Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม amt Light Emulsion Rejuvenating & Brigthening

Blog นี้ขอหยิบเอาอิมัลชั่นเนื้อเบาๆ สบายผิว สมชื่อ Light Emulsion จากแบรนด์ amt มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

ส่วนนี้จะเป็นหน้าตาของน้อง

ด้านนี้จะเป็นด้านหลังกล่อง ที่กล่าวถึงคอนเซปท์ที่น่าสนใจของการเลือกใช้ออยล์บำรุง (inner oil) 90 ส่วน ประกบคู่กับออยล์เคลือบ (Surface oil) 10 ส่วน เพื่อดูแลผิวให้ชุ่มชื้น

เนื้อเป็นน้ำนม บางเบา ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยง่ายให้ฟีลเย็นสบายผิว ให้ความชุ่มชื้นดี

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ส่วนผสมมาแบบเรียบง่าย คลีนๆ แต่ก็ครบนะ

ในด้านสารบำรุง ทางแบรนด์เลือกใช้น้ำมันจากเมล็ด Macadamia ซึ่งมีกรดไขมัน Oleic acid เป็นองค์ประกอบหลัก และมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น Phytosterol, วิตามินอี ฟอร์ม tocopherol, tocotrienol และ squalene (Processes 2022, 10(1), 56 และ Foods. 2021;10(5):1031.)

พวกนี้มีประโยชน์กับผิวหลายอย่าง อย่าง Phytosterol นี่ก็มีคุณสมบัติในการดูแลระคายเคือง ส่วนวิตามินอีเป็น antioxidant และ Squalene เป็นไขมันชนิดเดียวกับที่พบใน Sebum ของเรา

เสริมมาด้วย Hydrogenated lecithin ซึ่งเป็น phospholipid ให้ความชุ่มชื้นผิวได้อีก

และที่น่าสนใจ คือ อนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glutamic acid ที่ชื่อ Phytosteryl/octyldodecyl lauroyl glutamate ตัวนี้มีชื่อทางการค้าว่า Eldew PS203-R ซึ่งเป็นการดัดแปลงกรดอะมิโน Glutamic acid ให้มีความเป็นไขมันมากขึ้น แล้วกลายเป็นว่า การจัดเรียงโครงสร้างไปคล้ายกับ Ceramide ที่ฟอร์มตัวเป็น Liquid crystal ได้

ทางผู้ผลิตวัตถุดิบได้ทดสอบประสิทธิภาพในการฟื้นฟู Barrier ผิวที่เสียหายในอาสาสมัคร ให้อาสาสมัครปิด patch ที่มี Sodium lauryl sulfate เพื่อทำให้ Barrier เสีย แล้วทาตำรับที่มีสารนี้ เทียบกับวาสลีน พบว่าสามารถฟื้นฟู Barrier ผิวที่เสียหายได้ดีกว่า ก็คือน่าสนใจดี

เติมไขมันเสร็จ ก็เติมน้ำด้วย Saccharide isomerate ที่จับกับโปรตีนบนผิวได้ค่อนข้างดี จึงให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนาน

ส่วนสารบำรุงจะเป็น Niacinamide หรือ B3 ที่มีประโยชน์ต่อผิวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Whitening, เสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น Barrier ผิว ดูแลการระคายเคือง คู่กับวิตามินอี เป็น Antioxidant ที่ละลายไขมันได้

ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ค่อนข้างดี และเอาใจใส่ ขนาดสารขึ้นเนื้อครีม ก็เลือกใช้ตัวที่ค่อนข้างอ่อนโยน อย่าง Glyceryl citrate/lactate/linoleate/oleate ตัวนี้ได้จากธรรมชาติ (เมล็ดทานตะวัน) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ Vegan ให้ครีมที่มีเนื้อบางเบาแบบนี้เลย ดีงามมาก

ทางไปช้อปปิ้ง

Shopee https://s.shopee.co.th/7V28zksRbG

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่ม AcneVit Forte ดูแลสิวแบบเสริม AOX มาพร้อมสารบำรุงฉ่ำ

วันนี้ขอเอาเซรั่มดูแลสิวแบบไม่ต้องมี BHA มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

น้องก็คือ Acnevit เจ้าเก่าที่ปรับสูตรใหญ่ มาใหม่ฉ่ำมาก 

กลับมาคราวนี้ มาในสูตร Forte จัดเต็มแบบสับแบบฉ่ำ 

ตัวนี้เป็นหน้าตาสูตรใหม่นะคะ 

ทบทวนความจำกับสูตรเดิมซักหน่อย

พอได้เห็นแล้วบางคนถึงกับร้องอ๋อเลยทีเดียว ตัวนี้ฉันเคยใช้

สูตรใหม่นี้ปรับออกมาได้ค่อนข้างดี ครบ และเหมาะมากในการดูแลปัญหาผิวมันค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาวิเคราะห์ส่วนผสมกันต่อไปนะคะ

ส่วนนี้จะเป็นตัวกล่องของผลิตภัณฑ์ บนหน้ากล่องก็คือชัดเจน โปร่งใส ใส่อะไรบ้าง กี่%

เปิดกล่องมาน้องจะอยู่ในช่องแบบนี้นะคะ

ปล. อันนี้แอบแกะใช้ไปแล้ว ถ้าเป็นขวดใหม่ ตัววงแหวนสีฟ้าจะติดสนิทค่ะ ก็เหมือนเป็นการการันตีสินค้าอย่างหนึ่ง ว่าสินค้าชิ้นนี้โดนแกะมาก่อนถึงมือเราหรือเปล่า

เนื้อเป็นเซรั่มสีน้ำนม มีกลิ่นเฉพาะตัว ซึ่งเป็นกลิ่นของสารบำรุง/ส่วนผสมในสูตรนะคะ น้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ง่าย จะมีความเคลือบๆ นิดๆ แต่ไม่ถึงกับเหนอะหนะ

