Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing water สายคลีนของแบรนด์ Per Se กับ Ultra hydrating micellar cleansing water

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวสกินแคร์สายคลีนมาฝากกันนะคะ เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Per Se ซึ่งเป็นแบรนด์จากออสเตรเลีย จดทะเบียนทั้งในไทยและในออสเตรเลียค่ะ

คอนเซปท์ของแบรนด์ คือ Beauty in Simplicity ซึ่งทางแบรนด์มีความเชื่อว่า ส่วนผสมของเครื่องสำอางที่ดี ไม่จำเป็นต้องใช้หลายชนิด ภายใต้กรอบแนวคิด “When less is more”

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มี่ได้รับมาจะเป็น 2 ตัวนะคะ คือ Per Se Ultra hydrating micellar cleansing water กับ Per Se Glow & Protect Broad spectrum sunscreen มีหน้าตาเป็นดังภาพนะคะ

สำหรับวันนี้มี่เลือกตัว Per Se Ultra hydrating micellar cleansing water มารีวิวก่อนค่ะ

น้องจะมาในหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

ด้านในเป็นขวดแบบมีรูหยด ใช้ง่าย แค่เทลงสำลี

สำหรับเนื้อของ Cleansing water ตัวนี้จะออกมาในรูปแบบของสารละลายใส ไม่มีกลิ่น เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ให้สัมผัสค่อนข้างนุ่ม

สำหรับค่า pH จะอยู่ที่ ราวๆ 5 นะคะ ซึ่งแบรนด์เคลมว่าอยู่ในช่วงระหว่าง 4.8 – 5.2 ค่ะ

ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดก็เรียกได้ว่าพอใช้ได้เลยหละ ลองทดสอบกับ Eyeliner และ ลิปสติก โดยการหยด Cleansing ใส่สำลี แปะไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วลากออกเบาๆ ก็หลุดออกมาเกือบหมดแล้วค่ะ

สำหรับ Cleansing ตัวนี้ ทางแบรนด์เคลมว่า สามารถใช้เป็น One-step cleansing ได้ โดยไม่จำเป็นต้อง Double clean ต่อด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้า เพื่อลดการสัมผัสสารทำความสะอาดซึ่งจะไปรบกวนผิวโดยไม่จำเป็น

มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สำหรับส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้ 3 สีนะคะ

  1. สีม่วง เป็นกลุ่มของสารทำความสะอาด ในที่นี้ก็คือ PEG-6 capric/caprylic glycerides, Polyglyceryl-4 laurate/sebacate, Polyglyceryl-6 caprylate/caprate ซึ่งเป็นกลุ่มของสารทำความสะอาดที่อ่อนโยน และมีคุณสมบัติในการเคลือบผิว ให้ความชุ่มชื้น ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ไม่แห้งตึง
  2. สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารเพิ่มความชุ่มชื้นและเติมน้ำให้กับผิว
  3. สีชมพู เป็นสารบำรุงผิว ซึ่งมีตัวหลักอยู่ 2 ตัว คือ
  • สารสกัดจากส้มโอสีชมพู หรือ Citrus paradisi (Pink pomelo) fruit extract สารสกัดจากผลส้มโอนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า มีคุณสมบัติผลัดผิวอย่างอ่อนโยน ให้ความกระจ่างใส นอกจากนี้ในส้มโอยังประกอบด้วยสาร Flavonoid อย่าง hesperidin กับ naringin ซึ่งเป็น Antioxidant ที่ดี
  • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Whitening การลดการอักเสบระคายเคือง และช่วยให้ผิวแข็งแรง

ตัวผลิตภัณฑ์มาในเนื้อรูปแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่า เนื่องจากส่วนผสมมีไม่มากนักจึงขอให้คะแนนเป็น 2 หัวข้อ คือ ส่วนผสม กับ การใช้งานนะคะ

  1. ส่วนผสม เป็น Cleansing water ที่มีความอ่อนโยน และเสริมสารบำรุงที่มีประโยชน์ในการเติมน้ำให้กับผิว รวมไปถึงประโยชน์ด้าน Whitening ส่วนผสมอื่นๆ เลือกมาได้ค่อนข้างดี และไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบกับสัมผัสของ Cleansing water ที่ใช้ PEG-6 capric/caprylic glycerides อยู่แล้วนะคะ พอมาเจอกับตัวนี้ของ Per Se รู้สึกว่าเขาทำมาให้มีสัมผัสหลังใช้ หรือ Afterfeel ที่ค่อนข้างนุ่มผิว ไม่ได้รู้สึกแห้งตึง หรือ ระคายเคือง อีกจุดที่มี่ค่อนข้างชอบคือ การที่ทางแบรนด์สื่อสารกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมาด้วยความซื่อสัตย์ ว่า Cleansing water ตัวนี้อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตาได้ในบางคน เลยแนะนำให้หลีกเลี่ยง แต่จุดนี้ส่วนตัวไม่ได้แต่งตาเยอะมาก มีแค่ Eyeshadow เราก็จะหยด Cleansing ใส่สำลี และแปะไว้บนเปลือกตาเบาๆ ก่อนลากออก และใช้ คอตตอนบัดส์ เก็บรายละเอียด ส่วนตัวใช้ได้นะคะ จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Per Se ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/persethailand

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Per Se การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Empties] วิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing water จากแบรนด์ Clarista Tokyo ทั้ง 2 สูตร

สวัสดีค่ะ

วันนี้จะเป็นส่วนของ #EmptiesReview รีวิวของที่ใช้หมดแล้วนะคะ

ประเดิมตัวแรกด้วยการวิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing water จากแบรนด์ Clarista Tokyo สองสูตรนี้มี่ได้มาจาก Supermarket ของ Isetan ค่ะ ตอนที่มี่ได้มากำลังมีโปร 1 แถม 1 เลยจัดมาอย่างละชิ้นสวยๆ

หน้าตาเป็นประมาณนี้นะคะ

clarista

ส่วนผสมของทั้ง 2 สูตร ต่างกันไม่มากนักค่ะ โดยใช้สารทำความสะอาดตัวเดียวกันคือ PEG-6 caprylic/capric glycerides ซึ่งมีความอ่อนโยน และให้สัมผัสที่นุ่มสบายผิวนะคะ สำหรับส่วนผสมตัวนี้มี่เคยเขียนวิเคราะห์แบบละเอียดไว้ด้วยค่ะ สามารถรับชมได้ที่ลิงค์ด้านหลังนี้นะคะ >>Click<<

 

สำหรับด้านของ Feeling กับความสะอาด ส่วนตัวค่อนข้างชอบ และเคยใช้ลบเมคอัพรอบดวงตาได้ไม่แสบตาค่ะ ถ้าไม่เข้าตาแบบจังๆ

 

