Image

[Press conference] รวมบรรยากาศงานเปิดตัวสินค้า Melabright [C+] by Alphascience 29 – 30 เมษายน 2566

เมื่อวันที่ 29 – 30 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ Alphascience ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ Melabright [C+] เซรั่มดูแลปัญหาฝ้า ที่มีส่วนผสมของ Cysteamine แบบใช้แล้วไม่ต้องล้างออกชิ้นแรกของโลกค่ะ

ส่วนตัวดิฉันเองได้รับเกียรติเชิญเป็นวิทยากรในงานนี้ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ KOLs และ Influencer อีกหลายๆ ท่าน เลยขอนำภาพบรรยากาศมาฝากกันค่ะ

สำหรับเซรั่ม Melabright [C+] ตัวนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวหนึ่งที่น่าจับตามองเลยทีเดียวค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ: Propylene glycol, Isopentyldiol, Aqua, Ascorbic acid, Ginkgo biloba leaf extract, Cysteamine HCl, Ethoxydiglycol, Phytic acid, Acetyl glycyl beta-alanine, PEG-8 dimethicone, Aminomethyl propanol, Citric acid, Sodium citrate, Glycereth-26.

ในงานก็เอา Top three มาตั้งโชว์ค่ะ

ตัว HA Booster ทางเพจได้เคยรีวิวไปแล้ว ท่านที่สนใจสามารถติดตามอ่านได้ที่ลิงค์นี้เลยนะคะ >>Click อ่านรีวิว HA Booster<<

เริ่มเปิดงานด้วยเชฟกันน์ สรวิศ มาโชว์ทำอาหารเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเซรั่มของ Alphascience ค่ะ

(ขอบคุณภาพถ่ายจากทางทีมงาน Alphascience)

หลังจากนั้นคุณเข้ม หัสวีร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของ Alphascience ก็ออกมาร้องเพลงให้ FC ทุกท่านฟัง และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้ Melabright [C+]

(ขอบคุณภาพถ่ายจากทางทีมงาน Alphascience)

และผู้บริหารของทางบริษัท Derma MD ตัวแทนจำหน่ายของ Alphascience ก็ได้มากล่าวต้อนรับและกล่าวถึงการนำเอา Alphascience เข้ามาจำหน่ายค่ะ

(ขอบคุณภาพถ่ายจากทางทีมงาน Alphascience)

หลังจากนั้น Dr.Alfred Marchal ผู้เชี่ยวชาญด้าน Antioxidant ที่คิดค้นตำรับนี้ กับ คุณ Julien Revol CEO ของ Alphascience ประเทศฝรั่งเศสก็ได้มาเล่าแบรนด์สตอรี่ให้ฟังค่ะ

(ขอบคุณภาพถ่ายจากทางทีมงาน Alphascience)

ทางเพจเคยนำเสนอ Brand story ของ Alphascience ไว้ ท่านที่สนใจสามารถติดตามรับชมได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>Click อ่าน Brand story<<

จากนั้นก็เป็นการคุยกันเรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ค่ะ

Session แรก เริ่มด้วยดิฉันเอง ในหัวข้อเกี่ยวกับ เทรนด์ของผลิตภัณฑ์ Whitening และรายละเอียดของ Vitamin C และ Cysteamine

ต่อมาเป็นหมอเจี๊ยบ เพจ Hello skin by หมอผิวหนัง มาให้ความรู้เกี่ยวกับฝ้า และการดูแลรักษา

และคุณแพรี่ มาเล่าประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ค่ะ

หมอเจี๊ยบกับคุณแพรี่น่ารักมากๆ ค่ะ

ต่อด้วยหมอต่อ คุณทราย เจริญปุระ และ คุณเยาวธิดาจากเพจ GURUCHECK เช็ค กับ กูรู ค่ะ

จากนั้นก็เป็นการถ่ายรูปร่วมกันค่ะ

ส่วนกิจกรรมวันที่ 2 ก็น่าสนใจเหมือนกันนะคะ

Session แรก เป็น Beauty Guru interview talk ที่ดิฉันมีโอกาสได้แชร์เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการดูแลผิวคู่กับคุณ Jossy เพจ Jossy Berry ค่ะ คุณ Jossy สวยฉ่ำมงลง น่ารักมากๆ

ส่วนอีก Session เป็นวิทยากรร่วมกับ Dr.Alfred บรรยายเกี่ยวกับเรื่อง Antioxidant และนวัตกรรม/เทคโนโลยี Nextgen Vitamin C ของทางแบรนด์ค่ะ

