Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มดูแลปัญหาริ้วรอย Ultimate Anti-Wrinkle and Brightening Booster Serum สูตรไม่มี retinol ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Baobab callus culture lysate

ทางเพจเคยนำเสนอรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมอยส์เจอไรเซอร์ Youth-Full จากแบรนด์ LaLaaCram ไปเมื่อช่วงก่อน ตามลิงค์นี้นะคะ

>>Click<<

วันนี้ขอหยิบเอาผลิตภัณฑ์น้องใหม่ของแบรนด์ ที่ได้ไปซุ่มเงียบทดลองใช้มาเดือนเศษๆ น้องเป็นเซรั่มที่ออกแบบมาเพื่อดูแลริ้วรอยและชะลอวัย โดยเลือกใช้ส่วนผสมได้อย่างลงตัว

น้องมีชื่อว่า Ultimate Anti-Wrinkle and Brightening Booster Serum 

มาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มีความน่าสนใจในการเลือกใช้ส่วนผสม และทางแบรนด์ก็ได้นำเอาไปทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครมาด้วย โดยทำการทดสอบในอาสาสมัครอายุ 40 – 60 ปี จำนวน 33 คน โดยสถาบัน DermScan ASIA ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำ

ผลพบว่า

  • 88% ของผู้ใช้รู้สึกว่าผิวดูกระจ่างใสขึ้นใน 7 วัน
  • 96% ของผู้ใช้รู้สึกว่าริ้วรอยแลดูจางลงใน 14 วัน
  • การประเมินด้วยเครื่องมือ Primos พบว่า 100% ของอาสาสมัครมีริ้วรอยร่องลึกจางลงอย่างเห็นได้ชัดเจนใน 28 วัน

ก็คือ ถือว่าน่าสนใจมาก

เนื้อเซรั่มเป็นเนื้อน้ำนม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยง่าย บางเบา แค่ยังชุ่มชื้นผิวอยู่ ให้ความรู้สึกเย็นและสบายผิว

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวมคือเป็นเซรั่มชะลอวัยตัวตึงที่อัดส่วนผสมมาเยอะมาก เพื่อดูแลปัญหาที่เกิดจากอายุ มีการเลือกใช้กรดอะมิโนหลากหลายชนิด ซึ่งทำหน้าที่เป็น NMF (Natural moisturizing factor) จับน้ำให้ผิว โดยเวลาเราอายุเพิ่มขึ้น สัดส่วนของ NMF ก็จะเปลี่ยนแปลงไป ถ้ามีการเติม NMF ลงไป ก็น่าจะได้ประโยชน์เรื่องผิวชุ่มชื้นและแข็งแรงได้อีกทาง นอกจากนี้ผิวอาจหยิบเอากรดอะมิโนไปใช้ได้ตามความต้องการ

ในส่วนของการเติมน้ำ นอกจาก NMF แล้ว ยังเสริมมาด้วย Hyaluronic acid และอนุพันธ์หลากหลายฟอร์ม มากันทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ ตัวเคลือบ ตัวเกาะ เพื่อเสริมกระบวนการเก็บน้ำให้ผิว

แล้วช่วยฟื้นฟู Barrier ด้วย Ceramides complex ที่เบลนด์ Ceramides หลากหลายชนิดเข้ารวมกับ Cholesterol + Phytosphingosine

พร้อม Soothing แบบฉ่ำๆ ด้วย Cica + Bisabolol + Panthenol + Dipotassium glycyrrhizate

มาถึงกลุ่มของสารที่ดูแลปัญหา Aging

มาถึงกลุ่มของสารที่ดูแลปัญหา Aging

  • Adansonia digitata callus culture lysate (2%) ตัวนี้น่าสนใจมาก มาในชื่อ BaoliftTM จาก Vyrtus biotech ที่กลไกการออกฤทธิ์ที่น่าสนใจ ภายใต้คอนเซปท์ Fit-Skin concept โดยไปออกฤทธิ์ผ่าน Exerkines เหมือนเราไปออกกำลังมา แล้วผิวดี กวาดรางวัลมามากมายจากหลากหลายงานแฟร์ทางด้านเครื่องสำอาง

โดยนวัตกรรมนี้พูดถึงเรื่อง “Skin-Fascia-Muscle axis” ซึ่งปกติเวลาเราออกกำลังจะมีพวกสาร Exerkines ที่ให้ประโยชน์กับผิวหลายๆ ทาง โดยเฉพาะเรื่องความกระชับของผิว

     ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการพูดถึง extracellular ATP หรือ eATP ที่เวลาออกกำลังกาย นางจะออกมาแล้วไปมีผลต่อหลายๆ กลไก ทั้งการปลดปล่อยสารสื่อประสาท ฮอร์โมน รวมไปถึงการสื่อสารระหว่างชั้นหนังกำพร้ากับ Fibroblast และมีประโยชน์ในการกระตุ้นเส้นใย extracellular matrix ให้กระชับ

     นอกจากนี้เวลาออกกำลังกายจะมีการปลดปล่อย mitochondria derived peptides หรือ MOTS-C ที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ในขณะเดียวกันจะมีประโยชน์กับผิวโดยไปเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น

     ผลเทสต์ในอาสาสมัครพบว่า ผิวมีความกระชับขึ้น และมีริ้วรอยลดเลือนลง

  • Bakuchiol ที่ความเข้มข้น 1% สารนี้จัดเป็นสารในกลุ่ม meroterpene พบได้ในพืช เช่น Psoralea corylifolia มีรายงานถึงความสามารถในการออกฤทธิ์คล้ายวิตามินเอ (Int J Cosmet Sci. 2014 Jun;36(3):221-30.) มีการทดสอบชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจ ทดสอบในกลุ่มอาสาสมัครที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย โดยให้ทา Bakuchiol 1% วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าให้ประโยชน์ในการดูแลปัญหาด้าน aging ได้ดี โดยไม่พบอาการระคายเคือง (J Drugs Dermatol. 2020;19(12):1181-1183.) มีอีกชิ้นที่น่าสนใจ อยากเล่า เป็นงานตีพิมพ์เมื่อปี 2019 เปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Bakuchiol 0.5% ทาวันละ 2 ครั้ง และ Retinol 0.5% ทาวันละครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า ให้ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน แต่พบว่ากลุ่มที่ทา Retinol มีความรู้สึกว่าผิวแห้ง และพบการระคายเคืองได้มากกว่า (Br J Dermatol. 2019;180(2):289-296.)
  • Double peptide complex ที่เบลนด์ Acetyl hexapeptide-8 ที่ให้ผลคลายริ้วรอยชั่วคราว ร่วมกับ Palmitoyl pentapeptide-4 ที่เสริมสร้างการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยใน dermis ให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ไม่หย่อนคล้อย เมื่อใช้ร่วมกัน ในทางทฤษฎีก็จะช่วยคลายริ้วรอยชั่วคราวในระยะสั้น และค่อยๆ ซัพพอร์ตการสร้างเส้นใยออกมาในระยะยาว
  • เสริม Niacinamide อีก 5% ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ NADH, NADPH ที่ใช้ทำหน้าที่หลายอย่าง จึงให้ประโยชน์ในเชิงการชะลอวัย ดูแลปัญหาริ้วรอย พร้อมๆ ไปกับการดูแลเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอ ความแข็งแรงของชั้นผิว ดูแลและลดการระคายเคือง

พัฒนามาในเบสที่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนเซรั่มกัน

  1. สารบำรุง เซรั่มตัวนี้มาในส่วนผสมนวัตกรรมอย่าง Baolift ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกฤทธิ์ผ่าน Skin-Fascia-Muscle axis ที่คิดว่าค่อนข้างใหม่ คือ ทำให้ผิวกระชับ ให้ประโยชน์คล้ายกับการออกกำลังกาย เสริมมาด้วย Bakuchiol เปปไทด์ เพื่อดูแลปัญหาริ้วรอยได้อย่างลงตัว มาพร้อมสารบำรุงอื่นๆ ที่ให้ประโยชน์ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีผิวไม่สม่ำเสมอ การระคายเคือง ความชุ่มชื้นของผิว และผิวแข็งแรง ครบทุกปัญหาที่เรามักพบเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ตัวเซรั่มมาในเนื้อที่บางเบาไม่หนักมาก เลเยอร์ลงรูทีนง่าย ในด้านของความชุ่มชื้น สำหรับคนผิวผสม-แห้ง อาจจะต้องมีครีมมาทับอีกชั้น ในด้านของการใช้งานส่วนตัวมองว่าเซรั่มนี้ทำมาได้ค่อนข้างดี ผิวนุ่มเนียนขึ้น และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการใช้เซรั่มที่ไม่มีเรตินอยด์ ให้ไป 5 ฟลาสก์

และอยากบอกว่า ถ้าใช้เซรั่มกับครีมคู่กัน จะยิ่งเริ่ดขึ้นไปอีกนะคะ

ทาเซรั่มก่อน แล้วทาครีมทับเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ LaLaaCram ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/lalaacramthailand

ทางไปช้อปปิ้งเซรั่ม

Shopee https://s.shopee.co.th/4q6ei5FVof

Lazada https://s.lazada.co.th/s.ABOBo?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

อัพเดทไอเทมใหม่ Face & Body care soothing cream ที่พัฒนาสูตรโดยอิงตามหลักแผนจีนผสานกับเทคโนโลยีตะวันตกได้อย่างลงตัว

มีไอเทมใหม่น่าสนใจมาแนะนำค่ะ ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์เมียวฝู ในชื่อ Face & Body care soothing cream

น้องเป็นครีมที่ออกแบบโดยแพทย์แผนจีนและเภสัชกร โดยเลือกใช้สารสกัดจากสมุนไพรในตำรับแผนจีน เบลนด์เข้ากับเทคโนโลยีแผนตะวันตก เพื่อดูแลปัญหาผิวได้อย่างลงตัว

เนื้อครีมทำมาได้ค่อนข้างชุ่มชื้น เหมาะมากกับผิวแห้ง แต่งกลิ่นนวลๆ หวานๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งทางแบรนด์เบลนด์ขึ้นมาเอง ใน theme กลิ่นดอกไม้ในป่า ภายใต้ชื่อน้ำหอม Mi Mei Xiang (หมี่เม่ยเซียง)

ภายในความเป็นมอยส์ส่วนผสมมีออยล์เคลือบจาก Petrolatum เป็นหลัก ตัวนี้เคลือบดี กันน้ำระเหยจากผิวได้ดี เบลนด์ผสมกับ Ceramides และไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว เสริมวิตามินอี ที่เป็น antioxidant ที่ดี

ในด้านสารบำรุง Hero Ingredients เลย เป็นตำรับ ซานหวง (3 หวง) ทางแบรนด์กระซิบมาบอกว่า เราห่วงมาก เลย ใส่มาให้ 3 หวง เลย! We Carex3 🙂

สารสกัดหวงฉิน (Scutellaria baicalensis extract) – มีสารฟลาโวนอยด์ Baicalin กับ wogonin ที่มีประโยชน์ในการดูแลกระบวนการอักเสบของผิว ยับยั้งการเพิ่มขึ้นของเอนไซม์ย่อยสลายพวกเส้นใยต่างๆ เช่นคอลลาเจน ในกลุ่มของ MMP จากรังสี UV ก็เหมือนปกป้องผิวจากรังสีได้ในอีกนัยยะ (Eur J Pharmacol. 2011; 661(1-3):124-32.) มีงานวิจัยสนับสนุนถึงคุณสมบัติในการลดการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2012; 141(1):345-9.)