ในด้านของส่วนผสมเป็นตามภาพนี้นะคะ

สผส clarista

ภาพรวมคือ ทำมาได้อย่างเรียบง่าย แต่แอบดูดีนะคะ อย่างจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ การใส่ Buffer ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยควบคุมค่า pH ของตำรับให้คงที่ หรือ เปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด

โดยบัฟเฟอร์จะประกอบด้วย กรดอ่อน และ เกลือของมัน หรือ ด่างอ่อน และ เกลือของมัน

อย่างผลิตภัณฑ์นี้จะเป็น Citric acid กับ Sodium citrate นะคะ

 

ส่วนสารบำรุงที่เหมือนกันในทั้ง 2 สูตร คือ Sodium hyaluronate และสารบำรุงอีกตัวจะแตกต่างกันไปตามสูตรค่ะ

  • ถ้าเป็นสูตร White จะใช้เป็น Ascorbic acid หรือวิตามินซี นั่นเอง
  • ถ้าเป็นสูตร Sebum จะใช้เป็น สารสกัดจากชาเขียวค่ะ

 

สำหรับวันนี้คงต้องจากลากันไปเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing water จากประเทศโปแลนด์ กับ Elfa Pharm Green pharmacy micellar solution 3 in 1 Oat

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่นำเอา Cleansing water ตัวหนึ่งที่น่าสนใจ มาวิเคราะห์ส่วนผสมและรีวิวให้ได้ชมกันนะคะ

ส่วนตัวเคยเห็นแบรนด์แบรนด์นี้ในร้าน Watsons มาซักพักแล้ว แต่พึ่งมีโอกาสได้ลองใช้งาน เมื่อทางบริษัทที่นำเข้าสินค้าส่งมาให้มี่เมื่อหลายเดือนก่อน

พอใช้แล้วก็ติดใจ เลยเอามาเล่าสู่กันฟังต่อไปค่ะ

สำหรับ Cleansing water ตัวนี้มาจากบริษัท Elfa pharm ประเทศโปแลนด์ ในแบรนด์ Green pharmacy กับ micellar solution 3 in 1 สูตร Oat ค่ะ

สูตรนี้มีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

gp 5.JPG

 

ความสามารถในการทำความสะอาดก็ถือว่าโอเคเลยหละ

สามารถเช็ดทำความสะอาดลิปแมทท์ได้ ด้วยการวางแปะไว้ประมาณ 10 วินาที ในครั้งแรก และ Eyeliner กันน้ำ ในการเช็ดครั้งที่สองค่ะ

 

 

สำหรับค่า pH นั้นอยู่ที่ราวๆ 6 นะคะ

gp 6

 

มีส่วนผสมเป็นดังนี้

สผส green pharma

จากส่วนผสมวันนี้มีอยู่ 3 สีนะคะ

  • สีชมพู เป็นสารทำความสะอาดในผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 2 ตัว คือ Sodium cocoamphoacetate ซึ่งมีความอ่อนโยน ร่วมกับ Polysorbate 20 ที่เป็นสารทำความสะอาดชนิดไม่มีประจุ
  • สีม่วง สารชื่อยาวๆตัวนี้น่าสนใจค่ะ Maltooligosyl glycoside/Hydrogenated starch hydrolysate เป็นสารดัดแปลงมาจากแป้งธรรมชาติ ซึ่งทางผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า มีประโยชน์ในการลดการระคายเคืองที่เกิดขึ้นจากสารทำความสะอาดได้ และให้คุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น และรู้สึกสบายผิว

ตรงนี้จะเป็นผลการทดสอบของทางผู้ผลิตนะคะ

MG-60 2

(Image from Hayashibara Nagase Group)

ด้านบนจะเป็นผิวที่สัมผัสกับสารละลาย SLS (หรือ SDS คือตัวเดียวกัน) ความเข้มข้น 10% เราจะพบว่าผิวจะแดงและแห้ง สังเกตได้จากความเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นนะคะ ส่วนด้านล่างจะเป็นผิวที่สัมผัสกับ สารละลาย 10% SLS ที่มีวัตถุดิบ Maltooligosyl glycoside/Hydrogenated starch hydrolysate (MG-60) ในความเข้มข้น 20% สังเกตว่าผิวจะไม่ได้แดง แล้วก็ไม่ได้เหี่ยวย่นแบบด้านบนค่ะ

ถือว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ทั้งในด้านของความเป็นธรรมชาติ และความอ่อนโยน เป็นมิตรของนาง

 

  • สีฟ้า เป็นสารบำรุง ซึ่งทางแบรนด์เน้นมาในส่วนที่มีประโยชน์ในเชิงการลดการอักเสบระคายเคือง อย่างสารสกัดจากข้าวโอ้ต และ Panthenol ค่ะ

 

โดยรวมใน Cleansing water สูตรข้าวโอ๊ตของแบรนด์ Green pharmacy นี้ทำมาได้ค่อนข้างดี มีความอ่อนโยน และมีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ

 

วันนี้เนื่องจากส่วนผสมไม่เยอะมาก เลยขอให้คะแนนเป็น 2 หมวด คือ ส่วนผสม และการใช้งานนะคะ

  1. ส่วนผสม ในด้านของสารทำความสะอาด ถือว่าค่อนข้างอ่อนโยนกับผิว เสริมมาด้วยสารบำรุงที่เด่นไปในเชิงด้านการลดการอักเสบระคายเคือง พร้อมเสริมความชุ่มชื้นเป็นหลัก จุดนี้คิดว่า ถ้ามีสารบำรุงอื่นๆเสริมมาอีกซักหน่อย น่าจะสมบูรณ์แบบ สำหรับสารองค์ประกอบอื่นๆเรียกได้ว่าพัฒนาสูตรมาได้เป็นมิตรกับผิวและสิ่งแวดล้อมมากๆ ไม่มีทั้งซิลิโคน แอลกอฮอล์ และน้ำหอม ขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ชอบสัมผัสหลังใช้งานนะคะ มันจะไม่ได้แห้งตึงมากเหมือน Cleansing บางแบรนด์ที่เคยใช้ แต่มันจะออกนุ่มๆ เหมือนมีชั้นมอยส์เจอร์บางๆเคลือบปกป้องผิวอยู่ แต่ถึงแม้เขาจะแนะนำว่าสามารถ Leave-on ได้ เราก็ควรไปล้างน้ำซ้ำอีกรอบถ้าทำได้นะคะ จุดนี้ขอให้คะแนนความชอบส่วนตัวอยู่ที่ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน gp

สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณทางบริษัทด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่มีโอกาสได้รู้จักและเปิดหูเปิดตาได้เจอส่วนผสมใหม่ๆ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับสถานที่วางจำหน่าย น้องมีวางจำหน่ายที่ Tops และ Gourmet market และ Allaboutyou ด้วยนะคะ 🙂

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

#ของเล่นใหม่บ้านมียอน รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing water เกาหลี จากแบรนด์ Faith in Face Truly กับ watery cleansing water