สำหรับงาน Press conference เปิดตัว Melabright [C+] ก็คือเรียกได้ว่าจัดขึ้นได้อย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียวค่ะ

Special thanks: รูปถ่ายจากทีมงาน Alphascience และ บริษัท Derma MD

Sponsorship: บริษัท Derma MD จำกัด ประเทศไทย และ แบรนด์ Alphascience ประเทศฝรั่งเศส

Disclaimer: Self-opinion

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสุดล้ำค่าจาก ISDIN รุ่น FOTO ULTRA100 สูตร Active Unify fusion fluid

สวัสดีค่ะ สำหรับคอนเทนท์นี้ขอหยิบเอาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด (ใน Content จะขอย่อว่ากันแดดนะคะ) จากแบรนด์ ISDIN แบรนด์เวชสำอางจากสเปนมาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ติดตามกันนะคะ

ถ้ากล่าวถึงกันแดดตอนนี้ที่ดังมากๆ และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีของ Texture คงหนีไม่พ้นกันแดดจากแบรนด์ ISDIN  

กันแดดของทางแบรนด์ที่ส่วนตัวได้รับมามีด้วยกันหลายสูตร แต่จะขอหยิบเอา 2 สูตรมารีวิว คือ Active unify fusion fluid และ Age repair fusion water นะคะ

โดย content แรกนี้จะขอเน้นวิเคราะห์ส่วนผสมของสูตร Active unify ซึ่งเป็นครีมกันแดดที่พัฒนามาเป็นพิเศษสำหรับผิวพรรณที่มีปัญหาฝ้า หมองคล้ำ และจุดด่างดำก่อนค่ะ

น้องมาในหน้าตาประมาณนี้นะคะ

สำหรับแพคเกจจะเป็นรูปแบบขวดที่มีปากด้านในเป็นปลายแหลมไว้หยดเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมา

เนื้อมาในเนื้อโลชั่นที่มีความหนืดปานกลาง ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะตัวผลิตภัณฑ์มีค่า SPF ค่อนข้างสูง (จากข้อมูลที่ได้รับและค้นคว้าเพิ่มเติม คือ ตัวผลิตภัณฑ์นี้มีค่า SPF มากกว่า 100)

สัมผัสค่อนข้างชุ่มชื้นแต่ไม่ถึงกับเหนอะหนะ เกลี่ยได้ง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว ซึ่งต่างจากที่ตัวเองคิดไว้ลิบลับเลย ตอนแรกพอดูจากส่วนผสมแล้วคิดว่าจะออกมาแห้งหน่อย แต่พอได้ใช้จริงคือดีงาม ไม่แห้งและไม่เยิ้มในระหว่างวัน

ถ้าดูใต้แสงแฟลช จะสังเกตเห็นว่ามีความมันวาวอยู่บ้างเล็กน้อย

จากที่ได้ลองเนื้อสัมผัส จุดที่ติดใจ คือ น้องช่วยปรับผิวให้แลดูเรียบเนียนขึ้น อารมณ์คล้ายๆ การทา Primer ก่อนการแต่งหน้าเลยทีเดียว

ถ้าพูดถึงปัญหา Sensitive skin บ้านเรามักจะเรียกแบบเหมารวมว่าเป็นผิวบอบบางแพ้ง่าย แต่จริงๆ แล้วคำว่า Sensitive skin นั้นมีความหมายค่อนข้างกว้าง และใช้รวมถึงสภาพผิวที่มีแนวโน้มเกิดปัญหาต่างๆ ได้ง่ายกว่าผิวปกติ ปัญหาเหล่านี้เช่น

  • การระคายเคือง
  • การเกิดสิวอุดตัน
  • การเกิดรอยแดง
  • การเกิดจุดด่างดำ รวมทั้งจุดด่างดำหลังกระบวนการอักเสบที่เรียกว่า Post-inflammatory hyperpigmentation (PIH)

โดยตัว Active unify นี้ทางแบรนด์ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับผิวบอบบางชนิดที่มีปัญหาฝ้า และผิวไวต่อแดด โดยเมื่อออกแดด หรือสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานแล้วอาจจะเกิดการระคายเคือง จุดด่างดำต่างๆ ได้ง่ายกว่าผิวปกติ โดยในส่วนผสมจะมีสารที่ให้คุณสมบัติดูแลด้านการอักเสบและระคายเคือง รวมถึงดูแลเรื่องปัญหาจุดด่างดำจากแดดที่เรียกว่า Sun spot

