Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม ผลิตภัณฑ์แต้มสิวที่มีส่วนผสมของชาเขียวเกาะเจจู Green powder AC spot solution จากแบรนด์ SkinTalk

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์แต้มสิวจากแบรนด์ SkinTalk มาฝากกันค่ะ

สำหรับกลุ่มของ Green tea ของแบรนด์ SkinTalk จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ผลิตภัณฑ์สำหรับใบหน้านะคะ

music 2

(Image from SkinTalk official website)

 

จากคราวก่อนที่มี่ได้รีวิวตัว BHA Music toner ของเขาไป (ตามลิงค์นี้นะคะ >>Click<<) และได้เกริ่นๆไปว่า มี่ได้ตัวที่เป็น Spot corrector มาอีกตัว วันนี้เลยขอมาอัพเดทกันต่อค่ะ

สำหรับตัว Spot corrector จะมีชื่อเต็มๆว่า Green powder AC spot solution ค่ะ ซึ่งมาในขวดแก้วสีชาใบเล็กๆกะทัดรัด ตามรูปค่ะ

gp 2

ตัวนี้จะมาในเนื้อคล้ายๆรองพื้นแบบ Liquid foundation นะคะ ทางแบรนด์แนะนำวิธีใช้ไว้ว่าเวลาใช้งานให้เราเอาคอตตอนบัดส์จุ่มลงไปให้ถึงก้นขวดและก็นำมาแต้มบริเวณหัวสิวได้เลยค่ะ

how to use

(Image from SkinTalk official website)

gp 3

แต่เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีสิว เลยแต้มบนหลังมือให้ดูเนื้อสัมผัสกันค่ะ

gp 4

จุดเด่นของตัว AC spot solution ตัวนี้คือทางแบรนด์พยายามเลือกใช้ส่วนผสมที่เป็นมิตรกับผิวมากที่สุด โดยส่วนผสมทุกตัวได้คะแนน EWG อยู่ที่ 0 – 2 ซึ่งหมายความว่าเป็นมิตรกับผิว และสิ่งแวดล้อมค่ะ

EWG

(Image from SkinTalk official website)

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส gp

ส่วนผสมของ Spot corrector ตัวนี้ค่อนข้างไม่ซับซ้อนนะคะ มีสารบำรุงที่เป็น AHA/BHA อยู่ร่วมกับสารสกัดจากพืช และมี Epigallocatechin gallate (EGCG) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่พบในชาเขียว มีประโยชน์ในด้านการลดการอักเสบและระคายเคือง

EGCG

(Image from SkinTalk official website)

จากครั้งก่อนที่เคยเล่าให้ฟังว่าของแบรนด์นี้เลือกใช้ชาเขียวชั้นดีที่ปลูกจากเกาะเจจูมาเป็นส่วนผสมค่ะ โดยที่สารสกัดจากชาเขียวเองก็มีสารในกลุ่มของ Cathechins ซึ่งมีประโยชน์เป็น Antioxidant และประโยชน์อื่นๆ มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนถึงการใช้ชาเขียวในทางเครื่องสำอาง สำหรับตัวชาเขียวของแบรนด์นี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่าประกอบด้วยสาร Saponin ที่มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย และมีคุณสมบัติในการต่อต้านจุลินทรีย์

นอกจากสารสกัดชาเขียวแล้วยังเสริมมาด้วยสารสกัดจาก Portulaca ที่มีประโยชน์ในการเสริมการสมานแผล และ สารสกัดจาก Witch hazel ที่มีประโยชน์ในด้านการควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน

โดยรวมจึงถือว่า ทำมาได้เสริมกันอย่างลงตัว

เพียงแต่ส่วนตัวมองว่าถ้ามีส่วนผสมของพวก Absorbent หรือ สารดูดซับเข้ามาด้วย ตามหลักการทางด้านเครื่องสำอางแล้วน่าจะทำให้สิวแห้งไวขึ้นได้อยู่ค่ะ

วันนี้เนื่องจากส่วนผสมมีไม่มาก เลยไม่ขอให้คะแนนนะคะ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางบริษัท เจ.เอ. เอลลิแก็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมความ เกรดพรีเมี่ยมทั่วโลก ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

 

Line : https://lin.ee/mzbiXGL

Line@ : @jaelegantthailand

FB: J.A Elegant Thailand – ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เกรดพรีเมี่ยมทั่วโลก

FB : Skintalk Thailand By J.A.Elegant – ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้มีปัญหาสิวและผิวหน้า

Shopee : Eelegant Beauty Shop โค้ดส่วนลด 50 บาท สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก

JAELNC000

IG : jaelegant_official

YouTube : J.A.Elegant Official https://www.youtube.com/channel/UCOPLQvKHZo6LJzUnPE-Uubw

WEB: http://www.jaelegantthailand.com

 

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางบริษัท บริษัท เจ.เอ. เอลลิแก็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม BHA music toner จากแบรนด์ SkinTalk แพคเกจใหม่ไฉไลกว่าเดิม

สวัสดีค่ะพี่ๆน้องๆเพื่อนๆทุกท่าน

ส่วนตัวมี่จะชอบพูดเสมอว่า BHA Toner นั้นเหมาะมากสำหรับการทำความสะอาดผิวหลังล้างหน้า เตรียมผิวให้พร้อมรับสารอาหารจากการบำรุง และดูแลปัญหาการอุดตัน

สำหรับวันนี้มี่ขอหยิบยกเอาผลิตภัณฑ์เจ้าเก่า ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบนะคะ และก็เคยมอบมง #ลูกรักบ้านมียอน ให้อยู่หลายปีเช่นกัน

นั่นก็คือ BHA music toner ของแบรนด์ skin Talk จากเกาหลีนั่นเอง หลายๆท่านอาจจะคุ้นๆกับตัวขวดสีฟ้าๆ แต่ตอนนี้นางเปลี่ยนแพคเกจใหม่แล้วค่ะเป็นขวดสีน้ำตาล ฉลากขาวคาดเขียวนั่นเองค่ะ

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

music 3

เมื่อวางเทียบกับรุ่นเก่าจะเห็นได้ว่า ดูเรียบหรู ดูคลีนขึ้นเยอะเลย

music 4

ในซีรี่ส์ Green tea นี้มีผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าอยู่ 4 อย่างค่ะ

music 2

(Image from SkinTalk official website)

 

สำหรับตัวที่มี่ได้มาจะเป็น BHA music toner กับตัวที่เป็น AC spot solution ค่ะ ซึ่งจะมารีวิวตัวนี้ต่อในโอกาสหน้านะคะ

สำหรับจุดเด่นของ BHA music toner จุดแรกคือ นางใช้ชาเขียวจากเกาะเชจู ซึ่งว่ากันว่าเป็น 1 ในชาเขียวคุณภาพดีของเกาหลี จุดที่สองก็คือ นางใช้น้ำชาเขียวเป็นเบสหลักแทนน้ำค่ะ ไม่ใช่แค่นั้น จุดที่สามก็คือ นางยังเสริมสารบำรุงอื่นๆเข้ามาอีกหลายชนิดได้อย่างลงตัวค่ะ เดี๋ยวเราค่อยมาดูกันอีกรอบในส่วนของการวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

ชาเขียวเจจู

(Image from Visitjeju.net)

jeju-e1534227472164-345x222

(Image from Coindesk)

 

เนื้อของโทนเนอร์มาในรูปแบบของน้ำใส สีเหลืองอมเขียวอ่อนๆ ไม่มีกลิ่น

 

music 5

ใช้คู่กับสำลี หลังเช็ดให้ความรู้สึกอุ่นเล็กน้อย เมื่อทิ้งไว้ประมาณ 1 – 3 นาที จะได้สัมผัสที่ค่อนข้างนุ่ม

music 6

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส music

สำหรับส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้ 4 สีนะคะ ขอเริ่มทีละสีเลยนะคะ

  • สีเขียว น้ำชาเขียว และ ผงชาเขียว ที่ทางแบรนด์เคลมว่าได้มาจากเกาะเชจู ในชาเขียวมีสารในกลุ่มของ Cathechins ซึ่งมีประโยชน์เป็น Antioxidant และประโยชน์อื่นๆ มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนถึงการใช้ชาเขียวในทางเครื่องสำอาง สำหรับตัวชาเขียวของแบรนด์นี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่าประกอบด้วยสาร Saponin ที่มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย และมีคุณสมบัติในการต่อต้านจุลินทรีย์

green tea

(Image from SkinTalk official website)

  • สีชมพู ถ้าชาเขียวเป็นพระเอกของ Toner นี้ นางเอกในโทนเนอร์คงมีอยู่ 2 คนที่แข่งกัน คือ AHA กับ BHA โดย AHA เป็น Citric acid ที่ได้จากพืชตระกูลส้ม ในความเข้มข้น 0.5% และ BHA เป็นตัว Salicylic acid ในความเข้มข้น 0.2%
    *Note: ปกติในหลายๆรายงานกล่าวว่า BHA จะทำงานผลัดผิวได้ดีและมีประสิทธิภาพในการลดการอุดตันได้มีความเข้มข้นอยู่ที่ราวๆ 0.5-2.0% แต่ผลิตภัณฑ์นี้ทางแบรนด์เคลมว่าผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในอาสาสมัครแล้ว และจุดนี้ทางแบรนด์แจ้งว่า เนื่องด้วยมีส่วนผสมทั้ง AHA และBHA รวมกัน จึงเพิ่มคุณสมบัติช่วยในเรื่องของการดูแลปัญหาการอักเสบและการอุดตันของผิว และ มีการระคายเคืองที่ต่ำกว่า โดยสำหรับวิธีใช้ที่ทางแบรนด์แนะนำคือ