ขึ้นชื่อว่าบ้านมียอน งานโอปป้าต้องมาค่ะ

ไปเดินเล่น Watsons มา บังเอิญไปเจอ Cleansing water ของแบรนด์ Faith in Face เจ้าเก่าที่เคยใช้ นางปรับแพคเกจโฉมใหม่ กำลังจัดโปรโมชั่นแลกซื้อในราคาลด 50% ขวดตั้ง 500 ml เหลือราคาไม่ถึงสองร้อย ลองใช้ได้ซักพักก็แบบว่า เอ้อ ของเค้าดีจริงๆสมคำร่ำลือ วันนี้เลยเอามารีวิวจัดเต็มซะหน่อย

แบรนด์ faith in face หรือขอย่อว่า FiF นะคะ แบรนด์นี้เป็นแบรนด์เกาหลีที่ดังมาจากผลิตภัณฑ์มาสค์หน้าหลายๆสูตรค่ะ

 

โฉมหน้าของ Truly watery cleansing water จาก FiF แพคเกจใหม่เป็นแบบนี้ค่ะ

fif 3

ในตัวแพคเกจใหม่นี้นางปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 500 ml ค่ะ มาในโทนสีชมพูเหมือนเดิม

 

ตัวน้ำยาเป็นน้ำยาแบบใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

ทางแบรนด์ Claim ว่า ได้ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง และทดสอบการแพ้และการระคายเคืองแล้วว่าทำให้เกิดการแพ้และการระคายเคืองได้ต่ำ (Hypoallergenic) ค่ะ

 

ลองใช้งานกันเลยดีกว่า เริ่มจากการป้ายรองพื้น อายไลน์เนอร์ มาสคาร่า และลิปสติกลงบนแขนก่อน

fif 5

จากนั้นก็หยดน้ำยาใส่สำลี

ความประทับใจแรกเมื่อแกะขวดจะใช้คือ อ้าว ทำไมน้ำยาไม่ไหลออกมา ลองส่องดู อ๋อ เขามี Seal เพื่อความสะอาดและความปลอดภัยไว้อีกชั้นด้านในด้วย น้อยเคสนักนะคะที่จะเห็น cleansing water ซีลปิดขวดแบบนี้

fif 4

หยดน้ำยาลงบนสำลีให้พอชุ่ม

fif 6

ลากผ่านบริเวณที่ลงผลิตภัณฑ์ไว้ก่อนหน้า 2 ครั้ง

fif 7

ออกดีใช้ได้เลยนะคะนี่ เอารองพื้นออกมาได้หมดเลย ส่วนลิป กับ มาสคาร่าและอายไลน์เนอร์จะเหลืออยู่นิดหน่อย

เทน้ำยาลงบนสำลีให้พอชุ่ม และโปะลงไปบนผิวประมาณ 10 วินาที

fif 8

ก่อนลากออกอีกรอบค่ะ

fif 9

ใช้ได้เลยทีเดียว หมดเกลี้ยง ไร้ที่ติ

ลองใช้งานจริงก็จะได้ผลลัพธ์ตามภาพค่ะ

fif 10

ชุบสำลีด้วยน้ำยาให้พอชุ่ม แปะที่เปลือกตาไว้ 10 วินาทีแล้วลากออก พวกอายแชโดว์จะออกจนหมดจด พร้อมกับมาสคาร่าบางส่วนค่ะ ส่วนที่เหลือเราจะใช้คอตตอนบัดช่วยอีกครั้ง

ส่วนพวก Base makeup นี่ สามารถเก็บออกได้ดีเลยค่ะ

ส่วนตัวมี่จะเช็ดหน้าแค่ครั้งเดียวและไปล้างต่อนะคะ ไม่ได้เช็ดวนไปจนสำลีไม่ติดสี

 

สำหรับค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 ค่ะ ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

fif 11

มาถึงช่วงของการวิเคราะห์ส่วนผสมแล้วค่ะ

ส่วนผสม:

ส่วนผสม fif

วันนี้เรามารีวิวกันแบบละเอียด แจงจัดหนักทุกส่วนผสมเลยนะคะ

ถ้าเราพิจารณากันจะพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ

  1. Actives คือ สารบำรุง เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี รวมไปถึงมีประโยชน์ทางชีวภาพ
  2. Base คือ เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle
  3. Additive คือ สารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ และมีความปลอดภัย

 

แต่เพราะเป็น Cleansing water เลยจะขอโยกเอาสารทำความสะอาดมาเป็นพระเอกในวันนี้นะคะ

ส่วนของสารทำความสะอาด มี่แทนด้วยสีชมพูค่ะ มีด้วยกัน 3 ตัว ได้แก่ PEG-6 caprylic/capric triglycerides, PEG-7 glyceryl cocoate, Polyglyceryl-10 laurate ซึ่งทุกตัวเป็นชนิดที่ไม่มีประจุ มีความอ่อนโยน

  • ขอกล่าวถึงตัว PEG-6 caprylic/capric triglycerides ซักหน่อยนะคะ สารทำความสะอาดตัวนี้เหมือนเป็นสารทำความสะอาดในดวงใจของมี่เลยค่ะ มี่เคยยกมานำเล่าให้ฟังถึงคุณสมบัติเด่นของเขา (ตามลิงค์นี้ค่ะ https://cosmeknowledge.wordpress.com/2018/02/25/ingredients-peg6cct/) โดยสรุป สารนี้ตัวผู้ผลิตวัตถุดิบเรียกว่าเป็น Hydrophilic emollient หมายถึง สารกลุ่มไขมันที่ทำให้ผิวนุ่มชนิดละลายน้ำ มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวนุ่ม แต่ถ้าพิจารณาตามโครงสร้าง นางก็อาจจะถูกจัดเป็นสารทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยนสูง และมีข้อมูลความปลอดภัยที่ค่อนข้างดี รวมถึงมีการใช้ในผลิตภัณฑ์ Skincare แบบ Leave-on ดังนั้นจึงน่าจะ Leave-on ทิ้งไว้บนผิวโดยไม่ต้องไปล้างออกได้

 

