[Cosme-Diagnosis] Discromia control serum from Cosmatici magistrali

[Cosme-Diagnosis] Discromia control serum from Cosmatici magistrali

วันนี้มีแวะเอาซีรัมเพื่อผิวขาว แบรนด์ของเวชสำอางจากอิตาลี เจ้าเก่าที่เคยรีวิวไพรม์เมอร์คุมมันไปเมื่อคราวก่อนมารีวิวให้ชมกันค่ะ

ผลิตภัณฑ์มีชื่อว่า Discromia control serum จาก จาก Cosmetici magistrali เวชสำอางจากประเทศอิตาลีค่ะ

dischormia 1-re

มาในหลอดสีขาว ดีไซน์เรียบๆแต่หรูหรา

ลองมาดูเนื้อสัมผัสกันดีกว่านะคะ

dischormia 2-re

เปนเจลใสสีน้ำตาลแดง ไม่มีกลิ่น ไม่เหนอะหนะ เกลี่ยง่ายค่ะ พอเกลี่ยเสร็จแล้วจะรู้สึกเหมือนแดงขึ้นนิดนึง นิดนึงจริงๆค่ะ แต่ถ้าเราแต่งหน้าทับก็ไม่เห็นแล้วค่ะ

dischormia 3-re

เนื่องจากตัวเจลมีสี เลยไม่สามารถวัด pH ให้ดูได้นะคะ

ลองมาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

dischromia 4-re

มาดูคุณสมบัติของสารแต่ละอย่างกันดีกว่านะคะ

ปกติเครื่องสำอางจะประกอบด้วยส่วนสำคัญๆ อยู่ 3 ส่วนหลักๆ คือ

  1. Actives หรือ สารออกฤทธิ์ เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
  2. Base หรือ ส่วนเนื้อของผลิตภัณฑ์ เป็นตัวอุ้มและเก็บสารออกฤทธิ์ไว้
  3. Additives หรือ ส่วนของสารเติมแต่ง เป็นตัวเติมแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย เช่น พวกสารกันเสีย พวกน้ำหอม พวกซิลิโคน ตัวเพิ่มความหนืด ฯลฯ