    • กรณีผิวปกติหรือผิวมัน สามารถใช้อาทิตย์ละ 3-4 วัน 1 ครั้งในตอนเย็น
    • กรณีผิวแพ้ง่าย สามารถใช้อาทิตย์ละ 2-3 วัน 1 ครั้งในตอนเย็น

 

  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารเติมน้ำให้ผิว อย่าง Hydrolyzed collagen กับ Betaine ซึ่งตัว Betaine นี้เป็นกรดอะมิโนที่ดัดแปลงมาจาก Glycine ยังมีประโยชน์ในการลดการระคายเคือง และให้สัมผัสที่นุ่มเนียนหลังใช้งาน
  • สีม่วง เป็นสารบำรุงอื่นๆ ซึ่งมีอยู่หลายตัว ทุกตัวทำงานร่วมกันอย่างลงตัวเพื่อดูแลปัญหาด้านความชุ่มชื้น ความมัน การระคายเคือง การสมานแผล และด้านของการต่อต้านจุลินทรีย์

music 1

(Image from SkinTalk official website)

 

ในภาพรวมคือเป็นโทนเนอร์ BHA/AHA ที่เสริมสารบำรุงอื่นๆมารวมกันเพื่อดูแลปัญหาสิว ผิวแห้ง แดง ลอก และระคายเคืองได้อย่างลงตัว

ส่วนผสมอื่นๆที่ทางแบรนด์ใช้ก็เลือกมาเป็นอย่างดี ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำมัน และก็ซิลิโคน

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง จากที่ได้กล่าวไปด้านบนสารบำรุงหลักคงหนีไม่พ้นชาเขียว ซึ่งมีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น Antioxidant, ลดการอักเสบระคายเคือง กระชับรูขุมขนควบคุมความมัน เสริมมาด้วย AHA/BHA ที่ให้ประโยชน์ในเชิงของการเติมน้ำให้ผิว พร้อมลดอุดตันไปพร้อมๆกัน และมีสารบำรุงอีกมากมายที่พร้อมจะดูแลปัญหาผิวได้หลายประการไปพร้อมๆกัน จุดนี้ขอให้ไป 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน สำหรับท่านที่ตามเพจมียอนมาสักพักแล้วจะเห็นว่าตัวนี้เคยได้รับมง #ลูกรักบ้านมียอนมาหลายปีซ้อน แต่ในที่สุดนางก็หลุดโผไป เนื่องจากค่อนข้างหาซื้อลำบาก แต่ตอนนี้หาซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะมีบริษัทนำเข้ามาจำหน่ายในไทยแล้วแบบถูกต้อง ในด้านของการใช้งาน คือส่วนตัวรู้สึกชอบ Feeling อุ่นๆหลังเช็ด และเมื่อ Feeling อุ่นๆหายไป เหลือไว้แต่ความนุ่ม และนวลเนียนของผิว จุดนี้ให้ไป 5 ฟลาสก์

คะแนน music

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางบริษัท เจ.เอ. เอลลิแก็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมความ เกรดพรีเมี่ยมทั่วโลก ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

 

Line : https://lin.ee/mzbiXGL

Line@ : @jaelegantthailand

 

FB: J.A Elegant Thailand – ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เกรดพรีเมี่ยมทั่วโลก

FB : Skintalk Thailand By J.A.Elegant – ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้มีปัญหาสิวและผิวหน้า

Shopee : Eelegant Beauty Shop โค้ดส่วนลด 50 บาท สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก

JAELNC000

IG : jaelegant_official

YouTube : J.A.Elegant Official https://www.youtube.com/channel/UCOPLQvKHZo6LJzUnPE-Uubw

WEB: http://www.jaelegantthailand.com

 

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางบริษัท บริษัท เจ.เอ. เอลลิแก็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มน้องใหม่คนสุดท้องจาก DermArtlogy กับ Ageless barrier rejuvenating serum

สวัสดีค่ะ

เชื่อว่าหลายๆท่านน่าจะจำ Skincare ของแบรนด์ Dermartlogy จากเกาหลีกันได้อยู่นะคะ นางมีสินค้าตัวดังเป็น Ageless cream ที่เอามาเบลนด์คู่กับ Ampoule ต่างๆ ตามสภาพผิว หรือความต้องการของเรา ซึ่งมี่ก็ได้รีวิวไว้แล้วนะคะ สามารถติดตามได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ >>Click<<

ตอนนี้ทางแบรนด์ได้ Launched ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาค่ะ เป็นตัวเซรั่มที่มีชื่อว่า Ageless barrier rejuvenating serum ส่วนผสมก็อัพเกรดมาจากตัว Ageless cream อีกขั้นหนึ่ง แต่เนื้อเบามากเรียกได้ว่าเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรามากๆ

หลังจากได้ลองใช้มาราวๆเดือนกว่า ก็เลยขอหยิบเอามารีวิวสักหน่อย

นางมาในหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

derm 4

ตัวแพคเกจเป็นขวดพลาสติกเนื้อหนา แบบมีหลอดหยดอยู่ด้านใน

derm 5

เนื้อเซรั่มเป็นแบบโปร่งแสง (Translucent) คือไม่ใสไม่ขุ่น ไม่มีน้ำหอม เลยไม่มีกลิ่นนะคะ อาจจะได้กลิ่นจางๆของวัตถุดิบอยู่นิดหน่อย

derm 1

เนื้อเกลี่ยง่าย ให้ความรู้สึกเย็น ค่อนข้างชุ่มชื้น ให้สัมผัสที่ค่อนข้างนุ่มและเรียบเนียนค่ะ

derm 2

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

derm 3

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ส่วนผสม ageless

วันนี้ส่วนผสมมีหลายสีหน่อยนะคะ

โดยขอเริ่มที่พระเอกของเรา สีบานเย็น ก่อนเลยค่ะ

Hexacarboxymethyl dipeptide-12 ตัวนี้มีชื่อทางการค้าว่า AquatideTM ซึ่งเป็นเปปไทด์ตัวดังที่มาจากทางเกาหลี เปปไทด์ตัวนี้มีคุณสมบัติหลายประการเลยค่ะ โดยทางผู้ผลิตเคลมว่าเป็น Skincare vaccine ช่วยให้ผิวเราแข็งแรง โดยสารมีคุณสมบัติเพิ่มการทำงานของ Barrier ผิว ลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ และมลภาวะ ลดการอักเสบ และปรับสมดุลให้แก่ผิว นอกจากนี้ยังเสริมกระบวนการ Autophagy ตามธรรมชาติของผิวค่ะ

Autophagy เป็นศัพท์เทคนิคทางชีววิทยา ตีความง่ายๆประมาณว่า เป็นปฏิกิริยาที่เซลล์ในร่างกายทำลายเซลล์ตัวเอง แล้วนำเอาองค์ประกอบภายในเซลล์ที่โดนทำลายไป ไป Recycle สร้างเซลล์ใหม่ออกมาทดแทน เพื่อให้ร่างกายทำหน้าที่ได้อย่างปกติ

autophagy

(Image from Incospharm Corporation)

สำหรับที่ผิวหนังพบว่าการ Autophagy ของเซลล์ผิวหนังจะทำให้ผิวทำงานได้ดีขึ้น มี Barrier ที่แข็งแรงขึ้น จึงสามารถลดการระเหยของน้ำออกจากผิวได้ดี ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น

ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบในอาสาสมัคร และ Claim ว่า ช่วยลดความรุนแรงของสิวในอาสาสมัครลง

aqua acne

(Image from Incospharm Corporation)

 

มีงานวิจัยที่ทดสอบประสิทธิภาพของ Aquatide ทั้งในระดับหลอดทดลองและในอาสาสมัคร พบว่า เปปไทด์ตัวนี้มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ผิวหนังจากความเครียด สำหรับผลในอาสาสมัครที่ใช้ตำรับ Aquatide เป็นเวลา 8 สัปดาห์ มีความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้น และ โปรตีนที่ถูกออกซิไดส์จากอนุมูลอิสระ โดยวัด Carbonylated protein พบว่ากลุ่มที่ใช้ Aquatide มีโปรตีนเหล่านี้น้อยกว่า ซึ่งหมายถึง Aquatide สามารถปกป้องโปรตีนในผิวไม่ให้ถูกทำลายเพราะอนุมูลอิสระจนเกิดเป็นความเหี่ยวขึ้นมา (J Cosmet Dermatol. 2019 Feb;18(1):197-203.)