สำหรับกลไกในการเกิดจุดด่างดำจากรังสี UV นั้นมี 2 แบบ ได้แก่ แบบแรก รังสี UV ไป Oxidize เมลานินที่มีอยู่เดิมให้มีสีเข้มข้น ผลนี้จะเกิดขึ้นได้รวดเร็ว ทำให้เราพบว่าสีผิวมักจะคล้ำขึ้นหลังจากออกแดดไปไม่นาน

อีกแบบ รังสี UV จะไปเสริมการสร้างยีนที่มีชื่อว่า POMC ซึ่งจะไปทำให้ปริมาณของฮอร์โมน alpha-MSH ซึ่งเป็นเหมือนคุณแม่แห่งการสร้างเมลานิน ที่จะลงไปสั่งงานให้ Melanocyte สร้างเมลานินออกมา ทำให้สีผิวเข้มข้น ผลนี้จะใช้เวลานานกว่า ภาพด้านล่างนี้ส่วนตัวลองทำมาเพื่ออธิบายผลของรังสี UV ที่เกิดผ่านระบบ POMC ค่ะ

จริงๆ เรื่องของรังสี UV และการสร้างเม็ดสียังมีรายละเอียดอีกเยอะนะคะ แต่ขอละเว้นไว้ก่อนนะคะ

ก่อนไปดูส่วนผสม อยากเล่าถึงเทคโนโลยีของ Fusion fluid และ Fusion water อีกนิดหน่อย ว่าเทคโนโลยีเนื้อสัมผัส หรือ Texture เหล่านี้ของทาง ISDIN มันเป็นอย่างไร จากที่ได้ลองค้นข้อมูลเพิ่มเติมพอจะสรุปความได้ว่า ทั้งตำรับที่เป็น Fusion fluid และ Fusion water เป็นเทคโนโลยีหนึ่งของแบรนด์ที่ผลิตตำรับให้มีลักษณะการไหลแบบพิเศษที่ในทางเภสัชกรรมเรียกว่า Thixotropy หมายความว่า ความหนืดของตำรับจะเปลี่ยนไปตามแรงที่ให้ คือ ถ้าเราไปเกลี่ยไปทา น้องจะมีความเหลวมากขึ้นทำให้เราเกลี่ยได้ง่าย แต่พอตั้งทิ้งไว้เฉยๆ น้องจะมีความหนืดที่สูงในระดับหนึ่ง

ซึ่งตัวที่เป็น Fusion fluid จะมีความหนืดกว่าตัวที่เป็น Fusion water เล็กน้อย

และแน่นอนว่าพอเป็น ISDIN จะมาแบบธรรมดาๆ ไม่ได้ และใช่ค่ะ น้องผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยทั้งในระดับหลอดทดลองและในอาสาสมัครมาเรียบร้อย โดยขอหยิบยกเอางานหนึ่งมาเล่าให้ฟังค่ะ

เป็นการทดสอบประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดและความปลอดภัยของตำรับ Unify ในอาสาสมัครที่มีปัญหาฝ้าในความรุนแรงระดับเล็กน้อยและปานกลาง เป็นเวลา 84 วัน ความน่าสนใจอยู่ที่ หลังการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อาสาสมัครมีคะแนนความรุนแรงของฝ้าลดลง เมื่อประเมินด้วย MASI score (Melasma area and severity index) ซึ่งการประเมินด้วย MASI จะมีวิธีคำนวณให้ออกมาเป็นตัวเลข

(Image from ISDIN)

มาดูกันที่ส่วนผสมดีกว่าค่ะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้

สำหรับส่วนผสมวันนี้ทำไว้อยู่หลายหมวดสีนะคะ

เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเลยขอโฟกัสที่สีฟ้า กลุ่มของสารกันแดดก่อน

  • Butyl methoxydibenzoyl methane (BMDBM, Avobenzone) เป็น Chemical sunscreen ที่เด่นในการกรองรังสี UVA เป็นหลัก เสริมความคงตัวมาด้วยคู่หูของนางคือ Octocrylene
  • Bis-Ethylhexyloxyphenol methoxyphenyl triazine (Bemotrizinol, BEMT, Tinosorb S) เป็น Chemical sunscreen ที่เด่นในการกรองรังสี UVA เป็นหลัก แต่ครอบคลุม Spectrum UVA ตัวน้องละลายในไขมันได้ดีกว่าสารกันแดดเคมีกลุ่มเก่าๆ เวลาเราทานางจะพร้อมออกฤทธิ์ปกป้องแสงแดดได้เร็วกว่าตัวปกติ มีความคงตัวต่อแสงแดดดีขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเก่าๆ
  • Titanium dioxide ตัวนี้เป็นกันแดดแบบกายภาพ ที่กันได้ค่อนข้างกว้างทั้ง UVA, UVB และมีความคงตัวที่ดีกว่ากันแดดกลุ่มเคมี

