Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวกาย Atoderm Crème Ultra สูตร Ultra-nourishing moisturizing cream ที่ออกแบบมาอย่างลงตัวเพื่อเอาใจคนที่มีปัญหาผิวแห้ง และผิวบอบบาง

Blog นี้ขอหยิบเอา Moisturizer ที่น่าสนใจมารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

เป็นมอยส์จาก BIODERMA ในไลน์ Atoderm ที่มีชื่อว่า Atoderm Crème Ultra เป็นสูตร Ultra-nourishing moisturizing cream ที่ออกแบบมาให้ใช้ทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวตัว

มาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

เนื้อค่อนข้างข้นเป็นเนื้อครีม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไวแห้งไว ให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว ให้ความชุ่มชื้นนาน ไม่เมือกไม่เหนอะหนะ

ก่อนไปดูส่วนผสม มารีแคปเรื่องผิวแห้งกับความสำคัญของมอยส์กันซักหน่อยนะคะ

เมื่อความชุ่มชื้นของผิวดรอปลงจนถึงค่าๆ หนึ่ง บางข้อมูลก็ว่า น้ำในผิวน้อยกว่าระดับ 30 AU วัดจากค่าของเครื่อง corneometer บาง ref ก็บอกว่า น้อยกว่า 10 – 15% บาง ref ก็เมนชั่นถึงค่าการระเหยของน้ำจากผิว (Trans-epidermal water loss; TEWL) สูงกว่า 15 – 25 g/m2/h มันจะส่งสัญญาณไปกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยสาร Cytokines พวกที่อาจก่อให้เกิดกระบวนการอักเสบ เช่น IL-1 ซึ่งถ้ามีน้อยๆ มันเป็นเรื่องดี มันจะไปกระตุ้นให้ผิวเราฟื้นตัว เสริมการสร้าง Barrier ปรับสมดุลกระบวนการสร้าง-เจริญของหนังกำพร้า แต่ถ้ามีมากไป หรือมีออกมาไม่หยุด มันจะทำให้เกิดการอักเสบ ที่ส่งผลต่อให้มีอนุมูลอิสระ มีการกระตุ้นเอนไซม์ MMP มาย่อยคอลลาเจน แล้วก็วนไปวนมาแบบนี้ค่ะ ทำให้กลายเป็นวงจรแบบว่ายิ่งแห้งยิ่งแย่ และทำให้ระบบสมดุลไมโครไบโอมเสียไป มีผู้เสนอคอนเซปท์เรื่อง Dry skin cycle ไว้อยู่ด้วยค่ะ

แต่ทุกอย่างจะจบได้ ถ้าเราคืนน้ำให้ผิวเกินค่าวิกฤตินั้นไปได้ การทามอยส์จะเติมน้ำให้ผิวได้ไวมาก

มอยส์ที่ฟื้นฟูเติมน้ำคืนให้ผิวได้ไวจะมีทั้ง Humectant ดูดน้ำมา Occlusive เคลือบเก็บน้ำที่ดูดมาไว้ และ emollient เป็นไขมันทดแทนให้ผิว

Barrier ก็จะฟื้นฟูตัวเองได้

สุดท้ายนี้ขอฝากข้อคิดไว้

  • ผิวแห้งเป็นมากกว่าปัญหาเชิงความงาม เป็นตัวบ่งชี้การทำงานผิดปกติของ skin barrier ที่เชื่อมโยงกับการอักเสบเรื้อรัง การเปลี่ยนแปลงของ microbiome และการเร่งกระบวนการ aging
  • การดูแลที่มุ่งเน้นการฟื้นฟู barrier function ด้วย moisturizer ที่ดี มี emollient, humectants และ occlusives จึงมีความสำคัญต่อสุขภาพผิวระยะยาว

ผลิตภัณฑ์ BIODERMA Atoderm Crème Ultra ได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครว่าเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ 24 ชั่วโมง และลดการระเหยของน้ำออกจากผิว (ลดค่า TEWL) ได้ 23%

มาค่ะ ส่วนผสมเป็นดังนี้

ถ้าดูจากส่วนผสม BIODERMA Atoderm Crème Ultra เป็นผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ที่ทำมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์มีครบทั้ง Humectant สารจับน้ำ จับเสร็จก็เคลือบปิดด้วย mineral oil เป็น occlusive หรือ ออยล์เคลือบ และมีไขมันจากธรรมชาติจาก Rapeseed, Sunflower ทดแทนคืนให้ผิว เป็น emollient หรือ ออยล์บำรุง

มาดูรายละเอียด Key technology ของผลิตภัณฑ์กันค่ะ

  • เทคโนโลยี Skin Protect Complex ที่เป็นคอมบิเนชั่นของ Niacinamide + Xylitylglucoside 2 ตัวนี้ทำงานได้เสริมกันแบบลงตัวมาก Niacinamide ช่วยเสริมกระบวนการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว ดูแลการอักเสบระคายเคือง จับคู่กับ Xylitylglucoside ที่มาดูแลฝั่งน้ำ เสริมการสร้าง Glycosaminoglycans (GAGs) ที่เป็นสารจับน้ำตามธรรมชาติในผิว โดยหนึ่งใน GAGs ที่สำคัญก็คือ hyaluronic acid ช่วยอุ้มน้ำ และ Barrier ที่แข็งแรงก็ล็อคการระเหยของน้ำออก
  • Omega 3, 6, 9 จากน้ำมันธรรมชาติ Rapeseed และ Sunflower ที่เป็นส่วนประกอบในการสังเคราะห์ ceramides และมีส่วนผสมของ phytosterol ที่ดูแลการระคายเคืองผิว Synergistic Combination Benefits การผสมผสานทั้งสองน้ำมันสร้าง Fatty acid ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับไขมันของ barrier ผิวที่มีสุขภาพดี

มันจะมีการพูดถึง PPAR receptor อยู่

โดย PPAR receptor นั้นจะโดนกระตุ้นได้ด้วยพวกกรดไขมัน เมื่อกระตุ้นแล้วทำให้ลดการสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เพิ่มการสังเคราะห์ไขมันต่างๆ ของผิว และเพิ่มการเจริญเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (Keratinocyte differentiation) ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น

  • คอมบิเนชั่นของน้ำตาลต่างๆ Xylitol, Mannitol, Rhamnose, Glucose เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • คอมบิเนชั่นจับน้ำของ Xylityl glucoside + Anhydroxylitol + Xylitol ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พร้อมทั้งมีคุณสมบัติเสริมความสามารถในการเก็บน้ำของผิว ผ่าน Aquaporin ที่เป็นประตูเก็บน้ำ และกลุ่ม Tight junction ที่ให้ผิวแข็งแรงอีก 1 เสต็ป
  • Fructooligosaccharides เป็น prebiotics ที่ซัพพอร์ตการเจริญของจุลินทรีย์ probiotics ที่มีประโยชน์บนผิว
  • สารสกัดจากสาหร่าย Laminaria ochroleuca extract กับ Caprylic/capric triglyceride ไปตรงกับวัตถุดิบที่ชื่อ ANTILEUKINE 6™ มีเคลมเรื่อง Daily soothing shield ดูแลเรื่องปัญหาการระคายเคือง ให้ผิวแข็งแรง และปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อม

ในภาพรวมก็คือเป็นมอยส์ที่ครบ และมาด้วยนวัตกรรม และความใส่ใจคำนึงถึงในทุกรายละเอียด แม้กระทั่งการเลือกใช้น้ำมัน Rapeseed + Sunflower ก็ยังน่าสนใจ

มาให้คะแนนกันนะคะ

  1. สารบำรุง ในด้านของการเลือกไขมัน Omega 3, 6, 9 มาเปิดระบบ PPARs พอเปิดแล้วจะดูแลเรื่องการระคายเคือง เสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น Barrier ผิว ลดการสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เพิ่มการสังเคราะห์ไขมันต่างๆ ของผิว และเพิ่มการเจริญเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (Keratinocyte differentiation) ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น มาพร้อมสารจับน้ำ และดูแลการระคายเคือง พร้อมเสริมผิวแข็งแรงในหลายๆ มิติ แต่ยังอยากให้มี ceramides ซักนิด ขออนุญาตให้ 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ดีและลงตัวมาก ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวมีผิวแห้งค่อนข้างชอบเนื้อครีมประมาณนี้ ไม่หนักไป ไม่เบาไป ทาแล้วให้ความรู้สึกว่ากำลังพอดี mix & match กับผลิตภัณฑ์อื่นในไลน์เดียวกันได้ง่าย ตามความต้องการผิวในแต่ละวัน ในด้านความชุ่มชื้น คิดว่าทำมาได้ตามเคลมจริง ทาเช้า ผิวนุ่มอยู่จนถึงดึก ทาก่อนนอน เช้าตื่นมาก็นุ่มอยู่ ส่วนด้านความสบายผิว ก็ถือว่าตอบโจทย์ เอามาทาหน้าเป็นครีมปิดผิวขั้นตอนสุดท้ายก่อนนอนก็ดี ให้ไป 5 ฟลาสก์

ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจในไลน์ Atoderm ที่เอามา mix & match แล้วดีงามไม่เบาเลย

BIODERMA Atoderm Gel Douche

เป็น Cleansing gel สูตรอ่อนโยนใช้ได้ทั้งกับหน้า ตัว มือ เหมาะกับผิวแห้ง ผิวบอบบางแพ้ง่าย รวมถึงทุกสภาพผิว

ภาพรวมส่วนผสม

สารทำความสะอาดหลักจะมี SLES ให้ฟองแน่นละเอียด อาบแล้วฟีลฟิน เพิ่มความอ่อนโยนด้วย

  1. coco-betaine ตัวนี้เป็นสารทำความสะอาดแบบสองประจุ มีความอ่อนโยนค่อนข้างดี ได้จากการดัดแปลงไขมันจากมะพร้าว
  2. Sodium lauroyl sarcosinate ที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน มีความอ่อนโยนสูง
  3. Coco-glucoside เป็นแบบไม่มีประจุ ได้จากการดัดแปลงมะพร้าวเข้ากับสายของคาร์โบไฮเดรต ให้ความอ่อนโยนเช่นกัน

สารบำรุง

  • เทคโนโลยี Skin Protect Complex (สูตรผสมของ Niacinamide + Xylitylglucoside) เสริมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างยาวนาน
  • มีคอมบิเนชั่นจับน้ำของ Xylityl glucoside + Anhydroxylitol + Xylitol ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พร้อมทั้งมีคุณสมบัติเสริมความสามารถในการเก็บน้ำของผิว ผ่าน Aquaporin ที่เป็นประตูเก็บน้ำ และกลุ่ม Tight junction ที่ให้ผิวแข็งแรง
  • Fructoligosaccharides เป็น prebiotics ช่วยซัพพอร์ตการเจริญของจุลินทรีย์ดีๆ (probiotics) บนผิว ให้ผิวแข็งแรง และชุ่มชื้น
  • น้ำตาล 3 ชนิด (Xylitol + Mannitol + Rhamnose) มีข้อมูลว่ามีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวแข็งแรง ทนทานต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งกระตุ้นจากภายนอกมากขึ้น
  • Capryloyl glycine อนุพันธ์ลูกผสมของกรดอะมิโน Glycine + กรดไขมัน Caprylic acid ที่พบได้ในธรรมชาติ เช่น มะพร้าว มีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านเรื่องของความชุ่มชื้น ควบคุมความมัน ดูแลการระคายเคือง
  • สีฟ้ามาจาก Copper sulfate

ตัวนี้ฟองเริ่ด ฟองฉ่ำมาก แล้วฟีลตอนใช้คือดี ให้ความรู้สึก rich-luxury feel สัมผัสได้ตั้งแต่ตอนตีฟอง กลิ่นหอมนวลๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

ถ้าวันไหนผิวแห้งมาก ก็จะขยับมาใช้รุ่น Cleansing oil ชื่อเต็มๆ BIODERMA Atoderm Huilede douche มีคุณสมบัติเด่นเป็น Soothing lipid-replenishing cleansing oil, anti-irritation

ความน่าสนใจอยู่ที่ ถึงชื่อจะเป็น Cleansing oil แต่น้องก็มาในเบสแบบน้ำ มีส่วนผสมของน้ำอยู่สูง

สารทำความสะอาดตัวหลักเป็น Sodium cocoamphoacetate ซึ่งเป็นชนิด 2 ประจุ มีความอ่อนโยนสูง ร่วมกับ PEG-7 glyceryl cocoate + Lauryl glucoside + Coco-glucoside ตบๆ มาด้วย Laureth-2

มี Patent Skin barrier therapyTM ช่วยลดการเกาะติดของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิด เช่น Staphylococcus aureus ที่อาจทำให้เกิดผิวอักเสบกำเริบในกลุ่มคนผิวแห้งมาก และลดการสร้างไบโอฟิล์ม ที่เป็นเหมือนเมือกเหนียวๆ ที่เชื้อสร้างมาป้องกันตัวเองจากสิ่งแวดล้อม