มาดูส่วนผสมกันนะคะ

ในภาพรวมเป็นเซรั่มที่มาในเบสน้ำนม ไม่มีซิลิโคน แอลกอฮอล์ และสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ในด้านสารบำรุง เรียกได้ว่าจัดมาค่อนข้างเยอะ

เริ่มด้วย กลุ่มที่ให้ประโยชน์กับสิวก่อนเลย

คอมบิเนชั่นของ Nordihydroguaiaretic Acid และ Oleanolic Acid ร่วมกับสารอื่น มีชื่อว่า AC.NETTM มีเคลมจากผู้ผลิตว่าสามารถยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับสิว ทั้ง C. acnes และ ยีสต์ M. Furfur ที่อาจทำให้รูขุมขนอักเสบ มีผลทดสอบว่าสามารถควบคุมการสร้างน้ำมัน ลดจำนวนสิวในอาสาสมัคร หรือ Sebum ผ่านการยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ลดการอักเสบระคายเคือง ปรับสมดุลการแบ่งตัวของเซลล์ Keratinocyte ในหนังกำพร้า

คอมบิเนชั่นของ Caprylic/Capric triglycerides กับ Ethyl Linoleate และ Hexylresorcinol คือ Synactin® AC ใส่มาแบบสับที่ 3% ออกฤทธิ์ผ่านหลายๆ กลไก ในการดูแลสิว ไม่ว่าจะเป็น

  1. ควบคุม/ปรับสมดุลการทำงานของต่อมไขมัน
  2. ลดจำนวนแบคทีเรียในต่อมไขมัน
  3. ปรับสมดุลการสร้าง-เจริญ ของ Keratinocyte ในรูขุมขน และ เสริม Barrier ให้แข็งแรง
  4. ลดการอักเสบระคายเคือง
  5. ลดโอกาสเกิดจุดด่างดำหลังสิวหาย ผ่านการลด Post-inflammatory hyperpigmentation

เสริมวิตามินบี 3 เข้ามา 2% ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ

กลุ่มถัดมาเป็นด้าน Whitening ใส่เข้ามาเพื่อดูแลปัญหารอยสิว

ได้แก่ Tranexamic acid (TXA) ใช้ 3% เต็ม max ของการเป็นเครื่องสำอาง มีรายงานว่า TXA สามารถยับยั้ง Plasmin ปกติ Plasmin เป็นตัวตั้งต้นก่อนจะไปกระตุ้นฮอร์โมน α-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นให้ Melanocyte ทำงานเพิ่มขึ้น (J Am Acad Dermatol 2011;October:699-714.) การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า TXA ไปลดการสร้าง tyrosinase enzyme และโปรตีนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสี และเสริมกระบวนการ Autophagy ของถุงเก็บเม็ดสี Melanosome ทำให้สีผิวจางลง (J Dermatol Sci. 2017;88(1):96-102.)

ใช้ร่วมกับ Bakuchiol (Sythenol® A) ใส่มา 1% Bakuchiol นี้นอกจากจะให้ประโยชน์แบบวิตามินเอแล้ว แล้วยังมีจุดเด่นอื่นๆ เช่น สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว (C. acnes) รวมไปถึงเชื้อ Staphylococcus aureus ที่ทำให้เกิดหนอง ยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ยับยั้งกระบวนการอักเสบผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Cyclooxygenase (COX) และ Lipoxygenase ซึ่งถือว่าโดดเด่นไม่เบา

ในด้านสิว มีงานวิจัยเมื่อปี 2021 ทดสอบประสิทธิภาพครีมที่มี Bakuchiol 0.5% ในอาสาสมัครที่เป็นสิว และเป็นรอยดำจากสิว (PIH) โดยให้ทาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า จำนวนสิวลดลง รอยดำลดลง (J Drugs Dermatol. 2021;20(3):307-310.)

กลุ่มถัดมาเป็นพวก Antioxidant สารที่ดูแลไมโครไบโอม และส่วนผสมอื่นๆ

ขอเริ่มที่

Acetyl Zingerone (Synoxyl® AZ) จัดมา 1% เป็น Antioxidant ที่น่าสนใจ จัดอยู่ในกลุ่ม Physical quencher ที่สามารถรีไซเคิล ฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้เมื่อเจออนุมูลอิสระ ทำให้ได้คุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระได้ยาวนาน มีคุณสมบัติในการจับอิออนโลหะ (Ion chelator) ซึ่งเวลามีอิออนโลหะ จะสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระได้ผ่านปฏิกิริยาชื่อ Fenton reaction ปกป้องผิวจากรังสี UV โดยวัดจากจำนวน DNA ที่เสื่อมสภาพกลายเป็น CPD ลดลง ตัวมันเองทนต่อแสง UV ด้วยอีก 1 กรุบ (Photostable)

มีงานวิจัยตีพิมพ์รองรับในวารสาร Antioxidants (Meyer et al., Antioxidants 2023, 12(6), 1168) และส่วนผสมนี้ยังมีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบว่าเป็นมิตรกับ Microbiome ด้วย

Symsitive (4-butyl resorcinol) ลดความรู้สึกระคายเคืองผิว ผ่านการลดความไวในการตอบสนองที่ระบบประสาทรับความรู้สึกร้อน TRPV-1 ทำให้เรารู้สึกสบายผิว มีการทดสอบประสิทธิภาพของครีมที่มี 4-t-Butylcyclohexanol ในการลดการระคายเคืองของผู้ป่วยที่มีอาการผิวอักเสบบริเวณรอบปาก โดยให้ทาครีมดังกล่าวเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น รวมถึงมีค่าความชุ่มชื้น และมีการระเหยของน้ำออกจากผิว (TEWL) ลดลง แสดงให้เห็นว่า Barrier ผิวกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น (J Cosmet Dermatol. 2020;19(6):1409-1414)