สูตรกันแดด Active Unify นี้ทางแบรนด์เคลมที่การเลือกใช้ส่วนผสมของสารบำรุง 3 ชนิด ภายใต้ชื่อ DP3 Unify complex ซึ่งประกอบด้วย Tetrapeptide-30, Phenylethyl resorcinol และ Niacinamide มาดูรายละเอียดทีละตัวเลยนะคะ

  • Tetrapeptide-30 ตัวนี้รู้จักกันในหลายชื่อ เช่น PKEK หรือ TEGO® Pep 4-Even ซึ่งเป็นเปปไทด์สิทธิบัตรที่มีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาจุดด่างดำ สีผิวที่ผิดปกติ เรื่องของการอักเสบระคายเคือง และปัญหาสิว โดยหลักๆ น้องจะเด่นในเรื่องของการปรับโทน และ Complexion ของผิวให้มีสีสม่ำเสมอ ดูมีสุขภาพดี ทางผู้ผลิตวัตถุดิบได้ทดสอบประสิทธิภาพของเปปไทด์ดังกล่าวหลายอย่างทั้งในระดับหลอดทดลองและในอาสาสมัคร

ขอหยิบการทดสอบชิ้นหนึ่งมาเล่าให้ฟังนะคะ การทดสอบนี้ให้อาสาสมัครทาตำรับที่มี Tetrapeptide-30 แล้วสัมผัส UVB ก่อนจะไปทำ Biopsy เอาชิ้นเนื้อมาตรวจวัดหายีนบางชนิดหลังจากโดน UVB ไป 24 ชั่วโมง ได้ผลตามรูปค่ะ

(Image from Evonik Nutrition & Care GmbH, 2011)

จากภาพเราจะเห็นว่า

  1. ปริมาณของ POMC gene ลดลง จากที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้าว่า POMC ที่เพิ่มขึ้นจากรังสี UVB จะทำให้เกิดการสร้างเม็ดสี และทำให้ผิวคล้ำ กรณีนี้พบว่า POMC ที่เพิ่มมาน้อยกว่าครีมเปล่า ก็แปลว่า เวลาโดนแดดสีผิวก็จะไม่คล้ำขึ้นมากเหมือนไม่ได้ทาอะไร
  2. ปริมาณของ Tyrosinase gene ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าครีมเปล่า นั่นคือ ผิวก็จะไม่คล้ำขึ้นมากเหมือนไม่ได้ทาอะไร
  3. ส่วนของ COX-2 เป็นยีนที่สร้างเอนไซม์ COX-2 ที่เกี่ยวกับการอักเสบ และ TNF-a เองก็เป็นยีนที่สร้างสาร Cytokine ที่ทำให้เกิดการอักเสบต่อไป

ผลชุดนี้พอจะสรุปได้คร่าวๆ ว่า Tetrapeptide-30 มีประโยชน์ปกป้องผิวไม่ให้สีผิวคล้ำขึ้น และป้องกันการอักเสบ (เมื่อเทียบกับไม่ได้ทา)

  • Phenylethyl resorcinol เรารู้จักน้องในชื่อของ Symwhite® 377 น้องเป็น Whitening ที่มีประโยชน์ในการยับยั้งเอนไซม์สร้างเม็ดสีอย่าง Tyrosinse โดยตรง มีการศึกษาในอาสาสมัคร โดยให้ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารนี้กับสาร Whitening อื่นๆ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าผิวขาวขึ้น (J Cosmet Dermatol. 2013;12(1):12-7.) อีกการทดสอบพบว่าอาสาสมัครที่ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารนี้พบว่ามีรอยฝ้าจางลง (J Cosmet Dermatol. 2011;10(3):189-96.)
  • Niacinamide น้องคือเจ้าหญิงแห่งวงการความงามที่แท้จริง ไม่ต้องพูดเยอะ น้องมีประโยชน์โดดเด่นกับผิวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการลดการอักเสบระคายเคือง ความเป็น Whitening โดยไปลดการส่งผ่าน Melanin ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปสู่ด้านนอก รวมไปถึงเรื่องการดูแลและฟื้นฟู Barrier ผิว

ซึ่งสารทั้ง 3 ในสูตร DP3 นี้ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว เสมือนเป็นผลิตภัณฑ์ Whitening ขนาดย่อม ตามภาพที่ทางแบรนด์เสนอไว้ค่ะ

(Image from ISDIN)

