 1 กรุบ

เนื่องจากสูตรนี้จะเด่นเรื่องความกระจ่างใสด้วย โดยสารที่ให้ประโยชน์ด้าน Whitening จะมีด้วยกันหลายตัวเหมือนกันค่ะ

  • Niacinamide ที่มีประโยชน์กับผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening ผ่านการยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมาด้านนอก รวมไปถึงด้านการดูแลการอักเสบระคายเคือง Antioxidant เสริมการสร้าง Barrier ผิว และควบคุมความมัน
  • NAG ตัวนี้เป็นอนุพันธ์ของน้ำตาล และเป็นหน่วยย่อยในสาย Hya มีรายงานว่า NAG สามารถยับยั้งการ Glycosylation เพื่อเปลี่ยน pro-tyrosinase ไม่ให้เป็น tyrosinase จึงไม่มีฤทธิ์สร้างเม็ดสี ควบคุมการผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น (Int J Cosmet Sci. 2010;32(3):234.) มีการศึกษาโดย Kimball และคณะเมื่อปี 2010 ให้อาสาสมัครทาครีมที่มีส่วนผสมของ Niacinamide 4% + NAG 2% ในอาสาสมัครจำนวน 101 คน เป็นเวลา 10 สัปดาห์ เทียบกับครีมเปล่าที่ไม่มี B3+NAG พบว่ากลุ่มที่ได้รับครีม B3+NAG มีสีผิวที่สม่ำเสมอขึ้น จุดด่างดำต่างๆ แลดูจางลง (Br J Dermatol. 2010;162(2):435-41.)
  • Resveratrol สาร Antioxidant ตัวแม่ตัวหนึ่งในวงการ นอกจากคุณสมบัติในการเป็น Antioxidant แล้ว ยังมีงานวิจัยกล่าวถึงคุณสมบัติในการเป็น Whitening และ Anti-aging ผ่านหลายๆ กลไก เช่น การทดสอบในหนูทดลองพบว่า Resveratrol สามารถลดการสร้างโปรตีนที่เกี่ยวกับการสร้างเม็ดสี Melanin ได้หลายชนิด รวมทั้งยับยั้งการสังเคราะห์ Tyrosinase ได้ด้วย และยังให้ผลลดการสร้างสีผิวหลังจากถูกกระตุ้นด้วยรังสี UVB ได้ (Biomol Ther (Seoul). 2014; 22(1):35-40.)
  • Palmitoyl Tetrapeptide-10 ตัวนี้ถ้าพิจารณาดูจาก Breakdown ส่วนผสมแล้วน่าจะหมายถึง Crystalide™ ของ Sederma ซึ่งมีการออกฤทธิ์ที่เป็นเอกลักษณ์ผ่านโปรตีน α-Crystallin ปรับสมดุลความชุ่มชื้น การผลัดผิว การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหน้าที่ให้ได้ Corneocyte ที่สมบูรณ์ และช่วยให้ผิวแลดู Glow มีผลการทดสอบในอาสาสมัครรองรับโดยบริษัท (Ref: Crystalide™)

ลดการระคายเคืองผิวด้วย Symsitive® (4-t-Butylcyclohexanol) ที่จูงมือมากับ Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester, Allantoin, สารสกัดจากบัวบก และ St.John’s Wort (Hypericum perforatum Flower Extract)

เติมน้ำ และเสริมความชุ่มชื้นให้ผิว

  • Panthenol ที่ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง เสริมกระบวนการฟื้นฟู barrier ผิว
  • Sodium Hyaluronate ตัวแม่แห่งวงการเติมน้ำ
  • Ethyl linoleate ปรับสมดุลความชุ่มชื้นผิว นำพาเอากรดไขมันจำเป็น Linoleic acid ลงไปในผิว แล้วผิวเราจะย่อยออกมาได้ Linoleic acid ที่เอาไปใช้ต่อได้ (Ref: TDS Synovea® EL)

ในภาพรวมก็คือ เป็นมอยส์ที่พัฒนามาได้ค่อนข้างดี และตอบโจทย์ทั้งด้านการดูแลผิวให้แข็งแรง ปกป้องผิวให้มีความต้านทาน ทนทานต่อการระคายเคือง พร้อมได้ประโยชน์ด้านผิวกระจ่างใส

ถัดมาจะเป็น Intensive ClamAGE Ointment ที่มาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

แพคเกจจะเป็นแบบหลอดเช่นกัน

เนื้อคล้ายบาล์ม ไม่มีกลิ่น เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

การเกลี่ยอาจจะฝืดๆ หน่อย ตามลักษณะของเนื้อครีมแบบบาล์มแบบนี้ เรื่องของความชุ่มชื้นคือฉ่ำมาก แต่ไม่ถึงกับเหนียวเหนอะหนะ หรือเยิ้ม ทิ้งไว้สักพักก็จะซึมและให้ความรู้สึกสบายผิว

ก่อนไปดูส่วนผสม ผลิตภัณฑ์นี้ได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพในอาสาสมัครโดยแลปที่ได้รับมาตรฐาน และเป็น 3rd party (คือไม่เกี่ยวข้องกับทางบริษัท เพื่อลด bias ในผลการทดสอบ) มาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

  • ผลิตภัณฑ์ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันในอาสาสมัครทดสอบ 20 คน อายุเฉลี่ย 34.15 ปี
  • ผลิตภัณฑ์ไม่ก่อเกิดการระคายเคือง ทดสอบด้วยวิธี patch test ในอาสาสมัครทดสอบ 32 คน อายุเฉลี่ย 47.53 ปี (ค่าคะแนนเฉลี่ยของการระคายเคือง หรือ MII = 0.00 หมายถึงไม่ระคายเคือง)
  • ในด้านของประสิทธิภาพ
    • ประสิทธิภาพในการลดรอยแดงในอาสาสมัคร เห็นผลตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ใช้ และได้ผลดีขึ้นเมื่อใช้เป็นเวลาต่อเนื่อง 4 สัปดาห์
    • ประสิทธิภาพในการเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว เห็นผลตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ใช้
    • ประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอย เห็นผลตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ใช้ เช่นกัน
    • ส่วนผลด้านความชุ่มชื้น-ผิวแข็งแรงนั้นก็ให้ผลที่ดีเช่นกันค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้

สำหรับส่วนผสมก็จะมี Combination signature ของแบรนด์ Curecode ได้แก่ Tribiotics + Neuromide + MES technology ที่มาพร้อมหน้า และเสริมมาด้วยสารที่ดูแลริ้วรอย โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะเด่นในเชิงการป้องกันริ้วรอยใหม่ โดยเหมาะกับคนที่ไม่สามารถทนต่อ Retinoids ได้ หรืออยากชะลอวัยไว้ก่อนมันจะมา 

  • สารสกัดจากเปลือกส้ม (Citrus reticulata (Tangerine) Extract) ซึ่งประกอบด้วย Flavonoids หลายชนิด ที่เป็น Antioxidant ที่ดี และบางตัวมีคุณสมบัติด้าน Whitening
  • Soy isoflavone ที่ไม่ได้มาในรูปแบบของ soybean extract แต่มาในชื่อ Soy isoflavone ซึ่งจะมีความบริสุทธิ์ของเนื้อ Isoflavone อยู่สูง ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น Phytoestrogen มีประโยชน์ในการดูแลเรื่อง Antioxidant, การระคายเคือง และให้ผิวยืดหยุ่น กระชับ และนุ่มนวล
  • Resveratrol ตัวแม่แห่งวงการ antioxidant ที่ชะลอวัยได้ดี และมีรายงานในการเป็น Anti-aging ผ่านหลายๆ กลไก
  • ส่วนของ Acetyl glucosamine ก็ดูแลเรื่องริ้วรอย และความชุ่มผิวได้เช่นกัน

จะมีส่วนของ Alcohol เข้ามา ซึ่งคิดว่าเอามาปรับ Feel ให้ไม่เหนอะหนะ และส่วนตัวได้ทดลองใช้มาประมาณ เดือนครึ่ง ใช้ก่อนนอน ก็ไม่ได้มีปัญหาระคายเคืองใดๆ

สำหรับการให้คะแนนวันนี้จะขอหยิบเอา Ultra Soothing Radiance Gel มาเป็นตัวแทนในการให้คะแนนนะคะ

