Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมาสก์หน้าน้องใหม่สุดน่ารักจากเกาหลี กับแบรนด์ Ponybrown Plus Skin Hue Face Mask ตอนที่ 1

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวมาสก์หน้าสุดน่ารักจากแบรนด์เกาหลีจากแบรนด์ Ponybrown มาฝากกันค่ะ

Ponybrown เป็นแบรนด์มาสก์สัญชาติเกาหลี ที่พัฒนาขึ้นมาโดยเน้นส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพ ภายใต้สโลแกน Happy skin, Happy life โดยทางแบรนด์ก็มีความใส่ใจในตัวสินค้า และมีการตรวจสอบความปลอดภัยต่อผิวหนัง หรือ Dermatologically tested จากเยอรมัน และ SGS จากยุโรปค่ะ ซึ่งในกลุ่มทดสอบมีทั้งอาสาสมัครที่มีผิวธรรมดา รวมไปถึงผิวแบบ sensitive และ eczema

มาสก์หน้าในไลน์ Skin Hue ของ Ponybrown มีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ มาสก์หน้าแบบแผ่นขาว และ มาสก์หน้าแบบแผ่นดำ หรือ Black mask ค่ะ

ซึ่งมี่ขอเริ่มรีวิวจากสูตรแผ่นขาว นะคะ

po 1

ในสูตรแผ่นขาว ทางแบรนด์ทำมาด้วยกัน 4 สูตร ค่ะ ได้แก่

รุ่นซองสีฟ้า สูตร Hydrating ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นมาสก์หน้าจากเส้นใยไม้ไผ่ มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ด้วยนวัตกรรมที่ชื่อว่า HydromanilTM ค่ะ

po 4

รุ่นซองสีขาวเขียว สูตร Soothing ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นมาสก์หน้าจากเส้นใยไม้ไผ่ มีประโยชน์ในการ Soothing หรือให้ความรู้สึกสบายผิว ด้วยสารสกัดจากพืชหลายชนิด

po 3

รุ่นซองสีเขียวมินท์ สูตร Aquaring ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นมาสก์หน้าจากเส้นใยผลไม้ มีประโยชน์ในการเสริมความชุ่มชื้น ตัวนี้มี Ceramide อยู่ด้วยค่ะ

po 5

รุ่นซองสีขาวชมพู สูตร Radiance ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นมาสก์หน้าจากเส้นใยผลไม้ มีประโยชน์ในเชิงผิวขาวกระจ่างใสค่ะ

po 2

ที่บนซองจะเห็น Mascot ของแบรนด์ คือ น้อง Mariffe นะคะ น่ารักก็ตรงน้องนี่แหละ

แผ่นมาสก์จะมีความบางเบา และแนบสนิทไปกับผิวค่ะ

po 7

น้ำมาสก์เป็นแบบน้ำใส บางเบา ไม่เหนอะหนะ ไม่เหนียว ไม่ลื่น

po 6

ค่า pH ของสูตร Aquaring อยู่ที่ราวๆ  5 – 6 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

pH po

ในด้านของส่วนผสมในภาพรวมของทั้ง 4 สูตร เป็นมาสก์ที่มาในเบสน้ำ มีสารบำรุงตัวหลักอยู่คล้ายกัน คือ มีสารสกัดพืชอยู่ 3 ชนิด ร่วมกับน้ำผึ้ง Manuka ที่ทางแบรนด์เรียกว่า Skin rest complex ค่ะ

ประกอบด้วย สารสกัดจาก Rheum undulatum (Rhubarb), Phaseolus radiatus (ถั่วเขียว) และ parsley ค่ะ ซึ่งดูแลเสริมกันและกัน

กล่าวถึงสารสกัดจากถั่วเขียว ถั่วเขียวเป็นพืชหนึ่งที่ทางเกาหลีชอบนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง เพราะมีโปรตีน กรดอะมิโน ฟลาโวนอยด์หลายๆชนิด ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบบอกว่า สารสกัดจากถั่วเขียวสามารถปรับสภาพผิวให้ผิวนุ่มนวลเนียนและกระจ่างใสค่ะ

 

นอกจาก Skin rest complex แล้วก็จะเสริมสารบำรุงอื่นๆตามสูตรค่ะ

 

วันนี้มี่ขอยกส่วนผสมสูตรที่มี่ชอบที่สุดมาเป็นตัวแทนในการวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

เป็นสูตร Aquaring ค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้

สผส po aqua

จากส่วนผสมมี่ทำสีของสารบำรุงไว้ด้วยสีฟ้า เขียว และ ชมพู นะคะ

  • สารบำรุงสีฟ้า คือ Ceramide NP หรือ Ceramide 3 ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Barrier ผิว มีประโยชน์ในการทดแทนไขมันคืนให้ผิว
  • สารบำรุงสีเขียว จะเป็น Hyaluron ที่ทางแบรนด์เลือกมาสองขนาด มีประโยชน์ในการเติมน้ำให้กับผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
  • สารบำรุงสีชมพู ได้แก่
    • สูตรผสม Skin rest complex ของทางแบรนด์ ซึ่งมีประโยชน์ในภาพรวมเชิง Soothing effect ให้ความรู้สึกสบายผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และลดความรู้สึกระคายเคือง
    • Coconut water และ Corn flower water ประกอบด้วยวิตามินและสารอาหารหลายชนิด นอกจากคุณสมบัติในด้านความชุ่มชื้นแล้ว ก็อาจจะมีประโยชน์บำรุงผิวจากวิตามินและสารอาหารอื่นๆ รวมไปถึงด้าน Soothing และ การลดการอักเสบระคายเคือง

 

สารส่วนผสมอื่นๆที่ใส่มาก็เลือกมาได้อย่างดี แม้แต่เจ้า Triethanolamine ที่หลังๆไม่ค่อยดี ทางแบรนด์ก็ไม่ใส่ หันไปใส่ Tromethamine ที่มีราคาแพงกว่าแทน

 

ในภาพรวมถือเป็นมาสก์ที่มีความน่าสนใจ ด้วยส่วนผสมของ Hyaluron 2 ขนาด ร่วมกับ Ceramide และสารบำรุงอื่นๆ ที่เด่นไปในเชิงด้าน Moisturizing และ Soothing

 

ถึงเวลาของคะแนนค่ะ

  1. สารบำรุง ถือว่าเป็นมาสค์ที่ทำมาได้ค่อนข้างดีสำหรับคุณสมบัติในด้าน Moisturizing + Soothing แต่ถ้าลองพิจารณาแล้ว สารบำรุงอาจจะยังน้อยชนิดไปหน่อย อาจจะต้องมีสารบำรุงอื่นๆมาประกอบอยู่ จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ก็ถือว่าเลือกมาได้อย่างดี ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตัวมาสก์มาในเบสแบบน้ำ เวลาแปะจะรู้สึกเย็น ชุ่มชื้น เมื่อดึงมาสก์ออกจะไม่เหนอะหนะ ไม่เหนียว แต่ถ้าคนผิวแห้งแบบมี่ หลังลอกมาสก์ซัก 2 – 3 ชั่วโมง อาจจะต้องเสริม Moisturizer ทับอีกชั้นหนึ่ง เพื่อกักเก็บความชื้นจากมาสก์ให้ผิวเรานุ่มฟู จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์

 

คะแนน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Ponybrown ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

แล้วเรามาต่อกันกับ Black mask ในภาค 2 นะคะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามที่ทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: PonybrownThailand

https://www.facebook.com/PonyBrownTH/

Instagram: PonybrownTH

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มบำรุงผิวตัวดังจากเกาหลี แบรนด์ Scinic กับ Peptide 95 Ampoule และ Propolis 95 Ampoule มาแบบเบิ้ลๆ

เรียกได้ว่าตอนนี้กำลังวอแวอยู่กับ 2สูตร Ampoule ของไซน์นิค เลยอยากมารีวิวให้ได้ชมกันค่ะ

แบรนด์ไซน์นิค (Scinic) เป็นเครื่องสำอางของทางเกาหลี มี่เองก็ใช้ของเขามาหลายชิ้นก็รู้สึกว่าเขาทำมาได้ดีนะคะ

อย่าง Ampoule 2 สูตรที่เข้าไทยมา เป็นสูตร Peptide 95 Ampoule และ Propolis 95 Ampoule ค่ะ หน้าตาประมาณนี้นะคะ

 

am 1

เริ่มกันที่ตัว Peptide 95 Ampoule มาในกล่องสีน้ำตาลค่ะ

pep 3

ด้านในเป็นขวดแก้วสวยงามแบบมีหลอดหยด

pep 4

สูตรนี้ เนื้อเซรั่มมาในเนื้อเจลข้นๆ สีน้ำตาลอ่อน มีกลิ่นหอมสะอาดๆ

pep 1

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไว แห้งไว ให้ความฉ่ำวาวนิดๆ ไม่เหนอะหนะ

pep 2

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ค่ะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

pH pep

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

pep ing

ตัวส่วนผสมเปิดมาด้วย Peptide solution (สารละลายของเปปไทด์) ที่ข้างกล่องเขียนว่าเป็นสารละลายเข้มข้น 1 ppm ใส่มาจัดเต็มที่ 95% อันนี้ลองคำนวณดู ก็จะได้เนื้อแท้ของ Acetyl hexapeptide หรือ argireline อยู่ที่ ราวๆ 0.095% ก็ถือว่าอยู่ในช่วงที่ไม่น่าเกลียดนะคะ

ถัดมาก็จะเป็นกลุ่มของวิตามินและสารสกัดจากพืชอีกหลายชนิดที่เสริมทัพกันเพื่อบำรุงผิวได้อย่างลงตัว ดูแลผิวที่มีปัญหา Aging ได้อย่างลงตัว ให้ประโยชน์กับผิวในด้านความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง Antioxidant ลดการระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว และ Whitening

นอกจากสารสกัดจากพืชและวิตามินแล้ว ก็ยังมีส่วนผสมของน้ำมันจากพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันจาก Borage, Almond, Macadamia, ทานตะวัน และ Rapeseed ซึ่งน้ำมันจากพืชเหล่านี้ก็มีประโยชน์ในการคืนไขมันทดแทนให้แก่ผิวเรานั่นเอง

 

 

อีกตัวเป็น Propolis Ampoule นะคะ มาในกล่องสีเหลือง หน้าตาประมาณนี้ค่ะ

prop 3

ด้านในเป็นขวดแก้วสวยหรูแบบมีหลอดหยด

prop 4

เนื้อเป็นเนื้อเจล ออกขุ่นเล็กน้อย มีกลิ่นหอมจางๆออกไปทางเฟรชๆสดชื่น

prop 1

เกลี่ยได้ง่าย รู้สึกหนึบกว่าสูตรสีน้ำตาล แต่ก็ยังแห้งไว ซึมไว ไม่เหนอะหนะ แต่ยังมีความผิวฉ่ำๆสไตล์เกาหลีอย่างที่เห็น

prop 2

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5 – 6 เช่นกันค่ะ

pH prop

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

prop ing

เปิดส่วนผสมมาด้วย Propolis extract และส่วนผสมอื่นจากผึ้งแบบครบเซ็ต ไม่ว่าจะเป็น Royal jelly และน้ำผึ้ง เติมมาด้วยสารสกัดจากพืชอีกมากมาย ที่ให้ประโยชน์ในการบำรุงผิวได้อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง Antioxidant กระชับรูขุมขน ลดการระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว Whitening ช่วยให้ผิวใสเรียบเนียนรวมไปถึงให้ประโยชน์ในเชิงสิว และที่เนื้อเบสออกขุ่นหน่อยก็เพราะมีน้ำมันจากพืชอยู่อีก 5 ชนิด คือ น้ำมันจาก Borage, Almond, Macadamia, ทานตะวัน และ Rapeseed ซึ่งน้ำมันจากพืชเหล่านี้ก็มีประโยชน์ในการคืนไขมันทดแทนให้แก่ผิวเรานั่นเอง

มี Silicone อยู่บ้างประปรายเพื่อให้สัมผัสนุ่มนวล ลื่นผิว

 

 

 