Silymarin (สารสกัดจาก Milk thistle หรือ Silybum marianum extract) ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง มีหลายรายงานที่พูดถึงคุณสมบัติในการดูแลปัญหาฝ้า

PrebiulinTM FOS เป็นตัวเบลนด์ของ Inulin และ Fructose มีประโยชน์เป็น Prebiotic ที่สนับสนุนการเจริญของจุลินทรีย์เจ้าบ้าน รวมถึงให้ประโยชน์ในด้านความชุ่มชื้น

เสริมมาด้วยสารสกัดจากบัวบก (Centella asiatica extract) ที่ให้ประโยชน์หลายประการ ทั้งด้าน antioxidant สมานแผล ดูแลเรื่องรอยแผลเป็นจากสิว

ในภาพรวมก็คือดูแลสิวได้ครบ ทั้งปรับสมดุลไมโครไบโอม ควบคุมความมัน ดูแลรอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็นจากสิว โดยไม่ต้องใช้ BHA ซึ่งอันนี้เป็นจุดเด่นมาก

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ส่วนผสมของสารบำรุงที่ทางแบรนด์เลือกมาเสริมกันได้อย่างลงตัว และดูแลปัญหาสิวได้ครบ จบทั้งหมด ทั้งปรับสมดุลไมโครไบโอม ควบคุมความมัน ดูแลรอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็นจากสิว โดยไม่ต้องใช้ BHA คนผิวบอบบางแพ้ง่ายก็น่าจะใช้ได้ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาสิว แต่ก็ใช้หวังผลเรื่อง Antioxidant โดยตัวเองชอบ Synoxyl® AZ อยู่พอควร เลยเอามาใช้ทั้งเช้า-เย็น เนื้อค่อนข้างเบา แทรกลงรูทีนได้ง่าย เรื่องของการคุมมันคิดว่าทำมาได้ดีอยู่ แต่ไม่ถึงกับแห้งจนแห้งเกินไป ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Acnevit/Biobalance ประเทศไทย นะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/BiobalanceOfficialThailand

ทางไปช้อปปิ้ง

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/2fvumyvIHZ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.GsqAl?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

#AcnevitForte

#เซรั่มAoxของคนผิวมันเป็นสิวง่าย

#เซรั่มลดสิวเพื่อผิวบอบบางไม่ง้อAHABHA

#เซรั่มลดสิวไม่ทิ้งรอยAllInOneAcneClear

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Zeroid Pimprove Moisturizer มอยส์เริ่ดๆ soothing ฉ่ำๆ เพื่อคนผิวมัน

สำหรับ Blog นี้ จะหยิบเอามอยส์ที่น่าสนใจสำหรับคนผิวมัน มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย มารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันนะคะ

ผลิตภัณฑ์วันนี้ก็คือ Zeroid Pimprove moisturizer นั่นเองค่ะ

เนื้อเป็นเนื้อครีม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลยจะได้กลิ่นของวัตถุดิบอยู่จางๆ

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้สัมผัสเบา เย็น สบายผิว ซึมไวแห้งไวไม่เหนอะหนะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้

ถ้าพูดถึงแบรนด์ในเครือ Neopharm ตัวเทคโนโลยีหลักเลยที่ทุกคนรู้จักและนึกถึงเป็นตัวแรกๆ คือ MLE

ส่วนผสมของ MLE จะเป็นคอมบิเนชั่นของสารหลายๆ ชนิด ในสัดส่วนที่เหมาะสม

  • ปกติแล้วในผิวเราจะมีไขมันที่ทำหน้าที่เป็น Barrier ผิว ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ Ceramide + Cholesterol และ กรดไขมัน ไขมันเหล่านี้มันจะเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบซึ่งมีด้วยกันหลายรูปผลึก ส่วนหนึ่งเป็นรูปแบบ Liquid crystal
  • เจ้า MLETM นี่เป็นสูตรผสมของ Pseudoceramide (Myristoyl/palmitoyl oxostearamide/arachamide MEA หรือ Ceramide-9S) ร่วมกับ Phytosterol และกรดไขมัน Stearic acid เรียงตัวในรูปแบบที่คล้ายกับ Liquid crystal ของผิว เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ชนิด Polarized light จะเห็นเป็นเครื่องหมายกากบาท เรียก Maltese cross

(Image from Zeroid global official website)

ด้วยความที่การเรียงตัวเหมือนกันกับ Barrier ผิวเรา เลยมีแนวโน้มว่าทำหน้าที่ปกป้องผิวทดแทน Barrier ของผิว

ถัดมาจะเป็นตัว RestomideTM

RestomideTM หรือ Oleamide MEA ลดการอักเสบและระคายเคือง ผ่าน Cannabinoid receptor Type 1 (CB1) บนผิว เมื่อจับแล้วส่งผลดังนี้

  1. ลดการปลดปล่อยสารที่ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบจาก Keratinocyte (เซลล์ในชั้นหนังกำพร้า)
  2. ลดการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนที่ผิดปกติของเซลล์ Ketatinocyte แล้วไปเสริมกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง (Differentiation) กระบวนการนี้ให้ประโยชน์ในการลดการอุดตันของผิวได้ส่วนหนึ่ง
  3. ลดการอักเสบระคายเคือง ผ่านระบบภูมิคุ้มกัน
  4. เมื่อจับกับ CB1 Receptor ที่เส้นประสาท จะให้ประโยชน์ในการลดการนำส่งสัญญาณความเจ็บปวด และความรู้สึกคัน

