Image

[Empties] วิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing water จากแบรนด์ Clarista Tokyo ทั้ง 2 สูตร

สวัสดีค่ะ

วันนี้จะเป็นส่วนของ #EmptiesReview รีวิวของที่ใช้หมดแล้วนะคะ

ประเดิมตัวแรกด้วยการวิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing water จากแบรนด์ Clarista Tokyo สองสูตรนี้มี่ได้มาจาก Supermarket ของ Isetan ค่ะ ตอนที่มี่ได้มากำลังมีโปร 1 แถม 1 เลยจัดมาอย่างละชิ้นสวยๆ

หน้าตาเป็นประมาณนี้นะคะ

clarista

ส่วนผสมของทั้ง 2 สูตร ต่างกันไม่มากนักค่ะ โดยใช้สารทำความสะอาดตัวเดียวกันคือ PEG-6 caprylic/capric glycerides ซึ่งมีความอ่อนโยน และให้สัมผัสที่นุ่มสบายผิวนะคะ สำหรับส่วนผสมตัวนี้มี่เคยเขียนวิเคราะห์แบบละเอียดไว้ด้วยค่ะ สามารถรับชมได้ที่ลิงค์ด้านหลังนี้นะคะ >>Click<<

 

สำหรับด้านของ Feeling กับความสะอาด ส่วนตัวค่อนข้างชอบ และเคยใช้ลบเมคอัพรอบดวงตาได้ไม่แสบตาค่ะ ถ้าไม่เข้าตาแบบจังๆ

 

ในด้านของส่วนผสมเป็นตามภาพนี้นะคะ

สผส clarista

ภาพรวมคือ ทำมาได้อย่างเรียบง่าย แต่แอบดูดีนะคะ อย่างจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ การใส่ Buffer ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยควบคุมค่า pH ของตำรับให้คงที่ หรือ เปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด

โดยบัฟเฟอร์จะประกอบด้วย กรดอ่อน และ เกลือของมัน หรือ ด่างอ่อน และ เกลือของมัน

อย่างผลิตภัณฑ์นี้จะเป็น Citric acid กับ Sodium citrate นะคะ

 

ส่วนสารบำรุงที่เหมือนกันในทั้ง 2 สูตร คือ Sodium hyaluronate และสารบำรุงอีกตัวจะแตกต่างกันไปตามสูตรค่ะ

  • ถ้าเป็นสูตร White จะใช้เป็น Ascorbic acid หรือวิตามินซี นั่นเอง
  • ถ้าเป็นสูตร Sebum จะใช้เป็น สารสกัดจากชาเขียวค่ะ

 

สำหรับวันนี้คงต้องจากลากันไปเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Unpack] แกะถุงโชคดี Lucky bag ชุด Momo puri จากร้าน Tsuruha

สวัสดีค่ะทุกๆคน

จากช่วงก่อนที่เห็นเป็นกระแสว่าทางร้าน Tsuruha ออกถุง Lucky bag ออกมาหลายชิ้น 1 ในนั้นคือ ถุงโชคดี Momo puri ที่ด้านในมี Momo puri lotion และ Momo puri gel cream อยู่นะคะ

วางขายในราคา 699 บาท

วันนี้มี่ก็จะมาแกะถุงให้ได้ชมกันค่ะว่าด้านในมีอะไร และสมหวังหรือผิดหวังไหมอย่างไรนะคะ

 

หน้าตาคือนางจะมาในถุงผ้าสปันบอนด์สีแดง สกรีนลายร้าน

lucky 3.jpg

 

ด้วยความคิดคำนวณดูแล้ว คือ โอเคกับราคาของ Lotion + gel cream เลยสอยมาค่ะ

เอามาแกะที่ที่พัก

lucky 1

 

แต่พอแกะออกมา ยอมรับว่าดิฉันก็แอบผิดหวังนิดหน่อยนะคะ

lucky 2

 

