สวัสดีค่ะ
มีผลิตภัณฑ์อยู่ตัวหนึ่งที่มีติดค้างรีวิวทุกคนมานานมากๆ จนใช้หมดไปสองหลอดแล้วก็ยังไม่ได้ฤกษ์นำมารีวิวเสียที
เอาหล่ะ ในที่สุด วันนี้ก็ได้ฤกษ์ รีวิวปิดท้ายวันหยุด ก่อนต้องตื่นไปทำงานแต่เช้ากันในวันพรุ่งนี้
นางก็คือ ครีม #ลูกรักบ้านมียอน Shimi AX จากแบรนด์ Kracie นั่นเองค่ะ
หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ
หลอดเก่าไป หลอดใหม่มา ตอนนี้หลอดที่สองก็หมด แต่ขอพักสักแป๊บ เพราะของล้นกรุมากๆ 555
ตัวหลอดมาแบบเรียบแต่โก้ หรูแต่ง่ายค่ะ
จริงๆในบ้านเรามีขายที่ Matsumoto kiyoshi นะคะ แต่มี่สั่งจากเว็บ Dokodemo เอาค่ะ ราคารวมค่าขนส่งแล้วก็ไม่ต่างกันมากนัก
คำว่า “Shimi” หรือ しみ เป็นคำที่กำลังอินเทรนด์ของฝั่งญี่ปุ่นเค้าค่ะ แปลว่ารอยเปื้อน แต่ในทางสกินแคร์และบิวตี้ หมายถึง จุดด่างดำ
สำหรับเนื้อครีมก็เป็นครีมเนื้อข้นๆหน่อย
ไม่มีกลิ่นค่ะ น่าจะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม
เกลี่ยได้ง่าย ซึมไว ไม่เหนอะหนะ ขัดกับลุคที่ดูข้นๆของนางเลย
วันนี้ไม่ได้วัด pH เพราะเนื้อครีมนางไม่เปียกกระดาษ กระดาษเลยไม่เปลี่ยนสีค่ะ
สำหรับส่วนผสมวันนี้ มี่ใช้วิธีแกะจากข้างกล่องเอานะคะ เนื่องจากไม่สะดวกไปถ่ายรูปฉลากไทยในร้านจ้า
ซึ่งจากที่สังเกตมา ทางญี่ปุ่นเขาไม่ได้เรียงลำดับส่วนผสมจากความเข้มข้นมากไปหาน้อยนะคะ แต่จะเอา Active มาขึ้นก่อน ตามด้วยสารที่เป็นเบส หรือ Vehicle ของตำรับค่ะ
สำหรับสารบำรุง ที่สำคัญจะเป็นกลุ่มของวิตามินรวม 3 ชนิดหลัก คือ A C E ค่ะ
- วิตามินเอ เป็นรูปแบบของ Retinyl palmitate ซึ่งถ้าเทียบกับฟอร์มอื่นแล้ว นางก็จะมีการระคายเคืองที่น้อยกว่า แต่กว่านางจะออกฤทธิ์ได้ นางต้องผ่านการแปรสภาพในผิวถึง 3 ขั้นตอน โดยประโยชน์ของวิตามินเอ กับผิวพรรณนั้น ค่อนข้างกว้างค่ะ โดยหลักๆ จะเด่นไปในด้านของริ้วรอย การปรับสมดุลการผลัดผิว ความกระชับและยืดหยุ่นของผิว และสิว
- วิตามินซี มาในรูปแบบของ Ascorbyl glucoside ซึ่งเป็นรูปแบบที่เอาวิตามินซีมาจับกับน้ำตาล โดยประโยชน์ของวิตามินซี ก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในเชิง Whitening, ลดการอักเสบระคายเคือง ต่อต้านอนุมูลอิสระ และ เป็นส่วนหนึ่งของการสังเคราะห์คอลลาเจน
- วิตามินอี ตัวนี้น่าสนใจนะคะ เป็นรูปแบบของ Tocopheryl nicotinate ซึ่งเป็นสารลูกผสมระหว่างวิตามินอี กับ บี 3 ทางผู้ผลิตวัตถุดิบก็เคลมว่า ถ้านางลงผิว ผิวเราก็จะแปรสภาพจนได้วิตามินอี และ บี 3 ให้ประโยชน์หลายอย่างทั้ง Antioxidant, ลดการอักเสบระคายเคือง และในเชิงด้าน Whitening
(Duncan and Suzuki, Antioxidants (Basel). 2017 Mar; 6(1): 20.)
สำหรับ Tocopheryl nicotinate นอกจากผลที่กล่าวมาแล้ว นางมีคุณสมบัติในการเสริมการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดเล็กๆในผิวเสริมมา ซึ่งจริงๆก็มีใช้ในทางยามาซักพักแล้วค่ะ (The American Journal of Clinical Nutrition 1974. 27(10):1110-6)
สารบำรุงที่เหลืออยู่ ในส่วนของสีฟ้า คือ
- Dipotassium glycyrrhizate ตัวนี้ได้มาจากชะเอมค่ะ มีคุณสมบัติในเชิงการลดการอักเสบระคายเคือง
- Lactobacillus/lotus seed ferment ตัวนี้มีประโยชน์ในด้านชุ่มชื้นเป็นหลักค่ะ
และสีเขียว Cholesterol กับ Corn oil เป็นไขมันที่มีประโยชน์กับผิวค่ะ
ในส่วนผสมมีการใช้ Paraben เป็นสารกันเสีย แต่ส่วนตัวไม่ได้หักคะแนน Paraben แล้วนะคะ ถ้าใครไม่แพ้สารตัวนี้ นางก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรค่ะ
มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ วันนี้ขอให้ 2 หมวด คือ ส่วนผสม และ การใช้งานนะคะ
- ส่วนผสม ในส่วนผสมทำมาได้ค่อนข้างดี และลำพังการผสมเอาวิตามิน A C E/B3 เข้าด้วยกันก็เรียกได้ว่า ให้ประโยชน์ในการดูแลผิวได้ครบวงจรแล้วค่ะ เหลือแค่ว่าเราไม่ทราบความเข้มข้นว่าเค้าใช้ในปริมาณเท่าไหร่ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
- การใช้งาน ในตัวครีม เนื้อออกมาค่อนข้างหนัก แต่ก็ไม่ถึงกับเหนียว หรือมันเยิ้ม (มี่ผิวผสม/แห้ง) แต่ด้วยความที่มีวิตามินเอ ส่วนตัวก็จะใช้แค่ตอนกลางคืนนะคะ แม้ว่า Retinyl palmitate จะเสี่ยงแพ้แสงน้อยกว่าตัวที่เป็นรูปแบบยา อย่าง acid แต่ก็ขอเลี่ยงการใช้กลางวันไว้ก่อนค่ะ สำหรับด้าน Whitening ส่วนตัวมองว่า นางค่อยๆปรับสภาพจุดด่างดำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้นค่ะ แต่ไม่ถึงกับจะมาแบบขาวขึ้นแบบเว่อร์วังรวดเร็วอะไรทำนองนั้นค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
สำหรับวันนี้ก็คงต้องขอลากันไปเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบนะคะ
พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ
Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