  1. ก่อนการสร้างเมลานิน: Tetrapeptide-30 ไปชะลอไม่ให้ Melanocyte ถูกกระตุ้นให้ทำงาน
  2. Symwhite 337 ไปป้องกันไม่ให้เกิดการสร้างเมลานิน ผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase
  3. หลังการสร้างเมลานิน: Niacinamide ป้องกันการส่งผ่านของเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก

ที่รู้สึกว่าหลังทาแล้วให้ความเรียบเนียนเหมือนเป็น Primer น่าจะมาจาก Nylon-12 ที่ตัวเขาเองเป็นอนุภาคทรงกลมที่มีคุณสมบัติอำพรางรูขุมขนและริ้วรอยตื้นๆ ให้สัมผัสนุ่มนวล ร่วมกับความสามารถในการดูดซับน้ำมันจาก Silica

ส่วนผสมอื่นๆ เรียกได้ว่าเลือกมาได้อย่างดิบดี แต่จะติก็ตรงแอบมี Alcohol ติดมาหน่อย ซึ่งจุดนี้ส่วนตัวยอมรับว่าค่อนข้าง Surprise เพราะเนื้อไม่ได้แห้งตามที่คิดไว้เลย ชุ่มชื้นมากเสียด้วยซ้ำ

มาให้คะแนนดีกว่าค่ะ

  1. สารกันแดดและสารบำรุง ให้น้องไปเถอะค่ะ ทั้งในแง่ของสารกันแดดที่เพียบพร้อมในการดูแลปกป้องผิวจาก UVB, UVA และสารบำรุงที่มาดูเรื่องของการอักเสบระคายเคือง และดูแลเรื่องของเม็ดสีไปพร้อมๆ กัน จัดไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีความจำเป็นจะต้องตัดคะแนนเพราะมี Alcohol ไป 1 คะแนน แต่เอาจริงๆ คือ แทบไม่รู้สึกว่ามี Alcohol เลย ออกจะชุ่มชื้นเสียด้วยซ้ำ ให้ไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตามที่ได้เล่าให้ฟังว่าส่วนตัวค่อนข้างชอบเนื้อกันแดดสูตร Unify นี้มากๆ เพราะนางค่อนข้างชุ่มผิว และให้ความรู้สึกที่แบบว่าทาแล้วดู Rich เอาไปใช้จริงที่ทะเลมาก็รู้สึกว่าทางแบรนด์ทำมาได้ค่อนข้างดี แม้จะอยู่กลางแดดนานในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่รู้สึกแสบ ร้อน หรือระคายเคืองผิวเพราะโดนแดดแต่อย่างใด ให้ไป 5 ฟลาสก์

สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทย ได้โดยตรงเลยนะคะ ตอนนี้ทางแบรนด์มีแคมเปญเดือนแห่งความรักด้วยค่ะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

“Flagship Store” ShopeeMall https://invol.co/clb1zun

“Flagship Store” LazMall : https://invol.co/clb1ztm

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

[Cosme-Diagnosis] Discromia control serum from Cosmatici magistrali

[Cosme-Diagnosis] Discromia control serum from Cosmatici magistrali

วันนี้มีแวะเอาซีรัมเพื่อผิวขาว แบรนด์ของเวชสำอางจากอิตาลี เจ้าเก่าที่เคยรีวิวไพรม์เมอร์คุมมันไปเมื่อคราวก่อนมารีวิวให้ชมกันค่ะ

ผลิตภัณฑ์มีชื่อว่า Discromia control serum จาก จาก Cosmetici magistrali เวชสำอางจากประเทศอิตาลีค่ะ

dischormia 1-re

มาในหลอดสีขาว ดีไซน์เรียบๆแต่หรูหรา

ลองมาดูเนื้อสัมผัสกันดีกว่านะคะ

dischormia 2-re

เปนเจลใสสีน้ำตาลแดง ไม่มีกลิ่น ไม่เหนอะหนะ เกลี่ยง่ายค่ะ พอเกลี่ยเสร็จแล้วจะรู้สึกเหมือนแดงขึ้นนิดนึง นิดนึงจริงๆค่ะ แต่ถ้าเราแต่งหน้าทับก็ไม่เห็นแล้วค่ะ

dischormia 3-re

เนื่องจากตัวเจลมีสี เลยไม่สามารถวัด pH ให้ดูได้นะคะ

ลองมาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

dischromia 4-re

มาดูคุณสมบัติของสารแต่ละอย่างกันดีกว่านะคะ

ปกติเครื่องสำอางจะประกอบด้วยส่วนสำคัญๆ อยู่ 3 ส่วนหลักๆ คือ

  1. Actives หรือ สารออกฤทธิ์ เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
  2. Base หรือ ส่วนเนื้อของผลิตภัณฑ์ เป็นตัวอุ้มและเก็บสารออกฤทธิ์ไว้
  3. Additives หรือ ส่วนของสารเติมแต่ง เป็นตัวเติมแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย เช่น พวกสารกันเสีย พวกน้ำหอม พวกซิลิโคน ตัวเพิ่มความหนืด ฯลฯ