• สารสกัดหวงเหลียน (Coptis chinensis extract) – มีคุณสมบัติเป็น antioxidant และมีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติในการดูแลการระคายเคือง

สารสกัดต้าหวง (Rheum palmatum extract) – ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติในการดูแลการระคายเคือง เช่นกัน

สมุนไพร 3 หวง ในทางตำรับแผนจีน ถือว่ามีความเด่นด้าน ความขมและความเย็น จึงใช้ในการ ขับชื้น ขับพิษ ขับร้อน ขับไฟ จึงให้ประโยชน์ในการดูแลการระคายเคืองของผิวและให้ความรู้สึกสบายผิว

ผลิตที่โรงงานต้นแบบ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

มาในราคาน่ารัก ทาได้ทั้งหน้าและตัว ทางนี้ชอบมากเวลาหยิบมาทาเป็น hand cream

เผื่อสนใจสามารถตามไปดูได้ที่

https://s.shopee.co.th/5L1V7ykZaK

Disclaimer: sponsored item, self-opinion

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมโทนอัพกันแดด Vizz DD whitening cream สูตร 3 in 1 ปกป้อง-บำรุง-ดูแลผิวเรียบเนียน

ครีมกันแดดแบบโทนอัพที่ทำออกมาได้ดี ส่วนผสมเริ่ด ทาแล้วให้ความขาวสว่าง กระจ่างใสแบบเป็นธรรมชาติ

มอบคำโปรยนี้ให้กับน้อง Vizz DD whitening cream หลอดนี้ค่ะ

ตัวผลิตภัณฑ์มีค่า SPF50 PA+++

ส่วนนี้จะเป็นหน้าตาแพคเกจจิ้งค่ะ

น้องเป็นครีมกันแดด สำหรับผิวกาย พร้อมปรับโทนอัพสีผิวให้สว่างใสโกลว์ ที่พัฒนาสูตรมาได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัส ส่วนผสมและฟินิชลุคที่ได้

ตอนทาเกลี่ยน้องจะมีการแตกตัวเป็นหยดน้ำ (water drop) หยดน้ำพวกนี้ให้ฟีลสดชื่น

ส่วนผสมเป็นดังนี้

เนื่องด้วยเคลมหลักเป็นผลิตภัณฑ์กันแดด เราจะมาเริ่มกันที่วิเคราะห์ส่วนผสมสารกันแดดก่อนเลย

  • Titanium dioxide เป็นกันแดดชนิดกายภาพ ซึ่งปกติจะปกป้องสะท้อนกระจายรังสี UV ออกไปในช่วงกว้าง แต่ในช่วง UVA น้องจะดรอปๆ ลงมาหน่อย
  • Ethylhexyl salicylate เป็นกันแดดชนิดเคมี เด่นในช่วง UVB เป็นสารกันแดดที่มีข้อมูลความปลอดภัยค่อนข้างดี
  • Homosalate เป็นกันแดดชนิดเคมี เด่นในช่วง UVB
  • Octocrylene สารกันแดดเคมี ที่เด่นในช่วง UVB และดูดกลืน UVA ได้นิดหน่อย ในช่วงสั้นๆ ปกตินิยมใช้เสริมกับกันแดดเคมีอื่นๆ เพื่อเพิ่มความคงตัวในสูตร

สารบำรุงที่ทางแบรนด์เลือกมาได้แก่

  • Polygonum aviculare extract ตัวนี้ดูจากรายการส่วนผสมแล้ว มีแนวโน้มว่าจะเป็น Elix-IR ของ Lucas Meyer Cosmetics – by Clariant ซึ่งมีข้อมูลจากทางผู้ผลิตวัตถุดิบว่า ปกป้องผิวจากรังสี Infrared โดยไปยับยั้งเอนไซม์ Cathepsin G ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบในเซลล์ (Arch Rheumatol. 2018 Jan 22;33(4):498–504.) สำหรับที่ผิว เมื่อโดนรังสี IR, UV จะมีการสร้าง Cathepsin G ออกมาแล้วไปกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์เอนไซม์ MMP มาทำลายคอลลาเจน ส่วนผสมนี้เมื่อไปยับยั้ง Cathepsin G เลยทำให้ MMP ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากรังสี IR, UV มีปริมาณลดลง ก็จะช่วยปกป้องคอลลาเจนในผิวไม่ให้สลายตัวได้ มีผลการทดสอบในอาสาสมัครเรื่องความสามารถในการดูแลริ้วรอย (Ref: TDS Elix-IR)
  • Arisaema amurense extract สารสกัดนี้มาในชื่อทางการค้าว่า Melazero มีคุณสมบัติเป็น Whitening ผ่านหลายกลไก ไม่ว่าจะเป็นการเสริมกระบวนการ Autophagy และลดการสร้างเอนไซม์ Tyrosinase ที่เป็นตัวสร้างเม็ดสี
  • Biosaccharide Gum-4 คาร์โบไฮเดรตที่ได้จากการหมักจุลินทรีย์ มีประโยชน์ในการปกป้องผิวจากสารเคมีต่างๆ มลภาวะ และรังสี UV โดยตัวมันไปสร้างฟิล์มเคลือบไว้ที่ผิวชั้นนอก
  • Pseudoalteromonas Ferment Extract เป็นสารสกัดที่ได้จากกระบวนการหมักจุลินทรีย์ Pseudoalteromonas ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นเทคโนโลยี SmoothLight ซึ่งมีเคลมเด่นในด้านของการฟื้นฟูผิวที่เสียหาย ดูแลริ้วรอย และปกป้องผิวจากผลเสียของ Visible blue light
  • สารสกัดจากชาเขียว เป็น antioxidant
  • Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น และดูแลเรื่องการระคายเคืองของผิว

ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ในภาพรวม น้องเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดชนิดผสมกายภาพ-เคมีที่กันได้ครบทั้ง UVA-UVB แต่จะเด่นๆ ไปที่ UVB เสริมสารบำรุงที่ดูแลและปกป้องผิวจากแสงแดด และ Whitening ซึ่งถ้าพิจารณาในส่วนของการเป็นครีมบำรุงผิวกาย ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าเสริม Antioxidant อีกซักหน่อย และจัดสารกันแดดให้กัน UVA ฉ่ำๆ จะเริ่ดมาก จึงขอให้ไป 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในแง่ของการเกลี่ย ตัวผลิตภัณฑ์เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย แตกตัวเป็นน้ำมีหยดน้ำออกมาเพื่อให้ฟีลสดชื่น อาจจะติดขนตกร่องได้นิดหน่อย แต่ตรงนี้เป็นเรื่องปกติที่ยอมรับได้ของกลุ่มครีมโทนอัพอยู่ จึงไม่หักคะแนน สำหรับด้านความโทนอัพปรับสีผิว ถือว่าทำมาได้ดี ให้ความขาวสว่างที่ดูไม่เว่อร์วังมากจนเกินไป ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Vizz ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้ได้รู้จัก และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: Vizz Thailand

IG: Vizz.Thailand

Line Official: @vizz.thailand

TikTok: @vizz_thailand

ทางไปชอปปิ้ง

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/5VEAJ3vgv8

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.IhiG8?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Vizz การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Coconut anti-hair loss Hair tonic ดูแลปัญหาผมร่วง ผสานนวัตกรรมภูมิปัญญาไทยและสารบำรุงระดับโลก

Blog นี้มีรีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสม Hair tonic ดูแลปัญหาผมร่วงที่น่าสนใจมาฝากกัน

ถ้าพูดถึงแบรนด์ Tropicana หลายๆ ท่านอาจเป็นลูกค้าประจำของทางแบรนด์อยู่แล้ว เพราะว่าแบรนด์นี้มีชื่อเสียงมากเรื่องน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่ส่งออกไปนานาประเทศทั่วโลกเลยก็ว่าได้

ตอนนี้ทางแบรนด์มีผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ และ ดูแลเส้นผมออกมาหลายชิ้น

วันนี้เลยได้โอกาสขอหยิบเอา Hair tonic ที่ทางแบรนด์พึ่งพัฒนาออกมามาวิเคราะห์ส่วนผสมกันสักหน่อย

น้องมีชื่อเต็มๆ ว่า Coconut anti-hair loss hair tonic

ซึ่งมาในขวดสเปรย์ที่มีหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์มาในเนื้อแบบใส มีสีเหลืองอ่อนๆ นวลๆ โดยทางแบรนด์ไม่ได้ใช้สี ดังนั้นนี่เป็นสีของสารบำรุงในตำรับเลยค่ะ และแต่งกลิ่นมาหอมดี

ตัวสเปรย์ เวลาใช้งานลงบนหนังศีรษะ ไม่ทำให้ผมพันกัน ไม่รู้สึกแห้งหรือว่าระคายเคือง และให้กลิ่นที่หอม

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5

ก่อนไปดูส่วนผสม ขอเล่าเรื่องการเจริญของผมหน่อยนะคะ

ผลของคนเรามีระยะการเจริญอยู่ 3 ระยะหลักๆ ได้แก่

  1. Anagen เป็นระยะที่เส้นผมกำลัง Active เป็นระยะที่ผมเรางอกยาวออกมา เซลล์ต่างๆ ในรากผมทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง
  2. Catagen เป็นระยะที่เส้นผมเริ่มหยุดสร้างตัวเอง กลายร่างเป็น Club hair
  3. Telogen เป็นระยะสุดท้ายที่ผมนั้นพร้อมหลุดออกไปได้เมื่อมีแรงมากระทำ

ซึ่งในคนปกติที่สุขภาพดี เมื่อถึง Telogen แล้ว รากผมก็จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ Anagen อีกรอบค่ะ ทำให้เรามีผมตลอดเวลาไม่มีระยะผลัดขนเหมือนสัตว์บางชนิด

     โดยในปัจจุบันมีการเพิ่มชื่อระยะเข้ามาอีกนิดหน่อยค่ะ ที่สำคัญมี 2 คำ ได้แก่

  • Exogen เป็นระยะหลัง Telogen ที่ผมหลุดออกไป แล้วรากผมนั้นก็จะเข้าสู่อีกระยะหนึ่ง ที่เรียกว่า
  • Kenogen ซึ่งเป็นระยะที่รากผมยังไม่มีผมเส้นใหม่ออกมา ภายในนั้นยังว่าง ก่อนเข้าสู่ Anagen ใหม่

โดยมีการพบว่า ในสภาวะที่ผมร่วงแบบผิดปกติบางชนิด เช่น ผมร่วงจากฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ Kenogen ยาวนานขึ้น ผมอยู่ใน Telogen เยอะขึ้น และมีสัดส่วนของ Anagen ลดลง

และอีกเรื่องจะเป็นเรื่องของเอนไซม์ 5alpha-reductase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ไปเปลี่ยน Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone (DHT) ที่มีฤทธิ์แรงขึ้น ทำให้ผมร่วงผ่านหลายๆ กลไก รวมทั้งทำให้รากผมมีขนาดเล็กลง (Hair follicular miniaturization) ถ้าเป็นที่ต่อมไขมัน DHT จะทำให้มีการสร้างไขมัน (Sebum) ออกมามากขึ้น

ป่ะ มาดูส่วนผสมกัน

สำหรับส่วนผสมที่ให้ประโยชน์ในด้านการดูแลผมร่วงและเสริมกระบวนการงอกใหม่/เจริญของผม ได้แก่

  • Eclipta prostata leaf extract หรือ ในชื่อไทย ใบกะเม็ง ในทางอายุรเวทเรียกว่า Bhringraj ใช้เพื่อประโยชน์หลายประการ รวมทั้งดูแลผมร่วง (Biomolecules. 2021 Nov; 11(11): 1738.) ในส่วนของข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบหลายเจ้า ระบุว่า สารสกัดนี้มีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเจริญของผม ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง มีรายงานการวิจัยในหนูทดลองพบว่าสารสกัดเสริมกระบวนการงอกของผม ปรับการเจริญของผมให้กลับมาสู่ Anagen phase (ระยะที่ผมเจริญ) ผ่านการกระตุ้น FGF-7 ทำให้รากผมเข้าสู่ Anagen (Lee et al., Pharm Biol. 2019;57(1):105-111.)
  • Serenoa rapens fruit extract หรือ สารสกัดจาก Saw palmetto ซึ่งมีรายงานถึงฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase ซึ่งเมื่อไปยับยั้งแล้วจะช่วยดูแลภาวะผมร่วงจากฮอร์โมนเพศชาย พร้อมทั้งควบคุมความมันของหนังศีรษะไปได้อีกทาง
  • Emblica officinalis extract หรือ สารสกัดจากมะขามป้อม ที่เด่นในแง่ของการเป็น Antioxidant และมีการใช้ในตำรับแผนไทยและอายุรเวทเพื่อดูแลผิวพรรณ และเส้นผมหลายตำรับ รวมทั้งมีการเก็บไว้ในระบบนำส่งรูปแบบ transfersomes พบว่าสามารถนำส่งสารเข้าไปในรากผม และกระตุ้นการเจริญของรากผมได้ในระดับหลอดทดลอง (J Oleo Sci. 2022;71(7):1085-1096.) ในส่วนของการทดสอบทางคลินิก เป็นการทดสอบในรูปแบบรับประทานในกลุ่มอาสาสมัครหญิงที่มีปัญหา Female androgenic alopecia พบว่าการทานสารสกัดมะขามป้อมช่วยเสริมการงอกของผมโดยไปเพิ่มสัดส่วนของผมในระยะ Anagen (J Ethnopharmacol. 2024;318(Pt A):116958.)
  • Panax ginseng root extract สารสกัดจากโสม ประกอบด้วยพฤกษเคมีในกลุ่ม Ginsenoside หลายชนิดที่มีรายงานว่ามีประโยชน์ในกระบวนการเสริมการเจริญของเส้นผม รวมทั้งมีรายงานถึงคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase
  • Biotin และ Panthenol เป็นวิตามินที่เด่นในแง่ของการเสริมกระบวนการเจริญของเส้นผม
  • น้ำมะพร้าว ประกอบด้วยวิตามินและสารบำรุงหลายชนิด ที่นอกจากจะช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื้น อาจจะให้ประโยชน์ในเรื่องของการให้ความรู้สึกสบายหนังศีรษะ (Soothing)

สารบำรุงอื่นๆ มีที่น่าสนใจอีกหลายชนิด ได้แก่

  • Hydrolyzed soy protein เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่หนังศีรษะ
  • Zinc PCA ควบคุมความมันของหนังศีรษะ
  • Niacinamide และ Pyridoxine (B6) ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง
  • Arginine และ Citrulline มีการค้นพบว่าในโครงสร้างส่วนของ Medulla และ inner root sheath ของเส้นผมจะมีโปรตีนที่มีองค์ประกอบพิเศษกว่าบริเวณอื่น โดยมี Arginine อยู่มาก เมื่อเส้นผมเจริญจะเกิดกระบวนการ transamidase เปลี่ยนจาก Arginine เป็น Citrulline ในส่วนของ trichohyalin granules (Biochim Biophys Acta. 1977;495(1):159-75.) ซึ่งคาดการณ์ว่าการเสริม Arginine-citrulline อาจจะมีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเจริญของเส้นผมก็เป็นได้

Combination ของ Zinc และ Arginine มีการทดสอบในอาสาสมัครอยู่ชิ้นหนึ่ง โดยแบ่งอาสาสมัคร 40 คน เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้ใช้โลชั่นที่มี Zinc และ Arginine อีกกลุ่มเป็นเบส เป็นเวลา 23 สัปดาห์ พบว่า กลุ่มที่ได้รับ Zinc และ Arginine มีการทำงานของเอนไซม์ 5alpha-reductase ในรากผมน้อยกว่า เส้นผมหลุดร่วงยากกว่าเมื่อทดสอบด้วย Pull test และมีสัดส่วนของรากผมที่เป็น Anagen มากกว่ากลุ่มที่ได้รับโลชั่นเบส (Ital J Dermatol Venerol. 2022;157(1):78-83.)