ให้ความรู้สึกเหมือนเอาของเหลือๆ กับ sample ฟรีมายัดๆรวมกันในถุง แล้วหวังขายแค่ของหลักตามเซ็ต

แต่ดิฉันอาจจะดวงไม่ดีเองก็ได้ค่ะ 555

 

ว่าแล้วก็คิดถึงญี่ปุ่น ที่นั่นเค้ามีความจริงใจกว่านี้อะ Lucky bag ที่ดวงไม่ดีที่สุดที่เคยได้มา ก็ยังใส่ของที่จัดว่าดีอยู่ ราคาเกินกว่าราคาถุงอีก

 

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมครีม Whitening วิตามินรวมจากญี่ปุ่น Shimi AX จากแบรนด์ Kracie

สวัสดีค่ะ

มีผลิตภัณฑ์อยู่ตัวหนึ่งที่มีติดค้างรีวิวทุกคนมานานมากๆ จนใช้หมดไปสองหลอดแล้วก็ยังไม่ได้ฤกษ์นำมารีวิวเสียที

เอาหล่ะ ในที่สุด วันนี้ก็ได้ฤกษ์ รีวิวปิดท้ายวันหยุด ก่อนต้องตื่นไปทำงานแต่เช้ากันในวันพรุ่งนี้

นางก็คือ ครีม #ลูกรักบ้านมียอน Shimi AX จากแบรนด์ Kracie นั่นเองค่ะ

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

shimi 1.JPG

หลอดเก่าไป หลอดใหม่มา ตอนนี้หลอดที่สองก็หมด แต่ขอพักสักแป๊บ เพราะของล้นกรุมากๆ 555

 

ตัวหลอดมาแบบเรียบแต่โก้ หรูแต่ง่ายค่ะ

shimi 2

 

จริงๆในบ้านเรามีขายที่ Matsumoto kiyoshi นะคะ แต่มี่สั่งจากเว็บ Dokodemo เอาค่ะ ราคารวมค่าขนส่งแล้วก็ไม่ต่างกันมากนัก

 

คำว่า “Shimi” หรือ しみ เป็นคำที่กำลังอินเทรนด์ของฝั่งญี่ปุ่นเค้าค่ะ แปลว่ารอยเปื้อน แต่ในทางสกินแคร์และบิวตี้ หมายถึง จุดด่างดำ

 

สำหรับเนื้อครีมก็เป็นครีมเนื้อข้นๆหน่อย

shimi 3

ไม่มีกลิ่นค่ะ น่าจะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไว ไม่เหนอะหนะ ขัดกับลุคที่ดูข้นๆของนางเลย

shimi 4

 

วันนี้ไม่ได้วัด pH เพราะเนื้อครีมนางไม่เปียกกระดาษ กระดาษเลยไม่เปลี่ยนสีค่ะ

 

สำหรับส่วนผสมวันนี้ มี่ใช้วิธีแกะจากข้างกล่องเอานะคะ เนื่องจากไม่สะดวกไปถ่ายรูปฉลากไทยในร้านจ้า

สผส

ซึ่งจากที่สังเกตมา ทางญี่ปุ่นเขาไม่ได้เรียงลำดับส่วนผสมจากความเข้มข้นมากไปหาน้อยนะคะ แต่จะเอา Active มาขึ้นก่อน ตามด้วยสารที่เป็นเบส หรือ Vehicle ของตำรับค่ะ

 

