Image

อัพเดทไอเทมใหม่ Face & Body care soothing cream ที่พัฒนาสูตรโดยอิงตามหลักแผนจีนผสานกับเทคโนโลยีตะวันตกได้อย่างลงตัว

มีไอเทมใหม่น่าสนใจมาแนะนำค่ะ ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์เมียวฝู ในชื่อ Face & Body care soothing cream

น้องเป็นครีมที่ออกแบบโดยแพทย์แผนจีนและเภสัชกร โดยเลือกใช้สารสกัดจากสมุนไพรในตำรับแผนจีน เบลนด์เข้ากับเทคโนโลยีแผนตะวันตก เพื่อดูแลปัญหาผิวได้อย่างลงตัว

เนื้อครีมทำมาได้ค่อนข้างชุ่มชื้น เหมาะมากกับผิวแห้ง แต่งกลิ่นนวลๆ หวานๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งทางแบรนด์เบลนด์ขึ้นมาเอง ใน theme กลิ่นดอกไม้ในป่า ภายใต้ชื่อน้ำหอม Mi Mei Xiang (หมี่เม่ยเซียง)

ภายในความเป็นมอยส์ส่วนผสมมีออยล์เคลือบจาก Petrolatum เป็นหลัก ตัวนี้เคลือบดี กันน้ำระเหยจากผิวได้ดี เบลนด์ผสมกับ Ceramides และไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว เสริมวิตามินอี ที่เป็น antioxidant ที่ดี

ในด้านสารบำรุง Hero Ingredients เลย เป็นตำรับ ซานหวง (3 หวง) ทางแบรนด์กระซิบมาบอกว่า เราห่วงมาก เลย ใส่มาให้ 3 หวง เลย! We Carex3 🙂

สารสกัดหวงฉิน (Scutellaria baicalensis extract) – มีสารฟลาโวนอยด์ Baicalin กับ wogonin ที่มีประโยชน์ในการดูแลกระบวนการอักเสบของผิว ยับยั้งการเพิ่มขึ้นของเอนไซม์ย่อยสลายพวกเส้นใยต่างๆ เช่นคอลลาเจน ในกลุ่มของ MMP จากรังสี UV ก็เหมือนปกป้องผิวจากรังสีได้ในอีกนัยยะ (Eur J Pharmacol. 2011; 661(1-3):124-32.) มีงานวิจัยสนับสนุนถึงคุณสมบัติในการลดการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2012; 141(1):345-9.)

• สารสกัดหวงเหลียน (Coptis chinensis extract) – มีคุณสมบัติเป็น antioxidant และมีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติในการดูแลการระคายเคือง

สารสกัดต้าหวง (Rheum palmatum extract) – ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติในการดูแลการระคายเคือง เช่นกัน

สมุนไพร 3 หวง ในทางตำรับแผนจีน ถือว่ามีความเด่นด้าน ความขมและความเย็น จึงใช้ในการ ขับชื้น ขับพิษ ขับร้อน ขับไฟ จึงให้ประโยชน์ในการดูแลการระคายเคืองของผิวและให้ความรู้สึกสบายผิว

ผลิตที่โรงงานต้นแบบ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

มาในราคาน่ารัก ทาได้ทั้งหน้าและตัว ทางนี้ชอบมากเวลาหยิบมาทาเป็น hand cream

เผื่อสนใจสามารถตามไปดูได้ที่

https://s.shopee.co.th/5L1V7ykZaK

Disclaimer: sponsored item, self-opinion

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม beplain Cicaterol toner โทนเนอร์วีแกนตัวตึงด้านการปลอบประโลมผิวพร้อมคุมมันได้ในตัว

ช้อปปิ้งโทนเนอร์ตัวใหม่มาแล้วชอบ เลยอยากเอามาอวด

น้องเป็นของแบรนด์ beplain ประเทศเกาหลี เจ้าของโฟมล้างหน้าถั่วเขียวที่ขึ้นชื่อนั่นเองค่ะ

โทนเนอร์สูตรที่ดิฉันสอยมา มีชื่อว่า Cicaterol toner มาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

เนื้อโทนเนอร์มีสีธรรมชาติของสารสกัดจาก Cica (Centella asiatica; บัวบก) มีกลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบ

เวลาใช้งาน ลองใช้ทั้งแบบเทใส่สำลีแล้วเช็ด และแบบเทใส่มือวอร์มแล้วกดๆ ได้ ทั้ง 2 แบบ แต่ชอบแบบสำลีมากกว่า ตัวเนื้อมันจะมาแบบมีความลื่นๆ นิดๆ ชุ่มหน่อยๆ ไม่ได้เช็ดแล้วเป็นน้ำแบบสลายหายไป ให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว

ตัวนี้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครมาด้วย ว่าควบคุมความมัน และกระชับรูขุมขน

จากการวิเคราะห์พบว่า จำนวนของรูขุมขนต่อหน่วยพื้นที่ลดลง 28% ขนาดเล็กลง 19% และปริมาตรของรูขุมขนลดลง 16%

และลดรอยแดงบริเวณแก้มได้ด้วย เพราะมีส่วนผสมของ Beta-sitosterol ซึ่งเป็น Phytosterol ที่เด่นในการดูแลปัญหาการระคายเคือง

สำหรับส่วนผสมก็คือมาแบบ Less is more มีแค่ 5 ingredients only

และที่มาของชื่อ Cicaterol ก็คือ Cica + Beta-sitosterol ก็คือเก๋มาก

และได้รับการรับรอง 100% Vegan จากองค์กร eve Vegan ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ตัว Cica ก็มาจากกระบวนการปลูกที่แบรนด์เคลมว่าเป็น “Smart cica” คือ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และลดการปลดปล่อยคาร์บอนออกสู่สิ่งแวดล้อม

โดยตัว Cica หรือ Centella asiatica หรือ บัวบก มีการศึกษาทั้งในโมเดลหลอดทดลอง เซลล์เพาะเลี้ยง สัตว์ทดลอง และในอาสาสมัคร พบว่ามีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ในภาพรวมสารสกัดจากบัวบก มีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการสมานแผล เสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจน และเส้นใย matrix ต่างๆ ใน Dermis มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant และ Soothing ดูแลปัญหาการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว

เมื่อมาจับคู่กับ Beta-sitosterol ซึ่งเป็น Phytosterol ก็คือเด่นมากในการดูแลปัญหาการระคายเคืองผิว

โดยการใช้ Beta-sitosterol มีการทดสอบในหนูทดลองพบว่าไปลดการสร้าง Thymic stromal lymphopoietin (TSLP) (Han et al., Exp Biol Med (Maywood). 2014;239(4):454-64.) ซึ่งเป็น Cytokine ชนิดหนึ่ง ออกฤทธิ์คล้าย IL-7 เกี่ยวข้องกับอาการคันในโรคผิวหนังบางประเภท

โดยสาเหตุที่ KC จะสร้าง TSLP ออกมานั้นยังไม่ชัดเจน 1 ในนั้นก็คือเวลา Barrier เสียสมดุล KC จะปล่อยตัวนี้ออกมา (Kumar et al., J Allergy Clin Immunol. 2016;138(5):1461-1464.e6) พอออกมาแล้วก็อักเสบแบบวนลูป ในระยะยาวส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบ

ซึ่งพอ Beta-sitosterol ไปลดการสร้าง TSLP ได้ ก็น่าจะมีประโยชน์ในการดูแลการอักเสบของผิวได้อีกทาง

ในภาพรวมก็ถือว่าเป็นโทนเนอร์สายคลีนที่ทำมาได้ค่อนข้างดี เลือกส่วนผสมชัด และมีผลเทสต์ในอาสาสมัคร

ทางไปช้อปปิ้ง

https://s.shopee.co.th/5VKfZsoCTb

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

MiniReview Astella Advanced intense soothing serum เซรั่มสายสบายผิวที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว

เป็นเซรั่มเนื้อออกไปในโทนเจลครีม เนื้อดูเหมือนจะหนัก แต่พอเกลี่ยแล้วให้ฟีลบางเบามาก ไม่มีความเหนอะเลย แต่จะสัมผัสได้ถึงความเคลือบๆ ปกป้องผิวนิดหน่อย

ในด้านส่วนผสมเรียกได้ว่าเลือกมา Balance กันมาก

ตัว Soothing จะเป็น Defensil® Plus ที่มีผลเทสต์ในอาสาสมัครถึงเรื่องคุณสมบัติในการดูแลกระบวนการอักเสบต่างๆ โดยอาศัยกรดไขมัน และ Phytosterols จากพืชเป็นสารสำคัญหลัก

ในด้านความชุ่มชื้น

มี Aquaxyl® ที่เด่นเรื่องของการเก็บกักน้ำผ่าน Aquaporin-3 และ ปิดประตู Tight junction รวมถึงเสริมการสร้าง Filaggrin ที่จะกลายเป็น NMF มาจับน้ำตามธรรมชาติต่อไป มาคู่กับ Tridermol® Hydrant เป็นสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ที่จะก่อฟิล์มบนผิวเพื่อปกป้องผิวจากมลภาวะ และ ลดการระเหยน้ำออกจากผิว พร้อมคุณสมบัติเสริมด้าน Antioxidant และการดูแลการระคายเคือง

เสริมกระบวนการผลัดผิวแบบอ่อนโยนตามธรรมชาติด้วย Gluconobacter/honey ferment filtrate เป็นน้ำผึ้งหมักกับจุลินทรีย์สายพันธุ์ Gluconobacter ที่พบได้ตามธรรมชาติ ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า มีคุณสมบัติในการเสริมกระบวนการผลัดผิวตามธรรมชาติ โดยไปกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ Cathepsin D ที่เป็นเอนไซม์ที่ค่อยๆ ตัดกาว Desmosome ที่ยึดเอาเซลล์ขี้ไคลเอาไว้ด้วยกันให้หลุดทีละน้อยๆ ผิวก็จะเกิดการผลัดทิ้งไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ทิ้งขุย