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

ขอหยิบยกเอา Peptide 95 Ampoule มาเป็นตัวแทนในการให้คะแนนนะคะ

  1. สารบำรุง อย่างที่ได้เล่าให้ฟังในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสม ว่า ใน ampoule นี้นอกจาก Argireline ที่เป็น peptide ตัวเอกของสินค้าแล้ว ยังมีส่วนผสมของสารบำรุงอีกหลายชนิด ดูแลผิวที่มีปัญหา Aging ได้อย่างลงตัว ให้ประโยชน์กับผิวในด้านความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง Antioxidant ลดการระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว และช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบเนื้อของเซรั่มตัวนี้นะคะ ในด้านของสัมผัสระหว่างใช้ การเกลี่ย สัมผัสหลังใช้ ถือว่าทำมาได้ดี คิดว่าน่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว แต่คนที่มีผิวแห้งมากๆแบบมี่ อาจจะต้องเสริม moisturizer ตัวอื่นเข้ามาอีก ทาทับอีกซักชั้น ส่วนเรื่องกลิ่นมี่ค่อนข้างรู้สึกเฉยๆ แต่เอาให้แม่ใช้ แม่กลับชอบ ก็นานาจิตตังนะคะ ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย ตอนนี้มี่ยังไม่ค่อยมีริ้วรอยเลยขอข้ามประเด็นนี้ไป แต่ในด้านของผิวนุ่ม เรียบเนียน และให้สัมผัสเด้งๆ ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์ค่ะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

 

คะแนน pep

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางแบรนด์ Scinic Thailand ด้วยนะคะที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scinic โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์หน้าสูตรเข้มข้นด้วย Super serum ซองสีทอง กับ Skindom super serum mask

สวัสดีค่ะ

เมื่อวันก่อนมี่มาอัพเดท #BeautyNews ให้ได้ชมกันว่าตอนนี้แบรนด์ Skindom จากเกาหลีมีมาสค์หน้าสูตรใหม่ ซองสีทอง รุ่น Super serum mask ออกมา

วันนี้เลยจะเอามารีวิวให้ได้ชมกันซักหน่อยค่ะ

ตัวมาสค์ก็จะมี Design คล้ายกับมาสค์สูตรอื่นๆของแบรนด์ Skindom ที่เราคุ้นตานะคะ เพียงแต่มาในสูตรใหม่ ใช้ Super serum ที่ทางแบรนด์เคลมว่าเข้มข้นกว่า 3 เท่า ใช้แผ่น Cotton 100% ที่มีความบางเบาเป็นตัวซับเนื้อมาสค์เอาไว้ค่ะ

ตอนนี้มีด้วยกัน 5 สูตร หน้าตาตามนี้เลยค่ะ

skindom mask.JPG

สูตร 01 เป็น Whitening x 2 โดดเด่นด้วยส่วนผสมของวิตามินซี กับ Vitamin tree extract

สูตร 02 เป็น Lifting + Whitening มาในสูตรเมือกหอยทากผสานกับไม้ไผ่

สูตร 03 เป็น Acne + Pore เน้นกระชับรูขุมขน พร้อมดูแลปัญหาสิว ด้วยส่วนผสมของ Volcanic ash กับใบบัวบก

สูตร 04 เป็น Whitening + Lifting ใช้ส่วนผสมของสารสกัดจากรังนก และแพลงค์ตอน

สูตร 05 เป็น Moisturizing + Whitening ด้วยส่วนผสมของไฮยา และไข่มุก

 

แต่วันนี้มี่จะหยิบยกเอาสูตรที่มี่ใช้แล้วชอบที่สุด 2 สูตร คือ สูตร 02 หอยทากแบมบู และ สูตร 04 รังนกแพลงก์ตอน มาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันค่ะ

หน้าตา 2 สูตรนี้เป็นแบบนี้นะคะ

mask 1

แผ่นมาสค์ เป็นแผ่นมาสค์ที่ไม่หนามาก มีความนุ่มนวล ไม่หยาบกระด้าง แนบสนิทไปกับผิวดี

skin 1

น้ำมาสค์ มาในเนื้อค่อนข้างข้น ดูคล้ายเจลเลย

skin 2

เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลยจะได้กลิ่นจางๆของวัตถุดิบอยู่ค่ะ

 

ค่า pH ของน้ำมาสค์อยู่ที่ราวๆ 5 ค่ะ ทั้งสองสูตรมีค่า pH ใกล้เคียงกัน

skin 3

ค่า pH ราวๆ 5 ก็ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

 

สำหรับส่วนผสม ทุกสูตรจะมีโครงสร้างของส่วนผสมที่คล้ายกันค่ะ คือ มาในเบสน้ำ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซิลิโคน และน้ำมันแต่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันไปตามสูตร

ยกตัวอย่างเป็นสูตรเมือกหอยทากผสมไม้ไผ่ เบอร์ 02 ค่ะ

สผส Skindom mask

มาสค์ทุกสูตรโครงสร้างสารบำรุงจะคล้ายๆกันนะคะ มี Betaine, Biosaccharide gum-1 และ Dipotassium glycyrrhizate และ Niacinamide เหมือนๆกัน ต่างกันเฉพาะสูตร 03 Volcanic ash ที่ไม่มี Niacinamide ค่ะ ซึ่งเขาก็ไปเสริมสารบำรุงอื่นๆที่ให้ประโยชน์ด้านสิวมาแทน

ในด้านของสารบำรุงประจำสูตรนี้ ตัวพระเอกนางเอกก็คงหนีไม่พ้น เมือกหอยทาก กับ ไม้ไผ่ นะคะ

  • เมือกหอยทาก (Snail secretion filtrate) มีประโยชน์ในด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เสริมการผลัดผิวตามธรรมชาติ มีงานวิจัยรองรับอยู่บ้างถึงด้านประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอย
  • สารสกัดจากไม้ไผ่ (Bambusa vulgaris leaf extract) ตัวนี้ มีประโยชน์ในด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Betaine ตัวนี้เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine ที่มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Biosaccharide gum-1 ตัวนี้เป็นสารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากการหมัก ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่ามีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 ตัวนี้จริงๆมีประโยชน์กับผิวค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้าน Whitening ลดการอักเสบระคายเคือง รวมไปถึงมีประโยชน์ในการดูแลสิว

 

ตัวเบส หรือว่าเนื้อผลิตภัณฑ์มาในเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมันและซิลิโคน ส่วนผสมอื่นๆก็ถือว่าทำมาได้ดี

ให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ วันนี้ส่วนผสมมีไม่ค่อยมาก เลยขอแบ่งคะแนนเป็น 2 หมวดนะคะ

  1. สารบำรุง สูตรเมือกหอยทากไม้ไผ่นี้มีส่วนผสมของสารบำรุงที่ไม่เยอะมาก เน้นไปในทางด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง เป็นหลัก ด้านรองๆจะเป็น Whitening และ ริ้วรอย มาในเบสน้ำ เหมาะกับทุกสภาพผิว และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว แต่ด้วยความที่สารบำรุงยังไม่จัดเต็มหนักมาก เลยขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบน้ำมาสค์ของทั้งสองสูตรที่ว่านะคะ ตอนลงผิวจะรู้สึกเย็น สดชื่น ผ่อนคลาย และหลังแกะมาสค์ออกก็จะรู้สึกนุ่มนวล เด้งๆ ไม่แห้ง ไม่ระคายเคือง เคยลองเอามามาสค์ตอนเช้าก่อนแต่งหน้า ก็ถือว่าโอเคอยู่นะคะ เราจะรู้สึกว่าวันนั้นหน้าจะดูฉ่ำมาก ลงรองพื้นง่าย ไม่เป็นเส้นๆเหมือนตอนผิวแห้งค่ะ ให้คะแนนความประทับใจไป 5 ฟลาสก์เลยเต็มๆ สรุปภาพรวม ในซีรี่ย์นี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ไม่ผิดหวังจริงๆกับมาส์กสกินดอม

คะแนน mask

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Skindom ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมามี่ให้ได้ลองใช้นะคะ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/SkindomThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ Skindom การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Mini-Review] วิเคราะห์ส่วนผสม โลชั่นชาเขียวสดตัวดังจากไซน์นิค Scinic กับ Scinic green tea moisture lotion

#MiniReview #ของเล่นใหม่บ้านมียอน

มีโอกาสได้ลองโลชั่นชาเขียวจากแบรนด์ไซน์นิค #SCINICThailand นางเป็นตัวหนึ่งที่ดังในเกาหลีนะคะ ด้วยราคาที่ไม่แพงมาก และทางแบรนด์เคลมเรื่องของการใช้ส่วนผสมจากน้ำชาเขียวสด ที่ได้จากยอดอ่อนใบชาเขียวที่ไร่ชาในเขตโบซอง

L_g0078431591

(Image from Scinic)

 

นอกจากชาเขียวก็ยังผสมผสานกับสารบำรุงอื่นๆ เพื่อช่วยดูแลผิว โดยเน้นไปที่ด้านชุ่มชื้น และให้ความรู้สึกสบายผิว

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

gt 1-re

ด้านในเป็นขวดพลาสติกหนา มีจุกรู ที่ค่อนข้างกว้าง เทเนื้อโลชั่นออกมาได้สะดวกค่ะ

gt 2

โลชั่นเนื้อบางเบา มีกลิ่นหอมชาเขียวอ่อนๆ

gt 4

เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสลื่นผิว

gt 5-1

พอดีมี่ทำลิสต์ส่วนผสมหายไป เลยขอวิเคราะห์ส่วนผสมเฉพาะตัวสารบำรุงที่เขาใส่มาแทนนะคะ

 

ตัวแรก แน่นอนว่าต้องเป็นชาเขียว พระเอกของผลิตภัณฑ์ตัวนี้

ทางแบรนด์เคลมว่าใช้ยอดอ่อนใบชาเขียวจากไร่ชาที่โบซองค่ะ

L_g0078768269

(Image from Scinic)

 

ซึ่งชาเขียวเป็นพืชที่มีความน่าสนใจมากสำหรับวงการเครื่องสำอาง

เพราะนอกจากคุณสมบัติในการเป็น Antioxidant แล้ว สารประกอบกลุ่ม Catechin ที่พบในใบชาเขียวยังมีประโยชน์กับผิวในหลายๆด้านค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดการอักเสบ ให้ความรู้สึกสบายผิว รวมไปถึงอาจจะได้ไปถึงด้าน Whitening และชะลอวัย ลดริ้วรอยเลยด้วย

 

นอกจากใบชาเขียวแล้ว ยังมีส่วนผสมของใบบัวบก Purslane และ ไฮยาลูรอน

  • ใบบัวบก เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่มีความน่าสนใจในวงการเครื่องสำอาง เพราะประกอบด้วย Madecassoside ที่มีประโยชน์ในการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนของผิว และเป็น antioxidant ที่ดี ประเด็นนี้ทางแบรนด์ยกมาจับที่เวลาคนผ่านสเตียรอยด์มา คอลลาเจนในผิวจะลดลง ทำให้ผิวบางลง และเหี่ยวง่ายกว่าเดิม ถ้าเสริมใบบัวบกเข้าไป ผิวเราก็น่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น
  • Purslane (Portulaca oleracea) เป็นสารสกัดอีกชนิดหนึ่ง ที่มีรายงานเกี่ยวกับคุณสมบัติในการเสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) (J Ethnopharmacol. 2003; 88(2-3):131-6.) ลดการอักเสบ (J Ethnopharmacol. 2000; 73(3):445-51.)
  • Hyaluronic acid เพิ่มความชุ่มชื้น

 

โดยรวมถือว่าเป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมหลักเน้นไปทางด้านของการเพิ่มความชุ่มชื้น รวมไปถึงมีประโยชน์ในเชิงการชะลอวัย และอาจจะได้ประโยชน์ไปในเชิงการลดเลือนริ้วรอย และ Whitening

ในด้านของเนื้อโลชั่นจะชุ่มชื้นผิว เคลือบผิวด้วยสัมผัสที่แรกๆจะแอบๆลื่นหน่อยๆ แต่เมื่อทิ้งไว้บนผิวซักครู่ ความลื่นนั้นจะหายไป เหลือแต่ความรู้สึกนุ่มผิว แต่ไม่ถึงกับหนักผิวค่ะ

 

ซึ่งตอนนี้ทางแบรนด์ไซน์นิคเองก็นำสินค้าตัวนี้เข้ามาจำหน่ายในไทยด้วยแล้วค่ะ โดยมีวางอยู่ที่วัตสันนะคะ

 