สำหรับสารบำรุง ที่สำคัญจะเป็นกลุ่มของวิตามินรวม 3 ชนิดหลัก คือ A C E ค่ะ

  • วิตามินเอ เป็นรูปแบบของ Retinyl palmitate ซึ่งถ้าเทียบกับฟอร์มอื่นแล้ว นางก็จะมีการระคายเคืองที่น้อยกว่า แต่กว่านางจะออกฤทธิ์ได้ นางต้องผ่านการแปรสภาพในผิวถึง 3 ขั้นตอน โดยประโยชน์ของวิตามินเอ กับผิวพรรณนั้น ค่อนข้างกว้างค่ะ โดยหลักๆ จะเด่นไปในด้านของริ้วรอย การปรับสมดุลการผลัดผิว ความกระชับและยืดหยุ่นของผิว และสิว
  • วิตามินซี มาในรูปแบบของ Ascorbyl glucoside ซึ่งเป็นรูปแบบที่เอาวิตามินซีมาจับกับน้ำตาล โดยประโยชน์ของวิตามินซี ก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในเชิง Whitening, ลดการอักเสบระคายเคือง ต่อต้านอนุมูลอิสระ และ เป็นส่วนหนึ่งของการสังเคราะห์คอลลาเจน
  • วิตามินอี ตัวนี้น่าสนใจนะคะ เป็นรูปแบบของ Tocopheryl nicotinate ซึ่งเป็นสารลูกผสมระหว่างวิตามินอี กับ บี 3 ทางผู้ผลิตวัตถุดิบก็เคลมว่า ถ้านางลงผิว ผิวเราก็จะแปรสภาพจนได้วิตามินอี และ บี 3 ให้ประโยชน์หลายอย่างทั้ง Antioxidant, ลดการอักเสบระคายเคือง และในเชิงด้าน Whitening

antioxidants-06-00020-g001.jpg

(Duncan and Suzuki, . 2017 Mar; 6(1): 20.)

 

สำหรับ Tocopheryl nicotinate นอกจากผลที่กล่าวมาแล้ว นางมีคุณสมบัติในการเสริมการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดเล็กๆในผิวเสริมมา ซึ่งจริงๆก็มีใช้ในทางยามาซักพักแล้วค่ะ (The American Journal of Clinical Nutrition 1974. 27(10):1110-6)

 

สารบำรุงที่เหลืออยู่ ในส่วนของสีฟ้า คือ

  • Dipotassium glycyrrhizate ตัวนี้ได้มาจากชะเอมค่ะ มีคุณสมบัติในเชิงการลดการอักเสบระคายเคือง
  • Lactobacillus/lotus seed ferment ตัวนี้มีประโยชน์ในด้านชุ่มชื้นเป็นหลักค่ะ

 

และสีเขียว Cholesterol กับ Corn oil เป็นไขมันที่มีประโยชน์กับผิวค่ะ

 

ในส่วนผสมมีการใช้ Paraben เป็นสารกันเสีย แต่ส่วนตัวไม่ได้หักคะแนน Paraben แล้วนะคะ ถ้าใครไม่แพ้สารตัวนี้ นางก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรค่ะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ วันนี้ขอให้ 2 หมวด คือ ส่วนผสม และ การใช้งานนะคะ

  1. ส่วนผสม ในส่วนผสมทำมาได้ค่อนข้างดี และลำพังการผสมเอาวิตามิน A C E/B3 เข้าด้วยกันก็เรียกได้ว่า ให้ประโยชน์ในการดูแลผิวได้ครบวงจรแล้วค่ะ เหลือแค่ว่าเราไม่ทราบความเข้มข้นว่าเค้าใช้ในปริมาณเท่าไหร่ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ในตัวครีม เนื้อออกมาค่อนข้างหนัก แต่ก็ไม่ถึงกับเหนียว หรือมันเยิ้ม (มี่ผิวผสม/แห้ง) แต่ด้วยความที่มีวิตามินเอ ส่วนตัวก็จะใช้แค่ตอนกลางคืนนะคะ แม้ว่า Retinyl palmitate จะเสี่ยงแพ้แสงน้อยกว่าตัวที่เป็นรูปแบบยา อย่าง acid แต่ก็ขอเลี่ยงการใช้กลางวันไว้ก่อนค่ะ สำหรับด้าน Whitening ส่วนตัวมองว่า นางค่อยๆปรับสภาพจุดด่างดำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้นค่ะ แต่ไม่ถึงกับจะมาแบบขาวขึ้นแบบเว่อร์วังรวดเร็วอะไรทำนองนั้นค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน

สำหรับวันนี้ก็คงต้องขอลากันไปเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบนะคะ

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

 

Image

[Unbox] แกะกล่องรีวิวของชอปจาก koriico.com แหล่งชอปแห่งใหม่ ราคามิตรภาพ ส่งไว แพคดี สายเกาต้องไม่พลาด

สวัสดีค่ะ

สมัยนี้เรียกได้ว่าอยากได้อะไร แค่นั่งหน้าจอ แล้วจิ้มๆคลิ้กๆ ก็ได้ของมาประเคนถึงบ้านแล้วเนอะ

ส่วนตัวมี่เองก็แอบจ้องๆเล็งๆเว็บ koriico.com มาซักพักแล้วค่ะ จนในที่สุดก็มือลั่น สั่งมาจนได้ หลายๆชิ้น ราคาดีกว่า ร้านที่ต้องแบกร่างออกไปหิ้วมาเองด้วยซ้ำ

มาค่ะ Unbox แกะกล่องดูว่าวันนี้มี่ซื้ออะไรมาบ้าง

ub 1

สิ่งที่มี่ซื้อมาได้แก่ …แก่ แก่ แก่

ไม่ ยังไม่แก่ !!

 

ub 2-1

ตัวแรกเป็น มาส์กอุ่นตาลายอัลปาก้า จากแบรนด์ Youthful time ของเกาหลีค่ะ

ub 3

วันไหนทำงานเหนื่อยๆ ไถมือถือนานๆ แปะแล้วนอนมันสบายจริงๆนะ

ต่อมาเป็นแผ่นแปะเจลเย็นสำหรับแปะน่องและฝ่าเท้า เวลายืนนานๆ หรือเดินมากๆ ตัวนี้เวิร์คมาก

จากแบรนด์ Youthful time เหมือนกันค่ะ

ub 4

ตัวต่อมา

เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยเห็น มาส์กหลายๆ Step เราก็จะรู้สึกสนุกไปกับมันด้วยค่ะ

เป็น มาส์ก 3 Step จาก Pyunkang Yul ค่ะ

ub 5

Step แรก นางก็จะเป็น peeling gel ผลัดผิวออกก่อน เพื่อกำจัดขี้ไคล และเศษซากสิ่งสกปรกต่างๆออกไป เผยผิวให้รับอาหารจากมาส์กชีทใน Step ที่สองค่ะ

ปิดท้ายด้วยทาเซรั่มบำรุง Balancing gel ใน Step ที่ 3 ต่อไปค่ะ

กิ๊บเก๋มาก

 

ตัวต่อมาเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยเห็นโทนเนอร์สิวตัวดัง Some by Mi ขวดสีเขียวๆแน่ๆ

พอดีเห็นนางมีแผ่นซับสิวด้วย เลยสั่งมาลองดูค่ะ

ub 6

 

Cleansing balm ก็อินเทรนด์นะ เลยลองสั่ง Cleansing balm จากแบรนด์ Heimish ของเกาหลีเหมือนกันมาลองเล่นดูค่ะ

ub 7

 

อันนี้ก็ดังเซรั่ม Proteoglycan ของ Fracora จากญี่ปุ่น แอบเล็งไว้นานมากแล้ว ในที่สุดก็ได้ฤกษ์

ub 8

 

โทนเนอร์น้ำมันม้ากำลังหมด ก็เลยสั่งมา Fill ในกรุ เชื่อไหมว่าอันนี้ได้มาในราคา 306 บาท ถูกกว่าแบกร่างไปสอยอีก ไม่ต้องหิ้วไปฝ่าปลากระป๋องในรถไฟให้หนักมือ

ub 10

ติดใจนางมาก อันนี้ก็ขวดที่ 3 แล้ว

โทนเนอร์น้ำมันม้านี้เป็นของญี่ปุ่น มี่เคยรีวิวไว้แล้วนะคะ

ลิงค์รีวิวโทนเนอร์น้ำมันม้า >>Click<<

ปิดท้ายด้วย Cleansing water ผสมเกลือหิมาลัย จากแบรนด์ Ainterol

ub 9

ตัวนี้ได้มาในราคา 326 บาท

นางเป็นคลีนซิ่งที่เคลมว่าใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด เลยอยากเอามาลองค่ะ

