Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มไฮยาตึงตึงสายกวาดรางวัลจากเกาหลี จาก Torriden DIVE IN Serum

Blog นี้จะมารีวิวเซรั่มไฮยาตัวตึงจาก Torriden กันนะคะ

น้องมีชื่อเต็มๆ ว่า Dive In Low Molecular Hyaluronic Acid Serum

ตัวตึงในหมู่พส.เกาหลี กวาดรางวัล Olive Young Awards หมวด Essence/Serum มา 2 ปี ซ้อน

และความน่าสนใจคือ ไฮยาที่ใช้เป็นไฮยาเกรด Vegan และได้รับ certified vegan ด้วย

อันนี้จะเป็นหน้าตาของน้องนะคะ

ส่วนนี้จะเป็นกล่องค่ะ

เซรั่มมาในเนื้อกำลังดี ไม่หนืดไป ไม่เหลวไป

เวลาเกลี่ย น้องจะให้ฟีลลื่นๆ ในช่วงแรก ก่อนจะเซ็ตตัวเป็นฟิล์มบางๆ ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ชุ่มชื้น และเย็นสบายผิว

ตัวผลิตภัณฑ์มีผลทดสอบในอาสาสมัครด้วยในเรื่องของการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหลายๆ ระดับ และประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้นที่ยาวนาน

(Image from Torriden Official Shopee Mall)

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวมพระเอกของผลิตภัณฑ์ก็เป็น ไฮยา 5 ชนิด ซึ่งจะมีทั้งตัวที่เคลือบ ตัวที่เกาะผิว ตัวที่ซึม เพื่อดูดจับน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวในหลายๆ ระดับไปพร้อมๆ กัน

สำหรับสารบำรุงอื่น ที่เข้ามาเสริมเรื่องการจับน้ำ จะเป็นน้ำตาล Trehalose ที่จับน้ำได้เก่งเหมือนกัน ควบคู่ไปกับ Beta-glucan ซึ่งตัวนี้มีคุณสมบัติเป็น prebiotic เป็นอาหารให้แก่จุลินทรีย์ดีๆ บนผิว ให้ผิวแข็งแรงได้อีกทาง

ดูแล Barrier ผิวให้แข็งแรงเก็บกักน้ำได้ดีขึ้นด้วย Ceramide NP และ Cholesterol

เสริมสารสกัดที่เด่นเรื่อง Soothing หลายชนิด ได้แก่

  • Madecassoside + Madecassic acid ที่แยกได้จากบัวบก มีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ รวมทั้ง Soothing
  • Panthenol ที่ดูแลผิวไปพร้อมๆ กับเพิ่มความชุ่มชื้น และเสริมกระบวนการฟื้นฟู Barrier ผิวตามธรรมชาติ
  • Allantoin
  • Betaine
  • สารสกัดจาก Portulaca Oleracea Extract มีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลการระคายเคือง ความชุ่มชื้น และ มีคุณสมบัติ antioxidant เสริม
  • สารสกัดจาก Paeonia Suffruticosa Root Extract ก็มีประโยชน์ต่อผิวหลายอย่างเช่นกัน เช่น antioxidant รวมไปถึง soothing, whitening
  • Scutellaria Baicalensis Root Extract ซึ่งประกอบด้วยพฤกษเคมีที่ประโยชน์หลายชนิด และมีรายงานวิจัยสนับสนุนถึงคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ทั้งในระดับหลอดทดลอง และในหนูทดลอง และมีคุณสมบัติในการกดสาร cytokines ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการแพ้ (J Ethnopharmacol. 2012; 141(1):345-9.)

เสริม Antioxidant ด้วยสารสกัดจาก Malachite

มี Witch hazel อยู่อีกนิดๆ คุมมัน กระชับรูขุมขน

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ในภาพรวม สารบำรุงเด่นด้วยไฮยาหลายชนิดที่ไล่ระดับกันมาช่วยเติมน้ำให้ผิว มาพร้อมการพร้อม Soothing จากสารบำรุงอื่นๆ พร้อมดูแลฟื้นฟู Barrier ให้แข็งแรง ด้วย Ceramide + Cholesterol มี AOX นิดๆ จาก Malachite เสริม โดยรวมขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ค่อนข้างดี ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ตัวเซรั่มจะมีความลื่นนิดๆ แต่จะชอบเวลาเกลี่ย และเมื่อเซ็ตตัวให้ความรู้สึกเคลือบเป็นฟิล์มบางๆ ที่รู้สึกเย็นสบายผิว ผิวนุ่มลื่น ทาครีมทับอีกชั้นก็สบายผิวได้ทั้งวัน ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะ ที่ติดตามรับชมมาจนจบ

ขออนุญาตแนบทางไปช้อปปิ้ง

https://s.shopee.co.th/2VhVLuaRu6

https://s.lazada.co.th/s.zgUF7?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมกันแดดถั่วเขียวเย็นผิว beplain Mung Bean Cooling Moisture Sunscreen SPF50+ PA++++

Blog นี้เราจะมีรีวิวกันแดดถั่วเขียวที่ลดอุณหภูมิผิวได้ 10.5 องศาภายหลังการใช้งาน มาในคอนเซปท์ว่า ถ้าลดอุณหภูมิภายในผิวได้ รูขุมขนก็จะเปลี่ยนแปลงไป เออ อันนี้น่าสน ที่สำคัญเขาว่าฮิตในหมู่พส.เกาหลีด้วย

ตัวผลิตภัณฑ์เป็นของแบรนด์ beplain มีชื่อว่า Mung bean cooling moisture sunscreen มีค่า SPF50+ PA++++

รางวัลฉ่ำหลากหลายหมวด

(Image from beplain Korea Official Website)

คำแปลค่าต่างๆ จากภาพนะคะ เป็นความเห็นจากผู้ใช้จริง

  • 100% บอกว่าซึมไว
  • 98% รู้สึกว่าไม่อุดตัน
  • 97% รู้สึกเย็น
  • 95% บอกว่าหลังใช้แล้วเมคอัพติดทนมากขึ้น
  • 94% บอกว่าไม่แสบตา

อีกการทดสอบ อาสาสมัคร 24 คน โดยสถาบัน Human Skin Clinical Trial Center ทุกคนบอกว่า ทาแล้วรู้สึกผิวเย็น และ รู้สึกว่า soothing ทันที

มีเคลมเรื่องกันฝุ่นละออง

และในการทดสอบก็คือมีผลในการลดรอยแดง กับ ลดอุณหภูมิผิวได้ถึง 10.5 องศา

ส่วนนี้เป็นหน้าตาของน้องค่ะ

ตัวกล่อง

จุดเด่นคือเนื้อสัมผัสที่ชุ่มชื้นเหมือนมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทาแล้วกลืนไปกับผิวแต่ก็ไม่ทำให้เหนอะหนะ

หลังเกลี่ย

เชคฟินิชอีกทีด้วยแสงแฟลช ก็คือจะมีความวาวนิดๆ ภายใต้แสงแฟลช

ด้านส่วนผสมก็คืออัดแน่นมาเช่นเคยตามสไตล์ beplain เขาล่ะ

ในภาพรวมน้องเป็นกันแดดเคมี ที่ผสมสารกรองรังสี UVA UVB มาครบเครื่อง เสริมด้วยสารสกัดจากพืชอีกหลายชนิดที่มีประโยชน์ในการ Soothing/Calming ให้ความรู้สึกสบายผิว แต่งสีเขียวนวลๆ ด้วย pigment Chromium oxide greens ซึ่งเขียวกับแดงเป็นสีคู่ตรงข้ามกันใน Artist color wheel เมื่อมาเจอกันก็จะช่วยกลืนสีแดงไป ช่วยกลบรอยแดงได้แบบนิดๆ