ส่วนผสมของสารบำรุงอื่นๆ ที่เติมมาได้แก่

  • Beta-glucan ซึ่งเป็น prebiotic มีประโยชน์ในการสนับสนุนการเจริญของจุลินทรีย์ดีๆ หรือ probiotic บนผิว การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Beta-glucan ที่สกัดจากข้าวโอ๊ตมีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ผิว ให้โตเต็มวัย ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และฟื้นฟู Barrier ผิว (Int J Biol Macromol. 2021;185:876-889.)
  • Sodium hyaluronate เติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น
  • Allantoin ดูแลการระคายเคือง

มาในเบสครีมที่บางเบา ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ในภาพรวม จะเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ฟื้นฟูความแข็งแรงของ Barrier ผิวด้วยเทคโนโลยี MLE ดูแลการระคายเคือง ด้วย RestomideTM พร้อมทั้งปรับสมดุลการสร้าง-เจริญ-ผลัดทิ้งของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า ซึ่งน่าจะให้ประโยชน์ในการปรับสมดุลลดการอุดตันผิว เนื้อมาแบบบางเบา ไม่เหนอะหนะ จึงเหมาะกับคนผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ถ้ามองเรื่องเสริมชั้นผิวสำหรับคนผิวมัน นี่ว่าโอเคนะ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวมีผิวผสม-แห้ง มอยส์ตัวนี้ทำมาได้เบาๆ สบายผิว เวลาเกลี่ยจะให้ความรู้สึกเย็น สดชื่น ถ้าวันเบาๆ หรือ หลังอาบน้ำแล้วยังขี้เกียจจัดรูทีนชุดใหญ่ไฟกระพริบ ทาอันนี้ไปพลางๆ สบายผิวดี ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Zeroid สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Zeroid โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ZeroidThailand

ทางไปช้อปปิ้ง

ช้อปปี้ https://s.shopee.co.th/3LCFLiL6Rk

ลาซาด้า https://s.lazada.co.th/s.uJrDP?cc

Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Zeroid การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มอยส์เจอไรเซอร์ดูแลปัญหาสิวด้วยเทคนิค 3 ปฏิบัติการ จาก La Roche-Posay รุ่น Effaclar Duo+M

Blog นี้ขอหยิบเอาสกินแคร์ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลผิวที่เป็นสิวง่ายจากแบรนด์ La Roche-Posay มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

ผลิตภัณฑ์ใน Blog นี้ก็คือ Effaclar Duo+M ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาขึ้นจากสูตรเดิมนั่นเอง

โดยน้องจะมาในหน้าตาแบบนี้

ส่วนนี้จะเป็นกล่องที่เวลาเราไปเจอบนเชลฟ์ใน Drugstore

อยากโฟกัสไปที่ Microbiome Science ที่จะได้เล่าต่อไปค่ะ

เรามาดูเรื่องของการเกิดสิวแบบย่อๆ อีกสักรอบนะคะ

สิว คือ อาการอักเสบของต่อมไขมันที่บริเวณรูขุมขน (Pilosebaceous unit) ซึ่งก็จะมีหน้าตาประมาณภาพนี้

โดยการเกิดสิวนั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ไม่ได้เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์เพียงอย่างเดียว แต่มีสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วย โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 เสาหลักแห่งสิว ได้แก่

  • การที่เซลล์ในปากปล่องรูขุมขนแบ่งตัวออกมามากเกินไปจนผลัดทิ้งไม่ทัน หรือ มีการสร้างโปรตีน Keratin ที่ผิดปกติ ทำให้การผลัดผิวตามธรรมชาติเกิดได้ยาก กลายเป็นก้อนซากเซลล์ ที่อุดตันอยู่ในปากปล่องรูขุมขน
  • การสร้างน้ำมันที่มากเกินไปจากต่อมไขมัน (Sebaceous gland) พอมาเจอกับก้อนโปรตีนซากเซลล์ ที่ขวางปากปล่องรูขุมขนก็สะสมกองรวมกันอยู่ตรงนั้น
  • เชื้อจุลินทรีย์ โดยตัวหลักคือ Cutibacterium acnes หรือ C. acnes (ชื่อเดิมในวงการคือ Propionibacterium acnes หรือ P. acnes) ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แต่รวมไปถึงเชื้อตัวอื่นๆ ด้วย และนับรวมเอาความไม่สมดุลของ Microbiome ซึ่งเป็นเหมือนชุมชนของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ บนผิว โดยเจ้า C. acnes นี่จะกินน้ำมันเป็นอาหาร แล้วปลดปล่อยสารที่ไปก่อให้เกิดการอักเสบต่างๆ ตามมา
  • ระบบภูมิคุ้มกันของเรา ที่ไปต่อต้านเชื้อ C. acnes และ ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบต่างๆ ขึ้นมา

ถ้าจำลองเป็นซีรี่ส์ ก็จะเห็นว่าการอุดตันนี่เป็นเหมือนต้นตอแห่งการเกิดสิวเลย เพราะถ้าไม่อุดตัน ไขมันก็ขับออกได้ตามปกติ เชื้อ C. acnes มันก็จะไม่โตมากไป แล้วก็จะไม่เกิดสิวเกิดการอักเสบ ถ้าดูแลตรงจุดที่เริ่มอุดตันนี้ได้ ก็คือจบเรื่อง สยบวงการก่อสิว

วันนี้เราจะโฟกัสกันที่ C. acnes อีกหน่อย

จุลินทรีย์ C. acnes มีอยู่ 6 phylotypes หลักๆ ได้แก่ IA1, IA2, IB, IC, II และ III ซึ่งมีข้อมูลว่า

  1. เมื่อสมดุล phylotypes ของ C. acnes เสียไป จะทำให้เป็นสิว
  2. เจ้า IA1 นี่แหละ ที่เป็นนางร้ายกาจที่สุด โดยมีการศึกษาพบว่า ถุง extracellular vesicles (EVs) ที่ C. acnes IA1 สร้างออกมา ทำให้ผิวเราเกิดกระบวนการอักเสบ โดยตรวจวัดได้จากปริมาณสารก่อการอักเสบกลุ่ม Cytokines และ Antimicrobial peptides เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับความรุนแรงของการเกิดสิว (Ref: Cheng et al. Exp Dermatol. 2024;33(8):e15150.)

