Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เซรั่มดูแลฝ้า ตัวตึง Game changer แห่งวงการ Cysteamine กับ Alphascience Melabright [C+]

ในที่สุดก็ได้เวลามารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Melabright เซรั่มดูแลฝ้าตัวตึงในตำนานจากแบรนด์ Alphascience ที่ได้นำมาเล่า มาโปรยไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาซักทีค่ะ

เอาล่ะ ไม่พูดเยอะ เริ่มเลย

น้องจะมาในกล่องที่มีหน้าตาที่เป็น Signature ของแบรนด์ ประมาณนี้นะคะ

ตัวเซรั่มจะมาในแพคเกจแก้วทึบแสงสีขาวขุ่น พร้อมหลอดหยด

เนื้อเซรั่มมีความหนืดเล็กน้อย สีคล้ายชา มีกลิ่นเฉพาะตัวของวัตถุดิบ และสารสำคัญอย่าง Cysteamine ที่เป็นกลิ่นโทน Sulfur (อารมณ์แบบน้ำพุร้อน)

เกลี่ยได้อยู่ ให้ฟีลหนึบๆ นิดหน่อย ซึ่งมาจากเบสที่ใช้ เป็นพวก Humectant solvent อย่าง propylene glycol, isopentyldiol ที่มีความหนึบๆ ตามธรรมชาติ

น้องจะใช้เวลานิดหน่อยในการซึมค่ะ ตรงนี้จะเป็นภาพถ่ายแฟลชของเนื้อเซรั่มหลังเกลี่ย

ค่า pH วัดด้วยกระดาษวัด pH (Universal indicator) อยู่ที่ราวๆ 3 – 4 อาจจะมีคลาดเคลื่อนได้เล็กน้อยเนื่องจากเซรั่มเองก็มีสีค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมวันนี้มีที่น่าสนใจอยู่หลายตัวค่ะ

Cysteamine HCl แทนด้วยสีน้ำเงิน

น้องเป็นนางเอกของผลิตภัณฑ์เลย โดย Cysteamine นี่ ร่างกายเราจะมีอยู่แล้วค่ะ เป็นผลพลอยได้มาจากการสลายตัวของ Coenzyme A เป็น วิตามินบี 5 (Pantothenic acid) กับ Cysteamine

ซึ่งตัวของ Cysteamine มีประโยชน์และมีคุณสมบัติที่ดีหลายประการเลยสำหรับร่างกายของเรา คือ เป็น Antioxidant ที่ดี ช่วยดูแลสมดุลการสร้างและกำจัดอนุมูลอิสระ (Redox homeostasis) ให้แก่ร่างกายเรา

ในด้านของผิวพรรณนั้น Cysteamine เป็น Whitening ที่ดีผ่านหลายกลไก ไม่ว่าจะเป็น

  • การยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่เป็นตัวการในการสร้างเม็ดสี Melanin
  • ยับยั้งเอนไซม์ Peroxidase ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเม็ดสีชนิด Eumelanin ที่มีสีเข้ม
  • ผลัดผิว
  • ปกป้อง Glutathione ใน Melanocyte ซึ่งมีผลไปส่งเสริมให้ Melanocyte สร้างเม็ดสีอ่อนที่ชื่อ Pheomelanin
  • ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ Melanocyte ทำงานมากขึ้น
  • จับกับอิออนโลหะ ซึ่งมีผล 2 แบบ
    • แบบแรก อิออนโลหะจะไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระผ่าน Fenton reaction แล้วไปกระตุ้นให้ Melanocyte ทำงานมากขึ้น เมื่ออิออนโลหะโดนจับไว้ โอกาสเกิดอนุมูลอิสระก็จะน้อยลง
    • แบบที่สอง ไปจับกับอิออนโลหะ Copper ที่จำเป็นในการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งทำให้ Tyrosinase ทำงานไม่ได้

Cysteamine เป็นสารที่พบว่ามีประสิทธิภาพในการเป็น Whitening ที่ดีมาหลายปีดีดักแล้ว แต่มีปัญหาหลายอย่าง หลักๆ คือ เรื่องของความไม่คงตัว และกลิ่นของ Sulfur

แต่ในระยะหลังๆ มานี้ วงการเครื่องสำอางก็พบเจอวิธีที่สามารถเพิ่มความคงตัวให้กับ Cysteamine ได้หลายแบบ เลยมีความสนใจ และนำกลับมาศึกษาในการทดลองทางคลินิกหลายฉบับ เทียบกับสารมาตรฐาน (Gold standard) ในการรักษาฝ้าของแพทย์ผิวหนัง อย่าง Hydroquinone แล้วพบว่าให้ผลดีใกล้เคียงกัน และมีแนวโน้มว่าจะปลอดภัยกว่า แต่ก็เจอปัญหาเรื่องการระคายเคืองที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และเรื่องกลิ่น เลยเป็นรูปแบบใช้แล้วล้างออก

จากการรวบรวมและวิเคราะห์งานวิจัยแบบ Systematic review โดย Ahramiyanpour และคณะ (2021) ที่รวบข้อมูลจากงานวิจัยเกี่ยวกับการทดสอบประสิทธิภาพของ Cysteamine ในอาสาสมัครที่เป็นฝ้า 8 ฉบับ พบว่า Cysteamine มีประสิทธิภาพในการลดจำนวนเม็ดสีผิว และอาสาสมัครมีความพึงพอใจในผลการใช้งาน (J Cosmet Dermatol. 2021;20:3593–3602.)