  1. สารบำรุง: ส่วนผสมทำมาได้ค่อนข้างดี เน้นการฟื้นฟู Barrier ผิวในทุกมิติ รวมถึงปรับสมดุล Microbiome ของผิว ดูแลเรื่องการระคายเคืองผิว พร้อมทั้งให้ประโยชน์ด้าน Whitening เพื่อให้ผิวกระจ่างใส และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบส่วนตัว ทางนี้ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์มาประมาณ 1 เดือน ในด้านของผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น รอยแดง ถือว่าทำมาได้ดีมาก และตอบโจทย์ ถ้าเทียบกับ Ampoule น้องจะชุ่มชื้นขึ้นและเด่นเรื่อง Whitening เพิ่มขึ้น โดยส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาเรื่องของสีผิวที่ผิดปกติ เลยจะยังตอบคำถามตรงนี้ไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าให้ความชอบ ขอให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Curecode สาขาประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบนะคะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Curecode โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/curecodeth

ทางไปตำ Radiance gel

แอพฟ้า: https://s.lazada.co.th/s.osdP3?cc

แอพส้ม: https://s.shopee.co.th/7UvgcTRGIi

ทางไปตำ Intensive CalmAGE ointment

แอพฟ้า: https://s.lazada.co.th/s.osdMt?cc

แอพส้ม: https://s.shopee.co.th/9f0BCU58zY

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Curecode สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มเรตินอยด์เจ็นใหม่ จาก Her Hyness รุ่น Bio-retinal melatonin advanced repair serum

อย่าพึ่งกลัว Retinoids ถ้ายังไม่ได้ลองสิ่งนี้

ขอมอบคำโปรยนี้ไว้ให้แก่ Her Hyness Bio-retinal melatonin advanced repair serum หรือน้อง Her Hyness ขวดม่วงนั่นเองค่ะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

ตัวแพคเกจด้านในจะมาในขวดแบบปั๊มที่เป็นอคริลิก แลดูหรูหรา

ในส่วนของเนื้อนั้นจะเป็นเนื้อน้ำนมที่ค่อนข้างบางเบา ส่วนหนึ่งที่ทำได้เบาขนาดนี้จะมาจากส่วนผสมของสารกลุ่มน้ำมันที่เขาเลือกใช้จะเป็นตัวที่ระเหยได้ เลยค่อนข้างให้สัมผัสที่ดี ไม่หนักและเหนอะหนะผิว

ตรงนี้เป็นอย่างไร สารตัวไหน เดี๋ยวมาเล่าอีกที

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลยอาจจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่บ้าง

ซึมไวแห้งไวให้สัมผัสบางเบา

ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง และผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic)

ส่วนผสมที่เลือกมาก็คือเบลนด์กันได้อย่างลงตัวเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะด้านริ้วรอยและการชะลอวัย

รายการส่วนผสม

ทางแบรนด์มีเคลมถึงการใช้ Retinoid complex 3.8% ซึ่งได้แก่

  • Retinoids 1% แบ่งเป็น Retinal 0.5% และ Hydroxypinacolone retinoate 0.5%
  • 2.8% Natural retinoic acid booster แบ่งเป็น Novoretin® 2% ร่วมกับ Phyto-retinol 0.8%

เสริมประสิทธิภาพในการชะลอวัยด้วย Melatonin และดูแลการระคายเคือง ด้วยสารบำรุงที่มีประสิทธิภาพในชุด Defensil® plus

ในส่วนของรายละเอียดแบบเจาะลึก ขอแบ่งสารมาพูดถึงเป็นส่วนๆ โดยเริ่มจากส่วนของ Retinoids และสารเสริม Retinoids ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ก็คือ เรียกได้ว่า เบลนด์กันได้อย่างดี เติม Retinoids ลงไป และปกป้องไม่ให้ Retinoids ในผิวสลายตัวไปโดยง่าย ดังนี้

  • Retinal หรือ Retinaldehyde ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีความแรงเพิ่มขึ้นจาก Retinol โดยประโยชน์ของ Retinoids ที่มีต่อผิวนั้นค่อนข้างกว้างค่ะ โดยจะเด่นไปในทางด้านของการชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย และดูแลเรื่องผิวไม่กระชับ หย่อนคล้อย ตัว Retinoids จะออกฤทธิ์ที่หลายระดับชั้นผิว จึงให้ประโยชน์หลายด้าน ถ้าเป็นที่ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เราจะได้เรื่องของการปรับสมดุลการสร้าง-แบ่งตัว-เปลี่ยนแปลงโครงสร้างหน้าที่และการผลัดออกของผิว (เซลล์ Keratinocyte) ในหนังกำพร้า รวมถึงลดการอุดตันผ่านการปรับสมดุลการสร้าง-ผลัดออกของ Keratinocyte ภายในรูขุมขน ถ้าเป็นที่หนังแท้ (Dermis) ก็จะไปเสริมการสร้างพวกเส้นใยไฟเบอร์ต่างๆ ที่เป็น Extracellular matrix (ECM) ในชั้นหนังแท้ รวมถึงไปลดการสังเคราะห์เอนไซม์ MMP ที่ไปทำลายคอลลาเจน

ตามทฤษฎีแล้ว Retinoids ถือว่าเป็นสารที่วงการแพทย์ยอมรับตัวหนึ่งในด้านของการเป็น Anti-aging

ในส่วนของ Metabolism ของ Retinoids เมื่อเข้าสู่ผิว เราจะสามารถสรุปได้ดังภาพนี้ค่ะ

โดย Retinal เมื่อลงผิว จะถูก Oxidize 1 Step แล้วได้ฟอร์มที่ออกฤทธิ์ได้เลย แต่ถ้าใช้ ฟอร์มอย่าง Ester อาจจะถูกเก็บไว้ก่อน ก่อนถูกเปลี่ยนเป็น Retinol หรือจะเปลี่ยนเลย อันนี้แล้วแต่ความต้องการของผิว ส่วนถ้าเป็น Retinol ก็จะถูก Oxidize ต่อ 2 Step ถึงออกฤทธิ์ได้

    

สำหรับ Retinal ที่ทางแบรนด์ใช้ แบรนด์เคลมว่าเป็น Retinal ที่ได้จากธรรมชาติ สร้างโดย Halobacterium ซึ่งเป็นกลุ่มของจุลินทรีย์ที่เจริญได้ในสภาวะแวดล้อมที่มีเกลือสูง เช่น ในมหาสมุทร

Retinoids และ Booster อื่นๆ ได้แก่

  • Hydroxypinacolone Retinoate หรือ HPR ตัวนี้รู้จักกันในวงการว่า Granactive retinoids ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ Retinoic acid น้องมีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยที่ดี มีความคงตัวดี และมีความระคายเคืองต่อผิวน้อย ข้อมูลจากบทความตีพิมพ์ในวารสาร Journal of American Academy of Dermatology ตีพิมพ์เมื่อปี 2018 ระบุว่า HPR นั้นสามารถจับกับ Receptor ของ Retinoids แล้วออกฤทธิ์ได้เลย และมีผลการทดสอบประสิทธิภาพในผิวหนังจำลอง (Ruth and Mammone, J Am Acad Derm. 2018;73(3 Suppl 1):AB44.)
  • Silybin เป็นสารประกอบกลุ่ม flavonolignan ที่พบในเมล็ดของ milk thistle plants (Silybum marianum) โดยตัวที่ทางแบรนด์ใช้นั้น เป็นรูปแบบของ Phytosome ที่เป็นผนังสองชั้น เตรียมขึ้นจาก Phospholipid เพื่อช่วยในการนำส่งสารเข้าผิว และรักษาความคงตัวของสาร (Food Biosci. 2016;15:126–35.) สาร Silybin นี้ ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีเคลมว่า กระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิวและการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ Hyaluronic Acid ยับยั้งการการทำงานของระบบ AP-1 ได้เหมือน Retinoids ซึ่งเมื่อระบบ AP-1 ถูกกระตุ้นจะนำไปสู่ การสร้างเอนไซม์ MMP มาย่อยสลายคอลลาเจน และกระบวนการอักเสบต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ

โดยมีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า Silybin สามารถลดเลือนริ้วรอยได้ดีกว่า Bakuchiol และ Retinol

  • สารสกัดจาก Pistacia Lentiscus (Mastic) Gum หรือ Novoretin® น้องเป็นวัตถุดิบที่ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงาน In-cosmetics ASIA 2022 โดยมีกลไกการออกฤทธิ์คือไปยับยั้งเอนไซม์ CYP26 ที่เป็นเอนไซม์ที่ย่อยสลาย Retinoic acid (RA) ในเซลล์ให้หมดฤทธิ์ เมื่อไปยับยั้งจะทำให้ RA ในเซลล์ไม่โดนย่อยสลาย จึงทำให้ RA ออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้น

   ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า Novoretin® สามารถเพิ่มการสะสมตัวของ RA ในเซลล์ได้ถึง 720% และยังสามารถ ออกฤทธิ์ที่ Retinoid receptor ให้ประโยชน์คล้าย Retinoids

  • Melatonin เป็นสาร Antioxidant ที่ดี ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีผลไปเสริมสร้างเอนไซม์ที่เป็น Antioxidant ตามธรรมชาติของผิว สาร Metabolites ต่างๆ ที่เกิดจากการแปรสภาพ Melatonin มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงมีประโยชน์อื่นๆ เช่น ลดการอักเสบระคายเคือง ลดการสร้างเอนไซม์ MMP ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจนทำให้เกิดริ้วรอยตามมา โดยในภาพรวม Melatonin นั้นมีประโยชน์ในด้านของการชะลอวัยและฟื้นฟูสภาพผิว รวมทั้งดูแลให้ผิวแข็งแรง (J Drugs Dermatol. 2018;17(8):966-969.)