ในส่วนของเบสมีส่วนผสมของสารเพิ่มความชุ่มชื้น (Humectant) หลายตัว และไม่มีส่วนผสมของ Alcohol

รวมทั้งใช้สาร Dimethyl isosorbide (DMI) เป็นตัวเสริมการดูดซึมสารผ่านหนังศีรษะ (Penetration enhancer)

มาให้คะแนนกัน

  1. สารบำรุง ส่วนผสมที่ทางแบรนด์เลือกมา ดูแลเรื่องผมร่วงผ่านหลายๆ กลไกไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการบล็อกผลของฮอร์โมนผ่านการยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase เสริมการเจริญโดยปรับให้รากผมเข้าสู่ Anagen เสริมความแข็งแรงให้แก่รากผมและเส้นผม ควบคุมความมันของหนังศีรษะ ดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้คะแนน 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ค่อนข้างดี และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในด้านของการทำสูตร มองว่าเลือกคอมบิเนชั่นของสารสกัดจากสมุนไพรในตำรับแผนโบราณทั้งไทยและอายุรเวทมารวมกันได้อย่างลงตัว ผสานด้วยสารบำรุงสมัยใหม่ และเสริม DMI เพื่อเพิ่มการดูดซึม ฟอร์มูเลทมาในเบสที่ดี ในด้านของการใช้งานตัว Hair tonic มีกลิ่นหอม ส่วนตัวใช้ก่อนนอน สเปรย์แล้วแห้งไว ซึมไว ไม่เหนอะหนะ ผมไม่จับตัวเป็นลิ่มๆ ไม่ระคายเคือง ในด้านของผมหลุดร่วง ส่วนตัวรู้สึกว่าหลังจากใช้มาประมาณ 2 อาทิตย์ ตอนสระกับตอนหวีหลุดร่วงลงมาให้เห็นน้อยลงกว่าเดิม โดยรวมถือว่าประทับใจ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Tropicana ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา และได้เรียนรู้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/tropicanaoilfanpage

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.KV6WK?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/VnK2IKfa8

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Tropicana การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มเรตินอยด์เจ็นใหม่ จาก Her Hyness รุ่น Bio-retinal melatonin advanced repair serum

อย่าพึ่งกลัว Retinoids ถ้ายังไม่ได้ลองสิ่งนี้

ขอมอบคำโปรยนี้ไว้ให้แก่ Her Hyness Bio-retinal melatonin advanced repair serum หรือน้อง Her Hyness ขวดม่วงนั่นเองค่ะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

ตัวแพคเกจด้านในจะมาในขวดแบบปั๊มที่เป็นอคริลิก แลดูหรูหรา

ในส่วนของเนื้อนั้นจะเป็นเนื้อน้ำนมที่ค่อนข้างบางเบา ส่วนหนึ่งที่ทำได้เบาขนาดนี้จะมาจากส่วนผสมของสารกลุ่มน้ำมันที่เขาเลือกใช้จะเป็นตัวที่ระเหยได้ เลยค่อนข้างให้สัมผัสที่ดี ไม่หนักและเหนอะหนะผิว

ตรงนี้เป็นอย่างไร สารตัวไหน เดี๋ยวมาเล่าอีกที

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลยอาจจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่บ้าง

ซึมไวแห้งไวให้สัมผัสบางเบา

ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง และผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic)

ส่วนผสมที่เลือกมาก็คือเบลนด์กันได้อย่างลงตัวเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะด้านริ้วรอยและการชะลอวัย

รายการส่วนผสม

ทางแบรนด์มีเคลมถึงการใช้ Retinoid complex 3.8% ซึ่งได้แก่

  • Retinoids 1% แบ่งเป็น Retinal 0.5% และ Hydroxypinacolone retinoate 0.5%
  • 2.8% Natural retinoic acid booster แบ่งเป็น Novoretin® 2% ร่วมกับ Phyto-retinol 0.8%

เสริมประสิทธิภาพในการชะลอวัยด้วย Melatonin และดูแลการระคายเคือง ด้วยสารบำรุงที่มีประสิทธิภาพในชุด Defensil® plus

ในส่วนของรายละเอียดแบบเจาะลึก ขอแบ่งสารมาพูดถึงเป็นส่วนๆ โดยเริ่มจากส่วนของ Retinoids และสารเสริม Retinoids ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ก็คือ เรียกได้ว่า เบลนด์กันได้อย่างดี เติม Retinoids ลงไป และปกป้องไม่ให้ Retinoids ในผิวสลายตัวไปโดยง่าย ดังนี้

  • Retinal หรือ Retinaldehyde ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีความแรงเพิ่มขึ้นจาก Retinol โดยประโยชน์ของ Retinoids ที่มีต่อผิวนั้นค่อนข้างกว้างค่ะ โดยจะเด่นไปในทางด้านของการชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย และดูแลเรื่องผิวไม่กระชับ หย่อนคล้อย ตัว Retinoids จะออกฤทธิ์ที่หลายระดับชั้นผิว จึงให้ประโยชน์หลายด้าน ถ้าเป็นที่ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เราจะได้เรื่องของการปรับสมดุลการสร้าง-แบ่งตัว-เปลี่ยนแปลงโครงสร้างหน้าที่และการผลัดออกของผิว (เซลล์ Keratinocyte) ในหนังกำพร้า รวมถึงลดการอุดตันผ่านการปรับสมดุลการสร้าง-ผลัดออกของ Keratinocyte ภายในรูขุมขน ถ้าเป็นที่หนังแท้ (Dermis) ก็จะไปเสริมการสร้างพวกเส้นใยไฟเบอร์ต่างๆ ที่เป็น Extracellular matrix (ECM) ในชั้นหนังแท้ รวมถึงไปลดการสังเคราะห์เอนไซม์ MMP ที่ไปทำลายคอลลาเจน

ตามทฤษฎีแล้ว Retinoids ถือว่าเป็นสารที่วงการแพทย์ยอมรับตัวหนึ่งในด้านของการเป็น Anti-aging

ในส่วนของ Metabolism ของ Retinoids เมื่อเข้าสู่ผิว เราจะสามารถสรุปได้ดังภาพนี้ค่ะ

โดย Retinal เมื่อลงผิว จะถูก Oxidize 1 Step แล้วได้ฟอร์มที่ออกฤทธิ์ได้เลย แต่ถ้าใช้ ฟอร์มอย่าง Ester อาจจะถูกเก็บไว้ก่อน ก่อนถูกเปลี่ยนเป็น Retinol หรือจะเปลี่ยนเลย อันนี้แล้วแต่ความต้องการของผิว ส่วนถ้าเป็น Retinol ก็จะถูก Oxidize ต่อ 2 Step ถึงออกฤทธิ์ได้

    

สำหรับ Retinal ที่ทางแบรนด์ใช้ แบรนด์เคลมว่าเป็น Retinal ที่ได้จากธรรมชาติ สร้างโดย Halobacterium ซึ่งเป็นกลุ่มของจุลินทรีย์ที่เจริญได้ในสภาวะแวดล้อมที่มีเกลือสูง เช่น ในมหาสมุทร

Retinoids และ Booster อื่นๆ ได้แก่

  • Hydroxypinacolone Retinoate หรือ HPR ตัวนี้รู้จักกันในวงการว่า Granactive retinoids ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ Retinoic acid น้องมีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยที่ดี มีความคงตัวดี และมีความระคายเคืองต่อผิวน้อย ข้อมูลจากบทความตีพิมพ์ในวารสาร Journal of American Academy of Dermatology ตีพิมพ์เมื่อปี 2018 ระบุว่า HPR นั้นสามารถจับกับ Receptor ของ Retinoids แล้วออกฤทธิ์ได้เลย และมีผลการทดสอบประสิทธิภาพในผิวหนังจำลอง (Ruth and Mammone, J Am Acad Derm. 2018;73(3 Suppl 1):AB44.)
  • Silybin เป็นสารประกอบกลุ่ม flavonolignan ที่พบในเมล็ดของ milk thistle plants (Silybum marianum) โดยตัวที่ทางแบรนด์ใช้นั้น เป็นรูปแบบของ Phytosome ที่เป็นผนังสองชั้น เตรียมขึ้นจาก Phospholipid เพื่อช่วยในการนำส่งสารเข้าผิว และรักษาความคงตัวของสาร (Food Biosci. 2016;15:126–35.) สาร Silybin นี้ ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีเคลมว่า กระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิวและการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ Hyaluronic Acid ยับยั้งการการทำงานของระบบ AP-1 ได้เหมือน Retinoids ซึ่งเมื่อระบบ AP-1 ถูกกระตุ้นจะนำไปสู่ การสร้างเอนไซม์ MMP มาย่อยสลายคอลลาเจน และกระบวนการอักเสบต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ

โดยมีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า Silybin สามารถลดเลือนริ้วรอยได้ดีกว่า Bakuchiol และ Retinol

  • สารสกัดจาก Pistacia Lentiscus (Mastic) Gum หรือ Novoretin® น้องเป็นวัตถุดิบที่ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงาน In-cosmetics ASIA 2022 โดยมีกลไกการออกฤทธิ์คือไปยับยั้งเอนไซม์ CYP26 ที่เป็นเอนไซม์ที่ย่อยสลาย Retinoic acid (RA) ในเซลล์ให้หมดฤทธิ์ เมื่อไปยับยั้งจะทำให้ RA ในเซลล์ไม่โดนย่อยสลาย จึงทำให้ RA ออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้น

   ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า Novoretin® สามารถเพิ่มการสะสมตัวของ RA ในเซลล์ได้ถึง 720% และยังสามารถ ออกฤทธิ์ที่ Retinoid receptor ให้ประโยชน์คล้าย Retinoids

  • Melatonin เป็นสาร Antioxidant ที่ดี ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีผลไปเสริมสร้างเอนไซม์ที่เป็น Antioxidant ตามธรรมชาติของผิว สาร Metabolites ต่างๆ ที่เกิดจากการแปรสภาพ Melatonin มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงมีประโยชน์อื่นๆ เช่น ลดการอักเสบระคายเคือง ลดการสร้างเอนไซม์ MMP ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจนทำให้เกิดริ้วรอยตามมา โดยในภาพรวม Melatonin นั้นมีประโยชน์ในด้านของการชะลอวัยและฟื้นฟูสภาพผิว รวมทั้งดูแลให้ผิวแข็งแรง (J Drugs Dermatol. 2018;17(8):966-969.)

สารบำรุงอื่นๆ ที่น่าสนใจได้แก่

  • Combination ของ Defensil® Plus ที่มีเคลมเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดการอักเสบ เสริมสร้างและฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในระดับอาสาสมัคร พบว่ามีประโยชน์ที่ดีในการลดการอักเสบ การแพ้ Soothing (ปลอบประโลมให้ความรู้สึกสบายผิว) ลดรอยแดง ช่วยเสริมความแข็งแรงของ Barrier ผิว โดยตรวจจากการระเหยของน้ำจากผิว (Trans-epidermal water loss; TEWL) ลดลง (Ref: TDS Defensil® Plus)
  • Niacinamide ซึ่งก็มีประโยชน์กับผิวหลายด้านเช่นกัน ในด้านการชะลอวัย น้องเป็นสารที่เสริมกระบวนการทำงานของผิวผ่านหลายๆ กลไก หนึ่งในนั้นคือ เป็นส่วนหนึ่งของ Cofactor NAD, NADP ซึ่งช่วยในการทำงานต่างๆ ของผิว ผลโดยรวมคือ ลดการอักเสบระคายเคือง เสริมการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว เป็น Whitening ผ่านการยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก ต่อต้านการเกิด Glycation และยังเป็น Antioxidant
  • Palmitoyl tripeptide-1 เป็นเปปไทด์ที่เกิดจากกรดอะมิโน 3 ตัว glycine, histidine, lysine มาจับกับกรดไขมัน Palmitic acid เพื่อเสริมการดูดซึม น้องเป็นเสมือน Messenger เพื่อเสริมกระบวนการฟื้นฟูและปรับสภาพผิว และมีข้อมูลว่าเสริมกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนและโปรตีนอื่นใน Extracellular matrix ของหนังแท้ ให้ผิวมีความกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
  • เพิ่มความชุ่มชื้นด้วย Hyaluronic acid สารสกัดจากน้ำผึ้ง และน้ำผึ้ง
  • Propolis สารพังกาวที่ได้จากรังผึ้ง มีคุณสมบัติที่ดีในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ ลดการอักเสบ เสริมการสมานแผล มีรายงานการวิจัยกล่าวว่า Propolis มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant และ การทดสอบในระดับเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Propolis ปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายจากรังสี UV (Biomed Pharmacother. 2017;95:47-54.)  
  • Royal jelly หรือ นมผึ้ง ประกอบด้วยสารสำคัญหลายชนิด อาทิเช่น 10-hydroxy-2-decenoic acid (10-HDA), antibacterial protein ที่ชื่อ apisin ในภาพรวมมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ เป็น Antioxidant ปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน (Int J Mol Sci. 2024;25(11):6023.)