สำหรับประเด็นเรื่องความคงตัวของ Cysteamine นั้น ในสูตรของ Melabright ทาง Alphascience นี้ เขามีนวัตกรรมสิทธิบัตรที่เพิ่มความคงตัวให้แก่ Cysteamine ได้ ที่ระดับความเข้มข้น 3% และดูแลเรื่องความระคายเคืองได้ในระดับหนึ่ง จึงพัฒนาเป็นตำรับร่วมกับสารบำรุงอื่นๆ ที่ใช้แล้วสามารถทิ้งไว้บนผิวได้เลย โดยไม่ต้องล้างออก ซึ่งถือว่ามีความน่าสนใจมากเลยทีเดียว และสูตรผสมนี้มีการศึกษาเบื้องต้น (Pilot study) ในการดูแลฝ้าเทียบกับ Hydroquinone แล้วพบว่ามีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน

ซึ่ง Pilot study นี้ เป็นการทดสอบแบบแบ่งครึ่งใบหน้า เปรียบเทียบระหว่าง Melabright กับ Hydroquinone 4% ในอาสาสมัครจำนวน 25 คน เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าให้ประสิทธิภาพที่ไม่ต่างกัน และไม่เกิดการระคายเคืองในอาสาสมัคร และยังได้ประโยชน์ในด้านของรูขุมขนกระชับขึ้น ความมันลดลง และริ้วรอยที่ดูตื้นขึ้น เสริมเข้ามา

สารบำรุงถัดมาเป็นกลุ่มสีชมพู ได้แก่

  • วิตามินซี ซึ่งใช้ในรูปแบบของ Ascorbic acid ที่ความเข้มข้น 8% ที่เสริมความคงตัวโดยเทคโนโลยีสิทธิบัตรของทาง Alphascience ที่ชื่อ Nextgen technology ผ่านระบบการปกป้องสารไม่ให้เกิดการแตกตัว (Ionization stabilization) ในสารละลาย และสามารถย้อนการแตกตัวของสารต้านอนุมูลอิสระกลับมาในรูปแบบที่ไม่แตกตัว ซึ่งมีความคงตัวสูงกว่า ช่วยปกป้องทั้งตัววิตซีเอง และ Cysteamine ให้คงตัวอยู่ได้

สำหรับประโยชน์ของวิตามินซีนั้นมีด้วยกันหลายประการ ได้แก่

  1. ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่สร้างเม็ดสีเมลานิน
  2. เป็น Antioxidant ที่ดี
  3. เป็นส่วนหนึ่งในการสังเคราะห์คอลลาเจนตามธรรมชาติของผิว
  4. ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง

สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba leaf extract) เป็นสารสกัดเก่าแก่สารหนึ่งในวงการเครื่องสำอาง มีประโยชน์กับผิวหลายประการเช่นกัน

  • ประกอบด้วยสารในกลุ่ม Polyphenol และ Flavonoids หลายชนิด ที่ให้คุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี
  • การทดลองในหนูทดลองพบว่า เมื่อทาสารสกัดจากแปะก๊วย (ที่สกัดด้วย 50% ethanol) ให้ประโยชน์ในการปกป้องผิวจากรังสี UV และเสริมการสร้างเอนไซม์ที่เป็น Antioxidant ตามธรรมชาติในผิวอย่าง Superoxide dismutase (SOD) และ Catalase (Methods Find Exp Clin Pharmacol. 1997 Jul-Aug;19(6):367-71.)
  • ในใบแปะก๊วย มีสารพฤกษเคมีกลุ่ม Biflavone ที่ชื่อ Ginkgetin มีรายงานว่ามีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคืองได้ผ่านหลายกลไก เช่น ยับยั้งเอนไซม์ Phospholipase A2;PLA2 (ซึ่งเป็นตัวแม่สุดเมื่อผิวเกิดความเสียหาย PLA2 จะไปย่อยไขมันฟอสโฟไลปิดที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ ได้กรดไขมัน Arachidonic acid ที่จะแประสภาพต่อไปผ่านเอนไซม์ Cyclooxegenase และ Lipoxygenase ทำให้เกิดสารที่นำไปสู่การอักเสบต่างๆ) ลดการสร้างเอนไซม์ Cyclooxgenase ซึ่งส่งผลต่อไปให้การสร้างสารก่อการอักเสบลดลง และการทดสอบในหนูทดลองพบว่า การทา Ginkgetin ลดการอักเสบของผิวหนังได้ (Planta Med. 2002;68(4):316-21.) การทดสอบในเซลล์ภูมิคุ้มกัน Mast cell ของหนู ระบุว่า Ginkgetin ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Cyclooxegenase และ Lipoxygenase ซึ่งมีผลลดการอักเสบ (Biol Pharm Bull. 2005;28(12):2181-4.)
  • ปกป้องคอลลาเจน โดยไปยับยั้งเอนไซม์ MMP-1 ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจน และสาร Ginkgolide A และ bilobalide ยังอาจมีคุณสมบัติเสริมการสร้างคอลลาเจน (Food Sci. Technol (Campinas). 2020;40(2))