สารบำรุงอื่นๆ ที่น่าสนใจได้แก่

  • Combination ของ Defensil® Plus ที่มีเคลมเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดการอักเสบ เสริมสร้างและฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในระดับอาสาสมัคร พบว่ามีประโยชน์ที่ดีในการลดการอักเสบ การแพ้ Soothing (ปลอบประโลมให้ความรู้สึกสบายผิว) ลดรอยแดง ช่วยเสริมความแข็งแรงของ Barrier ผิว โดยตรวจจากการระเหยของน้ำจากผิว (Trans-epidermal water loss; TEWL) ลดลง (Ref: TDS Defensil® Plus)
  • Niacinamide ซึ่งก็มีประโยชน์กับผิวหลายด้านเช่นกัน ในด้านการชะลอวัย น้องเป็นสารที่เสริมกระบวนการทำงานของผิวผ่านหลายๆ กลไก หนึ่งในนั้นคือ เป็นส่วนหนึ่งของ Cofactor NAD, NADP ซึ่งช่วยในการทำงานต่างๆ ของผิว ผลโดยรวมคือ ลดการอักเสบระคายเคือง เสริมการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว เป็น Whitening ผ่านการยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก ต่อต้านการเกิด Glycation และยังเป็น Antioxidant
  • Palmitoyl tripeptide-1 เป็นเปปไทด์ที่เกิดจากกรดอะมิโน 3 ตัว glycine, histidine, lysine มาจับกับกรดไขมัน Palmitic acid เพื่อเสริมการดูดซึม น้องเป็นเสมือน Messenger เพื่อเสริมกระบวนการฟื้นฟูและปรับสภาพผิว และมีข้อมูลว่าเสริมกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนและโปรตีนอื่นใน Extracellular matrix ของหนังแท้ ให้ผิวมีความกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
  • เพิ่มความชุ่มชื้นด้วย Hyaluronic acid สารสกัดจากน้ำผึ้ง และน้ำผึ้ง
  • Propolis สารพังกาวที่ได้จากรังผึ้ง มีคุณสมบัติที่ดีในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ ลดการอักเสบ เสริมการสมานแผล มีรายงานการวิจัยกล่าวว่า Propolis มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant และ การทดสอบในระดับเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Propolis ปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายจากรังสี UV (Biomed Pharmacother. 2017;95:47-54.)  
  • Royal jelly หรือ นมผึ้ง ประกอบด้วยสารสำคัญหลายชนิด อาทิเช่น 10-hydroxy-2-decenoic acid (10-HDA), antibacterial protein ที่ชื่อ apisin ในภาพรวมมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ เป็น Antioxidant ปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน (Int J Mol Sci. 2024;25(11):6023.)

ส่วนของเบส จะเห็น Isohexadecane ที่เป็นสารไขมันกลุ่ม Alkane ที่ระเหยได้ จึงให้เนื้อบางเบาไม่เหนอะหนะ และ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว สมกับคำเคลมเรื่องของความคลีน

สรุปและให้คะแนน

  1. สารบำรุง: เป็นเซรั่ม Retinoids ที่อัพเกรดมาอีกขั้น ตามคำเคลม #TheNextGenOfRetinol เลือกใช้สารบำรุงเข้ามาผสานกันได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการเอา Retinal มาจับกับ HPR เพื่อเติมลงไปให้ผิว พร้อม Block การสลายตัวของ RA ในผิวไม่ให้เสื่อมสลายไปโดยไว และเสริมสารบำรุงอื่นๆ เข้ามา เพื่อดูแลด้านการระคายเคืองที่อาจเกิด เพิ่มความชุ่มชื้น เสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน และให้ประโยชน์ได้ค่อนข้างครบ ไม่ใช่แค่ดูแลด้านริ้วรอย แต่ยังครอบคลุมไปถึงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดูแลสิว ผิวหมองคล้ำ ผิวไม่เรียบเนียน รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่น: ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ: อย่างแรกเลย ชอบด้านการ Formulate สูตรทั้งในแง่ของส่วนผสมของสารบำรุง และในแง่ของสารขึ้นเนื้อครีม ที่เลือกตัวเบาๆ ได้เหมาะกับสภาพอากาศและผิวของคนบ้านเรา การใช้งาน เนื้อเซรั่มค่อนข้างเบา เอาประยุกต์เข้า Routine ได้ง่าย ไม่เหนอะหนะไม่หนักไม่กวนการ Layer skincare ต่างๆ ให้ไปเลย 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Her Hyness นะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/herhynessbeauty

อยากบอกว่าทางแบรนด์มีโปรบ่อยมากค่ะ มีจำหน่ายทั้งในร้านชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น Watsons, Eve and Boy, Beautrium, Firster, All About You, และทางออนไลน์ค่ะ

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.oKhOK?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/2LDVdDDNvG

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Her Hyness การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์เซรั่มดูแลสิว Acniben® Night Concentrate Anti-Blemish serum จาก ISDIN

วันนี้ขอหยิบเอาเซรั่มดูแลสิวที่น่าสนใจมาวิเคราะห์ส่วนผสมเล่าสู่กันฟัง

โดยเซรั่มนี้มีชื่อว่า Acniben® Night Concentrate Anti-Blemish serum จากแบรนด์ ISDIN ที่พึ่งเปิดตัวไม่นานมานี้

เจ้า Acniben® Night Concentrate ที่ว่า มีหน้าตาประมาณนี้

ด้านในจะเป็นหลอดที่มีเทคโนโลยีแอบแฝงอยู่ด้วยค่ะ

นวัตกรรมแบบใด?

คือ ตรงก้นหลอดจะมีซีลอะลูมิเนียมปิดผนึกอยู่ ให้แกะออก แล้วกดตรงก้น คล้ายๆ แบบจับปากกา ตัว Retinaldehyde จะออกมาพร้อมกับเนื้อเบส ทำให้ได้ Retinaldehyde ที่มีความคงตัวและเหมือนเราได้ผสมสดใหม่ในทุกหยดที่เรากดค่ะ

วิธีใช้ก็คือ กด 5 ปั๊ม วอร์มบนมือ แล้วลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า

เนื้อเซรั่มจะมีสีเหลืองอ่อน ซึ่งเป็นสีตามธรรมชาติของ Retinaldehyde มีกลิ่นในโทนสดชื่น แนว Herb + Green

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ฟีลนุ่มลื่น ก่อนซึม/แห้งไปจนไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิว ซึ่งเรียกได้ว่าค่อนข้างตอบโจทย์คนที่มีปัญหาสิว ซึ่งมักจะเป็นคนที่มีสภาพผิวมัน

อารัมภบทเล็กน้อยก่อนไปวิเคราะห์ส่วนผสม

Acniben® Night Concentrate เป็นเซรั่มดูแลสิวที่มีการนำเสนอผลการวิจัยและการทดสอบประสิทธิภาพในการประชุมวิชาการแพทย์ผิวหนัง EADV Congress ปี 2023 ณ กรุงเบอร์ลิน (EADV ย่อมาจาก European Academy of Dermatology and Venereology)

โดยน้องมีความน่าสนใจและผ่านการทดสอบประสิทธิภาพกลุ่มอาสาสมัครที่มีปัญหาสิวดื้อ สิวเรื้อรัง พบว่าให้ประสิทธิภาพในการลดสิวเรื้อรังในกลุ่มอาสาสมัครลงได้ 45% เมื่อใช้เป็นเวลา 4 สัปดาห์

