Image

[My Fav] ลูกรักบ้านมียอนปี 2563 และ ครึ่งปีแรกของ 2564

Blog นี้จะเป็นการรวมเอาผลิตภัณฑ์ที่ชอบเป็นการส่วนตัวมารวมเอาไว้นะคะ

ช่วงปี 63 กับครึ่งปีแรกของปี 64 เรียกได้ว่า เป็นช่วงแห่งวิกฤติเลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าโรคระบาด กับการ Lock-down เลยทำให้โพลล์ของ product ต่างๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากปีก่อนนัก เรียกได้ว่าอะไรที่ใช้มาแล้วชอบก็ยังคงใช้ต่อไป

ผลิตภัณฑ์ที่ชอบในช่วงปีครึ่งนี้ก็รวมไว้ในรูปด้านล่างนี้เลยค่ะ

กลุ่มโทนเนอร์/น้ำตบที่เลือกมา เป็น 2 ตัวนี้

Rose water ของ Mamonde

ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ที่ค่อนข้างชุ่มผิว และด้วยกลิ่นหอมของกุหลาบ ช่วยให้ผ่อนคลายเป็นอย่างดีเลยหละ

T’else Jeju Artemisia ture essence

Essence จาก Artemisia (พืชใน Genus เดียวกับจิงจูฉ่าย) ของแบรนด์ T’else ส่วนตัวใช้เป็นน้ำตบ หลังเช็ดโทนเนอร์ค่ะ

ตัวนี้เคยรีวิวไว้คู่กับ Essence Kombucha จากแบรนด์เดียวกันค่ะ >>Link review

ส่วนสารพัด Skincare ที่เลือกมาในชุดนี้ ไม่ได้ใช้พร้อมกันทั้งหมดใน Routine เดียวกันนะคะ บางตัวก็ใช้พร้อมกัน บางตัวก็แยกใช้ในบางช่วงที่อีกตัวขาด ประมาณนั้น

Eye cream all about eye rich จากแบรนด์ Clinique

ส่วนตัวผิวค่อนข้างแห้ง เนื้อของ AAE rich เลยตอบโจทย์ความแห้งของใต้ตาได้เป็นอย่างดีเลยหละ

Vita A cream สูตร PhD จากแบรนด์ Dr.Different

ตัวนี้เอาจริงๆ ได้เริ่มใช้มาตั้งแต่ตัวเบาสุด มาตัว Forte มายันตัว PhD ยอมรับว่าหลายคนทักว่าผิวดีขึ้น รักน้องมากๆ

Link review >>Click

Serum จาก Dermartlogy ที่คว้ามาจะเป็น 2 สูตรใหม่ คนพี่ที่ออกมาก่อนจะเป็นตัว Ageless Barrier rejuvenating serum เนื้อจะออกเป็นเซรั่มสีโปร่งแสง นัวๆ ไม่ขุ่นไม่ใส ส่วนตัวชอบสูตรของคนพี่มากกว่ารุ่นคนน้องนะคะ

ส่วนคนน้องที่พึ่งออกมาทีหลัง มีชื่อว่า Ageless potent rejuvenating serum ขวดทางซ้ายมือในภาพ เป็นเนื้อน้ำนมบางเบา ส่วนผสมจัดเต็มมาเช่นเคยค่ะ

Review >>Click

ส่วน 2 ชิ้นด้านขวาสุดเป็น Skincare มาจากทางฝั่งญี่ปุ่น อย่าง d Program ส่วนตัวชอบสูตร Urban damage care concentrate กับ Emulsion สูตรสีม่วง

d Program นี้ล่าสุดเห็นนางพึ่ง repackage แล้วพูดถึง Microbiome เลยไม่แน่ใจว่าส่วนผสมเปลี่ยนด้วยไหม ถ้ามีโอกาสซื้อใหม่จะตั้งใจทำรีวิวแล้วค่ะ

สำหรับครีมบำรุงขอยกมาอยู่ในอีกภาพนะคะ ยังคงเป็น Real Barrier เจ้าเก่า ช่วงปี 62 ชอบสูตร Intense แต่ช่วงหลังนี้ชอบสูตร Extreme มากกว่าค่ะ

เคยรีวิวไว้แต่สูตร Intense นะคะ

Review >>Click

ส่วนกันแดด จะแยกน้องไปอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายในอีกภาพก็สงสารน้อง เลยเอามาวางคู่กับครีมบำรุง

เป็น Everyday aqua sun cream จากแบรนด์ Mamonde เจ้าเดิมค่ะ

กลุ่ม Base makeup จะเป็นแป้งของ Cezanne กับ รองพื้น Synchro skin self-refreshing ของ Shiseido ค่ะ