ลองมาไล่ไปทีละตัวเลยดีกว่า

คุณสมบัติสารแต่ละตัวแยกตามหน้าที่

  1. Actives ได้แก่
  • Niacinamide รูปแบบหนึ่งขอวิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)
  • Glucosamine บางรายงานบอกว่าเป็นหน่วยย่อยของ Hyaluronic acid เพราะมีโมเลกุลเล็กจึงสามารถดูดซึมได้ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังโดยดูดน้ำเข้าหาตัว บางแหล่งบอกว่าเป็น Exfoliator ช่วยในกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว การใช้ร่วมกับวิตามินบี 3 จะให้ผลเป็น Whitening ที่ดีได้
  • Kojic acid สารที่เชื้อราบางชนิดสร้างขึ้นระหว่างการหมัก มีหลายๆรายงานการวิจัยรองรับถึงคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สร้างเม็ดสีผิว มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant และสามารถเป็นตัวจับโลหะเพื่อเพิ่มความคงตัวให้สารอื่นๆในผลิตภัณฑ์ได้
  • Hydroxypinacolone retinoate เป็นสารอนุพันธ์รูปแบบใหม่ของวิตามินเอ ที่มีความระคายเคืองต่ำมาก มีคุณสมบัติช่วยเรื่องการลดริ้วรอย การปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ซึ่งสารตัวนี้เวลาเข้าผิวแล้วสามารถออกฤทธิ์ได้เลย ไม่ต้องไปแปรสภาพให้กลายเป็นรูปแบบ Acid อีก (ปกติวิตามินเอ หรือ Retinol เวลาทาเข้าไปจะยังไม่มีฤทธิ์ ต้องถูกเอนไซม์ในผิวเปลี่ยนโครงสร้าง 2 ขั้นตอน กว่าจะได้รูปแบบ Acid ที่มีฤทธิ์)
  • Retinol glycosphere ตัวนี้ที่ข้างกล่องระบุว่าเป็นสูตรผสมของ Phenoxyethanol + Butylene glycol + Hydrogenated lecithin + Palmitoyl hydroxypropyltrimonium amylopectin/Glycerin crosspolymer + Retinol + Propyl paraben + Methyl paraben + Butyl paraben + Ethyl paraben + BHT + BHA แปลง่ายก็คือ การเก็บกักเอาวิตามินเอ หรือ Retinol ไว้ในอนุภาคทรงกลม (กลมจริงหรือเปล่าไม่รู้นะคะ) ขนาดเล็กของ Amylopectin polymer ซึ่งเมื่อเก็บกักแล้วก็จะให้ผลเพิ่มความคงตัว เพิ่มการนำส่งวิตามินเอเข้าไปในผิว และช่วยเรื่องของการควบคุมการปลอดปล่อย ให้ค่อยๆปล่อยวิตามินเอออกมาทีละนิดๆ สม่ำเสมอ
  • Portulaca oleraceae extract สารสกัดจากคุณนายตื่นสาย มีรายงานเกี่ยวกับฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล (Wound healing) (J Ethnopharmacol. 2003; 88(2-3):131-6.) ลดการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2000; 73(3):445-51.) และมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant (J Med Plants Res. 2011; 5(9):1589-1593)
  • Hydrolyzed caesalpinia spinosa gum ปกติสารกลุ่ม Gum จะเป็นคาร์โบเดรตเชิงซ้อน เมื่อผ่านการย่อยก็จะได้สายสั้นๆของคาร์โบไฮเดรต ที่เรียกว่า Oligosaccharide พวกนี้มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี
  • Glycosaminoglycans เป็นสารที่เป็นองค์ประกอบในผิวหนัง ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นในผิว และเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวหนัง แต่แต่เนื่องจากมีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่ เมื่อใช้ในทางเครื่องสำอางจึงให้ผลในระดับผิวหนังชั้นนอก
  • Acetyl hexapeptide-37 เป็น Peptide ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยมีผลกระตุ้นการสร้าง Aquaporin-3 ในผิวหนัง เป็นตัวที่คอยปล่อยน้ำจากผิวหนังชั้นล่างมาเคลือบและครอบคลุมผิวหนังชั้นข้างบน นอกจากนี้ยังมีผลกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน และกระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิวหนังได้ด้วย มีชื่อทางการค้าว่า Diffuporine
  • กรดอะมิโนต่างๆและอนุพันธ์ ได้แก่ Glutamic acid, Alanine, Betaine, Decarboxycarnosine, Methylsilanol hydroxyproline aspartate, Aspartic acid

* Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine มีชื่อทางเคมีว่า Trimethylglycine พบในหัวบีท มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และช่วยให้สัมผัสที่ดีเวลาทา

* Decarboxy carnosine เป็นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง ทั้งยังช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากกระบวนการ Glycation (การที่น้ำตาลเข้ามาจับกับเซลล์ ที่มักจะพบมากขึ้นเมื่อวัยเพิ่มขึ้น) และยังเพิ่ม Metabolism ของเซลล์ วัตถุดิบนี้มีชื่อทางการค้าว่า Alistin จากข้อมูลของวัตถุดิบพบว่า ช่วย Detox ปกป้องเซลล์จากกระบวนการ Glycation และช่วยกดการสร้างสารก่อการอักเสบ กับ กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน (J Dermatolog Treat. 2012; 23(5):345-84.)