สารบำรุงอีกชุด คือ Seboclear MP (INCI name: Propanediol and bioflavonoids) ตัวนี้เป็น prenylated bioflavonoids จากพืช ดูแลปัญหาสิวได้หลายอย่าง ตั้งแต่ควบคุมความมันผ่านกลไกหลัก 2 กลไก คือ ยับยั้งการทำงานของ 5alpha-reductase ที่เป็นตัวเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็น DHT ที่มีฤทธิ์แรงขึ้น ไปกระตุ้นต่อมไขมันให้สร้างน้ำมันมากขึ้น อีกกลไก คือ ไปลดการเจริญของเซลล์ Sebocyte ที่เก็บไขมันและเจริญมากเกินไปในต่อมไขมันให้กลับมาสู่ขนาดปกติ นอกจากนี้ยังควบคุมการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเชื้อก่อสิว C. acnes และปรับสมดุลไมโครไบโอมผิว และมีคุณสมบัติด้าน Antiaging โดยมีฤทธิ์คล้าย Retinoids ทดสอบในอาสาสมัครหญิง 21 คน พบว่าความกระชับและความยืดหยุ่นผิวเพิ่มขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น (Hettwer et al., Personal Care Europe. June 2018)

ในภาพรวมก็คือ น้องไม่ใช่แค่ Soothing ธรรมดา แต่เป็น Soothing ที่มาพร้อมการควบคุมความมัน ดูแลปัญหาสิว และเป็น antiaging ในตัว จึงถือว่าน่าสนใจมาก

ทางไปช้อปปิ้ง https://s.lazada.co.th/s.EoH4M?cc

Disclaimer: received as gift, self-opinion

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่ม Soybean panthenol ampoule จาก Round Lab

Blog นี้เราจะมาวิเคราะห์ส่วนผสมของเซรั่ม Soybean Panthenol Ampoule จากแบรนด์ Round Lab กัน

ซึ่งน้องมีหน้าตาแบบนี้

ส่วนนี้จะเป็นหน้าตาของกล่อง

เนื้อสัมผัสจะเป็นแบบน้ำนม มีความหนืดเล็กน้อย

เกลี่ยง่าย ให้ฟีลบางเบา ไม่เหนอะหนะ

ก่อนจะไปดูส่วนผสม มาดูเคลม และผลเทสต์ของผลิตภัณฑ์ก่อนนะคะ

สำหรับตัว Soybean panthenol ampoule นี้ ทางแบรนด์เคลมว่า ใช้ Panthenol ที่เก็บกักไว้ในนีโอโซม ซึ่งการเอาไปเก็บนีโอโซมก็จะช่วยเสริมการดูดซึมได้

ซึ่งก็จะสอดคล้องกับผลเทสต์ในอาสาสมัครเพศหญิง จำนวน 22 คน ช่วงอายุ 28 – 64 ว่าสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวที่หลายๆ ระดับ ได้ในการทาเพียงครั้งเดียว

นอกจากนี้การทาเพียงครั้งเดียว ยังปรับ texture ผิวให้เรียบเนียน และลดการเกิดขุยผิว ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น

และการใช้ 2 สัปดาห์ ช่วยให้ Barrier ผิวแข็งแรงขึ้น วัดจากค่าการระเหยของน้ำออกจากผิว หรือ Trans-epidermal water loss (TEWL) ที่ลดลง

จากผลเทสต์เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเซรั่มวิตามินบี 5 ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

มาดูส่วนผสมกัน

ในภาพรวมก็คือ เป็นเบสแบบน้ำนม มีส่วนผสมของพวก Fatty ester อยู่รวมกับเบสน้ำ ไม่มีแอลกอฮอล์ และซิลิโคน ในส่วนของสารบำรุงก็จะมี

  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 ที่มีข้อมูลสนับสนุนว่า สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้ มีคุณสมบัติเป็น Moisturizer ที่ดี เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยผิวกักเก็บน้ำโดยไปลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ให้ผิวนุ่ม ยืดหยุ่น เสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) ลดการอักเสบระคายเคือง ลดรอยแดง (Ebner et al., Am J Clin Dermatol. 2002;3(6):427-33.) แบรนด์เคลมเป็น Panthenol ที่เก็บในนีโอโซม ความเข้มข้น 50,000 ppm คำนวณกลับมาเป็น 5% ในสูตร
  • สารสกัดจากถั่วเหลือง ซึ่งแบรนด์เคลมว่า ใช้ถั่วเหลือง Black soybean ซึ่ง ประกอบด้วย anthocyanin และ isoflavones สูงกว่าถั่วเหลืองปกติถึง 19.5 เท่า โดยปกติสารสกัดจากถั่วเหลืองก็จะเด่นในด้านของ antioxidant จากพวก isoflavones ส่วนประโยชน์แบบละเอียดอาจจะต้องย้อนไปดูกรรมวิธีการสกัดอีกที
  • ไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว และสารตั้งต้น มี Ceramides, cholesterol, fatty acid อยู่ครบ โดยตัวที่น่าสนใจ คือ Tetraacetylphytosphingosine มีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า สามารถเสริมการสังเคราะห์ Glucosylceramides ที่เป็นสารตั้งต้นของ Ceramides ได้ดีกว่า และมีประโยชน์ในเชิงด้านของการดูแลการอักเสบระคายเคือง
  • Ulmus Davidiana Root Extract มีงานวิจัยระบุว่าประกอบด้วย Polysaccharide พบว่ามีประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้นเทียบเท่า Hyaluronic acid ลดสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบ ในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง (J Cosmet Sci. 2006;57(5):355-67.) อีกงานวิจัยกล่าวว่า มีสารกลุ่ม Flavan-3-ols ที่สามารถป้องกันการเกิด Glycation ของโปรตีนได้ (Planta Med. 2008; 74(15):1800-2.)
  • Amaranthus Caudatus Seed Extract สารสกัดจาก Amaranth มีรายงานว่าเป็น Antioxidant (Nahrung. 2002; 46(3):184-6.) ข้อมูลจากผู้ผลิตบอกว่า สารสกัดส่วนเมล็ดของ Amaranth ประกอบด้วยน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวปริมาณสูง และมี Squalane

นอกจากนี้มี Adenosine ดูแลเรื่องชะลอวัย ริ้วรอย เติมน้ำด้วย Hya และมีวิตามินอี เป็น antioxidant

ในภาพรวมก็คือ ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างครบ เด่นเรื่อง Soothing พร้อมฟื้นฟู Barrier ผิว เสริมความชุ่มชื้น รองๆ ได้เรื่อง antioxidant เข้ามา

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ในส่วนของสารบำรุงตัวหลักจะเป็น Panthenol ที่บรรจุใน niosome เพื่อเสริมการดูดซึม มีผลทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร เสริมมาด้วยสารสกัดจากธรรมชาติหลายชนิด เด่นเรื่อง Soothing พร้อมฟื้นฟู Barrier ผิว เสริมความชุ่มชื้น มาพร้อมไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว และสารตั้งต้น ในภาพรวมให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในภาพรวมคือน้องเป็นเซรั่ม B5 ที่ทำมาในเนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ สามารถเอาเข้ารูทีนได้ง่าย ในเรื่องของความสบายผิว ดูแลการระคายเคืองส่วนตัวคิดว่าน้องทำมาได้ค่อนข้างดี ในด้านความชุ่มชื้นถ้าผิวแห้งมากคิดว่าต้องเสริมมอยส์อื่นเพิ่มเติม แต่ถ้าผิวมันคิดว่าน่าจะเอาอยู่ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

แนบทางไปช้อปปิ้ง

Lazada https://s.lazada.co.th/s.EUDZG?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/5fbTPHWnEf

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมอยส์บำรุงผิวสูตรปรับใหม่ dermArtlogy Brighten Rejubarrier gel ปรับใหม่ ปรับฉ่ำ นวัตกรรมใหม่ รับ 2025

คุณๆ ยังจำ Radiance gel moisturizer ของ dermArtlogy ได้อยู่ไหมคะ

ทางแบรนด์ปรับสูตรอีกแล้ว คราวนี้ปรับใหญ่ ใช้สารใหม่ล่าสุด นวัตกรรมลึกล้ำเป็นเอกลัษณ์มาก มาดูกัน

ตัวนี้จะเป็นหน้าตาของผลิตภัณฑ์นะคะ ยังคงคุมโทนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเปลี่ยนชื่อเป็น Brighten rejubarrier gel

ภายใต้คอนเซปท์ Triple Skin Barrier Booster ด้วย LipomoideTM, AMPamideTM และ MLE® มันคืออะไร เดี๋ยวมีคำอธิบาย

ส่วนนี้เป็นภาพกล่องนะคะ ยังคงคุมโทนอยู่

เนื้อมาในแบบเจลครีม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลยจะได้กลิ่นของวัตถุดิบอยู่

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความรู้สึกเย็น สบายผิว คงความชุ่มชื้นและไม่เหนียวเหนอะหนะ

มาดูส่วนผสมกันนะคะ

ส่วนผสมในภาพรวมมาในเบสแบบครีมเจล ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซิลิโคน และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว มีสารบำรุงอยู่หลายชนิดให้ประโยชน์ต่อผิวได้ค่อนข้างกว้าง

เริ่มที่เทคโนโลยี MLE และสารไขมันต่างๆ แทนด้วยอักษรสีน้ำตาล

ส่วนผสมของ MLE จะเป็นคอมบิเนชั่นของสารหลายๆ ชนิด ในสัดส่วนที่เหมาะสม

  • ปกติแล้วในผิวเราจะมีไขมันที่ทำหน้าที่เป็น Barrier ผิว ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ Ceramide + Cholesterol และ กรดไขมัน ไขมันเหล่านี้มันจะเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบซึ่งมีด้วยกันหลายรูปผลึก ส่วนหนึ่งเป็นรูปแบบ Liquid crystal
  • เจ้า MLETM นี่เป็นสูตรผสมของ Pseudoceramide (Myristoyl/palmitoyl oxostearamide/arachamide MEA หรือ Ceramide-9S) ร่วมกับ Phytosterol และกรดไขมัน Stearic acid เรียงตัวในรูปแบบที่คล้ายกับ Liquid crystal ของผิว เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ชนิด Polarized light จะเห็นเป็นเครื่องหมายกากบาท เรียก Maltese cross

(Image from Neopharm)

ด้วยความที่การเรียงตัวเหมือนกันกับ Barrier ผิวเรา เลยมีแนวโน้มว่าทำหน้าที่ปกป้องผิวทดแทน Barrier ของผิว