โดยส่วนผสมใน Effaclar Duo+M ที่เพิ่มมาใหม่ คือ โมเลกุลของ Phylobioma มีผลทดสอบว่าสามารถปรับสมดุล Phylotypes ของ C. acnes ให้กลับมาสู่ปกติเหมือนคนสุขภาพดี

และโมเลกุลนี้ยังช่วยลดการสร้าง Biofilm ที่เหมือนเป็นเกราะฟิล์มเคลือบให้เชื้อเกาะผิวดีขึ้น ของเชื้อ C. acnes ลดกระบวนการอักเสบ ปรับสมดุลการสร้างและขับ Sebum และปรับสมดุลการสร้างผิวไม่ให้มีมากจนเกินกว่าที่ผิวเราจะผลัดไหวและสะสมจนเกิดเป็นการอุดตันขึ้นมา

ปัญหาสิวยังไม่จบแค่สิวมันโผล่มา แต่พอสิวหายก็ยังทิ้งปัญหาต่อเนื่องไม่จบไม่สิ้น ไม่ว่าจะเป็นรอยแดง (เรียก Post-acne erythema; PAE) รอยดำจากการอักเสบ (Post-inflammatory hyperpigmentation; PIH) รวมไปถึงอาจจะเกิดรอยแผลเป็น ถ้าตอนเป็นสิวนั้นเป็นมากจนเกิดการทำลายโครงสร้างของรูขุมขนไป

สำหรับผลิตภัณฑ์ Effaclar Duo+M นี้ มีกลไกหลัก 3 ประการ ได้แก่

  1. ลดสิว
  2. ลดเลือนรอยดำรอยแดงสิว
  3. ลดโอกาสสิวเกิดซ้ำ

ตัวผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในทางคลินิกในกลุ่มอาสาสมัครตั้งแต่ช่วงอายุ 10 ปี ขึ้นไป โดยแพทย์ผิวหนัง

หลังใช้ 8 ชั่วโมง

  • 74% พบว่าปัญหาสิวดูลดลง
  • 78% รอยสิวดูจางลง
  • 89% ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

และใน 28 วัน 89% ของอาสาสมัครมีปัญหาสิวลดลง

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ซึ่งในชุด Effaclar Duo+M ที่ปรับมาใหม่นี้ จะมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Phylobioma ซึ่งเด่นเรื่องของการปรับสมดุล Phylotypes ของ C. acnes โดยไปลด C. acnes IA1 ที่ก้าวร้าวดุร้าย และปรับสมดุลจุลินทรีย์ให้กลับมาสู่ปกติเหมือนผิวคนสุขภาพดี

นอกจากนี้โมเลกุลนี้ยังช่วยลดการสร้าง Biofilm ที่เหมือนเป็นเกราะฟิล์มเคลือบให้เชื้อเกาะผิวดีขึ้น ของเชื้อ C. acnes ลดกระบวนการอักเสบ ปรับสมดุลการสร้างและขับ Sebum และปรับสมดุลการสร้างผิวไม่ให้มีมากจนเกินกว่าที่ผิวเราจะผลัดไหวและสะสมจนเกิดเป็นการอุดตันขึ้นมา

มาดูรายละเอียดของสารบำรุงในสูตรนี้กัน

เริ่มต้นที่ Niacinamide หรือ วิตามินบี 3 มีประโยชน์ที่ดีกับผิวที่มีปัญหาสิวหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้านของการดูแลการอักเสบระคายเคือง เป็น Whitening ผ่านการยับยั้งการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมาข้างนอก ซึ่งอาจจะให้ผลดีในแง่ของรอยดำจากสิวไปด้วย มีรายงานวิจัยศึกษาถึงประสิทธิภาพของ Niacinamide ในการดูแลสิว โดยใช้ 4% niacinamide พบว่าให้ผลดีในการลดสิวในกลุ่มอาสาสมัครที่มีผิวมัน (Int J Dermatol. 2013;52(8):999-1004.)

ถัดมาจะเป็นกลุ่มของสารที่มีประโยชน์ในการควบคุมความมันใช้สีฟ้าเป็นตัวแทน

  • Silica และ Rice starch ดูดซับน้ำมัน ความมันส่วนเกิน
  • สารสกัดจากทับทิม มีสารในกลุ่ม Tannin ซึ่งมีประโยชน์ในการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน
  • Zinc PCA ที่มีประโยชน์ในการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และยังมีรายงานการวิจัยกล่าวว่า มีคุณสมบัติปกป้องพวกคอลลาเจนในผิวจากรังสี UVA ได้ในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง โดยไปลดการสร้างเอนไซม์ MMP-1 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนในผิวทำให้เกิดความหย่อนยานและริ้วรอย (Int J Cosmet Sci. 2012; 34(1):23-8.) ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า สารนี้มีประโยชน์เป็นสารเติมน้ำให้ผิว (Humectant) ระงับเชื้อบางชนิด ควบคุมความมัน ลดริ้วรอยและชะลอวัย (TDS Ajidew® ZN-100, Ajinomoto Ltd.)