  1. กลุ่มของสารบำรุง วันนี้มี่ทำไว้หลายเฉดสีเลยค่ะ เรามาดูกันทีละสีเลยนะคะ
    • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารสกัดจากผลมะนาวเหลือง (Lemon) มะนาวเขียว (Lime) และ แอปเปิ้ล ค่ะ ซึ่งสารสกัดจากผลเหล่านี้ จะประกอบด้วยวิตามินหลายชนิด ซึ่งมีประโยชน์เป็น Antioxidant และบำรุงผิวในด้านอื่นๆ และในผลยังมีส่วนผสมของ AHA ตามธรรมชาติ ซึ่งมีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
    • สีม่วง เป็นกลุ่มของสารสกัดจากดอกไม้ และน้ำดอกไม้ทั้งหมด 8 ชนิด ได้แก่
      • สารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีหลายชนิด เช่น Rosmarinic acid, Luteolin and Apigenin มีประโยชน์เป็น Antioxidant เป็นสารลดการอักเสบ และเป็น Whitening ได้ด้วย รวมถึงน้ำจากดอกลาเวนเดอร์ยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อได้
      • สารสกัดจากดอกบัว ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าประกอบด้วยสารในกลุ่ม Flavonoids มีประโยชน์ในการเป็น Antioxidant และลดการอักเสบระคายเคือง มีรายงานการวิจัยกล่าวว่าสารสกัดจากดอกบัว สามารถยับยั้งเอนไซม์ DOPA-oxidase ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสังเคราะห์เมลานินของผิว ยับยั้งเอนไซม์ Elastase ที่ไปย่อยสลายอิลาสตินในผิว และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง (Kor J Chem En. 2011;28(2):424-427)
      • สารสกัดจากดอก Tiger lily ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว
      • สารสกัดจากกล้วยไม้ Cymbidium glandiflorum ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าเป็น Moisturizer ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
      • น้ำกุหลาบ (Rosa damascena flower water) มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น
      • น้ำดอกคาโมมายล์ (Chamomila recutita flower water) มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
      • น้ำดอก Immortelle (Helichrysum italicum) เป็นพืชในวงศ์เดียวกับดาวเรือง มีงานวิจัยกล่าวถึงคุณสมบัติในการต่อต้านการแพ้ การอักเสบ และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางจำพวก (Int J Antimicrob Agents. 2001; 17(6):517-20.)
      • น้ำดอก Calendula ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคืองของผิว
  • กลุ่มสีน้ำเงิน เป็นสารบำรุงอื่นๆ ได้แก่
    • สารสกัดจากใบชา มีรายงานวิจัยอยู่ค่อนข้างมาก เช่น เป็น antioxidant เป็น Moisturizer ลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว (Dermatol Ther. 2013;26(3):267-71.) และยังมีรายงานถึงคุณสมบัติในการสมานแผล (Evid Based Complement Alternat Med. 2013;2013:386734.)
    • สารสกัดจากใบ Peppermint ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าสารสกัดจากใบ Peppermint มีประโยชน์ในการลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว เป็น Antioxidant และให้ความรู้สึกเย็นแก่ผิว ซึ่งจะทำให้รู้สึกสบายผิวและลดอาการคัน
    • สารสกัดจากใบ Lingon berry (Vaccinium citis-Idaea leaf extract) มีรายงานว่าเป็น Antioxidant (Antioxidants 2016;5(17). doi:10.3390/antiox5020017)
    • Colostrum ส่วนของน้ำนมสีเหลืองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งประกอบด้วยวิตามิน และ Growth factors หลายชนิด ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ชะลอวัย ลดริ้วรอย
  1. ส่วนของเนื้อหลักผลิตภัณฑ์ มาในรูปแบบน้ำ ประกอบด้วยน้ำ และสารดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่าง Propanediol และ Butylene glycol ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์และซิลิโคน
  2. ส่วนของสารปรุงแต่งอื่นๆ หรือ Additives
    • Buffer ทำหน้าที่ควบคุมค่า pH ของผลิตภัณฑ์ให้คงที่ ในที่นี้คือ Citric acid และ Sodium citrate
    • สารกันเสีย ได้แก่ Phenoxyethanol
    • สารจับโลหะ ได้แก่ Disodium EDTA มีคุณสมบัติช่วยจับโลหะเพื่อเพิ่มความคงตัวของตำรับ และเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย

 

สรุป ในภาพรวม Truly watery cleanser มาในเบสที่เป็นแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์ และซิลิโคน ใช้สารทำความสะอาดชนิดไม่มีประจุ มีความอ่อนโยนสูง บางที่อาจเรียกเป็น Hydrophilic emollient  เสริมสารบำรุงมาหลายชนิด เป็นกลุ่มของดอกไม้ ผลไม้ และสารบำรุงอื่นๆ เน้นไปที่ด้านการลดการอักเสบระคายเคือง ช่วยให้รู้สึกสบายผิว เสริมมาด้วยด้านการเป็น Antioxidant เพิ่มความชุ่มชื้น Whitening และอาจจะได้เรื่องริ้วรอยนิดหน่อย

โดยรวมถือว่าเป็น Cleansing water ที่น่าสนใจดีค่ะ

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

  1. สารทำความสะอาด ใช้ PEG-6 caprylic/capric glycerides เป็นสารทำความสะอาดหลัก มีความอ่อนโยนสูง เสริมมาด้วยสารทำความสะอาดอีก 2 ชนิด ได้แก่ PEG-7 glyceryl cocoate, Polyglyceryl-10 laurate ซึ่งทั้งหมดเป็นชนิดที่ไม่มีประจุ และมีความอ่อนโยนต่อผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. สารส่วนผสมอื่นๆ ในด้านของสารบำรุง เน้นไปที่สารบำรุงที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบและระคายเคือง พร้อมให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) เป็นหลัก เสริมประโยชน์ด้านอื่นๆ เป็น Antioxidant เพิ่มความชุ่มชื้น Whitening ตามๆกันมา ตัวเบส นางมาในเบสของน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์ และซิลิโคน ส่วนประกอบอื่นๆมีเท่าที่จำเป็น คือมีแค่ Buffer และสารกันเสีย ตัวนี้อารมณ์ 2 in 1 เป็นได้ทั้ง Cleanser ทำความสะอาด และ Toner เตรียมผิว ถือว่าทำมาได้ดีนะคะ ไม่มีที่หักคะแนนให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบ Cleansing water ที่ใช้ PEG-6 caprylic/capric glycerides เป็นสารทำความสะอาดหลัก อยู่แล้ว พอมาเจอตัวนี้เข้าไป ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี ทั้งในแง่ของความรู้สึกตอนใช้งาน และ Afterfeel หลังใช้งาน เจ้า Cleansing water ตัวนี้จะค่อนข้างนุ่มผิว ไม่แห้งตึง ไม่เป็นเมือก และไม่เหนียวเหนอะหนะ ด้านของความสามารถในการทำความสะอาดถือว่าทำมาได้ดีค่ะ ค่อนข้างประทับใจ รับไปเลย 5 ฟลาสก์

 

คะแนน fif

สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปแค่นี้ และสุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Ingredient review] ทำความรู้จักและไขความลับของ PEG-6 caprylic/capric glycerides 1 ใน สารทำความสะอาดยอดฮิตใน Cleansing water

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่จะมาเล่ารายละเอียดของสารทำความสะอาดยอดฮิต ที่เรามักจะพบในสูตร Cleansing water ให้ได้ฟังกันนะคะ

ถ้าเราพูดถึง Cleansing water เราก็จะนึกถึงน้ำใสๆ ที่เอาไว้เช็ดเครื่องสำอาง เช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่างๆออกจากผิวหน้า

พระเอกของ Cleansing water ก็คือ Surfactant ค่ะ ซึ่ง Surfactant ที่เรามักพบใน Cleansing water ในท้องตลาด จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