มาเริ่มกันที่สารกันแดดในสูตร

  • Ethylhexyl triazone ว่ากันว่าเป็นตัวกรองรังสี UVB ที่มีความคงตัวสูง
  • Drometrizole trisiloxane น้องสารกันแดดที่กรองรังสีได้ในช่วงกว้างทั้ง UVB และ UVA มีจุด Peak 2 จุดในช่วง UVB (303 nm) และ UVA (344 nm)
  • Terephthalylidene dicamphor sulfonic acid เก่งกรอง UVA-1 (320–400 nm) ความคงตัวสูง ละลายน้ำได้ดี เลยให้ฟีลไม่เหนอะหนะ ใช้คู่กับ Drometizole trisiloxane ยืนหนึ่งกวาดเก็บ UVA แบบฉ่ำ
  • Diethylamino hydroxybenzoyl hexyl benzoate หรือรู้จักกันในนาม Uvinul A+ ตัวกรอง UVA ที่เด่นเรื่องการปกป้องการเกิดอนุมูลอิสระจากรังสี UV ในผิว มีความคงตัวดี
  • bis-Ethylhexyloxyphenol methoxyphenyl triazine หรือ Tinosorb S กรองรังสีได้ในช่วงกว้างทั้ง UVA-UVB มีค่า Peak 310 และ 345 nm และมีฤทธิ์เสริมและบูสต์ค่า SPF เมื่อใช้คู่กับสารกันแดดอื่น เช่น Ethylhexyl triazone
  • บูสท์ค่า SPF ด้วย Butyloctyl salicylate ที่มาในสัมผัสบางเบา

ภาพรวมการกรองรังสีจะประมาณนี้นะคะ

สูตรนี้ไม่มี Avobenzone แต่ยังตึงด้าน UVA อยู่

ในด้านสารบำรุงที่ใส่เสริมเข้ามาจะเน้นไปในเชิง Soothing ด้วยสารสกัดจากถั่วเขียว ร่วมกันสารสกัดพืชอีกหลายชนิด เสริม Adenosine ที่ดูแลเรื่องริ้วรอย

คอมบิเนชั่น Iced mung beanTM Complex ของทางแบรนด์ ได้แก่ Vigna radiata seed extract, Laminaria japonica extract, Ulmus davidiana root extract, Aloe barbadensis leaf extract, Viola mandshurica flower extract, Dioscorea japonica root extract เคลมว่าลดอุณหภูมิผิวได้

ใช้ Methyl diisopropyl propionamide เป็นตัวให้ความรู้สึกเย็นแบบละมุนนี เย็นนาน

มาให้คะแนนกัน

  1. สารกันแดด ทำมาได้ค่อนข้างดี ครบจบทั้ง UVA-UVB และมีความคงตัวดี ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ในด้านสารบำรุง มีกลุ่มของสารที่เน้น Soothing อยู่ และตัวเบสทำมาได้ค่อนข้างดี ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวค่อนข้างชอบเนื้อที่ไม่หนักเกินไป นุ่มนวลดี แต่ก็ไม่แห้งจนเกินไป มีฟิล์มเคลือบอยู่นิดๆ เป็นฟิล์มที่แห้งสบายผิว แต่ก็ไม่แห้งจนตึงเกินไป วันที่ต้องอยู่กลางแจ้งนานๆ เติมทับเมคอัพได้ ด้วยเราไม่ได้แต่งหน้าเยอะมาก จะมีหนักก็แค่รองพื้น ตอนเติมกันแดดก็ไม่ได้ละลายรองพื้นออกมา ในภาพรวมให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบนะคะ

แนบทางไปช้อปปิ้ง

https://s.shopee.co.th/1BC9MCRnK3

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ และไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม beplain Cicaterol toner โทนเนอร์วีแกนตัวตึงด้านการปลอบประโลมผิวพร้อมคุมมันได้ในตัว

ช้อปปิ้งโทนเนอร์ตัวใหม่มาแล้วชอบ เลยอยากเอามาอวด

น้องเป็นของแบรนด์ beplain ประเทศเกาหลี เจ้าของโฟมล้างหน้าถั่วเขียวที่ขึ้นชื่อนั่นเองค่ะ

โทนเนอร์สูตรที่ดิฉันสอยมา มีชื่อว่า Cicaterol toner มาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

เนื้อโทนเนอร์มีสีธรรมชาติของสารสกัดจาก Cica (Centella asiatica; บัวบก) มีกลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบ

เวลาใช้งาน ลองใช้ทั้งแบบเทใส่สำลีแล้วเช็ด และแบบเทใส่มือวอร์มแล้วกดๆ ได้ ทั้ง 2 แบบ แต่ชอบแบบสำลีมากกว่า ตัวเนื้อมันจะมาแบบมีความลื่นๆ นิดๆ ชุ่มหน่อยๆ ไม่ได้เช็ดแล้วเป็นน้ำแบบสลายหายไป ให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว

ตัวนี้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครมาด้วย ว่าควบคุมความมัน และกระชับรูขุมขน

จากการวิเคราะห์พบว่า จำนวนของรูขุมขนต่อหน่วยพื้นที่ลดลง 28% ขนาดเล็กลง 19% และปริมาตรของรูขุมขนลดลง 16%

และลดรอยแดงบริเวณแก้มได้ด้วย เพราะมีส่วนผสมของ Beta-sitosterol ซึ่งเป็น Phytosterol ที่เด่นในการดูแลปัญหาการระคายเคือง

สำหรับส่วนผสมก็คือมาแบบ Less is more มีแค่ 5 ingredients only

และที่มาของชื่อ Cicaterol ก็คือ Cica + Beta-sitosterol ก็คือเก๋มาก

และได้รับการรับรอง 100% Vegan จากองค์กร eve Vegan ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ตัว Cica ก็มาจากกระบวนการปลูกที่แบรนด์เคลมว่าเป็น “Smart cica” คือ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และลดการปลดปล่อยคาร์บอนออกสู่สิ่งแวดล้อม

โดยตัว Cica หรือ Centella asiatica หรือ บัวบก มีการศึกษาทั้งในโมเดลหลอดทดลอง เซลล์เพาะเลี้ยง สัตว์ทดลอง และในอาสาสมัคร พบว่ามีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ในภาพรวมสารสกัดจากบัวบก มีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการสมานแผล เสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจน และเส้นใย matrix ต่างๆ ใน Dermis มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant และ Soothing ดูแลปัญหาการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว

เมื่อมาจับคู่กับ Beta-sitosterol ซึ่งเป็น Phytosterol ก็คือเด่นมากในการดูแลปัญหาการระคายเคืองผิว

โดยการใช้ Beta-sitosterol มีการทดสอบในหนูทดลองพบว่าไปลดการสร้าง Thymic stromal lymphopoietin (TSLP) (Han et al., Exp Biol Med (Maywood). 2014;239(4):454-64.) ซึ่งเป็น Cytokine ชนิดหนึ่ง ออกฤทธิ์คล้าย IL-7 เกี่ยวข้องกับอาการคันในโรคผิวหนังบางประเภท

โดยสาเหตุที่ KC จะสร้าง TSLP ออกมานั้นยังไม่ชัดเจน 1 ในนั้นก็คือเวลา Barrier เสียสมดุล KC จะปล่อยตัวนี้ออกมา (Kumar et al., J Allergy Clin Immunol. 2016;138(5):1461-1464.e6) พอออกมาแล้วก็อักเสบแบบวนลูป ในระยะยาวส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบ

ซึ่งพอ Beta-sitosterol ไปลดการสร้าง TSLP ได้ ก็น่าจะมีประโยชน์ในการดูแลการอักเสบของผิวได้อีกทาง