และด้วยความเป็น ISDIN เราไม่ต้องกังวลเลย เพราะทางแบรนด์ได้ทดสอบประสิทธิภาพของตัวผลิตภัณฑ์ทั้งระดับหลอดทดลองและในอาสาสมัคร ขอเลือกเฉพาะบางผลการทดสอบมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

  • ยับยั้งการเกาะติดของเชื้อสิว Cutibacterium acnes (C. acnes) บนผิว ได้ถึง 99% เมื่อทดสอบในผิวหนังที่เพาะเลี้ยง (Skin explants) ซึ่งให้ผลเทียบเท่า Benzoyl peroxide หรือ BP

(ภาพจาก ISDIN Thailand)

  • ยับยั้งการปลดปล่อยสารก่อการอักเสบชนิด IL-1alpha ได้ถึง 61%
  • ความมันบนใบหน้าลดลง 37.6% ใน 4 สัปดาห์
  • รอยแดงลดลง 30.4% ใน 12 สัปดาห์

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวมน้องเป็นเซรั่มที่มาในเบสแบบน้ำนม (Emulsion) มีส่วนผสมของสารบำรุงที่เน้นไปในทางการควบคุมความมัน ผลัดผิวแบบอ่อนๆ ดูแลการระคายเคือง และใช้ Retinaldehyde เป็นสารบำรุงสำหรับดูแลสิว

ลองมาดูส่วนผสมของสารต่างๆ ในสูตรกัน

  • Retinal (Retinaldehyde) เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอ ที่มีความแรงสูงกว่า Retinol เมื่อลงผิวจะแปรสภาพ 1 ขั้นตอน ได้ Retinoic acid ที่ออกฤทธิ์ได้เลย สำหรับประโยชน์ของ Retinal ที่ดีในด้านสิว ก็ได้แก่ การควบคุมและปรับสมดุลการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน-ผลัดเซลล์ผิวเพื่อลดการอุดตันทั้งในระดับของ Comedone (สิวอุดตันที่เกิดมาแล้ว) และ Microcomedone (การอุดตันน้อยๆที่รอวันเกิดออกมาจากรูขุมขน) ควบคุมความมัน และดูแลเรื่องการอักเสบ
    • มีรายงานว่าการใช้ Retinal สามารถเสริมกับยาในทางการแพทย์ เช่น กรณีศึกษาของ Morel และ คณะ (1999) พบว่าการใช้ Retinal 0.1% สามารถเสริมฤทธิ์กับ Erythromycin ที่เป็นยาปฏิชีวนะในอาสาสมัครที่มีสิวรุนแรงน้อย – ปานกลางได้เป็นอย่างดี (Clinical and Experimental Dermatology. 1999;24(5):354-357.)
  • กลุ่มสารลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) ได้แก่
    • 4-t-Butylcyclohexanol มีชื่อทางการค้าว่า Symsitive® ลดความรู้สึกระคายเคืองผิว ผ่านการลดความไวในการตอบสนองที่ระบบประสาทรับความรู้สึกร้อน TRPV-1 ทำให้เรารู้สึกสบายผิว มีการทดสอบประสิทธิภาพของครีมที่มี 4-t-Butylcyclohexanol ในการลดการระคายเคืองของผู้ป่วยที่มีอาการผิวอักเสบบริเวณรอบปาก โดยให้ทาครีมดังกล่าวเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น รวมถึงมีค่าความชุ่มชื้น และมีการระเหยของน้ำออกจากผิว (TEWL) ลดลง แสดงให้เห็นว่า Barrier ผิวกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น (J Cosmet Dermatol. 2020;19(6):1409-1414)
    • Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine นอกจากเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว น้องยังช่วยปรับฟีลเนื้อสัมผัสให้ครีม และดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว
  • กลุ่มสารควบคุมความมัน ได้แก่
    • Silica ด้วยความที่อนุภาคของ Silica มีรูพรุน น้องเลยดูดซับน้ำมันได้ ให้ผลดูดซับ Sebum ที่ผิวเราปลดปล่อยออกมาในระหว่างวันZinc PCA ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า สารนี้มีประโยชน์เป็นสารเติมน้ำให้ผิว (Humectant) ระงับเชื้อบางชนิด ควบคุมความมัน ลดริ้วรอยและชะลอวัย (Ref: TDS Ajidew® ZN-100, Ajinomoto Ltd.)
    • Bixa Orellana Seed Extract สารสกัดจากคำแสด ส่วนของเม็ดมีสารสีแดง ใช้เป็นสารแต่งสี มีสารจำพวก Carotenoids ที่เป็น Antioxidant มีรายงานการวิจัยสนับสนุนถึงคุณสมบัติในการเป็น Antioxidant ที่ดี (J Appl Pharm Sci. 2014;4(2):101-106) คอมบิเนชั่นของ Bixa Orellana Seed Extract กับ Maltodextrin มีชื่อทางการค้าว่า BIX’ACTIV® BC10050 เป็นวัตถุดิบจากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง BASF มีข้อมูลสนับสนุนอยู่หลายประการว่า สารสกัดนี้ให้ประโยชน์ในการควบคุมความมัน โดยไปบล็อกไม่ให้เซลล์ไขมัน (Sebocyte) ในต่อมไขมันเจริญจนเป็นตัวเต็มวัยสมบูรณ์ และลดการสร้างไขมันใหม่ บล็อกการทำงานของ IGF-1 ที่จะไปกระตุ้นให้เซลล์ในหนังกำพร้ามีจำนวนมากขึ้น (Hyper-keratinization) รวมไปถึงยับยั้งเชื้อ C. acnes (Ref: TDS BIX’ACTIV® BC10050, BASF)
  • Hydrolyzed Opuntia Ficus Indica Flower Extract รู้จักในนามชื่อทางการค้า Exfolactive® มีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการผลัดผิว โดยไปกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการผลัดผิวตามธรรมชาติ เพิ่มความเรียบเนียน ชุ่มชื้น และความสว่างกระจ่างใส ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพทั้งระดับเซลล์เพาะเลี้ยง และในอาสาสมัคร (Ref: Silab)
  • Sphingomonas Ferment Extract ตัวนี้เข้าใจว่าอาจจะมาจาก Silab เหมือนกับ Exfolactive น้องมีชื่อทางการค้าว่า REVILIENCE® เป็นสารสกัดจาก Sphingomonas panaciterrae ซึ่งมีคุณสมบัติเสริมกระบวนการ Metabolism ของผิว ให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และมีสุขภาพดี (Ref: Silab)
  • เสริม Antioxidant ด้วย Vitamin E 2 form คือ Tocopherol, Tocopheryl acetate และ วิตามินซีในรูป Ascorbic acid

ในภาพรวม สารบำรุงที่ใส่มานั้นดูแลสิวได้อย่างครบวงจร ตามทางแบรนด์เคลม เก็บเรียบ ดูแลหมดทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ รอยแดง รอยดำ และควบคุมความมัน

ส่วนผสมอื่นๆ ก็เลือกใช้มาได้ค่อนข้างดี จะมีติด Alcohol มานิดหน่อย เข้าใจว่าลดความเหนอะหนะให้กับเบส เพื่อให้เหมาะกับคนผิวมันมากขึ้น

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง (Active) ทางแบรนด์เลือกใช้สารบำรุงหลายชนิด โดยมี Retinal เป็นพระเอก เพื่อให้ทำงานร่วมกับสารบำรุงอื่นๆ ได้อย่างลงตัวเพื่อดูแลปัญหาสิว ผิวมัน และผิวมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย รวมถึงกลุ่มร่องรอยหลังจากสิวหาย เช่น รอยแดง รอยดำ และอาจจะได้ถึงพวกรอยหลุมสิว รอยแผลเป็นด้วย เพราะ Retinal เองก็เสริมการสร้างคอลลาเจน และปรับสมดุลการทำงานของเอนไซม์ MMP-TIMP ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมานแผลของผิวอยู่อีกทาง โดยรวมให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. เบส (Base) เลือกมาได้ค่อนข้างดี และไม่อุดตัน ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ยกเว้นมี Alcohol ติดมาอยู่ ซึ่งในจุดนี้ก็ถือว่าได้อยู่ เพราะว่า Alcohol จะช่วยลดความเหนอะหนะให้กับเนื้อครีม และให้สัมผัสเบาสบายตอนทา ส่วนตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้มีสิว ก็ลองทามาแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนนอน (อย่าลืมงด Retinoids อื่น เพราะในสูตรมี Retinal) ก็ไม่ได้รู้สึกระคายเคืองอะไร แม้จะมีผิวแห้งค่ะ แต่ขออนุญาตหักไป 1 คะแนน เพื่อให้แฟร์ๆ กับทุกผลิตภัณฑ์ที่เคยรีวิวไป รับไป 4 ฟลาสก์
  3. ส่วนผสมอื่นๆ (Additive) ไม่มีสารอื่นที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทยด้วยค่ะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่มาให้ได้เรียนรู้ เปิดหูเปิดตา และรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบบทความ

สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.MJgab?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/9KMSYgUBtZ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่ม Niacinamide G Super serum จาก Biobalance

Blog นี้เราจะมาวิเคราะห์ส่วนผสมของเซรั่มบำรุงผิวในไลน์ Super serum ของ Biobalance เวชสำอางสายคลีน ที่พึ่งเข้าไทยมาเมื่อต้นปีนี้ค่ะ

สำหรับท่านที่สนใจอยากรู้จักแบรนด์ Biobalance ให้มากขึ้น สามารถตามอ่านได้ที่ลิงค์นี้นะคะ

https://miyeonthereviewer.com/2022/08/26/brandintro-biobalance/

โดยก่อนหน้านี้ ทางแบรนด์ได้นำเอาสินค้าในกลุ่ม Super serum เข้าไทยมาแล้ว 2 ชิ้น คือ เซรั่มวิตามินซี และ เซรั่มวิตามินเอ สามารถติดตามได้ที่ลิงค์นี้นะคะ

>>review serum vitamin c และ vitamin a ของ Biobalance

วันนี้ขอหยิบเอาน้องใหม่ในไลน์ Super Serum อีกตัวที่เข้าไทยมา คือ Niacinamide G ที่เป็นตัวเบลนด์ของ Niacinamide 15% + Glycolic acid 5% ค่ะ

ตัวแพคเกจด้านในจะเป็นขวดแก้วสีชา ที่มาพร้อมกับดรอปเปอร์

น้องเป็นเซรั่มที่มีความหนืดนิดๆ ไม่มีกลิ่น เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ฟีลลื่น เคลือบ และชุ่มชื้น

ส่วนตัวก็เคยใช้พวก AHA มาอยู่บ้าง เลยไม่ได้รู้สึกยิบๆ เท่าไหร่ แต่สำหรับมือใหม่ อาจจะมีอาการยิบๆ ได้ ตามธรรมชาติของ AHA ซึ่งอาการยิบๆ จะเป็นอยู่ชั่วคราว ไม่นาน และผิวเราจะปรับตัวได้ค่ะ

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 3 – 4 ซึ่งเป็นค่า pH ที่ทำให้ Glycolic acid อยู่ในรูปแบบกรด (Free acid) ที่เป็นฟอร์มที่ active ออกฤทธิ์ในการผลัดผิวได้

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สำหรับส่วนผสมก็คือ สมเป็นแบรนด์สกินแคร์สายคลีน มีส่วนผสมอยู่ไม่มากนัก โดยมี Niacinamide หรือ วิตามินบี 3 เป็นสารบำรุงหลัก ร่วมกับ Glycolic acid และ ดูแลปัญหาการระคายเคืองที่อาจจะเกิดขึ้น ด้วย Panthenol

  • Niacinamide มีประโยชน์กับผิวมากมายหลายอย่าง เนื่องจากน้องเป็นองค์ประกอบในโคเอนไซม์ NAD และ NADP ที่ช่วยในการทำงานหลายอย่างของผิวหนัง และยังออกฤทธิ์ผ่านอีกหลายกลไก มีประโยชน์ทั้งในด้านการควบคุมความมัน ลดกระบวนการอักเสบและการระคายเคือง เสริมการสังเคราะห์ Ceramide ที่เป็น Barrier ผิว จริงๆ มีการศึกษาเกี่ยวกับ Niacinamide ค่อนข้างเยอะนะคะ แต่งานหนึ่งที่น่าสนใจคือ งานของ Bisset และคณะ ได้ทดสอบประสิทธิภาพของ Niacinamide 5% ในอาสาสมัครหญิงที่มีภาวะ Photoaging เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า อาสาสมัครมีริ้วรอยลดลง จุดด่างดำลดลง รอยแดง รอยเหลือง ลดลง และความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น (Dermatol Surg. 2005;31(7 Pt 2):860-5; discussion 865.)
  • Glycolic acid เป็น AHA ที่มีประโยชน์ในการผลัดผิว ลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ ปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น ในสูตรนี้มีค่า pH ราวๆ 3 ถึง 4 ทำให้ AHA นี้อยู่ในรูปที่ active
  • Panthenol ด้วยความที่ AHA อาจจะระคายเคืองได้ เลยเอา Panthenol มาดูเรื่องการระคายเคือง คู่กับ B3 และ Panthenol เองก็ดูแลเรื่องความชุ่มชื้นของผิวได้อีกทาง

ในภาพรวมก็คือเป็นเซรั่มที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และน่าจะได้ประโยชน์สำหรับดูแลริ้วรอยตื้นๆ และปัญหารูขุมขนกว้าง

โดยมีข้อแนะนำว่าควรใช้แค่ตอนกลางคืน เช้าตื่นมาก็ให้ทากันแดด และหลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะว่า AHA จะเพิ่มความไวต่อแสงได้ค่ะ และถ้ารู้สึกระคายเคืองมากไป ก็ปรับลดความถี่ เหลือวันเว้นวันได้ตามความสะดวกและคอนเซปท์ Listen to your skin

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: https://www.facebook.com/BiobalanceOfficialThailand

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.MP6ez?cc

แอพส้ม https://shope.ee/6fLZLvmzM9

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มเสริมพลัง Autophagy สูตรใหม่ปรับฉ่ำ ATG ultrasoothe rejuvenating serum จาก dermArtlogy

รู้สึกว่าปีนี้เป็นปีแห่งการปรับสูตรใหม่ของเครือ Neopharm เลยก็ว่าได้

ล่าสุด ATG #ลูกรักบ้านมียอน ก็ได้รับการปรับสูตรให้ดีงามขึ้นด้วย และมาในโฉมใหม่ ด้วยชื่อ ATG Ultrasoothe Rejuvenating serum

แต่ใดๆ น้องก็ยังคงคุมโทนอยู่ทั้งในส่วนของดีไซน์ และธีมของส่วนผสมยังคงบำรุงได้ฉ่ำเหมือนเดิม อาจจะฉ่ำกว่าเดิมด้วยนิดๆ

สังเกตที่แพคเกจจะคล้าย ATG แต่ว่าสูตรปรับใหม่ จะมีคำว่า “Ultrasoothe” เพิ่มเข้ามาค่ะ

ส่วนตัวรู้สึกว่าเนื้อเซรั่มเบาขึ้นกว่า ATG เดิมนิดหน่อย

ตอนเกลี่ยจะค่อนข้างลื่นผิว ให้ความรู้สึกสดชื่น และสบายผิว ตอนแรกๆ จะดูชุ่มๆ

แต่ถ้าทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 นาที ก็จะซึมและแห้งไปจนหมด

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

ถ้าดูจากส่วนผสม ส่วนใหญ่เป็นสารบำรุงที่มีประโยชน์ต่อผิวในด้านต่างๆ เรียกได้ว่าดูแลปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุมเลยทีเดียว

โดยขอเริ่มที่กลุ่มสีชมพู กลุ่มของไขมัน และสารที่ใช้ทำ MLETM (Multi-lamellar emulsion) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตรของทาง Neopharm ประเทศเกาหลี

  • MLETM ปกติแล้วในผิวเราจะมีไขมันที่ทำหน้าที่เป็น Barrier ผิว ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ Ceramide + Cholesterol และ Fatty acid ไขมันเหล่านี้มันจะเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบซึ่งมีด้วยกันหลายรูปผลึก ส่วนหนึ่งเป็นรูปแบบ Liquid crystal

โดย MLETM ในตำรับนี้เป็นสูตรผสมของ Pseudoceramide (Myristoyl/palmitoyl oxostearamide/arachamide MEA หรือ Ceramide-9S) ร่วมกับ Phytosterol และกรดไขมัน Stearic acid, Palimitic acid และ Caprylic/capric triglycerides โครงสร้างของ MLE นั้นจะมีการจัดเรียงตัวในรูปแบบที่คล้ายกับ Liquid crystal ของผิว เลยสามารถทำหน้าที่ปกป้องผิวทดแทน Barrier ของผิว