  1. กลุ่มของ Poloxamer เช่น Polxamer 124 และ 184
  2. กลุ่มของ PEGylated fatty compounds เช่น PEG-6 caprylic/capric glycerides, PEG-7 glyceryl cocoate, PEG-40 hydrogenated castor oil
  3. กลุ่มของ Tween, Span ซึ่งดัดแปลงโครงสร้างมาจากน้ำตาล เช่น Polysorbate 20

ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบ Cleansing water ที่มี PEG-6 caprylic/capric glycerides เป็นส่วนผสมหลัก เพราะเนื่องจากสัมผัส ทั้งในด้าน Texture และ Feeling จะค่อนข้างเด่นค่ะ

และหลังๆมาเริ่มเห็น Cleansing water หลายเจ้า เคลมว่า สูตรที่ใช้ PEG-6 caprylic/capric glycerides นี่สามารถ Leave on บนผิวได้โดยไม่ต้องล้างออก ก็เลยลองไปหาข้อมูลดูค่ะ

ขอกล่าว Basic ของพวก Cleanser นิดหน่อยนะคะ

ในพวกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหล่านี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า Surfactant อยู่ เป็นตัวการในการดึงเอาสิ่งสกปรกออกมาจากผิว แต่ในทางปฏิบัติ สารเหล่านี้แยกไม่ออกหรอก ว่าอะไรคือสิ่งสกปรก อะไรคือไขมันดีๆในผิว มันดึงออกมาหมด การล้างหน้าจึงเป็นเหมือนการดึงเอาสิ่งดีๆในผิวออกมาทีละนิดทีละหน่อย เราเลยต้องรีบทดแทนโดยการเติมสารบำรุงทดแทนคืนให้ผิว เพื่อไม่ให้ผิวเสียสมดุลค่ะ

การที่เราทิ้ง Surfactant ให้สัมผัสกับผิวนานๆ นางก็จะดูดซึมลงไปในผิวได้ และอาจทำให้ Barrier ผิวเราเสีย หรืออาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

ทีนี้กลับมาที่ PEG-6 caprylic/capric glycerides ค่ะ

1 ในบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบ Surfactant รายใหญ่ของโลก มีชื่อว่า Croda ค่ะ โดยเจ้าบริษัท Croda นี้เค้าก็ทำ PEG-6 caprylic/capric glycerides ออกมา ในชื่อทางการค้าว่า Glycerox 767HC นะคะ

ตรงนี้จะเป็นภาพที่นำมาจากเวบไซต์ของ Croda ค่ะ

glycerox.jpg

(Image from: Croda personal care)

จากตรงนี้จะเห็นว่าทางผู้ผลิตอธิบายไว้วา PEG-6 caprylic/capric glycerides จัดเป็น Hydrophilic emollient ที่ทำหน้าที่เป็นสารที่เรียกว่า Superfatting agent ในสูตรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวค่ะ

และสามารถใช้สารนี้เป็น emulsifier (ตัวเชื่อมผสานน้ำกับน้ำมันให้เข้ากันเป็นเนือครีม) ในสูตร Skincare ได้อีก

ซึ่งถ้าพิจารณาตามสูตรโครงสร้าง

structure glycerox.jpg

(Image from: CIR)

จะเห็นว่าสารนี้เป็น Surfactant ชนิดที่ไม่มีประจุ  หรือ non-ionic ซึ่งปกติสารกลุ่มนี้มีความอ่อนโยนกับผิว

 

มี่ลองหาข้อมูลที่เป็นกลางจาก CIR หรือ Cosmetic ingredients review ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่รวบรวมข้อมูลความปลอดภัยของวัตถุดิบเครื่องสำอางต่างๆ ไปได้ข้อมูลมาว่า สารในกลุ่ม PEGylated alkyl glycerides จะมีค่าความปลอดภัยที่ค่อนข้างดีค่ะ มีการทดสอบการระคายเคืองบนผิวหนังของหนู แต่เป็น PEG-8 caprylic/capric glycerides ซึ่งมี่คิดว่าเอาผลมาใช้ประมาณการของ PEG-6 caprylic/capric glycerides ในสูตรได้อยู่ค่ะ ผลคือ การทดสอบตำรับที่มีส่วนผสมของ  PEG-8 caprylic/capric glycerides ในความเข้มข้น 35% ร่วมกับสารอื่นๆ ไม่มีผลทำให้เกิดการระคายเคือง จึงสรุปว่าเป็น “low potential for skin irritancy” หมายถึง มีศักยภาพต่ำในการทำให้เกิดการระคายเคือง

(Reference: Cosmetic Ingredient Review. Safety Assessment of PEGylated Alkyl Glycerides as Used in Cosmetics 2014.

 

โดยสรุปจากข้อมูลที่ได้มา สารนี้ น่าจะสามารถ Leave-on บนผิวหนังโดยไม่ต้องไปล้างออกได้ แต่ส่วนตัวมี่คิดว่า ถ้าไม่จำเป็น ก็ไปล้างออกดีกว่า จะได้รวดเก็บเอาเมคอัพและสิ่งสกปรกตกค้างออกไปจากผิวด้วย

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing water สูตรสำหรับผิวบอบบาง Nu Formula Mineral cleansing water สูตร Mineral micellar

สวัสดีค่ะ

มี่มักจะพูดเสมอว่า ขั้นตอนการทำความสะอาดใบหน้าหน้าสำคัญที่สุดของการดูแลผิวเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีค่ะ ถ้าเราทำความสะอาดเพียงพอ ผิวเราก็จะทำงานได้โดยไม่มีอะไรไปรบกวน ทำให้สุขภาพผิวค่อยๆฟื้นฟูขึ้นด้วยตนเองตามธรรมชาติ

ทีนี้การทำความสะอาดผิว สำหรับคนที่แต่งหน้า หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่กันน้ำกันเหงื่อแน่นๆ ก็ควรจะทำความสะอาดแบบ 2 ขั้นตอน คือ ทำความสะอาดแบบแห้ง โดยการเช็ดด้วย Cleansing water หรือ oil หรือ milk ตามชอบก่อน แล้วค่อยไปทำความสะอาดแบบเปียก คือ ไปล้างด้วยโฟม หรือเจลล้างหน้ากับน้ำอีกครั้งหนึ่ง

ในพวกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหล่านี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า Surfactant อยู่ เป็นตัวการในการดึงเอาสิ่งสกปรกออกมาจากผิว แต่ในทางปฏิบัติ สารเหล่านี้แยกไม่ออกหรอก ว่าอะไรคือสิ่งสกปรก อะไรคือไขมันดีๆในผิว มันดึงออกมาหมด การล้างหน้าจึงเป็นเหมือนการดึงเอาสิ่งดีๆในผิวออกมาทีละนิดทีละหน่อย เราเลยต้องรีบทดแทนโดยการเติมสารบำรุงทดแทนคืนให้ผิว เพื่อไม่ให้ผิวเสียสมดุลค่ะ