สรุป สารสกัดจากใบแปะก๊วยดูแลผิวได้หลายด้าน ในแง่ของการดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากรังสี UV และ ดูแลเรื่องริ้วรอย

  • Phytic acid เป็นสารที่มีประโยชน์หลายประการ ใช้เป็นสารจับโลหะในสูตรเครื่องสำอาง ใช้เสริมฤทธิ์กับ Antoxidant อื่นในสูตรเพื่อเสริมความคงตัวให้แก่ตำรับ ใช้เป็นสารบำรุงก็ดี ในแง่ของการบำรุงผิว Phytic acid มีฤทธิ์เป็น Antioxidant มีคุณสมบัติเป็น Whitening โดยไปจับ Copper ของเอนไซม์ Tyrosinase ทำให้การสร้างเม็ดสีเกิดขึ้นได้น้อยลง

Acetyl glycyl beta-alanine

          ตัวนี้เป็นเปปไทด์ที่รู้จักในชื่อทางการค้าว่า Genowhite ข้อมูลจากทางผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าสารนี้มีคุณสมบัติในด้าน Whitening ผ่านหลายกลไก

  1. ลดการสร้างเม็ดสีผิวผ่านการยับยั้งตัวตั้งต้น MITF ที่จะไปกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เอนไซม์ Tyrosinase
  2. ลดการสร้าง Endothelin-1 ที่สร้างออกมาจากผนังหลอดเลือด ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี สร้างเมลานินออกมา
  3. ลดการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก (Melanosome transfer) ผ่านการลดการสังเคราะห์โปรตีน Melanophillin ที่เป็นตัวสำคัญในขั้นตอนนี้

(Image from Corum)

มีการศึกษาในอาสาสมัครโดยบริษัท พบว่าสาร Genowhite มีความสามารถในการดูแลจุดด่างดำตามอายุ (Age spot)

สำหรับตัวเบส(เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์) จะเป็น Humectant solvent เป็นเบสหลัก เพื่อเสริมความคงตัวให้แก่ Vitamin C อาจจะมีความหนึบๆ หรือกระตุ้นการระคายเคืองได้ในคนที่พึ่งเริ่มใช้ ความเห็นส่วนตัวคิดว่า อาจจะใช้วิธีผสมกับครีม/เซรั่มอื่นที่ใช้อยู่ก่อนแล้ว วอร์มบนมือ แล้วทาบนใบหน้า เพื่อให้ผิวปรับสภาพ ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มปริมาณแล้วลงผิวได้เลย

ในด้านของลำดับการลง (Skincare regimen) อาจจะเอาไว้หลังเสร็จกลุ่มน้ำ ก่อนทาน้ำนม ก็ได้อยู่

ส่วนผสมอื่นๆ ขอกล่าวถึงส่วนของสารสีเขียวที่ทำไว้อย่าง Isopentyldiol และ Etoxydiglycol นั้นมีคุณสมบัติเป็น Penetration enhancer ที่เสริมการซึมผ่านของสารบำรุงเข้าสู่ผิว

และมีระบบบัฟเฟอร์อย่าง Citric acid กับ Sodium citrate ที่ช่วยควบคุมค่า pH ของตำรับให้คงที่เพื่อเสริมความคงตัว

นอกจากนั้น ส่วนผสมที่เหลืออื่นๆ ก็เลือกมาเท่าที่จำเป็น และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง เน้นไปที่การดูแลเรื่องการสร้างเม็ดสีผิวเป็นหลัก ที่เสริมฤทธิ์กันผ่านหลายเสต็ปในการสร้างเม็ดสีผิว เสริมมาด้วยการดูแลเรื่องการระคายเคืองผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ ดูแลเรื่องริ้วรอย และปกป้องผิวจาก UV ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว และสารอื่นที่ใส่มาก็คือผ่านการเลือกมาเป็นอย่างดี เลยไม่มีจุดที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ในเรื่องของเนื้อเบสที่มาใน Humectant solvent นั้นอาจจะหนึบๆ ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ แต่ถ้าลงเซรั่มอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว ทาเสร็จแล้วทาครีมทับ หรือผสมลงครีมแล้ววอร์มก่อนทาก็ถือว่าพอได้อยู่ค่ะ สำหรับเรื่องกลิ่น ส่วนตัวเป็นคนที่คุ้นชินกับกลิ่นของสาร Sulfur อยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหาอะไร ในด้านของสีผิว ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาฝ้าหรือจุดด่างดำ หรือปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอมากนัก แต่ได้ใช้แล้วก็รู้สึกว่าผิวเรียบ ละเอียด และแต่งหน้าได้ติดทนนานมากขึ้น ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ AlphaScience สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่จัดส่งสินค้าดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงได้เลยค่ะ

https://www.facebook.com/AlphascienceThailand

สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดตามเข้าไปดูที่ Official mall ได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

Lazada: https://invol.co/cla9tuw

Shopee: https://invol.co/cla9tvv

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ AlphaScience สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Press conference] รวมบรรยากาศงานเปิดตัวสินค้า Melabright [C+] by Alphascience 29 – 30 เมษายน 2566

