วันนี้มี่จะมาแนะนำผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Her Hyness ที่เชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะผ่านตามาบ้างตอนไปเดินเล่นในร้านวัตสัน
แบรนด์ Her Hyness เป็นแบรนด์เครื่องสำอางสายคลีน ที่มาในคอนเซปท์ว่า “เราอยากให้ผู้หญิงทุกคนมีผิวที่สวยที่สุด โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ” ซึ่งในจุดนี้ทางแบรนด์เองก็ได้พัฒนาตำรับและเลือกส่วนผสมมาเป็นอย่างดี ใส่ใจต่อสุขภาพผิว พยายามหลีกเลี่ยงส่วนผสม 14 ชนิดที่หลายๆ คนกังวล และที่สำคัญก็ยังผ่านการทดสอบทางผิวหนังแล้วค่ะ
โดยผลิตภัณฑ์ที่หยิบมารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมจะเป็นตัว Royal Hya Skin Strengthening Shot Ampoule ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างถูกใจเซรั่มตัวนี้นะคะ อย่างแรกเลยคือด้านของส่วนผสม นางจัดมาเต็มมาก ทั้งกลุ่มของสารเติมน้ำ และสารไขมันทดแทน รวมถึงสารบำรุงอื่นๆ เรียกได้ว่าหลอดเดียวดูแลได้ครบเลย ส่วนเรื่องเนื้อสัมผัสของเซรั่มส่วนตัวว่ากำลังดีสำหรับสภาพผิวแห้งของตัวเอง และความรู้สึกหลังใช้เองก็รู้สึกว่า Feeling เขาทำมาได้ค่อนข้างดี เราจะรู้สึกนุ่มเรียบ (Smooth)
ผลิตภัณฑ์นี้มีหน้าตาประมาณนี้นะคะ ตัวแพคเกจมาในรูปลักษณ์ที่สวยงาม ตัวภาชนะบรรจุเป็นระบบปิด ป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอก

เนื้อของผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบครีมเจล อารมณ์แบบกึ่งๆ เจล กึ่งๆ ครีม ไม่มีกลิ่นเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยง่าย ค่อนข้างชุ่มชื้น สัมผัสหลังใช้ใหม่ๆ จะหนึบๆ แต่พอผ่านไปสักพัก ผิวจะนุ่มมากๆ

มาดูส่วนผสมและจุดเด่นของผลิตภัณฑ์กันดีกว่านะคะ

ส่วนผสมของสารบำรุงในวันนี้มี่ทำไว้หลายสีหน่อยนะคะ
- สีชมพู Royal jelly หรือ นมผึ้ง ที่ประกอบด้วยสารเคมีจากธรรมชาติหลายชนิด มีบทความที่รวบรวมสารองค์ประกอบใน Royal jelly กล่าวว่า ใน Royal jelly ประกอบด้วยโปรตีน เปปไทด์ในกลุ่ม jelleines วิตามินกลุ่มวิตามินบี สารกลุ่ม Carbohydrates และกรดไขมันหลายชนิด โดยชนิดที่เป็นตัวเด่นคือ 10-hydroxy-2-decenoic acid หรือ 10H2DA ซึ่งมีฤทธิ์ทางชีวภาพมากมาย รวมถึวการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ มีสารในกลุ่ม Sterol ที่ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง และ Flavonoid ที่เป็น Antioxidant หลายชนิด มีตัวหลักเป็น Chrysin ที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบระคายเคือง ฟื้นฟูและปรับสภาพผิว (Molecules. 2020; 25(3): 556.) มีการทำ 10H2DA ขึ้นมาในระดับห้องปฏิบัติการก่อนเอาไปทดสอบฤทธิ์ในระดับหลอดทดลอง และอาสาสมัคร โดยพบว่าสารนี้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟู Barrier ผิว เสริมความแข็งแรงให้แก่ชั้นผิว ลดการระเหยน้ำผ่านผิว จึงเป็นการช่วยผิวเก็บน้ำทางอ้อม การออกฤทธิ์นี้ผ่านการเสริมการสังเคราะห์โปรตีนและองค์ประกอบที่เป็น Marker หลายชนิด เช่น Involucrin ที่เป็นตัวสำคัญตัวหนึ่งให้ผิวชั้นขี้ไคลมีความแข็งแรง (Eur J Dermatol. 2011;21(6):906-15.) สำหรับนมผึ้งนี้ทางแบรนด์เคลมว่า ได้มาจากผึ้งสายพันธุ์ Swiss black bee จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความแข็งแรงมากที่สุด จึงคาดว่าจะให้ประโยชน์ในการบำรุงผิวมากที่สุด
- สีบานเย็น เป็นกลุ่มของ Hyaluronic หลากหลายชนิด หลากหลายขนาด ที่เสริมกันในการปกป้องและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ชั้นผิวในหลายๆ ระดับความลึก ดังภาพ