เกริ่นมาซะยืดยาว วันนี้มี่อยากหยิบเอา Cleansing water ยี่ห้อหนึ่ง ที่เราเห็นกันมาพักใหญ่ๆแล้ว แต่บางคนอาจจะมองข้ามมันไป ซึ่งจริงๆของเขาก็ทำมาดีนะ ราคาก็ไม่ได้แรงมาก ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว

เป็นผลิตภัณฑ์ Cleansing water จากแบรนด์ NU formula นั่นเองค่ะ

ซึ่งแบรนด์ Nu formula ก็คือ NU + FORMULA = นวัตกรรมใหม่ในการบำรุงผิว ที่ออกแบบมาเพื่อผิวคุณ

ทางแบรนด์ Claim ว่า Nu Formula ถูกวิจัยและพัฒนาโดย Skin Laboratory Academy นานกว่า 3 ปี จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ที่ช่วยล้างเครื่องสำอาง และกำจัดสิ่งสกปรกได้หมดจด และอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิวแม้ผิวแพ้ง่าย

คลีนซิ่งตัวนี้มีชื่อเต็มๆว่า Nu formula Mineral cleansing water

nu 1.JPG

มาในขวดแบบมีจุกเปิดปิด เวลาใช้ก็ให้เท(หยด)ใส่สำลีให้พอชุ่ม แล้วเช็ดเบาๆบนหน้าค่ะ

เอาจริงๆนะ Cleansing นี้ มาในขวดแบบเทเองนี่ฟินสุดแล้วหละ กะได้ง่ายดีตามใจฉัน อยากเทเท่าไหร่ก็เท

 

เนื้อ Cleansing water เป็นแบบน้ำใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เช็ดแล้วให้สัมผัสที่ค่อนข้างสดชื่น บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะและหนักผิว

ในด้านของการทำความสะอาด ลองกับแขนก่อน ทดลองลบ คอนซีลเลอร์ รองพื้น อายไลน์เนอร์กันน้ำ ลิปสติกเนื้อแมทท์ และมาสคาร่ากันน้ำ

clean 2

ลากผ่านคอนซีลเลอร์และรองพื้น ออกหมดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งถ้าลองดูจะเห็นว่าตัว Cleansing water ละลายเอาเบสเมคอัพติดออกมากับสำลีได้ค่อนข้างหมด ซึ่งถือว่าดูดีกว่า Cleansing ในกลุ่มที่พัฒนามาสำหรับผิวแพ้ง่ายค่ะ

clean 3

เอาสำลีชุบ NU formula แล้วโปะไว้ประมาณ 10 วิ ก่อนลากออก ตัวลิปแมทท์ และมาสคาร่าจะออกบางส่วน แต่อายไลน์เนอร์ยังจะติดอยู่ ต้องเช็ดอีกรอบค่ะ

clean 4

ตอนใช้จริง ก็ถือว่าค่อนข้างสะอาดปลื้มปริ่มอยู่ ใช้ครั้งเดียวจบ สำหรับคนแต่งหน้าไม่เยอะ ถือว่าทำมาได้ดีค่ะ สำหรับสูตร Oil-free และส่วนตัวมี่ใช้เช็ดอายแชโดว์ มาสคาร่าได้ ไม่รู้สึกแสบค่ะ เรียกได้ว่า 3 แผ่น เก็บได้เรียบสะอาดหมดจด ไม่ต้องคิดมาก

clean 5.jpg

ทางแบรนด์ยังมีการเคลมเรื่องของเทคโนโลยี “Mineral micellar plus+” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับนาโนที่ช่วยละลายเมคอัพให้อ่อนตัวหลุดออกง่าย ก่อนจะดึงคราบออกมาโดยไม่ต้องใช้สารทำความสะอาดที่รุนแรง

ซึ่งการละลายเมคอัพตรงนี้ ก็ถือเป็นการช่วยสลายคราบสกปรกที่ติดแน่นกับผิว เมื่อเอาออกได้ ก็ถือเป็นการช่วยลดการอุดตันให้ผิวได้ทางหนึ่ง

 

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้เนอะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สผส nu formula

จากส่วนผสมวันนี้ มี่ทำแถบสีไว้ 3 สีค่ะ

  • สีฟ้า เป็นสารทำความสะอาด ในที่นี้คือ PEG-6 caprylic/capric triglycerides ซึ่งเป็นสารทำความสะอาดชนิดที่ไม่มีประจุ non-ionic มีความอ่อนโยน บางที่เรียกว่า เป็น Hydrophilic emollient หมายถึง emollient ที่ชอบน้ำ ช่วยเสริมไขมันดีคืนให้ผิว ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น

จุดเด่นอีกอย่างคือสารนี้ให้สัมผัสที่ค่อนข้างดี บางเบา ไม่เหนอะหนะและหนักผิวค่ะ สารนี้ปกติจะมีราคาค่อนข้างสูงค่ะ

 

  • สีเขียว คือ น้ำแร่ ซึ่งประกอบด้วยแร่ธาตุหลายชนิดที่ช่วยบำรุงผิว และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แร่ธาตุแต่ละชนิดก็จะบำรุงผิวได้แตกต่างกันไป ตรงนี้ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดนะคะ
  • สีม่วง เป็นบรรดาสารบำรุงต่างๆ แบ่งเป็นกลุ่มๆ ได้แก่
    • กลุ่มของสารสกัดจากพืชและวิตามินที่มีคุณสมบัติลดการระคายเคืองและให้ความรู้สึกสบายผิว ได้แก่ Panthenol คือ โปรวิตามินบี 5 น้ำกุหลาบ (Rose water) และสารสกัดจากคาโมมายล์
    • สารสกัดเพื่อความเป็น Whitening ได้แก่ สารสกัดจาก Garden cress (Lepidium sativum extract) ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบบอกว่า มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ และลดเลือนริ้วรอยได้ สามารถยับยั้งการทำงานของฮอร์โมน Melanocyte stimulating hormone (MSH) ที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ที่มีหน้าที่สร้างเมลานินทำงานได้ดีขึ้น เมื่อไปยับยั้ง MSH ก็จะทำให้เซลล์เมลาโนไซต์ทำงานได้ลดลง ผิวจึงขาวขึ้น
    • Antioxidant ได้แก่ สารสกัดจาก Bilberry มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและเป็น Whitening ได้อีกทาง โดยไปขัดขวางอนุมูลอิสระ ไม่ให้ไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิว
    • Natural AHA จาก Sugar maple (Acer saccharum extract) ที่ค่า pH นี้จะมีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

สรุป นอกจากจะเช็ดเพื่อทำความสะอาดแล้ว ผิวเราก็ยังจะได้รับการบำรุงจากน้ำแร่ และสารบำรุงอื่นๆ ซึ่งมีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ความรู้สึกสบายผิว ลดการระคายเคือง และ Whitening