เมื่อวันที่ 29 – 30 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ Alphascience ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ Melabright [C+] เซรั่มดูแลปัญหาฝ้า ที่มีส่วนผสมของ Cysteamine แบบใช้แล้วไม่ต้องล้างออกชิ้นแรกของโลกค่ะ

ส่วนตัวดิฉันเองได้รับเกียรติเชิญเป็นวิทยากรในงานนี้ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ KOLs และ Influencer อีกหลายๆ ท่าน เลยขอนำภาพบรรยากาศมาฝากกันค่ะ

สำหรับเซรั่ม Melabright [C+] ตัวนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวหนึ่งที่น่าจับตามองเลยทีเดียวค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ: Propylene glycol, Isopentyldiol, Aqua, Ascorbic acid, Ginkgo biloba leaf extract, Cysteamine HCl, Ethoxydiglycol, Phytic acid, Acetyl glycyl beta-alanine, PEG-8 dimethicone, Aminomethyl propanol, Citric acid, Sodium citrate, Glycereth-26.

ในงานก็เอา Top three มาตั้งโชว์ค่ะ

ตัว HA Booster ทางเพจได้เคยรีวิวไปแล้ว ท่านที่สนใจสามารถติดตามอ่านได้ที่ลิงค์นี้เลยนะคะ >>Click อ่านรีวิว HA Booster<<

เริ่มเปิดงานด้วยเชฟกันน์ สรวิศ มาโชว์ทำอาหารเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเซรั่มของ Alphascience ค่ะ

(ขอบคุณภาพถ่ายจากทางทีมงาน Alphascience)

หลังจากนั้นคุณเข้ม หัสวีร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของ Alphascience ก็ออกมาร้องเพลงให้ FC ทุกท่านฟัง และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้ Melabright [C+]

(ขอบคุณภาพถ่ายจากทางทีมงาน Alphascience)

และผู้บริหารของทางบริษัท Derma MD ตัวแทนจำหน่ายของ Alphascience ก็ได้มากล่าวต้อนรับและกล่าวถึงการนำเอา Alphascience เข้ามาจำหน่ายค่ะ

(ขอบคุณภาพถ่ายจากทางทีมงาน Alphascience)

หลังจากนั้น Dr.Alfred Marchal ผู้เชี่ยวชาญด้าน Antioxidant ที่คิดค้นตำรับนี้ กับ คุณ Julien Revol CEO ของ Alphascience ประเทศฝรั่งเศสก็ได้มาเล่าแบรนด์สตอรี่ให้ฟังค่ะ

(ขอบคุณภาพถ่ายจากทางทีมงาน Alphascience)

ทางเพจเคยนำเสนอ Brand story ของ Alphascience ไว้ ท่านที่สนใจสามารถติดตามรับชมได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>Click อ่าน Brand story<<

จากนั้นก็เป็นการคุยกันเรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ค่ะ

Session แรก เริ่มด้วยดิฉันเอง ในหัวข้อเกี่ยวกับ เทรนด์ของผลิตภัณฑ์ Whitening และรายละเอียดของ Vitamin C และ Cysteamine

ต่อมาเป็นหมอเจี๊ยบ เพจ Hello skin by หมอผิวหนัง มาให้ความรู้เกี่ยวกับฝ้า และการดูแลรักษา

และคุณแพรี่ มาเล่าประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ค่ะ

หมอเจี๊ยบกับคุณแพรี่น่ารักมากๆ ค่ะ

ต่อด้วยหมอต่อ คุณทราย เจริญปุระ และ คุณเยาวธิดาจากเพจ GURUCHECK เช็ค กับ กูรู ค่ะ

จากนั้นก็เป็นการถ่ายรูปร่วมกันค่ะ

ส่วนกิจกรรมวันที่ 2 ก็น่าสนใจเหมือนกันนะคะ

Session แรก เป็น Beauty Guru interview talk ที่ดิฉันมีโอกาสได้แชร์เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการดูแลผิวคู่กับคุณ Jossy เพจ Jossy Berry ค่ะ คุณ Jossy สวยฉ่ำมงลง น่ารักมากๆ

ส่วนอีก Session เป็นวิทยากรร่วมกับ Dr.Alfred บรรยายเกี่ยวกับเรื่อง Antioxidant และนวัตกรรม/เทคโนโลยี Nextgen Vitamin C ของทางแบรนด์ค่ะ

สำหรับงาน Press conference เปิดตัว Melabright [C+] ก็คือเรียกได้ว่าจัดขึ้นได้อย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียวค่ะ

Special thanks: รูปถ่ายจากทีมงาน Alphascience และ บริษัท Derma MD

Sponsorship: บริษัท Derma MD จำกัด ประเทศไทย และ แบรนด์ Alphascience ประเทศฝรั่งเศส

Disclaimer: Self-opinion

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มไฮยาจากฝรั่งเศส ที่มีฟีลลิ่งสุดปัง Alphascience HA Booster serum

หลายๆ ท่าน ชอบใช้เซรั่มไฮยา แต่ก็เหนื่อยใจกับฟีลลิ่งเหนียวๆ หนึบๆ

วันนี้ทางเพจมีบทวิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มไฮยาที่เนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ และมีส่วนผสมที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ

น้องเป็นเซรั่มที่มีชื่อว่า HA Booster serum จากแบรนด์ Alphascience ประเทศฝรั่งเศสซึ่งมาในหน้าตาแบบนี้

มาในขวดแก้วแบบมีดรอปเปอร์

สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Alphascience คือ ขวดจะผ่านการซีลมาเป็นอย่างดี จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าไม่ได้ถูกแกะ ไม่ผ่านมือใครมาก่อนถึงมือเราแน่นอน

เนื้อเซรั่มเป็นเนื้อที่มีความข้นหนืดนิดหน่อย เนื่องจากทางแบรนด์ไม่ได้ใส่น้ำหอม เราเลยจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่ค่ะ

เกลี่ยได้ง่าย ไม่เหนียว ไม่หนึบ ซึมไว แห้งไว

ภาพแรกเป็นลักษณะหลังเกลี่ย ถ่ายด้วยแสงแฟลช

เราจะเห็นความเงาวาวของเนื้อเซรั่มอยู่

เมื่อทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที จะค่อนข้างซึมไปเยอะเลย

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 ซึ่งใกล้เคียงกับผิว

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้

สำหรับส่วนผสมค่อนข้างเรียบง่าย แต่มาแบบเน้นๆ ปังๆ

เริ่มด้วยสีน้ำเงิน Silanetriol ซึ่งคือ Organic silicium ซึ่งมีส่วนประกอบของธาตุ Silicon ค่ะ

          สำหรับประโยชน์ของ Silicon นั้นจะมีคุณสมบัติเด่นๆ หลายประการ ได้แก่ เสริมการทำงานของผิว เสริมให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และเสริมการติดต่อสื่อสารกันระหว่างผิว ซึ่งจะส่งผลให้ผิวเราปรับตัวต่อมลภาวะและสิ่งต่างๆ ทั้งจากสิ่งแวดล้อมและความเครียด

  • Silicon กระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวในชั้นหนังกำพร้า (Keratinocyte) ช่วยปกป้อง เสริมการอุ้มน้ำ และช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ

(Image from Exsymol Monaco)

  • Silicon จะไปจับกับช่องว่างระหว่างเส้นใย Fiber ที่เป็น Matrix ต่างๆ ใน Dermis ให้ผิวเรามีความนุ่มแน่น แข็งแรง

(Image from Exsymol Monaco)

  • เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น ปริมาณของ Silicon จะลดลง อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เส้นใยต่างๆ ในผิวไม่กระชับ เกิดริ้วรอยขึ้นมา
  • การเสริม Silicon ก็อาจจะมีคุณสมบัติเสริมการทำงานของ Fibroblast เสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน ให้ผิวกระชับ แข็งแรง

(Image from Exsymol Monaco)

  • ระหว่างชั้นหนังกำพร้า กับหนังแท้ มันจะมีโครงสร้างที่เรียกว่า Dermal-Epidermal Junction หรือ DEJ ซึ่งสำคัญมาก เพราะจะพยุงเอาโครงสร้างผิวเอาไว้ พอเราอายุเพิ่มขึ้น DEJ จะยุบ แล้วทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึกขึ้นมา

(Roig-Rosello, E.; Rousselle, P. The Human Epidermal Basement Membrane: A Shaped and Cell Instructive Platform That Aging Slowly Alters. Biomolecules 2020, 10, 1607. https://doi.org/10.3390/biom10121607)

  • เจ้า Silicon นี้ยังไปช่วยให้ชั้น DEJ มีความแข็งแรงขึ้นด้วย

(Image from Exsymol Monaco)

สำหรับสูตรผสมของ Silanetriol กับ Hyaluronic acid นั้นมีชื่อทางการค้าว่า Epidermosil ซึ่งเอา Silanetriol มาเป็นระบบนำส่งให้ Hyaluronic acid เข้าผิวได้ดีขึ้นค่ะ

ทางแบรนด์ได้ทำแผนภาพจำลองเพื่อเปรียบเทียบว่า การใช้ Silicium มาเป็นระบบนำส่งนั้น ช่วยเสริมให้ Hya เข้าไปที่ชั้นลึกของหนังกำพร้าได้ดีขึ้น

(Image from Exsymol Monaco)

ซึ่งทางผู้ผลิตวัตถุดิบบริษัท Exsymol Monaco ได้ทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร โดยให้อาสาสมัครทาผลิตภัณฑ์ที่มี Epidermosil 5% (ซึ่งเป็นความเข้มข้นเดียวกับใน HA Booster serum) วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 28 วันพบว่าอาสาสมัครมีริ้วรอยที่ตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น และมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น

(Image from Exsymol Monaco)