  • Phytosterols ที่เสริมเข้ามายังมีประโยชน์เพิ่มเติมในด้านการดูแลปัญหาการอักเสบและระคายเคืองของผิวได้อีกทาง
  • นอกจาก MLE ยังมีน้ำมันจากทานตะวัน ที่มีองค์ประกอบของกรดไขมัน Linoleic acid อยู่สูง โดย Linoleic acid มีความสำคัญคือเป็นกรดไขมันจำเป็นที่เราสร้างไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหาร หรือการทาภายนอก ตัวมันจะเป็นส่วนประกอบของ Ceramide EOS (Ceramide 1) ที่ทำให้ Barrier ผิวแข็งแรง
  • ถัดมา เป็นไขมัน Glycolipids ชนิดพิเศษ กลุ่ม Sophorolipids ที่ได้จากการหมักยีสต์ Candida bombicola (ชุดส่วนผสม Candida bombicola/glucose/methyl rapeseedate ferment) ตัวนี้ทำงานได้หลายหน้าที่ ทั้งเป็น Glycolipids ที่เป็น moisturizer เป็น surfactant และมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบางประเภท

สารบำรุงตัวถัดมาคือ AquatideTM มีบทบาทและประโยชน์ในการเสริมกระบวนการ Autophagy ที่เกิดขึ้นภายในผิว ซึ่งเป็นเสมือนกระบวนการที่ผิวเรารีไซเคิลเอาองค์ประกอบที่มันเสื่อมสภาพมาสร้างและฟื้นฟูเป็นองค์ประกอบใหม่ ให้ผิวเราทำงานได้ดีเหมือนเดิม

สำหรับท่านที่สนใจเรื่อง Aquatide สามารถตามไปอ่านเรื่องของ Aquatide แบบละเอียดได้ที่ลิงค์นี้นะคะ (https://miyeonthereviewer.com/2019/06/11/spotlight-aquatide/)

สารสิทธิบัตรใหม่ที่ dermArtlogy เอามาใช้ในสูตรนี้

ตัวแรก LipomoideTM พัฒนามาเพื่อฟื้นฟู Barrier ผิว ด้วยการกระตุ้นการสังเคราะห์ไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว ผ่านเอนไซม์ Fatty acid synthase (FAS) สร้าง palmitic acid, Ceramide synthase 1 (CerS1) ที่ช่วยสร้าง Ceramide NP และ NS และ Serine palmitoyltransferase (SPT) ที่เติมกรดไขมัน palmitic ใส่หัวเบสของเซราไมด์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างเซราไมด์

พร้อมทั้งเสริมกระบวนการเจริญ (Differentiation) ผ่านการเพิ่ม Loricrin และ Keratin 10 เป็น marker บอกว่าผิวเจริญเต็มวัยแล้ว พร้อมๆ กับเสริมการสร้าง Filaggrin ที่จะกลายเป็น NMF ต่อไป ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ด้วย

เรียกได้ตามแบรนด์เคลมว่าเป็นการกระตุ้น 3 ใหม่ คือ ไขมันเกราะผิวใหม่ โปรตีนใหม่ เซลล์ผิวใหม่

นอกจากนี้ยังไปออกฤทธิ์ยับยั้ง Thymic stromal lymphopoietin (TSLP) ซึ่งเป็น Cytokine ชนิดหนึ่ง ออกฤทธิ์คล้าย IL-7 เกี่ยวข้องกับอาการคันในโรคผิวหนังบางประเภท

TSLP สร้างจากเซลล์เยื่อบุ และเซลล์ผิวหนัง (Keratinocyte) ในคนสุขภาพดี TLSP จะไปกระตุ้นให้ Dendritic cells ทำงาน ไปทำให้ T cells เจริญกลายเป็น T-Helper cells (หรือ CD4+ cells) แล้วสร้าง Cytokines ที่เกี่ยวข้องกับการแพ้ เช่น IL-4, IL-5, IL-13 ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบและการแพ้จากระบบภูมิคุ้มกัน (Leyva-Castillo, et al. Nat Commun. 2013;4:2847.) 

โดยสาเหตุที่ KC จะสร้าง TSLP ออกมานั้นยังไม่ชัดเจน 1 ในนั้นก็คือเวลา Barrier เสียสมดุล KC จะปล่อยตัวนี้ออกมา (Kumar et al. J Allergy Clin Immunol. 2016;138(5):1461-1464.e6) พอออกมาแล้วก็อักเสบแบบวนลูป ในระยะยาวส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบ เช่น Atopic dermatitis 

โดยส่วนผสม LipomoideTM นี้ไปยับยั้งการสร้าง TLSP ได้ ทำให้อาการแพ้ การคัน ลดลง

อีกตัวคือ AMPamideTM ที่พัฒนามาจาก Defensamide ให้กล้าแกร่งขึ้นอีกขั้นโดย dermArtlogy เอามาใช้เป็นเจ้าแรกในเครือ Neopharm

เล่าถึง Toll-like receptors (TLRs) นิดหนึ่งค่ะ บนผิวเซลล์ของเราจะมี TLR อยู่ ซึ่ง receptor เหล่านี้เรียกว่าเป็นกลุ่ม pattern recognition receptor ซึ่งคล้ายๆ แบบเซนเซอร์ที่ตรวจจับอะไรบางอย่าง ในที่นี้มันจะตรวจจับสารที่ชื่อสร้าง หรือ สารที่เกิดมาเวลาเซลล์เรามีความเสียหาย พอมันจับกันแล้วระบบ TLR โดนเปิด จะส่งสัญญาณต่อไปให้มีการสร้างพวก Cytokines ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบต่อมา โดยพบว่าในคนที่เป็นสิว นี่เชื้อ C. acnes มันไปกระตุ้น TLR ได้เลยทำให้เกิดกระบวนการอักเสบ หรือ ในกรณีคนไข้ผิวอักเสบ atopic, สะเก็ดเงิน Barrier ผิวจะอ่อนแอ ส่งผลให้พวกสารก่อการแพ้ระคายเคืองลงไปกระตุ้น TLR ได้ เลยเกิดกระบวนการอักเสบต่างๆ (Lai and Gallo, Infect Disord Drug Targets. 2008;8(3):144–155.)

AMPamideTM นี้สามารถลดการทำงานของ TLR ที่ไวเกินไปได้ จึงให้ผลลดการอักเสบ ทั้งการอักเสบที่เกิดอยู่ก่อนหน้า และป้องกันการอักเสบใหม่

ต่อมาจะเป็นคอมบิเนชั่นของ Kappaphycus alvarezii Extract และ Caesalpinia spinosa Fruit Extract ที่เรียกว่า Biopolymers Film มีข้อมูลว่าเป็นการเบลนด์กันระหว่าง Polysaccharide 2 ฟอร์ม คือ galactomannans กับ sulfated galactans ที่จะสามารถก่อฟิล์มและเคลือบบนผิว ฟิล์มนี้ออกแบบด้วยเทคโนโลยีพิเศษ อากาศผ่านเข้าออกได้ (ไม่ occlusive) จึงบางเบาสบายผิว และมีคุณสมบัติให้ความรู้สึกกระชับผิว

แนบท้ายด้วยส่วนผสมเด่นอีกตัวหนึ่งอ่ะ

Epigallocatechin gallatyl glucoside (EGCGG) เป็นอนุพันธ์ของ EGCG จากชาเขียว ที่มีความคงตัวที่ดีขึ้น โดยเติมน้ำตาลลงไป 1 ตัว มีคุณสมบัติหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็น Antioxidant ปกป้องผิวจากรังสี UV ดูแลการอักเสบระคายเคือง ลดรอยแดง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งกล่าวถึงการใช้ EGCG glucoside พบว่ามีความคงตัวที่ดี ปกป้องผิวจากรังสี UV สามารถเปลี่ยนกลับเป็น EGCG ได้ โดยอาศัยจุลินทรีย์ในผิว และให้ประโยชน์เป็น Whitening (Boira et al. Molecules 2024, 29(22), 5391)