จากประสบการณ์ที่เคยใช้ Cleansing water มา ถ้าลองเทียบประสิทธิภาพในการทำความสะอาด และ Feeling กับ Cleansing water ชิ้นอื่นๆที่ใช้ PEG-6 caprylic/capric triglycerides เป็นสารทำความสะอาดหลักเหมือนกัน อย่างเช่น ยี่ห้อ P และ B ถือว่าตัวนี้ทำมาได้ดี และค่อนข้างโดดเด่น ในด้านของสารบำรุง ซึ่งครอบคลุมไปถึงด้าน Whitening ในขณะที่บางแบรนด์จะเด่นไปทางเพิ่มความชุ่มชื้น หรือ ลดการอักเสบระคายเคือง มากกว่าค่ะ

จุดเด่นจะอยู่ที่เรื่องของ Feeling หลังใช้ด้วยค่ะ ที่จะค่อนข้างนุ่มนวล ไม่ลื่น ไม่เป็นเมือก ไม่แห้งตึง แบบที่เค้าเคลมบนฉลากเลยว่า Extra fresh and clean

ในส่วนของเบสและสารปรุงแต่ง ทำมาได้ค่อนข้างดี และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ วันนี้ขอแบ่งเป็น 3 หัวข้อ คือ สารทำความสะอาดและสารบำรุงผิว ส่วนผสมอื่นๆ และการใช้งาน

  1. สารทำความสะอาดและสารบำรุงผิว ใช้ PEG-6 caprylic/capric triglycerides ซึ่งมีความอ่อนโยน และมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นและให้ผิวนุ่ม เสริมมาด้วยน้ำแร่ วิตามินบี 5 และสารสกัดจากพืชอื่นๆ ซึ่งมีประโยชน์รวมในด้านการเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ความรู้สึกสบายผิว และอาจจะได้ประโยชน์ยาวไปถึงด้าน Whitening จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ ซิลิโคน และสารอื่นๆที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ในด้านของการทำความสะอาด ตัวนี้สามารถเก็บ Base makeup ได้หมดในการเช็ดครั้งเดียว แต่ส่วนของพวกอายไลน์เนอร์ และมาสคาร่ากันน้ำ อาจจะต้องโปะทิ้งไว้แป๊บนึง แล้วค่อยใช้คอตตอนบัดช่วยเช็ดอีกครั้ง ในด้านของสัมผัส ถือว่าทำมาได้ดี หลังเช็ดผิวนุ่ม ไม่ลื่น ไม่เป็นเมือก ไม่แห้งตึง ส่วนด้านการ Leave-on ส่วนตัวมี่มีวันหนึ่งที่ค่อนข้างรีบลบหน้าเสร็จแล้วต้องรีบเข้านอนเพราะหนาวมาก และอีกวันต้องตื่นเช้าเลยไม่ได้ล้างหน้าซ้ำ ทิ้งไว้ทั้งคืน ก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติในด้านการระคายเคือง แสบผิว หรือหนักผิวอะไรค่ะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

 

คะแนน nu

สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปเท่านี้ค่ะ และขอขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Sherdy white 3 in 1 facial cleansing water คลีนซิ่งดีๆฝีมือคนไทย

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Sherdy white 3 in 1 facial cleansing water คลีนซิ่งดีๆฝีมือคนไทย

สวัสดีค่ะ วันนี้มี่เอารีวิว Cleansing water ที่น่าสนใจมาฝากกัน ที่ว่าน่าสนใจนั่นก็เพราะว่า นางไม่ใช่ Cleansing water ธรรมดา แต่เป็น Cleansing water ที่เป็นแบบ 3 in 1 เลยทีเดียวค่ะ

 

Cleansing ที่ว่า มาจากแบรนด์ Sherdy กับเจ้า Sherdy white 3 in 1 facial cleansing water นั่นเองค่ะ

sherdy 1

 

ตัวนี้จะมาแบบน้ำใสๆ เหลวๆ เวลาจะใช้ก็ให้เอาน้ำมาพรมใส่หน้าให้พอชุ่ม ก่อนเอา Cleansing water ลงไปนวด แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ หรือจะนวดในขณะหน้าแห้ง แล้วค่อยไปล้างน้ำก็ได้ค่ะ

sherdy 2

เวลาล้างน้ำจะไม่ค่อยมีฟองนะคะ สัมผัสระหว่างล้างจะค่อนข้างนุ่ม มีกลิ่นหอมจางๆ และหลังล้างออกผิวไม่แห้งตึงค่ะ จะชุ่มๆ นุ่มๆ ไม่เหมือนล้างโฟมบางยี่ห้อ

sherdy 3

วัด pH ของฟองค่ะ

sherdy 4

ฟองมีค่า pH อยู่ที่ 6 นะคะ ถือว่าเป็นกรดอ่อนๆ คล้ายกับสภาพผิวของเรา ไม่เหมือน Cleansing ที่มีองค์ประกอบของสารกลุ่ม Soap (แปลว่าสบู่ แต่ไม่ได้หมายถึงสบู่แบบสบู่ก้อน หมายถึงสารทำความสะอาดที่ได้จากไขมันกับด่างมาทำปฏิกิริยากันค่ะ) ซึ่งจะค่อนข้างเป็นด่าง ส่งผลเสียต่อโปรตีนบนผิวเรา เพราะจะทำให้โปรตีนบนผิวเราพองและบวมตัว เสื่อมสภาพชั่วคราวค่ะ

 

 

มาลองล้างเมคอัพกันดูนะคะ

 

เริ่มจากการปาดเมคอัพต่างๆลงไป ตามด้วยการเท Sherdy ลงไป นวดวนเบาๆ แล้วไปล้างด้วยน้ำสะอาดค่ะ

 

This slideshow requires JavaScript.

 

ในส่วนของแป้งผสมรองพื้น มาสคาร่า และลิปสติกนั้นหมดเกลี้ยงเลยค่ะ สัมผัสที่ได้ค่อนข้างนุ่ม ไม่แห้งตึง แต่อายไลน์เนอร์นั้นยังคงเหลืออยู่นะคะ แต่ส่วนตัวมี่คิดว่า ถ้าจะล้างรอบดวงตา แนะนำให้ใช้พวก oil ดีกว่าค่ะ

 

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้

 

Sherdy มีส่วนผสมดังนี้นะคะ

 

สผส sherdy

 

มี่ได้ทำสีส่วนผสมไว้ให้แล้วนะคะ สีม่วงเป็นส่วนของสารทำความสะอาด และสีฟ้าเป็นสารบำรุงผิวค่ะ

 

เริ่มกันที่สารทำความสะอาด ตัวหลักจะเป็น Sodium coco-sulfate ซึ่งได้จากการดัดแปลงน้ำมันมะพร้าว ทำให้มีความธรรมชาติ ตามมาด้วยตัวเสริมอย่าง PEG-6 caprylic/capric triglyceride ซึ่งทำความสะอาดเมคอัพและสิ่งสกปรกบนผิวได้ดี ให้สัมผัสที่นุ่มนวล Cocamidopropyl betaine ที่มีความอ่อนโยน และ Lauryl glucoside ที่มีความอ่อนโยนเช่นกัน ส่วน PEG-40 hydrogenated castor oil ลำดับมาท้ายหน่อย น่าจะช่วยให้เกิดความใสเฉยๆ