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางแบรนด์ Scinic Thailand ด้วยนะคะที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scinic โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสกินแคร์กลุ่ม Tea tree clearing จากแบรนด์ Scinic จากเกาหลี จุใจทั้งโทนเนอร์ และออยล์แต้มสิว ด้วยพลังน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ

สวัสดีค่ะ

สงกรานต์ผ่านไป ทิ้งเอาไว้แต่ความดำ ผิวไหม้แดด ผิวลอก อักเสบ และสิวมากมาย วันนี้เลยขอเอาผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสิวมารีวิวซักหน่อย

เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Scinic ไซน์นิค เจ้าเก่าของเรานั่นเองค่ะ กับซีรี่ส์ Tea tree clearing ซึ่งมี่ได้มาทั้งหมด 2 ชิ้นค่ะ เป็น Toner และ น้ำมันทีทรีบริสุทธิ์สำหรับแต้มสิว

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

tea 1

ขอเริ่มที่ตัวน้ำมันทีทรีก่อนค่ะ

tea 2

นางมาในขวดแก้วแบบหยด อารมณ์คล้ายขวดน้ำมันหอมระเหยทั่วไป

tea 4

มาพร้อมกับคอตตอนบัดส์ปลายแหลม 1 ด้าน เวลาใช้เราก็จะหยดน้ำมันทีทรีที่ปลายคอตตอนบัดส์ แล้วเอาไปแต้มบริเวณสิวค่ะ

tea 5

มีวีดีโอน่ารักๆ ให้ดูด้วยค่ะ

tea tree 1.jpg

ลิงค์สำหรับรับชมวีดีโอค่ะ >>Click<<

 

เนื้อสัมผัสจะไม่ได้เป็นแนวออยล์มาก มันจะเหมือนน้ำๆ และก็แห้งไว และมีฟิล์มบางๆเคลือบอยู่ค่ะ แต้มเฉพาะตรงที่เป็นสิววันละ 2 – 3 ครั้ง

tea 6

ค่า pH อยู่ประมาณ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

tea 9

ส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

oil 1

ตัวนี้เขาจะ Dilute และผสมน้ำมันหอมระเหยอื่นมาในเบสแล้วนะคะ ไม่ได้มาเป็นน้ำมันหอมระเหยเข้มข้นแบบที่เป็นดราม่ากันในช่วงก่อน

ตัวส่วนผสมคือ นอกจากน้ำมันทีทรีที่มีประโยชน์ในการลดสิวแล้ว ยังเสริมน้ำมันหอมระเหยอีก 8 ชนิดเข้ามาด้วย บางตัวเราก็ไม่ค่อยเห็นนัก เพราะเป็นน้ำมันหอมระเหยของทางเกาหลีเขา

เดี๋ยวมี่รีวิวพร้อมกันในตัวโทนเนอร์เลยนะคะ

 

อีกตัวเป็นโทนเนอร์นะคะ

หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

tea 3

เนื้อโทนเนอร์เป็นแบบน้ำ

tea 7

เช็ดแล้วแห้งไว สบายผิว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับการเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปค่ะ ดูจากส่วนผสมแล้วส่วนตัวคิดว่าไม่ได้เป็นสิวก็ใช้ได้ค่ะ

tea 8

ค่า pH อยู่ทีประมาณ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

tea 10

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส toner

ส่วนผสมวันนี้มีหลายสีหน่อยนะคะ

  • สีน้ำเงิน Salicylic acid จัดเป็นสารในกลุ่ม BHA มีคุณสมบัติในการลดการอุดตันโดยไปย่อยสลายเซลล์ผิว (Keratolytic) ที่สะสมตัวในรูขุมขน และลดการอักเสบ มีรายงานว่าในช่วงความเข้มข้นที่ 0.5 – 2% จะให้ผลดีในการลดสิว
  • สีเขียวเป็นน้ำมันหอมระเหยทั้งหมด 9 ชนิด ที่เป็นสูตร Blend เดียวกับตัว Oil ตัวเด่นคือ Tea tree oil ที่มีรายงานรองรับถึงประสิทธิภาพในการลดสิว การเบลนด์กับน้ำมันหอมระเหยชนิดๆอื่นๆ เพื่อเสริมคุณสมบัติในการลดการอักเสบและระคายเคือง
  • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารบำรุงอื่นๆ ได้แก่
    • สารสกัดจากใบบัวบก บัวบกเป็นพืชที่มีรายงานถึงฤทธิ์ทางชีวภาพไว้ค่อนข้างเยอะ ฤทธิ์ทางชีวภาพของบัวบกได้แก่ ฤทธิ์กระตุ้นการสมานแผล กระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast กระตุ้นการสังเคราะห์ Collagen และ Fibronectin ในผิว ลดริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย (Postepy Dermatol Alergol. 2013; 30(1):46-9.) ในด้านสิว บัวบกจึงมีประโยชน์ในด้านการลดการเกิดแผลเป็น และช่วยสมานแผลให้หายไวขึ้น
    • สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ลดการอักเสบระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้น อาจจะให้ประโยชน์ในด้านรอยแดงจากสิวได้
    • สารสกัดจาก Coptis japonica เป็นสารสกัดจากพืชในตำรับยาจีนชนิดหนึ่ง ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าสารสกัดจากรากมีคุณสมบัติ Antioxidant ลดการอักเสบระคายเคือง และประกอบด้วยสารที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

ตัวเบสเป็นเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและซิลิโคน แต่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งส่วนตัวมี่ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่า

คะแนนวันนี้เป็นของตัวโทนเนอร์เนอะ

  1. สารบำรุง ตัวโทนเนอร์ทำมาได้ค่อนข้างดี สารบำรุงที่ใส่มามีคุณสมบัติในการฆ่าเชื่อสิว ลดการอุดตัน ลดการอักเสบระคายเคือง และมีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกที่น่าจะให้ประโยชน์ในการป้องกันแผลเป็นจากสิว โดยรวมจึงได้ทั้ง ลดการเกิดสิว รอยแดง และรอยแผลเป็น ยังขาดในด้านของพวกรอยดำอยู่ จุดนี้ขอให้ไป 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งจริงๆก็เป็นผลดี เพราะแอลกอฮอล์จะช่วยทำความสะอาดไขมันที่ตกค้างตามผิวออกมา และเวลานางระเหยไปจากผิว นางจะให้ความรู้สึกดี และมีประโยชน์ในการกระชับรูขุมขน แต่อาจจะทำให้ผิวแห้ง และระคายเคืองได้ ขอให้ไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบตัวโทนเนอร์นะคะ จะใช้ในช่วงก่อนนอน เพราะถ้าใช้ตอนเช้าระหว่างวันอาจจะแห้งได้นิดหน่อย แต่ใช้กลางคืนจะพอดีเลย ส่วนหนึ่งอาจเพราะเราโบกมอยส์เจอไรเซอร์หนักมากเวลาจะนอน ในเรื่องของกลิ่นนางจะมีความซอฟท์กว่ากลิ่นผลิตภัณฑ์ทีทรีทั่วไป เพราะมีการเบลนด์เอาน้ำมันหอมระเหยหลายชนิดเอาไว้ด้วยกัน หลังเช็ดผิวจะออกนุ่มหน่อยๆ เหมือนมีฟิล์มบางๆเคลือบไว้ แต่ไม่ถึงกับเหนอะหนะหนักผิวอะไร ส่วนเรื่องสิว ส่วนตัวมี่ไม่ได้มีสิวอักเสบขึ้นแล้วค่ะ ในจุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน tea

 

ที่สำคัญ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์เซ็ตนี้มีจำหน่ายในวัตสันแล้วนะคะ

 

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ไซน์นิค ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ไซน์นิค โดยตรงเลยนะคะ https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

#ของเล่นใหม่บ้านมียอน รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Cleansing water เกาหลี จากแบรนด์ Faith in Face Truly กับ watery cleansing water

ขึ้นชื่อว่าบ้านมียอน งานโอปป้าต้องมาค่ะ

ไปเดินเล่น Watsons มา บังเอิญไปเจอ Cleansing water ของแบรนด์ Faith in Face เจ้าเก่าที่เคยใช้ นางปรับแพคเกจโฉมใหม่ กำลังจัดโปรโมชั่นแลกซื้อในราคาลด 50% ขวดตั้ง 500 ml เหลือราคาไม่ถึงสองร้อย ลองใช้ได้ซักพักก็แบบว่า เอ้อ ของเค้าดีจริงๆสมคำร่ำลือ วันนี้เลยเอามารีวิวจัดเต็มซะหน่อย

แบรนด์ faith in face หรือขอย่อว่า FiF นะคะ แบรนด์นี้เป็นแบรนด์เกาหลีที่ดังมาจากผลิตภัณฑ์มาสค์หน้าหลายๆสูตรค่ะ

 

โฉมหน้าของ Truly watery cleansing water จาก FiF แพคเกจใหม่เป็นแบบนี้ค่ะ

fif 3

ในตัวแพคเกจใหม่นี้นางปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 500 ml ค่ะ มาในโทนสีชมพูเหมือนเดิม

 

ตัวน้ำยาเป็นน้ำยาแบบใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

ทางแบรนด์ Claim ว่า ได้ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง และทดสอบการแพ้และการระคายเคืองแล้วว่าทำให้เกิดการแพ้และการระคายเคืองได้ต่ำ (Hypoallergenic) ค่ะ

 

ลองใช้งานกันเลยดีกว่า เริ่มจากการป้ายรองพื้น อายไลน์เนอร์ มาสคาร่า และลิปสติกลงบนแขนก่อน

fif 5

จากนั้นก็หยดน้ำยาใส่สำลี

ความประทับใจแรกเมื่อแกะขวดจะใช้คือ อ้าว ทำไมน้ำยาไม่ไหลออกมา ลองส่องดู อ๋อ เขามี Seal เพื่อความสะอาดและความปลอดภัยไว้อีกชั้นด้านในด้วย น้อยเคสนักนะคะที่จะเห็น cleansing water ซีลปิดขวดแบบนี้

fif 4

หยดน้ำยาลงบนสำลีให้พอชุ่ม

fif 6

ลากผ่านบริเวณที่ลงผลิตภัณฑ์ไว้ก่อนหน้า 2 ครั้ง

fif 7

ออกดีใช้ได้เลยนะคะนี่ เอารองพื้นออกมาได้หมดเลย ส่วนลิป กับ มาสคาร่าและอายไลน์เนอร์จะเหลืออยู่นิดหน่อย

เทน้ำยาลงบนสำลีให้พอชุ่ม และโปะลงไปบนผิวประมาณ 10 วินาที

fif 8

ก่อนลากออกอีกรอบค่ะ

fif 9

ใช้ได้เลยทีเดียว หมดเกลี้ยง ไร้ที่ติ

ลองใช้งานจริงก็จะได้ผลลัพธ์ตามภาพค่ะ

fif 10

ชุบสำลีด้วยน้ำยาให้พอชุ่ม แปะที่เปลือกตาไว้ 10 วินาทีแล้วลากออก พวกอายแชโดว์จะออกจนหมดจด พร้อมกับมาสคาร่าบางส่วนค่ะ ส่วนที่เหลือเราจะใช้คอตตอนบัดช่วยอีกครั้ง

ส่วนพวก Base makeup นี่ สามารถเก็บออกได้ดีเลยค่ะ

ส่วนตัวมี่จะเช็ดหน้าแค่ครั้งเดียวและไปล้างต่อนะคะ ไม่ได้เช็ดวนไปจนสำลีไม่ติดสี

 

สำหรับค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 ค่ะ ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

fif 11

มาถึงช่วงของการวิเคราะห์ส่วนผสมแล้วค่ะ

ส่วนผสม:

ส่วนผสม fif

วันนี้เรามารีวิวกันแบบละเอียด แจงจัดหนักทุกส่วนผสมเลยนะคะ

ถ้าเราพิจารณากันจะพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทบทุกชนิดจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ 3 ส่วน คือ

  1. Actives คือ สารบำรุง เป็นส่วนที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติที่ดี รวมไปถึงมีประโยชน์ทางชีวภาพ
  2. Base คือ เนื้อหลักของผลิตภัณฑ์ บางทีอาจเรียกว่า Vehicle
  3. Additive คือ สารที่ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ดี มีความน่าใช้ และมีความปลอดภัย

 