ในภาพรวมก็ถือว่าเป็นโทนเนอร์สายคลีนที่ทำมาได้ค่อนข้างดี เลือกส่วนผสมชัด และมีผลเทสต์ในอาสาสมัคร

ทางไปช้อปปิ้ง

https://s.shopee.co.th/5VKfZsoCTb

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่ม Snail retinol ขั้นกว่าของเรตินอล คือ เรตินอลผสมเมือกหอยทาก จาก Dr.G

Blog นี้ขอมารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่ม Retinol จากแบรนด์ Dr.G กัน

น้องเป็นเซรั่มเรตินอลที่ผสมเมือกหอยทากลงไปด้วย เอาจริงๆ คือ เมือกหอยทากนี่เหมือนจะดูเอาท์ แต่ว่ามันก็มีงานวิจัยอยู่หลายฉบับที่บอกว่าเมือกหอยทากที่นำมาจากหอยทากสายพันธุ์ Cryptomphalus aspersa มีประโยชน์ในการดูแลผิวหลายประการ และมีการทดสอบในอาสาสมัครถึงประสิทธิภาพด้านริ้วรอยอยู่ เมื่อเอามาจับมือกับเรตินอล เลยกลายเป็นคู่หู perfect pair ที่น่าสนใจอีกคู่หนึ่ง

เซรั่มมาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ส่วนกล่องเราแอบประทับใจตรงที่มีอักษรเบรลล์พิมพ์ปั๊มนูนอยู่ด้วย อันนี้คือน่ารักมากอ่ะ

ตัวผลิตภัณฑ์นี้เคลมว่ามีการใช้เทคโนโลยี Double Liposome ซึ่งปกติ Liposome เป็นระบบการนำส่งแบบถุงผนังสองชั้นที่เตรียมจาก phospholipid เป็นสารหลัก มีการจัดเรียงโครงสร้างคล้ายเยื่อหุ้มเซลล์ เลยมีประโยชน์ในการเสริมการนำส่งสารบำรุงเข้าสู่ผิว

เนื้อเซรั่มสีออกครีมๆ มีกลิ่นหอม

เกลี่ยได้ง่าย ให้ความชุ่มชื้นสูง

ตัวผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในผู้หญิงอายุ 30 – 59 คน จำนวน 21 คน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ โดยสถาบัน P&K Skin Clinical Research Center (Ref: Dr.G Korea Official Website) โดยทางนี้เลือกมา 2 parameters คือ ริ้วรอยบนหน้าผาก กับ ร่องแก้ม

พบว่า ให้ผลดีอยู่นะคะ โดยเมื่อให้กลุ่มอาสาสมัครหญิงอายุ 30 – 59 ใช้เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อาสาสมัครจะมีริ้วรอยบริเวณหน้าผากตื้นขึ้น 108.7% และร่องแก้มตื้นขึ้น 128.3% คือถือว่าดีงามมาก

และก็มีอีกจุดที่ประทับใจ คือ เราไม่ค่อยเห็นว่ามีการทดสอบการเสริมฤทธิ์กันระหว่าง product อื่นในไลน์เดียวกัน เมื่อใช้ร่วมกัน แต่ Dr.G ทำค่ะ พบว่า ใช้ Ampoule คู่กับครีมได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นทั้งในด้านชุ่มชื้น ริ้วรอยรอบดวงตา ดูแลสีผิวไม่สม่ำเสมอ และในภาพด้านล่างคือ ผลการยกกระชับ (Lifting)

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ส่วนผสมก็คืออัดแน่นอัดฉ่ำตามสไตล์เกาหลี

ในด้านสารบำรุงก็มีอยู่หลายตัวเหมือนกัน

สำหรับกลุ่ม Retinoids จะมีด้วยกัน 2 ตัว คือ HPR กับ Retinol ซึ่ง HPR สามารถออกฤทธิ์ได้เลย และ Retinol เวลาลงผิวจะถูกแปรสภาพก่อน จึงจะออกฤทธิ์ได้

ประโยชน์ของ Retinoid ค่อนข้างกว้าง ตั้งแต่ปรับสมดุลการสร้าง-เจริญของผิวในหนังกำพร้า เสริมการสร้างคอลลาเจน และเส้นใยที่เป็นประโยชน์ในการดูแลด้านความกระชับ ผิวเรียบเนียน รวมไปถึงเรื่องปรับสมดุลความมัน ดูแลปัญหาสิว และได้ประโยชน์เรื่องปรับสมดุลเม็ดสีด้วยอีกทาง

ในส่วนของวิตามินและสารกลุ่มใกล้เคียงในตำรับ ได้แก่

  • Niacinamide ดูแลผิวได้หลายประการ ทั้งในด้านของสีผิว การระคายเคือง ผิวแข็งแรง
  • Tocopherol หรือ วิตามินอี เป็น antioxidant ที่ละลายได้ในไขมัน
  • Hydroxydecyl Ubiquinone มีอีกชื่อว่า Idebenone เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบ Coenzyme Q10 มีขนาดเล็กกว่า จึงมีการเคลมว่าดูดซึมได้ดีกว่า เป็น antioxidant อีกตัวที่ละลายได้ในไขมัน

สารที่มีประโยชน์อื่นในการดูแลด้านริ้วรอยและชะลอวัย ได้แก่

  • Snail secretion filtrate หรือ เมือกหอยทาก เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ มีประวัติการใช้มาเนิ่นนาน มีงานวิจัยตีพิมพ์มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2010s โดยในเมือกหอยทากจะประกอบด้วยสารในกลุ่ม Glycosaminoglycans (GAGs) ที่เด่นในเรื่องความชุ่มชื้น และมีประโยชน์อื่นๆ กับผิว อย่างข้อมูลที่มีจะเป็นทั้งในด้านของการสมานแผล, antioxidant, มีผลต่อการแบ่งตัวของ fibroblast จึงให้ประโยชน์ในการดูแลริ้วรอย รวมไปถึงการดูแลสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ (mentioned in Nguyen et al. J Cosmet Dermatol. 2020;19(7):1555-1569.)
  • Dioscorea Japonica Root Extract สารสกัดจาก Glutinous yam ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติเป็น antioxidant และเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน
  • Adenosine มีประโยชน์ในการดูแลปัญหาริ้วรอย
  • Ferulic acid เป็น antioxidant ที่ดี ข้อมูลจาก Systematic review (ซึ่งเป็นการรวบรวมงานวิจัยที่มีมาก่อนหน้ามาวิเคราะห์) ล่าสุดเมื่อเดือน พ.ค. 2025 กล่าวว่า Ferulic acid มีศักยภาพที่ดีในการนำมาใช้ในทางเครื่องสำอาง มีฤทธิ์ลดการอักเสบระคายเคือง เพื่อดูแลปัญหารอยแดง สีผิวไม่สม่ำเสมอ ยับยั้งเอนไซม์ MMP ที่ไปย่อยคอลลาเจน พร้อมๆ กับสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนใหม่ จึงให้ประโยชน์ในการดูแลริ้วรอย (Roux et al. J Clin Aesthet Dermatol. 2025;18(5):38-42.) และมีผลทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงว่า เมื่อใช้คู่กับ Retinol สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลปัญหา Photoaging และกระบวนการอักเสบ จากรังสี UVB ได้ (Aging (Albany NY). 2024;16(8):7153-7173.)
  • Palmitoyl Pentapeptide-4 เป็นเปปไทด์จากกรดอะมิโน 5 ตัว ที่มาจับกับกรดไขมัน palmitic เพื่อให้ดูดซึมได้ดีขึ้น มีประโยชน์ในการกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน อิลาสติน และ Glycosaminoglycan ในผิว และมีโครงสร้างที่คล้ายกับ Precursor ของ Collagen type I ตัวนี้มีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการรองรับ (Int J Cosmet Sci. 2005;27(3):155-60)