สารบำรุงอื่นๆ ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน

  • Panthenol (โปรวิตามินบี 5) + Niacinamide (วิตามินบี 3) เด่นเรื่องคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคืองผิว
  • Symsitive (4-t-butylcyclohexanol) Block ความรู้สึกระคายเคืองผิว ผ่านการลดความไวในการตอบสนองที่ระบบประสาท TRPV-1 ที่รับความรู้สึกร้อน ทำให้เรารู้สึกสบายผิว มีข้อมูลว่าให้ผลลดอาการระคายเคือง แสบ แดง ร้อน ได้ค่อนข้างไว
  • สารสกัดจากรากของ Lithospermum erythrorhizon มีสารที่ชื่อว่า Shikonin ซึ่งมีรายงานการวิจัยกล่าวถึงความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระของผิว ลดการอักเสบระคายเคือง และยังมีคุณสมบัติต่อต้านการเกิด Glycation หรือ การจับกันของน้ำตาลกับโปรตีน ที่จะนำไปสู่ความเสื่อมของผิว (Glynn et al. Exp Dermatol. 2018;27(9):1043-1047.) ข้อมูลจากแบรนด์บอกว่า สามารถลดรอยแดงที่เกิดจากการระคายเคืองได้ใน 1 สัปดาห์
  • Resveratrol เป็น antioxidant (AOX) ตัวหนึ่งที่วงการผิวหนังให้การยอมรับ พบได้ในพืชหลายชนิด รวมถึงในไวน์แดง มีประโยชน์กับผิวหลายประการ และมีงานวิจัยรองรับอยู่หลายฉบับ เช่น มีการทดสอบในคน ด้วย Tape stripping technique พบว่าเมื่อทา Resveratrol ลงบนผิวหนังจะสามารถดูดซึมลงไปยังชั้นล่างๆของ Stratum corneum และให้ผลต่อต้านอนุมูลอิสระยังบริเวณนั้นๆ ได้อยู่ (Arch Dermatol Res. 2017;309(6):423-431.) มีการทดสอบในหนูทดลองพบว่า Resveratrol สามารถลดการสร้างโปรตีนที่เกี่ยวกับการสร้างเม็ดสี Melanin ได้หลายชนิด รวมทั้งยับยั้งการสังเคราะห์ Tyrosinase ได้ด้วย และยังให้ผลลดการสร้างสีผิวหลังจากถูกกระตุ้นด้วยรังสี UVB ได้ (Biomol Ther (Seoul). 2014; 22(1):35-40.)
  • Glutathione ก็เป็น AOX อีกตัวที่วงการผิวหนังให้การยอมรับ นอกจากความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว น้องยังมีส่วนช่วยให้ผิวเราสร้างเมลานินชนิด Pheomelanin ที่มีสีอ่อนกว่า Eumelanin ซึ่งในภาพรวมจะให้สีผิวที่อ่อนลง
  • Superoxide Dismutase เป็นเอนไซม์ที่ใช้ในการกำจัดอนุมูลอิสระของร่างกายตามธรรมชาติ
  • Beta-glucan จัดเป็นคาร์โบไฮเดรต ที่มีการทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Beta-glucan ที่สกัดจากข้าวบาร์เลย์มีความสามารถในการเสริมการสมานแผล (Carbohydr Polym. 2019;210:389-398.) การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Beta-glucan ที่สกัดจากข้าวโอ๊ตมีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ผิว ให้โตเต็มวัย ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และฟื้นฟู Barrier ผิว (Int J Biol Macromol. 2021;185:876-889.) ตัว Beta-glucan จัดเป็นสารในกลุ่ม Prebiotic ที่สนับสนุนการเจริญของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ Probiotic ส่งผลต่อเนื่องไปยังการปรับสมดุลของไมโครไบโอม ซึ่งจะช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง
  • Zinc PCA ให้ประโยชน์ในการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง คือ ต้องบอกเลยว่าเจลนี้ไม่ธรรมดา โดยสารบำรุงที่ใส่มามีคีย์เด่นๆ 3 ประการ คือ เสริม Barrier แบบแข็งแกร่งมากผ่านหลายกลไก ให้คุณสมบัติลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว Soothing ฉ่ำมาก และ เป็น Whitening ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้าน Antioxidant ดูแลปัญหาสิว การอุดตัน คุมมัน ดูแลปัญหาริ้วรอยไปอีก คือค่อนข้างครบ รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในด้านเนื้อสัมผัส เขาทำมาได้ค่อนข้างดี เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ แต่ก็ยังคงความชุ่มชื้น จะมีติก็เรื่องของกลิ่นที่แบบตัวเองรู้สึกว่ากลิ่นของส่วนผสม/วัตถุดิบมันชัดไปหน่อย แต่ก็ไม่เคยหักคะแนนเรื่องกลิ่นอ่ะ ฉันทนได้ เพราะด้านความสบายผิว soothing ถือว่าทำมาได้ดีเลิศ เอาไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ DermArtlogy ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้ได้เปิดหูเปิดตาเห็นนวัตกรรมใหม่ๆ และขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ DermArtlogy โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/DermArtlogyThailand/

ส่วนท่านที่สนใจสามารถติดตามไปชอปปิ้งได้ที่ลิงค์ตามนี้เลยนะคะ

Lazada https://s.lazada.co.th/s.uDj0U?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/1B7sgkxVRu

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DermArtlogy การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

#dermArtlogy #NEW #Moisturizer #3in1 #สำหรับ #ผิวแพ้ง่าย #ผิวหมองคล้ำ #ผิวขาดความชุ่มชื้น #Lipimoide #AMPamide #Neopharm

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เซรั่มวิตามินซี Avène Vitamin Activ Cg เซรั่มน้ำแร่อาเวน ผสมวิตามินซีฟอร์ม Glucoside

สำหรับคอนเทน์นี้ขอหยิบเอาเซรั่มวิตามินซีจากแบรนด์อาเวน Avène Vitamin Activ Cg มาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกัน

น้องมาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ส่วนนี้จะเป็นกล่อง

เนื้อสัมผัสเป็นแบบน้ำนม มีกลิ่นหอม

เกลี่ยได้ง่าย ให้ความชุ่มชื้นดี ไม่เหนอะหนะ

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 6 ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้กับผิว และวิตซีฟอร์ม Ascorbyl glucoside คงตัวอยู่เช่นกัน

ตัวผลิตภัณฑ์มีเคลมเรื่องการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครจำนวน 44 คน ทาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 เดือน พบว่า

  • อาสาสมัครรู้สึกว่าหลังทา ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น
  • ที่ 15 วัน อาสาสมัครรู้สึกว่าผิวนุ่มขึ้น และ 95% รู้สึกว่า ฟูขึ้น (plump)
  • ที่ 1 เดือน จุดด่างดำดูจากลง จากการประเมินด้วย Clinical score3

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวม น้องมาในเบสแบบน้ำนม ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เรียกได้ว่า ทำมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว

เริ่มเปิดมาด้วย น้ำแร่ Avene ซึ่งมีเคลมเกี่ยวกับคุณสมบัติในการ Soothing ให้ความรู้สึกสบายผิว ใช้เป็นเบสหลักเลย

ในด้านของสารบำรุงหลัก คือ วิตามินซี ที่ใช้ในฟอร์ม Ascorbyl glucoside หรือ AA2G ชื่อเต็มๆ Ascorbic acid 2-glucoside ซึ่งเป็นฟอร์มที่ละลายน้ำได้ดี ความคงตัวดี ทน pH ได้ในช่วงกว้าง (ถึงประมาณ 7 ยังไหว) ดูดซึมผ่านผิวได้ เมื่อลงผิวจะกลายร่างเป็น Ascorbic acid ได้ บางการศึกษาว่าการว่า AA2G มีฤทธิ์ยาวนานกว่า AA เพราะมาจากผิวเราค่อยๆ ตัด Glucose ออก ได้ AA มาทีละน้อยๆ

สารนี้แรกเริ่มเหมือนพัฒนามาเป็นอาหารเสริม โดยบริษัทญี่ปุ่น งานวิจัยในยุคแรกๆ จะเป็นไปในรูปแบบรับประทาน

ในญี่ปุ่น AA2G จัดเป็นสาร Active ที่อยู่ในกลุ่มของ Quasi-drug ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนโดย Ministry of health, Labor and Welfare ของญี่ปุ่น เพื่อใช้เป็น Whitening

มีการศึกษาพบว่า AA2G นั้นมีความคงตัวที่ดีต่ออุณหภูมิ และ pH และมีการทดสอบพบว่า ที่อุณหภูมิ 55.3 องศา pH 6.4 น้องยังคงตัวอยู่ (Huang et al., Bioorg Med Chem Lett 2013;23(6):1583-1587.)

ในเรื่องของการประเมินการดูดซึมผ่านผิวมีการทดสอบในมนุษย์อยู่ค่ะ แต่ใช้อาสาสมัครจำนวนไม่มาก และทำในสภาวะที่ Full occlusive (เคลือบปิด อารมณ์เหมือนมาสก์ ด้วย Plastic wrap) เพื่อผลักสารเข้าแบบสุด

การทดลองชุดแรก ให้อาสาสมัครผู้ชาย 5 คน ทาครีม AA2G เข้มข้น 2% ปริมาณ 7.5 กรัม แล้วห่อ wrap ไว้ 14 ชั่วโมง วิเคราะห์ปริมาณของ Ascorbic acid ในปัสสาวะทุกๆ 2 ชั่วโมง เป็นเวลา 26 ชั่วโมง พบว่า ตรวจเจอ Ascorbic acid ในปัสสาวะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดพีคที่ 14 ชั่วโมง และยังตรวจเจอต่อเนื่องแม้แกะครีมออกไปแล้วจนถึง 26 ชั่วโมง

แสดงว่ามันดูดซึมลงไปถึงหนังแท้ แล้วเข้าสู่เส้นเลือดที่หนังแท้ ไปขับออกมากับปัสสาวะ

ชุดถัดมา ให้อาสาสมัครทาครีม 2% AA2G บริเวณแขน แล้วห่อ wrap กับพันผ้าพันแผลทับอีกชั้นเป็นเวลา 12 ชั่วโมง แล้วเก็บชิ้นเนื้อมาตรวจหลังจากแกะ wrap 12 ชั่วโมงกับ 3 วัน พบว่า AA2G สามารถดูดซึมเข้าไปในผิว และแปรสภาพกลายเป็น Ascorbic acid ได้ (Kumano, et al., J Nutr Sci Vitaminol (Tokyo) 1998;44(3):345-359.)

ในด้านของประสิทธิภาพ นั้นส่วนใหญ่จะเป็นการทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงชนิดต่างๆ พบว่า AA2G มีคุณสมบัติเป็น Whitening โดยไปลดการสร้างเม็ดสี กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ประสิทธิภาพเหมือน LAA แต่ออกฤทธิ์ได้นานกว่า ปกป้องเซลล์ผิวจากรังสี UVB ได้ดีตามความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้น (Dose dependent) และลดการอักเสบที่เกิดต่อเนื่องมาจากรังสี UV และ เป็น Antioxidant ที่ดี ทำงานร่วมกันกับ Vitamin E และให้ผลเสริมฤทธิ์กันเหมือน LAA (แต่ฤทธิ์เบากว่า LAA)

Key References
1. Enescu et al., J Cosmet Dermatol. 2022;21:2349–2359
2. Kumano, et al., J Nutr Sci Vitaminol (Tokyo) 1998;44(3):345-359.