พร้อมผลเทสต์ว่า สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ 24 ชั่วโมง คืนไขมันให้ผิว ในระยะยาวพบว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น 39% และมีความรู้สึกสบายผิวมากขึ้น

สารบำรุงหลักเป็นชุดเดียวกับ Cleansing gel

ตัวนี้จะให้ฟองละเอียดมาก ฟีลเหมือนโลชั่น เป็นคล้ายๆน้ำนม ความรู้สึกค่อนข้าง rich + velvet เหมือนลูบลงบนผ้ากำมะหยี่ กลิ่นหอมนวลๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สูตรนี้แบรนด์ออกแบบมาให้ผิวที่เป็น eczema ชนิด Atopic สามารถใช้ดูแลผิว เสริมกับการรักษาจากคุณหมอได้

ปิดท้ายด้วย BIODERMA Atoderm intensive baume น้องเป็นครีมที่ให้ความรู้สึกของความชุ่มชื้นสูงจากกลุ่ม emollient หรือ ออยล์บำรุง ส่วนผสมครบในการเป็น moisturizer ที่ดี

  • ออยล์เคลือบ ใช้ mineral oil ซึ่งหลายคนอาจจะแบบฟัง marketing มาเยอะว่านางไม่ดี แต่จริงๆ ในทางเครื่องสำอาง นางปลอดภัยอยู่ เคลือบปกป้องผิวกันน้ำระเหยออก
  • ออยล์บำรุง ใช้ sunflower + canola ที่มีกรดไขมันจำเป็นต่างๆ

เสริม Ceramides มาพร้อมไขมันอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว แถม Beta-sitosterol ที่เด่นเรื่องการดูแลการระคายเคืองของผิว

มีน้ำตาล 3 ตัว (Xylitol + Mannitol + Rhamnose) ที่เป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวแข็งแรง สูตรนี้ไม่มีน้ำหอม เป็น moisturizer ที่ดี ที่น่าสนใจ และใช้ดูแลผิว เสริมกับการรักษากลุ่มอาการ Atopic eczema จากคุณหมอได้

ตอนทา แวบแรกเหนอะหนะ แต่พอผ่านไปซักประมาณ 5 นาที ฟีลลิ่งดีขึ้น

สุดท้ายปิดด้วย ความประทับใจที่แพคเกจ: น้องมีตัวล็อคการันตีว่า แพคเกจนี้ไม่เคยโดนแกะมาก่อน จนจะถึงมือเรา ซึ่งส่วนตัวให้ความสำคัญกับตรงนี้ ในแง่ความปลอดภัยของสินค้า

อีกจุดที่น่าสนใจ คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาได้อย่างลงตัว อ่อนโยน เพื่อให้ใช้ได้ทุกวัย ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงในผู้สูงอายุที่มีปัญหาผิวแห้ง ระคายเคือง หรือใช้เสริมกับการดูแลสภาวะผิดปกติทางผิวหนังจากคุณหมอก็ทำดูเหมาะดีเช่นกัน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Bioderma ประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตาและทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์เลยนะคะ

ออโตเดิร์ม ครีม อัลตรา ราคาปกติ 500 ml 1,250 สามารถสอบถามโปรโมชั่นได้ที่แบรนด์โดยตรง ผ่านลิงค์นี้ https://bit.ly/BiodermaBA

พิกัดสินค้า Boots, EVEANDBOY, Watsons online, Konvy

หรือช้อปปิ้งออนไลน์ได้บน Shopee, Lazada

Shopee https://s.shopee.co.th/8Kh980mYDN

Lazada https://s.lazada.co.th/s.ZaEvoV?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

#biodermathailand #Atodermcremeultra #ล็อกผิวชุ่มชื้นลื่นเนียนแข็งแรง #ผิวแพ้ง่ายใช้ได้

Image

ไม่ใช่แค่ 1 แต่มาเป็นคู่ รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มคู่หูดูแลปัญหาริ้วรอย Matrix serum PE และ Retinol serum จากแบรนด์ Kisocare ประเทศญี่ปุ่น

เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีโอกาสได้รู้จักกับแบรนด์ Kisocare เป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น มาในสายสกินแคร์เรียบง่ายแต่พัฒนาสูตรมาด้วยความเอาใจใส่ ทุกอย่างอิงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ และมีการเลือกใช้ส่วนผสมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ

โดยส่วนตัวเองก็มีโอกาสได้ลองสินค้าของทางแบรนด์หลายๆ ชิ้น ใน Blog นี้จะเป็นการหยิบเอา 2 ชิ้นที่คิดว่า ใช้คู่กันแล้วเสริมกันแบบลงตัวมาก มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมกัน

โดยเป็นคู่ของ Matrix serum PE + Retinol serum ที่เหมือนเกิดมาเพื่อกันและกัน

ซึ่งเราจะเริ่มกันที่ตัว Matrix serum ซึ่งเป็น peptides เบลนด์ ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น

มาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

เซรั่มเป็นเบสแบบน้ำใส ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยง่าย ซึมไวแห้งไว ไม่เหนอะหนะ ให้สัมผัสที่ชุ่มชื้น และเย็นสบายผิว

ในด้านส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ในภาพรวมเป็นเซรั่มเปปไทด์ที่เสริม antioxidant จากวิตามินซี มาในเบสแบบน้ำ

ส่วนผสมของสารบำรุงขอเริ่มที่หมวดเปปไทด์ก่อน

  • คอมบิเนชั่นของ Palmitoyl tetrapeptide-7 + Palmitoyl tripeptide-1 รู้จักกันในนาม Matrixyl 3000 ซึ่งมีข้อมูลเด่นๆ ในด้านของการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนหลายๆ ชนิดในผิว เช่น Collagen I ที่เป็นตัวหลักในด้านกระชับ เฟิร์ม แข็งแรง ร่วมกับ Collagen IV + VII และ Nidogen I ที่ฟอร์มคอมเพล็กส์ร่วมกัน อุ้มเอารอยต่อชั้นหนังกำพร้า-หนังแท้ (DEJ) เอาไว้ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอยลึก และช่วยซัพพอร์ตการจัดเรียงตัวของเส้นใย matrix ให้ผิวกระชับแน่น (Ref: TDS Matrixyl 3000)
  • Acetyl hexapeptide-8 เป็น neuropeptide ที่ช่วยคลายริ้วรอยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น มีวิจัยรองรับอยู่ (Am J Clin Dermatol 2013;14:147–153.)
  • Pentapeptide-18 ตัวนี้เป็น neuropeptide อีกตัว ที่เสริมกันกับ Acetyl hexapeptide-8 ในการดูแลริ้วรอยต่างๆ และพวกริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (expression line) ได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งได้ประโยชน์ในด้านผิวชุ่มชื้น ตัวนี้มีวิจัยรองรับอยู่ถึงประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาริ้วรอย (Cosmetics. 2014;1(2): 75-81.)

คอมบิเนชั่นของ Acetyl hexapeptide-8 + Pentapeptide-18 มีชื่อเรียกในวงการว่า Argirelox

ถัดมาเป็น Sodium ascorbyl phosphate ที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซีที่ละลายน้ำได้ เป็น antioxidant ที่ดี มีประโยชน์ในเชิง whitening และมีประโยชน์เสริมในการดูแลปัญหาสิว

เสริม Hya ที่ช่วยดูแลเรื่องความชุ่มชื้นผิว

ตัวถัดมาเป็นเซรั่มเรตินอล ซึ่งทำมาได้ดีไม่แพ้กันค่ะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้

รุ่นนี้มีเคลมว่าใช้เรตินอล 0.1% มาในสูตรอ่อนโยน แต่ด้วยความเป็นเรตินอล เราจะใช้แค่ตอนกลางคืน

เนื้อเซรั่มมาในเบสแบบน้ำ สีเหลืองตามธรรมชาติของเรตินอล ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไวแห้งไวไม่เหนอะหนะ เนื้อค่อนข้างเบาสบายผิว

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวมน้องมาในเบสแบบน้ำ มีส่วนผสมของน้ำมันบำรุงผิวอยู่นิดหน่อย

ในกลุ่มของวิตามินเอ มีด้วยกัน 6 อนุพันธ์ บางตัวเป็นฟอร์มที่หาพบในสกินแคร์ได้ยาก และมีราคาสูง

  • Retinol ฟอร์มธรรมชาติ มีประโยชน์ในการดูแลผิวหลายประการ ตั้งแต่เรื่องปรับสมดุลการสร้าง-ผลัดออก ให้ผิวแข็งแรง กระชับ ดูแลปัญหาผิว ริ้วรอย ชะลอวัย แต่ตอนจะออกฤทธิ์ต้องแปรสภาพในผิวก่อน
  • Hydroxypinacolone retinoate หรือ HPR ตัวนี้มีข้อมูลจากผู้ผลิตว่าอ่อนโยนกว่า Retinol ให้ประโยชน์เหมือนกัน บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าสามารถออกฤทธ์ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านการแปรสภาพ
  • Retinyl palmitate เป็นเอสเทอร์ของเรตินอล ต้องถูกแปรสภาพเป็น Retinol ก่อน แต่ข้อดีคือ เป็นเหมือนสต็อคให้เรตินอล ผิวจะค่อยๆ เปลี่ยนมา และมีโอกาสระคายเคืองน้อยกว่า Retinol
  • Hydrogenated retinol เป็นเรตินอลที่ดัดแปลงโครงสร้างให้เป็นสารอิ่มตัว มีข้อมูลว่า มีความคงตัวมากขึ้น การระคายเคืองผิวน้อยลง มีสิทธิบัตรญี่ปุ่นพูดถึง Hydrogenated retinol ว่าสามารถเสริมการสร้าง Hyaluronic acid ตามธรรมชาติในผิว ให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มนวล และดูแลปัญหาริ้วรอย (Ref: JP2006193427A)
  • Tocopheryl retinoate เป็นลูกผสมระหว่างวิตามินเอ-อี มีคุณสมบัติเป็น antioxidant เสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน และมีการระคายเคืองน้อยลง
  • Sodium retinoyl hyaluronate เป็นลูกผสมของวิตามินเอ-ไฮยา มีเคลมว่าดูดซึมได้ดีขึ้น ลดการระคายเคือง และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

เสริมไฮยาเข้ามาหลายฟอร์มเพื่อดูแลเรื่องความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ตัวที่น่าสนใจคือ Sodium hyaluronate crosspolymer-2 ซึ่งเป็นไฮยาตัวใหญ่มาก สร้างตัวเป็นฟิล์มที่แข็งแรงบนผิว ให้ผิวนุ่มนวล และชุ่มชื้น ช่วยเก็บน้ำให้ผิว (moisture retention)

ในส่วนของ antioxidant มีการเสริมวิตามินอี ร่วมกับสารสกัดจากชาเขียว โรสแมรี่ และดูแลการระคายเคืองด้วยสารสกัดจาก cica, scutellaria, polygonum และชะเอม

มาให้คะแนนกัน

Blog นี้ขอให้คะแนนของ Retinol serum นะคะ

  1. สารบำรุง มีวิตามินเอและอนุพันธ์ รวมๆ กัน 6 ฟอร์ม ซึ่งบางฟอร์มหาได้ยากและมีราคาสูง ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้ลองวิตามินเอฟอร์มใหม่ๆ เสริมไฮยาหลากหลายชนิด ที่ดูแลเรื่องความชุ่มชื้น พร้อมไฮยาที่ก่อฟิล์มช่วยให้ผิวกักเก็บน้ำได้มากขึ้น มี Antioxidant และมีสารที่ดูแลการระคายเคือง โดยจะเน้นเป็นพวกสารสกัดจากพืช ซึ่งมีวิจัยซัพพอร์ตอยู่ ถ้านับแค่ความเป็น Retinol serum ก็คือสมบูรณ์แบบ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว และมาในเบสแบบน้ำ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวค่อนข้างชอบความเป็นเบสน้ำของผลิตภัณฑ์ ใช้งานง่าย เลเยอร์ลงสกินแคร์รูทีนได้ง่าย จะเสริมน้ำตบเซราไมด์ของแบรนด์ก็คือจอยอยู่นะฟินไม่แพ้กัน หรือเอามาทำ retinol sandwich คู่กับมอยส์ที่มีอยู่ก็จอยไม่แพ้กัน ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Kisocare สาขาประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา ได้ลองวิตามินเอฟอร์มที่หาตัวจับยาก และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: https://www.facebook.com/kisocare.thailand

IG: https://www.instagram.com/kisocare.thailand/

แนบลิงค์ช้อปปิ้ง

Matrix serum PE

Shopee https://s.shopee.co.th/40YA0Fiu9F

Lazada https://s.lazada.co.th/s.ZaExmP?cc

Retinol serum

Shopee https://s.shopee.co.th/7KobyIuImD

Lazada https://s.lazada.co.th/s.ZaEx9U?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Kisocare การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิววิเคราะห์กันแดดลูกเทพจาก Isdin สูตร FusionWater Magic Alcaraz กันได้ครบจบ Heat, IR, Pollution