อีกตัวที่เป็นส่วนประกอบของ MLE คือ Dihydroxyisopropyl capryloylcaprilamide หรือ Ceramide-5SP ซึ่งพอเอามารวมกับ Ceramide-9S และสารอื่นๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสมจะเกิดเป็นโครงสร้างรูปแบบ Liquid crystal ที่เวลาดูภายใต้กล้องจุลทรรศน์ Polarized microscope จะเห็นเป็นลักษณะพิเศษที่เรียกว่า Maltese cross ซึ่งเหมือนกับการเรียงตัวของ Barrier ผิว ตามภาพ

(Image from Neopharm)

  • Phytosterols ที่เสริมเข้ามายังมีประโยชน์เพิ่มเติมในด้านการดูแลปัญหาการอักเสบและระคายเคืองของผิวได้อีกทาง

ถัดมาจะเป็นกลุ่มของ Peptide และสารบำรุงที่น่าสนใจแสดงด้วยอักษรสีบานเย็น

  • Heptasodium hexacarboxymethyl dipeptide-12 ตัวนี้คือ Aquatide ที่เป็นเหมือนนางเอก มีบทบาทและประโยชน์ในการเสริมกระบวนการ Autophagy ที่เกิดขึ้นภายในผิว ซึ่งเป็นเสมือนกระบวนการที่ผิวเรารีไซเคิลเอาองค์ประกอบที่มันเสื่อมสภาพมาสร้างและฟื้นฟูเป็นองค์ประกอบใหม่ ให้ผิวเราทำงานได้ดีเหมือนเดิม ขอใช้รูปเก่ามาประกอบค่ะ

สำหรับท่านที่สนใจเรื่อง Aquatide สามารถตามไปอ่านเรื่องของ Aquatide แบบละเอียดได้ที่ลิงค์นี้นะคะ

(https://cosmeknowledge.wordpress.com/2019/06/11/spotlight-aquatide/)

  • Tetracarboxymethyl hexanoyl dipeptide-12 ตัวนี้มีชื่อทางการค้าว่า AdiposolTM ซึ่งข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าน้องไปมีผลกระตุ้น Adiponectin ซึ่งเป็น Peptide hormone ชนิดหนึ่งที่สร้างจากเซลล์ไขมัน (Adipocyte) ปกติ Adiponectin จะมีบทบาทในระดับร่างกาย แต่ก็มีการพบว่า Adiponectin นั้นมีประโยชน์กับผิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การเสริมสร้างการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น Barrier ผิว การแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์ผิว เสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนและ Hyaluron ในธรรมชาติของผิว และลดการอักเสบระคายเคือง (Oh, et al., Biomol Ther (Seoul). 2021; Sep 28. doi: 10.4062/biomolther.2021.089.)

ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่ารังสี UV และปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม อย่างมลภาวะ ไปกดการสร้าง Adiponectin เลยทำให้กระบวนการต่างๆ เหล่านี้หายไป นอกจากนี้รังสี UV ยังไปทำให้เอนไซม์ MMP มาย่อยสลายคอลลาเจนเกิดความเหี่ยวขึ้นมาอีกต่อหนึ่ง

ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบ AdiopSOL กล่าวว่า สารนี้ยังเสริมกระบวนการ Autophagy ลดการสร้างเอนไซม์ MMP และลดการอักเสบในระดับหลอดทดลอง และลดรอยแดงของผิวในอาสาสมัคร

(Image from Incospharm และ AH&NS)

  • Pentasodium tetracarboxymethyl palmitoyl dipeptide-12 ตัวนี้มีชื่อย่อว่า PTPD เป็นเปปไทด์ที่พัฒนามาเพื่อเสริมกระบวนการ Autophagy ซึ่งมีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครที่เป็นโรคผิวหนังชนิด Atopic dermatitis เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าอาสาสมัครมีอาการระคายเคือง คัน ลดลง และมีความชุ่มชื้นของผิวเพิ่มขึ้น (Kwon, et al. J Dermatolog Treat. 2019;30(6):558-564.) นอกจากนี้ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า PTPD ยังมีคุณสมบัติลดปริมาณของเม็ดสีผิว ผ่านการเสริมการเกิด Autophagy ของแหล่งสร้างเม็ดสีผิวอย่าง Melanocyte

(Image from Dermartlogy Thailand)

  • Dihydroxyisopropyl capryloylcaprilamide รู้จักกันในนาม K6PC-5 น้องเป็น sphingosine kinase 1 (SphK1) activator โดย SphK1 ทำหน้าที่สร้าง Sphingosine-1-phosphate (S1P) ซึ่งมีคุณสมบัติหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการเจริญ แบ่งตัวเพิ่มจำนวน หรือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหน้าที่ (Differentiation) การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า K6PC-5 สามารถเพิ่มการสร้าง involucrin และ filaggrin ซึ่งเป็น Marker หนึ่งที่บอกว่าเซลล์ผิวได้ Differentiate จนสมบูรณ์แล้ว และการทดสอบในหนูทดลองพบว่า การทา K6PC-5 สามารถปรับสมดุลการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหน้าที่ให้ผิวหนังมีความสมบูรณ์มากขึ้น (Hong et al., J Invest Dermatol. 2008;128(9):2166-78.) การทดสอบในหนูทดลองที่อายุเยอะ (Aging) พบว่า การทา K6PC-5 สามารถเพิ่มจำนวน Fibroblast ที่เป็นเซลล์สำคัญในการสร้างเส้นใยต่างๆ เช่น collagen ให้ผิวกระชับ แข็งแรง เสริมการสร้างคอลลาเจน และเพิ่มความหนาให้ชั้นหนังแท้ รวมถึงมีการเพิ่มจำนวนของโปรตีน involucrin, loricrin, filaggrin, and keratin 5 ซึ่งเป็นโปรตีนที่แสดงออกเมื่อผิวหนังเกิดการ Differentiate จนสมบูรณ์ (J Dermatol Sci. 2008;51(2):89-102.) มีอีกการศึกษาในโมเดลหนู Photoaged โดยให้หนูสัมผัส UV นานๆ พบว่า K6PC-5 สามารถเพิ่มคอลลาเจน และจำนวน Fibroblast รวมถึง เสริมความแข็งแรงของชั้น Stratum corneum และเสริมกระบวนการฟื้นฟู Barrier ผิว (Park et al., Exp Dermatol. 2008;17(10):829-36.) อาจจะกล่าวโดยสรุป ว่า K6PC-5 ปรับสมดุลช่วยให้ผิวแข็งแรง และให้ประโยชน์ในการดูแลริ้วรอย
  • Caprylamide MEA หรือ Dualguard-7TM สารนี้มีคุณสมบัติดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคืองโดยไปลดการสร้างสารเหนี่ยวนำการอักเสบในกลุ่มของ Interleukin-17 (IL-17) เสริมกระบวนการ Autophagy ผ่านการยับยั้งโปรตีน p62 ซึ่งเป็นตัวต่อต้านการเกิด Autophagy และเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน

กลุ่มของสารเพิ่มความชุ่มชื้นแทนด้วยสีฟ้า จะเป็นตัว Hyaluronic acid รูปแบบดั้งเดิม และ Hydrolyzed hyaluronic acid ที่ผ่านการย่อยให้มีขนาดเล็กลง กรดอะมิโน Arginine

ถัดมาเป็นกลุ่มของสารที่ลดการอักเสบและระคายเคืองผิว รวมถึงสารบำรุงอื่นๆ ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิด อย่างวิตามินบี 3 บี 5 Betaine, Allantoin

สูตรนี้มีการปรับเปลี่ยนสารลดการระคายเคืองจากเดิมเป็น Symsitive® (4-t-Butylcyclohexanol) ที่มีจุดเด่นคือออกฤทธิ์ Block ตัวรับส่งสัญญาณความร้อนและความเจ็บปวดชนิด TRPV-1 ให้ผลลดการระคายเคือง แสบร้อน ได้อย่างรวดเร็ว และยังไปเพิ่มความทนทาน (Tolerance threshold) ของระบบประสาทรับความรู้สึกแสบร้อน ให้ผิวเราทานทานมากขึ้น โดยมีการทดสอบประสิทธิภาพในการลดความแสบร้อนจากการทา Capsaicin ในอาสาสมัคร (Ref: TDS Symsitive®)

(Image from Symrise)

ทางแบรนด์ได้ทดสอบประสิทธิภาพในการลดความรู้สึกระคายเคือง โดยให้อาสาสมัคร 20 คน ทาผลิตภัณฑ์ที่มี Symsitive เทียบกับ ครีมเบส พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่มี Symsitive เมื่อกระตุ้นด้วยการระคายเคืองแล้ว ฝั่งที่ใช้ Symsitive อาการระคายเคืองแสบร้อนลดลงได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 – 3 นาที

(Image from Symrise)

ปิดท้ายด้วยสีเขียวเป็นสารสกัดจากบัวบก ที่มีประโยชน์ต่อผิวในหลายประการ ตัวนี้ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นสารสกัดจากบัวบกในรูปแบบ Medical grade ในความเข้มข้นสูงถึง 50% และยังเสริมสารบริสุทธิ์ที่เป็นสารพฤกษเคมีหลัก (Active phytochemicals) ในบัวบก อย่าง Madecassoside เข้ามา ซึ่งสารเหล่านี้มีประโยชน์ในด้านการลดการอักเสบ เสริมการสมานแผล ชะลอวัยลดเลือนริ้วรอย เป็น Antioxidant และอื่นๆอีกหลายด้าน

สารเพิ่มความชุ่มชื้นผิวมากขนาดนี้ผิวจะมันไหม?