สารบำรุงอื่นๆ ในตำรับ ได้แก่

  • Niacinamide ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น Whitening ผ่านการยับยั้งการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง ควบคุมความมัน แบรนด์เคลมว่าใส่มาที่ 3%
  • Bakuchiol เป็นสารในกลุ่มของ Meroterpene ที่พบได้ในพืชสมุนไพร มีการออกฤทธิ์คล้ายกับ Vitamin A ซึ่งมีการศึกษาในผิวหนังจำลอง พบว่าให้คุณสมบัติในการสังเคราะห์คอลลาเจน โปรตีนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความกระชับผิว รวมไปถึง Aquaporin-3 ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บกักน้ำและสารโมเลกุลเล็กเช่น Glycerol ก่อนนำไปทดสอบในอาสาสมัคร โดยให้ทาที่บริเวณตีนกาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 12 อาทิตย์ พบว่า เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Bakuchiol มีประโยชน์ในการลดริ้วรอย เพิ่มความกระชับและความยืดหยุ่น รวมถึงปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอมากขึ้น (Chaudhuri and Bojanowski. Int J Cosmet Sci. 2014;36(3):221-30.) ต่อมามีการทดสอบในอาสาสมัครอีกครั้งในปี 2018 เทียบกับ Retinol พบว่าให้ผลในด้านของการลดเลือนริ้วรอย และปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ เช่นเดียวกัน แต่อาสาสมัครกลุ่มที่ใช้ Bakuchiol มีอาการข้างเคียงน้อยกว่า (Dhaliwal, et al. Br J Dermatol. 2019;180(2):289-296.)
  • Sodium diluaramidoglutamide lysine ตัวนี้เป็นสารที่ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง เป็นได้ทั้งตัวทำครีม (Emulsifier) มีโครงสร้างคล้ายเซราไมด์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เป็น emollient ให้ผิวนุ่ม
  • Sodium hyaluronate เติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น
  • Tocopherol glucoside เป็นวิตามินอีที่ดัดแปลงโดยเอาน้ำตาลกลูโคสมาจับ เจอข้อมูลอยู่ว่า มีชื่อทางการค้าว่า Pretocopheryl® [จาก บ. Pierre Fabre ประเทศฝรั่งเศส] เป็น Antioxidant มีความคงตัวดี ดูดซึมผ่านผิว และค่อยๆ ปลดปล่อยวิตามินอีออกมาทีละน้อย (J Control Release. 2004 Nov 24;100(2):221-31.) มีข้อมูลเสริมๆ ว่า น้องละลายได้ในน้ำ และมีคุณสมบัติปกป้องผิวจากรังสี UV ได้

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ทำมาได้ค่อนข้างดี เลือกเอา C + E ที่เป็นฟอร์ม Glucoside ทั้งคู่ ทำให้ค่อยๆ ปลดปล่อยเอา C + E ออกมาช้าๆ ในผิว เสริมฤทธิ์กันและกันได้อย่างลงตัว จูงมือมากับ Bakuchiol และสารอื่นๆ ให้ประโยชน์ในด้าน Antioxidant, Whitening, ดูแลปัญหาด้านริ้วรอย พร้อม Soothing ให้ความรู้สึกสบายผิว จัดไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวค่อนข้างชอบเนื้อสัมผัส อาจจะด้วยเราผิวผสม-แห้ง เลยค่อยข้างชอบเนื้อชุ่มๆ ประมาณนี้ ในด้านจุดด่างดำ และริ้วรอย ตัวเองยังไม่มีปัญหาด้านนี้ เลยใช้เพื่อชะลอมากกว่า ซึ่งก็ประทับใจ จะติ ก็แค่ตัวแพคเกจ มันดูปิดแล้วแบบลอยๆ กลัวจะหกเวลาเดินทาง แต่ก็พกไปนะ ยังไม่เคยเจอหก และเรื่องกลิ่นหอม ที่อาจจะแรงไปนิดนึงสำหรับเรา แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะต้องหักคะแนน เอาไป 5 ฟลาสก์เต็มๆ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะ ที่ติดตามรับชมมาจนจบ พบกันใหม่ Blog ถัดไป สวัสดีค่ะ

สำหรับท่านที่สนใจไปช้อปปิ้ง เรียนเชิญได้ค่ะ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.tMj9f?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/50JKzy7WbY

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Barrier protecting serum ในไลน์ Biobalance จาก Kamedis เซรั่มดูแล Barrier ผิวในมิติใหม่

Blog นี้ขอหยิบเอาเซรั่มที่ดูแล Barrier ผิวตัวใหม่ของ Kamedis มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมกันนะคะ

โดยเซรั่มนี้มาใสขวดสีม่วง ในไลน์ Bio balance มีชื่อเต็มๆ ว่า Barrier protecting serum

หน้าตาประมาณนี้

ส่วนนี้จะเป็นตัวกล่องค่ะ

อยากจะโฟกัสที่คำว่า Microbiome research ที่ด้านมุมซ้ายล่าง เพราะว่า ตัวนี้เน้นดูแลปรับสมดุล Microbiome มีผลเทสต์การทดสอบการเจริญของแบคทีเรียที่พบได้บนผิว

ส่วนผสมของสารบำรุง เด่นเติมน้ำให้ผิวและดูแลการระคายเคืองไปพร้อมๆ กัน โดยมีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครรองรับ

เคลมหลักของผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะกล่าวไว้ว่า

  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนาน 24 ชั่วโมง
  • ลดสัญญาณของผิวบอบบาง เช่น ผิวแห้ง แดง
  • เพิ่มความกระชับและยืดหยุ่น
  • พัฒนาสูตรมาเพื่อผิวบอบบางแพ้ง่าย

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นดูเหมือนเป็นเจลครีม มีสีเบจ ซึ่งเป็นสีที่มาจากสารสกัดจากธรรมชาติ

เกลี่ยได้ง่าย ให้สัมผัสชุ่มชื้น ไม่เหนอะหนะ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ก่อนไปวิเคราะห์ส่วนผสม อยากเล่าเรื่อง Barrier ผิวนิดหน่อยก่อน คือ พอพูดถึง Barrier ผิว หลายๆ คนจะนึกถึง Ceramide แต่จริงๆ แล้ว Barrier ผิวนั้นมีความซับซ้อนและมีอยู่หลายมิติเหมือนกัน Ceramides เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่ง

ถ้าแบ่ง Barrier ผิวแบบง่ายๆ จะแบ่งเป็น 4 กลุ่มตามประเภท

  • Physical barrier เป็นกลไกทางกายภาพ ผิวหนังที่สมบูรณ์ไม่มีบาดแผลเป็นตัวปกป้องไม่ให้ของดีๆ ภายในออกไปข้างนอก และป้องกันไม่ให้อันตรายจากภายนอกเข้ามาข้างใน
  • Chemical barrier เป็นกลไกทางเคมี ที่ผิวเราสร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสภาวะ pH ให้เป็นกรดอ่อนๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อก่อโรคเจริญ การสร้างพวกไขมันต่างๆ มากันน้ำระเหยออก พวก NMF ที่มาจับน้ำ
  • Immunological barrier เป็นกลไกจากระบบภูมิคุ้มกันของผิวเรา เช่น กลุ่มของเซลล์ภูมิคุ้มกัน และ Antimicrobial peptide ที่ผิวสร้างขึ้นมา
  • Microbiome barrier โดย Microbiome เป็นเหมือนชุมชนของจุลินทรีย์หลากหลายชนิด น้องมีปฏิกิริยากับผิวเราทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง รวมถึงสร้างสารที่มีประโยชน์ให้แก่ผิว ถ้าจุลินทรีย์มีความสมดุล มีชนิดที่หลากหลาย ผิวก็จะมีความแข็งแรง

มาดูส่วนผสมที่น่าสนใจกันนะคะ

  • คอมบิเนชั่นของ Anhydroxylitol, Xylitylglucoside, Xylitol คือ AquaxylTM เป็นคอมบิเนชั่นที่มีประโยชน์ในการเสริม Barrier ผิวผ่านหลายกลไก มีเคลมว่าเป็น “Anti-dehydration shield” ผ่านการเสริมการสร้างองค์ประกอบต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Barrier ผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และลดการระเหยของน้ำออกจากผิว

ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบมีดังนี้

  1. การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่า Aquaxyl สามารถเพิ่มการสังเคราะห์สารกลุ่ม Glycosaminoglycans (GAGs) ที่จับน้ำให้ผิว เช่น Hyaluronic acid อาจจะเพิ่มไม่มาก และ Condroitin sulfate ตัวนี้เพิ่มขึ้นเยอะเลย
  2. การทดสอบในผิวหนังมนุษย์ที่ตัดมาเลี้ยง (Ex vivo) พบว่า Aquaxyl เพิ่มการสังเคราะห์ Ceramide ในผิวได้

3. การทดสอบในอาสาสมัคร เปรียบเทียบกับครีมเบส (placebo) พบว่า Aquaxyl เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และให้ Barrier ผิวแข็งแรงขึ้น (วัดจากค่าการระเหยของน้ำออกจากผิว – Trans epidermal water loss; TEWL ที่ลดลง)

เอาจริง แค่ Aquaxyl ก็เริ่ดแล้ว มาเจอกับสารสกัดสูตร Botaniplex® calm technology เข้าไปอีกก็คือดีงามขึ้นไปอีก ซึ่งคอมบิเนชั่นของ Botaniplex® Calm นี้ ทางแบรนด์ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพในทั้งระดับหลอดทดลอง เซลล์เพาะเลี้ยง และผิวหนังจำลอง พบว่าเด่นในแง่ของการลดกระบวนการอักเสบ มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant และ เสริมกระบวนการสร้าง antimicrobial peptide ที่ชื่อ defensin ที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากจุลินทรีย์ โดยรวมก็คือ สารสกัดชุดนี้มีประโยชน์ในการดูแลการระคายเคือง และให้ผิวแข็งแรงขึ้น

     ที่น่าสนใจเรื่อง Microbiome คือ สารสกัดในคอมบิเนชั่นนี้มีการทดสอบว่า สามารถลดการเจริญของจุลินทรีย์ที่ไม่ดี (เอา Staphylococcus aureus มาเป็นตัวแทน) และเสริมการเจริญของจุลินทรีย์ที่ดี (เอา S. epidermidis มาเป็นตัวแทน)