สำหรับ Blog จะมารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมใน ISDIN FusionWater Magic สูตรใหม่ล่าสุด ที่พัฒนาร่วมกับนักเทนนิสมือวางอันดับ 2 ของโลกอย่าง Carlos Alcaraz

สูตรนี้ออกแบบมาเอาใจสายสปอร์ตเลย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่บางเบา คุณสมบัติควบคุมความมัน มาพร้อมผลเทสต์การกันเหงื่อสำหรับคนที่ต้องออกกำลัง เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง และผลทดสอบประสิทธิภาพในการกันมลภาวะ กันแสงสีฟ้า และกันร้อน (thermal aging) มันจะปังอย่างไรไปดูกันอีกทีในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสม

น้องจะมาในหน้าตาสีเหลืองเฉดเดียวกับลูกเทนนิสแบบนี้ค่ะ

ส่วนนี้จะเป็นหน้ากล่องนะคะ

สำหรับเนื้อสัมผัสจะเป็นเนื้อแบบลิควิด เกลี่ยง่าย ให้ฟีลลื่น เมื่อเซ็ตตัวแล้วไม่เหนอะหนะ ไม่วาว ไม่ขาววอก

เมื่อถ่ายด้วยแสงแฟลชจะเห็นว่ามีลักษณะวาวๆ คล้ายฟิล์มของเนื้อกันแดดอยู่

ในภาพรวมกันแดดตัวนี้ นอกจากประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA, UVB ได้ตามมาตรฐานของกันแดดทั่วไปแล้ว เขายังเสริมจุดพิเศษเข้ามาอีกหลายประการ ได้แก่

  • Anti-pollution ปกป้องผิวเสียจากมลภาวะ โดยลดการเกิดอนุมูลอิสระจากมลภาวะได้ 104%
  • มีผลทดสอบป้องกันการทำลายผิวจากรังสี UVA เพิ่มเติม ด้วยนวัตกรรมของทางแบรนด์
  • ปกป้องผลเสียจากแสงสีฟ้าได้ 86%
  • เสริมการปกป้องรังสีอินฟราเรด 89%
  • ปกป้องผิวจากความร้อน โดยลดการเกิดความเสียหายของโปรตีนจากความร้อน ที่ Epidermis ได้ 124% และ ที่ Dermis ได้ 84%

มาโฟกัสเรื่องผิวเสียจากความร้อน หรือ Thermal aging กันนิดหน่อย

คอนเซปท์เรื่อง Thermal aging ได้มีการนำเสนอในวงการผิวพรรณอยู่พักใหญ่ๆ โดยมีบทความวิชาการที่น่าสนใจออกมาในปี 2006 โดย Seo และ Chung ในวารสาร Journal of Dermatological Science Supplement กล่าวว่า เมื่อสัมผัสกับความร้อน จะเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ระบบ AP-1 ทำงานมากขึ้น ส่งผลให้มีการสร้างเอนไซม์ MMP ที่เป็นเอนไซม์ไปย่อยสลายคอลลาเจน อิลาสตินออกมามากขึ้น และยังไปมีผลทำให้เกิดการสร้างสาร Cytokine บางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ

ในภาพรวม ความร้อนทำให้เกิดอนุมูลอิสระ เกิดการทำลายเส้นใยคอลลาเจน-อิลาสติน และทำให้เกิดกระบวนการอักเสบ นำไปสู่ thermal aging

ซึ่งตัว FusionWater Magic Alcaraz สูตรนี้ก็มีผลทดสอบในผิวหนังมนุษย์ พบว่าลดผลเสียจากความร้อนได้โดยลดการเกิดความเสียหายของโปรตีนจากความร้อน ที่ Epidermis ได้ 124% และ ที่ Dermis ได้ 84%

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในด้านของส่วนผสม ขอเริ่มที่สารกันแดดที่แทนด้วยสีม่วง

  • Ethylhexyl Salicylate เป็น Chemical sunscreen ที่กรอง UVB เป็นหลัก และทำหน้าที่ช่วยละลายสารกันแดดเคมีชนิดอื่นเข้ามาในเนื้อเบส ตัวสารกันแดดในกลุ่ม Salicylate นี้ค่อนข้างปลอดภัย และมีความคงตัวที่ดี
  • Ethylhexyl triazone (Uvinul T150) เป็น Chemical sunscreen ที่กรอง UVB ว่ากันว่าเป็น UVB absorber ที่มีความคงตัวสูง
  • Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine หรือ Tinosorb S โดดเด่นด้วยช่วงกว้างที่กรองได้ทั้ง UVB UVA มีจุดที่ดูดกลืนแสงสูงสุด (Peak absorption) อยู่ 2 จุด ที่ 310 (ปลายๆ UVB) และ 345 nm (UVA) ตัวนี้ก็ค่อนข้างคงตัวดี และเมื่อใช้คู่กับ Uvinul T150 จะช่วยบูสท์เพิ่มค่าความสามารถในการป้องกันแสงไปได้อีก
  • Butyl Methoxydibenzoylmethane รู้จักกันในนาม Avobenzone เด่นในเรื่องการกรอง UVA เป็นหลัก มี Peak อยู่ที่ 360 nm แต่ว่าไม่ค่อยคงตัว ต้องอาศัย Chemical sunscreen อื่นๆ มาเสริม
  • Phenylbenzimidazole Sulfonic Acid ตัวนี้เป็นกันแดดเคมีที่ละลายในน้ำ เลยมีฟีลลิ่งที่ค่อนข้างเบา เมื่อเทียบกับกันแดดเคมีอื่นๆ ที่ละลายในน้ำมัน น้องกัน UVB เป็นหลัก กัน UVA ได้นิดหน่อย แต่มีประโยชน์คือไปเพิ่ม ความคงตัว ให้ Avobenzone ได้ดี

สรุปก็คือ เป็นกันแดดเคมี ที่กันได้ครบทั้ง UVB UVA และมีการใส่สารกันแดดเสริมกันและกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV และ เสริมความคงตัวให้แก่ตัวสารกันแดดเอง

ในส่วนของสารบำรุงที่ทำให้สูตรนี้แตกต่างคือ

  • Physalis pubescens Fruit Juice น้ำคั้นจากผล Ground cherry ในภาษาสเปนเรียก capulí มีรายงานกล่าวถึงคุณสมบัติในการเป็น antioxidant ที่ดี ประกอบด้วย polyphenol ที่มีประโยชน์อย่าง epicatechin, ellagic acid และ myricetin (Roll Zimmer et al., Biocatalysis and Agricultural Biotechnology. 2021;31: 101895) และมีสารกลุ่ม withanolides ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (Wang et al., Fitoterapia. 2020;146: 104692)

เสริมมาด้วย Antioxidant อย่างวิตามินอี และสารสกัดจากสาหร่าย Porphyridium cruentum extract คือ สารสกัดจากสาหร่ายชนิดหนึ่งที่พบได้ในทะเลแถบเมดิเตอเรเนียน มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี (IOP Conf. Series: Materials Science and Engineering 980 (2020) 012042) ประกอบด้วยสารในกลุ่ม phycoerythrin และ exopolysaccharides ที่สามารถปกป้องและเสริมความสามารถผิว ให้ป้องกันตนเองจากสิ่งแวดล้อม เช่น มลภาวะ รังสี UV ได้ดีขึ้น ทางแบรนด์ได้มีการทดสอบเพิ่มสารตัวนี้เข้าในกันแดดเปรียบเทียบกับไม่ได้ใส่พบว่าสามารถเสริมการปกป้องผิวจากรังสี UVA, แสงสีฟ้า และ มลภาวะ ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เติมน้ำด้วย Hya และคุมมันด้วย Silica + Hydrated silica

ในส่วนของสารอื่นๆ ก็ปรับมาได้น่าสนใจ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว และยังคงเอาสารก่อฟิล์ม ที่ใช้ใน FusionWater Magic รุ่นขวดฟ้า คือ VP/Eicosene Copolymer ซึ่งให้ฟิล์มที่กันน้ำ เคลือบปกป้องผิว พร้อมให้ฟีลลิ่งนุ่ม คล้ายไหม (Silky) ปรับเนื้อกันแดดให้เกลี่ยง่าย และเรียงตัวสม่ำเสมอบนผิว บูสท์ค่า SPF ได้นิดหน่อย (Ref: TDS Unimer U-15, Givaudan)

ในภาพรวมจึงกล่าวได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่พัฒนามาได้ค่อนข้างดี เลือกใช้สารกันแดดเคมีที่เสริมกันแล้วมีประสิทธิภาพในการป้องกัน UVA UVB ได้ครบ และมีความคงตัว พร้อมทั้งมี Antioxidant สารที่ดูแลเรื่องการระคายเคือง และปกป้องผิวจากความร้อน และสารก่อฟิล์มที่ช่วยบูสท์ค่า SPF ได้อีก 1 ขั้น

ให้คะแนน

  1. สารกันแดดและสารบำรุง ทำมาได้ค่อนข้างดี ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ค่อนข้างครบ มาคราวนี้ สูตร Alcaraz เติม AOX เติมสารปกป้องผิวจากความร้อน และสารสกัดที่มีประโยชน์ในแง่ของการดูแลการอักเสบระคายเคืองเข้ามาอีก 1 ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว และสารก่อฟิล์มที่ใส่มา นอกจากจะให้ฟีลลิ่งที่ดี ก็ยังมีประโยชน์ในการเสริมด้านการป้องกันแสงแดด ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมีผิวผสม/แห้ง ลองใช้ผลิตภัณฑ์นี้มาตั้งแต่ปลายเดือน มีนาคม 68 รู้สึกว่าทำมาได้ค่อนข้างดี แม้จะมีส่วนผสมที่ดูเรื่องการควบคุมความมัน ระหว่างวันส่วนตัวไม่ค่อยได้ออกแดดมากนัก แต่เอามาลองเติมตอนกลางวันแบบ tapๆ เบาๆ ก็ถือว่าทำได้ดี ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทยด้วยค่ะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบบทความ

สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

ทางไปช้อปปิ้ง

Lazada https://s.lazada.co.th/s.y4Ik8?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/2VgVBFWzmd

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมกันแดดในตำนาน ISDIN สูตรปรับปรุงใหม่ Fotoultra 100 จัดเต็ม 2 สูตร Spot prevent และ Active Unify

Blog นี้ขอหยิบเอาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดของ ISDIN รุ่น Fotoultra 100 มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมกัน

โดยสูตรที่หยิบมาจะเป็นสูตรที่พึ่งปรับใหม่ปี 2024 นี้ค่ะ

จัดเต็มทั้ง 2 สูตร คือ Active Unify และ Spot prevent

เริ่มต้นที่ Spot prevent

เนื้อเป็นแบบน้ำนม มีความหนืดปานกลาง

เกลี่ยได้ง่าย ไม่หนักผิว ด้วยความที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมเลยจะได้กลิ่นของวัตถุดิบจางๆ และด้วยความมี non-nano Titanium dioxide เนื้อเลยจะติดสีออกขาวนิดหน่อย

เก็บภาพฟินิชให้ดูด้วยแสงแฟลช

สูตร Spot prevent มี Claim ว่าปกป้องผิว 4 ระดับ

  • กัน UV ได้ 99%
  • กัน HEV light ได้ 66%
  • กัน Pollution (PM2.5) ได้ 90%
  • ป้องกันการสร้างเม็ดสีใหม่ได้ 74% (ทดสอบผ่านผิวหนังจำลอง)

สำหรับสูตร Spot prevent นี้ ได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในอาสาสมัครมาแล้ว โดยพบว่า

  • อาสาสมัครทุกคน (100%) ไม่พบฝ้า กระขึ้นใหม่
  • 90% รู้สึกว่าผิวขาวกระจ่างใสขึ้น
  • 94% รู้สึกว่าภาพรวมสุขภาพผิวดีขึ้น
  • กันน้ำ กันเหงื่อ
  • ไม่อุดตันรูขุมขน
  • สูตรอ่อนโยน และ Hypoallergenic (ก่อการแพ้ได้ต่ำ)

สูตรนี้เหมาะกับใคร

  • สตรีมีครรภ์ ซึ่งอิทธิฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจนจะทำให้จุดด่างดำ ฝ้า ขึ้นง่ายขึ้น (ทั้งนี้ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์อีกครั้ง)
  • ผิวที่มีแนวโน้มเกิดจุดด่างดำ/สีผิวผิดปกติได้ง่ายเมื่อโดนแดด
  • คนที่ใช้ยาที่ไวต่อแสง หรืออยู่ระหว่างการรักษาด้วย Treatment ที่ไวต่อแสง
  • ก่อน-หลังหัตถการ โดยให้รอแผลแห้งและตกสะเก็ดก่อน