 

Methyl caprooyl tyrosinate ตัวนี้มีชื่อทางการค้าว่า Defensamide ออกฤทธิ์โดยไปเพิ่มการสังเคราะห์ Antimicrobial peptides (AMP) ตามธรรมชาติของผิว จึงส่งเสริมและปกป้องผิวจากเชื้อจุลินทรีย์ นอกจากนี้ผู้ผลิตวัตถุดิบยังกล่าวว่า มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง และลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ได้ด้วย

 

สีลาเวนเดอร์ เป็นกลุ่มของไขมันและน้ำมันต่างๆ มี่ขอหยิบเฉพาะตัวที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังนะคะ

  • Myristoyl/palmitoyl oxostearamide/arachamide MEA ตัวนี้มีชื่อย่อว่า PC-9S เป็นสิทธิบัตรของทาง Neopharm อิงตามสิทธิบัตรอเมริกา US patent US6221371B1 ของปี 2001 Claim ว่าให้ประโยชน์ในการเหนี่ยวนำให้ผิวสร้างไขมันใหม่ออกมาฟื้นฟู Barrier ผิวที่เสียหาย มีรายงานการวิจัยทดสอบประสิทธิภาพของสารนี้ในหนูทดลอง พบว่า ตัวนี้เมื่อใช้ร่วมกับไขมันชนิดที่มีในผิว (Physiological lipids) สามารถกระตุ้นให้ผิวเรามีการสร้างตัวรับที่มีชื่อว่า PPAR-α ออกมา ซึ่งมีประโยชน์ในการลดการอักเสบของผิว และสามารถต้านผลเสียของสเตียรอยด์ที่ไปทำให้ผิวบาง Barrier ผิวเสื่อม น้ำระเหยออกจากผิวได้มาก การใช้ PC-9S จะช่วยเร่งการฟื้นฟู Barrier ผิวได้ดีขึ้น (Arch Dermatol Res. 2015 Nov;307(9):781-92.)
  • Phytosterols และ Sterols จาก Rapeseed (Brassica campestris sterols) มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง
  • Cholesterol เป็นส่วนหนึ่งของ Barrier ผิว จึงช่วยทดแทนไขมันที่เป็น Barrier ให้กับผิว
  • น้ำมันแมคคาเดเมีย ประกอบด้วยกรดไขมันที่เป็นส่วนหนึ่งของ Barrier ผิว จึงช่วยทดแทนไขมันที่เป็น Barrier ให้กับผิว

สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารเติมน้ำให้กับผิว มี่ขอหยิบเฉพาะตัวที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังนะคะ

  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 นอกจากประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว นางยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและระคายเคืองของผิวด้วย
  • Hyaluronic acid 2 รูปแบบ มีประโยชน์ในการเติมน้ำให้ผิวเช่นกัน

สีเขียวแก่ เป็นครอบครัวจากบัวบกค่ะ

Centella asiatica extract คือ สารสกัดจากบัวบก ซึ่งมีปะโยชน์ต่อผิวในหลายประการ ซึ่งถ้าดูตามลำดับส่วนผสมจะเห็นว่ามีการใช้สารสกัดจากบัวบกในลำดับแรก และยังเสริมสารบริสุทธิ์ที่เป็น Active phytochemical ในบัวบก อย่าง Madecassoside, Asiaticoside, Madecassic acid, และ Asiatic acid เข้ามาทั้งครอบครัว ซึ่งสารเหล่านี้มีประโยชน์ในด้านการลดการอักเสบ เสริมการสมานแผล ชะลอวัยลดเลือนริ้วรอย เป็น Antioxidant และอื่นๆอีกหลายชนิด

Chemical-structures-of-asiaticoside-madecassoside-asiatic-acid-and-madecassic-acid

(Image from https://www.researchgate.net/figure/Chemical-structures-of-asiaticoside-madecassoside-asiatic-acid-and-madecassic-acid_fig1_235368762)

 

ส่วนสารบำรุงที่เหลือก็เรียกได้ว่า เลือกมาได้น่าสนใจไม่แพ้กันนะคะ ไม่ว่าจะเป็น Niacinamide ที่มีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายอย่าง รวมไปถึง Zinc gluconate และ สารยอดฮิตอย่าง Allantoin และ Dipotassium glycyrrhizate ที่ให้ประโยชน์ในเชิงของการลดการอักเสบระคายเคืองของผิว และให้ความรู้สึกสบายผิว

ตัวเบสเป็นเบสแบบกึ่งๆอิมัลชั่นเจล มีลักษณะโปร่งแสง

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง เซรั่มตัวนี้เป็นเซรั่มที่อัดแน่นมาด้วยสารบำรุงที่ให้ประโยชน์ในการเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง เพิ่มความชุ่มชื้น พร้อมทั้งชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอยไปพร้อมๆกัน เพื่อให้มีผิวสุขภาพดี มีความทนทานต่อมลภาวะต่างๆมากขึ้น จุดนี้ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ได้รับผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ และก็ใช้มาตลอดจนตอนนี้ก็ราวๆ 2 เดือน สิ่งที่ประทับใจคือ เราสัมผัสได้เลยว่าผิวเรามีความแข็งแรงขึ้น นุ่มและกระชับขึ้น และดูมีสุขภาพดีขึ้น แต่ว่าส่วนตัวคือมีผิวผสม/แห้ง คิดว่าเซรั่มตัวนี้อันเดียวยังให้ความชุ่มชื้นไม่พอ ต้องทาครีมทับอีกชั้นหนึ่ง ถึงจะเพียงพอ อาจจะด้วยช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงฤดูหนาว (2 ม.ค. – 15 ก.พ.) ซึ่งอากาศแห้ง เลยทำให้ผิวแห้งง่ายกว่าเดิมก็ได้ ถ้าอย่างไรตอนหน้าร้อน อาจจะมาอัพเดทอีกทีค่ะ จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์ไว้ก่อนนะคะ

คะแนน derm

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางเพจ Dermskinstore และทางแบรนด์ DermArtlogy ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ DermArtlogy โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/DermArtlogyThailand/

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DermArtlogy การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม ครีมหอยทาก Bomul สูตรปรับปรุงใหม่ ผสานพลัง EGF กับ Bomul Snail + EGF repairing natural skin cream

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 5 ปีก่อน เมือกหอยทากนี่เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมตัวหนึ่งที่ป๊อบปูลาร์มากๆ ดังเป็นพลุแตก ไม่ว่าจะงานเกา งานไทย ก็มีพี่หอยของเราเป็นตัวชูโรงค่ะ

สำหรับจุดกำเนิดของการใช้เมือกหอยทากในการบำรุงผิวในทางเครื่องสำอางก็มีการศึกษามาหลายปีแล้วเหมือนกัน กว่าจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ได้ โดยคุณสมบัติหลักๆของเขาก็คือเน้นไปในเชิงด้านการลดเลือนริ้วรอย ชะลอวัย และช่วยให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect)

วันนี้มี่ก็เลยขอหยิบเอาครีมหอยทากแบรนด์ดั้งเดิมแบรนด์หนึ่งจากเกาหลี แบรนด์ Bomul ซึ่งมี่เคยได้รีวิวไว้เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา (ลิงค์ของสูตรเก่าค่ะ >>>Click<<<)

แต่วันนี้ขอหยิบมารีวิวอีกรอบเพราะว่า ทางแบรนด์ปรับสูตรใหม่ให้ดีกว่าเดิม และเพิ่มส่วนผสมของ EGF (หรือ Epidermal growth factor) ลงมาด้วย

น้องมีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

bo 1

ถ้าเทียบกับกระปุกของสูตรเดิม จะเห็นได้ว่าต่างกันอยู่เล็กน้อยนะคะ

bo 2

เนื้อครีมถ้าเทียบกับสูตรเก่าในความทรงจำ รู้สึกว่าจะเบาขึ้น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

bo 3

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไว ให้ความรู้สึกเย็น สบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

bo 4

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส bomul

ในภาพรวมเป็นครีมที่มาในเบสแบบอิมัลชั่นเจล ด้วยส่วนผสมของน้ำ และน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน และ แอลกอฮอล์ เสริมสารบำรุงมาหลายชนิด ซึ่งวันนี้มี่ทำไว้ 4 สี ที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนะคะ

  • เริ่มที่คู่พระเอก/นางเอกของเรา สีชมพู คือ สารสกัดจากเมือกหอยทาก และ sh-oligopeptide-1
    • สารสกัดจากเมือกหอยทาก ในทางเครื่องสำอางผู้ผลิตได้ Claim ไว้หลายๆด้าน เช่น กระตุ้นการสมานแผล ลดรอยแผลเป็น ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น ในส่วนของงานวิจัย มีการทดสอบเชิงคลินิกยืนยันอยู่ 2 ชิ้น เกี่ยวกับเรื่องการลดริ้วรอย และการดูแลผิวที่เป็นริ้วรอยก่อนวัยอันควร (เรียกว่า Photoaging) (Cosmetic Dermatology. 2009; 22(5):250 กับ J Drugs Dermatol. 2013;12(4):453-7.)
    • sh-oligopeptide-1 ตัวนี้คือ EGF มีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเจริญของผิวหนัง ลดเลือนริ้วรอย และกระชับรูขุมขน กล่าวถึง EGF มีรายงานการวิจัยสนับสนุนว่า EGF มีคุณสมบัติเพิ่มความหนาแน่นของชั้นผิวในผู้สูงอายุ (J Drugs Dermatol. 2015;14(10):1147-50.) ลดการเกิดสิวและสิวอักเสบ รวมไปถึงเพิ่มความชุ่มชื้นและควบคุมความมันของอาสาสมัคร (Int J Dermatol. 2014;53(8):1031-6.) ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขนและปรับ Texture ของผิวให้เรียบเนียนขึ้น (J Drugs Dermatol. 2012;11(5):613-20.)
  • สีเขียว สารสกัดจากเห็ดหูหนูขาว ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่าเป็น Hyaluron จากพืช มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดูดจับน้ำให้ผิว
  • สีฟ้า เป็นสารบำรุงอื่นๆ ได้แก่
    • Zanthoxylum piperitum fruit extract สารสกัดจาก Anise pepper ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า ประกอบด้วยสารในกลุ่ม triterpenoid, flavonoid และ tannin ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) และยังมีรายงานว่ามีคุณสมบัติในการระงับเชื้อแบคทีเรียบางชนิด (Biosci Biotechnol Biochem. 2006; 70(6):1423-31.)
    • Pulsatilla koreana extract สารสกัดจากพืชดอกชนิดหนึ่ง มีรายงานเกี่ยวกับฤทธิ์ในการลดการอักเสบ (BMB Rep. 2012; 45(6):371-6.) สารประกอบกลุ่ม Pulsaquinone ที่พบในพืชนี้มีรายงานว่ามีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อก่อสิวได้ (Arch Pharm Res. 2009; 32(4):489-94.)
    • Usnea barbata extract สารสกัดจาก Lichen ชนิดหนึ่ง มีรายงานว่าสามารถยับยั้งกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นจากรังสี UV ในเซลล์ผิวหนัง (J Photochem Photobiol B. 2007; 89(1):9-14.) มีสารพฤกษเคมี Usnic acid ที่ให้ผลดีในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบมีระบุทั้งลดการอักเสบ ลดการเกิดสิว และลดกลิ่นกาย