* Methylsilanol hydroxyproline aspartate เป็นสารกึ่งสังเคราะห์จากซิลิโคนกับกรดอะมิโน จากการทดสอบของผู้ผลิตวัตถุดิบพบว่า สารนี้สามารถกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่หลังจากเกิดแผล กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวชนิดต่างๆ (Cytostimulation) รวมทั้ง Fibroblast ที่ทำหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสติน (ข้อมูลจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบ, Hydroxyprolisilane C)

  • สารกลุ่มน้ำตาล และอนุพันธ์ของน้ำตาลชนิดต่างๆ ได้แก่ Fructose, Trehalose, Sorbitol, Glucose, Sucrose

* Trehalose เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ชนิดหนึ่งที่ยีสต์และสิ่งมีชีวิตเล็กๆอื่นๆสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ขาดน้ำตาย เมื่อนำมาใช้ในเครื่องสำอางก็จะช่วยปกป้องสารสำคัญต่างๆในผลิตภัณฑ์และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังได้ค่อนข้างดี และปกป้องเซลล์ผิวได้ ปัจจุบันสามารถสังเคราะห์ได้ โดยบริษัทที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่มการสังเคราะห์ตัวนี้ขึ้นมา มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ปกป้องเซลล์ผิวหนังไม่ให้น้ำระเหยออกจากเซลล์ (ข้อมูลจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบ) ยังมีรายงานกล่าวว่า Trehalose สามารถปกป้องไม่ให้ Fatty acid ถูกย่อยสลายโดยกระบวนการ Hydrolysis (ซึ่งจะได้กรดสายสั้นๆที่มีกลิ่นเหม็น เหมือนน้ำมันเหม็นหืน) และช่วยปกป้องไขมันไม่ให้เกิดการ Autoxidation อันจะทำให้เกิดอนุมูลอิสระต่างๆตามมา (Pure Appl. Chem. 2002;74(7), 1263–1269)

  • Aminoethylphosphonic acid สารกลุ่ม Phosphonate ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีประโยชน์เป็นสารจับโลหะ และมีความสามารถในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสที่เป็นเอนไซม์ที่ใช้สร้างเมลานินในผิว มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Albatin
  • Dextrin สารกลุ่ม Polysaccharide มีคุณสมบัติเพิ่มความหนืด ก่อฟิล์ม และช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
  • Hexyl nicotinate อนุพันธ์ของวิตามินบี 3 สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้มากขึ้น มีรายงานกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์รูปแบบทาของสารนี้สามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมาที่ผิวหนังมากขึ้น (Br J Dermatol. 1988;119(6):771-6.) ซึ่งเวลามีเลือดไหลเวียนดีขึ้น ก็จะทำให้หน้ามีสีอมชมพู มีเลือดฝาด และยังช่วยเรื่องการ Detox เอาของเสียในผิวไปทิ้งทื่อื่น
  1. Baseอันนี้เดาไม่ออกว่าเป็นรูปแบบของHydrogelปกติ หรือว่า เป็นEmulgelที่มีซิลิโคนผสมกับน้ำ จึงขอแบ่งเอาทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน ดังนี้
    • ส่วนของน้ำ ได้แก่ น้ำ, Glycerin, Pentylene glycol, Caprylyl glycol, Hexylene glycol สองตัวสุดท้ายนอกจากดึงน้ำให้ผิวเพิ่มความชุ่มชื้นแล้วยังให้ผลระงับเชื้อได้ด้วย
    • ส่วนของน้ำมัน ได้แก่ Glyceryl caprylate
    • ส่วนของซิลิโคน ได้แก่ Cyclopentasiloxane เป็นซิลิโคนที่ระเหยได้ ให้สัมผัสบางเบา เรียบเนียนไม่เหนอะหนะ กับ Polysilicone-11 ซึ่งเป็น Silicone ชนิดพิเศษที่สามารถก่อฟิล์มบนผิวได้
  2. Additivesได้แก่
    • Emulsifier ได้แก่ Polysorbate 20 ที่เป็นสารพื้นฐานทั่วไป กับ Methyl gluceth-20 ที่มีความอ่อนโยน และ Lecithin ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นได้
    • สารเพิ่มความหนืด ได้แก่ Ammonium acryloyldimethyltaurate/VP copolymer, Styrene/acrylates copolymer และ Xanthan gum
    • Preservatives ได้แก่ Benzyl alcohol, Dehydroacetic acid, Potassium sorbate, Sodium sorbate รวมไปถึงสารเพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง Glyceryl caprylate, Caprylyl glycol และ Hexylene glycol พวกนี้มีฤทธิ์ระงับเชื้อได้ด้วย และสารจับโลหะ EDTA กับ Trisodium ethylenediamine disuccinate
    • สารเพิ่มการดูดซึมผ่านผิว (Penetration enhancer) มี Dimethyl isosorbide เป็นตัวทำละลายที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการดูดซึมของสารต่างๆผ่านผิวหนัง