กลุ่มกรดอินทรีย์ที่ดูแลปัญหาสิว รวมไว้เป็นสีบานเย็น

  • Salicylic acid ที่จัดเป็นสารในกลุ่ม BHA ลดการอุดตันภายในรูขุมขนโดยการไปสลาย Comedone (สิ่งอุดตัน)
  • Capryloyl salicylic acid จัดเป็นสารในกลุ่ม Lipohydroxy acid หรือ LHA ซึ่งมีประโยชน์ในการผลัดผิวแบบอ่อนๆ ดูแลเรื่องการระคายเคือง และลดเลือนรอยดำจากสิว

สารบำรุงอื่นๆ ได้แก่

  • Mannose เป็นสารในกลุ่มน้ำตาล มีข้อมูลสนับสนุนว่า Mannose มีประโยชน์ในการดูแลเรื่องการอักเสบ/ระคายเคืองของผิว โดยมีการทดสอบในหนูทดลองที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นสะเก็ดเงิน พบว่าลดการสื่อสารระหว่างเซลล์ภูมิคุ้มกัน T-Helper cell กับเซลล์ผิว Keratinocyte ส่งผลให้การอักเสบต่างๆ ลดลง ทั้งในรูปแบบรับประทานและแบบทาภายนอก (Int Immunopharmacol. 2023;118:110087.) ซึ่งก็อาจจะมีประโยชน์ในการดูแลความรู้สึกระคายเคืองจากสิว
  • 2-Oleamido-1,3-Octadecanediol ตัวนี้เป็นสารสิทธิบัตรของเครือ L’Oréal มีชื่อเล่นว่า ProceradTM ซึ่งเป็นสารในกลุ่มของ Ceramide นอกจากจะดูแล Barrier ผิวแล้ว น้องยังไปลดการสร้างเม็ดสีผิว ที่อาจจะมีประโยชน์ในการดูแลรอยดำจากสิวไปพร้อมๆ กัน

เทียบโครงสร้างของ Procerad กับ แกนโครงสร้างหลักของ Ceramide จะเห็นว่ามีส่วนหัวที่เหมือนกัน

  • Vitreoscilla ferment filtrate มีงานวิจัยของ La Roche-Posay ทดสอบสารสกัดจากแบคทีเรีย Vitreoscilla filiformis ที่เลี้ยงในน้ำแร่ลาโรชโพเซย์ พบว่าสามารถกระบวนการสังเคราะห์ mRNA และ peptide ที่เป็นสารฆ่าเชื้ออกมาจากผิวได้มากขึ้น มีผลเพิ่มสาร Antioxidant และเอนไซม์ที่ช่วย Detox อื่นๆ จึงเป็นการเสริมสร้างระบบป้องกันตัวเองของผิว (Defense system) (Clin Cosmet Investig Dermatol. 2013; 6:191-6.) ทางแบรนด์เรียกว่าเป็น Aqua Posae Filiformis (ขอย่อว่า APF) ซึ่งมีประโยชน์ในการปรับสมดุลของ Microbiome และเสริมความแข็งแรงให้แก่ Barrier ผิว เมื่อนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์จะให้ประโยชน์ในการดูแลอาการคัน ระคายเคืองทั้งจากผิวแห้ง และจากปัญหาสิว จึงเรียกได้ว่า APF มีความน่าสนใจตัวหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับการดูแลสิวผ่านทาง Microbiome และการระคายเคืองผิว
  • Piroctone Olamine เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อยีสต์บางชนิด เช่น Malassezia furfur (อีกชื่อคือ Pityrosporum ovale) เป็นยีสต์ที่อาศัยอยู่บนผิวเราตามธรรมชาติ ยีสต์ตัวนี้กินไขมัน (Sebum) เป็นอาหาร ถ้ามีมากเกินไปจนระบบ microbiome เสียสมดุล ก็จะทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด เช่น Seborrheic dermatitis (เซ็บเดิร์ม) หรือ กลุ่มอาการรูขุมขนอักเสบ ที่เรียกกันในวงการว่าสิวยีสต์ (Malassezia (Pityrosporum) folliculitis, fungal acneiform) (J Clin Aesthet Dermatol. 2014; 7(3): 37–41.)

มันจะมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่พึ่งออกมาในปี 2023 ในคนไทย เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปรับสมดุล Microbiome บนผิวของครีมสูตรผสม Aqua Posae Filiformis, lipohydroxy acid, salicylic acid, linoleic acid, niacinamide และ piroctone olamine เทียบกับ BP และกรดวิตามินเอ พบว่า Combination นี้สามารถปรับสมดุล Microbiome ให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น แต่ในขณะที่ กลุ่มอาสาสมัครที่ใช้ BP และกรดวิตามินเอนั้นมีความหลากหลายของ Microbiome ที่ลดลง (Wongtada et al. Exp Dermatol. 2023 Jun;32(6):906-914.)

ปกติแล้วผิวที่สุขภาพดีจะมีความหลากหลายของ Microbiome อยู่สูง นั่นก็แปลว่า สูตร combination นี้สามารถดูแลผิวให้มีสุขภาพดีได้นั่นเอง (แต่ในครีมรุ่นที่นำมารีวิวนี้ไม่มี Linoleic acid นะ แต่ ในซีรี่ส์ Effaclar บางชิ้นเป็น combination นี้ค่ะ)

ในภาพรวมส่วนผสมที่ทางแบรนด์เลือกใช้สามารถดูแลปัญหาสิวและปัญหากวนใจที่มากับสิวได้ครบจบทุกวงจรของการเกิดสิว ซึ่งสามารถสรุปได้ดังภาพ

ในส่วนของเนื้อครีมเบส และส่วนผสมอื่นๆ ก็ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว และสูตรชุดนี้ผ่านการทดสอบการระคายเคืองและประสิทธิภาพในอาสาสมัครมาแล้ว

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง (Actives) เรียกได้ว่ามีอยู่ค่อนข้างหลากหลาย และดูแลผิวได้ผ่านหลายกลไกทั้งในทุกระดับของการเกิดสิว ตั้งแต่ก่อนเป็นสิว สิวขึ้น รอยสิว และการกลับเป็นซ้ำของสิว โดยจะค่อนข้างเด่นในแง่ของเรื่อง Microbiome และการดูแลเรื่องปัญหาการระคายเคืองผิว รอยแดง รอยดำ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. เนื้อหลัก (Base) เบสเป็นแบบเจลครีม ส่วนผสมเลือกมาได้ค่อนข้างดี รับไป 5 ฟลาสก์
  3. สารปรุงแต่ง (Additives) ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ La Roche-Posay สาขาประเทศไทยที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ เพียบพร้อมด้วยการศึกษา และมี Mechanism ที่น่าสนใจ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Official facebook: @LaRochePosayThailand (https://www.facebook.com/LaRochePosayThailand)