ส่วนที่เหลือจะเป็น Hydrolyzed placental protein ที่มีประโยชน์ในการเติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น และ สารสกัดจากข้าว ซึ่งบางสายพันธ์ก็เป็น Antioxidant ที่ดี

สำหรับสีแดง Lanolin เป็นไขมันที่ได้จากขนแกะ เป็นไขมันทีดี มีฤทธิ์ในการปกป้องผิวรักษาความชุ่มชื้น แต่ข้อเสีย คือ ทำให้อุดตันได้ค่อนข้างง่ายในบางราย แต่ส่วนตัวมี่ใช้ได้ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ

มาให้คะแนนกันดีกว่า

  1. สารบำรุง ในครีมมีส่วนผสมของสารบำรุงอยู่หลายชนิด ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความชุ่มชื้น ฟื้นฟูและปรับสภาพผิว ชะลอวัย ริ้วรอย และด้านรูขุมขน อาจจะได้ประโยชน์ในแง่ของการดูแลปัญหาสิวอยู่ด้วย เพราะมีสารบำรุงที่มีประโยชน์ในด้านนี้อยู่ โดยรวมขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ตัวเนื้อครีมเป็นเบสแบบอิมัลชั่นเจล มีส่วนผสมของน้ำ สารที่ละลายได้ในน้ำ และ น้ำมัน ไม่มีแอลกอฮอล์ และซิลิโคน รวมถึงสารอื่นที่ไม่เป็นมิตรกับผิว แต่มีส่วนผสมของ Lanolin อาจจะอุดตันได้ในบางคน ซึ่งในสูตรก็มีการแก้มาด้วยสารสกัดที่ดูแลปัญหาสิว ป้องกันมาแล้ว 1 Step และส่วนตัวมี่เองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ให้ไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบเนื้อครีม และ Feeling ตอนใช้ครีมตัวนี้ ในช่วงนี้ทางเชียงรายอากาศค่อนข้างแห้งและเย็น ก็มีบ้างที่ครีมตัวนี้ยังชุ่มไม่พอ ต้องหาครีมอื่นมาทับอีกชั้นก่อนนอน แต่คิดว่าในฤดูอื่น น่าจะกำลังเหมาะ สำหรับด้านริ้วรอย ส่วนตัวมี่ช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหาในจุดไหนเป็นพิเศษ และระยะเวลาที่ใช้ลองประมาณ 1 เดือน ยังไม่ชัดเจน แต่รู้สึกได้ว่าผิวนุ่มฟู และเรียบเนียนขึ้น จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน bo

สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Bomul ด้วยนะคะ ที่ยังนึกถึงเพจมียอน และส่งสินค้าดีๆมาให้มี่มีโอกาสได้ทดลองใช้อีกครั้ง และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Bomul ได้เลยค่ะ

https://www.bomulofficial.com/

https://www.facebook.com/bomulofficial/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ Bomul การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

one ingredient only!!! รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม น้ำตบ Artemisia จาก Missha กับ Time revolution artemisia treatment essence

สวัสดีค่ะ

หลังๆมาเรามักจะเห็นหลายๆบริษัทเครื่องสำอางพยายามลดจำนวนวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลง เพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ของลูกค้าตามเทรนด์ “Less is more” ที่เริ่มออกมาสักพัก

สำหรับวันนี้ มี่จะมารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมของน้ำตบสูตร Artemisia จากแบรนด์ Missha ซึ่งมีส่วนผสมเพียงชนิดเดียว ตามเทรนด์ Less is more ที่ใช้ส่วนผสมเพียงชนิดเดียว หรือ One ingredient only

หลังๆมาเราเริ่มเห็นหลายแบรนด์ทำน้ำตบและเซรั่ม Artemisia ออกมาเรื่อยๆ โดยมี Missha เป็นเจ้าแรกค่ะ

มี่เองก็มีโอกาสได้รู้จักกับน้องตอนไปเกาหลีเมื่อเดือน เม.ย. ปี 2562 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ สมัยนั้นนางพึ่งออก มีโปร 1+1 ด้วย เห็นว่าน่าลองก็จัดมาขำๆ

แต่พอเอามาใช้จริง กลับชอบมากๆ เฉยเลย และนางก็ติดอันดับ #ลูกรักบ้านมียอน ของปี 2562 ด้วยค่ะ

นางมีหน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

mis 1.JPG

ตัวนี้เห็นเหมือนจะธรรมดา แต่นางก็กวาดรางวัลมามากมายใช่ย่อยนะเออ

500_81104_20190731152813162_81104_20191220093847006mis reward

(Image from Missha Korea official website)

 

นางมาในขวดแก้ว เวลาหิ้ว เราก็จะหนักนิดหน่อย ไม่สิ ต้องบอกว่า ขวดแก้วก็ช่วยปกป้องเนื้อในผลิตภัณฑ์ได้ดีกว่าพวกพลาสติกค่ะ

สำหรับเนื้อน้ำตบเป็นแบบน้ำใส เหลว สีเขียวอมน้ำตาล มีกลิ่นคล้ายผัก+ชา

mis 2

mis 4

แต่เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย แห้งไว ซึมไว อาจจะหนึบๆนิดนึงค่ะ

mis 5

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

mis 3

 

สำหรับส่วนผสม แน่นอนว่า มีแค่ตัวน้ำหมัก Artemisia ค่ะ

สผส mis

ด้านข้างกล่องจะเขียนเป็น Artemisia annua extract นะคะ

แต่ที่แบรนด์เคลมจะเป็น Double fermented artemisa ค่ะ

โดยเก็บใบ Artemisia มาจากเกาะคังฮวา ซึ่งเป็นเกาะที่มีภูมิอากาศบริสุทธิ์ นำมาหมัก 2 ครั้ง ครั้งแรกในสภาวะอุ่น ครั้งที่สองในสภาวะเย็น ก่อนจะนำมาสกัดด้วยเทคนิคพิเศษ เพื่อเอาสารบำรุงในใบ Artemisia ออกมาค่ะ

Artemisia_essence_061

(Image from Missha US official site)

เห็น story อะไรแบบนี้แล้วมันจะสะกิดอินเนอร์ของหญิงเป็นพิเศษ เลยทำให้ต้องจัดมาลอง ก่อนจะติดใจนั่นเองค่ะ

 

ว่าแต่ Artemisia นี่มันคืออะไร

Artemisia เป็น Genus ของพืชในสกุล Asteracea ซึ่งเป็นสกุลเดียวกับดาวเรือง โดย Genus Artemisia ประกอบด้วยสมุนไพรและพืชผักหลายร้อยชนิดนะคะ เช่น

  • Artemisia vulgaris หรือ Mugwort ที่เอาไปหมักเบียร์ได้
  • Artemisia annua หรือ Sweet wormwood ที่เคยมีประวัติเอาไปสกัดสาร Artemisinin มาทำเป็นยาต้านมาลาเรีย
  • Artemisia argyi เป็นยาในตำรับยาแพทย์แผนจีน
  • Artemisia capillaris มีประโยชน์เป็นสมุนไพรช่วยให้หลับ
  • Artemisia lactiflora คือ จิงจูฉ่าย ที่ใช้เป็นอาหาร

ยังมีอีกมากมายหลายชนิดเลยทีเดียวค่ะ

วันนี้เราจะมาโฟกัสกันที่ Artemisia annua ซึ่งเป็น Sweet wormwood ที่ทางแบรนด์ใช้นะคะ

ใบของน้องมีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

artemisia-annua-benefits.jpg

(Image from https://ezhealthnews.com/artemisia-annua-natural-healthcare-herb-to-treat-cancer-and-malaria/)

 

ในใบของต้นนี้ ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีในกลุ่ม Phenolics มากมายหลายชนิดเลยทีเดียว

Schermata_11-2457342_alle_16.54.16.png

(Eleoig [CC BY-SA 4.0 (https://creativecommons.org/licenses/by-sa/4.0)%5D)

ซึ่งมีประโยชน์เป็น Antioxidant มีประโยชน์ในเชิงลดการอักเสบระคายเคือง และด้านอื่นๆอีกมากมายค่ะ

สำหรับข้อมูลจากทางแบรนด์ ได้กล่าวว่า สารสกัดนี้มีประโยชน์ในการลดการระคายเคืองและให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) โดยมีการทดสอบในอาสาสมัคร พบว่า สามารถลดระดับความระคายเคือง และอุณหภูมิของผิวได้ถึง 8.4% เลยทีเดียว

mis clinical

(Image from Missha Korea official website)

หลังจากส่วนตัวใช้มาหลายเดือน ก็รู้สึกว่าผิวแข็งแรง และรู้สึกสบายผิวมากขึ้นตามที่แบรนด์เคลมค่ะ

 

ที่สำคัญส่วนผสมก็แลดูมีความเป็นมิตร เพราะไม่มีสารที่อาจก่ออันตรายให้กับผิวอยู่เลย

 

และล่าสุดมี่ลองเข้าไปเชคในเว็บของ Missha Korea นางออกสินค้าไลน์ใหม่มาอีก 4 ชิ้นเลย

20191127170805_oocredsz

(Image from Missha Korea official website)

มีทั้ง

  • Pack foam cleanser อันนี้เป็น 2 in 1 mask + foam cleanser ค่ะ
  • Ampoule อารมณ์คล้ายๆเซรั่มค่ะ ตัวนี้ก็น่าสนนะคะ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลอง
  • Mist สเปรย์ฉีดบำรุงผิว
  • Mask sheet

 