 

แล้วมี่จะเอาของมาทะยอยๆรีวิวกันในโอกาสต่อไปนะคะ

สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ

Image

[Cosme-Diagnosis] วิเคราะห์ส่วนผสมสเปรย์ต้านมลภาวะและเกสรดอกไม้ตัวดัง Shiseido IHADA aller screen EX

สวัสดีค่ะ

ถ้าพูดถึงสเปรย์ต้านมลภาวะตัวดัง เชื่อว่าหลายๆท่านคงต้องเคยเห็นเจ้า IHADA aller screen EX ของเครือ Shiseido แน่ๆ

อ๊ะๆ เผื่อจะนึกไม่ออก หน้าตาน้องเป็นแบบนี้จ้า

SHOHIN_PL_C1_E07502_L.jpg

ที่ญี่ปุ่นนางมีจำหน่ายในร้านขายยาค่ะ ราคากรุบๆไม่แพงเลยจริงๆ

นางเป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่น่าสนใจ และพัฒนาขึ้นมาจากงานวิจัยหลายๆชิ้น และแน่นอนว่าเป็นขวัญใจของ Blogger/Influencer หลายๆท่าน เลย

ยิ่งทำให้เราสนใจตัวนี้มากขึ้นเลยลองไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมมาค่ะ

 

ก่อนจะไปดูส่วนผสม อยากเล่าให้ฟังถึงเรื่องเกสรดอกไม้กับผิวหนังซักหน่อย

เราอาจจะคุ้นเคยว่า เวลาช่วงที่ในอากาศมีละอองเกสรมากๆ คนที่เป็นภูมิแพ้ก็จะมีอาการจาม น้ำมูกไหลเนอะ

หลังๆมานี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ละอองเกสรนี่ มันไม่ได้แค่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจนะ

หลายคณะ นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและการแพทย์ เจอว่าโปรตีนหรือเปปไทด์จากละอองเกสรดอกไม้ต่างๆหรือ ดอกหญ้าบางชนิด สามารถซึมผ่านผิวหนังที่มี Barrier ไม่สมบูรณ์ เช่น ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ อย่าง Atopic dermatitis หรือ Eczema แล้วลงไปเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ขึ้นมา ทำให้อาการของโรคผิวหนังแย่ลง

นอกจากเรื่องการแพ้แล้ว ก็มีการศึกษาพบว่าละอองเกสร สามารถไปลดความสามารถในการเป็น Barrier ของผิวได้อีก

จากนั้นก็มีการศึกษามาเป็นระยะๆว่าการทามอยส์เจอไรเซอร์บางกลุ่มสามารถลดการดูดซึมของโปรตีนจากละอองเกสรเหล่านี้ได้ และช่วยลดอาการแพ้ที่ผิวหนังได้ค่ะ

 

กลับมาที่ผลิตภัณฑ์ของเรา

Product ตัวนี้ออกมาได้หลายปีแล้วนะคะ ซึ่งตอนที่นางออกมาใหม่ๆ นางก็เป็นข่าวฮือฮาในเว็บ Cosmetics-design แล้วตั้งแต่เมื่อปี 2015

shi 2

(แหล่งข่าว https://www.cosmeticsdesign-asia.com/Article/2015/05/14/Shiseido-sees-opportunity-in-Japan-s-pollen-concerns)

 

หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาอีกว่า Shiseido เจอว่า ละอองเกสรนี่ทำร้าย Barrier ผิวได้ด้วยนะ นอกจากเหนี่ยวนำให้เกิดการแพ้

shi 1

(แหล่งข่าว https://www.cosmeticsdesign-europe.com/Article/2016/02/10/Shiseido-finds-pollen-can-damage-skin-barrier)