ปิดท้ายด้วยกลุ่ม Body ทั้งคู่มาจาก แบรนด์ Derma:B แบรนด์ในเครือของ Neopharm ที่ใช้เทคโนโลยี MLE ในการดูแลผิวเช่นกัน จะเป็นครีมทามือ ที่เหมาะมากตอนมือแห้งเพราะล้างมือบ่อย และ Body lotion ที่แม้จะใช้หน้าร้อนก็ไม่เหนอะหนะหรือเหนียวจนเกินไป

สำหรับในช่วงปีครึ่งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ชอบก็จะมีประมาณนี้ค่ะ ส่วนใครชอบตัวไหนไม่ชอบตัวไหนมาคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ 🙂

Image

[Cosme-Diagnosis] วิเคราะห์ส่วนผสมสเปรย์ต้านมลภาวะและเกสรดอกไม้ตัวดัง Shiseido IHADA aller screen EX

สวัสดีค่ะ

ถ้าพูดถึงสเปรย์ต้านมลภาวะตัวดัง เชื่อว่าหลายๆท่านคงต้องเคยเห็นเจ้า IHADA aller screen EX ของเครือ Shiseido แน่ๆ

อ๊ะๆ เผื่อจะนึกไม่ออก หน้าตาน้องเป็นแบบนี้จ้า

SHOHIN_PL_C1_E07502_L.jpg

ที่ญี่ปุ่นนางมีจำหน่ายในร้านขายยาค่ะ ราคากรุบๆไม่แพงเลยจริงๆ

นางเป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่น่าสนใจ และพัฒนาขึ้นมาจากงานวิจัยหลายๆชิ้น และแน่นอนว่าเป็นขวัญใจของ Blogger/Influencer หลายๆท่าน เลย

ยิ่งทำให้เราสนใจตัวนี้มากขึ้นเลยลองไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมมาค่ะ

 

ก่อนจะไปดูส่วนผสม อยากเล่าให้ฟังถึงเรื่องเกสรดอกไม้กับผิวหนังซักหน่อย

เราอาจจะคุ้นเคยว่า เวลาช่วงที่ในอากาศมีละอองเกสรมากๆ คนที่เป็นภูมิแพ้ก็จะมีอาการจาม น้ำมูกไหลเนอะ

หลังๆมานี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ละอองเกสรนี่ มันไม่ได้แค่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจนะ

หลายคณะ นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและการแพทย์ เจอว่าโปรตีนหรือเปปไทด์จากละอองเกสรดอกไม้ต่างๆหรือ ดอกหญ้าบางชนิด สามารถซึมผ่านผิวหนังที่มี Barrier ไม่สมบูรณ์ เช่น ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ อย่าง Atopic dermatitis หรือ Eczema แล้วลงไปเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ขึ้นมา ทำให้อาการของโรคผิวหนังแย่ลง

นอกจากเรื่องการแพ้แล้ว ก็มีการศึกษาพบว่าละอองเกสร สามารถไปลดความสามารถในการเป็น Barrier ของผิวได้อีก

จากนั้นก็มีการศึกษามาเป็นระยะๆว่าการทามอยส์เจอไรเซอร์บางกลุ่มสามารถลดการดูดซึมของโปรตีนจากละอองเกสรเหล่านี้ได้ และช่วยลดอาการแพ้ที่ผิวหนังได้ค่ะ

 

กลับมาที่ผลิตภัณฑ์ของเรา

Product ตัวนี้ออกมาได้หลายปีแล้วนะคะ ซึ่งตอนที่นางออกมาใหม่ๆ นางก็เป็นข่าวฮือฮาในเว็บ Cosmetics-design แล้วตั้งแต่เมื่อปี 2015

shi 2

(แหล่งข่าว https://www.cosmeticsdesign-asia.com/Article/2015/05/14/Shiseido-sees-opportunity-in-Japan-s-pollen-concerns)

 

หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาอีกว่า Shiseido เจอว่า ละอองเกสรนี่ทำร้าย Barrier ผิวได้ด้วยนะ นอกจากเหนี่ยวนำให้เกิดการแพ้

shi 1

(แหล่งข่าว https://www.cosmeticsdesign-europe.com/Article/2016/02/10/Shiseido-finds-pollen-can-damage-skin-barrier)

 

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ออกมาสู่ตลาดซักพักแล้ว จนเริ่มมาดังในบ้านเรา เมื่อ Blogger หลายๆท่านมีการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากขึ้น ทำให้เราอยากได้อยากลองอยากมีไปด้วย เลยไปลองค้นข้อมูลเพิ่มเติม ก็พบว่านางทำมาได้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียวหละ

 