เรียกได้ว่าน่าโดนไปหมด และก็น่าสงสัยว่า สินค้าตัวอื่นจะมี Artemisia อยู่เท่าไหร่กันเนาะ ถ้ามีโอกาสได้ไปเกาหลีอีกจะไปสืบเสาะมาให้ค่ะ 🙂

สำหรับวันนี้ขอไม่ให้คะแนนนะคะ เนื่องจากมีส่วนผสมชนิดเดียว เลยไม่รู้จะให้คะแนนอย่างไรดี พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เซรั่ม Whitening ที่มาพร้อมกับการฟื้นฟู Barrier ผิว และดูแลปัญหาด้านริ้วรอย จากเกาหลี กับ GluCA whitening serum

สวัสดีค่ะ

มี่ติดรีวิวเซรั่ม Whitening ตัวหนึ่งไว้ วันนี้ในที่สุดก็ถึงฤกษ์งามยามดีที่จะมารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันแล้วค่ะ

เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ GluCA ที่มีชื่อเรียบง่ายว่า Whitening serum ค่ะ

จากความเดิมตอนที่แล้วที่มี่ได้มาเล่าถึงแบรนด์ GluCA ไปว่า นางเป็นเวชสำอางประสิทธิภาพสูงจากเกาหลี ที่มีวางจำหน่ายในคลินิกและโรงพยาบาลผิวหนังชั้นนำของประเทศเกาหลีค่ะ

ซึ่งมี่เองก็มีโอกาสได้รู้จักจากการไปเดินชมงาน K-beauty expo 2019 เมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาค่ะ

ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ GluCA ที่เข้ามาในไทยจะมีด้วยกัน 2 Line นะคะ คือ Line Clinic รุ่นสีฟ้า กับ Line whitening จะเป็นสีเทาค่ะ

โดยวันก่อนมี่ได้รีวิวตัว Essence จากกลุ่ม Clinic ไปแล้วนะคะ ซึ่งถ้าพลาด เพื่อนๆสามารถไปติดตามได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ (>>>Click<<<)

 

สำหรับวันนี้จะมารีวิวตัวเซรั่มจากกลุ่ม Whitening ทั้งกลุ่มจะมีผลิตภัณฑ์อยู่ 5 ชิ้น ได้แก่ โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ ครีม อายครีม และ เซรั่มค่ะ

white line.jpg

 

สำหรับตัวเซรั่มจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

Glu 1

ซึ่งจุดเด่นของภาชนะบรรจุคือ นางมีปุ่มล็อคอยู่ด้านหลัง ถ้าปุ่มนี้ล็อคอยู่ (เลื่อนไปทางซ้าย) จะกดเซรั่มออกมาไม่ได้ค่ะ ส่วนตัวมี่ชอบในจุดนี้มากๆ เพราะเวลาเราเดินทาง โหลดไปในกระเป๋า นางก็จะไม่โดนกระแทกจนเลอะเทอะออกมาค่ะ

Glu 3

เนื้อเซรั่มมาในรูปแบบของน้ำนม มีกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยตามธรรมชาติ

Glu 4

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ซึมซาบไว แห้งไว ยังชุ่มชื้นอยู่แต่ไม่ถึงกับเหนอะหนะ

Glu 5

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

ส่วนผสม white ใหม่

ในภาพรวมเป็นเซรั่มที่มาในเบสแบบอิมัลชั่น (เบสแบบน้ำนม) มีส่วนผสมของน้ำ และน้ำมัน ร่วมกับซิลิโคนบางชนิด ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

จากส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้หลายสีเหมือนเช่นเคยนะคะ ขอเปิดประเดิมที่

  • ขอเปิดด้วยสีม่วง อิออน Calcium และ Magnesium ในรูปแบบที่ละลายน้ำได้ ซึ่งสองตัวนี้ทางแบรนด์เคลมเรื่องของเทคโนโลยี Ion balance เพื่อควบคุมสมดุลของ Calcium และ Magnesium ของผิว ซึ่งประโยชน์ของ Calcium ที่มีต่อผิวนั้นมีมากมาย แต่หลักๆคือช่วยให้เซลล์ผิวเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ (Differentiation) เป็นผิวที่โตเต็มวัย

โดย Calcium จะทำงานร่วมกับ Magnesium ในการควบคุมกระบวนการต่างๆ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ในเซลล์ที่มีสุขภาพดี อิออนของ Calcium และ Magnesium จะอยู่ในสภาวะที่สมดุล แต่ถ้าไม่สมดุล เซลล์ก็จะสุขภาพไม่ดี

glu ca mg

สำหรับประโยชน์ของ Calcium ที่ชัดเจนสำหรับผิวหนังก็คือเรื่องการ Differentiation ให้ผิวเราแข็งแรงและสมบูรณ์ ซึ่งรูปนี้อธิบายได้ชัดมากๆค่ะ

glu ca mg 2

  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารเพิ่มความชุ่มชื้น ผ่านกระบวนการเติมน้ำให้ผิว ซึ่งประกอบด้วย Hyaluron 3 ชนิด ร่วมกับสารสกัดจากน้ำผึ้ง โปรวิตามินบี 5 และ Hydrolyzed collagen
  • สีเขียว คู่ผสมของ Palmitoyl tripeptide-1, Palmitoyl tetrapeptide-7 รู้จักกันในนามของ Matrixyl 3000 (จริงๆใน Matrixyl 3000 มีสารตัวอื่นประกอบด้วย แต่ขอละไว้นะคะ) ซึ่งมีประโยชน์ในการลดเลือนริ้วรอย และมีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพ
  • สีส้ม เป็นไขมันที่ทดแทนให้ผิว โดยตัวสำคัญคือ Ceramide NP หรือ Ceramide 3 ซึ่งตัวเซราไมด์เองมีความสำคัญมากกับความสามารถในการเป็นปราการเพื่อปกป้องผิว เสริมมาด้วย Phytosphingosine ซึ่งเป็นสารตั้งต้นให้ผิวเรานำไปสังเคราะห์ ceramide ได้ และกรดไขมัน Palmitic
  • สีชมพู เป็นกลุ่มของสารบำรุงต่างๆ ได้แก่
    • Niacinamide ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า และยังเป็น Antioxidant ด้วย (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)
    • สารสกัดพืชมากมายถึง 19 ชนิด โดยมีสารสกัดหลัก 7 ชนิด ซึ่งผ่านการคัดเลือกมาจากฐานข้อมูลของทางแบรนด์ ว่าเป็น Combination ที่ให้ประโยชน์ในเชิง Whitening ได้ดี ได้แก่ สารสกัดจากชาเขียว Centella, Sea buckthorn, Mallow, เจียวกู้หลาน, Alchemilla vulgaris และ Primula veris ซึ่งผ่านการทดสอบแล้วทั้งในระดับหลอดทดลองและในอาสาสมัครว่า มีคุณสมบัติในการลดการสังเคราะห์เมลานินได้

gluca inviro

(Image from GluCA)

 

เราลองมาดูประโยชน์ของสารสกัดและสารบำรุงบางตัวกันดีกว่านะคะ

    • สารสกัดจากชาเขียว มีรายงานวิจัยอยู่ค่อนข้างมาก เช่น เป็น antioxidant เป็น Moisturizer ลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว (Dermatol Ther. 2013;26(3):267-71.) สารประกอบกลุ่ม Polysaccharide ที่พบในชาช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ และสารประกอบกลุ่ม Polyphenol ยังช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีได้ (J Agric Food Chem. 2009;57(17):7757-62.)
    • สารสกัดจากเจียวกู้หลาน (Gymnostema pentaphyllum extract) ซึ่งปกติเรามักพบในสูตรชา แต่ในทางเครื่องสำอาง เจียวกู้หลานเป็นพืชที่มีความน่าสนใจเหมือนกัน เพราะมีคุณสมบัติเป็น antioxidant เสริมการทำงานของ Fibroblast และปกป้องผิวจากรังสี UV (ISRN Dermatology Volume 2014, Article ID 202876)
    • Primula veris extract หรือ Cowslip ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง และเป็น Antioxidant
    • สารสกัดจากคาโมมายล์ ลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
    • Adenosine มีประโยชน์ต่อผิวในด้านของการชะลอวัยและลดเลือนริ้วรอย

 

สำหรับสีแดงที่มีให้ไว้ คือกลุ่มของน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกของพืชในตระกูล Citrus อาจจะทำให้เกิดอาการผิวไวต่อแสงได้ในบางคน จึงควรทากันแดดเสมอ หรือ นำผลิตภัณฑ์ไปใช้ในตอนกลางคืน ซึ่งในจุดนี้ส่วนตัวมี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหลังจากใช้ทั้งเช้าและเย็นมาเกือบเดือน และด้วยแพคเกจที่พกพาสะดวก มีตัวล็อคฝา ป้องกันการหกเลอะเทอะในกระเป๋าเดินทางก็เลยชอบที่จะพกพาไปด้วยเวลาเดินทาง

ในภาพรวมถือว่าเป็นเซรั่มที่ทำมาได้น่าสนใจทั้งในด้านของ Package ทั้งส่วนผสม ที่คัดเลือกมาเสริมกันอย่างลงตัว และการเลือกใช้เทคโนโลยี Ion balance ที่เลือกใช้ทั้ง Calcium และ Magnesium มาเสริมกันได้อย่างลงตัว และให้ประโยชน์กับผิวได้หลายอย่าง เพราะไม่ใช่แค่เป็นเซรั่ม Whitening ธรรมดาแต่มีส่วนผสมของสารบำรุงที่ให้ประโยชน์ทั้งด้านผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น ชะลอวัย ลดการอักเสบระคายเคือง และดูแลปัญหาด้านริ้วรอยไปพร้อมๆกัน