แค่ส่วนผสมชุดแรกก็ปังแล้ว ยังเสริมมาด้วย

  • Betaine ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine มีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้ความรู้สึกที่ดีกับผิว ลดการระคายเคือง มีรายงานวิจัยทดสอบประสิทธิภาพในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่า Betaine มีคุณสมบัติในการลดการสร้างเม็ดสี Melanin (Cho et al., Food Sci Biotechnol. 2017;26(5):1391-1397.) มีอีกงานหนึ่งทดสอบประสิทธิภาพในระดับเซลล์เพาะเลี้ยงเช่นกัน พบว่าการทาสารในกลุ่ม Osmolyte อย่าง Betaine นั้นมีประโยชน์ในการเสริมความแข็งแรงให้แก่ Barrier ผิว โดยไปเพิ่มการทำงานของ Tight junction ที่เป็นช่องแคบๆ ระหว่างเซลล์ ทำหน้าที่ปกป้องไม่ให้สิ่งไม่ดีจากภายนอกเข้าสู่ในผิว และลดการเสียน้ำและ NMF ตัวเล็กๆ ออกไปภายนอก (El-Chami et al., Br J Dermatol. 2021;184(3):482-494. doi: 10.1111/bjd.19162.)
  • Jania rubens extract เป็นสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง พอได้ไปตามอ่านข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบ Actiporine 8.G ของบริษัท Codif ประเทศฝรั่งเศส (ประกอบด้วย Glycerin (and) Water (and) Jania Rubens extract) เลยพบว่าน้องมีกลไกที่น่าสนใจมากเว่อร์ คือ น้องไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างประตูขนส่งกลุ่ม Aquaporin-8 (AQP8) ขึ้นมา ปกติถ้าพูดถึง AQP เรามักจะพูดถึง AQP3 ซึ่งเป็น AQP ที่เป็นประตูส่งน้ำและ Glycerin เข้าเซลล์ผิว ให้ผิวเราชุ่มชื้น แข็งแรง ส่วนเจ้า AQP8 นั้นมีการพูดถึงว่าเป็นตัวขนส่งแอมโมเนีย เพื่อให้ผิวเราเอาไปสร้าง Urea ที่เป็น 1 ในสารจับน้ำตามธรรมชาติ (Natural moisturizing factor; NMF) ของผิวเรา

หน้าตาของสาหร่าย Jania rubens

เป็นตัวน้อยกลมๆ

(Image from Codif)

ทีนี้ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า Codif ไปเจอว่า AQP8 นั้น นอกจากช่วยขนส่งแอมโมเนียแล้ว น้องยังไปช่วยผลักเอา Hydrogen peroxide ออกจากผิว ซึ่งในเซลล์เรานี่จะมีหน่วยที่ชื่อ Mitochondria ที่ทำหน้าที่สร้างพลังงานอยู่ตลอดเวลา เป็นเหมือนโรงไฟฟ้าของเซลล์ (เรียกกันสวยๆ ในวงการว่า Power house of cell) เวลาน้องทำงานมันก็จะได้พวกอนุมูลอิสระต่างๆ ออกมา ร่างเราก็จะมีกลไกในการกำจัดอนุมูลอิสระ แต่ถ้าอนุมูลอิสระมันมากไป มันก็จะไปทำลายเซลล์เรา แล้วตัวที่โดนทำลายแรกๆ ก็คือเจ้า Mitochondria นี่แหละ ถ้าไม่มีน้อง เซลล์ก็ไม่มีพลังงาน อยู่ไม่ได้ แก่ตายไป

วัตถุดิบนี้ ไปเสริมการสร้าง AQP8 ที่ไปช่วยผลักเอา Hydrogen peroxide ทิ้งไป Mitochondria เลยรอด เราก็รอดด้วย

ซึ่งทางบริษัท Codif ก็มีการทดสอบประสิทธิภาพทั้งในระดับเซลล์เพาะเลี้ยงและในอาสาสมัคร ก็เจอว่าให้ประโยชน์ที่ดีในด้านของการชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย

โดยรวมส่วนผสมของสารบำรุงที่ใส่มาใน HA booster serum นี่คือตัวตึงด้านการเติมน้ำ ผิวกระชับ แข็งแรง และดูแลผิวด้านริ้วรอย ชะลอวัย อาจจะได้เรื่องความรู้สึกสบายผิว การระคายเคือง และ whitening อยู่ด้วย

และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ถ้ามองในแง่ของการเป็นเซรั่มไฮยาชิ้นหนึ่ง คือ น้องทำมาได้จัดเต็มมาก ไม่ใช่แค่เติมน้ำ แต่มันมีมิติอื่นซ่อนไปมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคนิค Silicium delivery หรือการเลือกใช้สารที่มาเสริมกันอย่างลงตัว เพื่อดูแลริ้วรอย ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบความบางเบาของเนื้อ ไม่เหนียวหนึบ ลงแล้วทาสกินแคร์ตัวอื่นต่อไปได้เลยไม่ต้องรอนาน ในแง่ของด้านผิวกระชับ ริ้วรอย ส่วนตัวยังไม่ได้มีปัญหาด้านนี้เลยยังฟันธงชัดเจนไม่ได้ แต่ก็ได้ความรู้สึกว่าผิวดีขึ้นจากการใช้มาเดือนกว่าๆ รับไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ AlphaScience สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่จัดส่งสินค้าดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงได้เลยค่ะ

https://www.facebook.com/AlphascienceThailand

สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดตามเข้าไปดูที่ Official mall ได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

Lazada: https://invol.co/cla9tuw

Shopee: https://invol.co/cla9tvv

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ AlphaScience สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Beauty Update] Customization skincare routine ให้เหมาะกับความต้องการของผิวไปกับ Alphascience skincare quiz

วันนี้ขอมารีวิว Alphascience skin quiz ที่หน้าเว็บของแบรนด์ Alphascience International