 

สารบำรุงผิวก็จะมี

  • Maris aqua คือ น้ำทะเล มีผลลดการอักเสบในผิว เสริมฤทธิ์กับ Panthenol ได้ดี
  • Alpha-glucan oligosaccharides สารเป็นโมเลกุลของน้ำตาลขนาดเล็ก เป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่ดี (เรียกว่า Normal flora) บนผิวหนัง ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่า สารนี้มีผลช่วยให้ผิวหนังมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ป้องกันการเจริญของเชื้อก่อโรคสิว และโรคผิวหนังต่างๆ พร้อมกับคุณสมบัติของสารกลุ่มน้ำตาลจะช่วยดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ไปในตัว
  • Witch hazel ให้ผลควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และเป็น Antioxidant ได้เล็กน้อย
  • Allantoin ลดอักเสบ ลดการระคายเคือง ป้องกันการแพ้
  • Panthenol ลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้น
  • Thymus serpillum extract สารสกัดจากสมุนไพร Thyme ชนิดหนึ่ง มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการเป็น Antioxidant ที่ดี มีชื่อทางการค้าว่า CinderellaCare ของบริษัท Ichimaru pharcos ที่ญี่ปุ่น กล่าวว่าสารสกัดนี้ ให้ผลยับยั้งโปรตีน Kinesin ที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมาข้างนอก ผิวจึงค่อยขาวขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ทางบริษัทค้นพบว่าระหว่างเรานอนจะมีช่วงหนึ่งที่ผิวฟื้นฟูตัวเอง ช่วงนี้ Kinesin จะไม่ทำงาน เรียกว่า Cinderella time บริษัทจึงเอามาตั้งชื่อสารสกัดว่า CinderllaCare เพราะออกฤทธิ์ยับยั้ง Kinesin ได้เหมือนตอนเรานอนหลับ นั่นเอง

 

พวกนี้ถึงแม้จะเป็น Cleansing ที่สัมผัสผิวไม่ค่อยนาน แต่ถ้าเรานวดวนไปบนใบหน้าซักครู่ ก็จะช่วยให้สารบำรุงพวกนี้ดูดซึมเข้าผิวได้เหมือนกัน และการที่ Cleansing มีสารบำรุง ก็ย่อมดีกว่าไม่มีอะไรเลย จริงไหมคะ

 

สารอื่นๆที่ใช้ไม่ได้มีตัวไหนที่ไม่เป็นมิตร หรือพิษมีภัยอะไร

 

ให้คะแนนกันค่ะ

  1. สารทำความสะอาด สารทำความสะอาดหลักเป็นชนิดดัดแปลงจากน้ำมันมะพร้าว เสริมมาด้วยสารอื่นที่มีความอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง และมีความสามารถในการทำความสะอาดเมคอัพ มีทั้งสารกลุ่มประจุลบ ไม่มีประจุ และชนิดสองประจุ ปราศจากสารกลุ่ม Soap (เกลือระหว่างน้ำมัน/ไขมัน กับด่าง) ซึ่งมีความเป็นด่างสูงอาจจะระคายเคืองผิวได้ในบางคน โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี ให้ไป 5 ฟลาสก์ค่ะ
  2. สารบำรุง ในส่วนของสารบำรุงให้ผลด้านความชุ่มชื้น เสริมภูมิคุ้มกันให้ผิว ลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง และให้ผลด้าน Whitening แก่ผิว ถือว่าทำมาได้ดีสำหรับ Cleansing ตัวหนึ่ง แต่ส่วนตัวมี่คิดว่า ถ้ามีพวก Antioxidant เสริมมาอีกนิดนึง น่าจะโอเคกว่า เลยขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. สารองค์ประกอบอื่นๆ สารอื่นๆที่ใช้มีอยู่เท่าที่จำเป็น ไม่มีส่วนผสมของ Silicone, น้ำมันที่สุ่มเสี่ยงอุดตัน และไม่มี Paraben จึงไม่มีอะไรให้หักคะแนน เอาไป 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน ตัวผลิตภัณฑ์มาแบบใหม่ ฉีกแนวเดิม คือเป็น Cleansing water ที่ใช้นวดทำความสะอาด ตอนหน้าแห้ง และล้างกับน้ำได้เลยในขวดเดียว ไม่ต้องใช้หลายขวดเยอะแยะซ้ำซ้อน อย่างเวลาเดินทาง เอาไปขวดเดียวคือจบเลย ไม่ต้องมาคลีนซิ่งขวด โฟมล้างหน้าอีกหลอด แต่ส่วนตัวมี่คิดว่าฟองน้อยไปนิด ถึงแม้ว่าฟองจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความสามารถทำความสะอาดและความอ่อนโยน แต่มี่เองก็เป็นคนติดฟอง บ้าฟองเยอะๆ ส่วนเรื่องความสะอาดและความอ่อนโยนก็ถือว่าดีค่ะ ถ้าเราแต่งหน้าไม่จัดมาก ขวดนี้ขวดเดียวอยู่ค่ะ ขอให้ไป 4 ฟลาสก์

 

คะแนน-2

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Sherdy ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Sherdy ที่

https://www.facebook.com/sherdybeauty/

ได้เลยค่ะ

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

[Thank You]~Alovivi Thailand for the New year gifts

[Thank You]~Alovivi Thailand for the New year gifts

ขอใช้พื้นที่เพื่อแสดงความขอบคุณ Alovivi Thailand ที่ส่งของขวัญปีใหม่มาให้ค่ะ ปลื้มปริ่มเปรมปรีดิ์มากๆค่ะ

เป็น Purevivi Cleansing water 4 ขวด

purevivi

จริงๆขวดนึงสำหรับคนที่แต่งหน้าไม่หนักก็ใช้ได้เกือบ 4-5 เดือนแล้วนะคะ

ขวดที่สองกำลังจะหมดพอดีค่ะ 😉 ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน

สำลีแค่แผ่นเดียวก็เช็ดรองพื้นได้เกือบหมดแล้วค่ะ

purevivi 2

สำหรับ Review ผลิตภัณฑ์นี้ สามารถติดตามได้ช่องทางต่างๆต่อไปนี้ค่ะ 🙂

Jeban: Review purevivi
http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=189187

Blog Cosme-Knowledge:
https://cosmeknowledge.wordpress.com/2014/08/18/cosme-diagnosis-purevivi-cleansing-water-vs-cleansing-water-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C-b/

ลูกรักประจำปี 2014
http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=194742

โอกาสหน้าพบกันใหม่ค่ะ ขอตัวไปล้างเมคอัพก่อนนอนแล้วค่ะ