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ในด้านของสารบำรุง ตามที่กล่าวไปด้านบน ทางแบรนด์เลือกใช้สารบำรุงหลายชนิด มาเสริมกันได้อย่างลงตัว และให้ประโยชน์กับผิวได้หลายอย่าง เพราะไม่ใช่แค่เป็นเซรั่ม Whitening ธรรมดาแต่มีส่วนผสมของสารบำรุงที่ให้ประโยชน์ทั้งด้านผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น ชะลอวัย ลดการอักเสบระคายเคือง และดูแลปัญหาด้านริ้วรอยไปพร้อมๆกัน จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีการใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืชในสกุล Citrus ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการแพ้แสงได้ในบางราย แต่ส่วนตัวมี่ใช้ทั้งเช้าเย็น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวกับการใช้งานตรงๆ แต่ส่วนตัวชอบแพคเกจมาก ที่มีตัวล็อคฝากด และเนื้อสัมผัสของตัวเซรั่มก็ทำมาได้ค่อนข้างดี ชุ่มชื้น แต่ไม่ถึงกับเหนอะหนะมาก และเรื่องของประสิทธิภาพส่วนตัวมองว่าในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง และช่วยฟื้นฟูให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ตรงนี้ทำมาได้ประทับใจมากๆ ส่วนเรื่อง Whitening กับ ริ้วรอย ช่วงนี้ยอมรับว่าไม่ได้มีปัญหาในจุดนี้ เลยยังไม่ทราบชัดเจนค่ะ แต่ขอให้คะแนนความพึงพอใจไว้ที่ 5 ฟลาสก์

คะแนน glu

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะที่ติดตามรับชมมาจนจบ แล้วพบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม เอสเซนส์ฟื้นฟูผิว ด้วยพลัง Ionic balance กับ GluCA Derma Solv Ionic Essence จากเกาหลี

สวัสดีค่ะ วันนี้มี่หยิบเอาเซรั่มตัวโปรดที่มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจจากเกาหลีมารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันค่ะ

เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ GluCA ซึ่งเป็นเวชสำอางประสิทธิภาพสูงจากเกาหลี ที่มีวางจำหน่ายในคลินิกและโรงพยาบาลผิวหนังชั้นนำของประเทศเกาหลีค่ะ

ซึ่งมี่เองก็มีโอกาสได้รู้จักจากการไปเดินชมงาน K-beauty expo 2019 เมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาค่ะ

ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ GluCA ที่เข้ามาในไทยจะมีด้วยกัน 2 Line นะคะ คือ Line Clinic รุ่นสีฟ้า กับ Line whitening จะเป็นสีเทาค่ะ

ในกลุ่มของ Clinic จะมีผลิตภัณฑ์อยู่ 4 ชิ้นค่ะ คือ โฟมล้างหน้า เอสเซนส์ ครีม และ กันแดดค่ะ

glu 1

(Image from GluCA official website)

วันนี้มี่หยิบเอาส่วนผสมของ GluCA Derma Solv Ionic Essence ซึ่งเป็นตัวเอสเซนส์เข้มข้นในไลน์สีฟ้า หรือ ไลน์ Clinic มาวิเคราะห์ให้ได้ชมกันค่ะ

เริ่มที่หน้าตาของน้องจะมาในกล่องสีขาวแถบฟ้าแบบนี้นะคะ

glu 2

ตัวแพคเกจจะมาในรูปแบบหลอด พร้อมหัว Applicator

glu 3

glu 4-1

ซึ่งเมื่อเรากดที่ปุ่มสีฟ้า เนื้อผลิตภัณฑ์ก็จะออกมาแบบนี้ค่ะ

glu 7

โดยเราสามารถใช้ตัว Applicator นี้กลิ้งเบาๆได้ทั่วใบหน้าเลยค่ะ หรือจะเน้นเฉพาะรอบดวงตาก็ได้

 

ผลิตภัณฑ์มาในเนื้อเจลใส มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ อันนี้ทาด้วย Applicator ที่ติดมากับหลอดนะคะ

glu 8

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ซึมไว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ

glu 9

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวเราดีค่ะ

glu 5

สำหรับส่วนผสมเป็นดังภาพค่ะ

สผส gluCA

ในภาพรวมนางเป็นเอสเซนส์ที่มาในรูปแบบของเจลเบสน้ำ มีส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติที่ทดแทนไขมันคืนให้ผิวอยู่เล็กน้อยในลำดับท้ายๆ เสริมมาด้วยสารบำรุงหลายชนิด และแต่งกลิ่นด้วยน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติค่ะ

ส่วนผสมวันนี้มีหลายสีหน่อยนะคะ

  • ขอเปิดด้วยสีส้ม อิออน Calcium และ Magnesium ในรูปแบบที่ละลายน้ำได้ ซึ่งสองตัวนี้ทางแบรนด์เคลมเรื่องของเทคโนโลยี Ion balance เพื่อควบคุมสมดุลของ Calcium และ Magnesium ของผิว ซึ่งประโยชน์ของ Calcium ที่มีต่อผิวนั้นมีมากมาย แต่หลักๆคือช่วยให้เซลล์ผิวเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ (Differentiation) เป็นผิวที่โตเต็มวัย
    โดย Calcium จะทำงานร่วมกับ Magnesium ในการควบคุมกระบวนการต่างๆ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ในเซลล์ที่มีสุขภาพดี อิออนของ Calcium และ Magnesium จะอยู่ในสภาวะที่สมดุล แต่ถ้าไม่สมดุล เซลล์ก็จะสุขภาพไม่ดี

glu ca mg

สำหรับประโยชน์ของ Calcium ที่ชัดเจนสำหรับผิวหนังก็คือเรื่องการ Differentiation ให้ผิวเราแข็งแรงและสมบูรณ์ ซึ่งรูปนี้อธิบายได้ชัดมากๆค่ะ
glu ca mg 2

  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารเพิ่มความชุ่มชื้น ผ่านกระบวนการเติมน้ำให้ผิว ซึ่งประกอบด้วย Hyaluron 3 ชนิด ร่วมกับสารสกัดจากน้ำผึ้ง โปรวิตามินบี 5 และ Hydrolyzed collagen
  • สีเขียว คู่ผสมของ Palmitoyl tripeptide-1, Palmitoyl tetrapeptide-7 รู้จักกันในนามของ Matrixyl 3000 (จริงๆใน Matrixyl 3000 มีสารตัวอื่นประกอบด้วย แต่ขอละไว้นะคะ) ซึ่งมีประโยชน์ในการลดเลือนริ้วรอย และมีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพ
  • สีม่วง เป็นไขมันที่ทดแทนให้ผิว โดยตัวสำคัญคือ Ceramide NP หรือ Ceramide 3 ซึ่งตัวเซราไมด์เองมีความสำคัญมากกับความสามารถในการเป็นปราการเพื่อปกป้องผิว
  • สีเขียวมะกอก เป็นสารบำรุงอื่นๆ ซึ่งตาม Combination ที่แบรนด์เคลมในไลน์ Clinic จะมีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชทั้งหมด 6 ชนิด ที่ผ่านการค้นคว้าและพัฒนามาจากทางแบรนด์ โดยทางแบรนด์เคลมว่าได้คัดเลือกมาจากฐานข้อมูลสารสกัดกว่า 85 ชนิด จนได้ 6 ชนิดนี้มาเป็น Combination ที่ให้ประโยชน์ในเชิงการฟื้นฟูและปรับสภาพผิว ที่ทางแบรนด์เรียกว่าเป็น Self-restoration technology ได้แก่ สาหร่ายสีน้ำตาล บลูเบอร์รี่ ใบบัวบก ชาเขียว เสริมด้วย สารสกัดจาก Propolis และ Allantoin

glu สารสกัด

(Image from GluCA)

มี่ขอเลือกกล่าวถึงสารสกัดจากพืชบางตัวนะคะ

  • สารสกัดจากใบบัวบก เสริมมากับ Madecassoside บริสุทธิ์ ซึ่งในปกติใบบัวบกเองก็มี Madecassoside อยู่ตามธรรมชาติ แต่ก็ยังมีการเติมเสริมเพิ่มลงไป เพื่อประโยชน์ในเชิงด้านของการสมานแผล (Wound healing) และในเชิงริ้วรอย
  • สารสกัดจากชาเขียว อุดมไปด้วยสารในกลุ่ม Catechins ซึ่งมีประโยชน์มากมายกับผิว ไม่ว่าจะเป็นในเชิงของ Antioxidant รวมไปถึงเชิงการป้องกันการเกิดริ้วรอย ลดการอักเสบระคายเคือง

 

แต่จุดที่น่าพิจารณาคือ การมีน้ำมันจากเปลือกของพืชในตระกูล Citrus ที่ได้มาจากกระบวนการบีบ (Cold press) อาจจะทำให้เกิดอาการผิวไวต่อแสงได้ในบางคน จึงควรทากันแดดเสมอ หรือ นำผลิตภัณฑ์ไปใช้ในตอนกลางคืน ซึ่งในจุดนี้ส่วนตัวมี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหลังจากใช้ทั้งเช้าและเย็นมาเกือบเดือน ซึ่งในจุดนี้เราก็ไม่ทราบว่าน้ำมันหอมระเหยจาก Citrus เหล่านี้มาจากกระบวนการไหน ถ้าเป็นการสกัดวิธีอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

ในภาพรวมถือว่าเป็นเอสเซนส์ที่ทำมาได้น่าสนใจทั้งในด้านของ Package ทั้งส่วนผสม ที่คัดเลือกมาเสริมกันอย่างลงตัว และการเลือกใช้เทคโนโลยี Ion balance ที่เลือกใช้ทั้ง Calcium และ Magnesium มาเสริมกันได้อย่างลงตัว

 