ในจุดนี้ทางแบรนด์วางแผนการตั้งตำรับมาอย่างรอบคอบโดยการเสริมเอา Zinc gluconate ที่มีคุณสมบัติกระชับรูขุมขน (Astringent) และควบคุมความมันเข้ามา

เบสเป็นแบบน้ำ มีส่วนผสมของสารที่ละลายได้ในไขมันอยู่นิดหน่อย เนื้อเลยเป็นรูปแบบกึ่งใสกึ่งขุ่น อาจเรียกเป็น Translucent (โปร่งแสง แต่ไม่ถึงกับใส) ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ในภาพรวมนอกจากความโดดเด่นในแง่ของด้าน Autophagy ที่มีประโยชน์ทั้งการชะลอวัย เสริมความแข็งแรงให้กับผิวแล้ว ยังเสริมมาด้วยสารบำรุงอีกหลายชนิดที่ดูแลผิวได้อย่างครอบคลุมจบทุกปัญหา และช่วยให้ผิวแข็งแรง และอาจได้ประโยชน์ไปถึงด้านริ้วรอย การชะลอวัย และ ไวท์เทนนิ่ง ในสูตรใหม่นี้ ATG Ultrasoothe ปรับสารลดความรู้สึกระคายเคืองมาเป็น Symsitive เอาใจวัยรุ่นใจร้อน รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ เลือกมาได้ค่อนข้างดี ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวเลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตัวเซรั่มเนื้อค่อนข้างเบา ไม่เหนอะหนะ ซึมไว แห้งไว ถ้าใครผิวแห้งมากอาจจะยังชุ่มไม่พอ ให้ประกบคู่กับ Radiance gel moist ไป หรือ ใช้มอยส์อื่นตามชอบ เรื่องของประสิทธิภาพในการดูแลอาการแดง คัน ระคายเคือง ไม่สบายผิว ค่อนข้างลงตัว และส่วนตัวรู้สึกว่าตอบโจทย์ จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ DermArtlogy สาขาประเทศไทย ที่สนับสนุนสินค้านวัตกรรมใหม่ที่น่าสนใจ และขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ DermArtlogy โดยตรงได้เลย

https://www.facebook.com/DermArtlogyThailand

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.ozkdD?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/4AfROJW4hg

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DermArtlogy การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มาสก์หน้า The clean vegan mask สูตร AHA/BHA จาก Barulab

หลังจากที่ Blog เมื่อวานมาเล่าถึงซีรี่ส์ 10 สี 10 สูตรของ The clean vegan mask จาก Barulab ไปแล้ว

วันนี้ขอหยิบเอาสูตร AHA/BHA มาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันนะคะ

โดยในสูตร AHA/BHA นี้ มาในซองสีส้มอมชมพูแบบนี้ค่ะ

ตัวแผ่นมาสก์ได้รับ Certified vegan และส่วนผสมของเอสเซนส์ (น้ำมาสก์) ก็ได้รับการรับรอง Vegan เช่นกันค่ะ

ภาพแผ่นมาสก์ (หลังจากที่ใช้ไปแล้ว ทิ้งไว้จนแห้งเพื่อดูลักษณะของแผ่นมาสก์) จะเห็นความเป็นเส้นใยธรรมชาติของแผ่นมาสก์

สำหรับเอสเซนส์ หรือ น้ำมาสก์ สูตรนี้จะเป็นคล้ายเซรั่มใส

ค่า pH ของเอสเซนส์ อยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

ในส่วนของส่วนผสมเป็นดังนี้

ในส่วนของส่วนผสม

เคลมหลักของสูตรนี้คือ AHA, BHA โดย AHA ที่ทางแบรนด์เลือกมาจะเป็น Tartaric acid ร่วมกับ BHA ในฟอร์ม Betaine salicylate ที่เป็นอนุพันธ์ของ Salicylic acid โดยมีข้อมูลว่า Betaine salicylate มีความอ่อนโยนกว่า Salicylic acid และเมื่อลงผิว ผิวเราจะแปรสภาพให้ได้ Betaine ที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน และ Salicylic acid ที่เป็น BHA

ส่วนผสมที่ทำสีชมพูไว้ มี Allantoin ที่มีคุณสมบัติในเรื่องของการลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ร่วมกับ ส่วนผสมของสารสกัดจากพืช 4 ชนิด ที่ทางแบรนด์เคลมว่าเป็น Baru calm complex ที่ช่วยฟื้นฟูผิว ได้แก่

  • Copis Japonica Root Extract สารสกัดจากพืชในตำรับยาจีนชนิดหนึ่ง ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าส่วนของรากประกอบด้วยสารกลุ่ม Alkaloid หลายชนิด เช่น Berberine, Coptisine ซึ่งมีคุณสมบัติลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Schizandra Chinensis Fruit Extract สารสกัดจากสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง มีรายงานว่า สารประกอบกลุ่ม Lignan ที่ให้ผลปกป้องเซลล์ผิวจากรังสี UV (PLoS One. 2015 May 15;10(5):e0127177.) และมีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดการอักเสบในผิวหนัง (Mol Med Rep. 2015;12(2):2135-9.)
  • Glycyrhiza Glabra (Licorice) Root Extract สารสกัดจากชะเอม ที่เด่นในแง่ของการดูแลการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Zingiber Officinale (Ginger) Root Extract สารสกัดจากขิง ทางแบรนด์เคลมเรื่องของ Polyphenol ในขิงที่เป็น Antioxidant และมีสารเสริมการไหลเวียนของเลือดให้ผิวแข็งแรง

ส่วนผสมอื่นๆ

  • Arginine เป็นกรดอะมิโน ซึ่งเป็น Natural moisturizing factor (NMF) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น จับน้ำให้ผิว
  • สารสกัดจากชาเขียว เป็น Antioxidant ที่ดี และอาจจะให้ประโยชน์ในแง่ของการดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคืองผิว

ในส่วนของเบส นั้นมาในเบสที่เป็นแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และไม่มีสารอื่นที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ทางไปชอปปิ้ง รุ่นกล่อง 10 สี 10 สูตร

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.ni5J5?cc

แอพส้ม https://shope.ee/na7Sc07V

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาเป็นของขวัญจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมครีม Kombucha Hydro Glow cream จาก t’else

วันก่อนทางเพจได้นำเสนอส่วนผสมของ Essence และ เซรั่ม ในไลน์ Kombucha ของ T’else ไปแล้ว วันนี้ขอหยิบเอาครีมมาวิเคราะห์ต่อกันเลยค่ะ

ขออวดโฉมผลิตภัณฑ์ในไลน์ Kombucha อีกรอบ

ท่านที่พลาดไปสามารถกลับไปรับชมรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของ Essence และ เซรั่ม (Ampoule) ได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>Click<<

วันนี้ขอหยิบครีมมารีวิวแยก เพราะว่าครีมนี่ฉ่ำไม่เบานะคะ ฉ่ำยังไง เดี๋ยวเล่า

น้องมาในกระปุกหน้าตาแบบนี้ค่ะ

กระปุกใช้วัตถุดิบพลาสติกที่เป็นพลาสติกรักษ์โลกชนิด 50% PCR (Post-consumer recycled material) ซึ่งช่วยลด Carbon footprint ให้กับแบรนด์ ตรงตามคอนเซปท์ eco-friendly ของแบรนด์

เนื้อครีมจะค่อนข้างข้น มีกลิ่นหอมจางๆ ของน้ำมันหอมระเหย

แม้ว่าจะค่อนข้างข้น แต่ก็เกลี่ยง่าย ให้ความโกลว์ชุ่มฉ่ำ แต่ไม่ถึงกับเหนียวเหนอะหนะ