แต่เพราะเป็น Cleansing water เลยจะขอโยกเอาสารทำความสะอาดมาเป็นพระเอกในวันนี้นะคะ

ส่วนของสารทำความสะอาด มี่แทนด้วยสีชมพูค่ะ มีด้วยกัน 3 ตัว ได้แก่ PEG-6 caprylic/capric triglycerides, PEG-7 glyceryl cocoate, Polyglyceryl-10 laurate ซึ่งทุกตัวเป็นชนิดที่ไม่มีประจุ มีความอ่อนโยน

  • ขอกล่าวถึงตัว PEG-6 caprylic/capric triglycerides ซักหน่อยนะคะ สารทำความสะอาดตัวนี้เหมือนเป็นสารทำความสะอาดในดวงใจของมี่เลยค่ะ มี่เคยยกมานำเล่าให้ฟังถึงคุณสมบัติเด่นของเขา (ตามลิงค์นี้ค่ะ https://cosmeknowledge.wordpress.com/2018/02/25/ingredients-peg6cct/) โดยสรุป สารนี้ตัวผู้ผลิตวัตถุดิบเรียกว่าเป็น Hydrophilic emollient หมายถึง สารกลุ่มไขมันที่ทำให้ผิวนุ่มชนิดละลายน้ำ มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวนุ่ม แต่ถ้าพิจารณาตามโครงสร้าง นางก็อาจจะถูกจัดเป็นสารทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยนสูง และมีข้อมูลความปลอดภัยที่ค่อนข้างดี รวมถึงมีการใช้ในผลิตภัณฑ์ Skincare แบบ Leave-on ดังนั้นจึงน่าจะ Leave-on ทิ้งไว้บนผิวโดยไม่ต้องไปล้างออกได้

 

  1. กลุ่มของสารบำรุง วันนี้มี่ทำไว้หลายเฉดสีเลยค่ะ เรามาดูกันทีละสีเลยนะคะ
    • สีฟ้า เป็นกลุ่มของสารสกัดจากผลมะนาวเหลือง (Lemon) มะนาวเขียว (Lime) และ แอปเปิ้ล ค่ะ ซึ่งสารสกัดจากผลเหล่านี้ จะประกอบด้วยวิตามินหลายชนิด ซึ่งมีประโยชน์เป็น Antioxidant และบำรุงผิวในด้านอื่นๆ และในผลยังมีส่วนผสมของ AHA ตามธรรมชาติ ซึ่งมีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
    • สีม่วง เป็นกลุ่มของสารสกัดจากดอกไม้ และน้ำดอกไม้ทั้งหมด 8 ชนิด ได้แก่
      • สารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีหลายชนิด เช่น Rosmarinic acid, Luteolin and Apigenin มีประโยชน์เป็น Antioxidant เป็นสารลดการอักเสบ และเป็น Whitening ได้ด้วย รวมถึงน้ำจากดอกลาเวนเดอร์ยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อได้
      • สารสกัดจากดอกบัว ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าประกอบด้วยสารในกลุ่ม Flavonoids มีประโยชน์ในการเป็น Antioxidant และลดการอักเสบระคายเคือง มีรายงานการวิจัยกล่าวว่าสารสกัดจากดอกบัว สามารถยับยั้งเอนไซม์ DOPA-oxidase ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสังเคราะห์เมลานินของผิว ยับยั้งเอนไซม์ Elastase ที่ไปย่อยสลายอิลาสตินในผิว และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง (Kor J Chem En. 2011;28(2):424-427)
      • สารสกัดจากดอก Tiger lily ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว
      • สารสกัดจากกล้วยไม้ Cymbidium glandiflorum ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าเป็น Moisturizer ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
      • น้ำกุหลาบ (Rosa damascena flower water) มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น
      • น้ำดอกคาโมมายล์ (Chamomila recutita flower water) มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
      • น้ำดอก Immortelle (Helichrysum italicum) เป็นพืชในวงศ์เดียวกับดาวเรือง มีงานวิจัยกล่าวถึงคุณสมบัติในการต่อต้านการแพ้ การอักเสบ และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางจำพวก (Int J Antimicrob Agents. 2001; 17(6):517-20.)
      • น้ำดอก Calendula ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคืองของผิว
  • กลุ่มสีน้ำเงิน เป็นสารบำรุงอื่นๆ ได้แก่
    • สารสกัดจากใบชา มีรายงานวิจัยอยู่ค่อนข้างมาก เช่น เป็น antioxidant เป็น Moisturizer ลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว (Dermatol Ther. 2013;26(3):267-71.) และยังมีรายงานถึงคุณสมบัติในการสมานแผล (Evid Based Complement Alternat Med. 2013;2013:386734.)
    • สารสกัดจากใบ Peppermint ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าสารสกัดจากใบ Peppermint มีประโยชน์ในการลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว เป็น Antioxidant และให้ความรู้สึกเย็นแก่ผิว ซึ่งจะทำให้รู้สึกสบายผิวและลดอาการคัน
    • สารสกัดจากใบ Lingon berry (Vaccinium citis-Idaea leaf extract) มีรายงานว่าเป็น Antioxidant (Antioxidants 2016;5(17). doi:10.3390/antiox5020017)
    • Colostrum ส่วนของน้ำนมสีเหลืองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งประกอบด้วยวิตามิน และ Growth factors หลายชนิด ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่ามีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ชะลอวัย ลดริ้วรอย
  1. ส่วนของเนื้อหลักผลิตภัณฑ์ มาในรูปแบบน้ำ ประกอบด้วยน้ำ และสารดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่าง Propanediol และ Butylene glycol ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์และซิลิโคน
  2. ส่วนของสารปรุงแต่งอื่นๆ หรือ Additives
    • Buffer ทำหน้าที่ควบคุมค่า pH ของผลิตภัณฑ์ให้คงที่ ในที่นี้คือ Citric acid และ Sodium citrate
    • สารกันเสีย ได้แก่ Phenoxyethanol
    • สารจับโลหะ ได้แก่ Disodium EDTA มีคุณสมบัติช่วยจับโลหะเพื่อเพิ่มความคงตัวของตำรับ และเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย

 

สรุป ในภาพรวม Truly watery cleanser มาในเบสที่เป็นแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์ และซิลิโคน ใช้สารทำความสะอาดชนิดไม่มีประจุ มีความอ่อนโยนสูง บางที่อาจเรียกเป็น Hydrophilic emollient  เสริมสารบำรุงมาหลายชนิด เป็นกลุ่มของดอกไม้ ผลไม้ และสารบำรุงอื่นๆ เน้นไปที่ด้านการลดการอักเสบระคายเคือง ช่วยให้รู้สึกสบายผิว เสริมมาด้วยด้านการเป็น Antioxidant เพิ่มความชุ่มชื้น Whitening และอาจจะได้เรื่องริ้วรอยนิดหน่อย

โดยรวมถือว่าเป็น Cleansing water ที่น่าสนใจดีค่ะ

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

  1. สารทำความสะอาด ใช้ PEG-6 caprylic/capric glycerides เป็นสารทำความสะอาดหลัก มีความอ่อนโยนสูง เสริมมาด้วยสารทำความสะอาดอีก 2 ชนิด ได้แก่ PEG-7 glyceryl cocoate, Polyglyceryl-10 laurate ซึ่งทั้งหมดเป็นชนิดที่ไม่มีประจุ และมีความอ่อนโยนต่อผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. สารส่วนผสมอื่นๆ ในด้านของสารบำรุง เน้นไปที่สารบำรุงที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบและระคายเคือง พร้อมให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) เป็นหลัก เสริมประโยชน์ด้านอื่นๆ เป็น Antioxidant เพิ่มความชุ่มชื้น Whitening ตามๆกันมา ตัวเบส นางมาในเบสของน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์ และซิลิโคน ส่วนประกอบอื่นๆมีเท่าที่จำเป็น คือมีแค่ Buffer และสารกันเสีย ตัวนี้อารมณ์ 2 in 1 เป็นได้ทั้ง Cleanser ทำความสะอาด และ Toner เตรียมผิว ถือว่าทำมาได้ดีนะคะ ไม่มีที่หักคะแนนให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบ Cleansing water ที่ใช้ PEG-6 caprylic/capric glycerides เป็นสารทำความสะอาดหลัก อยู่แล้ว พอมาเจอตัวนี้เข้าไป ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี ทั้งในแง่ของความรู้สึกตอนใช้งาน และ Afterfeel หลังใช้งาน เจ้า Cleansing water ตัวนี้จะค่อนข้างนุ่มผิว ไม่แห้งตึง ไม่เป็นเมือก และไม่เหนียวเหนอะหนะ ด้านของความสามารถในการทำความสะอาดถือว่าทำมาได้ดีค่ะ ค่อนข้างประทับใจ รับไปเลย 5 ฟลาสก์

 

คะแนน fif

สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปแค่นี้ และสุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

ทะลายกรุรีวิวกันแดด Scinic (ไซน์นิค) ยก 5 สูตร พร้อมแนะนำวิธีเลือกใช้ตามสไตล์มียอน

สวัสดีค่ะ

กันแดดนี่เสมือนเป็นไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย เพราะรังสี UV จากแสงแดดนั้นส่งผลเสียมากมายกับผิวเรา ไม่ว่าจะเป็นแก่ก่อนวัย สีผิวไม่สม่ำเสมอ กระดำกระด่าง จนไปถึงอาจเกิดมะเร็งผิวหนังได้เลยทีเดียว

แล้วนี่ยิ่งกลางฤดูร้อน แดดยิ่งรุนแรงเข้าไปอีกค่ะ

วันนี้มี่เลยเอากันแดดของ Scinic หรือ ไซน์นิค แบรนด์ดังจากเกาหลี นางออกกันแดดมา 5 สูตร ในกลุ่มของ Enjoy sun เพื่อตอบโจทย์ชีวิตของเราๆ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกความต้องการ และสภาพผิวเลยทีเดียวค่ะ อยากให้อ่านรีวิวจนจบ เพราะแบรนด์นี้เค้ากล้านำเข้ามาขายที่ไทยในราคาเท่ากับที่เกาหลีเลย ไม่ต้องเสียเวลาหิ้วให้หนักให้เสียเวลา

หน้าตาของพวกนางเป็นดังนี้ค่ะ

sun 3.JPG

นางเป็น 5 ศรีพี่น้อง มาด้วยกัน 5 สูตร เริ่มจาก

  • Waterproof sun cream หลอดสีฟ้าคาดส้มแดง เป็นกันแดดสูตรกันน้ำกันเหงื่อ มาในเนื้อเอสเซนส์บางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ มีค่า SPF 50+ และ PA++++ มาในคอนเซปท์ “กันแดดสูตรกันน้ำกันเหงื่อ”
  • Tone up sun cream หลอดสีขาว มีแถบสีชมพู/เทาด้านล่าง ตัวนี้เป็นสูตรผสม Pigment ช่วยปรับสภาพสีผิวให้กระจ่างใส ใช้เป็น Makeup base ได้ในตัว มีค่า SPF50+ และ PA++++ เช่นเดียวกัน มาในคอนเซปท์ “บล็อกแดด ผิวไบรท์ ไม่หลอกตา”
  • Silky pore sun milk ตัวนี้มาในขวดสีขาว ฝาเขียว เป็นเบสแบบเนื้อน้ำนม บางเบา ซึมง่าย แห้งไวไม่เหนอะหนะ ไม่หนักผิว เหมาะกับผิวมัน มีค่า SPF50+ PA+++ มาในคอนเซปท์ “กันแดดน้ำนมพรางรูขุมขน”
  • Safe shield sun cream นางมาในหลอดสีน้ำเงินคาดเขียวเหลือง เป็นกันแดดเนื้อเอสเซนส์ ซึมไว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับผิวแพ้ง่าย มีค่า SPF50+ PA++++ มาในคอนเซปท์ “Block แสงขั้นสุด ซึมไวใน 5 วิ”
  • Perfect daily sun cream มาในหลอดสีส้มคาดแดงอันร้อนแรง เป็นเบสแบบครีม เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ มีค่า SPF50+ PA+++ ตัวนี้นางเป็นตัว Top ติด Best seller ที่เกาหลี ได้รางวัลจากรายการ Beauty talk เมื่อปี 2017 มาในคอนเซปท์ “กันแดดในอุดมคติ”

 