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ในด้านของสารบำรุง ตามที่กล่าวไปด้านบน ทางแบรนด์เลือกใช้สารบำรุงหลายชนิด ที่บำรุงผิวเสริมกันได้อย่างลงตัว เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวแห้ง ผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย ซึ่งเกิดจากสิ่งแวดล้อม หรือเกิดตามกาลเวลา อายุที่เพิ่มขึ้น โดยสารบำรุงที่เลือกใช้ นอกจากจะให้ประโยชน์ในด้านการฟื้นฟู Barrier ผิวแล้ว ยังมีประโยชน์ในเชิงการลดริ้วรอย ลดการอักเสบระคายเคือง เสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) และเติมน้ำไปพร้อมๆกัน จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีการใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืชในสกุล Citrus ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการแพ้แสงได้ในบางราย แต่ส่วนตัวมี่ใช้ทั้งเช้าเย็น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน อย่างแรกที่ต้องชมก่อนคือเรื่องของ Applicator ที่เขาออกแบบมาได้รับกับส่วนเว้าใต้ตา และส่วนโค้งของใบหน้า เรื่องของเนื้อสัมผัสของตัวเอสเซนส์ก็ทำมาได้ค่อนข้างดี และเรื่องของประสิทธิภาพส่วนตัวมองว่าในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง และช่วยฟื้นฟูให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ตรงนี้ทำมาได้ประทับใจมากๆ ให้ไป 5 ฟลาสก์

คะแนน GluCA

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะที่ติดตามรับชมมาจนจบ แล้วพบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Beauty Talks] ประโยชน์ของแร่ธาตุในทางสกินแคร์

วันนี้มี่มาเล่าถึงการใช้แร่ธาตุในเชิง Skincare ค่ะ

เชื่อว่าหลายๆท่านน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการใช้น้ำแร่ หรือ การอาบน้ำแร่ รวมไปถึงออนเซนต่างๆ เพื่อคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณแล้ว

วันนี้มี่เลยอยากมาแชร์ข้อมูลถึงประโยชน์ของแร่ธาตุต่างๆในผิวหนังเรากันค่ะ

อย่างแร่ธาตุที่ทางเครื่องสำอางใช้กันบ่อยๆ คงหนีไม่พ้น Zinc ซึ่งเจ้า Zinc นั้นก็มีประโยชน์มากมายกับผิวพรรณ เพราะตัวนางเองเป็น Cofactor ของเอนไซม์บางชนิดในผิว จึงทำหน้าที่ควบคุมการทำงานต่างๆของผิวให้เป็นปกติ แต่ทางเครื่องสำอางที่ Focus กันแล้วใช้กันบ่อยๆ จะเป็นเรื่องของคุณสมบัติในการควบคุมความมัน คุณสมบัติในการระงับเชื้อ รวมถึง Zinc oxide ที่มีขนาดพอเหมาะ สามารถให้คุณสมบัติเป็นสารกันแดดได้ด้วย

ตัวต่อมาที่มีใช้กันมานานแล้ว คือ เจ้า Copper ซึ่งมักเอามาจับกับ Peptide เพื่อเสริมการดูดซึม มีประโยชน์ในเชิงการเป็น Antioxidant

Selenium ก็มีบทบาทในการบำรุงผิว และมีการพูดถึงในเชิงของการเป็น Antioxidant และคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง

ตัวถัดมาที่วงการเครื่องสำอางเริ่มพูดถึงในหลายๆปีที่ผ่านมาคือ Calcium ค่ะ โดยเจ้า Calcium นี้มีประโยชน์มากมายหลายอย่าง แต่หลักๆจะเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติในการบำรุงผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง โดยมีผลต่อกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและหน้าที่ของผิว ควบคุมการสร้างเปลือกหุ้มเซลล์ Corneocyte ในหนังกำพร้า ที่เรียกว่า Cornified envelope ซึ่งหลังๆแบรนด์ทางญี่ปุ่นเริ่มพูดถึง Cornified envelope กันมากขึ้นค่ะ

Cornified envelop เป็นเสมือนเปลือกแคปซูลที่ทำจากโปรตีนหลายๆชนิดที่มีความทนทานมาก เรียงซ้อนกันหลายชั้น อัดกันแน่นด้วยโครงสร้างที่ซับซ้อน ทำหน้าที่เป็นเสมือนเกราะในการปกป้องผิว ให้แข็งแรงค่ะ

 

F5.large

(Image from Candi et al. PNAS March 3, 1998 95 (5) 2067-2072; https://doi.org/10.1073/pnas.95.5.2067)

 

ส่วนตัวมี่ค่อนข้างให้ความสนใจกับการใช้แร่ธาตุเพื่อบำรุงผิวนะคะ นอกจากน้ำแร่ และเซรั่มน้ำแร่ที่ใช้อยู่แล้ว เมื่อตอนไปเกาหลีเห็นแบรนด์ A’pieu ของทางเกาหลีได้ Launch สินค้าในกลุ่มของ Mineral ออกมา 3 สูตร ซึ่งทำมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว

nfUZTMnRNQilWIzIdyYs

(Image from A’pieu)

โดยมีด้วยกัน 3 สูตร คือ Zinc, Calcium และ Magnesium ค่ะ

  • สูตร Zinc จะเน้นเคลมเรื่องของ Calming
  • สูตร Calcium เน้นเคลมเรื่องของ Moisturizing
  • สูตร Magnesium เน้นเคลมในเรื่องของ Nutrition

 

GvJFfgOfpOSdVPZDMqLx

(Image from A’pieu)

 

ในตอนแรกนางปล่อยแพคเกจมาเป็นรูปแบบกระปุก แต่ตอนมี่ไป นางปรับแพคเกจมาเป็นแบบหลอด แล้วปล่อยสินค้าที่เป็นโทนเนอร์แร่ธาตุรวมออกมาอีกชิ้นค่ะ

APIEU_Cicative_Cream_01

(Image from A’pieu)

 

ซึ่งตัวที่มี่ไปสอยมาจากเกาหลีทริปนี้ก็คือ ครีมสูตร Calcium ด้วยความที่เราเป็นสาย Barrier ผิว ดังนั้นคุณสมบัติของ Calcium ที่มีต่อผิวในด้านของ Cornified envelope จึงค่อนข้างถูกใจต้องตาสำหรับมี่ค่ะ ไว้เราจะมารีวิวให้ได้ชมกันต่อไปนะคะ

 

Image

[Ingredient spotlight] Aquatide by AS&NH, Japan and Incospharm, Korea

เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา มี่มีโอกาสได้ไปเป็นผู้ดำเนินรายการ และผู้แปลภาษาในงานสัมมนา Look beauty & Look better จัดโดยบริษัท AH&NS ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับบริษัท JR Serve ประเทศไทย ที่ผ่านมาค่ะ

aquatide 1

บนเวทีในภาพนะคะ เรียงจากซ้ายไปขวา คือ คุณ Yuki Kinoshita และ คุณ Atsushi Takeoka ค่ะ

ซึ่งคุณ Takeoka เป็นนักวิจัยทางเทคโนโลยีทางชีวภาพที่ร่วมกับนักวิจัยจากทางเกาหลีพัฒนา Aquatide ตัวนี้ขึ้นมานั่นเองค่ะ ปลื้มมากๆ

ตอนเย็นหลังจากงาน มี่ไปดินเนอร์กับทีมงาน มีโอกาสได้คุยกับ คุณ Takeoka แกบอกว่า ตัว Aquatide นี่คือดีงามมาก ส่วนตัวแกเองก็ใช้เป็น Soothing และเป็น Aftershave สามารถลดการระคายเคืองได้ดีเลยหละ คือแบบน่าสนใจเนาะ

 

ทีนี้กลับมาที่ทางบริษัท AH&NS นะคะ บริษัทนี้มีวัตถุดิบอยู่หลายชิ้นมากค่ะที่น่าสนใจ แล้วก็บ้านเรามีบริษัท JR Serve เป็นตัวแทนจำหน่ายค่ะ

สำหรับส่วนผสมที่มี่หยิบยกมาเล่าให้ฟังในช่วง spotlight วันนี้คือเจ้า Aquatide ค่ะ

ซึ่ง Aquatide มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของทางเกาหลีหลายแบรนด์ เช่น Zeroid, Dermartlogy รวมถึง Logically skin

ขอแนบลิงค์รีวิวเก่าๆ ไว้ตามแนบนะคะ

  • Dermartlogy ageless cream (Improved formula) และ Ampoule ทั้ง 5 สูตร: Click here
  • Logically skin: Click here

 

ส่วน Zeroid มี่เคยใช้อยู่ 1 ชิ้น เป็นตัว Intense cream ค่ะ ถ้ามีโอกาสจะนำมารีวิวให้ได้ชมกันต่อไปนะคะ

 

สำหรับ Aquatide นั้นมีชื่อกลางทางเครื่องสำอาง หรือ INCI name ว่า Hexacarboxymethyl dipeptide-12 

chemical structure

สูตรโครงสร้างของ Aquatide

 

กลไกในการออกฤทธิ์ของ Aquatide

Aquatide นั้นออกฤทธิ์ได้หลายกลไก แต่กลไกหลักคือ การควบคุมกระบวนการ Autophagy ของเซลล์ค่ะ

ว่าแต่อะไรคือ Autophagy?