Soothing/Calming ดูแลการระคายเคืองด้วยส่วนผสมหลายชนิด เช่น Beta-glucan, Biosaccharide gum-1, Allantoin, Betaine และ Cica

เสริมไขมันที่เป็นน้ำมันบำรุงผิวจากธรรมชาติ และมีคอลลาเจน + ไฮยา ที่เติมน้ำให้ผิว

ส่วนของเบสมาแบบซับซ้อน ให้เนื้อสัมผัสที่ดี แห้งไวแต่ยังคงชุ่มชื้นอยู่ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง เป็นเซรั่มที่เลือกเอาสารที่โดดเด่นในการดูแลริ้วรอย ชะลอวัย เข้ามาด้วยกัน ทั้งในส่วนของการเลือกใช้ Retinol + HPR มาจับคู่กับเมือกหอยทาก และ Ferulic acid มาพร้อมกับตัวที่ดูแลการระคายเคือง ไขมันทดแทนผิว และสารเพิ่มความชุ่มชื้น ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างครบ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในด้านเนื้อสัมผัสค่อนข้างทำมาได้ดี เกลี่ยง่ายให้ความชุ่มชื้นสูง ใช้แล้วสบายผิว แต่ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นออกมาแรงไปนิดนึง แต่ก็ไม่เคยหักคะแนน้ำหอมนะ ส่วนในด้านประสิทธิภาพ ตัวเองก็ใช้เรตินอยด์มานานมาก ตัวนี้ก็คือเมนเทนผิวได้ดี ก็คือชอบ ขอให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

แนบลิงค์ช้อปปิ้ง

Shopee https://s.shopee.co.th/AUjDnObWlc

Lazada https://s.lazada.co.th/s.BahvV?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่ม Madagascar Centella สูตร Tone brightening Capsule Ampoule จากแบรนด์ Skin1004

ก่อนหน้านี้ทางเพจเคยนำเสนอรีวิวเซรั่ม Madagascar Centella ampoule ของแบรนด์ Skin1004 แบรนด์สายคลีนจากเกาหลีไป

(สามารถติดตามได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>Click<<)

วันนี้ขอหยิบเอาอีกสูตรที่ได้ลองมาสักพักใหญ่ๆ จนขึ้นขวดที่ 2 แล้วมารีวิว วิเคราะห์ส่วนผสมกันต่อ

น้องเป็นสูตรที่ออกแบบมาเพื่อดูแลเรื่องปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ได้อย่างลงตัวเลย

สูตรนี้มีชื่อว่า Tone brightening Capsule Ampoule ซึ่งมีหน้าตาแบบนี้

ส่วนนี้จะเป็นภาพกล่องค่ะ

ตัวนี้ทางแบรนด์มีผลเทสต์ในอาสาสมัครด้วยค่ะ โดยพบว่า อาการสีผิวไม่สม่ำเสมอ (Hyperpigmentation) ดีขึ้น วัดจากพื้นที่ของจุดด่างดำ (area) ลดลง 39.44% และปริมาณเม็ดสี melanin ลดลง 5.72% ใน 2 สัปดาห์

สำหรับตัวส่วนผสมหลักที่หน้าเว็บ Official เกาหลี เคลม จะเป็น B3 (Niacinamide) 4% Tranexamic acid 2% และใช้ MadeWhite™ เก็บในแคปซูล

โดยเซรั่มนี้จะมาในเนื้อแบบใส มีความหนืดเล็กน้อย ไม่มีกลิ่นเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และ จะมีเม็ดแคปซูล/เม็ดบีดส์สีขาวกระจายอยู่

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ฟีลชุ่มกว่า มีความเคลือบกว่าเมื่อเทียบกับสูตรแอมพูลนางฟ้าตัวแรก พอเขาซึม/แห้งไปก็จะไม่เหลือความหนึบหรือความเหนอะหนะไว้

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 6 ก็ถือว่าใกล้เคียงกับผิวอยู่

มาดูส่วนผสมแบบเต็มกันค่ะ

ในภาพรวมน้องมาในเซรั่มเบสแบบน้ำ ที่ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน และแอลกอฮอล์

สำหรับประโยชน์ของสารบำรุงต่างๆ เป็นประมาณนี้

  • สารสกัดจากใบบัวบก หรือ Cica ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่สำคัญในกลุ่ม Triterpenoids ที่สำคัญ 4 ชนิด ได้แก่ asiaticoside, madecassoside, asiatic acid และ madecassic acid ที่สามารถออกฤทธิ์ได้ผ่านหลายระบบและกลไก (Park KS. Evid Based Complement Alternat Med. 2021:5462633.) ซึ่งให้ประโยชน์ได้หลายด้านไม่ว่าจะเป็น Antioxidant, ลดการอักเสบระคายเคือง เสริมการสมานแผล เสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน
  • คอมบิเนชั่นของ Aqua (and) Pentylene Glycol (and) Madecassoside แทนด้วยสีบานเย็น คือ ชุดส่วนผสมของ MadeWhite™ ซึ่งข้อมูลจากผู้ผลิตระบุว่า สารนี้มีคุณสมบัติในการดูแลจุดด่างดำ และการระคายเคืองไปพร้อมๆ กัน (Ref: TDS MadeWhite™)
  • Niacinamide แบรนด์เคลมว่าใส่มาที่ 4% ซึ่งตัวนี้มีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายอย่าง เช่น เป็น Whitening ผ่านกลไกการยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปภายนอก ดูแลเรื่องการระคายเคือง เสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น barrier ผิว ควบคุมสมดุลการสร้าง sebum ดูแลปัญหาสิว
  • Tranexamic acid (TXA) แบรนด์เคลมว่าใส่มาที่ 2% มีรายงานว่า TXA สามารถยับยั้ง Plasmin ปกติ Plasmin เป็นตัวตั้งต้นก่อนจะไปกระตุ้นฮอร์โมน α-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นให้ Melanocyte ทำงานเพิ่มขึ้น (J Am Acad Dermatol 2011;October:699-714.) การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า TXA ไปลดการสร้าง tyrosinase enzyme และโปรตีนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสี และเสริมกระบวนการ Autophagy ของถุงเก็บเม็ดสี Melanosome ทำให้สีผิวจางลง (J Dermatol Sci. 2017;88(1):96-102.)
  • คอมบิเนชั่นของ Xylitylglucoside, Anhydroxylitol และ Xylitol มีชื่อทางการค้าว่า Aquaxyl วัตถุดิบนี้ผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่ามีประโยชน์ในการเสริมกลไกการเก็บกักน้ำของผิวตามธรรมชาติ และช่วยรักษาสมดุลของน้ำในผิว โดยออกฤทธิ์เสริมการสังเคราะห์โปรตีน Aquaporin ที่เป็นเหมือนประตูเขื่อน กั้นน้ำและ glycerol ไม่ให้หลุดรอดออกไปข้างนอก
  • 3-O-ethyl ascorbic acid เป็นฟอร์มหนึ่งของวิตามินซี ที่มีความเด่นด้าน Whitening โดยยับยั้งการสร้างเม็ดสี และเสริมการยับยั้ง MSH ที่เป็นฮอร์โมนที่จะมากระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีในขั้นแรก (Chen et al., Free Radic Biol Med. 2021 Sep;173:151-169) และเป็น antioxidant ที่ดี
  • Lactobacillus ferment ได้จากการหมักจุลินทรีย์ Lactobacillus อาจเคลมในเรื่องของ postbiotic ให้ผิวแข็งแรงได้