ถึงเวลาให้คะแนน

  1. Actives ถ้าดูจากลำดับส่วนผสม สิ่งแรกเลยที่เห็นถัดจากน้ำคือ Niacinamide ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างปลื้มปริ่มมาก สารอื่นๆที่เป็นไวท์เทนนิ่งได้ดี ก็จะมี Kojic acid มีสารเสริมที่เป็น Moisturizer ดีๆหลายตัว รวมถึงตัวที่ช่วยเรื่องริ้วรอย อย่างวิตเอ มีสารที่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยตามวัยเสริมเข้ามาอีก ที่สำคัญคือ ไม่มีสารกลุ่ม AHA ที่อาจจะทำให้ผิวบางได้ จึงไม่เสี่ยงผิวบาง เพราะกลไกในการผลัดผิวของวิตเอ จะเหมือนเป็นการปรับสมดุลของวงจรการแบ่งตัวของเซลล์ (ที่เรียกว่า Cell cycle) ให้อยู่ในช่วงที่สมดุล ถ้านับไปถึงเทคโนโลยี Glycosphere ด้วยแล้ว จุดนี้จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. Base เป็นรูปแบบของ Hydrogel ที่มีการเติมสารดูดน้ำดีๆไว้ในส่วนผสม และมี Silicone ที่ช่วยเรื่องสัมผัส และช่วยเคลือบผิวกันน้ำระเหย รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวอีกหนึ่งสเต็ป ที่สำคัญคือ ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีน้ำมัน จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  3. Additives แม้ว่าดูเหมือนจะไม่มีอะไร และแทบทุกตัวจะเป็นมิตรกับผิว แต่ก็มีบางอย่างอยู่ อย่างแรกคือ สารช่วยเพิ่มการดูดซึม (ที่เรียกว่า Penetration enhancer) เพื่อให้สารต่างๆซึมไปในผิวได้ดียิ่งขึ้น เพราะว่าการออกฤทธิ์เพื่อความขาวของผิว สารต้องลงไปถึงชั้นล่างสุด ที่มีเซลล์ที่สร้างเม็ดสีผิวเมลานินอยู่ ถ้าลงไปไม่ถึงก็คงไม่มีประโยชน์ และอีกประเด็นคือ ไม่มีน้ำหอม แต่ มีสารกันเสียกลุ่ม Paraben ที่แอบแฝงตัวมากับสูตรผสม Retinol Glycosphere นอกนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์ ขอหักคะแนน paraben ไปนิดนึง
  4. การใช้งาน ผลิตภัณฑ์เป็นเจลใสๆ ความหนืดไม่มาก ไม่มีกลิ่น เกลี่ยค่อนข้างง่าย แม้ว่าจะมีสี แต่สีก็ติดผิวไม่มาก และถ้าเราทาครีมหรือแต่งหน้าไป ก็มองไม่เห็นแล้ว จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน dischromia

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางบริษัทไอเมดิกาด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามที่ทางเพจ เลยนะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบค่ะ

http://www.imedicaskincare.com/

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s