Autophagy เป็นศัพท์เทคนิคทางชีววิทยา หมายถึง ปฏิกิริยาที่เซลล์ในร่างกายทำลายเซลล์อีกเซลล์หนึ่ง แล้วนำเอาองค์ประกอบภายในเซลล์ที่โดนทำลายไป ไป Recycle สร้างเซลล์ใหม่ออกมาทดแทน เพื่อให้ร่างกายทำหน้าที่ได้อย่างปกติ

autophagy drawing

ที่ผิวหนังพบว่าการ Autophagy ของเซลล์ผิวหนังจะทำให้เซลล์ผิวทำงานได้ดีขึ้น มี Barrier ที่แข็งแรงขึ้น ลดการระเหยของน้ำออกจากผิวได้ดี จึงทำให้ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น (ค่า TEWL ลดลง)

โดยทางบริษัทคาดเดากลไกของการเหนี่ยวนำให้เกิด Autophagy นี้ว่าเกิดมาจากการที่สารไปเสริมการทำงานของเอนไซม์ Sirtuin-1 (Sirt-1) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับความมีอายุยืนของเซลล์ (Longevity) และเอนไซม์นี้ยังไปยับยั้ง mTOR โปรตีนที่ทำให้เกิดความแก่ขึ้นมาค่ะ

sirt-1

(Image from Incospharm)

 

aquatide 2

(Image from Incospharm)

 

ทางบริษัทได้มีการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง (In vitro) และในอาสาสมัครอยู่หลายอย่างเหมือนกันนะคะ และมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการนานาชาติอยู่หลายบทความค่ะ

 

ตัวอย่างการทดสอบของทางบริษัท

1. ช่วยให้ผิวฟื้นฟูความเสียหายได้ไวขึ้น

EFF

(Image from Incospharm)

การศึกษานี้ทำโดยให้อาสาสมัครทาสารละลายที่มี Aquatide 2% เทียบกับ สารละลายเปล่าๆ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พอครบเวลา ก็ใช้เทคนิค Tape stripping ดึงเอาผิวหนังชั้น Stratum corneum ออก แล้ววัดค่า TEWL ที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ

2. ความชุ่มชื้นของผิวเพิ่มขึ้น

ความชุ่มชื้น

(Image from Incospharm)

ใช้การทดสอบแบบเดียวกับในข้อ 1

3. ช่วยให้ Barrier ผิวแข็งแรง และลดความรุนแรงของสิว

ทำการทดสอบโดยให้อาสาสมัครที่มีสิวทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Aquatide 1% ร่วมกับ salicylic acid 0.5% เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนประเมินอาการด้วยแพทย์ผิวหนัง

พบว่าความรุนแรงของสิวลดลง 65%

acne

(Image from Incospharm)

นอกจากข้อมูลจากทางผู้ผลิตวัตถุดิบแล้ว Aquatide ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นรองรับถึงประสิทธิภาพ โดยมี่ขอหยิบยกเอางานที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังค่ะ

  • งานวิจัยของ Lim และ คณะ (2019) ได้ทดสอบประสิทธิภาพของ Aquatide ทั้งในระดับของหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร พบว่า Aquatide มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์เพาะเลี้ยงไม่ให้ถูกทำลายจาก Hydrogen peroxide ที่จัดเป็น 1 ใน Reactive oxygen species ที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมา และในอาสาสมัคร พบว่าสามารถปกป้ององค์ประกอบของโปรตีนไม่ให้ถูกทำลายด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชั่น และ เมื่อทดสอบที่สัปดาห์ที่ 4 และ 8 พบว่าอาสาสมัครมีความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้น (J Cosmet Dermatol 2019 Feb;18(1):197-203.)

ดังนั้นโดยสรุป Aquatide จึงมีประโยชน์ทั้งในด้านของความชุ่มชื้น การชะลอวัย ลดการอักเสบระคายเคือง และ เสริม Barrier ผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้นค่ะ

 

Image

Review/วิเคราะห์ส่วนผสม สเปรย์โทนเนอร์ Aquatide จากแบรนด์ Logically, skin กับ Aquatide Multi-Purpose Toner Mist

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีแบรนด์หนึ่งมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

แบรนด์ที่มี่หยิบยกมาวันนี้คือแบรนด์ Logically, skin (로지컬리스킨)

logo.jpg

ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่มีคอนเซปท์เรียบง่าย แต่อัดแน่นด้วยส่วนผสมโก้หรู นางน่าจะเป็นแบรนด์ใหม่ ยังออกสินค้ามาไม่มากนัก แต่ตัวหนึ่งที่น่าสนใจคือ น้ำแร่ และเซรั่มที่ผสม Aquatide เปปไทด์ตัวดังที่เป็นวัตถุดิบที่พัฒนาร่วมกันระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี จากบริษัท AH&NS ที่มี่มีโอกาสได้ไปนั่งฟังเขาบรรยายมาด้วยเมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาค่ะ

logicallyskin

(Image from logically, skin)

 

ในงานอบรม มีโทนเนอร์สเปรย์มาวางโชว์ ก็เลยทำให้เราได้รู้จักกับแบรนด์ๆนี้

lo 1

นางมาในแพคเกจดีไซน์แบบเรียบหรู

lo 2

ตัวสเปรย์เนื้อค่อนข้างเบานะคะ หัวสเปรย์ค่อนข้างดี กดแล้วออกมาเป็นละอองเล็กมากๆ แต่เสียดายมี่ไม่ได้ถ่ายมาในวันงาน

เลยขอนำรูปจากบนเว็บของเขามาให้ดูค่ะ

lo 7

(Image from logically, skin)

แบรนด์นี้เขาทำ VDO presentation น่ารักดีนะคะ เลยขอแปะลิงค์ให้ได้ชมกันค่ะ เผื่อใครสนใจ

 

สำหรับส่วนผสมมี่ลองแกะจากที่ข้างกล่องและบนเว็บไซต์ของเขา ได้ความดังนี้ค่ะ

ingredient lo

จากส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้สองสีนะคะ คือ สีน้ำตาล เป็นพระเอกของเรา คือ เจ้า Aquatide ค่ะ ซึ่งวัตถุดิบนี้มีขายในหลายๆความเข้มข้น ทางแบรนด์เลือกใส่ตัว 5000 ppm ที่ความเข้มข้น 3% ถือว่าจัดเต็มมาพอควรเลยหละ

Aquatide หรือ Hexacarboxymethyl dipeptide-12 เป็นวัตถุดิบที่เคยได้รับรางวัลเหรียญทองมาจากงาน in-cosmetics Asia มาค่ะ

นางออกฤทธิ์ผ่านกลไกการเสริมกระบวนการ Autophagy

Autophagy เป็นศัพท์เทคนิคทางชีววิทยา หมายถึง ปฏิกิริยาที่เซลล์ในร่างกายทำลายเซลล์ตัวเอง แล้วนำเอาองค์ประกอบภายในเซลล์ที่โดนทำลายไป ไป Recycle สร้างเซลล์ใหม่ออกมาทดแทน เพื่อให้ร่างกายทำหน้าที่ได้อย่างปกติ

ทางแบรนด์เขาทำน่ารักดี เลยขอเอามาแปะอีกรอบ

lo 5

(Image from logically, skin)

 

สำหรับที่ผิวหนังพบว่าการ Autophagy ของเซลล์ผิวหนังจะทำให้ผิวทำงานได้ดีขึ้น มี Barrier ที่แข็งแรงขึ้น จึงสามารถลดการระเหยของน้ำออกจากผิวได้ดี ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น

รวมไปถึงการชะลอความแก่ให้แก่ผิวเราด้วยค่ะ

 

ส่วนสีเขียวเป็นสารบำรุงอื่นๆ ที่หนีไม่พ้นวิตามินยอดฮิต อย่าง Niacinamide ซึ่งมีประโยชน์กับผิวมากมายหลายด้านค่ะ ไม่ว่าจะเป็นในเชิง Whitening, ลดการอักเสบ ชะลอวัย ลดการระคายเคือง และเสริมปราการของผิวให้แข็งแรง

รวมไปถึง Proline ที่เป็นกรดอะมิโน มีประโยชน์ในเชิงด้านชุ่มชื้น กับ Adenosine ที่มีประโยชน์ในเชิงริ้วรอย และสารสกัดจากดอกคามีเลีย และ มัลเบอร์รี่ เดาว่าน่าจะให้ประโยชน์ไปในเชิงด้านชุ่มชื้น กับ Whitening

 

โดยรวมนางมาในเบสน้ำ เสริมมาด้วย Coconut acids ซึ่งตัวนี้มี่ไม่ได้ลงสีไว้นะคะ แต่นางเป็นวัตถุดิบตัวหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ ข้อมูลจากผู้ผลิตบริษัท Green angel กล่าวว่า กรดไขมันจากมะพร้าวเป็นกรดไขมันสายไม่ยาวมาก ค่อยๆดูดซึมลงไปและเสริมความชุ่มชื้น ทดแทนไขมันคืนให้ผิว นางเคลมไปถึงเรื่องของชะลอวัย และลดการเกิด จุดด่างดำ Spot ตามอายุ

ส่วนตัวมองว่านางมีประโยชน์ในเชิงชุ่มชื้นนะคะ

 

โดยรวมถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจตัวหนึ่ง เอามาฉีดเป็นสเปรย์น้ำแร่ก็ได้ ฉีดแล้วตบๆเป็น essence ก็ดี ฉีดแล้วเช็ดเป็นโทนเนอร์ก็ยังไหว

 

สำหรับราคาก็ไม่แรงมาก อยู่ที่ 42,000 วอน (ประมาณ 1,260 บาท)

แต่ไม่แน่ใจเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายนะคะ ตอนมี่ไปเกาหลียังไม่ได้มองหาแบรนด์นี้เลยไม่แน่ใจว่าตาม Drug store จะพอมีไหม

 

ใครที่ไม่ชอบ Mist ในแบรนด์นี้มีเซรั่มด้วยนะคะ

lo 4

ส่วนผสมก็คล้ายๆกันค่ะ เพียงแต่ตัวเซรั่ม อัด Aquatide มา 4% และราคาตกอยู่ที่ 52,000 วอน (ประมาณ 1,560 บาท)

 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถตามไปดูได้ที่ลิงค์ด้านล่างนะคะ

https://logicallyskin.com/category/all/46/

 

Disclaimer/conflict of interests: การรีวิวนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