ส่วนผสมอื่นๆ เลือกมาได้ค่อนข้างดี และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ในด้านของการเป็น Whitening คิดว่าออกแบบมาได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ต้นน้ำ ก่อนเกิดการสร้างเม็ดสี ด้วย TXA กลางน้ำ คือยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ด้วยวิตซี และปลายน้ำ คือ B3 ที่บล็อคไม่ให้เม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วออกไปภายนอก สูตรทำมาได้ค่อนข้างอ่อนโยน และมีตัว Cica มาช่วยเรื่อง Soothing ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ น้องเป็นเซรั่มที่เนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ จะมีความชุ่มชื้นและหนักกว่าแอมพูลนางฟ้าสูตรออริจินอล แต่ก็ไม่ได้ลื่น เมือก หรือทิ้งฟิล์มกวนผิว สามารถเอาลงรูทีนได้ง่าย ใช้งานสะดวก จะติก็แค่พกพาลำบากหน่อยเวลาเดินทาง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาหักคะแนนเนอะ เอาไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

แนบทางไปช้อปปิ้ง

Lazada https://s.lazada.co.th/s.DENgz?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/AA4eQqeWBP

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่ม Soybean panthenol ampoule จาก Round Lab

Blog นี้เราจะมาวิเคราะห์ส่วนผสมของเซรั่ม Soybean Panthenol Ampoule จากแบรนด์ Round Lab กัน

ซึ่งน้องมีหน้าตาแบบนี้

ส่วนนี้จะเป็นหน้าตาของกล่อง

เนื้อสัมผัสจะเป็นแบบน้ำนม มีความหนืดเล็กน้อย

เกลี่ยง่าย ให้ฟีลบางเบา ไม่เหนอะหนะ

ก่อนจะไปดูส่วนผสม มาดูเคลม และผลเทสต์ของผลิตภัณฑ์ก่อนนะคะ

สำหรับตัว Soybean panthenol ampoule นี้ ทางแบรนด์เคลมว่า ใช้ Panthenol ที่เก็บกักไว้ในนีโอโซม ซึ่งการเอาไปเก็บนีโอโซมก็จะช่วยเสริมการดูดซึมได้

ซึ่งก็จะสอดคล้องกับผลเทสต์ในอาสาสมัครเพศหญิง จำนวน 22 คน ช่วงอายุ 28 – 64 ว่าสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวที่หลายๆ ระดับ ได้ในการทาเพียงครั้งเดียว

นอกจากนี้การทาเพียงครั้งเดียว ยังปรับ texture ผิวให้เรียบเนียน และลดการเกิดขุยผิว ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น

และการใช้ 2 สัปดาห์ ช่วยให้ Barrier ผิวแข็งแรงขึ้น วัดจากค่าการระเหยของน้ำออกจากผิว หรือ Trans-epidermal water loss (TEWL) ที่ลดลง

จากผลเทสต์เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเซรั่มวิตามินบี 5 ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

มาดูส่วนผสมกัน

ในภาพรวมก็คือ เป็นเบสแบบน้ำนม มีส่วนผสมของพวก Fatty ester อยู่รวมกับเบสน้ำ ไม่มีแอลกอฮอล์ และซิลิโคน ในส่วนของสารบำรุงก็จะมี

  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 ที่มีข้อมูลสนับสนุนว่า สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้ มีคุณสมบัติเป็น Moisturizer ที่ดี เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยผิวกักเก็บน้ำโดยไปลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ให้ผิวนุ่ม ยืดหยุ่น เสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) ลดการอักเสบระคายเคือง ลดรอยแดง (Ebner et al., Am J Clin Dermatol. 2002;3(6):427-33.) แบรนด์เคลมเป็น Panthenol ที่เก็บในนีโอโซม ความเข้มข้น 50,000 ppm คำนวณกลับมาเป็น 5% ในสูตร
  • สารสกัดจากถั่วเหลือง ซึ่งแบรนด์เคลมว่า ใช้ถั่วเหลือง Black soybean ซึ่ง ประกอบด้วย anthocyanin และ isoflavones สูงกว่าถั่วเหลืองปกติถึง 19.5 เท่า โดยปกติสารสกัดจากถั่วเหลืองก็จะเด่นในด้านของ antioxidant จากพวก isoflavones ส่วนประโยชน์แบบละเอียดอาจจะต้องย้อนไปดูกรรมวิธีการสกัดอีกที
  • ไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว และสารตั้งต้น มี Ceramides, cholesterol, fatty acid อยู่ครบ โดยตัวที่น่าสนใจ คือ Tetraacetylphytosphingosine มีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า สามารถเสริมการสังเคราะห์ Glucosylceramides ที่เป็นสารตั้งต้นของ Ceramides ได้ดีกว่า และมีประโยชน์ในเชิงด้านของการดูแลการอักเสบระคายเคือง
  • Ulmus Davidiana Root Extract มีงานวิจัยระบุว่าประกอบด้วย Polysaccharide พบว่ามีประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้นเทียบเท่า Hyaluronic acid ลดสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบ ในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง (J Cosmet Sci. 2006;57(5):355-67.) อีกงานวิจัยกล่าวว่า มีสารกลุ่ม Flavan-3-ols ที่สามารถป้องกันการเกิด Glycation ของโปรตีนได้ (Planta Med. 2008; 74(15):1800-2.)
  • Amaranthus Caudatus Seed Extract สารสกัดจาก Amaranth มีรายงานว่าเป็น Antioxidant (Nahrung. 2002; 46(3):184-6.) ข้อมูลจากผู้ผลิตบอกว่า สารสกัดส่วนเมล็ดของ Amaranth ประกอบด้วยน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวปริมาณสูง และมี Squalane

นอกจากนี้มี Adenosine ดูแลเรื่องชะลอวัย ริ้วรอย เติมน้ำด้วย Hya และมีวิตามินอี เป็น antioxidant

ในภาพรวมก็คือ ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างครบ เด่นเรื่อง Soothing พร้อมฟื้นฟู Barrier ผิว เสริมความชุ่มชื้น รองๆ ได้เรื่อง antioxidant เข้ามา

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ในส่วนของสารบำรุงตัวหลักจะเป็น Panthenol ที่บรรจุใน niosome เพื่อเสริมการดูดซึม มีผลทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร เสริมมาด้วยสารสกัดจากธรรมชาติหลายชนิด เด่นเรื่อง Soothing พร้อมฟื้นฟู Barrier ผิว เสริมความชุ่มชื้น มาพร้อมไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว และสารตั้งต้น ในภาพรวมให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในภาพรวมคือน้องเป็นเซรั่ม B5 ที่ทำมาในเนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ สามารถเอาเข้ารูทีนได้ง่าย ในเรื่องของความสบายผิว ดูแลการระคายเคืองส่วนตัวคิดว่าน้องทำมาได้ค่อนข้างดี ในด้านความชุ่มชื้นถ้าผิวแห้งมากคิดว่าต้องเสริมมอยส์อื่นเพิ่มเติม แต่ถ้าผิวมันคิดว่าน่าจะเอาอยู่ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

แนบทางไปช้อปปิ้ง

Lazada https://s.lazada.co.th/s.EUDZG?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/5fbTPHWnEf

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมาส์กหน้า Soothing ฉ่ำ กับ Real Centella Cica Daily Quick Cooling mask จาก papa recipe

มาส์กใหม่ใกล้ฉัน

ช่วงนี้เห็นมาส์กกล่องๆ มาแรง เลยขอลองบ้าง

Blog นี้หยิบเอา Real centella cica daily quick cooling mask ของแบรนด์ papa recipe ซึ่งเป็นแบรนด์เกาหลีมาวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