เปรียบเทียบเนื้อของกันแดดทั้ง 5 ตัวซักหน่อย

sun 1.jpg

 

sun 2

ถ้าพูดถึงส่วนผสมที่สำคัญที่สุดของเครื่องสำอางป้องกันแสงแดด ก็คงหนีไม่พ้น สารกันแดด โดยสารกันแดดมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ คือ สารกันแดดชนิดกายภาพ (Physical sunscreen) และ สารกันแดดเคมี (Chemical sunscreen)

  • สารกันแดดกายภาพ จะเป็นกลุ่มของ Titanium dioxide และ Zinc oxide ทำหน้าที่สะท้อนกระจายรังสี UV ออกไป
  • สารกันแดดเคมี จะเป็นกลุ่มของสารเคมี ทำหน้าที่ดูดซับรังสี UV เอาไว้ แล้วคายออกไป

 

ถ้าพิจารณาตามกลไกของสารกันแดด สารกันแดดเคมีที่มีการดูดซับรังสีไว้กับตัวและคายพลังงานออกมา ย่อมจะต้องเสื่อมลง จึงต้องทาทับทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อออกแดดนานๆ หรือโดนแดดจัดๆ ส่วนกันแดดแบบกายภาพนั้นตามกลไกคือเขาจะสะท้อนรังสีออกไป ถ้าเราไม่ไปล้างไปเช็ด หรือเหงื่อไม่ออก มันก็จะอยู่บนผิว สะท้อนรังสีได้ยาวนานกว่า

 

มี่เคยอัพรายละเอียดเรื่องแสงแดดและกันแดดไว้ ถ้าใครสนใจไปตามอ่านได้ที่ https://cosmeknowledge.wordpress.com/2014/09/09/sun-and-sunscreen/ เลยค่ะ

 

มาดูรายละเอียดทีละสูตรเลยนะคะ

  • สูตร Waterproof

ถ้าเราพูดถึงกันแดดกันน้ำ เรามักจะจิตนาการถึงกันแดดเหนียวๆ หนักๆ ที่ทาก่อนลงไปทะเล หรือก่อนลงน้ำ ผิดคาดเลย กันแดดตัวนี้เนื้อเบามาก เบาจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นกันแดดกันน้ำ นางพลิกมิติและการรับรู้ถึงกันแดดและกันน้ำไปเลย ด้วยเนื้อเบา ซึมไว เกลี่ยง่าย ไม่เป็นปื้นขาว มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ

waterproof

ในด้านส่วนผสม นางมาในกันแดดแบบเคมี มาในเบสชนิดอิมัลชั่นของน้ำและซิลิโคน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เสริมสารบำรุงมาหลายชนิด เน้นไปที่ด้านการลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว มีส่วนของไขมันจากธรรมชาติที่ช่วยทดแทนไขมันจำเป็นให้แก่ผิว และมีส่วนผสมของสารสกัดพืชที่ช่วยเสริมปกป้องผิวจากรังสี UV

 

แต่ถึงจะเป็นสูตรกันน้ำ ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องใช้ตอนจะไปว่ายน้ำ หรือ ไปทะเล หรือจะสงกรานต์ แต่ก็สามารถใช้ได้แบบ Everyday โดยเฉพาะหน้าร้อน ที่เหงื่อออกเยอะๆ เพราะเนื้อกันแดดไม่ได้หนักผิวเลย

 

 

  • สูตร Tone Up

เป็นกันแดดที่มีส่วนผสมของ Pigment ที่ช่วยอำพรางสีผิวและปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้นมา 1 Step ใช้แทน Makeup base ได้ดี เนื้อกันแดดจะข้นขึ้นมานิดหน่อย ตอนแรกลงอาจจะดูขาวนิด แต่พอเกลี่ยไปจะกลืนไปกับสีผิว ไม่ขาววอก ไม่เทา ไม่ลอย  ตัวนี้มีกลิ่นน้ำหอมจางมากๆ แทบจะไม่ได้กลิ่นค่ะ

 

tone

ดูแบบนี้อาจจะไม่ชัด ลองจัดให้ดูแบบจริงจังเลยดีกว่าค่ะ

ผิวรวม

ในด้านของส่วนผสม นางเป็นกันแดดลูกผสมกายภาพ/เคมี มาด้วยเบสอิมัลชั่น ที่มีน้ำ น้ำมัน และซิลิโคนนิดหน่อยพอกรุบกริบ นางมีส่วนผสมของสารบำรุงอยู่หลายชนิด ให้ประโยชน์ไปในทางด้าน Whitening, ต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็น antioxidant ชะลอวัย ลดการอักเสบระคายเคือง รวมไปถึงด้านริ้วรอยก็มี Adenosine มาช่วยด้วยอีกส่วน

 

 

 

  • สูตร Safe shield เซฟชิลด์

ตัว Safe shield นี้มาในบสแบบเนื้อครีมที่ค่อนข้างบางเบา สมกับที่แบรนด์เรียกเป็นกันแดดเนื้อเอสเซนส์ เกลี่ยง่าย ซึมไว ภายในระยะเวลา 5 วิ ไม่เหนอะหนะไม่หนักผิว มีกลิ่นอ่อนๆ ทางแบรนด์เคลมว่ากันน้ำกันเหงื่อได้ด้วยหละ

safe shiled

ในด้านส่วนผสม นางเป็นกันแดดแบบลูกผสมกายภาพ/เคมี มาในเบสแบบอิมัลชั่นที่มีส่วนผสมของ น้ำ น้ำมัน แบะซิลิโคนนิดหน่อยพอกรุบกริบ เสริมสารบำรุงมาหลายชนิด ให้ประโยชน์ในด้านของการลดการอักเสบ ระคายเคือง เป็น Antioxidant และให้ความรู้สึกสบายผิว

 

 

  • สูตร Perfect daily

ที่ทางแบรนด์ว่าเป็นกันแดดในอุดมคติ นางได้รับรางวัล Best seller จากรายการ Beauty Talks พอได้ลองก็เข้าใจเลยว่าทำไมได้มา นางมาในเบสแบบเนื้อครีมนุ่มแน่น เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสนุ่ม ไม่หนักผิว ตอนแรกเกลี่ยอาจจะดูเหมือนมีปื้นขาวนิดๆ แต่พอเกลี่ยไปซักครู่ ก็จะหายไปหมด สีขาวๆเหล่านั้นก็คือเม็ดของกันแดดกายภาพนั่นเองค่ะ พอเขาเรียงตัวบนผิวเสร็จ ด้วยขนาดเล็กมาก นางก็จะไม่มีความทึบแสงให้เราเห็น

perfect

นางเป็นกันแดดแบบผสมกายภาพ/เคมี มาในเบสกันแดดแบบอิมัลชั่น ประกอบด้วย น้ำ และซิลิโคนนิดหน่อยพอกรุบกริบ มีส่วนของน้ำมันสังเคราะห์อยู่นิดหน่อย ช่วยเคลือบผิวไม่ให้แห้งตึง เสริมสารบำรุงมามากมายหลายชนิด เด่นไปที่ด้านการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง ช่วยให้ผิวแข็งแรง

 

  • Silky pore sun milk

เป็นกันแดดแบบน้ำนม ที่มีความต่างจากพี่น้อง คือนางมาในขวด เนื้อจะค่อนข้างเหลว เหมือนน้ำนม เกลี่ยง่าย ซึมไว แห้งไวไม่เหนอะหนะ น่าจะเหมาะกับคนที่มีผิวมัน ตัวส่วนผสมจะช่วยอำพรางรูขุมขนได้อีกทาง ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น

 

milk

ในด้านส่วนผสม นางมาในเบสแบบอิมัลชั่น  ทีป่ระกอบด้วยซิลิโคน กับน้ำ ตัวนี้จะมีแอลกอฮอล์อยู่ด้วย เพื่อให้กันแดดแห้งไว ไม่เหนอะหนะ และตอนแอลกอฮอล์ระเหยไปนางจะให้ความรู้สึกเย็นพร้อมกระชับรูขุมขนไปในตัว ส่วนตัวมี่มีผิวแห้งตกบ่ายมาก็จะแห้งตึงหน่อยๆ จึงน่าจะเหมาะกับผิวมันค่ะ

 

ก่อนจะไปวิเคราะห์ส่วนผสมมาตอบคำถามก่อน

กันแดดไซน์นิค มีตั้ง 5 สูตร ใช้อันไหนดี?

อันนี้ไปเอาของแบรนด์มาค่ะ

scinic fb-20180327-01

(ที่มา Scinic)

 

 

ตามความเห็นของมี่นะคะ มี่ทำตารางสรุปจุดเด่นให้ตามนี้ค่ะ

table

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ แต่จะวิเคราะห์หมดทั้ง 5 ตัวก็เกรงจะยาวยืดไปจนไม่น่าอ่าน เลยขอหยิบเอาสูตรที่ชอบที่สุด คือ สูตร Safe Shield มาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ชมกันค่ะ

สผส sun

วันนี้มี่ทำสีส่วนผสมไว้ 3 สีค่ะ

  • สีส้ม เป็นกันแดดชนิดกายภาพ อย่าง Titanium dioxide ซึ่งพวกนี้จะออกฤทธิ์สะท้อนรังสี UV ออกไปแบบไม่จำเพาะเจาะจง นางมีความคงตัวค่อนข้างดี ถ้าเหงื่อไม่ออกไม่ไปล้างไปเช็ด นางก็จะยังคงเรียงตัวอยู่บนผิวสะท้อนรังสีต่อไป
  • สีฟ้า เป็นกันแดดชนิดเคมี มีด้วยกัน 4 ชนิด กันได้ครบถ้วนทั้ง UVA และ UVB ได้แก่
    • Homosalate ช่วยกรองรังสีในช่วง UVB
    • Ethylhexyl salicylate ช่วยกรองรังสีในช่วง UVB
    • Diethylamino hydroxybenzoylhexyl benzoate ช่วยกรองรังสีในช่วง UVA
    • Bis-Ethylhexyloxyphenol methoxyphenyl triazine ช่วยกรองรังสีในช่วงกว้างทั้ง UVA และ UVB
  • สีเขียว เป็นสารบำรุง มีอยู่หลายชนิดเลยค่ะ
    • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีประโยชน์ด้าน Whitening ลดการอักเสบระคายเคือง
    • Adenosine มีประโยชน์ในเชิงการลดริ้วรอย
    • วิตามินอี เป็น Antioxidant
    • สารสกัดพืชทั้งหมด 8 ชนิด มีประโยชน์ในเชิงการเป็น Antioxidant ลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว

enjoysafeshieldsun_720_07.jpg

(ที่มา Scinic Korea)

ตัวเบสมาในเบสแบบอิมัลชั่น มีส่วนผสมของน้ำ ซิลิโคน และน้ำมันอยู่นิดหน่อย ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สารที่ใช้เสี่ยงอุดตันน้อยมาก และมีข้อมูลความปลอดภัยที่ค่อนข้างดี สมกับที่เคลมว่าเหมาะกับ Sensitive skin

 

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ เป็นคะแนนของสูตร Safe shield เด้อ

  1. สารบำรุง รวมเอาสารกันแดดไว้ด้วย ในด้านของสารกันแดดก็ถือว่าทำมาได้ดี เป็นกันแดดแบบผสมกายภาพ/เคมี กันได้ครบถ้วนสมบูรณ์ดี เสริมสารบำรุงที่มีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคืองของผิว และ antioxidant ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เล็ดรอดเข้าไปในผิวได้ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่กันแดดได้ 100% อย่างไรก็ต้องมีรังสี UV เล็ดรอดเข้าผิวได้อยู่ดี การมีพวก antioxidant หรือสารลดการอักเสบพวกนี้ก็จะช่วยปกป้องผิวเราได้ค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดให้หักคะแนน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ตัวกันแดดทำมาได้ค่อนข้างดี เนื้อนุ่ม เกลี่ยง่าย ไม่แห้งไม่มันเกินไปสำหรับผิวมี่ เรื่องกลิ่นก็ไม่ได้แรงจนฉุนไป กำลังซอฟท์ๆ ไม่กวนใจ ทาแล้วสามารถลงรองพื้นได้เลย ไม่เหนอะหนะ ไม่ตีกับรองพื้นจนเป็นคราบ โดยรวมขอให้คะแนนการใช้งานไว้ที่ 4 ฟลาสก์