ส่วนของเบส จะเห็น Isohexadecane ที่เป็นสารไขมันกลุ่ม Alkane ที่ระเหยได้ จึงให้เนื้อบางเบาไม่เหนอะหนะ และ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว สมกับคำเคลมเรื่องของความคลีน

สรุปและให้คะแนน

  1. สารบำรุง: เป็นเซรั่ม Retinoids ที่อัพเกรดมาอีกขั้น ตามคำเคลม #TheNextGenOfRetinol เลือกใช้สารบำรุงเข้ามาผสานกันได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการเอา Retinal มาจับกับ HPR เพื่อเติมลงไปให้ผิว พร้อม Block การสลายตัวของ RA ในผิวไม่ให้เสื่อมสลายไปโดยไว และเสริมสารบำรุงอื่นๆ เข้ามา เพื่อดูแลด้านการระคายเคืองที่อาจเกิด เพิ่มความชุ่มชื้น เสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน และให้ประโยชน์ได้ค่อนข้างครบ ไม่ใช่แค่ดูแลด้านริ้วรอย แต่ยังครอบคลุมไปถึงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดูแลสิว ผิวหมองคล้ำ ผิวไม่เรียบเนียน รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่น: ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ: อย่างแรกเลย ชอบด้านการ Formulate สูตรทั้งในแง่ของส่วนผสมของสารบำรุง และในแง่ของสารขึ้นเนื้อครีม ที่เลือกตัวเบาๆ ได้เหมาะกับสภาพอากาศและผิวของคนบ้านเรา การใช้งาน เนื้อเซรั่มค่อนข้างเบา เอาประยุกต์เข้า Routine ได้ง่าย ไม่เหนอะหนะไม่หนักไม่กวนการ Layer skincare ต่างๆ ให้ไปเลย 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Her Hyness นะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/herhynessbeauty

อยากบอกว่าทางแบรนด์มีโปรบ่อยมากค่ะ มีจำหน่ายทั้งในร้านชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น Watsons, Eve and Boy, Beautrium, Firster, All About You, และทางออนไลน์ค่ะ

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.oKhOK?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/2LDVdDDNvG

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Her Hyness การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

Pre-Launch Exclusive review: รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Sleeping mask ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมสารบำรุงผิวจากสถาบันชั้นนำในประเทศ จาก One Of RapidRevive Sleeping Mask

บ้านเรามีงานวิจัยดีๆ เยอะเลยนะคะ แต่ส่วนใหญ่กลายเป็นว่าถูกนำขึ้นหิ้งไปเสียหมด มีเพียงส่วนน้อยที่มีการเอามาต่อยอดออกสู่ท้องตลาดให้ได้เชยชมกัน

วันนี้เลยขอหยิบยกเอา 1 กรณีศึกษาที่น่าสนใจ ที่หยิบเอางานวิจัยมาใช้ต่อยอดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจให้ได้ชมกันค่ะ

เมื่อตอนต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ส่วนตัวได้รับการติดต่อจากแบรนด์แบรนด์หนึ่ง ให้ร่วมเป็น 1 ใน ผู้ร่วมทดสอบผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ เป็นกลุ่มแรก

ทางแบรนด์เรียกเป็น Exclusive first secret reveal ของผลิตภัณฑ์ Sleeping mask แบรนด์ไทย พอได้เห็นส่วนผสมของสารบำรุงเราก็รู้สึกว่าค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นการเลือกเอาสารบำรุงที่ผ่านการค้นคว้าวิจัยจากสถาบันชั้นนำในประเทศ มาผสานรวมกันกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากต่างประเทศได้อย่างลงตัว จนกลายเป็น Sleeping mask ชิ้นนี้

แบรนด์นี้มีชื่อว่า One OfTM ซึ่งมีที่มาจากคำว่า One of a kind ซึ่งเป็นที่ถูกใช้กับสิ่งของที่มีมูลค่ามากและมีชิ้นเดียวในโลก โดยในที่นี้ก็คือ One of a kind beauty เพราะเราแต่ละคนมีความงามที่แตกต่างกันและมีคนคนเดียวในโลก และ One OfTM ก็เป็นแบรนด์ที่จะสร้างความงามนั้น สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้เพราะทุกคนสวยในแบบของตน ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร และไม่ต้องมีใครเหมือน

สำหรับตัวผลิตภัณฑ์จะมีชื่อว่า RapidRevive Sleeping Mask ที่จะมีหน้าตาในวันเปิดตัวเป็นแบบนี้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์นี้จะมีพระเอกกับนางเอกอยู่ที่ตัว Dihydro oxyresveratrol กับ Purified XanthoneTM ซึ่งทั้ง 2 ตัวเป็นวัตถุดิบจากการค้นคว้าวิจัยจากสถาบันชั้นนำของบ้านเราค่ะ

  • Dihydro oxyresveratrol เป็นสารพฤกษเคมีที่แยกบริสุทธิ์ออกมาจากมะหาด โดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเคมีผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (CENP) ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยพบว่ามีฤทธิ์ในการต่อต้านการสร้างเม็ดสีที่ดีกว่าวิตามินซีถึง 7000 เท่า
  • Purified XanthoneTM เป็นสารพฤกษเคมีที่แยกบริสุทธิ์ออกมาจากมังคุด วิจัยโดยสารสกัดจากการพัฒนาและวิจัยของสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (KAPI) อันนี้คือมีผลการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในผิวหนังจำลอง ไม่น่าเชื่อว่า Xanthone ที่เราเคยรู้จักกันในด้านของคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ดูแลปัญหาสิว จะมีประโยชน์ในการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนด้วย น่าสนใจมากๆ

ซึ่งนอกเหนือจากน้องๆ นางเอกแล้ว ยังมีสารบำรุงอื่นๆ อีกหลายชนิด ที่เลือกมาได้อย่างลงตัว เดี๋ยวค่อยไปดูอีกทีในช่วงของการวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

เนื้อของมาสก์จะมีความหยุ่นๆ เป็นเนื้อกึ่งๆ ครีม กึ่งๆ เจล เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลยจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่เล็กน้อย

คัวผลิตภัณฑ์เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ฟีลลิ่งเคลือบๆ แต่ไม่หนักไม่เหนียวเหนอะหนะ ทิ้งไว้สักครู่เนื้อครีมจะซึม/แห้งไปค่ะ แต่ยังให้ความรู้สึกสดชื่น สบายผิวอยู่ ในภาพจะเป็นภาพหลังเกลี่ยแล้วประมาณ 3 นาทีค่ะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

จากส่วนผสมจะเห็นว่ามีสารบำรุงอยู่หลากหลายชนิดด้วยกัน โดยขอเริ่มวิเคราะห์ที่น้องๆ นางเอกของเรา ที่แทนไว้ด้วยสีม่วง

  • Artocarpus lakoocha Wood Extract ตัวนี้สื่อถึง Dihydro oxyresveratrol ที่พัฒนาจากสาร Oxyresveratrol ที่แยกบริสุทธิ์ออกมาจากแก่นมะหาด (Artocarpus lakoocha) แล้วนำมาผ่านกระบวนการ Hydrogenation ได้เป็น Dihydro oxyresveratrol เพื่อให้สารมีความคงตัวขึ้น โดยสารในกลุ่ม Resveratrol นั้นเด่นเรื่อง Antioxidant อยู่แล้ว สำหรับตัว Dihydro oxyresveratrol ที่เป็นวัตถุดิบที่ผ่านการค้นคว้าและวิจัยจากศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเคมีผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (CENP) ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั้นพบว่ามีฤทธิ์ในการต่อต้านการสร้างเม็ดสีที่ดีกว่าวิตามินซีถึง 7000 เท่า โดยวัดจาก ค่าความเข้มข้นของสารที่ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ได้ 50% (IC50) ในระดับหลอดทดลอง ซึ่งเอนไซม์นี้เป็นเอนไซม์ที่สร้างเม็ดสี ได้ค่า IC50 เท่ากับ 0.0275 ไมโครโมลาร์ (หน่วยวัดความเข้มข้นของสารในทางเคมี) เมื่อเทียบกับ Oxyresveratrol ตัวดั้งเดิมให้ค่า IC50 เท่ากับ 0.22 ไมโครโมลาร์ และ วิตามินซี (รูปแบบ Ascorbic acid) ที่ 200 ไมโครโมลาร์ (Reference: CENP)
    • ค่า IC50 น้อยๆ หมายถึงสารนั้นมีฤทธิ์ที่ดี คือใช้ปริมาณเพียงแค่นั้นก็ยับยั้งเอนไซม์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง

  • สำหรับสารนางเอกอีกตัวก็คือ Garcinia mangostana Peel Extract ตัวนี้สื่อความหมายถึงเทคโนโลยี Purified XanthoneTM ที่แยกบริสุทธิ์ และผ่านการตรวจสอบคุณภาพและเอกลักษณ์สาร เพื่อยืนยันว่าเป็นสารที่มีความบริสุทธิ์จริง

รูปสูตรโครงสร้างของ Purifed XanthoneTM

Purified XanthoneTM ที่ว่านี้แยกออกมาจากจากเปลือกมังคุด (Garcinia mangostana) ซึ่งปกติแล้วพอพูดถึง Xanthone เรามักจะนึกถึงคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น พวกเชื้อก่อสิว แล้วเราก็มักจะเห็นการใช้สารสกัดจากมังคุดในผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสิวอยู่บ้าง แต่สาร Xanthone ตัวนี้มีความเด่นไปกว่านั้น คือ ตัวนี้พัฒนา ค้นคว้า และวิจัยโดยสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (KAPI) มีผลการทดสอบในผิวหนังมนุษย์ที่เพาะเลี้ยง (Ex vivo human skin model) โดยหน่วยงานที่เป็น 3rd party อย่างกลุ่มวิจัยการวิเคราะห์ระดับนาโนขั้นสูงและความปลอดภัย (ANCS) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติพบว่า ตัว Purified XanthoneTM นี้มีคุณสมบัติในการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิว

ภาพ แสดงประสิทธิภาพในการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนของ Purified xanthoneTM ที่ความเข้มข้น 0.04% เทียบกับ Retinol 0.25% และสารควบคุม ในที่นี้เป็นตัวทำละลาย 0.5% DMSO (ที่มา ACNS)

ภาพ A จะเป็นการย้อมคอลลาเจนด้วยสีย้อม จะเห็นว่าการใช้ Purified xanthoneTM ในผิวหนังเพาะเลี้ยงจะมีปริมาณของคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งให้ผลดีกว่า Retinol อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนของภาพ B จะเป็นกราฟที่แสดงบริเวณ (พื้นที่ที่ติดสี) ของคอลลาเจนที่ประเมินด้วยเทคนิคการย้อมสีของเส้นใยคอลลาเจนในผิวหนังเพาะเลี้ยงของ Purified xanthoneTM ที่ความเข้มข้น 0.04% เทียบกับ Retinol 0.25% และสารควบคุม ในที่นี้เป็นตัวทำละลาย 0.5% DMSO

นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบว่า Purified xanthoneTM  มีประโยชน์ในการปกป้องคอลลาเจนไม่ให้ถูกทำลายโดยไปยับยั้งเอนไซม์ MMP-1 ที่เป็นตัวย่อยสลายคอลลาเจน และมีคุณสมบัติลดการอักเสบระคายเคือง โดยไปกดการสร้างสารก่อการอักเสบกลุ่ม IL-6, IL-8 และ TNF-alpha ซึ่งเป็นตัวตั้งต้นของกระบวนการอักเสบต่างๆ ภายในผิว

แค่สองตัวนี้ก็ปังแล้ว เราลองมาดูสารอื่นๆ ที่น่าสนใจกันนะคะ

สีชมพู จะเป็นสารสกัดจากพืช และสารบำรุงต่างๆ ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน

  • Allium cepa bulb extract ตัวนี้เป็นสารสกัดจากหัวหอม ทางแบรนด์เคลมว่านำเข้ามาจากญี่ปุ่น มีคุณสมบัติในแง่ของการดูแลปัญหาจุดด่างดำ ริ้วรอย และปกป้องผิวจากรังสี UV
  • Bakuchiol ตัวนี้เป็นสารพฤกษเคมีในกลุ่มของ Meroterpene ที่ได้จากพืชชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Psoralea corylifolia พืชนี้เป็นพืชเก่าแก่ มีใช้ทั้งในตำรับยาจีน และตำรับอายุรเวท มีการศึกษาหนึ่งเมื่อปี 2014 ศึกษาผลของ Bakuchiol เทียบกับ Retinol ทดสอบในผิวหนังจำลองที่เพาะเลี้ยงขึ้นมา พบว่า Bakuchiol ออกฤทธิ์คล้ายกับ Retinol ทั้งในแง่ของการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน เสริมการสังเคราะห์โปรตีนและยีนอีกหลายชนิดที่เกี่ยวกับความ Firm ของผิว และยังเสริมการสังเคราะห์ Aquaporin-3 ที่มีประโยชน์ในการกักเก็บน้ำของผิว ต่อมา ทางทีมวิจัยเอาไปทดลองในอาสาสมัคร โดยให้ทาที่บริเวณหางตาที่มีตีนกาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 12 อาทิตย์ พบว่า ตำรับที่มีส่วนผสมของ Bakuchiol มีประโยชน์ในการลดริ้วรอย เพิ่มความกระชับและความยืดหยุ่น รวมถึงปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอมากขึ้น (Chaudhuri and Bojanowski. Int J Cosmet Sci. 2014;36(3):221-30.) ต่อมามีการทดสอบในอาสาสมัครอีกครั้งในปี 2018 เทียบกับ Retinol พบว่าให้ผลในด้านของการลดเลือนริ้วรอย และปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอเช่นเดียวกัน แต่อาสาสมัครกลุ่มที่ใช้ Bakuchiol มีอาการข้างเคียงน้อยกว่า (Dhaliwal, et al. Br J Dermatol. 2019;180(2):289-296.)