     เราลองมาดูจุดเด่นของสารสกัดบางชนิดในคอมบิเนชั่นนี้ และงานวิจัยที่รองรับกัน

  • Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract สารสกัดจากชะเอม ซึ่งเด่นในแง่ของการดูแลการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว โดยประกอบด้วย Glycyrrhizic acid ที่มีฤทธิ์เด่นและมีงานวิจัยรองรับอยู่หลายฉบับ โดยฉบับหนึ่งที่น่าสนใจคือ การทดลองในอาสาสมัคร ที่เป็นผิวหนังอักเสบ Atopic ให้ทาเจลที่มีชะเอมความเข้มข้นต่างๆ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่าอาสาสมัครมีอาการคัน รอยแดง และอาการบวมของรอยโรคลดลง (Saeedi et al., J Dermatolog Treat. 2003; 14(3):153-7.)
  • Scutellaria baicalensis extract ตัวนี้เป็นสมุนไพรในตำรับยาจีน มีชื่อว่าหวงฉิน มีงานวิจัยรองรับประสิทธิภาพในด้านความงามและผิวพรรณอยู่พอควร สารสำคัญที่พบในหวงฉิน คือ Baicalin เด่นเรื่องคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบ เป็น Antioxidant ทั้งทางตรง คือ ไปกำจัดอนุมูลอิสระ และทางอ้อม คือ ไปเปิดระบบ NRf2 ซึ่งเป็นตัวปรับสมดุล Redox ในเซลล์ เสริมการสร้างเอนไซม์และสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการกำจัดอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ทนทานต่ออนุมูลอิสระมากขึ้น (กล่าวถึงใน Ma et al., Free Radic Biol Med. 2018;129:492-503.)
  • Cnidium monnieri extract เป็นสมุนไพรในตำรับยาจีนอีกตัว มีข้อมูลงานวิจัยล่าสุดเมื่อ พ.ค. ปีนี้ (2024) วิจัยในระดับเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า สามารถลดผลของ a-MSH ในการกระตุ้นการสร้างเม็ดสี โดยไปลดการสร้างเอนไซม์ Tyrosinase (Plants (Basel). 2024;13(10):1305.) ลดอาการแพ้สัมผัส (Allergic contact dermatitis) ในสัตว์ทดลอง (Biol Pharm Bull. 2002;25(6):809-12.)

นอกจากสารสกัดจากพืชในกลุ่ม Botaniplex® Calm แล้ว ในเซรั่มยังเสริมสารบำรุงอื่นๆ อีก ได้แก่

  • แร่ธาตุเบลนด์ Magnesium Aspartate, Zinc Gluconate, Copper Gluconate ซึ่งเสริมกระบวนการทำงานของผิวหลายประการ ตั้งแต่เรื่องสมดุลการสร้าง-เจริญ ไปจนถึงการชะลอวัย
  • Allantoin ดูแลการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Panthenol เพิ่มความชุ่มชื้น พร้อมกับ ดูแลการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Niacinamide มีประโยชน์กับผิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้านของการเสริมการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว ดูแลการอักเสบระคายเคือง เป็น whitening
  • เติมน้ำด้วย Hyaluron
  • Tropolone ตัวนี้เป็น synthetic antioxidant ที่ช่วยปกป้องทั้งสารในสูตรตำรับและอาจให้ประโยชน์ในการดูแลผิว และเสริมประสิทธิภาพของสารกันเสียในสูตรตำรับ

เบสมาในเบสแบบเจลครีม ใช้ C13-15 Alkane เป็นสารไขมันที่ช่วยให้ผิวนุ่ม (Emollient) เนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ ข้อมูลความปลอดภัยค่อนข้างดี มีชื่อเล่นในวงการว่า Hemisqualane

มาให้คะแนนกัน

  1. สารบำรุง ส่วนตัวมองว่า น้องค่อนข้างเด่นในแง่ของการดูแลปัญหาการระคายเคืองผิวผ่านหลายๆ กลไก พร้อมทั้งเสริมความชุ่มชื้นผ่านกลไกการเติมน้ำเป็นหลัก มีผลเทสต์ในด้านของการดูแลเรื่องสมดุล microbiome ให้ผิวแข็งแรง และอาจให้ประโยชน์ไปถึงด้าน whitening จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวคิดว่าเรื่อง soothing (สบายผิว) น้องม่วงทำมาได้ดีมาก 10 10 10 เนื้อเซรั่มทำมาได้บางเบา ไม่เหนอะหนะ ในขณะที่ยังให้ความชุ่มชื้นค่อนข้างดี ให้ความรู้สึกสบายผิว ทางนี้เอามาแทรกในรูทีน คั่นกลางระหว่างเซรั่มเบสน้ำ กับ เบสแบบครีมได้พอดีแบบลงตัวมาก ใช้ได้ทั้งเช้า-เย็น ให้ความชอบไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Kamedis สาขาประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้เป็นของขวัญ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://web.facebook.com/Kamedisth

ทางไปชอปปิ้ง

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/7pcZ9A27BG

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.sT41b?cc

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับเป็นของขวัญจากทางแบรนด์ Kamedis สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้รับค่าตอบแทนจากการเขียนรีวิว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อดูแลผิวที่มีปัญหาสิว Zeroid Pimprove Soothing Moisturizer

วันนี้ขอนำเสนอบทรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของครีมมอยส์เจอไรเซอร์น้องใหม่คนสุดท้องของ Zeroid pimprove ที่มีชื่อว่า Pimprove soothing moisturizer ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนก.พ. ที่ผ่านมาอย่างละเอียด

สำหรับแบรนด์ Zeroid นั้นเป็นแบรนด์ที่พัฒนามาภายใต้คอนเซปท์ Zero steroid ที่เน้นไปที่การฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรงในหลายๆ ด้านไปพร้อมกันค่ะ

(Image from Zeroid Korea official website)

ทางเพจได้เคยนำเสนอบทวิเคราะห์ส่วนผสมผลิตภัณฑ์ดีๆ จากแบรนด์นี้ไว้หลายชิ้นอยู่เหมือนกัน สนใจตัวไหนไปจิ้มลิงค์อ่านรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมได้เลยค่ะ

Zeroid ampoule: >>Click<<

Zeroid intensive repair-C: >>Click<<

Zeroid pimprove toner: >>Click<<

สำหรับวันนี้มาวิเคราะห์ตัว Pimprove soothing moisturizer ตัวใหม่ที่พัฒนามาจากสูตรเดิมค่ะ

มีหน้าตาเป็นดังนี้

ตัวแพคเกจมาในขวดแบบ Airless pump ขนาด 95 ml

เนื้อครีมไม่เหนียวข้นจนเกินไป และไม่มีน้ำหอม จึงได้กลิ่นตามธรรมชาติของวัตถุดิบอยู่จางๆ

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ไม่เหนอะหนะ ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น เย็นสบายผิว ดูฉ่ำโกลว แบบไม่มัน

เนื้อครีมหลังเกลี่ยใต้แสงแฟลช

ก่อนไปดูส่วนผสม อยากบอกว่า คนผิวมันก็ยังจำเป็นต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์อยู่นะคะ เพียงแต่ต้องเลือกให้ถูกกับผิวของเรา เพราะว่าอาจเกิดสภาวะผิวมันแต่ขาดน้ำก็ได้ เนื่องจากน้ำมันบนผิวนั้นเรียกว่า Sebum มาจากต่อมไขมัน (Sebaceous gland) ที่เป็นคนละส่วนกับไขมันที่เป็น Barrier ที่อยู่ในชั้นผิว

ไขมันบนผิวเยอะ ไม่ได้แปลว่า ไขมันที่เป็น Barrier ในชั้นผิวจะเยอะและสมบูรณ์ไปด้วย

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมในวันนี้ขอแบ่งเป็นกลุ่มๆ สีตามประโยชน์ค่ะ

ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็น Neopharm เทคโนโลยีสิทธิบัตร MLE ต้องมา

ส่วนผสมของ MLE ใช้แทนด้วยชุดสีม่วง

  • ปกติแล้วในผิวเราจะมีไขมันที่ทำหน้าที่เป็น Barrier ผิว ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ Ceramide + Cholesterol และ กรดไขมัน ไขมันเหล่านี้มันจะเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบซึ่งมีด้วยกันหลายรูปผลึก ส่วนหนึ่งเป็นรูปแบบ Liquid crystal
  • เจ้า MLETM นี่เป็นสูตรผสมของ Pseudoceramide (Myristoyl/palmitoyl oxostearamide/arachamide MEA หรือ Ceramide-9S) ร่วมกับ Phytosterol และกรดไขมัน Stearic acid เรียงตัวในรูปแบบที่คล้ายกับ Liquid crystal ของผิว เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ชนิด Polarized light จะเห็นเป็นเครื่องหมายกากบาท เรียก Maltese cross

(Image from Zeroid global official website)

ด้วยความที่การเรียงตัวเหมือนกัน เลยมีแนวโน้มว่าทำหน้าที่ปกป้องผิวทดแทน Barrier ของผิว

กลุ่มสารที่ดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว แทนด้วยสีน้ำตาล

  • Oleamide MEA สารตัวนี้รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า RestomideTM เป็นสารนวัตกรรมสิทธิบัตร ออกฤทธิ์โดยไปจับกับตัวรับ Endocannabinoid receptor CB1 ซึ่งพบได้หลายตำแหน่งในผิว เช่น เซลล์ผิวหนังในชั้นหนังกำพร้า เซลล์ Fibroblast, Melanocyte ต่อมไขมัน บริเวณเส้นประสาท และเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน (Baswan et al., Clinical, Cosmetic and Investigational Dermatology 2020;13:927–942) ส่วนของในภาพรวมสรุปได้ว่ามีประโยชน์ให้ผิวแข็งแรง ประมาณรูปนี้

                    การใช้ Restomide อาจจะให้ประโยชน์ในด้านการลดการอักเสบ ความรู้สึกระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรงผ่านการเพิ่มกระบวนการเปลี่ยนสภาพหน้าที่ (Differentiation) ของเซลล์ในหนังกำพร้า (Keratinocyte) ให้โตเต็มไวและทำงานได้ดีขึ้น

  • Methyl caprooyl tyrosinate ตัวนี้มีชื่อว่า DefensamideTM เป็นนวัตกรรมสิทธิบัตรเช่นกัน มีรายงานว่าไปกระตุ้นเอนไซม์ Sphingosine Kinase 1 (SPHK1) ที่ Keratinocyte (เซลล์ผิวในชั้นหนังกำพร้า) ซึ่งไปมีผลเพิ่มการสังเคราะห์ Antimicrobial peptides (AMP) ตามธรรมชาติของผิว จึงส่งเสริมและปกป้องผิวจากเชื้อจุลินทรีย์ และเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ผิว (Ref: Medchem Express; J Dermatol Sci. 2015;79(3):229-34.; J Immunol. 2018; 200(1 Supplement):170.14) นอกจากนี้ผู้ผลิตวัตถุดิบยังกล่าวว่า มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง และลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ไปพร้อมๆกัน
  • Beta-glucan เป็นสารในกลุ่ม Polysaccharide ที่มีประโยชน์กับผิวหลายประการ มีประโยชน์เรื่องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดการอักเสบ การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Beta-glucan ที่สกัดจากข้าวโอ๊ตมีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ผิว ให้โตเต็มวัย ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และฟื้นฟู Barrier ผิว (Int J Biol Macromol. 2021;185:876-889.)
  • Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester น้องเป็นเปปไทด์สังเคราะห์ที่เด่นในแง่ของการลดความรู้สึกระคายเคือง ซึ่งมีการศึกษารองรับในอาสาสมัคร โดยให้อาสาสมัครทา Capsaicin เพื่อเกิดการระคายเคือง แล้วทาผลิตภัณฑ์ที่มีสารตัวนี้ลงไป พบว่า สารนี้สามารถลดการระคายเคืองและความรู้สึกแสบร้อนที่เกิดขึ้น (J Eur Acad Dermatol Venereol. 2016;30 Suppl 1:18-20.)