คะแนน sun

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ไซน์นิค ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ไซน์นิค โดยตรงเลยนะคะ มีจำหน่ายที่วัตสัน ตอนนี้มีโปร ลดราคา เหลือแค่ 450 เท่านั้น ราคาเท่ากับที่เกาหลีคือ 15,000 วอนเลย สำหรับขนาด 50ml. ถือว่าคุ้มมาก

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

 

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มาสค์หน้าน้ำผลไม้ My Juicy bottle mask จากแบรนด์ไซน์นิค (Scinic)

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวมาสค์ที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ เป็นมาสค์น้ำผลไม้จากแบรนด์ไซน์นิค (Scinic) ขาประจำของเรานั่นเองค่ะ

มีชื่อว่า My juicy bottle mask ที่มาในซองรูปขวดดูสวยงามน่ารักดีค่ะ

mask sci.JPG

เป็นมาสค์ที่ทำมา 4 สูตร เพื่อวัตถุประสงค์ในการบำรุงตามปัญหาผิว 4 ด้าน คือ

  • สูตรสีส้ม เป็น Whitening สูตรวิตามินรวมเพื่อผิวกระจ่างใส
  • สูตรสีเขียว เป็น Soothing สูตรว่านหางจระเข้ ทีทรี เพื่อลดการอักเสบระคายเคืองให้ความรู้สึกสบายผิว รวมถึงปัญหาสิว
  • สูตรสีชมพู เป็น Firming สูตรคอลลาเจน มะเขือเทศ กระชับผิว
  • สูตรสีฟ้า เป็น Moisturizing สูตรไฮยา ไม้ไผ่ เพิ่มความชุ่มชื้น

 

ทางแบรนด์เคลมว่าตัวแผ่นมาสค์ใช้เทคโนโลยี Air bag “ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดีให้ความรู้สึกเย็นสบายระหว่างการมาส์ก แนบผิวหน้าสนิท ช่วยให้แผ่นมาส์กไม่หลุดง่าย ส่งผ่านคุณค่าจากสารบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

air bag

(Image from Scinic)

 

ตัวน้ำมาสค์ หรือ Vehicle ทางแบรนด์เรียกว่า Ampoule ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างข้นคล้ายเจลค่ะ อารมณ์เหมือนควักเซรั่มมามาสค์ ไม่เหลวไม่ไหล ไม่หยดย้อยเลอะเทอะ นานๆทีเราจะได้เห็นมาสค์ที่น้ำมาสค์ข้นๆคล้ายเจลแบบนี้

เมื่อเราฉีกซองออกมาเราจะเจอแผ่นมาสค์พับอยู่ค่ะ น้ำมาสค์จะค่อนข้างข้นคล้ายเจล ฉาบอยู่บนแผ่นมาสค์

m 1

แผ่นมาสค์แนบสนิทกับผิวจริงเหมือนที่เค้าเคลมค่ะ

m 2

ค่า pH ของน้ำมาสค์อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

m 3

ส่วนผสมในภาพรวมของมาสค์แต่ละสูตรนางจะมาในเบสแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์ และซิลิโคน ในด้านของสารบำรุง นอกจากสารบำรุงเฉพาะสูตรแล้ว ทุกๆสูตรจะมีสารบำรุงที่เหมือนกัน คือ มี Hyaluron, Panthenol, Allantoin และ Trehalose ซึ่งเด่นในด้านการเติมน้ำ ลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว

โดยรวมถือว่าเป็นมาสค์ที่ทำมาได้ดี และน่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว

 

สำหรับส่วนผสมของมาสค์แต่ละสูตรจะเป็นตามนี้เลยค่ะ

ประเดิมกันด้วยสูตรที่มี่ชอบมากที่สุด สูตรสีส้ม

สีส้ม

สูตรนี้มีสารบำรุงอยู่หลายกลุ่ม ตัวหลักน่าจะเป็นกลุ่มของวิตามินรวม ได้แก่ วิตามินบี 3 บี 5 บี 6 ซี และ อี ซึ่งแค่ลำพังวิตามินเหล่านี้ก็ให้ประโยชน์กับผิวได้ครอบคลุมครบทุกด้านแล้วค่ะ

นอกจากวิตามินรวม ในส่วนผสมยังมีสารสกัดจากพืชตระกูลส้ม ไม่ว่าจะเป็น ส้ม มะนาวเลม่อน มะนาวเขียว และเกรฟฟรุ๊ต ซึ่งมีประโยชน์ในการเติมน้ำให้ผิว และมีส่วนผสมของ AHA จากธรรมชาติอยู่อ่อนๆ

เรียกได้ว่าเน้นบำรุงผิวได้ครบในทุกมิติเลยทีเดียว

 

ส่วนสูตรสีเขียว

สีเขียว

ในด้านสารบำรุงมีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชสมุนไพรและดอกไม้หลายชนิด เปิดมาด้วยสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ที่เด่นเรื่องการเติมน้ำและลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว ตามมาด้วยสารสกัดจาก Tea tree ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะให้ผลในการฆ่าเชื้อและลดสิวได้เหมือน Tea tree oil หรือเปล่า และยังมีสารสกัดจากพืชอีกหลายชนิด  ซึ่งมีประโยชน์โดยรวมไปในทางด้านการลดการอักเสบและระคายเคือง พร้อมให้ความรู้สึกสบายผิว จะได้รองๆมาที่ด้านกระชับรูขุมขน ควบคุมความมัน

 

สูตรสีฟ้าก็ไม่น้อยหน้านะคะ

สีฟ้า

ในด้านของสารบำรุงเปิดมาด้วยสารสกัดจากไผ่ ซึ่งเด่นเรื่องการลดการอักเสบและระคายเคือง ตามมาด้วยชาเขียว ซึ่งมีประโยชน์กับผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Antioxidant ควบคุมความมัน ลดการอักเสบและระคายเคือง นอกจากนั้นก็จะมีแตงกวา กับดอกบัว ซึ่งก็ยังคงเด่นเรื่องลดการอักเสบระคายเคืองและเพิ่มความชุ่มชื้น

 

สุดท้ายสูตรสีชมพู

สีแดง

ในด้านของสารบำรุงซองสีแดงก็ต้องมีของแดงอย่างทับทิมและมะเขือเทศ ซึ่งเป็น Antioxidant ที่ดี มีประโยชน์ในการชะลอวัย เสริมมาด้วสารสกัดจากโสม ซึ่งเรียกได้ว่ามีประโยชน์กับผิวหลายด้าน ซึ่งเด่นไปในด้านริ้วรอยและช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ร่วมกับ Royal jelly น้ำผึ้ง และ Collagen ซึ่งมีประโยชน์ในการเติมน้ำให้ผิว

 

โดยรวมถือว่าทั้ง 4 สูตรทำมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลยค่ะ สมสโลแกน Trustworthy cosmetic ของแบรนด์จริงๆค่ะ

 

ราคาแผ่นละ 59 บาท ช่วงนี้ที่วัตสันมีโปร ซื้อแผ่นที่สองในราคาบาทเดียวค่ะ ก็จะตกแผ่นละ 30 บาท ถือว่าโอเคเลยหละ ราคาเท่ากับที่เค้าขายใน shop ที่เกาหลีเลย ไม่ต้องไปเสียเวลาไปหิ้วให้ยุ่งยากวุ่นวาย

มาให้คะแนนกันดีกว่า

วันนี้ขอให้คะแนนเป็น 2 หัวข้อนะคะ

  1. ส่วนผสม ในส่วนของเบส ตัวมาสค์ทำมาในเบสน้ำ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว และในด้านของสารบำรุงตามสูตร ถือว่าทำมาได้ดีค่ะ ตรงตามวัตถุประสงค์และ Claiming ของแต่ละสูตร ส่วนตัวมี่จะค่อนข้างชอบส่วนผสมของสูตรสีส้มค่ะ จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ตัวแผ่นมาสค์แนบสนิทกับผิวจริง และใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะแห้ง แต่มี่คิดว่า พอกไว้ราวๆ 15 – 20 นาทีก็ดึงออกได้แล้ว ช่วงที่ดึงออกผิวจะนุ่มชุ่มชื้น และดูอิ่มน้ำ ส่วนตัวมี่มีผิวแห้งหลังจากดึงแผ่นมาสค์ออกซักพักแล้วต้องเติมครีมอีกชั้นหนึ่งค่ะ เพราะเราจะรู้สึกว่ามันยังแห้งอยู่นิดๆ แต่ด้วย Feeling ที่ไม่เยิ้มฉ่ำมากจนเกินไปแบบนี้ เราก็สามารถมาสค์เจ้านี่ได้ตอนเช้า ก่อนแต่งตัวได้อยู่ค่ะ มาสค์ในวันสำคัญๆนางจะช่วยให้เมคอัพติดทน แต่งหน้าได้ง่าย เกลี่ยรองพื้นได้เรียบสนิทขึ้นไม่ตกร่องค่ะ จุดนี้ขอให้ไป 4 ฟลาสก์

 

คะแนน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Scinic ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scinic โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

 

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม น้ำตบกาแลกโต สูตรขาวใส Scinic first treatment essence สูตร Glowpick winner 2017

สวัสดีค่ะ

เมื่อกลางเดือนที่แล้ว มี่ได้เล่าให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้เครื่องสำอางและ Skincare ของแบรนด์ Scinic จากเกาหลีมีวางจำหน่ายแบบถูกต้องตามกฎหมายในไทยแล้ว และจะทะยอยๆเอาตัวที่น่าสนใจของเค้ามารีวิวให้ได้ชมกัน

วันนี้ขอเปิดประเดิมด้วยน้ำตบกาแลคโตสูตรขาวใสของเค้า หรือ Scinic first treatment essence กันก่อนเลยค่ะ

ตัวนี้นางเป็น Essence ที่ใช้ Galactomyces ferment filtrate ในความเข้มข้นสูงถึง 90% แล้วเสริมมาด้วยสารบำรุงอีกหลายชนิดค่ะ เดี๋ยวไว้ไปวิเคราะห์ส่วนผสมกันอีกรอบนะคะ

น้ำตบจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

ess 1

ด้านในเป็นขวดแก้วนะคะ

ess 2

ซึ่งแก้วจะมีข้อดีเหนือกว่าพลาสติกคือ ยอมให้อากาศผ่านเข้าออกได้ยากกว่า จึงจะช่วยปกป้องสารสำคัญไว้ได้ดีกว่าค่ะ

ตัวน้ำตบมาในเนื้อแบบเหลว ใส อาจจะมีกลิ่นจางๆของวัตถุดิบอยู่ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

ess 3

เกลี่ยง่าย ซึมไว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ ตบสนุก ตบแล้วลงสกินแคร์อันอื่นทับได้เลย

ess 4

ในส่วนของค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ess 5

ก่อนจะไปดูวิเคราะห์ส่วนผสม อยากบอกว่า น้ำตบตัวนี้ได้รางวัลด้วยนะคะ นางได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมประเภท essence, ampoule และ serum ต่อกัน 2 ปีซ้อน

และได้รับรางวัล Glowpick 2017

พร้อมทั้งได้ตรา KFDA ด้าน Whitening และ Antiaging ค่ะ

ทางแบรนด์ยังบอกว่า นางเป็น Bestselling product บนเว็บ Naver และ ติดอันดับ 1 ในด้านยอดขายและการซื้อซ้ำในเกาหลีค่ะ

sci naver.jpg

ทางแบรนด์เคลมเรื่องของผลลัพธ์ 10 ประการ ใน 10 วัน ได้แก่

  • ผิวขาวกระจ่างใส เปล่งประกายออร่า
  • ผิวนุ่มชุ่มชื้น แต่งหน้าติดทน
  • ผิวกระชับเต่งตึง มีความยืดหยุ่น
  • ปลอบประโลมผิวที่อักเสบ แดง และยังเป็นเกราะป้องกันผิวจากแสงแดดหรือมลภาวะต่างๆ
  • เพิ่มความฉ่ำวาวให้ผิวสวยสุขภาพดีมีมิติ
  • ลดเลือนริ้วรอยร่องแก้ม หน้าผาก รอบดวงตา
  • ผิวเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์
  • ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน
  • เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวที่ขาดน้ำ ต้นเหตุจองผิวแก่กว่าวัย
  • รูขุมขนกระชับ ผิวละเอียดเรียบเนียนดุจกระเบื้องเคลือบ

 

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สผส scinic

จากส่วนผสมวันนี้มี่ทำสีสารบำรุงไว้สองสีค่ะ

เริ่มจากสีฟ้า พระเอกของเรา Galactomyces ferment filtrate เป็นสารที่ได้จากการเลี้ยงยีสต์ Galactomyces ค่ะ

มีรายงานการวิจัยระบุว่าสามารถเพิ่มความแข็งแรงของ Barrier ที่ผิวหนังชั้นนอก โดยไปเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ Caspase-14 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในการแปรสภาพโปรตีน Filaggrin ให้กลายเป็น กรดอะมิโนที่ทำหน้าที่เป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF เพื่อช่วยในการดักจับน้ำรักษาความชุ่มชื้นของผิว (Arch Dermatol Res. 2013; 305(8):683-9.) มีคุณสมบัติลดการสังเคราะห์เม็ดสีผิว Melanin (J Am Acad Dermatol. 2014; 70(5)S1:AB127.)