สีเขียว สูตรผสมของ Propylene Glycol, Menthol, Methyl Diisopropyl Propionamide, Ethyl Menthane Carboxamide, Menthyl Lactate, Hydroxypropyl Cellulose และ Acrylates Copolymer มีชื่อทางการค้าว่า Hydrosal® FreshCool ซึ่งเป็นวัตถุดิบของทาง Salvona ประเทศอเมริกา มีลักษณะเป็นระบบนำส่งแบบแคปซูล (Encapsulated) ที่เก็บกักเอาสารให้ความเย็นในกลุ่ม Menthol และอนุพันธ์เอาไว้ เพื่อค่อยๆ ให้แตกตัวปลดปล่อยสารให้ความเย็นออกมาให้เรารู้สึกสดชื่นได้อย่างยาวนาน

หน้าตาของแคปซูลที่บรรจุเอา Menthol และอนุพันธ์ไว้ภายใน ให้ความรู้สึกเย็นช้าๆ ได้อย่างยาวนาน (Image from Salvona Encapsulation Technologies)

ภาพนี้เป็นการเปรียบเทียบความรู้สึกเย็นจากการใช้ Hydrosal FreshCool เทียบกับ Menthol เปล่าๆ จะเห็นว่าให้ความเย็นได้ยาวนานกว่า (Image from Salvona Encapsulation Technologies)

สีส้ม: วิตามินอี คู่กับวิตามินซี ซึ่งใช้รูปแบบ Caprylyl 2-Glyceryl Ascorbate ซึ่งเป็นวัตถุดิบวิตามินซีที่น่าสนใจจากทาง Seiwa Kasei ประเทศญี่ปุ่น ที่ดัดแปลงโครงสร้างเอาวิตามินซีมาจับกับ Glycerin และเติมหมู่ไขมัน Caprylic acid ลงไปอีก 1 เสต็ป เพื่อเสริมความคงตัวให้น้อง สำหรับตัววิตามินซีเอง ก็มีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเป็น Antioxidant, Whitening และการดูแลเรื่องการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิว

นอกจากนี้แล้วยังมีสารไขมันทดแทนให้แก่ผิว (แทนด้วยสีฟ้า) มี Sodium hyaluronate ที่ดูแลเรื่องความชุ่มชื้นผ่านการเติมน้ำให้ผิว และยังมีสารสกัดจากพืชและสารธรรมชาติอีกหลากหลายชนิดที่ดูแลผิวได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นด้านของ

  • ผิวแข็งแรง
  • Whitening
  • Firming/anti-aging
  • ดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว

สำหรับเรื่องการใช้งาน ส่วนตัวมองว่าเนื้อครีมแม้จะดูข้น แต่ว่าพอได้ทดลองจริงแล้วก็พบว่าเกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ไม่เหนอะหนะหนักผิว ซึมไว/แห้งไว ไม่เหนอะหนะ แล้วก็ออกแบบมาได้คำนึงถึงคนใช้งาน คือ ไม่ได้เลอะหมอน แต่ส่วนตัวจะใช้วิธีทาแล้วทำอะไรอีกสักพักก่อนลงไปนอน ไม่ได้ทาแล้วขึ้นเตียงเลย ก็ถือว่าเขาทำมาได้ดีมาก

ในด้านของความรู้สึกหลังใช้ คิดว่า ถ้าเป็นเรื่องความชุ่มชื้นนี่ตอบโจทย์ค่อนข้างมาก แต่ถ้าเรื่องของ Whitening และริ้วรอย ตอนช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหาเหล่านี้มากนัก ประกอบกับระยะเวลาที่ใช้ยังค่อนข้างสั้น เลยยังฟันธงไม่ได้ แต่ก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในทางดีค่ะ

สำหรับสินค้าตัวนี้ ทางเพจก็ขอขอบคุณทางแบรนด์ One Of ที่เลือกให้เป็น 1 ในกลุ่มสุด Exclusive กลุ่มแรกๆ ที่ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ที่คัดเลือกเอานวัตกรรมจาก 2 สถาบันชั้นนำของชาติมารวมกัน และเสริมเข้ามาด้วยส่วนผสมอีกหลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อดูแลผิวเราได้อย่างลงตัว

สำหรับผู้ที่สนใจ ผลิตภัณฑ์นี้จะเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 29 ก.ค. 66 นี้ และมีเปิดรับ Pre-order ตั้งแต่ช่วง 27 ก.ค. นี้ค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: https://web.facebook.com/OneOfthailand

Instagram: https://www.instagram.com/oneof_th/

TikTok: https://www.tiktok.com/@oneof_th

Website: https://oneof-th.com/

Line@: https://linktr.ee/oneof_th

Line ID: @OneOf-th

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ One Of การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม] ครีมกันแดดผสมสารสกัดจากถั่วเกาหลี KA UV Superbloc Fluid protector SPF50+ PA+++

สวัสดีค่ะ วันนี้มีรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมครีมกันแดดรูปแบบซองที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ

เป็นกันแดดน้องใหม่จาก KA แบรนด์ไทยที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน มีชื่อว่า KA UV Superbloc Fluid Protector มีค่า SPF 50+ และค่า PA+++

มีหน้าตาเป็นดังนี้นะคะ

สำหรับกันแดดชิ้นนี้จุดเด่นคงหนีไม่พ้นความบางเบาของเนื้อ คุณสมบัติในการกันน้ำ กันเหงื่อ คุมมัน และส่วนผสมของสารบำรุงที่น่าสนใจ ซึ่งจะได้กล่าวอีกทีในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมค่ะ

เนื้อของตัวกันแดดจะเป็นเนื้อคล้ายโลชั่น มีความหนืดปานกลาง มีกลิ่นเฟรช ออกแนวส้มอ่อนๆ

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย แห้งไว เมื่อทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที ให้ความรู้สึกที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่เงาวาว ไม่เทา ไม่เป็นปื้น

เมื่อฉายแสงแฟลชส่องดูจะเห็นว่าไม่ได้วาวมากนัก และแทบจะไม่ติด undertone เทาเลย แม้ว่าจะมีส่วนผสมของ Physical sunscreen ซึ่งบางคนอาจจะกังวลว่าทาแล้วจะติด undertone เทา

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

วันนี้แบ่งส่วนผสมไว้เป็น 4 สีนะคะ

ขอเริ่มที่สีฟ้า ซึ่งเป็นสารกันแดด เป็นชนิดผสม มีทั้ง Chemical และ Physical sunscreen ที่กันแดดได้ครอบคลุม และดูมีความคงตัวดี

  • Ethylhexyl methoxycinnamate เป็น Chemical sunscreen ที่เด่นไปในทางการป้องกันรังสี UVB
  • Ethylhexyl salicylate เป็น Chemical sunscreen ที่เด่นไปในทางการป้องกันรังสี UVB
  • 4-methylbenzylidene camphor เป็น Chemical sunscreen ที่เด่นไปในทางการป้องกันรังสี UVB
  • Zinc oxide และ Titanium dioxide เป็น Physical sunscreen ที่ปกติจะป้องกันรังสี UV ได้ครอบคลุม

ถัดมาจะเป็นกลุ่มของสารบำรุงที่แทนด้วยสีม่วง ซึ่งประกอบด้วยสารสกัดจากพืช 3 ชนิด ภายใต้ Combination ระหว่าง Butylene Glycol (and) Water (and) Phaseolus radiatus Seed Extract (and) Betula platyphylla Japonica Bark Extract (and) Rumex crispus Root Extract ชุดนี้เป็นวัตถุดิบนำเข้าจากประเทศเกาหลี หรือที่ทางแบรนด์ชูในส่วนของมังบีน พืชสมุนไพรเกาหลี เป็นเกราะผิวจากธรรมชาติ ที่ช่วยต้านผิวเครียดจากยูวี

Combination นี้เด่นไปที่การดูแลปัญหาด้านการอักเสบระคายเคือง อาการไม่สบายผิวที่เกิดจากมลภาวะ และสารก่อการระคายเคืองต่างๆ ที่พบได้ทั่วไป

พืชทั้ง 3 ตัวนี้จริงๆ แต่ละตัวก็มีประโยชน์ และมีจุดเด่นของมันเองอยู่แล้ว แต่พอเอามาใช้ร่วมกันพบว่าให้ประโยชน์ในการเสริมฤทธิ์การลดการอักเสบระคายเคืองที่ดีขึ้น และทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบในอาสาสมัคร พบว่าเมื่อให้อาสาสมัครใช้ตำรับที่มีสารดังกล่าว ก่อนไปสัมผัสสารก่อระคายเคือง พบว่าอาการต่างๆ ของการระคายเคืองนั้นลดลง

ขอแยกกล่าวประโยชน์ของสารสกัดพืชทีละตัวนะคะ

  • Phaseolus radiatus seed extract สารสกัดจากถั่ว Mung bean สายพันธุ์ของทางเกาหลี มีประโยชน์ในเชิงของการดูแลเรื่องการลดการอักเสบระคายเคือง ผ่านกระบวนการต่อต้านสารก่อการแพ้ตัวแม่อย่าง Histamine (ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบ)
  • Betula platyphylla var. Japonica เป็นสารสกัดจากพืชในกลุ่ม Birch ที่ใช้กันทั่วไปในวงการเครื่องสำอาง สายพันธุ์นี้มีชื่อเรียกว่า Asian White Birch เป็นพืชที่มีการใช้ในตำรับยาโบราณเกี่ยวกับอาการอักเสบหลายรูปแบบ รวมทั้งอาการอักเสบทางผิวหนังชนิด Atopic (J Ethnopharmacol. 2008; 116(2):270-8.) ซึ่งลำพังตัวน้องเองก็เด่นในด้านของการดูแลเรื่องการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) โดยมีกลไกที่น่าสนใจคือ น้องสามารถไปป้องกันไม่ให้สารก่อระคายเคืองกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันแล้วปลดปล่อยเอาสารก่อการแพ้ การอักเสบต่างๆ ออกมา รวมถึงไปยับยั้งไม่ให้เอนไซม์ Caspase-1 ทำงาน เอนไซม์นี้ทำหน้าที่ไปเปลี่ยน pro-IL-1b ที่อยู่ในรูปแบบตั้งต้น ให้กลายเป็น IL-1b ที่ไปทำให้เกิดกระบวนการอักเสบต่างๆ ต่อ

ประมาณภาพนี้

พอน้องไปยับยั้ง Caspase-1 ก็จะไม่เกิด IL-1b อาการระคายเคืองต่างๆ ก็ไม่เกิด

ความพิเศษอีกอย่าง คือ น้องยังมีคุณสมบัติปกป้องผิวเราจากรังสี UV (Photoprotective) โดยไปช่วยปกป้อง Fibroblast และ Keratinocyte ไม่ให้ถูกทำลายจากรังสี UV ซึ่งเรียกได้ว่าเหมาะกับการใช้ในผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด (ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบ)

  • Rumex crispus root extract ตัวนี้นอกจากประโยชน์ในด้านของการดูแลการระคายเคืองแล้ว น้องยังช่วยปกป้องพวกอิลาสติน กับ ไฮยาลูรอนของเราไม่ให้ถูกทำลายจากเอนไซม์ Elastase และ Hyaluronidase (ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบ)