(Image from Her Hyness)
คือ ผิวเรามันก็เหมือนกำแพงอิฐ บางทีไฮยาใหญ่ๆ มันลงไปไม่ได้ เพราะปูนที่ฉาบอิฐไว้มันแน่น มันก็จะได้แค่เติมน้ำบนๆ หลอกเราว่าผิวนุ่มชุ่มน้ำแล้วหละ แต่การใช้ไฮยาหลายขนาดใหญ่เล็ก รวมถึงอนุพันธ์ต่างๆ มันก็จะกระจายไปตามแนวกำแพงอิฐ ช่วยๆ กันจับน้ำให้ผิวเรานุ่ม และชุ่มชื้นในหลายๆ ระดับของผิว
มีอนุพันธ์ของ Hyaluron ตัวหนึ่งที่น่าสนใจ คือ Sodium linolenoyl hyaluronate ซึ่งเข้าใจว่าบนฉลากจะแยกเขียนเป็น Sodium hyaluronate กับ Linolenic acid เจ้า Sodium linolenoyl hyaluronate ตัวนี้ เอาประโยชน์ของ Linolenic acid กับ Hyaluronate มารวมกัน แต่กลายเป็นว่ารวมกันแล้วได้อะไรมากกว่านั้น อารมณ์แบบ 1 + 1 > 2 น้องมีประโยชน์ทั้งในด้านของ Whitening ด้านความชุ่มชื้น และ เพิ่มการสังเคราะห์ Hyaluronic acid ตามธรรมชาติของผิว
- สีน้ำเงิน ส่วนผสมของ Ceramide NP, Ceramide AP, Ceramide EOP, Phytosphingosine, Cholesterol ในเบสผสมของ Sodium Lauroyl Lactylate, Carbomer, Xanthan Gum เป็นวัตถุดิบสูตรผสมของไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิวรวมกัน โดยเน้นไปที่ Ceramides เป็นหลัก เสริมมาด้วย Cholesterol เพื่อเสริมการฟื้นฟู Barrier ผิวตามธรรมชาติ ให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวจากอันตรายภายนอก และป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว
อย่างที่ส่วนตัวจะชอบพูดเสมอว่า ผิวเรามีทั้งน้ำ และ น้ำมัน ซึ่งน้ำมันก็จะแบ่งเป็นน้ำมันบนผิว กับน้ำมันในผิว น้ำมันบนผิวก็คือ Sebum ที่สร้างออกมาจากต่อมไขมัน ช่วยเคลือบผิวไว้ชั้นหนึ่ง คนผิวแห้งมักจะมี Sebum น้อย น้ำเลยระเหยออกจากผิวได้ง่าย ก็เลยแห้ง ใน Sebum มี Squalene สควาลีน เป็นไขมันที่สำคัญ แต่ว่าทางเครื่องสำอางเราเอา สควาลีน มาใช้เลยไม่ได้เพราะมันไม่คงตัว เลยต้องดัดแปลงเป็น Squalane หรือ สควาเลน เพราะคงตัวกว่า สควาเลนก็เคลือบปกป้องผิวด้านนอกไป ส่วนไขมันในผิวก็เป็นพวก Barrier ผิว ตามที่ได้บอกในด้านบนนั่นเอง
และจากการที่ผิวเรามีทั้งน้ำและน้ำมัน การบำรุงที่ดี ก็ควรจะคืนทั้งน้ำและน้ำมันให้กับผิวไปพร้อมๆ กัน เพราะเวลาเราล้างทำความสะอาดหน้า พวก Cleansing มันเลือกไม่ได้หรอก ว่าจะเอาออกเฉพาะสารใดสารหนึ่ง มันก็ชะออกไปหมดนั่นแหละ การทดแทนด้วยการทาภายนอกเลยเป็นวิธีที่ง่ายในการดูแลผิวหลังล้าง
- สีม่วง Hydrolyzed Rhodophyceae extract เป็นสารสกัดจากสาหร่ายสีแดงชนิดหนึ่งที่ผ่านกรรมวิธี สารตัวนี้ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่ามีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากมลภาวะ และยังควบคุมความมันที่เกิดจากต่อมไขมันขับ Sebum ออกมามากเกินไปเมื่อถูกกระตุ้นด้วยมลภาวะ
- สีพีช ประกอบด้วยสารสกัดจากถั่วเหลือง ซึ่งมีประโยชน์หลายประการขึ้นกับกรรมวิธีการเตรียม และสารอีกชนิด คือ Methylsilanol mannuronate ตัวนี้เป็นสารบำรุงตัวหนึ่งที่น่าสนใจ เลยจะขอเล่าให้ฟังเล็กน้อยนะคะ
เขาว่ากันว่าในผิวเราจะมีแร่ธาตุ Silicon ที่อยู่ในรูปแบบของ Silicium ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยยึดเกาะและเชื่อมเอาเส้นใยโปรตีนต่างๆ ในผิวไว้ด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในด้านความยืดหยุ่น กระชับ และการทำงานตามปกติของผิว