โดยกลไกการออกฤทธิ์ที่ทางแบรนด์เขา Claim ไว้ คือ นางจะไปสร้างเกราะที่มีประจุไฟฟ้า และสามารถผลักเอาละอองเกสร ฝุ่นละออง ชนิด PM 2.5 รวมถึงพวกไวรัส ไม่ให้เข้ามาสัมผัสผิวเราได้

ihada 2

(Image from Shiseido)

 

และโชคดีมาก ที่ในเว็บของทางแบรนด์เค้ามีส่วนผสมมาให้ เลยลองใช้ Google แปล + Miyeon เดา มาแกะส่วนผสมดูค่ะ

สผส ihada

แนบแบบภาษาญี่ปุ่นมาให้ด้วย เผื่อท่านใดอ่านได้ และมี่แปลผิดจะได้ช่วยแก้ไขในรายละเอียด

 

ดูจากส่วนผสมจะเห็นว่า มีสารประจุบวก อยู่ 2 ชนิด คือ เจ้า Polyquaternium-51 ซึ่งตัวนี้มีสูตรโครงสร้างคล้ายๆกับ Phospholipid ที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ต่างๆ ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเขาเลยเคลมว่า สามารถเรียงตัวบนผิวได้ และเสริมเรื่องความชุ่มชื้น กับ Barrier ผิว

ส่วนอีกตัวคือ Distearyl dimonium chloride นางจัดเป็นสารประจุบวกในกลุ่มของ Cationic surfactant ซึ่งเดิมทีเราจะใช้สารในกลุ่มนี้เป็นครีมนวดผม เพราะสามารถจับกับผมเสียที่มีประจุเป็นลบ และช่วยปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มสลวยสวยเงางาม

เช่นเดียวกัน นางสามารถเกาะกับองค์ประกอบในโปรตีนบนผิวที่มีประจุลบ ทำให้ติดบนผิวได้ยาวนาน

 

เจ้านี่เองที่สร้างเกราะทางไฟฟ้า มาช่วยเคลือบปกป้องผิวเราจากละอองเกสร และฝุ่นละอองต่างๆ

 

เรียกได้ว่าเป็นการใช้วัตถุดิบทางเครื่องสำอางได้อย่างชาญฉลาด เรียกได้ว่า เกือบจะต้องกราบแนบตักเลยทีเดียว

 

ส่วนในเบสก็มีสารในกลุ่มของ Fatty alcohol และน้ำมัน Mineral oil เพื่อช่วยให้ผิวไม่แห้ง และให้สัมผัสนุ่มลื่น ส่วนแอลกอฮอล์อย่าง Ethanol กับ Isopropanol ที่ใส่มาก็เพื่อให้ผลิตภัณฑ์แห้งไว และช่วยให้สารเหล่านี้แผ่กระจายเรียงตัวเป็นฟิล์มสวยๆได้นั่นเอง

ส่วนความกังวลเรื่องความระคายเคือง ถ้าดูจากวิธีการใช้งาน เราสเปรย์ที่ชั้นนอกสุดของผิว หลังจากบำรุงต่างๆมามากมาย และแต่งหน้าแล้ว จึงไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่นะคะ เว้นแต่คนที่ Sensitive มากๆ อาจจะต้องลองทดลองดูว่าทนไหวไหม เพราะการตอบสนองของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน

 

สำหรับราคาที่ญี่ปุ่นก็ถือว่าไม่ได้แพงนะคะ

ขวด 50 กรัม 972 เยน (ราวๆ 291 บาท)

ขวด 100 กรัม 1728 เยน (ราวๆ 518 บาท)

 

ด้วยความที่เป็นขวดแบบบรรจุแก๊ส ให้ละอองแบบไมโคร ในการใช้งาน 1 ครั้ง จึงไม่ได้เปลืองมาก น่าจะใช้ทนอยู่

 

Disclaimer: บทความนี้เป็นการเขียนวิเคราะห์ส่วนผสมในเชิงวิชาการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง และมีส่วนที่เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้และใช้ในเชิงการศึกษา ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า ขอสงวนลิขสิทธิ์ในตัวบทความทั้งหมด และห้ามนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในการค้า โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม

For educational purpose only

 

References

 

  1. Meinke et al. Skin Pharmacol Physiol. 2016;29(2):71-5. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/27027785
  2. Fölster-Holst et al. Clin Cosmet Investig Dermatol. 2015;8:539 -48. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/26604810
  3. Kumamoto et al. Arch Dermatol Res. 2016;308(1):49-54.https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/26498292
  4. https://www.cosmeticsdesign-europe.com/Article/2016/02/10/Shiseido-finds-pollen-can-damage-skin-barrier
  5. https://www.cosmeticsdesign-asia.com/Article/2015/05/14/Shiseido-sees-opportunity-in-Japan-s-pollen-concerns
  6. https://www.shiseido.co.jp/cms/onlineshop/ih/bn/asex/