สีเขียวมะกอก เป็นน้ำมันธรรมชาติจากทานตะวัน และ สีเขียวเป็นวิตามินอี ซึ่งเป็น Antioxidant ที่ละลายได้ในน้ำมัน

จุดเด่นอีกอย่างของตำรับนี้ คือ ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่มีเหงื่อมาก เพราะว่าในตำรับมีการใช้ส่วนผสมของสารก่อฟิล์มที่เคลือบปกป้องผิวในกลุ่มของ Fluorosilicone ซึ่งกันน้ำ กันเหงื่อ และกันน้ำมันได้ดี ทั้งยังให้ความรู้สึกไม่เหนียวเหนอะหนะ สำหรับส่วนผสมอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเลือกมาอย่างดี และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันนะคะ

  1. สารกันแดดและสารบำรุง ในแง่ของสารกันแดด เป็นรูปแบบผสมกายภาพ-เคมี กันแดดได้ครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB สำหรับสารบำรุงที่เสริมมานั้น เน้นไปที่การปกป้องผิวจากการอักเสบระคายเคือง และดูแลผิวจากรังสี UV จึงขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีจุดที่ให้หักคะแนน ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ถึงแม้ว่าส่วนตัวจะมีสภาพผิวผสมค่อนไปทางแห้ง แต่ก็สามารถใช้ครีมกันแดดนี้ได้โดยไม่แห้งเกินไป และไม่เยิ้มเกินไป จะมีก็ในบางวันถ้าทาบำรุงที่ชุ่มชื้นไม่พอ อาจจะรู้สึกแห้งตึงบริเวณแก้มได้ ซึ่งก็แก้ปัญหาได้ด้วยการใช้สเปรย์ Mist ในด้านของการปกป้องจากแดด ส่วนตัวได้ทดลองใช้แล้วได้ออกแดดบ้างในช่วงเวลาเที่ยง ก็พบว่าไม่ได้เจอปัญหาผิวแดงง่าย หรือระคายเคืองอะไร ขอให้ไป 4 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ KA ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ KA โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: https://www.facebook.com/KAThailandOfficial

ราคา ซองละ 39 บาท/10 มล.

สถานที่จำหน่าย ร้านเครื่องสำอางทั่วไป, CJ และ ร้านค้า Official บน Shopee และ Lazada

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ KA การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มสายคลีน จากแบรนด์ Her Hyness กับ Royal Hya Skin Strengthening shot ampoule

วันนี้มี่จะมาแนะนำผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Her Hyness ที่เชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะผ่านตามาบ้างตอนไปเดินเล่นในร้านวัตสัน

แบรนด์ Her Hyness เป็นแบรนด์เครื่องสำอางสายคลีน ที่มาในคอนเซปท์ว่า “เราอยากให้ผู้หญิงทุกคนมีผิวที่สวยที่สุด โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ” ซึ่งในจุดนี้ทางแบรนด์เองก็ได้พัฒนาตำรับและเลือกส่วนผสมมาเป็นอย่างดี ใส่ใจต่อสุขภาพผิว พยายามหลีกเลี่ยงส่วนผสม 14 ชนิดที่หลายๆ คนกังวล และที่สำคัญก็ยังผ่านการทดสอบทางผิวหนังแล้วค่ะ

โดยผลิตภัณฑ์ที่หยิบมารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมจะเป็นตัว Royal Hya Skin Strengthening Shot Ampoule ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างถูกใจเซรั่มตัวนี้นะคะ อย่างแรกเลยคือด้านของส่วนผสม นางจัดมาเต็มมาก ทั้งกลุ่มของสารเติมน้ำ และสารไขมันทดแทน รวมถึงสารบำรุงอื่นๆ เรียกได้ว่าหลอดเดียวดูแลได้ครบเลย ส่วนเรื่องเนื้อสัมผัสของเซรั่มส่วนตัวว่ากำลังดีสำหรับสภาพผิวแห้งของตัวเอง และความรู้สึกหลังใช้เองก็รู้สึกว่า Feeling เขาทำมาได้ค่อนข้างดี เราจะรู้สึกนุ่มเรียบ (Smooth)  

ผลิตภัณฑ์นี้มีหน้าตาประมาณนี้นะคะ ตัวแพคเกจมาในรูปลักษณ์ที่สวยงาม ตัวภาชนะบรรจุเป็นระบบปิด ป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอก

เนื้อของผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบครีมเจล อารมณ์แบบกึ่งๆ เจล กึ่งๆ ครีม ไม่มีกลิ่นเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยง่าย ค่อนข้างชุ่มชื้น สัมผัสหลังใช้ใหม่ๆ จะหนึบๆ แต่พอผ่านไปสักพัก ผิวจะนุ่มมากๆ

มาดูส่วนผสมและจุดเด่นของผลิตภัณฑ์กันดีกว่านะคะ

ส่วนผสมของสารบำรุงในวันนี้มี่ทำไว้หลายสีหน่อยนะคะ

  • สีชมพู Royal jelly หรือ นมผึ้ง ที่ประกอบด้วยสารเคมีจากธรรมชาติหลายชนิด มีบทความที่รวบรวมสารองค์ประกอบใน Royal jelly กล่าวว่า ใน Royal jelly ประกอบด้วยโปรตีน เปปไทด์ในกลุ่ม jelleines วิตามินกลุ่มวิตามินบี สารกลุ่ม Carbohydrates และกรดไขมันหลายชนิด โดยชนิดที่เป็นตัวเด่นคือ 10-hydroxy-2-decenoic acid หรือ 10H2DA ซึ่งมีฤทธิ์ทางชีวภาพมากมาย รวมถึวการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ มีสารในกลุ่ม Sterol ที่ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง และ Flavonoid ที่เป็น Antioxidant หลายชนิด มีตัวหลักเป็น Chrysin ที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบระคายเคือง ฟื้นฟูและปรับสภาพผิว (Molecules. 2020; 25(3): 556.) มีการทำ 10H2DA ขึ้นมาในระดับห้องปฏิบัติการก่อนเอาไปทดสอบฤทธิ์ในระดับหลอดทดลอง และอาสาสมัคร โดยพบว่าสารนี้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟู Barrier ผิว เสริมความแข็งแรงให้แก่ชั้นผิว ลดการระเหยน้ำผ่านผิว จึงเป็นการช่วยผิวเก็บน้ำทางอ้อม การออกฤทธิ์นี้ผ่านการเสริมการสังเคราะห์โปรตีนและองค์ประกอบที่เป็น Marker หลายชนิด เช่น Involucrin ที่เป็นตัวสำคัญตัวหนึ่งให้ผิวชั้นขี้ไคลมีความแข็งแรง (Eur J Dermatol. 2011;21(6):906-15.) สำหรับนมผึ้งนี้ทางแบรนด์เคลมว่า ได้มาจากผึ้งสายพันธุ์ Swiss black bee จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความแข็งแรงมากที่สุด จึงคาดว่าจะให้ประโยชน์ในการบำรุงผิวมากที่สุด
  • สีบานเย็น เป็นกลุ่มของ Hyaluronic หลากหลายชนิด หลากหลายขนาด ที่เสริมกันในการปกป้องและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ชั้นผิวในหลายๆ ระดับความลึก ดังภาพ

(Image from Her Hyness)

คือ ผิวเรามันก็เหมือนกำแพงอิฐ บางทีไฮยาใหญ่ๆ มันลงไปไม่ได้ เพราะปูนที่ฉาบอิฐไว้มันแน่น มันก็จะได้แค่เติมน้ำบนๆ หลอกเราว่าผิวนุ่มชุ่มน้ำแล้วหละ แต่การใช้ไฮยาหลายขนาดใหญ่เล็ก รวมถึงอนุพันธ์ต่างๆ มันก็จะกระจายไปตามแนวกำแพงอิฐ ช่วยๆ กันจับน้ำให้ผิวเรานุ่ม และชุ่มชื้นในหลายๆ ระดับของผิว

มีอนุพันธ์ของ Hyaluron ตัวหนึ่งที่น่าสนใจ คือ Sodium linolenoyl hyaluronate ซึ่งเข้าใจว่าบนฉลากจะแยกเขียนเป็น Sodium hyaluronate กับ Linolenic acid เจ้า Sodium linolenoyl hyaluronate ตัวนี้ เอาประโยชน์ของ Linolenic acid กับ Hyaluronate มารวมกัน แต่กลายเป็นว่ารวมกันแล้วได้อะไรมากกว่านั้น อารมณ์แบบ 1 + 1 > 2 น้องมีประโยชน์ทั้งในด้านของ Whitening ด้านความชุ่มชื้น และ เพิ่มการสังเคราะห์ Hyaluronic acid ตามธรรมชาติของผิว

  • สีน้ำเงิน ส่วนผสมของ Ceramide NP, Ceramide AP, Ceramide EOP, Phytosphingosine, Cholesterol ในเบสผสมของ Sodium Lauroyl Lactylate, Carbomer, Xanthan Gum เป็นวัตถุดิบสูตรผสมของไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิวรวมกัน โดยเน้นไปที่ Ceramides เป็นหลัก เสริมมาด้วย Cholesterol เพื่อเสริมการฟื้นฟู Barrier ผิวตามธรรมชาติ ให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวจากอันตรายภายนอก และป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว

อย่างที่ส่วนตัวจะชอบพูดเสมอว่า ผิวเรามีทั้งน้ำ และ น้ำมัน ซึ่งน้ำมันก็จะแบ่งเป็นน้ำมันบนผิว กับน้ำมันในผิว น้ำมันบนผิวก็คือ Sebum ที่สร้างออกมาจากต่อมไขมัน ช่วยเคลือบผิวไว้ชั้นหนึ่ง คนผิวแห้งมักจะมี Sebum น้อย น้ำเลยระเหยออกจากผิวได้ง่าย ก็เลยแห้ง ใน Sebum มี Squalene สควาลีน เป็นไขมันที่สำคัญ แต่ว่าทางเครื่องสำอางเราเอา สควาลีน มาใช้เลยไม่ได้เพราะมันไม่คงตัว เลยต้องดัดแปลงเป็น Squalane หรือ สควาเลน เพราะคงตัวกว่า สควาเลนก็เคลือบปกป้องผิวด้านนอกไป ส่วนไขมันในผิวก็เป็นพวก Barrier ผิว ตามที่ได้บอกในด้านบนนั่นเอง

และจากการที่ผิวเรามีทั้งน้ำและน้ำมัน การบำรุงที่ดี ก็ควรจะคืนทั้งน้ำและน้ำมันให้กับผิวไปพร้อมๆ กัน เพราะเวลาเราล้างทำความสะอาดหน้า พวก Cleansing มันเลือกไม่ได้หรอก ว่าจะเอาออกเฉพาะสารใดสารหนึ่ง มันก็ชะออกไปหมดนั่นแหละ การทดแทนด้วยการทาภายนอกเลยเป็นวิธีที่ง่ายในการดูแลผิวหลังล้าง

  • สีม่วง Hydrolyzed Rhodophyceae extract เป็นสารสกัดจากสาหร่ายสีแดงชนิดหนึ่งที่ผ่านกรรมวิธี สารตัวนี้ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่ามีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากมลภาวะ และยังควบคุมความมันที่เกิดจากต่อมไขมันขับ Sebum ออกมามากเกินไปเมื่อถูกกระตุ้นด้วยมลภาวะ
  • สีพีช ประกอบด้วยสารสกัดจากถั่วเหลือง ซึ่งมีประโยชน์หลายประการขึ้นกับกรรมวิธีการเตรียม และสารอีกชนิด คือ Methylsilanol mannuronate ตัวนี้เป็นสารบำรุงตัวหนึ่งที่น่าสนใจ เลยจะขอเล่าให้ฟังเล็กน้อยนะคะ

เขาว่ากันว่าในผิวเราจะมีแร่ธาตุ Silicon ที่อยู่ในรูปแบบของ Silicium ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยยึดเกาะและเชื่อมเอาเส้นใยโปรตีนต่างๆ ในผิวไว้ด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในด้านความยืดหยุ่น กระชับ และการทำงานตามปกติของผิว

(Image from Exsymol S.A.M.)