พูดง่ายๆคือ เป็นตัวช่วยให้ผิวแข็งแรง อุ้มน้ำได้ดีขึ้น และเป็น Whitening ได้

 

ส่วนสีเขียว เป็นสารบำรุงอื่นๆที่เสริมเข้ามา มีอยู่ 6 ตัว ได้แก่

  • Niacinamide เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 อันนี้เราพูดถึงกันบ่อยมาก นางมีประโยชน์มากมายทั้ง เสริมการสังเคราะห์ไขมันทีเป็น Barrier ผิว ทั้งเป็น Whitening ผ่านการขัดขวางการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก และลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว รวมไปถึงด้านสิวด้วย
  • Adenosine มีประโยชน์ในการชะลอวัย ลดริ้วรอย
  • สารสกัดจากราสเบอร์รี่ ประกอบด้วยน้ำตาล และวิตามินต่างๆ มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • กลุ่มสารบำรุงที่ม่ีประโยชน์ในการลดการอักเสบและระคายเคือง ได้แก่ สารสกัดจากชะเอม Purslane และน้ำทะเล

 

ในภาพรวมคือ สารบำรุงที่จัดมา เน้นไปที่ด้านของการช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น เก็บกักน้ำได้ดีขึ้น ลดการอักเสบและระคายเคือง รวมไปถึงด้าน Whitening และริ้วรอย

ส่วนตัวเบสเป็นแบบน้ำ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซิลิโคน และแอลกอฮอล์

ไม่มีน้ำหอม พาราเบน และสีสังเคราะห์

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ สำหรับวันนี้ส่วนผสมค่อนข้างน้อย เลยขอให้คะแนนเป็น 2 หัวข้อใหญ่ๆ คือ ส่วนผสม และการใช้งานนะคะ

  1. ส่วนผสม เป็นน้ำตบที่มาในเบส GFF ในความเข้มข้น 90% ซึ่ง GFF มีประโยชน์ในการช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และ Whitening เสริมมาด้วยสารบำรุงอื่นๆ เน้นไปที่ด้านของการช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น เก็บกักน้ำได้ดีขึ้น ลดการอักเสบและระคายเคือง รวมไปถึงด้าน Whitening และริ้วรอย ในตัวเบสมีส่วนผสมของสารที่ช่วยดักจับน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ตัวน้ำตบจะค่อนข้างเหลว ถ้าเทใส่มือแล้วตบเลยโดยตรงอาจจะเลอะเทอะได้นิดหน่อย ต้องกะปริมาณดีๆ ในด้านของความชุ่มชื้น ส่วนตัวมี่ผิวแห้งอาจจะต้องหา Moisturizer อื่นๆมาทับอีกชั้นหนึ่ง ถึงจะเพียงพอ ส่วนคุณสมบัติ 10 ประการ ตามที่แบรนด์เคลม หลังจากที่มี่ลองมาเกือบๆ 2 อาทิตย์ ถือว่า ได้ไป 8 จาก 10 ข้อ จะติดก็เรื่องริ้วรอย กับ Whitening จุดด่างดำ ซึ่งช่วงนี้เราไม่ค่อยมีอยู่แล้ว เลยเห็นไม่ค่อยชัด ส่วนด้านชุ่มชื้น นุ่มฟู เต่งตึง นี่ถือว่าปลื้มปริ่มมากค่ะ ขอให้ไป 4 ฟลาสก์

 

คะแนน ess

นางมาในขนาด 150 ml ราคา 1090 บาท ตกเป็น 7.27 บาท/ ml ที่สำคัญช่วงเดือนมีนาคม 2561 นี้ นางจัดโปร ชิ้นที่สองบาทเดียวอยู่ที่ Watsons นะคะ ถ้าซื้อโปรชิ้นที่ 2 บาทเดียว จะตกที่ 3.64 บาท/ml ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว

watson

(Image from Watsons Thailand)

 

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Scinic ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Scinic โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/SCINICThailand/

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Scinic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม DermArtlogy Ageless cream สูตรปรับปรุงใหม่ กับ ampoule ทั้ง 5 สูตร พร้อมแบบสอบถามวิเคราะห์สภาพผิวตาม Baumann skin typing system

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่เอารีวิวครีม Ageless ตัวดังตัวใหม่ สูตรปรับปรุงจากแบรนด์ DermArtlogy มาฝากทุกคนกันค่ะ

DermArtlogy เป็นแบรนด์เวชสำอางน้องใหม่ในเครือของบริษัท Neopharm ประเทศเกาหลี ที่ผลิตครีมชื่อดังอย่าง Atopalm นั่นเองค่ะ

โดยตัว Ageless cream นี้ ก็มีการใช้เทคโนโลยี MLE (Multi-lamella emulsion) แบบแบรนด์ Atopalm ชื่อดังค่ะ

ในสูตรใหม่นี้ ทางแบรนด์เคลมว่า มีการเพิ่มส่วนผสมที่เสริมกระบวนการ Autophagy ของผิว เป็น 2 เท่ากันเลยค่ะ

หน้าตาของ Ageless cream สูตรใหม่เป็นแบบนี้ค่ะ

derm 1

ตัวแพคเกจจะดูหรูหรามากขึ้นกว่าสูตรเก่า เปลี่ยนจากขวดพลาสติก มาเป็นแบบพลาสติกอคริลิก ชนิด airless pump ที่มีความสวยงาม สีม่วงลาเวนเดอร์

ด้านตัวกล่องก็ปรับใหม่ค่ะ มาในความเรียบหรูและสวยงามมากขึ้น

derm 7

ที่ด้านหลังจะมีคำเคลมพร้อมกับส่วนผสมอยู่ค่ะ

derm 9

ก็จะพูดถึงเรื่องของ Aquatide กับ Technology MLE ซึ่งเดี๋ยวมี่มาเล่าให้ฟังอีกทีตอนถึงช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ และทำให้ครีม Ageless เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของสาว(และหนุ่ม)ผิวแพ้ง่ายก็คือเรื่องของการพัฒนาสูตรมาเป็นแบบ 10 non-added formula

derm 10

ซึ่งสารเหล่านี้ก็จะไม่ค่อยเป็นมิตรกับผิวเท่าไหร่ค่ะ

ล่าสุด Phenoxyethanol ที่เขาว่า safeๆ กัน ก็เริ่มเจอว่าทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บ้างแล้วหล่ะ เรียกได้ว่าทางแบรนด์ก็เกาะกระแสตัดออกไปเป็นรายแรกๆเลย

มาดูตัวครีมกันบ้างนะคะ

เนื้อครีมจะคล้ายๆกับสูตรเดิมค่ะ

derm 2

เกลี่ยง่าย ลื่นๆหน่อย แห้งไว ไม่เหนอะหนะและหนักผิว

derm 3

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5 – 6 ค่ะ ถือว่าใกล้เคียงกับผิวดี

derm 4

ในด้านของส่วนผสม เป็นดังนี้ค่ะ

สผส ageless ใหม่

ว่าแต่อะไรคือ Autophagy?

Autophagy เป็นศัพท์เทคนิคทางชีววิทยา หมายถึง ปฏิกิริยาที่เซลล์ในร่างกายทำลายเซลล์อีกเซลล์หนึ่ง แล้วนำเอาองค์ประกอบภายในเซลล์ที่โดนทำลายไป ไป Recycle สร้างเซลล์ใหม่ออกมาทดแทน เพื่อให้ร่างกายทำหน้าที่ได้อย่างปกติ

ที่ผิวหนังพบว่าการ Autophagy ของเซลล์ผิวหนังจะทำให้เซลล์ผิวทำงานได้ดีขึ้น มี Barrier ที่แข็งแรงขึ้น จึงสามารถลดการระเหยของน้ำออกจากผิวได้ดี ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น (ค่า TEWL ลดลง)

โดยทางแบรนด์เคลมว่าส่วนผสมที่เสริมการเกิด Autophagy นี้ก็คือเจ้า Aquatide กับ Caprylamide MEA ค่ะ

 

ถ้าเราลองดูส่วนผสมจะมีส่วนของสารไขมันทดแทนผิว ร่วมกับ Pseudoceramides เปปไทด์ 1 ชนิด และ hyaluron ค่ะ

โดยสีม่วง จะเป็นกลุ่มของไขมันทดแทนผิวนะคะ

สีเขียว คือ Pseudoceramides ที่เป็นนวัตกรรมสิทธิบัตรของเครือ Neopharm เขา

  • Myristoyl/palmitoyl oxostearamide/arachamide MEA ตัวนี้มีชื่อย่อว่า PC-9S เป็นสิทธิบัตรของทาง Neopharm อิงตามสิทธิบัตรอเมริกา US patent US6221371B1 ของปี 2001 Claim ว่าให้ประโยชน์ในการเหนี่ยวนำให้ผิวสร้างไขมันใหม่ออกมาฟื้นฟู Barrier ผิวที่เสียหาย มีรายงานการวิจัยทดสอบประสิทธิภาพของสารนี้ในหนูทดลอง พบว่า ตัวนี้เมื่อใช้ร่วมกับไขมันชนิดที่มีในผิว (Physiological lipids) สามารถกระตุ้นให้ผิวเรามีการสร้างตัวรับที่มีชื่อว่า PPAR-α ออกมา ซึ่งมีประโยชน์ในการลดการอักเสบของผิว และสามารถต้านผลเสียของสเตียรอยด์ที่ไปทำให้ผิวบาง Barrier ผิวเสื่อม น้ำระเหยออกจากผิวได้มาก การใช้ PC-9S จะช่วยเร่งการฟื้นฟู Barrier ผิวได้ดีขึ้น (Arch Dermatol Res. 2015 Nov;307(9):781-92.)
  • ส่วนผสม Caprylamide MEA กับ Hexacarboxymethyl dipeptide-12 คู่นี้ทางแบรนด์ Claim ว่าเป็นคู่ที่ช่วยส่งเสริมการเกิดกลไก Autophagy ของผิว ซึ่ง Autophagy เป็นกลไกในการซ่อมแซมตนเองของร่างกาย โดยกำจัดชิ้นส่วนที่มีความเสื่อมออกไป เอาชิ้นส่วนไป recycle เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูและสร้างชิ้นส่วนหรือองค์ประกอบใหม่ๆขึ้นมาทดแทนส่วนเก่าที่เสื่อมสภาพไป ช่วยให้ผิวกลับคืนสู่สมดุล ลดความเครียด และลดความเสื่อมสภาพของผิว

 

สีฟ้า: Hexacarboxymethyl dipeptide-12 มีชื่อทางการค้าว่า Aquatide ของบริษัท incospharm ประเทศเกาหลีเช่นกัน สารตัวนี้ผู้ผลิตวัตถุดิบเรียกเป็น “Skin vaccine” เป็นวัคซีนผิวที่ทาลงไปแล้วให้ผิวแข็งแรง โดยสารมีคุณสมบัติเพิ่มการทำงานของ Barrier ผิว ลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ และมลภาวะ ลดการอักเสบ และปรับสมดุลให้แก่ผิว

มีรายงานการวิจัยกล่าวว่า ระบบนำส่งสารรูปแบบ MLE นี้สามารถเพิ่มการนำส่งสารเข้าสู่ผิว และสามารถลดและป้องกันผลเสียของสเตียรอยด์ในการทำให้เกิดอาการผิวบางได้ (Ann Dermatol. 2013 Feb;25(1):5-11.) ผลตรงนี้จึงน่าจะเอามาประมาณการณ์ได้คร่าวๆว่า ผลิตภัณฑ์แบบ MLE น่าจะมีประโยชน์ในการฟื้นฟูผิวที่ผ่านสเตียรอยด์มา

 

Ageless cream นี้ทางแบรนด์ก็จะเอามาใช้ร่วมกับ Ampoule อีก 5 สูตร ซึ่งมี่เคยรีวิวไว้แค่ 4 สูตร วันนี้เลยขอเอามารวบใหม่อีกรอบเลยนะคะ

derm 6

จะเห็นว่า Ampoule มี 5 สูตร  เราจะเลือกใช้อย่างไร ก็ต้องวัดกันจาก Baumann skin typing system ค่ะ

derm 5

อะไรคือ Baumann skin typing system??