ซึ่งความโกลว์นั้นแลดูจะมากกว่า ตัว Essence และ Ampoule

ถ่ายด้วยแฟลชเพื่อดูความโกลว์

สูตรนี้ไม่ได้วัดค่า pH นะคะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้

สำหรับตัวครีม ส่วนผสมจะคล้ายๆ กับเพื่อนๆ ในไลน์

สำหรับส่วนผสมในภาพรวม ที่ดูเด่นจะเป็นตัว Kombucha ที่ผ่านกระบวนการหมักด้วย Saccharomyces yeast

ซีรี่ส์นี้ตัวใบชาอัสสัมที่เขาเลือกมา คือเป็นเกรดที่ดีที่สุด ที่สมาคมนักดื่มชารู้จักกันในนาม FTGFOP หรือ “Finest Tippy Golden Flowery Orange Pekoe”

‘Orange Pekoe’ เป็นการกล่าวถึงชาทั้งใบ (whole leaf tea) โดยคำว่า Pekoe มีที่มาจากการแปลภาษาจีนผิดในช่วงแรกๆ โดยสื่อความหมายถึง White hair บนยอดอ่อนใบชา ส่วนคำว่า Orange มาจาก Dutch royal House of Orange-Nassau ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสำคัญในการซื้อ-ขายชาในยุคศตวรรษที่ 17

ส่วนอีก 3 คำ

Tippy หมายถึง ยอดอ่อนของใบชา

Golden สื่อถึงสีทองของยอดอ่อนใบชา

Flowery เป็นการเน้นย้ำว่ายอดอ่อนของใบชายังอยู่อย่างสมบูรณ์ใน Whole leaves tea นั้นๆ (Reference: Australian Tea Centre)

ในใบชาเกรด FTGFOP จะประกอบด้วยสารพฤกษเคมีสำคัญๆ หลายชนิด ดังภาพ

(Image from T’else Korea Official Website)

จากแบรนด์เคลมก็เป็นไปตามงานวิจัยว่าในการหมักชาจะได้สารพฤกษเคมีที่เป็นประโยชน์หลายชนิด รวมทั้ง Glucuronic acid ออกมาด้วย (Bishop et al., Beverages 2022, 8(3), 45)

สำหรับกรรมวิธีการสกัดนั้นทางแบรนด์ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Slow brewing technology สกัดด้วยอุณหภูมิต่ำ 20 องศาเซลเซียส อย่างช้าๆ เป็นเวลา 336 ชั่วโมง เพื่อให้ได้สารสกัดจากคอมบูชาที่มีคุณภาพสูง โดยไม่มีสารเติมแต่งอื่นๆ

โดยผลิตภัณฑ์ในซีรี่ส์นี้ ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ และการระคายเคืองในอาสาสมัครแล้วเรียบร้อย

สำหรับการใช้ Kombucha จากชาดำแบบทาภายนอกในเชิงเครื่องสำอางนั้น แบบเอามาทาตรงๆ ตอนที่ค้นใน Pubmed เมื่อ 18 ก.พ. 67 ยังไม่พบ แต่จะเจอการใช้สารสกัดจาก Kombucha มาใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (Intradermal) ในหนูทดลอง พบว่า สามารถเพิ่มปริมาณคอลลาเจน และการทำงานของผิวหนังผ่านการเสริมระบบ NAD+ /NADH level ซึ่งจะช่วยให้ผิวทำงานได้ดีขึ้น และอาการของริ้วรอยต่างๆ ดีขึ้นต่อไป (Pakravan, et al. J Cosmet Dermatol. 2018;17(6):1216-1224.) แต่ถ้าเป็น Kombucha ที่เอามาหมักร่วมกับพืชอื่นก็พอมีอยู่หลายฉบับ

จากองค์ประกอบของสารพฤกษเคมีใน Kombucha ที่มีรายงาน เราอาจจะอนุมานได้ว่า Kombucha นั้นจะมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี และมีประโยชน์ในการชะลอวัยของผิวพรรณ

ส่วนผสมอื่นๆ ดังนี้

  • Hyaluronic acid 4 กลุ่ม ได้แก่
    • Sodium hyaluronate ตัวดั้งเดิม
    • Hydrolyzed Hya ที่ผ่านการย่อยให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลง
    • Sodium acetylated Hya ที่เป็นตัวดัดแปลงเติมหมู่ Acetyl group ลงไปให้มีความชอบไขมันเพิ่มขึ้น ทำให้ซึมลงไปในหนังกำพร้า เกาะอยู่ในนั้น เพิ่มความชุ่มชื้น และทางผู้ผลิตวัตถุดิบเองก็มีเคลมเกี่ยวกับประโยชน์ในการเสริมการฟื้นฟู Barrier เสริมการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของ Keratinocyte (เซลล์ในชั้นหนังกำพร้า) เพื่อมาทดแทนตัวที่ได้รับความเสียหายจาก UV ไป และการทดสอบในระดับอาสาสมัครพบว่าเสริมความยืดหยุ่นให้ผิว
    • Hydroxypropyltrimonium hya เป็น Hya ประจุบวกที่จะเคลือบเกาะกับผิวเราซึ่งมีประจุลบได้แน่น
  • วิตามินบี 3 ที่มีประโยชน์ที่ดีต่อผิวหลายอย่าง ทั้งในแง่ของ Whitening ผ่านการลดการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง เสริมการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว และดูแลเรื่องรูขุมขน การเกิดสิว การปลดปล่อยน้ำมัน Sebum
  • Pseudoceramide ตัว PC-9S (Myristoyl/Palmitoyl Oxostearamide/Arachamide MEA) ที่สามารถฟอร์มเป็น MLE เพื่อดูแล Barrier ผิว ร่วมกับสารไขมัน อย่าง Shea butter, meadowfoam seed oil และ Phytosterol
  • สารต้านระคายเคือง + ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) จัดเต็มแบบฉ่ำ
    • Allantoin
    • Biosaccharide gum-1
    • Acetyl dipeptide-1 cetyl ester
  • สารสกัดจากพืชอีกมากมายหลายชนิด ที่ให้ประโยชน์ที่ดีหลายประการกับผิว

ในภาพรวมก็คือเป็นครีมมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว แต่ในเบสก็ยังคงมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากพืชในตระกูล Citrus ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้แสงแดดได้ ถ้าใช้ในตอนกลางวันแล้วไปโดนแดดจัดๆ

แต่ว่า น้ำมันหอมระเหยกลุ่มนี้ในท้องตลาดจะมีพวกที่เป็นเกรด FCF คือ Furocoumarin free ด้วย โดยแยกเอาสาร Furocoumarin ออกจากน้ำมัน ทำให้ลดความเสี่ยงในการแพ้แสงแดดไป ซึ่งทางนี้ก็คิดว่า ทางแบรนด์คงใช้เกรด FCF แหละ

มาให้คะแนนกันดีกว่า

  1. สารบำรุง น้องเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่น่าสนใจตัวหนึ่ง มีการใช้ MLE เข้ามาเสริมเพื่อให้ได้ความสามารถในการดูแลผิวให้แข็งแรง พร้อมด้วยตัว Kombucha ที่เป็น Antioxidant ที่ดี มี Hya ที่มีประโยชน์เรื่องความชุ่มชื้น และเสริมสารสกัดจากพืชมาอีกหลายชนิด ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ หักคะแนนเรื่องของ Citrus oil ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการไวต่อแสง (Photosensitivity) แต่อย่างที่ได้เล่าให้ฟังว่า ในตลาดเครื่องสำอางมีการสกัดเอาสารไวต่อแดดอย่าง Furocoumarin ออก ได้เป็น Citrus oil เกรด FCF ซึ่งจุดนี้คิดว่าแบรนด์คงเลือกมาดีแล้ว แต่ขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ด้วยความที่น้องเป็นครีมที่ค่อนข้างชุ่มชื้น ส่วนตัวที่มีผิวผสม/แห้งอยู่แล้วเลยค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ เอาเป็นครีมรับจบตัวเดียวในตอนเช้าก่อนลงกันแดดแล้วออกบ้านก็พอได้ ไม่สังขยาในระหว่างวัน แต่จะชอบใช้เป็นไนท์ครีมมากกว่า ในด้านความชุ่มชื้น ความสบายผิว นี่ว่าเริ่ด เอาไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ตั้งแต่วันเปิดตัว และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ T’else โดยตรงเลยนะคะ

https://web.facebook.com/TelseThailand

ทางไปตำ

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/AKLS2XEQ7A

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.GCqkH?cc

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