ขออนุญาตแนบภาพจากออฟฟิเชียลก่อน

(Image from papa recipe Official Korea Website)

ภาพจากทางเราบ้าง ตัวแพคเกจจะมาในกล่องพลาสติกแข็ง หนา ทนทาน 1 กล่องมี 30 แผ่น

ตัวนี้มาในเคลม Daily mask สำหรับใช้ทุกวันค่ะ

เมื่อแกะครั้งแรก จะมีซีลปิดอยู่แบบนี้

ด้านในจะเป็นแผ่นมาส์ก พับมาเป็นอย่างดี

แผ่นมาส์กทำมาค่อนข้างดีนะคะ บาง แนบสนิทไปกับผิว

แบรนด์เคลม pH 6.26 ค่ะ

ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในผิวที่มีปัญหาสิว

ผลการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครน่าสนใจนะคะ ขอเลือกมาแค่บางส่วน

ใช้เพียงครั้งเดียวก็คือ Soothing เลย อาการระคายเคืองลดลง 4.45%

อีกจุดที่น่าสนใจคือ การมาส์กหน้าด้วย Cooling mask นี้ สามารถคูลผิวได้ตามชื่อ ตามเคลม คือ ลดอุณหภูมิของผิวได้ถึง 5.19 องศา โดยทางแบรนด์เคลมว่าเป็นผลมาจาก ส่วนผสมของ Erythritol และ Xylitol จากพืช (plant-based)

และเมื่อทดสอบในอาสาสมัครที่มีปัญหาสิว ช่วงอายุ 14 – 50 ปี โดยสถาบัน Korean Institute of Dermatological Science ให้ใช้ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์

พบว่าปริมาณน้ำมัน (Sebum) ลดลง 40.64% และมีอาการของสิวที่ดีขึ้น (ไม่ได้นำภาพมาจาก Official Web)

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สารบำรุงตามเคลมหลักของแบรนด์ จะเน้นไปที่เรื่องของการ Soothing ควบคุมความมันผิว ได้แก่

  • Cica complex หมายถึง สารสกัดจาก Cica, ร่วมกับ Madecassoside, Madecassic acid, Asiaticoside, Asiatic acid
  • Herb 6 complex บนหน้าเว็บกล่าวถึง สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ไทม์ ทีทรี ยูคาลิปตัส ลาเวนเดอร์ น่าจะรวม cica เข้าไปอีก

คู่ที่แบรนด์เคลมแล้วรู้สึกน่าสนใจ คือ Plant-based erythritol + xylitol ที่ลดอุณหภูมิของผิว และให้ผลในเชิง Soothing

  • ทั้ง Xylitol และ Erythritol เป็นน้ำตาล ที่มีคุณสมบัติเป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวโดยตัวมันจะดูดจับน้ำให้ตัวเอง
  • สำหรับ Xylitol ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบ บอกว่า Xylitol มีคุณสมบัติเป็น prebiotic ที่ช่วยปรับสมดุล microbiome บนผิว ช่วยเชื้อที่มีประโยชน์ Staphylococcus epidermidis สร้าง Lactate ทำให้ผิวมีค่า pH เป็นกรดอ่อนๆ เสริมความแข็งแรงในการเป็น Barrier ผิว ผ่านกลไกการจัดเรียงตัวของไขมันที่เป็น Barrier และเสริมกระบวนการผลักก้อน Lamellar body ที่เป็นก้อนเก็บไขมันต่างๆ ออกมาเรียงเป็น Barrier ผิวในช่องว่างระหว่างเซลล์ในชั้นขี้ไคล (Ref: IFF’s Health & Biosciences)

Centella asiatica extract หรือ ชื่อเล่นในวงการ Cica คือ สารสกัดจากใบบัวบก มีประโยชน์หลายประการ ในใบบัวบกมีสารสำคัญกลุ่ม Triterpenoids อยู่ 4 ตัวหลัก asiaticoside, madecasosside, asiatic acid madecassic acid ทางนี้ชอบเรียกว่า #ครอบครัวบัวบก ซึ่งสารสำคัญ 4 ตัวนี้แหละ ที่ทำให้ Cica มีฤทธิ์ในทางเครื่องสำอางเยอะมาก ในภาพรวมสารสกัดจากบัวบก มีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการสมานแผล เสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจน และเส้นใย matrix ต่างๆ ใน Dermis, Antioxidant, Soothing, ลดการอักเสบระคายเคือง

Betaine และ Panthenol ก็เด่นเรื่อง Soothing และ เพิ่มความชุ่มชื้น

ตัวสารสกัดจากพืชอื่นๆ ที่ใส่มา จะเป็นพืชเย็นๆ อย่าง Eucalyptus, Thyme, Rosemary และพวก Soothing อย่าง Chamomile, Lavender

ในภาพรวมก็ถือว่าเป็นมาส์กที่น่าสนใจตัวหนึ่งในด้าน Soothing เลยทีเดียว

ให้คะแนนกัน

  1. สารบำรุง ในภาพรวมจะเป็นแผ่นมาส์กที่ใช้ส่วนผสมเติมน้ำเยอะอยู่ มีน้ำตาล Erythritol + Xylitol ซึ่งแบรนด์เคลมในเรื่องของการ Soothing และลดอุณหภูมิผิว ตัวเมนหลักเป็นสารสกัดจากบัวบก และกลุ่ม triterpenoids ในบัวบก มาครบ 4 ตัว (Madecassoside, Madecassic acid, Asiaticoside, Asiatic acid) มีประโยชน์ในการดูแลผิวค่อนข้างกว้าง เสริมสารสกัดที่มีคุณสมบัติเย็น และ soothing ถ้ามองประเด็นตามชื่อ ตามเคลม ก็ถือว่าทำมาได้ตามนั้นอยู่ เอาไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เอาไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ มันจะมีความเบาๆ เป็นแบบไม่หนัก ไม่เยิ้มมาก ไม่ฉ่ำมาก สมกับการเป็น Daily mask ส่วนตัวจะชอบใช้ตอนเช้า หลังอาบน้ำสระผมเสร็จก็คือ โปะไว้เลย แล้วไปทาครีมตัว แต่งตัวใดๆ เสร็จ ดึงออก กดๆ จนซึม แล้วก็ค่อยเป่าผม ก็รู้สึกว่าชุ่มชื้นดี พอผมแห้ง ก็มาสกินแคร์ครบเซ็ต แล้วแต่งหน้าต่อเลย ไม่ได้กวนขั้นตอนการแต่งหน้า แต่เหมือนจะทำให้ลงรองพื้นเอยใดเอยได้ง่ายขึ้นนิดนึง เอาไป 5 ฟลาสก์

ทางไปช้อปปิ้ง https://s.shopee.co.th/7zyluJpkSi

Disclaimer: received as a gift, self-opinion

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Dr.Ceuracle Vegan Kombucha tea trial set มาครบทั้ง Essence และ Gel cream

ช่วงก่อนแอบวอแวอยู่กับ สกินแคร์ไลน์ Kombucha ของ Dr.Ceuracle อยู่ซักพักใหญ่ๆ

แบรนด์นี้ได้รับการรับรอง VEGAN CERTIFICATE จาก Korea Agency of Vegan Certification and Services และใช้ส่วนผสมที่ค่อนข้างคลีน

และในที่สุดดิฉันก็ได้มาค่ะ

น้องคือ Beginning set เอามาครบเลยจบๆ ทั้งเอสเซนส์ และเจลครีม

ด้านในจะเป็นเอสเซนส์ขนาด 50 ml และครีมขนาด 30 กรัมค่ะ

เริ่มกันที่ตัวเอสเซนส์เลย

ตัวเอสเซนส์นี่เขาจงใจทำมาให้เป็นแบบ 2 ชั้น (Biphasic) แบบนี้นะคะ

เวลาเขย่าแล้วก็จะเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งเป็นเนื้อเอสเซนส์แบบน้ำนม