สูตร spot prevent มีส่วนผสมดังนี้

ส่วนผสมของสารกันแดดเป็นสีน้ำเงิน ได้แก่

  • Diethylamino hydroxybenzoyl hexyl benzoate หรือ Uvinul A+ เด่นเรื่องกรองช่วง UVA 320 – 400 nm มีช่วง peak อยู่ 354 nm มีข้อมูลสนับสนุนถึงประโยชน์ในการลดการเกิดอนุมูลอิสระภายในผิว และมีความคงตัวที่ดี
  • Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine หรือ Tinosorb S กรองรังสีได้ในช่วงกว้างทั้ง UVA-UVB มีค่า Peak 310 และ 345 nm และมีฤทธิ์เสริมและบูสต์ค่า SPF เมื่อใช้คู่กับสารกันแดดอื่น เช่น Ethylhexyl triazone
  • Ethylhexyl salicylate เด่นกรอง UVB ข้อมูลความปลอดภัยค่อนข้างดี ดูดซึมเข้าผิวน้อย
  • Ethylhexyl triazone หรือ Uvinul T150 เด่นกรอง UVB มีความคงตัวสูง
  • Titanium dioxide [nano] สารกันแดดชนิดกายภาพ สะท้อนรังสี UV ออกไป แต่ข้อมูลบางแหล่งกล่าวว่าในช่วงท้ายๆ ของ UVA ประสิทธิภาพน้องจะดรอปลง
  • Titanium dioxide ในรูปแบบ non-nano อันนี้สามารถสะท้อนรังสีได้กว้างขึ้น ข้ามผ่านทั้ง UVB UVA จนมาถึงช่วง HEV light

ในภาพรวมสารกันแดดเป็นชนิดกายภาพผสมเคมี กรองได้ครบทั้ง UVA-UVB และการเลือกใช้ non-nano Titanium dioxide ช่วยลากยาวสเปกตรัมจนมาถึง HEV light

ส่วนของสารบำรุงที่เด่นๆ ในสูตรนี้จะเป็น

  • Sclareolide เป็นสารพฤกษเคมีในกลุ่ม sesquiterpene lactone ที่พบในพืชหลายชนิด ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าสารนี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดจุดด่างดำจากมลภาวะ รังสี UV และ HEV light และเพิ่มความสว่างกระจ่างใสให้แก่ผิว (Ref: TDS SymBright® 2036) เมื่อใช้ร่วมกับ Niacinamide จะทำให้ประสิทธิภาพในการเป็น Whitening ดีขึ้น
  • Niacinamide ที่นอกจากจะเป็น Whitening ผ่านการยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีไม่ให้ออกมาภายนอกแล้ว ยังมีประโยชน์ในการดูแลการระคายเคือง ควบคุมความมัน และดูแลปัญหาสิว

สาร Antioxidant

  • วิตามินอี ในรูปแบบ Tocopheryl acetate ซึ่งเป็น Antioxidant ที่ละลายได้ในไขมัน
  • Diethylhexyl Syringylidenemalonate หรือ Oxynex® ST ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่างในสูตร โดยไปเสริมความคงตัวให้สารกันแดดในตำรับ ในด้านของการเป็นสารบำรุง นางจะช่วยเสริมความสามารถของผิวในการปกป้องผิวจากมลภาวะ

Silica นอกจากจะใส่มาในแง่ของการขึ้นเนื้อ ยังมีประโยชน์ในด้านการควบคุมความมัน

อีกสูตรที่มาคู่กันวันนี้คือ Active Unify สูตรปรับใหม่

เนื้อเหมือนจะเหลวกว่าสูตร Spot prevent นิดหน่อย

เรื่องการเกลี่ย กลิ่น และความขาวนิดหน่อยนั้นไม่แตกต่างกัน

เก็บฟินิชลุตด้วยแสงแฟลช

สูตรนี้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในอาสาสมัครที่เป็นฝ้า โดยพบว่า

  • 90% รู้สึกว่ารอยฝ้าดูจางลง
  • 90% รู้สึกว่าผิวหน้าสว่างขึ้น
  • 86.7% รู้สึกว่าสีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
  • ไม่อุดตันรูขุมขน
  • สูตรอ่อนโยน และ Hypoallergenic (ก่อการแพ้ได้ต่ำ)

สูตร Active Unify มี Claim ว่าปกป้องผิว 4 ระดับ

  • กัน UV ได้ 99%
  • กัน HEV light ได้ 66%
  • กัน Pollution (PM2.5) ได้ 73%
  • ป้องกันการสร้างเม็ดสีใหม่ได้ 99% (ทดสอบผ่านผิวหนังจำลอง)

สูตรนี้เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ

เปรียบเทียบ Finish ของทั้ง 2 สูตร

ส่วนผสมของสูตร Active Unify เป็นดังนี้

สำหรับสารกันแดดจะเป็นคอมบิเนชั่นเดียวกันกับสูตร Spot prevent คือ เป็นชนิดกายภาพผสมเคมี กรองได้ครบทั้ง UVA-UVB และการเลือกใช้ non-nano Titanium dioxide ช่วยลากยาวสเปกตรัมจนมาถึง HEV light

ในด้านของสารบำรุง เรียกได้ว่าจัดเต็มมาในส่วนของ Whitening เพื่อเอาอกเอาใจคนเป็นฝ้าโดยเฉพาะ

  • Sclareolide ที่คุยกันไปก่อนหน้า ว่าป้องกันการสร้างเม็ดสี ไม่ให้เกิดจุดด่างดำจากมลภาวะ รังสี UV และ HEV light และเพิ่มความสว่างกระจ่างใสให้แก่ผิว
  • Niacinamide ยับยั้งการส่งผ่านถุงเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก
  • สารสกัดจากถั่วลันเตา ที่ดูจาก Breakdown แล้วคิดว่าน่าจะใช่ Actiwhite™ PW ของ BASF ออกฤทธิ์เป็น Whitening ผ่าน 2 กลไก คือ ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่สร้างเม็ดสี และยับยั้งระบบยีน PMEL-17 ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีชนิดสีเข้ม (Eumelanin) มำให้สีผิวสว่างขึ้น (Ref: TDS Actiwhite™ PW)

Antioxidant มาครบ ทั้ง Vitamin E และ Oxynex® ST

แถมโบนัส ดูแลริ้วรอยและเสริมกระบวนการฟื้นฟูผิว ด้วย Combination ของ Palmitoyl Tripeptide-1 และ Palmitoyl Tetrapeptide-7 ร่วมกับสารอื่นบางตัวในสูตร คือ Matrixyl® 3000 เป็นการใช้ Matrikine peptide 2 ตัวรวมกัน เพื่อปรับสมดุล Metabolism ของผิว ดูแลการฟื้นฟูและเสริมสร้างพวกเส้นในต่างๆ ที่เสียหายไปเพราะรังสี UV มีประโยชน์ให้ริ้วรอยตื้นขึ้น และเสริมความยืดหยุ่นของผิว (Ref: TDS Matrixyl® 3000)

ทีนี้มาดูคะแนนกันนะคะ

ขอหยิบเอาลูกรัก(กว่า) อย่าง Active Unify มาเป็นตัวแทนในการให้คะแนนค่ะ

  1. สารกันแดด ในด้านของสารกันแดดเป็นชนิดกายภาพผสมเคมี ที่นอกจากจะป้องกัน UVA-UVB ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ มีความคงตัว มีข้อมูลความปลอดภัยที่ดีแล้ว ยังเสริมการป้องกันผิวจาก Blue light ได้ด้วยการใช้ non-nano Titanium dioxide ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. สารบำรุงและส่วนผสมอื่นๆ ในด้านของการดูแลเรื่องเม็ดสี คือ ปังปุ มาครบ มาเต็ม ทุกสเต็ป ตั้งแต่เม็ดสียังไม่เกิด ไปจนถึงเม็ดสีเกิดมาแล้วก็เก็บเรียบไม่ให้ออกมาลืมตาดูโลกภายนอก และเสริมโบนัสเรื่องการดูแลริ้วรอยเข้ามาอีก 1 กรุบ มาในเบสที่เป็นอิมัลชั่นชนิดเบสน้ำ (o/w) ที่เบาบางสบายผิว ไม่เหนอะหนะ เสริม Silica เข้ามาคุมมัน ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ชอบแรก คือ น้องผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในกลุ่มอาสาสมัครที่เป็นฝ้าจริง ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพกันน้ำ ก็คือ กันน้ำได้ในระดับหนึ่ง (แช่น้ำได้ 40 นาที) ไม่อุดตัน และ Hypoallergenic ก่อการแพ้น้อย เนื้อค่อนข้างเบา เพื่อแลกมาซึ่งความสามารถในการกัน HEV light เราอาจจะได้ความขาวจาก Titanium dioxide มา แต่ตัวเองใช้กับรองพื้นก็คือไม่ได้ต่างอะไรกับแบบไม่มี Titanium dioxide ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทยด้วยค่ะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่มาให้ได้เรียนรู้ เปิดหูเปิดตา และรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบบทความ

สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

ทางไปตำ

Spot prevent

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.p2LMv?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/20bZ4yEMRO

Active Unify

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.qYykQ?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/6pgoptGwg1

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมาส์กหน้าเติมน้ำเพื่อความโกลวฉ่ำ Barulab Hydroasis

เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 mask sheet ที่สร้างความโกลว์ให้ผิวได้แบบสับแบบฉ่ำ เหมาะกับการเตรียมผิวสำหรับวันสำคัญ และ ฟื้นฟูผิวหลังหมดวัน

เป็น มาสก์หน้าที่มีชื่อว่า Hydroasis จากแบรนด์ Barulab นั่นเองค่ะ

ซึ่งคราวก่อนทางเพจนำเสนอรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Vegan mask sheet series ไป วันนี้ขอหยิบเอาสูตร Hydroasis มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมบ้างนะคะ

สำหรับท่านที่สนใจตามไปอ่าน Vegan mask sheet series สามารถติดตามได้ที่ลิงค์นี้นะคะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

น้ำมาส์กจะเป็นเนื้อคล้ายเซรั่ม มีความหนืดนิดหน่อย

ค่า pH ของน้ำมาส์กอยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

คำถาม ตุ๊กตา Cinderella ข้างกระดาษวัด pH นี่คืออะไรคะหญิง?

คำตอบ คือ จะบอกว่า น้องเป็น Mask sheet ที่สามารถพลิกผิวนางซินให้เป็นเจ้าหญิงพร้อมออกงาน และฟื้นฟูสภาพผิวหลังจบงานได้ดีค่ะ เลยขอมอบตุ๊กตานางซินให้นาง

แผ่นมาสก์ค่อนข้างบาง และแนบสนิทกับผิว

แผ่นมาส์กอุ้มน้ำได้ค่อนข้างดี ซึ่งก็ไม่ค่อยแปลกใจค่ะ เพราะว่าตัวแผ่นทำมาได้ค่อนข้างดี เป็นเส้นใยที่ถักทอมาอย่างดี มีรูพรุน เลยอุ้มน้ำมาส์กที่พัฒนาสูตรมาให้มีความหนืดเล็กน้อยได้ดี

(ภาพนี้ถ่ายหลังจากใช้งานเสร็จ แล้วปล่อยให้แห้งเพื่อสังเกตเส้นใยของแผ่นมาส์ก)

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ชุดนี้จะเน้นไปที่การเติมน้ำให้ผิวด้วย Hyaluron 6 รูปแบบ และ ใช้สารบำรุงที่ดูแลด้านการระคายเคือง ร่วมกับสกัดจากพืช ที่เมื่อเชคกับฐานข้อมูลของผู้ผลิตวัตถุดิบสารสกัดรายใหญ่ หลายๆ เจ้า จากเกาหลี สารสกัดทุกชนิดจะให้ข้อมูลไปในทางเดียวกัน คือ เรื่องของ การต่อต้านการอักเสบ และลดการระคายเคือง ซึ่งเมื่อมาจับมือกับ Panthenol ก็จะได้ทั้งเรื่องของความชุ่มชื้น ดูแลปัญหาการระคายเคือง และเสริมกระบวนการฟื้นฟู Barrier ตามธรรมชาติ