ทีนี้เขาก็พบว่าเวลาคนเราอายุเพิ่มขึ้น เจ้า Organic silicium นี้ก็จะมีปริมาณลดลง ทางบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบเขาก็เลยสังเคราะห์สารกลุ่ม Silanol เพื่อหวังจะเอามาทดแทน Organic silicium ที่มันลดลงตามวัย แล้วนางก็ทำได้ค่ะ

นางทดสอบในระดับหลอดทดลอง พบว่าสารนี้มีประโยชน์ที่ดีในการเสริมการทำงานของผิว มีประโยชน์ในด้านของการกระชับ ยืดหยุ่น ต่อต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านกระบวนการ Glycation ที่เป็นการชรารูปแบบหนึ่งเกิดจากน้ำตาลไปเกาะกับโปรตีนแล้วทำให้โปรตีนเสื่อมสภาพไป การทดสอบในอาสาสมัครพบว่า สารนี้มีประโยชน์ในด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย แล้วก็บำรุงผิวให้แลดูกระชับ รู้สึกยืดหยุ่น

  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของการเติมน้ำให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น
  • สีเขียวมะกอก Squalane เป็นไขมันที่เป็นอนุพันธ์ของ Squalene ที่สร้างออกมาจากต่อมไขมัน ทำหน้าที่เคลือบปกป้องผิว ลดการระเหยน้ำออกจากผิว เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น ต่อมไขมันก็จะทำงานลดลง เลยส่งผลให้ผิวแห้งมากขึ้น การเสริมด้วย Moisturizer ก็เป็นทางหนึ่งที่ดูแลได้ ซึ่งตัว Squalane นี้ทางแบรนด์เคลมว่า เป็นเกรด Organic ที่แยกได้จากชานอ้อย
  • สีเขียวสด น้ำทะเล โปรวิตามินบี 5 (Panthenol) และ Dipotassium glycyrrhizate มีประโยชน์ในการให้ความรู้สึกสบายผิว ลดการระคายเคือง พร้อมกับสารอีกตัว คือ Hydroxyacetophenone ตัวนี้มีคุณสมบัติหลายประการ ทั้งปกป้องสารในตำรับ และมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวในเชิง Antioxidant และการดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง

ในภาพรวม Ampoule ตัวนี้มีสารบำรุงอยู่หลายชนิด ที่ให้ประโยชน์ในการดูแลผิวหลายประการ ดูแลผิวแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการฟื้นฟู Barrier ผิว เติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ดูแลเรื่องปัญหาการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะ ชะลอวัย ปกป้อง และลดเลือนริ้วรอย

ในแง่ของส่วนผสมอื่นๆ ทางแบรนด์ก็เลือกมาได้ดีเช่นกัน เพราะไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย

ให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไปในด้านบนว่าใน Ampoule นี้มีสารบำรุงอยู่ครบถ้วน ให้ประโยชน์ต่อผิวหลายประการ จึงขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบความรู้สึกของ Ampoule เมื่อเนื้อมันเริ่มแห้ง ผิวเราจะรู้สึกนุ่ม เรียบ โดยไม่เหนอะหนะหนักผิว ส่วนตัวมองว่าเนื้อโอเคมากสำหรับคนผิวแห้งในฤดูร้อนแบบนี้ คือ จะปกป้องผิวไม่ให้แห้งกร้าน แต่ก็ไม่แห้งตึงจนเกินไป และไม่หนักผิวจนเกินไป ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ ให้ไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Her Hyness มากนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้รู้จักและทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook (Her Hyness)

IG @herhynessbeauty

Line @herhyness

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Her Hyness การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม The Labatorian Agness เซรั่มบำรุงผิวเพื่อดูแลปัญหาสิวสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย เซรั่มดีงามจากความใส่ใจของแบรนด์

สวัสดีค่ะ วันนี้มี่มีรีวิว/วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เซรั่มที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ

น้องเป็นเซรั่มบำรุงผิวเพื่อดูแลปัญหาสิว และปัญหากวนใจอื่นๆ ได้พร้อมกัน เรียกได้ว่า ดูแลครบ จบหมดทุกปัญหา สมชื่อของน้อง ที่บอกว่าเป็น The All-rounded solution เลยหละ

น้องมีชื่อว่า Agness จาก The Labatorian ค่ะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

ภาชนะบรรจุเป็นขวดปั๊มที่ปิดสนิท (Close system)

เนื้อเซรั่มเป็นเจลใส ความหนืดปานกลาง ไม่มีกลิ่น เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยง่าย ลื่น มีสัมผัสของฟิล์มนุ่มลื่นที่ให้ความชุ่มชื้น และความรู้สึกเย็นสบายผิวไปพร้อมๆ กัน เมื่อน้องแห้งไปเราจะรู้สึกเรียบ ตึง และกระชับ แต่ไม่ถึงกับแห้งจนไม่สบายผิว

ก่อนจะไปวิเคราะห์ส่วนผสม อยากเล่าจุดเด่นทั้ง 7 ประการของเซรั่มตัวนี้ก่อนนะคะ

  1. ปรับสมดุลการสร้างน้ำมัน Sebum และให้รูขุมขนแลดูกระชับ
  2. ดูแลปัญหาสิว
  3. Antioxidant และ ลดการอักเสบระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว จุดนี้มีประโยชน์ในด้านการดูแลรอยแดงจากสิว
  4. ฟื้นฟู Barrier ผิว
  5. ลดการอุดตัน
  6. ปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ดูแลปัญหารอยดำจากสิว
  7. เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวดูนุ่มนวล

ซึ่งส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาสิวมาสักพักแล้ว จึงขอวิเคราะห์/วิจารณ์ส่วนผสม ตามหลักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางนะคะ สำหรับส่วนผสม ถือว่าค่อนข้างจัดหนักจัดเต็มอยู่ค่ะ เป็นดังภาพค่ะ

ในส่วนผสมวันนี้มี่ทำไว้หลายสีอยู่นะคะ

เนื่องจากเป็นเซรั่มที่ดูแลปัญหาสิว และปรับสภาพผิวที่เป็นสิวง่ายให้แข็งแรงขึ้น เลยจะขอเริ่มวิเคราะห์ส่วนผสมของกลุ่มที่มีประโยชน์ในด้านสิวก่อนนะคะ

  • กลุ่มของสีฟ้าสดใส ได้แก่ สารสกัดจากเห็ด Fomes, สารสกัดจากเปลือกต้น Willow, และ Oleanolic acid พวกนี้จะมีประโยชน์เด่นในการดูแลสิว โดยจะขอกล่าวทีละตัวแบบย่อนะคะ
  • สารสกัดจากเห็ด Fomes officinalis สารสกัดจากเห็ดนี้ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์หลายชนิด จุดเด่นคือคุณสมบัติที่เรียกว่า Astringent มีความหมายในเชิงการกระชับรูขุมขน ทางผู้ผลิตวัตถุดิบได้ทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดเห็ด Fomes ในการกระชับรูขุมขนของหน้าผากอาสาสมัครพบว่ากระชับรูขุมขนได้ดี

(Image from BASF Personal care)

  • สูตรผสมของ Nordihydroguairetic acid กับ Oleanolic acid ในเบสจำเพาะ สูตรผสมชุดนี้ทางผู้ผลิตเคลมว่าเป็นสูตรผสมของสารบำรุงหลายชนิด ในเบสที่เป็น Osmogel ซึ่งจะสามารถยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ และอาศันประโยชน์ในการควบคุมการสร้างน้ำมัน หรือ Sebum ผ่านการยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase เอนไซม์ตัวนี้เปลี่ยนฮอร์โมน Testosterone เป็น Dihydrotestosterone ที่ทำให้การสร้างน้ำมันของต่อมไขมันมากขึ้นเกิดเป็นสภาพผิวมัน และเสี่ยงต่อการเกิดสิว สำหรับอีกตัวคือ Nordihydroguaiaretic acid ตัวนี้เป็น Antioxidant ที่ดี และมีคุณสมบัติในการปรับสมดุลการแบ่งตัวของผิว และลด/ป้องกันการอุดตันในรูขุมขน
  • Salix alba extract คือ สารสกัดจากเปลือกต้น Willow ประกอบด้วย Salicylic acid จากธรรมชาติ มีประโยชน์ในเชิงการลดการอุดตัน และ ลดการอักเสบระคายเคือง

  • กลุ่มของสารสีส้ม จะเป็นสารที่เด่นในด้านของการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว โดยจะขอเล่าถึง Ectoin และ สูตรผสมของสารสกัดจากถั่วเขียวกับข้าวโอ๊ต (Phaseolus Radiatus Seed Extract และ Avena Sativa (Oat) Meal Extract)
    • Ectoin เป็นสารที่ได้จากแบคทีเรียบางชนิด นางมีคุณสมบัติช่วยปกป้องตัวแบคทีเรียไม่ให้ตายเพราะสิ่งแวดล้อมที่อันตราย เช่น ความแห้ง อุณหภูมิที่สูงมากๆ โดยสารนี้มีการนำเอามาใช้ทางเครื่องสำอางเพื่อประโยชน์ในด้านของการดูแลปัญหาการอักเสบระคายเคือง และนอกจากนี้ Ectoine เองยังมีรายงานกล่าวว่า Ectioneมีคุณสมบัติกดการเกิดอนุมูลอิสระเพราะรังสี UVA และไปยับยั้งไม่ให้ฮอร์โมน α-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ทำงาน จึงไม่เกิดการสังเคราะห์เม็ดสี ผลคือ ปกป้องผิวไม่ให้เกิดความคล้ำ (Antioxidants (Basel). 2020 Jan; 9(1): 63.) ซึ่งกรณีนี้ก็น่าจะให้ประโยชน์ด้านรอยดำที่เกิดจากการอักเสบ หรือ PIH (Post-inflammatory hyperpigmentation) ไปได้พร้อมๆ กัน
    • สูตรผสมของสารสกัดจากถั่วเขียว และ ข้าวโอ๊ต ในเบสที่เหมาะสม ทางผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง ป้องกันการเกิดการแพ้สารองค์ประกอบในตำรับ และยังช่วยเสริมการแบ่งตัวของ Fibroblast ให้ประโยชน์ในด้านของการชะลอวัย สำหรับในด้านของสิว ส่วนตัวมองว่าการเสริมการทำงานของ Fibroblast น่าจะมีประโยชน์ในการเสริมการสมานแผลให้หายไวขึ้น
  • สารสีเขียว เป็นกลุ่มของพวกสารเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านกระบวนการเติมน้ำให้ผิว หรือ เรียกว่า Humectant ได้แก่ กลุ่มของ Hyaluron ทั้งหมด 4 ชนิด มีประโยชน์ในการเติมน้ำเสริมความชุ่มชื้นในหลายๆ ระดับชั้นผิว ร่วมกับพวก Trehalose และอื่นๆ
  • สีฟ้าอ่อนพาสเทล เป็นกลุ่มของไขมันที่ดูแลและฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง ซึ่งจะว่าไป ผิวของคนที่เป็นสิวเนี่ย ผ่านยามาหลายๆ ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดเองก็ระคายเคือง และก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่ผิวได้ทั้งนั้น ดังนั้นการเสริม Barrier ผิวให้แข็งแรง ก็จะช่วยลดการระคายเคือง และบ้างก็กล่าวว่า ถ้า Barrier แข็งแรง เจ้าจุลินทรีย์ Staphylococcus aureus ที่เป็นตัวก่อหนอง ก็จะเข้าไปโตได้ยากขึ้น
  • สีเขียวอ่อน Tranexamic acid เป็น Whitening ตัวหนึ่งที่ดูแลปัญหาด้านจุดด่างดำได้ค่อนข้างดี มีรายงานว่าสารนี้มีคุณสมบัติไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ต้นตอ คือ ไปยับยั้งสาร Plasmin ที่จะไปกระตุ้นฮอร์โมน α-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ที่เป็นคุณแม่ของ Tyrosinase อีกที กล่าวง่ายๆ ว่า Tranexamic acid ไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ขั้นตอนแรกๆ เลยก็ว่าได้ (J Am AcadDermatol 2011;October:699-714.)
  • สีม่วง เป็นสารบำรุงอื่นๆ ที่ล้วนมีประโยชน์กับผิวที่มีปัญหาสิว และผิวที่มีแนวโน้มเกิดสิวได้ง่าย

ในภาพรวม คือ น้องจัดเต็มมาก ดูแลปัญหาสิว และผิวที่มีแนวโน้มเกิดสิวได้ง่ายได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ

ไม่มีส่วนผสมที่สุ่มเสี่ยงต่อการอุดตัน และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

คะแนนวันนี้ขอแบ่งเป็น 2 หมวดนะคะ คือ ด้านสารบำรุง และ ส่วนผสมอื่นๆ

  1. สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไปในด้านบน คือ น้องจัดเต็มมาด้วยสารที่ดูแลครบจบทุกปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็น การปรับสมดุลการสร้างน้ำมัน หรือ Sebum จากต่อมไขมันในรูขุมขน การปรับสมดุลการแบ่งตัวของผิวในรูขุมขน ลดการอักเสบระคายเคือง ดูแลควบคุมจุลินทรีย์ที่อาจจะก่อให้เกิดสิว ดูแล/ป้องกันปัญหารอยแดง รอยดำ รอยแผลเป็น คือ ครบมากเวอร์ เอาไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ น้องมาในเบสที่เป็นน้ำ (Water-based) ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันที่สุ่มเสี่ยงต่อการอุดตัน ถึงแม้จะมีน้ำมัน แต่ก็จะเป็นน้ำมันที่เป็นส่วนประกอบในส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งจุดนี้มันก็ไม่ได้มีระดับที่เยอะจนน่าวิตก สุดท้ายคือปราศจากสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ The labatorian ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้รู้จัก และขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะ ที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

IG : the_labatorian

Line official : @labatorian

Facebook : Labatorian

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ The labatorian การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Essence toner สุดเลอค่าด้วยส่วนผสมชั้นนำจากแบรนด์ Klairé กับ Balance Essene Toner