Niacinamide แทนด้วยสีน้ำเงิน ทางแบรนด์เคลมว่าใช้มาที่ความเข้มข้น 5% ซึ่งมีประโยชน์ที่ดีต่อผิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ด้านของ Barrier ผิว ดูแลการอักเสบระคายเคือง ควบคุมการสร้างน้ำมัน ดูแลเรื่องสิว และดูแลไปถึงด้าน Whitening

สีเขียวเป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำให้ผิว มี Hyaluronate กับกรดอะมิโน Arginine

สีชมพู คือ วิตามินอี เป็น Antioxidant

สำหรับเบสเป็นเบสแบบครีม ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน และไม่มีส่วนผสมของสารอื่นๆ ที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

  1. สารบำรุง ครีม Zeroid pimprove soothing moisturizer ขวดนี้ มีส่วนผสมของสารบำรุงอยู่หลายชนิด ที่เด่นไปในด้านของ Soothing (การให้ความรู้สึกสบายผิว) แบบครอบคลุมกันผ่านหลายกลไก ทั้งดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง ลดความรู้สึกระคายเคือง ดูแลเรื่อง Barrier ให้แข็งแรง ทั้งในระดับของ Lipid barrier และ ผ่านทาง Antimicrobial peptide และยังดูแลเรื่องสิว ซึ่งอาจจะครอบคลุมถึงด้านของรอยสิวไปด้วยพร้อมๆ กัน เพื่อให้ผิวเราสามารถเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้เอง ตอบโจทย์ผิวมันแต่ขาดน้ำ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมีผิวค่อนข้างแห้ง เลยรู้สึกว่าตัวนี้อาจจะเบาไปนิดหน่อย แต่จากที่ได้ให้เพื่อนที่มีผิวมัน 2 ท่านทดลองใช้ ได้รับฟีดแบคกลับมาเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ ไม่เยิ้มเป็นสังขยา ผิดวิสัยครีมเกาที่มักจะใช้แล้วเยิ้มในระหว่างวัน ให้ความรู้สึกสบายผิว ไม่ระคายเคือง และรู้สึกว่าอาการผิวแดงลดลง เพื่อนให้ 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Zeroid สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันเลอค่ามาให้ได้รู้จักและทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Zeroid โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ZeroidThailand

LazMall https://invol.co/cljepej

ShopeeMall https://invl.io/clj5gyv

Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Zeroid การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

#ยืนหนึ่งผิวมันขาดน้ำ #ดูแลสิวผิวไม่เสีย

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมโทนเนอร์คาโมมายล์ Chamomile calming tea toner จากแบรนด์ T’else

สวัสดีค่ะ วันนี้มีรีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมผลิตภัณฑ์ใหม่จากแบรนด์ T’else มาฝากกันนะคะ

สำหรับแบรนด์ T’else เป็นแบรนด์ที่น่าสนใจแบรนด์หนึ่งในเครือ Neopharm ของทางเกาหลีค่ะ ซึ่งส่วนตัวมี่เคยรีวิวสินค้าของแบรนด์นี้ไว้อยู่หลายชิ้นด้วยกันนะคะ

อย่างตัวที่ชอบมากๆ ก็จะเป็นตัว Essence ของ Kombucha กับ Artemisia ค่ะ

(สามารถตามไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>>Click<<<)

หลังจากที่ได้ลองได้เข้าไปดูเว็บไซต์ Official ของ brand ก็พบว่าตอนนี้ทางแบรนด์ได้ Rebrand ใหม่ให้มีความเป็นมิตรกับธรรมชาติมากขึ้น มีความ Clean และ เป็นเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ คือเป็น Vegan นั่นเอง

(Image from T’else)

วันนี้มีโอกาสได้ลองใช้ซีรี่ส์ใหม่ที่พึ่งเข้ามาในไทย เป็นซีรี่ส์ของคาโมมายล์ที่โดดเด่นในด้านของคุณสมบัติให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) โดยในซีรี่ส์นี้มีด้วยกัน 3 ผลิตภัณฑ์ คือ Ampoule, Cream และ Toner ค่ะ

วันนี้ขอหยิบโทนเนอร์มาเป็นตัวแทนในการรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

ตัวโทนเนอร์มีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

ตัวโทนเนอร์มาในรูปแบบของขวดแก้วใส ที่ติดด้วยสติกเกอร์ใส ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวค่อนข้างชอบการดีไซน์ของแบรนด์ คือ เมื่อเราต้องการจะเอาไปรีไซเคิล เราก็แค่แกะสติกเกอร์นี้ออก แล้วทางแหล่งรับรีไซเคิลก็เอาไปรีไซเคิลได้เลยค่ะ

ตัวโทนเนอร์เป็นเนื้อใส สีเหลืองอ่อนๆ ภายในมีกลีบดอกบรรจุอยู่ อยากโฟกัสเข้าไปที่กลีบดอกนะคะ ส่วนตัวมองว่ามันดูโดดเด่นดีค่ะ

ด้วยความที่เป็นโทนเนอร์ในรูปแบบตำรับน้ำใส (Solution) ปกติเราก็จะใช้โทนเนอร์กับสำลี

ส่วนตัวลองใช้ทั้งหยดลงบนมือ แล้ววอร์ม ก่อนนำไปลูบไล้บนหน้า กับ หยดใส่สำลีค่ะ

ถ้าใช้กับมือก็จะเกลี่ยง่าย ซึมไวแห้งไวไม่เหนอะหนะ

ส่วนถ้าใช้กับสำลี ส่วนตัวรู้สึกว่าชุ่มชื้น ชุ่มฉ่ำและนุ่มฟูกว่าใช้กับมือ

เนื้อของโทนเนอร์เป็นประมาณนี้ค่ะ

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เย็นๆ ดมไปดมมาก็แอบคล้ายน้ำเก็กฮวย

ส่วนของค่า pH จะอยู่ที่ประมาณ 5 ค่ะ

ก่อนไปดูส่วนผสมอยากยกผลการทดสอบของทางแบรนด์ในอาสาสมัครมาเล่าให้ฟังสักหน่อย

ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่เราจำเป็นต้องใส่ Mask ซึ่งหลายคน รวมทั้งตัวเองด้วย หลังใส่ Mask นานๆ ก็จะรู้สึกระคายเคือง และบางครั้งบริเวณก็จะระคายเคืองมากจนแก้มเป็นรอยแดง ทางแบรนด์ทำการทดสอบประสิทธิภาพในการลดรอยแดงจากการใส่ Mask พบว่า รอยแดงลดลง 31% ในเวลา 3 วัน

อีกการทดสอบเป็นการทดสอบประสิทธิภาพในด้านของการ Soothing พบว่าใน 1 สัปดาห์สามารถลดรอยแดงได้ 32.5%

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สำหรับส่วนผสมวันนี้ทำไว้ 4 สีค่ะ

เริ่มที่กลุ่มแรก สีน้ำเงิน จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงที่โดดเด่นในด้านของการให้ความรู้สึกสบายผิว หรือ Soothing effect รวมไปถึงคุณสมบัติในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง ดูแลปัญหาเรื่องรอยแดงค่ะ

  • น้ำสกัด Chamomile และสารสกัดจาก Chamomile เข้าใจว่าเป็นชนิด Roman Chamomile  มีรายงานการวิจัยสนับสนุนถึงเสริมการไหลเวียนของเลือด (Clin Exp Hypertens. 2013; 35(3):200-6.) ซึ่งผิวที่มีการไหลเวียนของเลือดที่สมดุล จะมีสุขภาพดีค่ะ นอกจากนี้ยังพบว่ามีส่วนผสมของสารประกอบ Octulosonic acid ที่มีประโยชน์ในเชิงการดูแลปัญหาอักเสบและระคายเคือง (J Nat Prod. 2014 Jan 28.) รวมไปถึงพวก Bisabolol และ Azulene ที่โดดเด่นในด้านของการดูแลปัญหาอักเสบและระคายเคือง สำหรับข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบแห่งหนึ่งกล่าวว่า สารสกัดดังกล่าวมีประโยชน์ในเชิง Soothing รวมไปถึงเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • Azulene เป็นสารพฤกษเคมีที่แยกได้จากพืชหลายชนิด ในที่นี้เข้าใจว่า มาจาก Chamomile ที่โดดเด่นในด้านของการดูแลปัญหาอักเสบและระคายเคืองเช่นกัน
  • น้ำสกัดจาก Marigold ที่เป็นพืชในสกุลเดียวกับดาวเรือง (Calendula officinalis extract) ตัวนี้เองก็โดดเด่นในด้านของการดูแลปัญหาการอักเสบและระคายเคือง รวมถึงมีงานวิจัยทดสอบรองรับ (Cosmetics 2021, 8, 31.) และมีการทดสอบคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวหลังจากผิวไหม้แดดในอาสาสมัคร พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจาก Marigold ให้คุณสมบัติที่ดีในการฟื้นฟูผิว (IOP Conf. Series: Materials Science and Engineering. 2019;571:012082)