เราลองมาดูสารบำรุงกันนะคะ

  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 เปิดนำมาด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้น ดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และเสริมกระบวนการฟื้นฟู Barrier ผิวตามธรรมชาติ
  • Hyaluron 6 รูปแบบ ซึ่งมีประโยชน์ในการเติมน้ำในหลากหลายระดับชั้นผิว (ชั้น Epidermis) และเคลือบผิว เพื่อเสริมกระบวนการอุ้มน้ำให้ผิว
  • สารสกัดจากชาเขียว เป็น Antioxidant ที่ดี และยังมีประโยชน์เด่นๆ ในด้านของการดูแลกระบวนการอักเสบ และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • สารสกัดจากชะเอม (Glycyrrhiza glabra) ที่นอกจากจะดูแลเรื่องการระคายเคือง แล้วยังได้ประโยชน์ในเชิง Whitening ด้วยนิดหน่อย จับมือมากับ Dipotassium glycyrrhizate ซึ่งเป็นสารที่พบในชะเอม เด่นเรื่องการดูแลการอักเสบระคายเคืองเช่นกัน
  • พืชหลากหลายชนิดที่พบได้ในเกาหลี ข้อมูลจากผู้ผลิตเกาหลี ระบุไปในทางเดียวกัน หลักๆ จะเป็น Anti-inflammatory รองๆ จะเป็น Antioxidant ซึ่งพืชเหล่านี้ประกอบด้วยพฤกษเคมีหลายกลุ่ม เช่น Flavonoid
  • สารสกัดจากขิง (Zingiber officinale extract) เป็น Antioxidant
  • สารสกัดจากเมล็ด Grapefruit พอมีข้อมูลอยู่ในแง่ของการยับยั้งจุลินทรีย์บางชนิด

มาให้คะแนนกัน

  1. สารบำรุง ในภาพรวมเอาเป็นว่าน้องเป็นแผ่นมาส์กที่เน้นเติมน้ำแบบฉ่ำ พร้อมทั้งให้ความรู้สึกสบายผิว ด้วยการดึงเอา Hya 6 รูปแบบ มาจับมือกับ Panthenol และสารสกัดจากพืช รวมถึงสารบำรุงอีกหลายชนิด เหมาะมากกับการดูแลผิวในวันที่เหนื่อยล้า หรือเตรียมผิวไว้ให้พร้อมรับวันหนักๆ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดที่ให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวค่อนข้างชอบ Mask sheet รุ่นนี้ ได้ลองใช้เตรียมผิวคืนก่อนไปออกงาน และใช้ฟื้นฟูผิวหลังจากออกงาน ส่วนตัวว่าน้องทำมาได้ตอบโจทย์นะคะ มอบความโกลว์ฉ่ำ เอาไปเลยไม่ต้องพูดเยอะ 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Barulab ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา และได้ทดลองใช้ทันวันอีเวนท์ใหญ่เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 67 ที่ผ่านมาพอดี

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางเพจของแบรนด์เลยนะคะ

https://www.facebook.com/barulabTH

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.ovsPO?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/6zzWJS9EsS

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Barulab สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสกินแคร์ดูแลจุดด่างดำเพื่อผิวกระจ่างใส สูตร Cleanical beauty จาก T’else ในไลน์ Red orange ครบชุดทั้งโทนเนอร์ และเซรั่ม

T’else rebrand ใหม่ ปรับคอนเซปท์เป็น Cleanical beauty ภายใต้ชื่อใหม่ Terra + Else วันนี้มาถึงคิววิเคราะห์ส่วนผสมของ Line Red orange กันบ้างค่ะ

สำหรับ Line นี้จะมาในสีส้มสดใส เน้นเคลมหลักไปที่ด้าน Brightening & Vitalizing เพื่อผิวกระจ่างใส มีชีวิตชีวา

  • ด้วยส่วนผสมของ Terra เป็น Blood orange ส้มสีเลือดเกรดออร์แกนิกจากอิตาลี่ นำมาสกัดด้วยกรรมวิธีพิเศษของทางแบรนด์ ที่เรียกว่า Air-brewing 100TM ที่สกัดด้วยฟองอากาศบางๆ ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส กว่า 100 ชั่วโมง
  • มาจับคู่กับ Niacinamide วิตามินบี 3 สารพัดประโยชน์ เพื่อดูแลด้านความกระจ่างใสของผิว

Line นี้มาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ก่อนไปรีวิว ต้องบอกก่อนว่า ทำไมทางแบรนด์ถึงเลือก Blood orange สายพันธุ์ Moro จากอิตาลี นั่นก็เพราะว่ามีส่วนผสมของ Anthocyanin สูงกว่า Blood orange สายพันธุ์อื่นนั่นเอง

ถึงเวลาของการรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม โดยจะขอเริ่มที่สูตร Toner

น้องมาในหน้าตาแบบนี้

เช่นเคย วัตถุดิบสำหรับภาชนะบรรจุมาจาก PCR (post-consumer recycled) plastic

เนื้อโทนเนอร์เป็นแบบใส มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ที่เบลนด์ขึ้นมาจาก Galbanum (Ferula galbaniflua) resin และ Mugwort (Artemisia vulgaris) essential oil

กลิ่นจะเป็น Top green ตามมาด้วยกลิ่นโทนยางไม้และ woody ใครที่ชอบก็จะชอบ ใครที่ไม่ชินก็อาจจะรู้สึกแบบ แปลกๆ แต่กลิ่นไม่ติดผิวค่ะ แป๊บเดียวก็ไปละ ไม่ต้องกังวลไป

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไวแห้งไว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับการใช้ทั้งเทบนมือแล้วตบๆ เป็นน้ำตบ หรือ เทใส่สำลีแล้ว tap เบาๆ

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

ความน่าสนใจของสูตร Toner นี้คือ ทางแบรนด์ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในอาสาสมัครมาเรียบร้อย โดยจุดเด่น ก็คือ น้องสามารถปรับโทนสีผิวให้แลดูกระจ่างใส โดยลดทั้งความด่างดำ และ ความเหลืองของสีผิว

โดยการวัดค่าความด่างดำ นั้นประเมินจากค่าความสว่าง (L*) พบว่า เมื่อให้อาสาสมัครใช้ไปเพียง 7 วัน ก็สามารถเพิ่มความสว่างให้ผิวได้ จึงเป็นที่มาของการเคลมว่าสัมผัสการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 7 วัน

ส่วนประสิทธิภาพการปรับความเหลือง วัดจากค่า b* เป็นค่าสีในแกนเหลือง-น้ำเงิน ค่าที่น้อยลง แสดงถึงความเหลืองน้อยลง ซึ่งพบว่าเริ่มเห็นผล (Significant) ตั้งแต่ 7 วันแรก

วิเคราะห์ส่วนผสมของ Toner กันดีกว่า

สำหรับส่วนผสม พระเอก คงหนีไม่พ้นสารสกัดจาก Blood orange (Citrus sinensis (orange) fruit extract) ที่ได้จากส้ม Blood orange จากประเทศอิตาลี่ สกัดด้วยกรรมวิธีพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ เพื่อดึงเอาสารพฤกษเคมีที่สำคัญออกมา ด้วยกรรมวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โดยในสารสกัดจากส้ม Blood orange นั้นประกอบด้วยพฤกษเคมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Vitamin C, Anthocyanin และ Flavonoid ที่เป็น Antioxidant ที่ดีกับผิว

โดย Flavonoid ที่พบในส้มนั้นมีหลายชนิด เช่น quercetin, kaempferol, hesperidin, nobiletin เป็นต้น

ส่วนผสมอื่นๆ ได้แก่

  • Gluconolactone เป็น PHA ที่ดูแลเรื่องการผลัดผิวได้อย่างอ่อนโยน
  • วิตามินรวม ทั้ง Niacinamide (B3), Ascorbic acid (C), Cyanocobalamin (B12), Folic acid, Panthenol (B5) และ Tocopherol (E) ที่ให้ประโยชน์กับผิวได้หลากหลายประการ
  • ดูแลการระคายเคือง พร้อมให้ความรู้สึกสบายผิวด้วย Betaine
  • เติมน้ำด้วยกรดอะมิโน Arginine
  • ดูแลริ้วรอยด้วย Adenosine

มาในเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ถัดมาเราลองมาดูสูตร Serum บ้าง

ตัว Serum มาในหน้าตาประมาณนี้

แพคเกจเป็นแบบขวดปั๊ม

เนื้อเป็นเซรั่มแบบน้ำใส มีความหนืดมีน้ำมีเนื้อ ในส่วนของกลิ่นก็เป็นโทนเดียวกัน คือ Galbanum + Mugwort

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความชุ่มชื้นมากขึ้น ถ้าเทียบกับสูตร Toner

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 เช่นกัน

สำหรับเซรั่มนี้ก็ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในอาสาสมัครมาเช่นกันค่ะ โดยน้องจะเด่นเรื่องของการดูแลปัญหาสีผิวที่พบเจอในชีวิตประจำวัน 4 ชนิด ได้แก่ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และผิวคล้ำจากการสัมผัสผิว UV

โดยในการทดสอบกับอาสาสมัครพบว่าเซรั่มสามารถดูแลลดความเข้มของจุดด่างดำทั้งระดับตื้น และระดับลึกได้โดยผลเริ่มเห็น (Significant) ที่ 7 วัน

85% ของอาสาสมัครที่ทดลองใช้ 2 สัปดาห์พบว่าสีผิวขาวกระจ่างใสขึ้น และบริเวณของรอยดำแลดูลดลง

มาดูส่วนผสมกันบ้าง

ส่วนผสมจะมีปรับจาก Toner นิดหน่อยนะคะ

  • เพิ่มความเข้มข้นของสารสกัดจาก Blood orange และ Niacinamide ขึ้นมา
  • ปรับสารการดูแลการระคายเคืองและให้ความรู้สึกสบายผิวแบบฉ่ำ ด้วย Allantoin และ Dipotassium glycyrrhizate
  • ตัด PHA ออกไป

ส่วนของเบสมีการเพิ่มสารเพิ่มความหนืดให้มีน้ำมีเนื้อมากขึ้น และยังคงไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ตั้งแต่วันเปิดตัว (แต่ดิฉันพึ่งได้ฤกษ์หยิบมารีวิว) และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ T’else โดยตรงเลยนะคะ

https://web.facebook.com/TelseThailand

ทางไปตำ (สูตร Toner)

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.micRO?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/6plLWGOy8f

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมครีม Kombucha Hydro Glow cream จาก t’else

วันก่อนทางเพจได้นำเสนอส่วนผสมของ Essence และ เซรั่ม ในไลน์ Kombucha ของ T’else ไปแล้ว วันนี้ขอหยิบเอาครีมมาวิเคราะห์ต่อกันเลยค่ะ

ขออวดโฉมผลิตภัณฑ์ในไลน์ Kombucha อีกรอบ

ท่านที่พลาดไปสามารถกลับไปรับชมรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของ Essence และ เซรั่ม (Ampoule) ได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>Click<<

วันนี้ขอหยิบครีมมารีวิวแยก เพราะว่าครีมนี่ฉ่ำไม่เบานะคะ ฉ่ำยังไง เดี๋ยวเล่า

น้องมาในกระปุกหน้าตาแบบนี้ค่ะ

กระปุกใช้วัตถุดิบพลาสติกที่เป็นพลาสติกรักษ์โลกชนิด 50% PCR (Post-consumer recycled material) ซึ่งช่วยลด Carbon footprint ให้กับแบรนด์ ตรงตามคอนเซปท์ eco-friendly ของแบรนด์

เนื้อครีมจะค่อนข้างข้น มีกลิ่นหอมจางๆ ของน้ำมันหอมระเหย

แม้ว่าจะค่อนข้างข้น แต่ก็เกลี่ยง่าย ให้ความโกลว์ชุ่มฉ่ำ แต่ไม่ถึงกับเหนียวเหนอะหนะ

ซึ่งความโกลว์นั้นแลดูจะมากกว่า ตัว Essence และ Ampoule

ถ่ายด้วยแฟลชเพื่อดูความโกลว์

สูตรนี้ไม่ได้วัดค่า pH นะคะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้

สำหรับตัวครีม ส่วนผสมจะคล้ายๆ กับเพื่อนๆ ในไลน์

สำหรับส่วนผสมในภาพรวม ที่ดูเด่นจะเป็นตัว Kombucha ที่ผ่านกระบวนการหมักด้วย Saccharomyces yeast

ซีรี่ส์นี้ตัวใบชาอัสสัมที่เขาเลือกมา คือเป็นเกรดที่ดีที่สุด ที่สมาคมนักดื่มชารู้จักกันในนาม FTGFOP หรือ “Finest Tippy Golden Flowery Orange Pekoe”

‘Orange Pekoe’ เป็นการกล่าวถึงชาทั้งใบ (whole leaf tea) โดยคำว่า Pekoe มีที่มาจากการแปลภาษาจีนผิดในช่วงแรกๆ โดยสื่อความหมายถึง White hair บนยอดอ่อนใบชา ส่วนคำว่า Orange มาจาก Dutch royal House of Orange-Nassau ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสำคัญในการซื้อ-ขายชาในยุคศตวรรษที่ 17

ส่วนอีก 3 คำ

Tippy หมายถึง ยอดอ่อนของใบชา

Golden สื่อถึงสีทองของยอดอ่อนใบชา

Flowery เป็นการเน้นย้ำว่ายอดอ่อนของใบชายังอยู่อย่างสมบูรณ์ใน Whole leaves tea นั้นๆ (Reference: Australian Tea Centre)