เชื่อว่าหลายๆ ท่านเคยได้ผ่านตาแบรนด์ Alphascience มาบ้าง ในบ้านเราก็ได้คุณเข้มมาเป็น Brand ambassador ค่ะ และได้ข่าวแว่วมาว่ากำลังจะจัดอีเวนท์ Grand opening ในเร็วๆ นี้ด้วยนะคะ

ทางเพจเคยได้นำเสนอคอนเทนท์แนะนำแบรนด์ Alphascience ไว้พักใหญ่ๆ แล้ว ท่านที่สนใจสามารถติดตามรับชมได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ

>>Link แนะนำแบรนด์ Alphascience<<

Alphascience เองมีสินค้าออกมามากมายหลายชนิด แล้วก็มีบริษัทที่นำเอาสินค้าของแบรนด์เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วค่ะ ทีนี้หลายๆ คนอาจจะเริ่มเกิดคำถามว่า สินค้าตั้งมากมาย เราจะเลือกแบบไหนให้เหมาะกับผิวเราดี

ทางนี้เลยมานำเสนอ Alpha-routine ที่ทางแบรนด์ Alphascience ออกแบบมาให้เราเข้าไปทำแบบสอบถามง่ายๆ สั้นๆ เพื่อเลือกสินค้าที่เหมาะสมกับเราค่ะ สามารถติเข้าไปเล่นได้ที่ลิงค์นี้นะคะ

>>Link ไปเล่น Alphascience skin quiz<<

หรือเข้าไปได้จากภาพ Alpharoutine ที่หน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ Alphascience ค่ะ

เข้ามาแล้วคลิ้กที่ปุ่ม Start ได้เลยค่ะ

เข้ามาแล้วจะมีคำถามให้ตอบ 5 ข้อนะคะ ได้แก่

  • เพศ
  • ความรู้สึกแห้งบริเวณผิว ให้เลือกว่าแห้งเฉพาะ U-zone หรือ ทั้งหน้า หรือ ไม่รู้สึกแห้งเลย
  • ความรู้สึกมันบริเวณผิว ให้เลือกว่ามันเฉพาะ T-zone หรือ ทั้งหน้า หรือ ไม่รู้สึกว่ามันเลย
  • อายุ (ระบุเป็นช่วง)
  • ปัญหาผิวที่กำลังกังวล ข้อนี้ให้เลือกปัญหาที่รู้สึกว่ากวนใจเราทุกอย่างเลยค่ะ ทางเราได้ทำโพยมาให้แล้วค่ะ

พอเลือกเสร็จ ระบบก็จะแนะนำผลิตภัณฑ์มาให้เรา

ของหญิง ระบบวิเคราะห์แล้วเลือกมาให้เป็น 3 ชิ้นนี้นะคะ ซึ่งตอนนี้ก็ใช้ HA booster กับ Tannic [CF] serum อยู่พอดีเลย ตรงกับปัญหาเด๊ะๆ

สำหรับเซรั่มวิตามินซีของทางแบรนด์ Alphascience นั้น มีด้วยกัน 3 สูตร คือ Tannic [CF], Phytic [TC] และ Alphabright ค่ะ

เซรั่มนี้มีจุดเด่นอย่างไร เลือกชิ้นไหนดี สามารถติดตามรับชมได้จากคอนเทนท์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

>>Click อ่าน preview serum วิตามินซีทั้ง 3 สูตรของ Alphascience <<

โดยในโอกาสถัดไปทางเพจจะมานำเสนอบทวิเคราะห์ส่วนผสมของเซรั่ม HA booster โดยละเอียดต่อไปค่ะ

Disclaimer: self opinion, non-sponsored content

Image

[Beauty update/Brand introduction] เวชสำอางจากฝรั่งเศส AlphaScience เวชสำอางนวัตกรรม Vitamin C complex

สำหรับคอนเทนท์นี้จะมาแนะนำแบรนด์ AlphaScience แบรนด์เวชสำอางแบรนด์ดังจากประเทศฝรั่งเศสค่ะ

แบรนด์ AlphaScience เปิดตัวในงานประชุมวิชาการที่มีชื่อว่า AMWC world congress ในปี 2016 งานประชุมนี้เป็นงานประชุมวิชาการแถวหน้าของโลกในด้านความงามและศาสตร์การชะลอวัย พอนับมาจนเดือนเมษายน 2022 นี้ก็ครบ 6 ปีพอดีเลย

(Image from AlphaScience Official Facebook)

6 ปีที่ผ่านมาทางแบรนด์นำเสนอผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่พัฒนาขึ้นมาจากงานวิจัยต่างๆ อยู่หลายชิ้นเลย เรียกได้ว่าแต่ละชิ้นนั้นน่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว

ก่อนจะไปดูผลิตภัณฑ์ ขอกล่าวถึง Philosophy หรือปรัชญาของแบรนด์กันก่อนค่ะ

ทางแบรนด์ยึดถือหลักการ “Supporting the skin’s own ecosystem for health with ingredients of natural origin and allowing the skin to retain all of its vital force”