Baumann skin typing system

การแบ่งสภาพผิวแบบนี้มีแนวคิดมาจาก คุณหมอ Leslie Baumann แพทย์ผิวหนัง และนักวิจัยระดับโลกที่มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารทาง Dermatology มากมาย รวมถึงหนังสือตำราอีกหลายเล่ม

นางคิดว่า สภาพผิวคน แค่ 4 อย่าง คือ Normal, Dry, Oily, Combination เนี่ย ไม่พอหรอก นางเลยจัดสรรการแบ่งสภาพผิวใหม่ โดยแบ่งผิวออกเป็น 16 ชนิด ตามปัจจัย 4 ด้าน

คือ

  1. การสร้างน้ำมันของผิว ถ้าผิวสร้างน้ำมันไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวแห้ง จะจัดเป็นสภาพผิว D คือ Dry แต่ถ้าผิวไม่แห้ง จะเป็น O คือ Oily
  2. ความทนทานของผิว คือ ผิวบอบบาง คือ S หรือ Sensitive skin และ ผิวแข็งแรง คือ R หรือ Resistant
    • ผิวบอบบางไม่ได้มีแค่การแพ้อย่างเดียว แต่ผิวบอบบางมีด้วยกันถึง 4 ประเภทค่ะ ได้แก่ ผิวที่เป็นสิวได้ง่าย ผิวที่มีความแดง ผิวที่ระคายเคือง และ ผิวที่เกิดการแพ้ค่ะ (ถ้าสนใจอ่านเรื่อง sensitive skin เพิ่ม สามารถตามไปได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>Click เพื่ออ่านเรื่อง sensitive skin<<)
  3. สีผิว สีผิวสม่ำเสมอ คือ N หรือ Non-pigmented ถ้ามีสีผิวไม่สม่ำเสมอ จะเป็น P หรือ Pigmented
  4. ริ้วรอย ถ้ามีริ้วรอย หรือ มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอย เช่น ทำงานกลางแดด สูบบุหรี่ ชอบอาบแดด จะจัดเป็น W หรือ Wrinkle แต่ถ้าไม่มี หรือ อายุน้อย จะจัดเป็น T คือ Tight

เอาสภาพผิวพวกนี้มาทำเป็นตาราง 4 * 4 ก็จะได้สภาพผิว 16 ชนิดนั่นเองค่ะ

baumann

ทีนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะเป็นผิวแบบไหน ทางแบรนด์เค้าก็มีแบบสอบถามสำหรับตรวจสภาพผิวมาให้ค่ะ มี่เลยขอแปลเป็นไทยให้ทุกท่านทำไปด้วยกันนะคะ ^^

เราจะทำไปด้วยกันทีละข้อเลยนะคะ และเอามาเรียงกันเพื่อเลือก ampoule ตามสภาพผิวค่ะ

q 1q 2q 3q 4

(All questionnaires were translated and adapted from dermArtlogy)

อย่างของมี่ จะเป็นแบบ DSNT นะคะ

  • Step1: D/O – D or O ถ้าผิวแห้งเลือก Ampoule Hydrating ถ้าผิวมันเลือก Ampoule Oil control
  • Step2: S/R – ผิวแดง ระคายเคืองง่ายหรือไม่ ถ้าใช่พิจารณาเพิ่ม Ampoule Calming
  • Step3: P/N – มีปัญหาผิวจุดด่างดา ผิวหมองคล้ำหรือไม่ ถ้าใช่พิจารณาเพิ่ม Whitening Ampoule
  • Step4: W/T – มีปัญหาริ้วรอยหรือผิวหย่อยคล้อยหรือไม่ ถ้าใช่พิจารณาเพิ่ม Revitalizing Ampoule (ถ้าอยากชะลอวัยก็สามารถใช้ Revitalizing ampoule เสริมได้นะคะ)

พอเราได้ Ampoule ตามที่เหมาะกับสภาพผิวที่เราต้องการแล้วก็ให้นำเอา Ampoule มาผสมกับ Ageless cream ในอัตราส่วน 1:1 แล้วทาทั่วใบหน้า เช้า/เย็น โดยใช้แค่อย่างเดียวขั้นตอนเดียวก็พอ เพื่อเป็นการประหยัดเวลา (แต่กลางวันก็อย่าลืมทากันแดดนะคะ)

ลองดูส่วนผสมของ ampoule แต่ละสูตรกันอีกซักรอบนะคะ

สีน้ำเงิน: Hydrating

สผส hydra

ตัวนี้อาศัย Hya เป็นตัวชูโรงหลัก โดยทำหน้าที่ดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให่ผิว

 

สีเขียวแก่: oil-control

สผส oil

มีส่วนผสมของ Enantia chlorantha bark extract กับ Oleanolic acid สองตัวนี้คือวัตถุดิบ Evermat ของประเทศฝรั่งเศส มีคุณสมบัติควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และให้ผลดีเรื่องสิว โดยไปมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5alpha-reductase ซึ่งเป็นตัวสร้างฮอร์โมนเพศชายชนิด Dihydrotestosterone ที่มีฤทธิ์แรงขึ้น เป็นสาเหตุของสิว ผิวมัน และผมร่วง

นอกจากคู่นี้ก็ยังมี Zinc PCA ที่มีผลควบคุมความมัน และมี Hyaluron กับ กรดอะมิโน arginine ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว

สีเขียวอ่อน: Calming

สผส calm

ตัวนี้อาศัย Madecassoside ที่เป็นสารพฤกษเคมีที่พบในใบบัวบก เป็นตัวชูโรง สารนี้มีคุณสมบัติลดอักเสบ เป็น Anti-oxidant มีผลชะลอวัย กระตุ้น Fibroblast ให้สังเคราะห์ Collagen ได้ดีขึ้น และส่งเสริมกระบวนการสมานผิว ร่วมกับ Zinc gluconate ที่นอกจากจะเป็นสารฆ่าเชื้อ ลดการเกิดสิวแล้วมีประโยชน์หลายๆอย่างกับผิว เช่น ควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และส่งเสริมการสมานผิว

ตัวอื่นๆที่เสริมมาจะเป็น hyaluron และกรดอะมิโน Arginine ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว

สีม่วง: Revitalizing

สผส revi

เป็นสูตรที่อัดแน่นมาด้วย Peptide และสารที่มีประโยชน์ด้านริ้วรอย เช่น

  • sh-oligopeptide-1 เป็น Growth factor ชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า EGF มีคุณสมบัติเด่นในการลดริ้วรอย โดยมีรายงานการวิจัยรองรับว่ามีประโยชน์ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขนและช่วยปรับ Texture ของผิวให้เรียบเนียนขึ้น (J Drugs Dermatol. 2012;11(5):613-20.)
  • Palmitoyl pentapeptide-4 มีชื่อทางการค้าว่า Matrixyl ออกฤทธิ์กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน อิลาสติน และ Glycosaminoglycan ในผิว ตัวนี้มีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการรองรับถึงประสิทธิภาพ (Int J Cosmet Sci. 2005;27(3):155-60)
  • Adenosine ก็เด่นเรื่องริ้วรอยเช่นกัน
  • Biotinoyl hexapeptide-2 amide เปปไทด์เชิงซ้อนของเกาหลี มีชื่อทางการค้าว่า Biotide ซึ่งเป็น peptide เชิงซ้อนที่จับกับวิตามิน Biotin ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่าช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน ช่วยให้ผิวนุ่มฟูโดยมีผลเพิ่มการสะสมไขมันเฉพาะที่ และลดการอักเสบในผิว

นอกจากสารกลุ่ม peptide เหล่านี้แล้วก็เสริมมาด้วย hyaluron และ กรดอะมิโน arginine ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว มีวิตามินอีเป็น Antioxidant และปิดท้ายด้วย Beta-glucan ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสมดุลผิวให้แข็งแรง

และสูตรสีน้ำตาล

สผส white

ส่วนผสมจะค่อนข้างเรียบง่าย แต่จัดมาหนัก ในด้าน Whitening นั้น นางอาศัยผลจาก Ascorbic acid หรือ วิตามินซี ร่วมกับ Arbutin เป็นหลัก เสริมมาด้วยกลุ่มของ Antioxidant อย่าง Ferulic acid ที่ได้จากธรรมชาติ และ วิตามินอี

ดูไปก็แอบคลับคล้ายคลับคลาว่า ส่วนผสมของ Ascorbic acid + Ferulic acid + Vitamin E นี่มันก็แอบเสริมฤทธิ์กันอยู่นะคะ

นอกจากนั้นยังเสริมเอา Allantoin กับ Panthenol เข้ามาเพื่อให้คุณสมบัติด้านการลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว และมี Arginine เป็นกรดอะมิโนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

เบสมาในเบสน้ำ ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิวค่ะ

 

ว่าแล้วก็มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง: เป็นการเลือกใช้ Ageless cream เป็นตัวเบสหลัก แล้วให้เสริม Ampoule สูตรตามปัญหาผิวที่ต้องการ ในตัวของ Ageless cream ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี ใช้สวนผสมที่มีนวัตกรรม และสิทธิบัตร รวมถึงมีงานวิจัยรองรับ เน้นไปที่การฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง ทีนี้พอ Barrier เราแข็งแรง ปัญหาผิวต่างๆก็จะค่อยๆหายไปเอง และการเลือกใช้คู่กับ ampoule จะตอบปัญหาผิวได้ค่อนข้างหลากหลาย การใช้ร่วมกันก็ประหยัดเวลาในการดูแลผิวได้เยอะเลย ตอบโจทย์วิถีชีวิตอันเร่งรีบของคนปัจจุบันค่ะ และด้วยความน่าสนใจ และแปลกใหม่ของเทคโนโลยี Autophagy ที่ได้รับรางวัลโนเบลด้วย จุดนี้คงต้องขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน จากช่วงก่อนส่วนตัวมี่จะชอบผสม Ageless cream คู่กับแอมพูลสีม่วง Revitalizing แต่ตอนนี้เราพัฒนาขึ้นค่ะ เราผสม Ageless cream สูตรใหม่กับ แอมพูลสีม่วง และสีน้ำเงินไปพร้อมๆกัน เนื้อสัมผัสของสูตรใหม่ไม่ค่อยต่างกับสูตรเดิมเท่าไหร่ค่ะ สูตรชุดนี้มี่จะเน้นเสริม Hyaluron เข้ามาช่วยเติมน้ำให้ผิวอีกทาง จะเติมแต่น้ำมันก็คงไม่เหมาะ เลยต้องเติมน้ำเข้ามาเสริมด้วย หลังจากใช้สูตรผสมชุดนี้เกือบเดือน สิ่งที่พบเลยก็คือ ผิวจะไม่ลอกเป็นขุย แม้ตอนนี้เชียงรายจะเริ่มหนาวมาก ปากแตกไปแล้ว แต่หน้ายังอยู่ หน้านุ่ม ชุ่มชื้น ฟู และเวลาเราตบๆมันจะมีความเด้งค่ะ เหมือนตบลูกโป่งน้ำ (ตบเบาๆนะคะ เดี๋ยวเจ็บ 55) โดยรวมมี่ก็ยังค่อนข้างชอบนะคะ ป่านนี้นางคงรอขึ้นแท่นลูกรักปีนี้ไปละ เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์

คะแนน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางเพจ Dermskinstore และทางแบรนด์ DermArtlogy ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ DermArtlogy โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/DermArtlogyThailand/

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DermArtlogy การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้าและไม่ได้รับค่าตอบแทนในการรีวิว โปรดใช้วิจารณญาณ