(Image from Exsymol S.A.M.)
ทีนี้เขาก็พบว่าเวลาคนเราอายุเพิ่มขึ้น เจ้า Organic silicium นี้ก็จะมีปริมาณลดลง ทางบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบเขาก็เลยสังเคราะห์สารกลุ่ม Silanol เพื่อหวังจะเอามาทดแทน Organic silicium ที่มันลดลงตามวัย แล้วนางก็ทำได้ค่ะ
นางทดสอบในระดับหลอดทดลอง พบว่าสารนี้มีประโยชน์ที่ดีในการเสริมการทำงานของผิว มีประโยชน์ในด้านของการกระชับ ยืดหยุ่น ต่อต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านกระบวนการ Glycation ที่เป็นการชรารูปแบบหนึ่งเกิดจากน้ำตาลไปเกาะกับโปรตีนแล้วทำให้โปรตีนเสื่อมสภาพไป การทดสอบในอาสาสมัครพบว่า สารนี้มีประโยชน์ในด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย แล้วก็บำรุงผิวให้แลดูกระชับ รู้สึกยืดหยุ่น
- สีฟ้า เป็นกลุ่มของการเติมน้ำให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น
- สีเขียวมะกอก Squalane เป็นไขมันที่เป็นอนุพันธ์ของ Squalene ที่สร้างออกมาจากต่อมไขมัน ทำหน้าที่เคลือบปกป้องผิว ลดการระเหยน้ำออกจากผิว เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น ต่อมไขมันก็จะทำงานลดลง เลยส่งผลให้ผิวแห้งมากขึ้น การเสริมด้วย Moisturizer ก็เป็นทางหนึ่งที่ดูแลได้ ซึ่งตัว Squalane นี้ทางแบรนด์เคลมว่า เป็นเกรด Organic ที่แยกได้จากชานอ้อย
- สีเขียวสด น้ำทะเล โปรวิตามินบี 5 (Panthenol) และ Dipotassium glycyrrhizate มีประโยชน์ในการให้ความรู้สึกสบายผิว ลดการระคายเคือง พร้อมกับสารอีกตัว คือ Hydroxyacetophenone ตัวนี้มีคุณสมบัติหลายประการ ทั้งปกป้องสารในตำรับ และมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวในเชิง Antioxidant และการดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง
ในภาพรวม Ampoule ตัวนี้มีสารบำรุงอยู่หลายชนิด ที่ให้ประโยชน์ในการดูแลผิวหลายประการ ดูแลผิวแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการฟื้นฟู Barrier ผิว เติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ดูแลเรื่องปัญหาการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะ ชะลอวัย ปกป้อง และลดเลือนริ้วรอย
ในแง่ของส่วนผสมอื่นๆ ทางแบรนด์ก็เลือกมาได้ดีเช่นกัน เพราะไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย
ให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ
- สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไปในด้านบนว่าใน Ampoule นี้มีสารบำรุงอยู่ครบถ้วน ให้ประโยชน์ต่อผิวหลายประการ จึงขอให้ไป 5 ฟลาสก์
- ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
- การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบความรู้สึกของ Ampoule เมื่อเนื้อมันเริ่มแห้ง ผิวเราจะรู้สึกนุ่ม เรียบ โดยไม่เหนอะหนะหนักผิว ส่วนตัวมองว่าเนื้อโอเคมากสำหรับคนผิวแห้งในฤดูร้อนแบบนี้ คือ จะปกป้องผิวไม่ให้แห้งกร้าน แต่ก็ไม่แห้งตึงจนเกินไป และไม่หนักผิวจนเกินไป ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ ให้ไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Her Hyness มากนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้มี่ได้รู้จักและทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบค่ะ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ
Facebook (Her Hyness)
IG @herhynessbeauty
Line @herhyness
Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Her Hyness การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