 

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ออกมาสู่ตลาดซักพักแล้ว จนเริ่มมาดังในบ้านเรา เมื่อ Blogger หลายๆท่านมีการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากขึ้น ทำให้เราอยากได้อยากลองอยากมีไปด้วย เลยไปลองค้นข้อมูลเพิ่มเติม ก็พบว่านางทำมาได้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียวหละ

 

โดยกลไกการออกฤทธิ์ที่ทางแบรนด์เขา Claim ไว้ คือ นางจะไปสร้างเกราะที่มีประจุไฟฟ้า และสามารถผลักเอาละอองเกสร ฝุ่นละออง ชนิด PM 2.5 รวมถึงพวกไวรัส ไม่ให้เข้ามาสัมผัสผิวเราได้

ihada 2

(Image from Shiseido)

 

และโชคดีมาก ที่ในเว็บของทางแบรนด์เค้ามีส่วนผสมมาให้ เลยลองใช้ Google แปล + Miyeon เดา มาแกะส่วนผสมดูค่ะ

สผส ihada

แนบแบบภาษาญี่ปุ่นมาให้ด้วย เผื่อท่านใดอ่านได้ และมี่แปลผิดจะได้ช่วยแก้ไขในรายละเอียด

 

ดูจากส่วนผสมจะเห็นว่า มีสารประจุบวก อยู่ 2 ชนิด คือ เจ้า Polyquaternium-51 ซึ่งตัวนี้มีสูตรโครงสร้างคล้ายๆกับ Phospholipid ที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ต่างๆ ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเขาเลยเคลมว่า สามารถเรียงตัวบนผิวได้ และเสริมเรื่องความชุ่มชื้น กับ Barrier ผิว

ส่วนอีกตัวคือ Distearyl dimonium chloride นางจัดเป็นสารประจุบวกในกลุ่มของ Cationic surfactant ซึ่งเดิมทีเราจะใช้สารในกลุ่มนี้เป็นครีมนวดผม เพราะสามารถจับกับผมเสียที่มีประจุเป็นลบ และช่วยปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มสลวยสวยเงางาม

เช่นเดียวกัน นางสามารถเกาะกับองค์ประกอบในโปรตีนบนผิวที่มีประจุลบ ทำให้ติดบนผิวได้ยาวนาน

 

เจ้านี่เองที่สร้างเกราะทางไฟฟ้า มาช่วยเคลือบปกป้องผิวเราจากละอองเกสร และฝุ่นละอองต่างๆ

 

เรียกได้ว่าเป็นการใช้วัตถุดิบทางเครื่องสำอางได้อย่างชาญฉลาด เรียกได้ว่า เกือบจะต้องกราบแนบตักเลยทีเดียว

 

ส่วนในเบสก็มีสารในกลุ่มของ Fatty alcohol และน้ำมัน Mineral oil เพื่อช่วยให้ผิวไม่แห้ง และให้สัมผัสนุ่มลื่น ส่วนแอลกอฮอล์อย่าง Ethanol กับ Isopropanol ที่ใส่มาก็เพื่อให้ผลิตภัณฑ์แห้งไว และช่วยให้สารเหล่านี้แผ่กระจายเรียงตัวเป็นฟิล์มสวยๆได้นั่นเอง

ส่วนความกังวลเรื่องความระคายเคือง ถ้าดูจากวิธีการใช้งาน เราสเปรย์ที่ชั้นนอกสุดของผิว หลังจากบำรุงต่างๆมามากมาย และแต่งหน้าแล้ว จึงไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่นะคะ เว้นแต่คนที่ Sensitive มากๆ อาจจะต้องลองทดลองดูว่าทนไหวไหม เพราะการตอบสนองของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน

 

สำหรับราคาที่ญี่ปุ่นก็ถือว่าไม่ได้แพงนะคะ

ขวด 50 กรัม 972 เยน (ราวๆ 291 บาท)