ตัวเอสเซนส์จะฟีลแบบน้ำนม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

ดูภายนอกนึกว่าเนื้อจะหนัก แต่เบาสบายผิวมาก เกลี่ยง่าย ให้ความชุ่มชื้นผิวดี

ค่า pH อยู่ที่ 5 – 6 ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ตัวเอสเซนส์จะเป็นแบบผสมระหว่างน้ำมัน-น้ำ โดยออกแบบสูตรให้น้ำมันกับน้ำรวมตัวกันบางส่วนที่ผิวบน กลายเป็นน้ำนมลอยอยู่ด้านบน ส่วนล่างจะเป็นเบสน้ำ

ก่อนใช้งานก็เขย่าให้เข้ากัน

ตัวส่วนผสมในภาพรวมก็จะเน้นไปที่ด้านชุ่มชื้นเป็นหลัก เสริมด้วยคุณสมบัติ Antioxidant ธรรมชาติจาก Kombucha และสารสกัดจากพืชต่างๆ

  • Kombucha จะเป็นคู่การหมัก ของ Camellia Sinensis Leaf Extract และ Saccharomyces Ferment Filtrate แบรนด์เคลมว่ามี 78% Vegan tea complex ซึ่ง Kombucha ก็จะมีสารที่เป็น Antioxidant ที่ดี
  • เสริม Antioxidant อีกชั้นจากน้ำชาเขียว

สารสกัดจากพืชอีกหลายชนิด ก็จะเด่นๆ ไปในเชิง Antioxidant เช่น

  • Ulmus davidiana root extract เป็น Antioxidant พร้อมเสริมความชุ่มชื้น และดูแลเรื่องการระคายเคือง
  • ผล Fig เพิ่มความชุ่มชื้น เป็น Antioxidant
  • เมล็ดโกโก้ เป็น Antioxidant
  • Cica (Centella asiatica extract) เป็น Antioxidant + Soothing
  • Schisandra Chinensis Fruit Extract มีเคลมเรื่องผลัดผิว

ดูแลการระคายเคืองด้วย Sunflower oil unsaponifiables ซึ่งจะมีกลุ่มของพวก Phytosterols ที่มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ และเสริม Barrier ผิว ด้วย Ceramide NP หรือ Ceramide 3

เติมน้ำด้วย Hya และมี Polyquaternium-51 เคลือบผิวให้ความชุ่มชื้นอีกชั้น

ถัดมาจะเป็นตัวเจลครีม

เนื้อจะเป็นแบบ กึ่งๆ ครีมๆ เจลๆ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ง่าย ให้สัมผัสลื่นๆ ฟีลเย็นๆ สบายผิว และให้ความชุ่มชื้นดี

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

ในส่วนของส่วนผสมก็จะคล้ายๆ กับตัวเอสเซนส์ แต่มีความแตกต่างตรงสารสกัดจากพืช ที่มีการปรับนิดหน่อย

  • เพิ่มวิตามินบี 3 ที่ดูแลผิวได้หลายด้าน รวมทั้ง Whitening, ดูแลการระคายเคือง เสริมการสังเคราะห์ Barrier ผิว
  • เสริมวิตามินอี ที่เป็น Antioxidant
  • เสริมสารสกัดจากเห็ด Phellinus linteus extract ที่เป็น antioxidant มีข้อมูลงานวิจัยเกาหลีกล่าวถึงคุณสมบัติในด้าน Whitening
  • ใช้ Hydrolyzed hyaluronic acid ที่มีขนาดเล็กลง
  • เพิ่ม Prebiotics เสริมเข้ามา 2 ตัว คือ Fructooligosaccharide + Beta-glucan เอามาจอยๆ กับ Postbiotics จาก Kombucha

ในภาพรวมก็คือทั้งเอสเซนส์ ทั้งเซรั่ม ก็คือดูแลไมโครไบโอมด้วยส่วนผสมจากคอมบูชา ซึ่งเป็นชาดำหมัก ที่มีคุณสมบัติ Antioxidant เสริมมาด้วยสารบำรุงต่างๆ ถ้าเป็นตัวเอสเซนส์ เหมือนจะเด่นที่ soothing + ceramide ส่วนเจลครีมก็เหมือนจะเด่นที่ Whitening และ การมี prebiotics เสริมในสูตร

แนบทางไปช้อปปิ้ง

Beginning set

Lazada https://s.lazada.co.th/s.FebWJ?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/5KxZdvwmkD

Essence

Lazada https://s.lazada.co.th/s.Feb9A?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/10oaU03KZF

Gel Cream

Lazada https://s.lazada.co.th/s.FebMm?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/1g4HHFMWdF

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับเป็นของขวัญมาจากตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ Dr.Ceuracle ในไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Zeroid Pimprove Moisturizer มอยส์เริ่ดๆ soothing ฉ่ำๆ เพื่อคนผิวมัน

สำหรับ Blog นี้ จะหยิบเอามอยส์ที่น่าสนใจสำหรับคนผิวมัน มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันนะคะ

ผลิตภัณฑ์วันนี้ก็คือ Zeroid Pimprove moisturizer นั่นเองค่ะ

เนื้อเป็นเนื้อครีม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลยจะได้กลิ่นของวัตถุดิบอยู่จางๆ

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้สัมผัสเบา เย็น สบายผิว ซึมไวแห้งไวไม่เหนอะหนะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้

ถ้าพูดถึงแบรนด์ในเครือ Neopharm ตัวเทคโนโลยีหลักเลยที่ทุกคนรู้จักและนึกถึงเป็นตัวแรกๆ คือ MLE

ส่วนผสมของ MLE จะเป็นคอมบิเนชั่นของสารหลายๆ ชนิด ในสัดส่วนที่เหมาะสม

  • ปกติแล้วในผิวเราจะมีไขมันที่ทำหน้าที่เป็น Barrier ผิว ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ Ceramide + Cholesterol และ กรดไขมัน ไขมันเหล่านี้มันจะเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบซึ่งมีด้วยกันหลายรูปผลึก ส่วนหนึ่งเป็นรูปแบบ Liquid crystal
  • เจ้า MLETM นี่เป็นสูตรผสมของ Pseudoceramide (Myristoyl/palmitoyl oxostearamide/arachamide MEA หรือ Ceramide-9S) ร่วมกับ Phytosterol และกรดไขมัน Stearic acid เรียงตัวในรูปแบบที่คล้ายกับ Liquid crystal ของผิว เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ชนิด Polarized light จะเห็นเป็นเครื่องหมายกากบาท เรียก Maltese cross

(Image from Zeroid global official website)

ด้วยความที่การเรียงตัวเหมือนกันกับ Barrier ผิวเรา เลยมีแนวโน้มว่าทำหน้าที่ปกป้องผิวทดแทน Barrier ของผิว

ถัดมาจะเป็นตัว RestomideTM

RestomideTM หรือ Oleamide MEA ลดการอักเสบและระคายเคือง ผ่าน Cannabinoid receptor Type 1 (CB1) บนผิว เมื่อจับแล้วส่งผลดังนี้

  1. ลดการปลดปล่อยสารที่ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบจาก Keratinocyte (เซลล์ในชั้นหนังกำพร้า)
  2. ลดการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนที่ผิดปกติของเซลล์ Ketatinocyte แล้วไปเสริมกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง (Differentiation) กระบวนการนี้ให้ประโยชน์ในการลดการอุดตันของผิวได้ส่วนหนึ่ง
  3. ลดการอักเสบระคายเคือง ผ่านระบบภูมิคุ้มกัน
  4. เมื่อจับกับ CB1 Receptor ที่เส้นประสาท จะให้ประโยชน์ในการลดการนำส่งสัญญาณความเจ็บปวด และความรู้สึกคัน