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่เอารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของ Essence toner เก๋ๆ จากแบรนด์ Klairé เจ้าเก่าของเรามาฝากกันค่ะ

น้องเป็นตัวที่ทางแบรนด์พึ่ง Launch ออกมาเมื่อไม่นานมานี้เอง จัดเต็มมาด้วยส่วนผสมบำรุงผิวหลายชนิด และอีกประเด็นหนึ่งที่เป็น Talk of the town มากในช่วงนี้เลย เชื่อว่าหลายๆท่านน่าจะเคยได้ยินสารที่มีชื่อว่า Ectoin แล้วนะคะ 

จุดเด่นของน้อง คือ น้องมี Ectoin ในระดับความเข้มข้นที่มีงานวิจัยรับรองว่ามีผลประโยชน์ในการบำรุงผิวเลยหละ

ว่าแล้วก็ขออวดโฉมของน้องก่อน

สำหรับ Line Balance Essene Toner ตัวนี้ น้องจะมาในคอนเซปท์การดูแลผิว 3 ประการ คือ Pore minimizing, moisturizing และ Protection

ตัวบรรจุภัณฑ์จะเป็นแบบขวดปั๊มนะคะ ซึ่งส่วนตัวจะชอบปั๊มใส่มือแล้ววอร์มและลูบไล้ให้ทั่วใบหน้ามากกว่าใช้กับสำลีค่อยๆ Tap บนผิวค่ะ

เนื้อจะออกมาในรูปแบบของน้ำใส หรือ Solution ที่เป็นของเหลวใส และเนื่องจากน้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เราเลยจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่ค่ะ

เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสนุ่มนวล ตัวเนื้อมันจะออก Rich มีความชุ่มฉ่ำอยู่ หลังเกลี่ยแล้วจะรู้สึกสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างแน่น มี่ทำสีไว้อยู่ 6 สี นะคะ

เราจะขอเริ่มที่พระเอกของ Essence toner ตัวนี้เลย

สีชมพู Ectoin สารตัวนี้เป็นสารที่พบได้ในธรรมชาติ สร้างโดยแบคทีเรียหลายๆ สายพันธุ์ ทำหน้าที่เป็น Osmolyte ช่วยปกป้องเซลล์ของแบคทีเรียให้อยู่ได้ในสภาวะที่รุนแรง หรือ Extreme condition เช่น ในน้ำทะเลที่มีความเข้มข้นของเกลือสูง ในน้ำพุร้อน เราเรียกสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในสภาวะรุนแรงแบบนี้ว่า Extremophile มันก็เลยมีแนวคิดที่ว่า เอ้อ เจ้า Ectoin นี้มันปกป้องแบคทีเรียเหล่านี้ได้ ทำไมไม่ลองเอามาใช้กับผิวดูหละ ก็พบว่า Ectoin มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวเรา ไม่ให้ถูกทำลายจากอันตรายภายนอก รวมถึง พวกรังสี UV และ ความแห้ง

(Image by Jü – Own work, CC0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=13244993)

     ด้วยคุณสมบัติพิเศษของ Ectoin เองตอนนี้ก็มีการเอามาศึกษาเพื่อใช้เป็นยาอม หรือ ยาสเปรย์สำหรับลดการระคายเคืองในช่องปากและลำคอ แต่เราไม่กล่าวถึงจุดนั้นนะคะ เราจะกล่าวถึงคุณสมบัติของ Ectoin ในเครื่องสำอาง ซึ่งเรียกได้ว่ามีงานวิจัยหลายชิ้นมากที่ศึกษาผลประโยชน์ของ Ectoine ทั้งในระดับของหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร

     ประโยชน์โดยรวมจะเป็นในเชิงของการลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดูดน้ำให้ผิว เสริมการสร้างและฟื้นฟู Barrier ของผิว รวมถึงปกป้องผิวจากสภาวะต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม

     รูปด้านล่างนี้จะเป็นรูปจำลองของ Ectoine ในการดูดน้ำ และ การปกป้องโปรตีน โดยตัวมันจะไปห้อมล้อมเอาโปรตีนเอาไว้

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

เราลองมาดูงานวิจัยที่เกี่ยวกับ Ectoin ที่น่าสนใจบางงาน

งานวิจัยของ Hseu และ คณะ (2020) ศึกษาในระดับหลอดทดลองพบว่า Ectoine มีคุณสมบัติกดการเกิดอนุมูลอิสระเพราะรังสี UVA และไปยับยั้งไม่ให้ฮอร์โมน a-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ทำงาน จึงไม่เกิดการสังเคราะห์เม็ดสี ผลคือ ปกป้องผิวไม่ให้เกิดความคล้ำ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า เป็น Whitening ก็ไม่น่าจะผิดไปจากความจริงมากนัก (Antioxidants (Basel). 2020 Jan; 9(1): 63.)

งานวิจัยของ Marini และ คณะ (2014) พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของ Ectoine สามารถลดอาการคัน ระคายเคือง และอักเสบในผู้ป่วยผิวอักเสบแบบ Atopic dermatitis แสดงถึงคุณสมบัติในการเสริมสร้างการฟื้นฟู Barrier ผิว (Skin Pharmacol Physiol 2014;27:57-65)

  • สูตรผสมของสารในกลุ่มสีฟ้า สูตรผสมของสารที่เป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการดักจับน้ำให้ผิวตามธรรมชาติ และแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นในการทำงานของผิว โดยตัวนี้เป็นวัตถุดิบนำเข้าจากทางเกาหลี ที่มีชื่อทางการค้าว่า MC-BNCTM หรือ ที่รู้จักกันในนาม Baby NMF complex

ว่าแต่ทำไมต้องชื่อ Baby NMF complex ก็เพราะว่าทางบริษัทเขาผสมสารเหล่านี้มาให้มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับผิวเด็ก เมื่อเราใช้ผิวเราก็จะมีความอ่อนนุ่ม และอ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็กค่ะ

โดยมีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร พบว่าอาสาสมัครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารนี้เป็นเวลา 28 วัน มีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น และมีความเรียบเนียนขึ้น

(Image from Morechem Co., Ltd.)

  • สีเขียวแก่ เป็นกลุ่มของ Hyaluronic acid และอนุพันธ์หลายๆ ขนาด มีประโยชน์ในการเติมน้ำที่หลายๆ ระดับความลึกของชั้นผิว ซึ่งตัวนี้มี่ได้กล่าวละเอียดไว้ในรีวิว Klairé Balance serum (https://miyeonthereviewer.com/2020/03/31/klairebalanceserum/) นะคะ

  • สีเขียวอ่อน จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงที่มีประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน ได้แก่ Witch hazel และ สารสกัดจากเห็ด Fomes ขอกล่าวถึงสารสกัดจากเห็ด Fomes สักเล็กน้อย

– ตัวเห็ด Fomes นี้เป็นเห็ดที่ขึ้นบนต้น Larch ที่เป็นต้นไม้ใหญ่ พบได้ทางฝั่งยุโรป สารสกัดจากเห็ดนี้ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์หลายชนิด จุดเด่นคือคุณสมบัติ Astringent หรือ กระชับรูขุมขน พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้นไปในตัว ซึ่งเป็นจุดเด่นคือไม่ทำให้แห้งตึงแบบ Astringent บางกลุ่ม

ทางผู้ผลิตได้ทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดเห็ด Fomes ในการกระชับรูขุมขนของหน้าผากอาสาสมัคร ก็พบว่ากระชับรูขุมขนได้ดี

(Image from BASF Personal care)

  • ส่วนผสมสีม่วง ก็เป็นสารกลุ่มเติมน้ำให้ผิวเหมือนกัน ได้แก่ Sodium polyglutamate, Beta-glucan และน้ำตาล Sucrose

– ขอกล่าวถึง Sodium polyglutamate ก่อนนะคะ ตัวนี้เป็นโพลิเมอร์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากกระบวนการหมัก ประกอบด้วยสายโซ่ยาวของกรดอะมิโน Glutamic acid ซึ่งเวลาลงผิวนอกจากจะช่วยเคลือบปกป้องผิว รักษาความชุ่มชื้น ผิวเรายังจะค่อยๆ ย่อย Sodium polyglutamate ได้เป็นกรดอะมิโน ที่เป็นสารดูดจับความชื้นให้ผิวตามธรรมชาติ (Natural moisturizing factor: NMF)

นอกจากนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบยังพบว่า การใช้ Sodium polyglutamate ยังมีประโยชน์ในการปกป้อง Hya ในผิวเราไม่ให้สลายหรือถูกทำลายไป ทดสอบโดยการเอา Hya มาผสมกับเอนไซม์ Hyaluronidase ที่เป็นเอนไซม์ย่อยสลาย Hya พอเติม Sodium polyglutamate ลงไป ก็จะเห็นว่า Hya ยังอยู่

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

และยังมีคุณสมบัติเป็น Whitening ผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ได้อีก

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

     ตัว Sodium polyglutamate นี้ถ้าใช้ร่วมกับ Hyaluron จะช่วยเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกันได้ดี

     – Beta-glucan ก็ได้จากกระบวนการหมักเช่นกัน ตัวนี้ทางผู้ผลิตเคลมว่าของเขาเด่นกว่า Beta-glucan ทั่วไปตรงที่มีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี และมีความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้นได้ยาวนาน

  • สารกลุ่มสีส้ม สูตรผสมของ Water, Glycerin, Trehalose, Urea, Serine, Pentylene Glycol, Glyceryl Polyacrylate, Algin, Caprylyl Glycol, Sodium Hyaluronate, Pullulan, Disodium Phosphate, Potassium Phosphate มีชื่อทางการค้าว่า PatcH2OTM ตัวนี้นำเข้าจากฝรั่งเศส ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ของสารชุดนี้คือ เขาจะไปเรียงตัวเป็นโครงสร้างแบบ 3 มิติ ที่ทนทาน ติดแน่นอยู่บนหนังกำพร้า ค่อยๆ ปลดปล่อยเอา NMF และสารมอยส์เจอร์ออกมาช้าๆ มีเคลมว่าทา 1 ครั้ง ให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 5 วัน

ตรงนี้จะเป็นภาพจำลองตาข่าย 3 มิติของ PatcH2OTM นะคะ

(Image from BASF)

ส่วนด้านล่างจะเป็นภาพจริงที่ถ่ายจากกล้อง และมีการเติมคำอธิบายให้เห็นภาพชัดเจนค่ะ โดยลายริ้วสีเทาๆ คือ ตาข่ายสามมิติ และสีแดงๆ คือ มอยส์เจอร์ต่างๆ ที่ตาข่ายเก็บไว้

(Image from BASF)

จะเห็นว่าส่วนผสมที่ใส่มานั้นตอบโจทย์คอนเซปท์ดูแลผิว 3 ประการ คือ Pore minimizing, Moisturizing และ Protection ได้ตามเคลมเลย แถมยังทำงานเสริมกันได้อย่างลงตัวเลย

สำหรับส่วนผสมอื่นๆ ก็เรียกได้ว่า คัดเลือกมาอย่างดี ไม่มีน้ำมัน แอลกอฮอล์ น้ำหอม ซิลิโคน และอื่นๆ ที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง หรือ Actives เป็นการเลือกเอาส่วนผสมชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันในขวดๆ เดียว เพื่อให้ประโยชน์ในการดูแลผิวได้รอบด้าน โดยเน้นหนักไปที่ด้านของการดูแลปัญหารูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้น เคลือบปกป้องผิวทั้งปกป้องไม่ให้น้ำ ความชื้น และสารดีๆ ที่มีประโยชน์ในผิวหลุดออกไป และกันไม่ให้มลภาวะ หรือสิ่งไม่ดีต่างๆ เข้ามาข้างในผิว ส่วนด้านรองๆ ก็ได้ทั้งการชะลอวัย ป้องกันริ้วรอย ผิวเรียบเนียนนุ่มลื่น และอาจจะได้ด้าน Whitening กรุบๆ โดยรวมให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ดังที่ได้กล่าวในด้านบนว่า ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบ Essence toner ตัวนี้นะคะ แม้ว่าจะเป็นคนผิวผสม/แห้ง แต่เราก็อยากได้อะไรที่มันดูแลปัญหารูขุมขนของเรา และสิ่งที่เป็นเหมือน Pain point ของเราก็คือ ผลิตภัณฑ์กระชับรูขุมขนส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ผ่านการลดการสร้างน้ำมันส่วนเกิน และดูดซับ Sebum ซึ่งพอคนผิวแห้งไปใช้ มันจะยิ่งแห้งตึง แต่ตัวนี้คือ ตอบโจทย์ของตัวเองเพราะ นางมีส่วนผสมของสารที่ดูแลด้านความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ นุ่มฟู และปกป้องผิวไปพร้อมๆ กัน จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Klairé ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Klairé ได้โดยตรงเลยค่ะ

Facebook: https://www.facebook.com/KlaireOfficial

Instagram: Klaireofficial

ช่องทางการจัดจำหน่าย

Online

Website : https://klairethailand.com/

Shopee :https://shp.ee/qwdwv3h

https://www.beauticool.com

Offline

ร้าน : ALL ABOUT YOU

ร้าน THE GIVINGTOWN

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Klairé การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