ขวด 100 กรัม 1728 เยน (ราวๆ 518 บาท)

 

ด้วยความที่เป็นขวดแบบบรรจุแก๊ส ให้ละอองแบบไมโคร ในการใช้งาน 1 ครั้ง จึงไม่ได้เปลืองมาก น่าจะใช้ทนอยู่

 

Disclaimer: บทความนี้เป็นการเขียนวิเคราะห์ส่วนผสมในเชิงวิชาการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง และมีส่วนที่เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้และใช้ในเชิงการศึกษา ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า ขอสงวนลิขสิทธิ์ในตัวบทความทั้งหมด และห้ามนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในการค้า โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม

For educational purpose only

 

References

 

  1. Meinke et al. Skin Pharmacol Physiol. 2016;29(2):71-5. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/27027785
  2. Fölster-Holst et al. Clin Cosmet Investig Dermatol. 2015;8:539 -48. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/26604810
  3. Kumamoto et al. Arch Dermatol Res. 2016;308(1):49-54.https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/26498292
  4. https://www.cosmeticsdesign-europe.com/Article/2016/02/10/Shiseido-finds-pollen-can-damage-skin-barrier
  5. https://www.cosmeticsdesign-asia.com/Article/2015/05/14/Shiseido-sees-opportunity-in-Japan-s-pollen-concerns
  6. https://www.shiseido.co.jp/cms/onlineshop/ih/bn/asex/

 

 

Image

Mini Review Hand cream ป้องกัน Aging hand จาก CoenRich Q10 whitening medicated hand & finger สูตร Deep moisture ของญี่ปุ่น

Mini Review Hand cream เนื้อข้นๆสำหรับคนมือแห้งมากเว่อร์
 
ช่วงหลังๆนี้ตลาด Body เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างนะคะ อย่างที่เห็นได้ชัดเลย คือ มีการใส่สารบำรุงมากมาย บางชื้นบางแบรนด์นี่จัดเต็มยิ่งกว่าครีมทาหน้าเสียอีก
 
อย่าง Hand cream ที่หยิบเอามาวันนี้ มาจากแบรนด์ Coenrich Q10 ในเครือ Kose Cosmeport ของญี่ปุ่นค่ะ
kose hand.jpg
 
นางมาในเบสครีมข้นๆ มีส่วนผสมของวาสลีนในลำดับต้นๆ เลยได้ครีมที่ค่อนข้างชุ่มและเคลือบผิวได้มาก เหมาะกับการทาก่อนนอนค่ะ
 
ในด้านของสารบำรุง ตัวที่น่าจับตามอง คือ Tranexamic acid กับ Coenzyme Q10
 
ซึ่งหลังๆมาคนเริ่มพูดถึงปัญหาเรื่องมือแก่ (แปลแบบขำๆเล่นๆ จาก กระแส Aging hand ของต่างประเทศ)
 
tranexamic acid นี่ นางมีประโยชน์ในเชิง Whitening ซึ่งนางคงไม่ได้ใส่มาให้มือขาวแต่อย่างใด แต่น่าจะมีประโยชน์ในการลดจุดด่างดำบนมือ ที่เกิดจากอายุ
 
เวลาเราแก่ขึ้น มือจะมีจุดด่างดำปรากฏอยู่ค่ะ Tranexamic acid ก็จะช่วยเข้าไปดูแลในจุดนั้น
 
ส่วน CoQ10 ก็เป็น antixodant ช่วยชะลอวัย ป้องกันมือเหี่ยว และป้องกันไม่ให้เกิดจุดด่างดำมากขึ้น
 
นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนผสมของ Hydrolyzed hyaluronic acid ที่เติมน้ำให้ผิวไปพร้อมๆกันด้วยค่ะ
 
โดยรวมถือว่าเป็น Hand cream ที่ทำมาได้น่าสนใจเลยทีเดียวหละ