หรือท่านที่จะตามไปส่องสินค้าบน Official Mall ก็เรียนเชิญได้เลยค่ะ

ตัวสินค้ามีด้วยกัน 2 ขนาด หลอดเล็กสำหรับมือใหม่อยากลองใช้ 7.5 ml ราคา 219 บาท หลอดปกติ 40 ml ราคา 1090 บาท (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่น)

ทางไปชอปปิ้ง ขนาด 7.5 ml

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/1LPraJ6abx

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.teYdu?cc

ทางไปช้อปปิ้ง ขนาด 40 ml

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/40QclF01tb

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.teYeA?cc

Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ La Roche-Posay ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมโทนเนอร์ AHA•BHA•PHA 30 Days Miracle Toner จาก Some by Mi

Some by Mi เป็นอีกแบรนด์ที่ส่วนตัวค่อนข้างชอบ และในเกาหลีจะมีสินคล้าหลายไลน์ที่ในไทยไม่ได้นำเข้ามา อยากให้มีในบ้านเราบ้างค่ะ

หลังจากน้องรีแบรนด์ใหม่ด้วยคอนเซปท์ “New cleanical solution” ก็คือเรียกได้ว่าอินเทรนด์มากๆ ตอบรับเทรนด์ Clean beauty และ Cleanical beauty (= Clean + Clinical efficacy) ซึ่งเลือกใช้ส่วนผสมที่ทั้งมีความปลอดภัย (Clean ingredients) และมีประสิทธิภาพ (Clinical efficacy)

Blog นี้เลยขอหยิบเอา Miracle toner ซึ่งเป็นโทนเนอร์ตัวดังของแบรนด์มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

โดยหน้าตาน้องหลังรีแบรนด์แล้วเป็นแบบนี้ค่ะ

ซึ่งบ้านเราจะมี Pack สุดพิเศษที่เรียกว่าเป็น New exclusive edition ที่มีหน้าตาแบบนี้นะคะ

โดยในเซ็ตจะเป็นเซ็ตที่ซื้อขนาดปกติ (150 ml) แถมไซส์เล็ก 30 ml ซึ่งเหมาะกับสาวน้อยนักเดินทางแบบเรา พกพาสะดวก

เนื้อของโทนเนอร์จะเป็นเนื้อเหลว มีกลิ่นในโทนเย็นสดชื่นของทีทรีและน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินท์ที่เป็นส่วนประกอบ

ซึ่งค่า pH ที่วัดได้อยู่ที่ประมาณ 5

ซึ่งทางเราและทีมงานก็มีความสงสัย เพราะ AHA ควรจะออกฤทธิ์ที่ pH ประมาณ 3.8 – 4.0 แต่ใดๆ คือ การวัดด้วยกระดาษอาจจะไม่แม่นยำ และคลาดเคลื่อนได้ และทางแบรนด์ก็มีผลการทดสอบประสิทธิภาพทางคลินิก ทั้งในด้านของประสิทธิภาพและความปลอดภัยรองรับ

ในด้านของการทดสอบประสิทธิภาพนั้นพบว่า การให้อาสาสมัครใช้โทนเนอร์ร่วมกับเซรั่มและครีมในไลน์ AHA•BHA•PHA พบว่าปริมาณความมัน หรือน้ำมันบนผิว (Sebum) ลดลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก และที่ 4 สัปดาห์ลดลงถึง 43.41% เมื่อเทียบกับก่อนใช้

และยังผ่านการทดสอบการระคายเคือง (คะแนนค่าเฉลี่ยการระคายเคือง = 0.00 แปลว่าไม่ระคายเคือง) และ ผ่านการทดสอบว่าไม่อุดตันรูขุมขน

ในด้านของส่วนผสมเป็นดังนี้

ในส่วนของสารบำรุงนั้น เปิดมาด้วย Niacinamide (แบรนด์เคลม 2%) ซึ่งมีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายอย่าง และให้ประโยชน์ในการดูแลผิวมัน ผิวที่มีปัญหาสิว

เสริมมาด้วยสารบำรุงอื่นๆ ที่ให้ประโยชน์ในผิวมัน และผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ได้แก่

กลุ่มผลัดผิว

  • BHA เป็นตัว Salicylic acid ที่ใส่มาในความเข้มข้น 100 ppm (คำนวณกลับมาได้ 0.01%)
  • PHA ใช้ตัว Lactobionic acid ที่ความเข้มข้น 100 ppm (0.01%)
  • AHA เป็น Citric acid ที่ความเข้มข้น 500 ppm (0.05%)
  • สารสกัดจากมะละกอ ที่มีเอนไซม์ให้ประโยชน์ในการย่อยโปรตีน ช่วยผลัดผิวแบบอ้อมๆ

กลุ่มดูแลผิวอื่นๆ

  • สารสกัดจาก Tea tree (10,000 ppm หรือ 1%) ที่มีข้อมูลถึงคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับสิว ร่วมกับ Raspberry ketone ที่ในสูตรเป็นสารเสริมประสิทธิภาพสารกันเสีย แต่ตัวมันเองก็มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดได้
  • Lens esculenta seed extract หรือ สารสกัดจากถั่วเลนทิล ไม่แน่ใจว่าใช่ p-RefinylTM ของ Silab ไหม ซึ่งข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าเป็น Oligosaccharide ที่ได้จากถั่วเลนทิล มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเรียบเนียน ผ่านการลดการปลดปล่อยน้ำมันส่วนเกิน กระตุ้นการสร้าง collagen I และ เสริมกระบวนการ Maturation ของ Keratinocyte ทำให้สมดุลการสร้าง-เจริญ-ผลัดทิ้งของเซลล์หนังกำพร้าสมบูรณ์ ในภาพรวมก็คือ ดูแลเรื่องกระชับรูขุมขน (Ref TDS, Silab)