ลองมาไล่ไปทีละตัวเลยดีกว่า

คุณสมบัติสารแต่ละตัวแยกตามหน้าที่

  1. Actives ได้แก่
  • Niacinamide รูปแบบหนึ่งขอวิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)
  • Glucosamine บางรายงานบอกว่าเป็นหน่วยย่อยของ Hyaluronic acid เพราะมีโมเลกุลเล็กจึงสามารถดูดซึมได้ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังโดยดูดน้ำเข้าหาตัว บางแหล่งบอกว่าเป็น Exfoliator ช่วยในกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว การใช้ร่วมกับวิตามินบี 3 จะให้ผลเป็น Whitening ที่ดีได้
  • Kojic acid สารที่เชื้อราบางชนิดสร้างขึ้นระหว่างการหมัก มีหลายๆรายงานการวิจัยรองรับถึงคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สร้างเม็ดสีผิว มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant และสามารถเป็นตัวจับโลหะเพื่อเพิ่มความคงตัวให้สารอื่นๆในผลิตภัณฑ์ได้
  • Hydroxypinacolone retinoate เป็นสารอนุพันธ์รูปแบบใหม่ของวิตามินเอ ที่มีความระคายเคืองต่ำมาก มีคุณสมบัติช่วยเรื่องการลดริ้วรอย การปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ซึ่งสารตัวนี้เวลาเข้าผิวแล้วสามารถออกฤทธิ์ได้เลย ไม่ต้องไปแปรสภาพให้กลายเป็นรูปแบบ Acid อีก (ปกติวิตามินเอ หรือ Retinol เวลาทาเข้าไปจะยังไม่มีฤทธิ์ ต้องถูกเอนไซม์ในผิวเปลี่ยนโครงสร้าง 2 ขั้นตอน กว่าจะได้รูปแบบ Acid ที่มีฤทธิ์)
  • Retinol glycosphere ตัวนี้ที่ข้างกล่องระบุว่าเป็นสูตรผสมของ Phenoxyethanol + Butylene glycol + Hydrogenated lecithin + Palmitoyl hydroxypropyltrimonium amylopectin/Glycerin crosspolymer + Retinol + Propyl paraben + Methyl paraben + Butyl paraben + Ethyl paraben + BHT + BHA แปลง่ายก็คือ การเก็บกักเอาวิตามินเอ หรือ Retinol ไว้ในอนุภาคทรงกลม (กลมจริงหรือเปล่าไม่รู้นะคะ) ขนาดเล็กของ Amylopectin polymer ซึ่งเมื่อเก็บกักแล้วก็จะให้ผลเพิ่มความคงตัว เพิ่มการนำส่งวิตามินเอเข้าไปในผิว และช่วยเรื่องของการควบคุมการปลอดปล่อย ให้ค่อยๆปล่อยวิตามินเอออกมาทีละนิดๆ สม่ำเสมอ
  • Portulaca oleraceae extract สารสกัดจากคุณนายตื่นสาย มีรายงานเกี่ยวกับฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล (Wound healing) (J Ethnopharmacol. 2003; 88(2-3):131-6.) ลดการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2000; 73(3):445-51.) และมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant (J Med Plants Res. 2011; 5(9):1589-1593)
  • Hydrolyzed caesalpinia spinosa gum ปกติสารกลุ่ม Gum จะเป็นคาร์โบเดรตเชิงซ้อน เมื่อผ่านการย่อยก็จะได้สายสั้นๆของคาร์โบไฮเดรต ที่เรียกว่า Oligosaccharide พวกนี้มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี
  • Glycosaminoglycans เป็นสารที่เป็นองค์ประกอบในผิวหนัง ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นในผิว และเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวหนัง แต่แต่เนื่องจากมีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ เมื่อใช้ในทางเครื่องสำอางจึงให้ผลในระดับผิวหนังชั้นนอก
  • Acetyl hexapeptide-37 เป็น Peptide ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยมีผลกระตุ้นการสร้าง Aquaporin-3 ในผิวหนัง เป็นตัวที่คอยปล่อยน้ำจากผิวหนังชั้นล่างมาเคลือบและครอบคลุมผิวหนังชั้นข้างบน นอกจากนี้ยังมีผลกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน และกระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิวหนังได้ด้วย มีชื่อทางการค้าว่า Diffuporine
  • กรดอะมิโนต่างๆและอนุพันธ์ ได้แก่ Glutamic acid, Alanine, Betaine, Decarboxycarnosine, Methylsilanol hydroxyproline aspartate, Aspartic acid

* Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine มีชื่อทางเคมีว่า Trimethylglycine พบในหัวบีท มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และช่วยให้สัมผัสที่ดีเวลาทา

* Decarboxy carnosine เป็นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง ทั้งยังช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากกระบวนการ Glycation (การที่น้ำตาลเข้ามาจับกับเซลล์ ที่มักจะพบมากขึ้นเมื่อวัยเพิ่มขึ้น) และยังเพิ่ม Metabolism ของเซลล์ วัตถุดิบนี้มีชื่อทางการค้าว่า Alistin จากข้อมูลของวัตถุดิบพบว่า ช่วย Detox ปกป้องเซลล์จากกระบวนการ Glycation และช่วยกดการสร้างสารก่อการอักเสบ กับ กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน (J Dermatolog Treat. 2012; 23(5):345-84.)

* Methylsilanol hydroxyproline aspartate เป็นสารกึ่งสังเคราะห์จากซิลิโคนกับกรดอะมิโน จากการทดสอบของผู้ผลิตวัตถุดิบพบว่า สารนี้สามารถกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่หลังจากเกิดแผล กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวชนิดต่างๆ (Cytostimulation) รวมทั้ง Fibroblast ที่ทำหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสติน (ข้อมูลจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบ, Hydroxyprolisilane C)

  • สารกลุ่มน้ำตาล และอนุพันธ์ของน้ำตาลชนิดต่างๆ ได้แก่ Fructose, Trehalose, Sorbitol, Glucose, Sucrose

* Trehalose เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ชนิดหนึ่งที่ยีสต์และสิ่งมีชีวิตเล็กๆอื่นๆสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ขาดน้ำตาย เมื่อนำมาใช้ในเครื่องสำอางก็จะช่วยปกป้องสารสำคัญต่างๆในผลิตภัณฑ์และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังได้ค่อนข้างดี และปกป้องเซลล์ผิวได้ ปัจจุบันสามารถสังเคราะห์ได้ โดยบริษัทที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่มการสังเคราะห์ตัวนี้ขึ้นมา มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ปกป้องเซลล์ผิวหนังไม่ให้น้ำระเหยออกจากเซลล์ (ข้อมูลจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบ) ยังมีรายงานกล่าวว่า Trehalose สามารถปกป้องไม่ให้ Fatty acid ถูกย่อยสลายโดยกระบวนการ Hydrolysis (ซึ่งจะได้กรดสายสั้นๆที่มีกลิ่นเหม็น เหมือนน้ำมันเหม็นหืน) และช่วยปกป้องไขมันไม่ให้เกิดการ Autoxidation อันจะทำให้เกิดอนุมูลอิสระต่างๆตามมา (Pure Appl. Chem. 2002;74(7), 1263–1269)