ในใบชาเกรด FTGFOP จะประกอบด้วยสารพฤกษเคมีสำคัญๆ หลายชนิด ดังภาพ

(Image from T’else Korea Official Website)

จากแบรนด์เคลมก็เป็นไปตามงานวิจัยว่าในการหมักชาจะได้สารพฤกษเคมีที่เป็นประโยชน์หลายชนิด รวมทั้ง Glucuronic acid ออกมาด้วย (Bishop et al., Beverages 2022, 8(3), 45)

สำหรับกรรมวิธีการสกัดนั้นทางแบรนด์ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Slow brewing technology สกัดด้วยอุณหภูมิต่ำ 20 องศาเซลเซียส อย่างช้าๆ เป็นเวลา 336 ชั่วโมง เพื่อให้ได้สารสกัดจากคอมบูชาที่มีคุณภาพสูง โดยไม่มีสารเติมแต่งอื่นๆ

โดยผลิตภัณฑ์ในซีรี่ส์นี้ ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ และการระคายเคืองในอาสาสมัครแล้วเรียบร้อย

สำหรับการใช้ Kombucha จากชาดำแบบทาภายนอกในเชิงเครื่องสำอางนั้น แบบเอามาทาตรงๆ ตอนที่ค้นใน Pubmed เมื่อ 18 ก.พ. 67 ยังไม่พบ แต่จะเจอการใช้สารสกัดจาก Kombucha มาใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (Intradermal) ในหนูทดลอง พบว่า สามารถเพิ่มปริมาณคอลลาเจน และการทำงานของผิวหนังผ่านการเสริมระบบ NAD+ /NADH level ซึ่งจะช่วยให้ผิวทำงานได้ดีขึ้น และอาการของริ้วรอยต่างๆ ดีขึ้นต่อไป (Pakravan, et al. J Cosmet Dermatol. 2018;17(6):1216-1224.) แต่ถ้าเป็น Kombucha ที่เอามาหมักร่วมกับพืชอื่นก็พอมีอยู่หลายฉบับ

จากองค์ประกอบของสารพฤกษเคมีใน Kombucha ที่มีรายงาน เราอาจจะอนุมานได้ว่า Kombucha นั้นจะมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี และมีประโยชน์ในการชะลอวัยของผิวพรรณ

ส่วนผสมอื่นๆ ดังนี้

  • Hyaluronic acid 4 กลุ่ม ได้แก่
    • Sodium hyaluronate ตัวดั้งเดิม
    • Hydrolyzed Hya ที่ผ่านการย่อยให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลง
    • Sodium acetylated Hya ที่เป็นตัวดัดแปลงเติมหมู่ Acetyl group ลงไปให้มีความชอบไขมันเพิ่มขึ้น ทำให้ซึมลงไปในหนังกำพร้า เกาะอยู่ในนั้น เพิ่มความชุ่มชื้น และทางผู้ผลิตวัตถุดิบเองก็มีเคลมเกี่ยวกับประโยชน์ในการเสริมการฟื้นฟู Barrier เสริมการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของ Keratinocyte (เซลล์ในชั้นหนังกำพร้า) เพื่อมาทดแทนตัวที่ได้รับความเสียหายจาก UV ไป และการทดสอบในระดับอาสาสมัครพบว่าเสริมความยืดหยุ่นให้ผิว
    • Hydroxypropyltrimonium hya เป็น Hya ประจุบวกที่จะเคลือบเกาะกับผิวเราซึ่งมีประจุลบได้แน่น
  • วิตามินบี 3 ที่มีประโยชน์ที่ดีต่อผิวหลายอย่าง ทั้งในแง่ของ Whitening ผ่านการลดการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง เสริมการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว และดูแลเรื่องรูขุมขน การเกิดสิว การปลดปล่อยน้ำมัน Sebum
  • Pseudoceramide ตัว PC-9S (Myristoyl/Palmitoyl Oxostearamide/Arachamide MEA) ที่สามารถฟอร์มเป็น MLE เพื่อดูแล Barrier ผิว ร่วมกับสารไขมัน อย่าง Shea butter, meadowfoam seed oil และ Phytosterol
  • สารต้านระคายเคือง + ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) จัดเต็มแบบฉ่ำ
    • Allantoin
    • Biosaccharide gum-1
    • Acetyl dipeptide-1 cetyl ester
  • สารสกัดจากพืชอีกมากมายหลายชนิด ที่ให้ประโยชน์ที่ดีหลายประการกับผิว

ในภาพรวมก็คือเป็นครีมมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว แต่ในเบสก็ยังคงมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากพืชในตระกูล Citrus ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้แสงแดดได้ ถ้าใช้ในตอนกลางวันแล้วไปโดนแดดจัดๆ

แต่ว่า น้ำมันหอมระเหยกลุ่มนี้ในท้องตลาดจะมีพวกที่เป็นเกรด FCF คือ Furocoumarin free ด้วย โดยแยกเอาสาร Furocoumarin ออกจากน้ำมัน ทำให้ลดความเสี่ยงในการแพ้แสงแดดไป ซึ่งทางนี้ก็คิดว่า ทางแบรนด์คงใช้เกรด FCF แหละ

มาให้คะแนนกันดีกว่า

  1. สารบำรุง น้องเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่น่าสนใจตัวหนึ่ง มีการใช้ MLE เข้ามาเสริมเพื่อให้ได้ความสามารถในการดูแลผิวให้แข็งแรง พร้อมด้วยตัว Kombucha ที่เป็น Antioxidant ที่ดี มี Hya ที่มีประโยชน์เรื่องความชุ่มชื้น และเสริมสารสกัดจากพืชมาอีกหลายชนิด ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ หักคะแนนเรื่องของ Citrus oil ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการไวต่อแสง (Photosensitivity) แต่อย่างที่ได้เล่าให้ฟังว่า ในตลาดเครื่องสำอางมีการสกัดเอาสารไวต่อแดดอย่าง Furocoumarin ออก ได้เป็น Citrus oil เกรด FCF ซึ่งจุดนี้คิดว่าแบรนด์คงเลือกมาดีแล้ว แต่ขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ด้วยความที่น้องเป็นครีมที่ค่อนข้างชุ่มชื้น ส่วนตัวที่มีผิวผสม/แห้งอยู่แล้วเลยค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ เอาเป็นครีมรับจบตัวเดียวในตอนเช้าก่อนลงกันแดดแล้วออกบ้านก็พอได้ ไม่สังขยาในระหว่างวัน แต่จะชอบใช้เป็นไนท์ครีมมากกว่า ในด้านความชุ่มชื้น ความสบายผิว นี่ว่าเริ่ด เอาไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ตั้งแต่วันเปิดตัว และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ T’else โดยตรงเลยนะคะ

https://web.facebook.com/TelseThailand

ทางไปตำ

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/AKLS2XEQ7A

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.GCqkH?cc

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมครีมและมาสก์ชีท 10 ดรุณีไฮยา Blue Agave จากแบรนด์ T’else

หลังจากที่ใน Blog ก่อน ได้หยิบเอากลุ่มสกินแคร์จากแบรนด์ t’else ในไลน์ Kombucha ไปแล้ว วันนี้มาถึงคิวของไลน์ Blue Agave กันบ้างค่ะ

สำหรับท่านที่พลาดสามารถรับชมได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>Click<<

โดยสินค้าในไลน์ Blue Agave นี้มีด้วยกัน 2 ชิ้น คือ ครีม กับ มาสก์ชีทค่ะ

เริ่มจากครีมก่อน

น้องมาในกระปุกหน้าตาประมาณนี้

ตัวกระปุกผลิตจาก Plastic 50%PCR (Post-consumer recycled) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักษ์โลกตามคอนเซปท์ของแบรนด์

เนื้อครีมเป็นสีฟ้าอ่อนๆ จริงๆ จะมีตัวแคปซูลกระจายอยู่ด้วยค่ะ แต่กล้องเก็บภาพไม่ค่อยชัด

สำหรับตัว Capsule นี้ก็คือ ทางแบรนด์เคลมว่าใช้เก็บกัก Hyaluronic acid 10 โมเลกุลที่มีขนาดและประโยชน์ในการบำรุงผิวแตกต่างกันออกไป

(Image from T’else Korea Official Website)

เนื้อครีมจะมีความพิเศษอีกจุด คือ นอกจากการมี Capsule เล็กๆ แล้ว น้องจะมีความลื่นและเหลวลงเมื่อเราเกลี่ย ซึ่งอาจเรียกแบบสวยๆ ว่า Shear thinning คือ ความหนืดลดลงเมื่อให้แรงสัมผัส

ก่อนเกลี่ย

เริ่มเกลี่ย

ซึ่งฟีลตรงเนี้ย จะบอกว่า คือ สดชื่นอิ่มเอมเปรมปรีดิ์เว่อร์

แล้วพอเกลี่ยเสร็จทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที ก็จะไม่เหลือความเหนอะหนะ แต่ยังรู้สึกว่าผิวนุ่มชุ่มชื้น

เอาไปแช่เย็นแล้วตักมาซักนิดหน่อย มาละเลงบนหน้าเวลาเหนื่อยๆ คือ ดี๊ย์ดีย์

สำหรับในไลน์ Blue agave นั้น ในตาม Concept ของ T’else คือ Terra + Else โดย Terra ก็คือ ตัวสารสกัดจาก Blue agave (Agave tequilana Leaf Extract) ซึ่งผ่านกรรมวิธีสกัดที่เป็นเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ ที่เรียกว่า Air Brewing 100TM technology ที่รอคอยกว่า 100 ชั่วโมง เพื่อให้ได้สารสกัดที่ดึงเอาพฤกษเคมีออกมาจาก Blue agave ที่เป็นพืชหายากได้อย่างคุ้มค่าและสมบูรณ์

โดยวิธีนี้ทางแบรนด์ก็เคลมว่า สามารถลดการปลดปล่อย Carbon dioxide สู่บรรยากาศได้ถึง 33% และประหยัดพลังงาน รวมทั้งไม่สร้าง by product ที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สมกับคอนเซปท์ “Little things change everything” ของแบรนด์ ที่เอาใจใส่ในทุกมิติ

ส่วนของ Terra คือ Blue Agave แล้ว ส่วนของ Else จะเป็นการเลือกใช้ Hyaluronic acid 10 อนุพันธ์ 10 รูปแบบ ที่มีประโยชน์ที่แตกต่างกันไป 10 โมเลกุล 10 คุณประโยชน์

(Image from T’else Thailand)

ตัวผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและการระคายเคืองในอาสาสมัคร ว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

และในด้านของประสิทธิภาพก็คือไม่เบาเลย

เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังชั้น Stratum corneum ได้ทุกระดับชั้นผิว ชั้นบน เพิ่ม 368% ชั้นล่าง เพิ่ม 165%

อันนี้ทางแบรนด์ก็เคลมว่าแบบ เออ คงจะดีกว่าถ้าทาแล้วมันซึมลงไปมอยส์ด้านล่างด้านในด้วย ไม่ใช่แค่มอยส์แต่บนๆ

ส่วนของภาพถ่ายความชุ่มชื้นก็บอกเช่นเดียวกันว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น

สำหรับส่วนผสมก็คือจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ

เริ่มต้นด้วยพระเอกของงานก่อน

  • สารสกัดจาก Blue agave (Agave tequilana leaf extract) ใน Agave ประกอบด้วย สารกลุ่ม Polysaccharide จำพวก Fructan และ Inulin ที่มีประโยชน์ในด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้น และเป็น Prebiotic ซึ่งเจ้า Fructan นี่แหละ ที่สำคัญในการเก็บกักน้ำให้แก่ต้น Agave มีชีวิตรอดในทะเลทรายอันแห้งแล้งได้ นอกจากนี้ยังมี Claim ว่าใน Blue agave ยังประกอบด้วย Flavonoids ซึ่งเป็น Antioxidant และ Saponin หนึ่ง ที่มีชื่อว่า cantalasaponin-1 แต่อันนี้แยกมาจาก Agave americana มีรายงานว่ามีฤทธิ์ในการลดการอักเสบในหนูทดลอง (Molecules. 2013;18(7):8136-46.) ซึ่งก็อาจจะมีใน A. tequilana เหมือนกัน
  • Hyaluronic acid 10 ชนิด ที่บำรุงผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นได้ถึง 10 ระดับชั้นผิว ดังที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้า ตัวที่น่าสนใจแล้วค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์จะเป็นกลุ่มของ Silanol derivative เช่น Dimethylsilanol hyaluronate และ hyaluronate dimethylsilanol ที่เป็น Hybrid ของไฮยา กับ Organic silicon ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า นอกจากเรื่องชุ่มชื้น ยังมีประโยชน์ในเรื่องของการชะลอวัย ดูแลเรื่องริ้วรอยได้อีก 1 กรุบ
  • สารเพิ่มความชุ่มชื้นอื่นๆ เช่น Sodium PCA ที่เป็น Natural moisturizing factor ช่วยผิวจับน้ำ ประกบมากับน้ำมัน Jojoba และ Moringa (มะรุม) ที่มีกรดไขมันจำเป็น

