สำหรับคอนเทนท์นี้จะมาแนะนำแบรนด์ AlphaScience แบรนด์เวชสำอางแบรนด์ดังจากประเทศฝรั่งเศสค่ะ
แบรนด์ AlphaScience เปิดตัวในงานประชุมวิชาการที่มีชื่อว่า AMWC world congress ในปี 2016 งานประชุมนี้เป็นงานประชุมวิชาการแถวหน้าของโลกในด้านความงามและศาสตร์การชะลอวัย พอนับมาจนเดือนเมษายน 2022 นี้ก็ครบ 6 ปีพอดีเลย
6 ปีที่ผ่านมาทางแบรนด์นำเสนอผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่พัฒนาขึ้นมาจากงานวิจัยต่างๆ อยู่หลายชิ้นเลย เรียกได้ว่าแต่ละชิ้นนั้นน่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว
ก่อนจะไปดูผลิตภัณฑ์ ขอกล่าวถึง Philosophy หรือปรัชญาของแบรนด์กันก่อนค่ะ
ทางแบรนด์ยึดถือหลักการ “Supporting the skin’s own ecosystem for health with ingredients of natural origin and allowing the skin to retain all of its vital force”
นั่นคือ ทางแบรนด์เชื่อในสมดุลของผิว เราทุกคนมีผิวที่มีสุขภาพดีได้แค่รักษาสภาวะสมดุลของผิว ซึ่งการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ มันทำให้ผิวเสียสมดุล ถ้าเราสามารถดูแลและปรับผิวให้เข้าสู่สมดุลของเขา แล้วที่เหลือผิวเราจะจัดการต่อเอง โดยเลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อปล่อยให้ผิวเราค่อยๆ ปรับตัวเองกลับคืนสู่สมดุล แล้วผิวเราก็จะมีสุขภาพดีขึ้นมาได้
ทางแบรนด์เลือกที่จะพัฒนากลุ่มสารที่เป็น Antioxidant ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อปกป้องผิวไม่ให้เสียสมดุลจากวิถีชีวิต และปัจจัยต่างๆ จากสิ่งแวดล้อม โดยมีนักวิจัยหลัก ผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Dr. Alfred Marchal, PhD
ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวของแบรนด์ที่ Dr. Marchal และทีม พัฒนามา ก็คือ พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทั้งกลุ่มของผู้บริโภคทั่วไป กลุ่มของศัลยแพทย์ และกลุ่มของแพทย์ผิวหนัง โดยคาดหวังว่าผลิตภัณฑ์นี้จะมีคุณสมบัติเป็น Dermocosmetic ที่ส่งเสริมกับกระบวนการหัตถการต่างๆ ได้อย่างลงตัว และเกิดคุณสมบัติในการบำรุงผิวต่อผู้บริโภคอย่างสูงสุด
ถึงแม้ว่าดูเหมือนปรัชญาแบรนด์จะมุ่งเน้นไปที่สารธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้วทางแบรนด์มุ่งเน้นพัฒนาตำรับที่มีทั้งส่วนผสมของสารจากธรรมชาติ และสารสังเคราะห์ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ เพื่อให้ได้ตำรับที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคค่ะ
เนื่องจากทางแบรนด์มุ่งเน้นพัฒนากลุ่ม Antioxidant ที่มี Combination ที่เหมาะสมและลงตัว ส่วนตัวเลยจะขอเริ่มจากการค่อยๆ หยิบยกเอากลุ่มของ Antioxidant serum ทั้ง 3 สูตร ที่เป็นเสมือนตัวเอกของแบรนด์มาเล่าให้ฟังกันต่อไปนะคะ แต่ขอสปอยล์ไว้นิดหน่อยค่ะ จุดเด่นที่น่าสนใจของเซรั่ม Antioxidant ทั้ง 3 สูตรนี้อยู่ที่สิ่งที่แบรนด์เรียกว่า Third generation of Vitamin C มันคืออะไร ทางแบรนด์สรุปมาเป็นภาพด้านล่างนี้ค่ะ
เป็นอันทราบกันว่า Vitamin C (ขอย่อว่า VC) รูปแบบ L-Ascorbic acid ที่ใช้กันตามธรรมชาตินั้นมีปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคงตัว และการดูดซึมเข้าสู่ผิว ทำให้เกิดการพัฒนาต่างๆ โดย Dr.Marchal ได้แบ่งการใช้ VC เป็น 3 ยุค
- ยุคแรก เป็นการพัฒนาตำรับให้อยู่ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำ (Anhydrous) หรือ มีน้ำเป็นองค์ประกอบน้อย อย่างที่ Dr.Marchal ทำในช่วงนั้น คือ การพัฒนาตำรับให้อยู่ในรูปแบบของครีมชนิดเบสน้ำมัน (w/o emulsion) ก็พบว่าเพิ่มความคงตัวได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง
- ยุคที่สอง เป็นการพัฒนาอนุพันธ์ใหม่ๆ ของ VC ออกมา และพยายามจะปรับสูตรของ VC ต่อ โดยยุคนั้น Dr.Marchal ลองทำ VC รูปแบบอนุพันธ์ ในเบสซิลิโคน ถึงแม้ว่าจะมีความคงตัวที่ดี แต่ลงผิวแล้วกลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะอนุพันธ์ของ VC เปลี่ยนกลับมาเป็น L-Ascorbic acid ไม่มากนัก
- ยุคที่สาม Dr.Marchal คิดค้นสิ่งที่เรียกว่า Vitamin C complex โดยเอาไปใช้ร่วมกับสารธรรมชาติที่มีชื่อว่า Tannic acid ซึ่งเป็นสารกลุ่ม Polyphenol ที่มีโมเลกุลใหญ่ในกลุ่มของพวก Tannin ลำพังตัวมันเองก็มีประโยชน์ต่อผิวหนังมากมาย และเมื่อเอามาใช้ร่วมกับ VC แล้ว กลายเป็นว่าเสริมความคงตัวให้กับ VC ได้เป็นอย่างดี
เลยเป็นที่มาของการเคลมว่า Third generation VC ซึ่งเป็น VC รูปแบบพื้นฐานที่ทางแบรนด์ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้มีความคงตัวและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะได้นำมาเล่าให้ฟังต่อไปค่ะ

สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดตามเข้าไปดูที่ Official mall ได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ
Lazada: https://invol.co/cla9tuw
Shopee: https://invol.co/cla9tvv
Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ AlphaScience สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ ผู้เขียนอาจได้ประโยชน์จากการคลิ้กลิงค์ที่มี Affiliated