ส่วนถัดมา คือ สีชมพู ได้แก่ Coptis japonica root extract สำหรับพืชตัวนี้เป็นพืชในตำรับยาแผนโบราณในแถบเอเชีย ที่เกาหลีเรียกพืชนี้ว่า Hwangryun ซึ่งทางผู้ผลิตวัตถุดิบเจ้าหนึ่ง Claim ว่า มีคุณสมบัติในเชิงการปกป้องผิว Soothing และ เป็น Antioxidant

ส่วนของสีเขียว เป็นกลุ่มของสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ซึ่งได้แก่ Hyaluron 3 รูปแบบ และ Hydroxyethyl urea

ปิดท้ายด้วยกลุ่มของสารสีส้ม ซึ่งเป็นกลุ่มของสารพฤกษเคมีที่พบได้ในบัวบก มีรายงานมากมาย สารเหล่านี้มีประโยชน์ค่อนข้างกว้างในการดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็น ดูแลเรื่องของการชะลอวัย การฟื้นฟู การสมานผิว การดูแลเรื่องของการสร้างคอลลาเจน เป็น Antioxidant ฯลฯ

ในภาพรวมจะเห็นว่าสารที่ใส่มาในผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ และมีประโยชน์กับผิว ในส่วนของเบสหลักเป็นเบสน้ำชาที่ชง/สกัดจากคาโมมายล์ ซึ่งในจุดนี้แบรนด์เคลมว่าใส่มาถึง 80% เลยทีเดียว

และไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และซิลิโคน

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

  1. สารบำรุง เรียกได้ว่าน้องจัดมาเต็มมากในด้านของการดูแลปัญหาด้านของการระคายเคือง การอักเสบ ให้ความสบายผิว (Soothing effect) ฟื้นฟูผิว รวมถึงด้านของการชุ่มชื้น และอาจจะให้ประโยชน์ครอบคลุมไปถึงด้านของการชะลอวัยและดูแลปัญหาริ้วรอยไปพร้อมๆ กัน รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ นอกจากสารบำรุงแล้ว ก็ไม่ได้มีสารอื่นที่ไม่จำเป็น และไม่ได้มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน หลังเช็ดทันที จะรู้สึกว่าสบายผิว และชุ่มชื้น นุ่มฟู และสำหรับการใช้งายในระยะยาว ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่า ส่วนตัวเคยมีปัญหาเรื่องผิวแดง ระคายเคืองง่ายที่บริเวณแก้ม หลังจากใช้โทนเนอร์นี้ เสริมเข้ามาใน Regimen ร่วมกับ Skincare ตัวอื่นที่ใช้เป็นประจำ เป็นเวลาเดือนกว่าๆ ก็รู้สึกเลยว่า การเกิดรอยแดงของผิวลดลง รู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้น ส่วนตัวค่อนข้างชอบ จะติก็นิดหน่อย ตอนใกล้หมดขวด กลีบดอกมันจะชอบมาใกล้ๆที่หยด แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะแค่แกว่งขวดตัวโทนเนอร์ก็ยังหยดออกมาได้ตามปกติ เอาไปเลย 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าใหม่ล่าสุดมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ T’else หรือ เพจ DermArtlogy Thailand ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: dermArtlogyThailand

[Ads] สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดตามไปดูร้านค่า Official ของทางบริษัท dermartlogy ได้ค่ะ

https://invol.co/cl5lphc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ T’else การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเจลบำรุงปรับสภาพผิว DrGL Restore gel mask

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของ Gel Mask ชื่อดังจากเกาหลีของแบรนด์ Dr.GL มาฝากกันค่ะ

แบรนด์ Dr.GL นี้เป็นแบรนด์ที่พัฒนามาจากประสบการณ์ทางด้านความงาม และการรับฟัง Feedback จากคนไข้ต่างๆ ของคุณหมอท่านหนึ่งที่เกาหลี และเลือกใช้ส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในปริมาณที่เหมาะสม และไม่ใช้ส่วนผสมมากชนิดเกินไปค่ะ อย่างปกติที่เราเห็นสกินแคร์ของเกาหลี คือพี่ท่านมักจะอัดเต็ม ใส่ส่วนผสมสารพัดลงไป แต่แบรนด์นี้จะมาแบบเรียบ แต่จบครบ ตามคอนเซปท์ของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นค่ะ

คอนเซปท์ของแบรนด์คือ “maximum efficacy minimum fuzz”

จะกล่าวง่ายๆ ว่า เป็นแบรนด์เวชสำอางสายคลีนก็ว่าได้

(Image from DrGL official Korea Website)

อย่างวันนี้ตัวที่หยิบมารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมจะเป็นผลิตภัณฑ์ Restore gel mask ค่ะ

มีหน้าตาแบบนี้นะคะ

สำหรับเนื้อของผลิตภัณฑ์ก็จะมาในรูปแบบของ Gel สีฟ้าอมน้ำเงิน ซึ่งสีฟ้าอมน้ำเงินตัวนี้ไม่ได้เป็นสีสังเคราะห์แต่อย่างใด แต่เกิดจากสารธรรมชาติที่มีชื่อว่า Guaizulene ที่ปกติเราเจอในน้ำมันหอมระเหยของคาโมมายล์ แต่ว่าทางแบรนด์เลือกเป็น Guaizulene ที่ได้มาจากเห็ดสีน้ำเงิน ที่มีชื่อว่า Lactarius indigo ค่ะ

เกลี่ยง่าย ให้ความรู้สึกสบายผิว มีกลิ่นหอมแนวธรรมชาติ (แต่เป็น Fragrance นะคะ) ซึมไหว หนึบๆ นิดหน่อย แต่พอทิ้งไว้สักพักก็จะซึมลงไปจนหมด

เจลตัวนี้มีวิธีใช้ได้หลายแบบนะคะ

  • เอามาผสมกับ Product อื่นๆ ในแบรนด์ Dr.GL เพื่อเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น เอาเจลนี้ 2 ปั๊ม มาผสมกับ Essence Anti-aging ก็จะได้คุณสมบัติด้าน Anti-aging เข้ามาค่ะ
  • ใช้เป็น Moisturizer ทั่วไป ก็ปั๊มออกมาราวๆ 1 ปั๊ม วอร์ม แล้วเกลี่ยลงบนหน้า จบค่ะ
  • ใช้เป็น Intensive mask ก็ปั๊มออกมาสักราวๆ 3 – 4 ปั๊ม พอกไปบนหน้า ทิ้งไว้สัก 20 นาทีก่อนเช็ดเจลส่วนเกินออก ทางแบรนด์บอกว่าเช็ดออก แต่ส่วนตัวไม่ได้เช็ดออกนะคะ ผ่านไปแป๊บเดียวผิวดิฉันก็กระหายกินมันไปจนหมด

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ส่วนผสมวันนี้มี่ทำสีไว้ 5 สีค่ะ

สีชมพู ส่วนตัวมองว่าเป็นตัวเอกของผลิตภัณฑ์ค่ะ

  • Sodium guaiazulene sulfonate ตัวนี้เป็นสารพฤกษเคมีที่ปกติพบในน้ำมันหอมระเหยของคาโมมายล์ แต่ตามที่แบรนด์เคลมคือสกัดมาจากเห็ดสีฟ้า มีคุณสมบัติเด่นในแง่การลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Rutin เป็นสารในกลุ่ม Flavonoid ที่มีประโยชน์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นด้าน Antioxidant รวมไปถึงด้านการลดการอักเสบระคายเคือง

สีม่วง เป็นกลุ่มของสารที่เด่นในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว ก็จะเป็นขาประจำ กับตัวที่มีความ Rare หน่อย ดังนี้ค่ะ

  • ขาประจำอย่าง สารสกัดจากชะเอม คาโมมายล์ และ Beta-glucan
  • สารสกัดจากผล Gardenia multiflora ตัวนี้ทางผู้ผลิตเคลมว่าประกอบด้วยสารในกลุ่มของ Flavonoid และ Ferulic acid ที่เป็น Antioxidant และมีประโยชน์ในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว รวมถึงลดการบวม ซึ่งส่วนตัวมองว่า เหมาะเอามาใช้เป็น Soothing หลังออกแดด หรือหลังทำทรีทเมนท์ค่ะ (แต่ทางนี้ไม่เคยทำนะคะ เลยไม่รู้ว่าจะ work ไหม แต่ทาหลังออกแดดนานๆ คือ ปลื้มปริ่มอยู่ โดยเฉพาะถ้ายิ่งเอาไปแช่เย็น)
  • Menadione เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเค ซึ่งมีประโยชน์ในการดูแลผู้ที่มีปัญหาเรื่องเส้นเลือดฝอย อย่างภาวะ Couperosis หรือ ภาวะ Rosacea (Lautenschläger, H. Kosmetik International. 2005; 7:89)

สีฟ้า Lactobacillus ferment อันนี้เคลมไปในเชิงของ Probiotic/Postbiotic ที่เสริมภูมิคุ้มกันของผิวหนัง ช่วยให้ผิวแข็งแรง

สีส้ม เป็นกลุ่มของสารที่มีประโยชน์ในเชิงการป้องกันริ้วรอย

สีเขียวแก่ เป็นกลุ่มของสารพฤกษเคมีที่พบได้ในบัวบก อย่าง Asiaticoside, Asiatic acid, Madecassic acid ซึ่งโดดเด่นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านของ Antioxidant ลดการอักเสบระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว และเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน การสมานแผล

เจลมาในเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์ และซิลิโคน รวมถึงสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอื่นๆ

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ตัวนี้โดดเด่นในแง่ของการลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว เน้น Soothing effect สมกับชื่อ Restore ของผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงพวก Antioxidant ชะลอวัย และช่วยให้ผิวแข็งแรง ถ้ามองแค่ความเป็น Soothing/Anti-irritant ถือว่าน้องทำมาได้ดีมาก จัดไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ นางไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ไม่มีจุดให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบ Feeling ของเจลนะคะ ด้วยความบางเบา แต่ถ้าเอามาใช้อย่างเดียวเพื่อเป็น Sleeping mask ด้วยความที่มี่มีผิวผสม/แห้ง รู้สึกได้เลยว่าไม่พอ ยังต้องทาครีมทับอีกชั้นหนึ่ง ขอให้ไป 4 ฟลาสก์

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากเพื่อน การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