  • Aminoethylphosphonic acid สารกลุ่ม Phosphonate ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีประโยชน์เป็นสารจับโลหะ และมีความสามารถในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสที่เป็นเอนไซม์ที่ใช้สร้างเมลานินในผิว มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Albatin
  • Dextrin สารกลุ่ม Polysaccharide มีคุณสมบัติเพิ่มความหนืด ก่อฟิล์ม และช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
  • Hexyl nicotinate อนุพันธ์ของวิตามินบี 3 สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้มากขึ้น มีรายงานกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์รูปแบบทาของสารนี้สามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมาที่ผิวหนังมากขึ้น (Br J Dermatol. 1988;119(6):771-6.) ซึ่งเวลามีเลือดไหลเวียนดีขึ้น ก็จะทำให้หน้ามีสีอมชมพู มีเลือดฝาด และยังช่วยเรื่องการ Detox เอาของเสียในผิวไปทิ้งทื่อื่น
  1. Baseอันนี้เดาไม่ออกว่าเป็นรูปแบบของHydrogelปกติ หรือว่า เป็นEmulgelที่มีซิลิโคนผสมกับน้ำ จึงขอแบ่งเอาทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน ดังนี้
    • ส่วนของน้ำ ได้แก่ น้ำ, Glycerin, Pentylene glycol, Caprylyl glycol, Hexylene glycol สองตัวสุดท้ายนอกจากดึงน้ำให้ผิวเพิ่มความชุ่มชื้นแล้วยังให้ผลระงับเชื้อได้ด้วย
    • ส่วนของน้ำมัน ได้แก่ Glyceryl caprylate
    • ส่วนของซิลิโคน ได้แก่ Cyclopentasiloxane เป็นซิลิโคนที่ระเหยได้ ให้สัมผัสบางเบา เรียบเนียนไม่เหนอะหนะ กับ Polysilicone-11 ซึ่งเป็น Silicone ชนิดพิเศษที่สามารถก่อฟิล์มบนผิวได้
  2. Additivesได้แก่
    • Emulsifier ได้แก่ Polysorbate 20 ที่เป็นสารพื้นฐานทั่วไป กับ Methyl gluceth-20 ที่มีความอ่อนโยน และ Lecithin ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นได้
    • สารเพิ่มความหนืด ได้แก่ Ammonium acryloyldimethyltaurate/VP copolymer, Styrene/acrylates copolymer และ Xanthan gum
    • Preservatives ได้แก่ Benzyl alcohol, Dehydroacetic acid, Potassium sorbate, Sodium sorbate รวมไปถึงสารเพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง Glyceryl caprylate, Caprylyl glycol และ Hexylene glycol พวกนี้มีฤทธิ์ระงับเชื้อได้ด้วย และสารจับโลหะ EDTA กับ Trisodium ethylenediamine disuccinate
    • สารเพิ่มการดูดซึมผ่านผิว (Penetration enhancer) มี Dimethyl isosorbide เป็นตัวทำละลายที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการดูดซึมของสารต่างๆผ่านผิวหนัง

ถึงเวลาให้คะแนน

  1. Actives ถ้าดูจากลำดับส่วนผสม สิ่งแรกเลยที่เห็นถัดจากน้ำคือ Niacinamide ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างปลื้มปริ่มมาก สารอื่นๆที่เป็นไวท์เทนนิ่งได้ดี ก็จะมี Kojic acid มีสารเสริมที่เป็น Moisturizer ดีๆหลายตัว รวมถึงตัวที่ช่วยเรื่องริ้วรอย อย่างวิตเอ มีสารที่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยตามวัยเสริมเข้ามาอีก ที่สำคัญคือ ไม่มีสารกลุ่ม AHA ที่อาจจะทำให้ผิวบางได้ จึงไม่เสี่ยงผิวบาง เพราะกลไกในการผลัดผิวของวิตเอ จะเหมือนเป็นการปรับสมดุลของวงจรการแบ่งตัวของเซลล์ (ที่เรียกว่า Cell cycle) ให้อยู่ในช่วงที่สมดุล ถ้านับไปถึงเทคโนโลยี Glycosphere ด้วยแล้ว จุดนี้จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. Base เป็นรูปแบบของ Hydrogel ที่มีการเติมสารดูดน้ำดีๆไว้ในส่วนผสม และมี Silicone ที่ช่วยเรื่องสัมผัส และช่วยเคลือบผิวกันน้ำระเหย รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวอีกหนึ่งสเต็ป ที่สำคัญคือ ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีน้ำมัน จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  3. Additives แม้ว่าดูเหมือนจะไม่มีอะไร และแทบทุกตัวจะเป็นมิตรกับผิว แต่ก็มีบางอย่างอยู่ อย่างแรกคือ สารช่วยเพิ่มการดูดซึม (ที่เรียกว่า Penetration enhancer) เพื่อให้สารต่างๆซึมไปในผิวได้ดียิ่งขึ้น เพราะว่าการออกฤทธิ์เพื่อความขาวของผิว สารต้องลงไปถึงชั้นล่างสุด ที่มีเซลล์ที่สร้างเม็ดสีผิวเมลานินอยู่ ถ้าลงไปไม่ถึงก็คงไม่มีประโยชน์ และอีกประเด็นคือ ไม่มีน้ำหอม แต่ มีสารกันเสียกลุ่ม Paraben ที่แอบแฝงตัวมากับสูตรผสม Retinol Glycosphere นอกนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์ ขอหักคะแนน paraben ไปนิดนึง
  4. การใช้งาน ผลิตภัณฑ์เป็นเจลใสๆ ความหนืดไม่มาก ไม่มีกลิ่น เกลี่ยค่อนข้างง่าย แม้ว่าจะมีสี แต่สีก็ติดผิวไม่มาก และถ้าเราทาครีมหรือแต่งหน้าไป ก็มองไม่เห็นแล้ว จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน dischromia

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางบริษัทไอเมดิกาด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามที่ทางเพจ เลยนะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบค่ะ

http://www.imedicaskincare.com/