ส่วนผสมของสารบำรุงอื่นๆ ที่เติมมาได้แก่

  • Beta-glucan ซึ่งเป็น prebiotic มีประโยชน์ในการสนับสนุนการเจริญของจุลินทรีย์ดีๆ หรือ probiotic บนผิว การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Beta-glucan ที่สกัดจากข้าวโอ๊ตมีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ผิว ให้โตเต็มวัย ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และฟื้นฟู Barrier ผิว (Int J Biol Macromol. 2021;185:876-889.)
  • Sodium hyaluronate เติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น
  • Allantoin ดูแลการระคายเคือง

มาในเบสครีมที่บางเบา ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ในภาพรวม จะเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ฟื้นฟูความแข็งแรงของ Barrier ผิวด้วยเทคโนโลยี MLE ดูแลการระคายเคือง ด้วย RestomideTM พร้อมทั้งปรับสมดุลการสร้าง-เจริญ-ผลัดทิ้งของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า ซึ่งน่าจะให้ประโยชน์ในการปรับสมดุลลดการอุดตันผิว เนื้อมาแบบบางเบา ไม่เหนอะหนะ จึงเหมาะกับคนผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ถ้ามองเรื่องเสริมชั้นผิวสำหรับคนผิวมัน นี่ว่าโอเคนะ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวมีผิวผสม-แห้ง มอยส์ตัวนี้ทำมาได้เบาๆ สบายผิว เวลาเกลี่ยจะให้ความรู้สึกเย็น สดชื่น ถ้าวันเบาๆ หรือ หลังอาบน้ำแล้วยังขี้เกียจจัดรูทีนชุดใหญ่ไฟกระพริบ ทาอันนี้ไปพลางๆ สบายผิวดี ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Zeroid สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Zeroid โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ZeroidThailand

ทางไปช้อปปิ้ง

ช้อปปี้ https://s.shopee.co.th/3LCFLiL6Rk

ลาซาด้า https://s.lazada.co.th/s.uJrDP?cc

Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Zeroid การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Propolis energy ampoule pad จาก CNP Laboratory

ใครชอบ Toner pad บ้าง 🙋‍♀️

คือ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบใช้สำลีชุ่มๆ เทโทนเนอร์ เอสเซนส์ใดๆ ลงไปจนชุ่ม เลยชอบกลุ่ม pad ด้วยล่ะ

ส่วนตัวเคยใช้กลุ่ม Toner pad แบบนี้ครั้งแรกสมัยแบรนด์ scinic เข้าวัตสัน แล้วซักพัก วัตสันก็เอา Bella monster มา (ตายละ รู้อายุเลย)

หลังจากนั้นก็หายไปสักพัก ก่อนจะได้กลับมาใช้ใหม่

วันนี้ขอเริ่มจาก Ampoule pad ของ CNP Laboratory ก่อนเลย

น้องเป็นสูตร Propolis บนกล่องจะมีเคลมว่า เอาส่วนผสมหลักจาก Propolis ampoule มาใส่ในนี้ค่ะ

หน้าตาเป็นแบบนี้

ตรงนี้เป็นส่วนของกล่อง

เวลาเปิดมาก็จะมีที่คีบมาให้ค่ะ

ตัวแผ่น pad จะมี 2 ด้าน ด้านหนึ่งจะมีความขรุขระกว่า เวลาใช้งานเราจะเอาด้านนี้เช็ดก่อน เป็นเหมือนกันผลัดผิวด้วยแรงเช็ด-แรงเสียดทาน (mechanical exfoliation) แบบเบาๆ

จากนั้นใช้ด้านเรียบเช็ดเบาๆ

ถ้าเป็นทางนี้จะเอาด้านเรียบมาแปะๆ tapๆ เบาๆ จนซึม

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวมส่วนผสมมาในเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (ยกเว้นน้ำมันหอมระเหยเพื่อแต่งกลิ่น) ซิลิโคน และแอลกอฮอล์

สารบำรุงมีอยู่หลายตัว ซึ่งแบ่งเป็นหลายๆ กลุ่ม

ชื่อผลิตภัณฑ์คือ Propolis ดังนั้น มาวิเคราะห์ตัว Propolis ก่อนเลย

Propolis เป็นสารประกอบที่ผึ้งสร้างขึ้นมาจากน้ำลายผึ้งผสมกับไขผึ้ง และสารอื่นๆ ที่เก็บมาจากดอกไม้ ต้นไม้ที่พึ่งไปเกาะมา กลายเป็นสารเหนียวๆ บางทีเรียก กาวผึ้ง ทำหน้าที่ยึดติดรังเอาไว้ด้วยกัน

ใน Propolis ประกอบด้วยสารในกลุ่ม Polyphenol ที่มีประโยชน์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีคุณสมบัติในการระงับเชื้อจุลินทรีย์บางประเภท มีงานวิจัยพบว่า Propolis ปกป้องผิวจากรังสี UV โดยไปกดการสร้างเอนไซม์ MMP-1 ที่จะไปย่อยสลายคอลลาเจน (Kim et al., Nutrients. 2020;12(12):3790.) มีข้อมูลสนับสนุนว่า สารประกอบ phenolic เช่น caffeic acid, coumaric acid, and ferulic acid ใน propolis ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ (J. Cosmet. Dermatol. 2015;14:47–63.)

กลุ่ม pre-pro-post biotics มีด้วยกันหลายตัว

  • Prebiotics จะเป็น Beta-glucan ซึ่งเป็น prebiotics ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ มีประโยชน์เรื่องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดการอักเสบ การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Beta-glucan ที่สกัดจากข้าวโอ๊ตมีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ผิว ให้โตเต็มวัย ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และฟื้นฟู Barrier ผิว (Int J Biol Macromol. 2021;185:876-889.)
  • Postbiotics จะเป็นพวก Lactobacillus ferment กับ พวกสารสกัดจากพืชที่ผ่านกระบวนการหมักด้วย Lactobacillus และ Saccharomyces ซึ่งจะได้สารที่มีประโยชน์ทั้งจากพืช และที่จุลินทรีย์สร้าง รวมถึงแปรสภาพต่างๆ อย่าง Lactobacillus/Soybean Ferment Extract นี้มีข้อมูลอยู่ว่า พวกสาร Isoflavone ตามธรรมชาติในถั่วเหลือง ปกติจะอยู่ในรูปแบบที่เกาะกับน้ำตาลอยู่ เรียกว่า Glycoside เมื่อหมักแล้ว เชื้อจะเปลี่ยนพวก Glycoside ให้กลายเป็นตัว Isoflavone เฉยๆ (เรียก Aglycone) ซึ่งมีคุณสมบัติ antioxidant ที่ดีขึ้น

กลุ่มสาร Soothing-ดูแลการระคายเคือง

เป็นสามสหาย Dipotassium glycyrrhizate + Panthenol + Allantoin เติมมาด้วย Cica

ใช้ Hya และน้ำผึ้งช่วยเติมน้ำเพิ่มความชุ่มชื้น

แต่งกลิ่นแนว Herb ด้วย น้ำมันหอมระเหยจาก Sweet geranium (perlagonium graveolens) ทำให้นัวขึ้นด้วยสารหอม Citronellol, Geraniol, Linalool

ในภาพรวมถือว่าทำมาได้น่าสนใจทีเดียว

ช้อปปิ้ง

https://s.shopee.co.th/1LVPbijOPV

https://s.lazada.co.th/s.BJl5N?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