  • ส่วนผสมที่เด่นเรื่อง Soothing effect ดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ซึ่งแทนด้วยอักษรสีชมพู มาทั้ง Allantoin, Hydroxyacetophenone ซึ่งนอกจากคุณสมบัติ Soothing ยังเสริมฤทธิ์สารกันเสียในสูตรอีกทาง, Rose water และ Dipotassium glycyrrhizate
  • Adenosine เด่นเรื่องการดูแลริ้วรอย
  • สารสกัดพืชอีกมากมายหลากหลายชนิด ให้ประโยชน์กับผิวหลายอย่าง ทั้งเป็น Antioxidant, Whitening และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

ในส่วนของเบสเป็นเนื้อครีมแบบ Water-based emulsion แต่น้องมี Ethylhexyl palmitate ที่อาจจะอุดตันได้ในบางคน แต่ส่วนตัวก็ใช้มาราวๆ เดือนครึ่ง ยังไม่เจอปัญหาใดๆ ค่ะ

ส่วนผสมที่เหลือคือเลือกมาได้เป็นอย่างดี แม้กระทั่ง จุดเล็กจุดน้อย อย่างการปรับค่า pH ที่เรานิยมใช้ Triethanolamine มาปรับ แต่น้องดันมีวาระซ่อนเร้นว่าอาจจะไปจับกับพวกสารบางชนิดแล้วทำให้เกิด Nitrosamine ที่อาจจะก่อมะเร็ง แต่เอาจริงมันเกิดยากมาก เพราะต้องใช้อุณหภูมิสูงมาก แต่แบรนด์ก็ไม่ได้ใส่มา เปลี่ยนมาใช้ Tromethamine ที่เป็นมิตรกว่ามาปรับค่า pH ให้เหมาะสมกับผิวแทน

ในภาพรวมก็คือ ฉ่ำอยู่ (ที่แปลว่าฉ่ำจริงๆ)

ถัดมาเราลองมาดูมาสก์ชีทกันบ้างนะคะ น้องมาในซองสีน้ำเงินค่ะ

ตัวน้ำมาสก์จะเป็นเนื้อคล้ายเซรั่ม/เจล เป็นเบสแบบใส

ค่า pH ของน้ำมาสก์อยู่ที่ ราวๆ 5 – 6 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

แผ่นมาสก์ค่อนข้างโดดเด่นนะคะ แนบสนิทไปกับผิว

ตัวแผ่นมาสก์เป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตร ที่ผลิตจากเส้นใยไผ่ ย่อยสลายได้ 100% ซึ่งผ่านการทดสอบ Biodegradability มาแล้ว และทางแบรนด์เคลมว่าเป็น “Water hole sheet” เวลาวางบนผิวน้องจะหดตัว 2 Step ก่อนจะแนบสนิทไปกับผิว

(ภาพจาก T’else Thailand)

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ถ้าดูจากส่วนผสม สูตรของมาสก์จะค่อนข้างเด่นในด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้นแบบชุ่มฉ่ำ สมกับเป็นแผ่นมาสก์ที่มาสก์แล้วให้การบำรุงฟื้นฟูผิวในยามเร่งด่วนจริงๆ

ในด้านของสารบำรุงจะมาคล้ายๆ กับ รุ่นครีม จะมีจุดที่แตกต่างเล็กน้อย

  • เสริม Niacinamide หรือ วิตามินบี 3 เข้ามา ซึ่งน้องก็มีประโยชน์ในการบำรุงผิวหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดการอักเสบระคายเคือง เสริมการสังเคราะห์ Barrier ผิว รวมไปถึง Whitening ซึ่งมารวมกับสารสกัดจากพืชบางชนิด เช่น ขมิ้น ก็น่าจะได้ประโยชน์ในตรงนี้อยู่
  • เสริมกลุ่ม Soothing ให้ฉ่ำขึ้น ด้วย โปรวิตามินบี 5 (Panthenol) และ Pantolactone ที่เราอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ แต่น้องเป็นตัวตั้งต้นของ Panthenol อีกที มีคุณสมบัติเป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นที่ดี และมีเคลมว่าผิวเราจะเปลี่ยนน้องเป็น Panthenol และ Pantothenic acid ในผิวได้ต่อไป
  • ส่วนผสมยังมี Claim ถึงเรื่องการเปิดประตูน้ำด้วย Electrolyte ที่สำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ Potassium (จาก Potassium hyaluronate, Potassium aspartate), Sodium (จาก Sodium hyaluronate) และ Magnesium จาก (Magnesium aspartate)
  • สำหรับ Magnesium aspartate พอมีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบอยู่ว่า มีประโยชน์ในการลดการระคายเคืองของผิวเสริมเข้ามา

ในภาพรวมเบสนี้ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกัน

ถ้าเป็นการให้คะแนนของครีม จะขอให้ที่ 5/4/5 โดยหักคะแนนของ ส่วนผสมอื่นๆ ไป 1 คะแนนด้วยความที่น้องมี Ethylhexyl palmitate อยู่ในสูตร

ถ้าเป็นการให้คะแนนมาสก์ จะขอให้ที่ 5/5/5 เต็มที่ไม่หักค่ะ

เอามาเฉลี่ยๆ กัน เหลือ 5/4.5/5 แล้วกันเนาะ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ตั้งแต่วันเปิดตัว และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ T’else โดยตรงเลยนะคะ

https://web.facebook.com/TelseThailand

สายชอปปิ้งเรียนเชิญได้ค่ะ

สูตรครีม

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.GCqFK?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/30YrJBPHvd

มาส์กชีท

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.GCsQd?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/7fKgtH5RBG

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เจลอาบน้ำสุดฉ่ำสำหรับดูแลผิวกายที่มีปัญหาสิว จากแบรนด์ Derma:B สูตร AC Control Body Wash

สิวนั้นไม่ได้กวนเราแค่ที่ใบหน้า แต่อาจเกิดที่แผ่นหลัง หรือหน้าอกก็ได้ วันนี้เลยขอหยิบเอาผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อัดแน่นด้วยส่วนผสมบำรุงและดูแลผิวกายที่มีปัญหาสิว

และผ่านการทดสอบแล้วว่าดูแลสิวที่ผิวกายได้ดี ผ่านการรับรองจาก KFDA (องค์กรอาหารและยาประเทศเกาหลีใต้)

โปรยซะขนาดนี้ น้องก็คือ AC Control Body Wash จากแบรนด์ Derma:B นั่นเองค่ะ

Derma:B เป็นแบรนด์ในเครือ Neopharm เครือใหญ่เครือหนึ่งของประเทศเกาหลี เจ้าของเทคโนโลยีสิทธิบัตร MLE และอีกหลายๆ นวัตกรรมทางเครื่องสำอาง โดยแบรนด์นี้เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลร่างกายค่ะ

สำหรับไลน์ AC control นั้น ทางแบรนด์พัฒนาออกมาด้วยกัน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สบู่เหลวอาบน้ำ บอดี้มิสท์ และ โลชั่น

วันนี้ขอเริ่มจากการวิเคราะห์ส่วนผสมตัวสบู่เหลวอาบน้ำก่อนเลย

น้องมาในหน้าตาประมาณนี้

เนื้อสบู่เหลวพอเหมาะ มีกลิ่นหอมในโทนสดชื่น ฟองพอเหมาะ หลังล้างให้ความรู้สึกดี

ค่า pH ของฟองหลังละลายน้ำแล้ว อยู่ที่ประมาณ 6 ค่ะ

สำหรับผลิตภัณฑ์นี้ ทางแบรนด์เองก็ได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพในอาสาสมัครมาแล้ว

โดยพบว่าผลิตภัณฑ์นี้ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองในอาสาสมัคร

และสามารถผลัดผิวในอาสาสมัครได้ดี โดยลดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ถึง 83% ในการอาบเพียงครั้งเดียว

(Images from Derma:B Thailand)

และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 สัปดาห์ อาสาสมัครก็มีความมันบนผิวลดลง

(Images from Derma:B Thailand)

มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันดีกว่า

ส่วนผสมเป็นดังนี้

เรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่จัดส่วนผสมมาค่อนข้างเต็ม

เนื่องด้วยเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดเลยขอเริ่มวิเคราะห์จากส่วนผสมที่เป็นสารทำความสะอาดก่อน

สารทำความสะอาดแทนด้วยสีเขียว

  • ในภาพรวมเป็นกลุ่มของ Sulfate free มีทั้งชนิดประจุลบ สองประจุ (Amphoteric) และไม่มีประจุ และเลือกใช้สารทำความสะอาดมาได้ค่อนข้างอ่อนโยน และให้ฟองที่ดี ทำความสะอาดได้ดี

สารที่ดูแลสิว แทนด้วยสีฟ้า จัดมาเต็มทั้ง BHA, LHA, PHA

  • Salicylic acid จัดเป็น BHA ที่เด่นในเรื่องของการลดการอุดตัน
  • Capryloyl salicylic acid จัดเป็น LHA ที่ละลายได้ดีในไขมัน ผลัดผิวได้อ่อนๆ และ มีประโยชน์ในแง่ของรอยดำ
  • Gluconolactone เป็น PHA ที่เด่นในแง่ของการผลัดผิวอย่างอ่อนโยน และดูแลเรื่องสิว

สารทดแทนไขมันคืนให้ผิว (Superfat agent) เป็นสีเขียวมะกอก

  • เวลาเราทำความสะอาด สารทำความสะอาดจะแยกไม่ได้หรอกว่าอันไหนไขมันดี อันไหนสิ่งสกปรก นางจะดึงออกหมด การมีพวกสารทดแทนไขมันคืนให้ผิวในสูตรก็จะดี ในที่นี้มีส่วนผสมของ Shea butter และ Grape seed oil เข้ามาดูแลในจุดนี้

สารเติมน้ำให้ผิว ใช้สีน้ำเงิน

  • Glyceryl glucoside ตัวนี้เป็นอนุพันธ์ของ Glycerin ที่จับกับน้ำตา Glucose มีรายงานว่ากระตุ้นการสังเคราะห์ Aquaporin-3 ที่ช่วยเก็บน้ำและ Glycerin เข้าผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
  • Hyaluronate และอนุพันธ์ รวม 7 รูปแบบ มีทั้งตัวใหญ่ ตัวเคลือบ ตัวเล็ก ที่เบลนด์ผสมกันมาได้อย่างลงตัว แม้ว่าตัวเล็กๆ อาจจะละลายไปกับสายน้ำเมื่อเราล้างออก แต่ตัวเคลือบมีแนวโน้มที่จะเกาะติดผิวได้อยู่ โดยเฉพาะตัว Hya ที่ทำให้มีประจุบวกอย่าง Hydroxypropyltrimonium Hyaluronate ที่มีความน่าสนใจเพราจะเกาะกับโปรตีนบนผิวได้นาน และไม่ค่อยหลุดตอนล้างด้วยน้ำเปล่า
  • Hydrolyzed Glycosaminoglycans ตัวนี้เป็น Glycosaminoglycans ที่ผ่านการย่อยให้มีขนาดเล็กลง ก็มีความเด่นเรื่องการเติมน้ำให้ผิวเช่นกัน

กลุ่มสารที่ดูแลเรื่องการระคายเคือง แทนด้วยสีม่วง

  • Hydroxyacetophenone มีประโยชน์หลายอย่างทั้งในแง่ของการเสริมฤทธิ์สารกันเสียในสูตร รวมไปถึง Antioxidant และ ให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 เด่นในแง่ของการเพิ่มความชุ่มชื้น และดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง

สารบำรุงอื่นๆ แทนด้วยสีชมพู ซึ่งจัดมาด้วยกันหลายชนิด ให้ประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายอย่าง เช่น เพิ่มความชุ่มชื้น เป็น Antioxidant และดูแลเรื่องสิว

ในภาพรวมก็คือ เป็นผลิตภัณฑ์อาบน้ำรูปแบบเจลใส ที่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่อ่อนโยนกับผิว แต่งกลิ่นด้วยเมนทอล และน้ำมันหอมระเหยจากพืชและสมุนไพรธรรมชาติ เสริมสารทดแทนไขมันคืนให้แก่ผิว มีสารเติมน้ำ สารดูแลปัญหาสิว และสารบำรุงอีกหลายชนิด

แม้ว่าผลิตภัณฑ์พวกนี้จะใช้แล้วล้างออก สัมผัสผิวแค่เดี๋ยวเดียวก็ล้างออกไป แต่การมีสารบำรุงผสมอยู่ ก็น่าจะดีกว่าไม่มีเลย