นั่นคือ ทางแบรนด์เชื่อในสมดุลของผิว เราทุกคนมีผิวที่มีสุขภาพดีได้แค่รักษาสภาวะสมดุลของผิว ซึ่งการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ มันทำให้ผิวเสียสมดุล ถ้าเราสามารถดูแลและปรับผิวให้เข้าสู่สมดุลของเขา แล้วที่เหลือผิวเราจะจัดการต่อเอง โดยเลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อปล่อยให้ผิวเราค่อยๆ ปรับตัวเองกลับคืนสู่สมดุล แล้วผิวเราก็จะมีสุขภาพดีขึ้นมาได้

ทางแบรนด์เลือกที่จะพัฒนากลุ่มสารที่เป็น Antioxidant ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อปกป้องผิวไม่ให้เสียสมดุลจากวิถีชีวิต และปัจจัยต่างๆ จากสิ่งแวดล้อม โดยมีนักวิจัยหลัก ผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Dr. Alfred Marchal, PhD

Dr. Alfred Marchal, PhD

ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวของแบรนด์ที่ Dr. Marchal และทีม พัฒนามา ก็คือ พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทั้งกลุ่มของผู้บริโภคทั่วไป กลุ่มของศัลยแพทย์ และกลุ่มของแพทย์ผิวหนัง โดยคาดหวังว่าผลิตภัณฑ์นี้จะมีคุณสมบัติเป็น Dermocosmetic ที่ส่งเสริมกับกระบวนการหัตถการต่างๆ ได้อย่างลงตัว และเกิดคุณสมบัติในการบำรุงผิวต่อผู้บริโภคอย่างสูงสุด

ถึงแม้ว่าดูเหมือนปรัชญาแบรนด์จะมุ่งเน้นไปที่สารธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้วทางแบรนด์มุ่งเน้นพัฒนาตำรับที่มีทั้งส่วนผสมของสารจากธรรมชาติ และสารสังเคราะห์ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ เพื่อให้ได้ตำรับที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคค่ะ

เนื่องจากทางแบรนด์มุ่งเน้นพัฒนากลุ่ม Antioxidant ที่มี Combination ที่เหมาะสมและลงตัว ส่วนตัวเลยจะขอเริ่มจากการค่อยๆ หยิบยกเอากลุ่มของ Antioxidant serum ทั้ง 3 สูตร ที่เป็นเสมือนตัวเอกของแบรนด์มาเล่าให้ฟังกันต่อไปนะคะ แต่ขอสปอยล์ไว้นิดหน่อยค่ะ จุดเด่นที่น่าสนใจของเซรั่ม Antioxidant ทั้ง 3 สูตรนี้อยู่ที่สิ่งที่แบรนด์เรียกว่า Third generation of Vitamin C มันคืออะไร ทางแบรนด์สรุปมาเป็นภาพด้านล่างนี้ค่ะ

(Image from AlphaScience Official Website)

เป็นอันทราบกันว่า Vitamin C (ขอย่อว่า VC) รูปแบบ L-Ascorbic acid ที่ใช้กันตามธรรมชาตินั้นมีปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคงตัว และการดูดซึมเข้าสู่ผิว ทำให้เกิดการพัฒนาต่างๆ โดย Dr.Marchal ได้แบ่งการใช้ VC เป็น 3 ยุค

  • ยุคแรก เป็นการพัฒนาตำรับให้อยู่ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำ (Anhydrous) หรือ มีน้ำเป็นองค์ประกอบน้อย อย่างที่ Dr.Marchal ทำในช่วงนั้น คือ การพัฒนาตำรับให้อยู่ในรูปแบบของครีมชนิดเบสน้ำมัน (w/o emulsion) ก็พบว่าเพิ่มความคงตัวได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง
  • ยุคที่สอง เป็นการพัฒนาอนุพันธ์ใหม่ๆ ของ VC ออกมา และพยายามจะปรับสูตรของ VC ต่อ โดยยุคนั้น Dr.Marchal ลองทำ VC รูปแบบอนุพันธ์ ในเบสซิลิโคน ถึงแม้ว่าจะมีความคงตัวที่ดี แต่ลงผิวแล้วกลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะอนุพันธ์ของ VC เปลี่ยนกลับมาเป็น L-Ascorbic acid ไม่มากนัก
  • ยุคที่สาม Dr.Marchal คิดค้นสิ่งที่เรียกว่า Vitamin C complex โดยเอาไปใช้ร่วมกับสารธรรมชาติที่มีชื่อว่า Tannic acid ซึ่งเป็นสารกลุ่ม Polyphenol ที่มีโมเลกุลใหญ่ในกลุ่มของพวก Tannin ลำพังตัวมันเองก็มีประโยชน์ต่อผิวหนังมากมาย และเมื่อเอามาใช้ร่วมกับ VC แล้ว กลายเป็นว่าเสริมความคงตัวให้กับ VC ได้เป็นอย่างดี

เลยเป็นที่มาของการเคลมว่า Third generation VC ซึ่งเป็น VC รูปแบบพื้นฐานที่ทางแบรนด์ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้มีความคงตัวและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะได้นำมาเล่าให้ฟังต่อไปค่ะ

สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดตามเข้าไปดูที่ Official mall ได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ

Lazada: https://invol.co/cla9tuw

Shopee: https://invol.co/cla9tvv

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ AlphaScience สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ ผู้เขียนอาจได้ประโยชน์จากการคลิ้กลิงค์ที่มี Affiliated