ถึงเวลาให้คะแนน

  1. สารทำความสะอาด ใช้สารทำความสะอาดกลุ่ม Sulfate free ที่ทุกตัวมีความอ่อนโยน ทำความสะอาดได้ดี และให้ฟองที่ดี ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. สารบำรุง ในแง่ของการดูแลสิวก็คงหนีไม่พ้น BHA, LHA, PHA เป็นตัวหลัก เสริมมาด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่ให้ประโยชน์กับผิวหลายประการ และมีสารเติมน้ำ สารทดแทนไขมันคืนให้แก่ผิวอยู่ครบถ้วน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ค่อนข้างดี ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Derma:B สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตาและทดลองใช้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/DermaBThailand

Shopping link

แอพส้ม https://shope.ee/1fqgdeUvvb

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Derma:B สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมครีมกันแดดนวัตกรรมสุดล้ำ กับ Foto Ultra Age Repair Fusion Water SPF 50 จากแบรนด์ ISDIN

สวัสดีค่ะ สำหรับคอนเทนท์นี้ขอหยิบเอาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด (ใน Content จะขอย่อว่ากันแดดนะคะ) อีกชิ้นหนึ่งจากแบรนด์ ISDIN แบรนด์เวชสำอางจากสเปนมาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ติดตามกันต่อนะคะ

ก่อนหน้านี้ส่วนตัวได้วิเคราะห์ส่วนผสมตัวกันแดดในรุ่น Active Unify fusion fluid ไป วันนี้จะหยิบเอาอีกรุ่นหนึ่งคือ Age repair fusion water มาวิเคราะห์ส่วนผสมต่อ

โดยมีชื่อเต็มๆ ว่า Foto Ultra Age Repair Fusion Water SPF 50

(สำหรับท่านที่พลาดไปสามารถติดตามรับชมได้ที่ https://miyeonthereviewer.com/2022/02/15/isdin-activeunify/)

ตัวนี้มาในขวดแบบปั๊ม

สูตรนี้ ถ้าอิงตามที่แบรนด์เคลมจะมีจุดเด่นอยู่ 5 ด้าน ได้แก่

  • ปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ดี
  • ไม่ระคายเคืองต่อดวงตา
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว เพราะมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบไว และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
  • ทาได้บนผิวที่เปียก
  • เป็นมิตรกับท้องทะเล

ว่าแล้วก็ต้องเอาไปใช้ที่ริมทะเล (ไม่ได้ลงไปเล่นน้ำให้เปียกถึงใบหน้า) ส่วนตัวค่อนข้างประทับใจกับสิ่งที่ได้ คือ ผิวไม่แสบร้อน ไม่ระคายเคือง ไม่แดง (สัมผัสแดดบริเวณชายหาดช่วงประมาณ 11 โมง อยู่กลางแดดประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง)

เนื้อสัมผัสจะบางเบากว่าตัว Active unify ซึ่งในจุดนี้อธิบายได้ด้วยเทคโนโลยี Fusion water ซึ่งเป็น เทคโนโลยีเนื้อสัมผัสที่ผลิตตำรับให้มีลักษณะการไหลแบบพิเศษที่ในทางเภสัชกรรมเรียกว่า Thixotropy หมายความว่า ความหนืดของตำรับจะเปลี่ยนไปตามแรงที่ให้ คือ ถ้าเราไปเกลี่ยไปทา ตัวตำรับจะมีความหนืดลดลงทำให้เราเกลี่ยได้ง่าย แต่พอตั้งทิ้งไว้เฉยๆ ตัวความหนืดจะกลับขึ้นมาคืนค่าเดิมไม่ให้ไหลหกเลอะเทอะ

โดยสูตร Fusion water จะมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักในปริมาณที่สูงกว่า และจะมีความหนืดมากกว่า Fusion fluid

เกลี่ยได้ง่ายเหมือนเดิม แต่สัมผัสตัวนี้จะแห้งไวกว่าตัว Active unify และรู้สึกเบาผิวกว่า

ลักษณะปรากฏที่ได้จะค่อนไปในทาง Matte มากกว่า

ส่วนผสมเป็นดังนี้

จากส่วนผสม ในภาพรวม ผลิตภัณฑ์นี้เป็นกันแดดเคมี ที่มาในเบสของอิมัลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำ และซิลิโคน ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและแอลกอฮอล์

ในด้านของสารบำรุง และสารที่มีประโยชน์ในการบำรุงผิวทำไว้ในหลายสีเช่นเคย และด้วยความที่เป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด จึงขอเริ่มกล่าวถึงกลุ่มของสารกันแดด ซึ่งแทนด้วยสีฟ้า

  • Butyl methoxydibenzoyl methane (BMDBM, Avobenzone) เป็น Chemical sunscreen ที่เด่นในการกรองรังสี UVA เป็นหลัก เสริมความคงตัวมาด้วยคู่หูของนางคือ Octocrylene
  • Ethylhexyl salicylate หรืออีกชื่อคือ Octisalate ตัวนี้เด่นในการกรองรังสี UVB
  • Phenylbenzimidazole sulfonic acid (PBSA) จุดเด่นของน้องคือเป็นกันแดดเคมีที่ละลายน้ำได้ เน้นกรองรังสี UVB เป็นหลัก กรองรังสี UVA ได้ในช่วงน้อยๆ ข้อมูลความคงตัวและความปลอดภัยค่อนข้างดี เวลาใช้ร่วมกันกับกันแดดเคมีตัวอื่นๆ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV ได้ดี รวมถึงช่วยเสริมความคงตัวให้แก่ Avobenzone และกันแดดเคมีตัวอื่นๆ ในตำรับ ให้สลายตัวได้ช้าลง
  • Bis-Ethylhexyloxyphenol methoxyphenyl triazine (Bemotrizinol, BEMT, Tinosorb S) เป็น Chemical sunscreen ที่เด่นในการกรองรังสี UVA เป็นหลัก แต่ครอบคลุม Spectrum UVA ตัวน้องละลายในไขมันได้ดีกว่าสารกันแดดเคมีกลุ่มเก่าๆ เวลาเราทานางจะพร้อมออกฤทธิ์ปกป้องแสงแดดได้เร็วกว่าตัวปกติ มีความคงตัวต่อแสงแดดดีขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเก่าๆ
  • สำหรับ Polysilicone-15 นั้นให้อารมณ์เหมือนเป็นกันแดดอ้อมๆ มาช่วยเสริมความคงตัวให้กับกันแดดเคมีตัวอื่นๆ อีกทีหนึ่ง

เสร็จจากสารกันแดดขอกล่าวถึงพระเอกของเรา ถึงแม้ว่าจะชื่อ Plankton extract แต่จริงๆ แล้ว นางเป็นสารนวัตกรรมสิทธิบัตรของทาง ISDIN โดยมีการเตรียม Plankton extract ด้วยกรรมวิธีพิเศษ ภายใต้ชื่อ DNA Repairsomes® จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ Photolyase เอนไซม์นี้มีหน้าที่คอยสอดส่องหาองค์ประกอบของเบสบนสาย DNA ในตำแหน่ง cyclobutane pyrimidine dimer (CPD) และ pyrimidine-pyrimidone (6–4) photoproduct (6–4PP) ที่เกิดขึ้นมาเพราะรังสี UV ไปทำลายองค์ประกอบในสาย DNA (Liu, et al. Phys Chem Chem Phys. 2015; 17(18): 11933–11949.)

เอนไซม์ตัวนี้จะเข้ามาฟื้นฟู โดยอาศัยพลังงานจากแสงในช่วง Visible light เป็นตัวกระตุ้น (Kavakli, et al., in Advances in Protein Chemistry and Structural Biology, 2019) มีผู้เสนอชื่อให้กระบวนการนี้ว่า Photorepair หรือ Photoreactivation

โดยการเกิด Photorepair นั้นจะเกิดที่ ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับวงการเครื่องสำอาง โดยมีการกล่าวถึงในบทความว่า การฟื้นฟูความเสียหายดังกล่าวจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย (Aging) รวมไปถึงมะเร็งผิวหนัง (Dermatol Ther (Heidelb) 9, 103–115 (2019))

ถัดมาเป็นสารบำรุงในกลุ่มของเปปไทด์ที่แทนด้วยสีม่วง ซึ่งมีด้วยกัน 3 ตัวหลักๆ

Combination ของ Palmitoyl Tripeptide-1, Palmitoyl Tetrapeptide-7 คือ Matrixyl 3000 ซึ่งเลือกใช้เปปไทด์ในกลุ่ม Matrikines 2 ชนิด ซึ่งเสริมกระบวนการสังเคราะห์เส้นใยต่างๆ (Extracellular matrix; ECM) รวมถึงฟื้นฟู และจัดเรียงโครงสร้าง ECM เพื่อให้ผิวกระชับ ลดเลือนริ้วรอย

Pentapeptide-34 Trifluoroacetate ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า peptide q10™ biofunctional ของบริษัท Ashland chemicals โดยนางมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ไปเสริมกระบวนการสังเคราะห์ Coenzyme Q10 ตามธรรมชาติของผิว ซึ่งปกติแล้ว Q10 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก การมี Q10 อยู่ ก็หมายความว่าผิวเราจะมีความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระที่ดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ตัวเปปไทด์นี้ยังเสริมการสังเคราะห์สารพลังงานสูง ATP และลดเลือนริ้วรอยให้แลดูจางลงไปพร้อมๆ กัน

สีชมพูเป็น Antioxidant vitamin อย่างวิตามินซี และ อี

มี Hyaluron ช่วยดูแลเรื่องความชุ่มชื้น

สีเขียว Silica ให้ประโยชน์ในการควบคุมและดูดซับความมันส่วนเกินบนผิว อาจจะทำงานร่วมกับ Polymethyl Methacrylate เพื่อให้สัมผัสที่นวลเนียน แห้งสบายเมื่อทา

และสีส้ม Tropolone เป็น Antioxidant สังเคราะห์ที่ช่วยปกป้องเนื้อสารในตำรับไม่ให้เสื่อมสภาพ

แน่นอนว่าพอเป็นแบรนด์ ISDIN ทางแบรนด์มีการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของตำรับอยู่หลายชิ้นมากๆ 

โดยขอยกตัวอย่างการทดสอบประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวของตำรับนี้ ที่ได้ตีพิมพ์ลงวารสาร โดยเป็นการศึกษาประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV ของตำรับกันแดดเบสน้ำที่มีส่วนผสมของ เอนไซม์ Photolyase encapsulated in liposome, Active biopeptides, Antioxidants, และ hyaluronic acid ทั้งในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง ผิวหนังเลี้ยง จนไปถึงในอาสาสมัคร พบว่าให้ผลในการปกป้องและฟื้นฟูผิวได้ดี ทั้งจากแสงแดดและมลภาวะต่างๆ (Narda, et al. Clin Cosmet Investig Dermatol. 2019; 12: 533–544.)

อีกจุดที่ส่วนตัวค่อนข้างประทับใจ คือไม่ใช่แค่สารบำรุงเท่านั้นที่มีประโยชน์ที่ดีกับผิว สารก่อฟิล์มในตำรับยังสามารถเคลือบปกป้องผิว และลดการเกาะติดของมลภาวะต่างๆ บนผิว โดยทางแบรนด์ได้ทำการทดสอบด้วยการเอาผง Carbon มาทาทับบริเวณที่ทาตำรับ เทียบกับบริเวณที่ไม่ได้ทาแล้วล้างออก พบว่าบริเวณที่ทาตำรับ มีปริมาณของผง Carbon เหลืออยู่น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับไม่ได้ทา

(Image from ISDIN)

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

สำหรับผลิตภัณฑ์นี้ส่วนตัวให้คะแนนดังนี้ค่ะ

  1. สารกันแดดและสารบำรุงอื่นๆ เรียกได้ว่าทำมาได้ไม่มีที่ติตามที่ได้กล่าวไปในด้านบน และตรงตามคอนเซปท์ ป้องกัน ฟื้นฟู และ ดูแลไปพร้อมๆ กัน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ได้รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน อันนี้ต้องบอกเลยว่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ เพราะตอนเอาไปใช้ที่กทม. นั้นคือ ฟีลแบบดีงามมาก ทาแล้วค่อนข้างเบาสบายผิว แต่ไม่ถึงกับเรียบเนียนผ่องเหมือนรุ่น Active Unify จะให้ความรู้สึกที่ค่อนไปทาง Matte มากกว่า แต่ถ้าเอามาใช้ที่ทางเชียงใหม่เชียงราย ตัวนี้จะรู้สึกมีอาการผิวแห้งระหว่างวันได้ในบางวัน แต่เรื่องของรอยแดง หรือการระคายเคืองหลังจากออกแดด ทั้งรุ่นนี้และรุ่น Active Unify คือทำมาได้ดีไม่แพ้กัน รับไป 5 ฟลาสก์

สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทย ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

“Flagship Store” ShopeeMall https://invol.co/clb1zun

“Flagship Store” LazMall : https://invol.co/clb1ztm

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