ในส่วนของภาพนี้เป็นประสิทธิภาพในการกระชับรูขุมขนของสาร p-Refinyl ของบริษัท Silab

  • Witch hazel extract ที่มีประโยชน์ในการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน
  • Adenosine ที่อาจให้ประโยชน์ในการดูแลริ้วรอย เสริมการทำงานของผิวตามธรรมชาติ
  • สารสกัดจากดอกบัว และ Allantoin ดูแลเรื่องการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว

กลุ่มเติมน้ำ ได้แก่ สารสกัดจากรังนก, Fructan, Hydroxyethyl urea และ Xylitol

ในสูตรมี Buffer ที่เป็นคู่ของ Citric acid + Sodium citrate ที่ช่วยควบคุมค่า pH ให้คงที่

ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง แม้ว่าสารที่ใส่มาจะไม่ได้จัดมาในความเข้มข้นที่สูงมาก แต่ตัวที่ทางแบรนด์เลือกใช้ก็คือทำมาได้ตอบโจทย์สำหรับคนผิวมัน และมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ทั้งในส่วนของการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และการผลัดผิว เสริมมาด้วยการเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น จุดนี้ขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในด้านของเนื้อสัมผัส ส่วนตัวคิดว่าเอามาเช็ดเป็นโทนเนอร์ที่เอามาทำความสะอาดผิวหลังล้างหน้าเสร็จแล้ว และเตรียมผิวได้ดีตัวหนึ่ง ไม่แห้งตึง และส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาระคายเคือง หรือยุบยิบอะไร และด้วยความเข้มข้นที่ไม่สูงมาก คิดว่าน่าจะเหมาะกับมือใหม่ที่อยากเริ่มพวก peeling ตั่งต่าง ในด้านของกลิ่น เอาจริงตัวเองไม่ได้แฟนซีกับกลิ่นของทีทรี แต่เมื่อเขาเอามาผสมกับมินท์ คิดว่ามันสดชื่นดีและลงตัวมากๆ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

แนบลิงค์ทางไปตำ

จากการสำรวจ ณ วันที่ 28 ก.ค. 67 บนแอพฟ้า แพค New Exclusive ซื้อ 1 แถม 1 นะคะ

https://s.lazada.co.th/s.LHsOZ?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์เซรั่มดูแลสิว Acniben® Night Concentrate Anti-Blemish serum จาก ISDIN

วันนี้ขอหยิบเอาเซรั่มดูแลสิวที่น่าสนใจมาวิเคราะห์ส่วนผสมเล่าสู่กันฟัง

โดยเซรั่มนี้มีชื่อว่า Acniben® Night Concentrate Anti-Blemish serum จากแบรนด์ ISDIN ที่พึ่งเปิดตัวไม่นานมานี้

เจ้า Acniben® Night Concentrate ที่ว่า มีหน้าตาประมาณนี้

ด้านในจะเป็นหลอดที่มีเทคโนโลยีแอบแฝงอยู่ด้วยค่ะ

นวัตกรรมแบบใด?

คือ ตรงก้นหลอดจะมีซีลอะลูมิเนียมปิดผนึกอยู่ ให้แกะออก แล้วกดตรงก้น คล้ายๆ แบบจับปากกา ตัว Retinaldehyde จะออกมาพร้อมกับเนื้อเบส ทำให้ได้ Retinaldehyde ที่มีความคงตัวและเหมือนเราได้ผสมสดใหม่ในทุกหยดที่เรากดค่ะ

วิธีใช้ก็คือ กด 5 ปั๊ม วอร์มบนมือ แล้วลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า

เนื้อเซรั่มจะมีสีเหลืองอ่อน ซึ่งเป็นสีตามธรรมชาติของ Retinaldehyde มีกลิ่นในโทนสดชื่น แนว Herb + Green

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ฟีลนุ่มลื่น ก่อนซึม/แห้งไปจนไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิว ซึ่งเรียกได้ว่าค่อนข้างตอบโจทย์คนที่มีปัญหาสิว ซึ่งมักจะเป็นคนที่มีสภาพผิวมัน

อารัมภบทเล็กน้อยก่อนไปวิเคราะห์ส่วนผสม

Acniben® Night Concentrate เป็นเซรั่มดูแลสิวที่มีการนำเสนอผลการวิจัยและการทดสอบประสิทธิภาพในการประชุมวิชาการแพทย์ผิวหนัง EADV Congress ปี 2023 ณ กรุงเบอร์ลิน (EADV ย่อมาจาก European Academy of Dermatology and Venereology)

โดยน้องมีความน่าสนใจและผ่านการทดสอบประสิทธิภาพกลุ่มอาสาสมัครที่มีปัญหาสิวดื้อ สิวเรื้อรัง พบว่าให้ประสิทธิภาพในการลดสิวเรื้อรังในกลุ่มอาสาสมัครลงได้ 45% เมื่อใช้เป็นเวลา 4 สัปดาห์

และด้วยความเป็น ISDIN เราไม่ต้องกังวลเลย เพราะทางแบรนด์ได้ทดสอบประสิทธิภาพของตัวผลิตภัณฑ์ทั้งระดับหลอดทดลองและในอาสาสมัคร ขอเลือกเฉพาะบางผลการทดสอบมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

  • ยับยั้งการเกาะติดของเชื้อสิว Cutibacterium acnes (C. acnes) บนผิว ได้ถึง 99% เมื่อทดสอบในผิวหนังที่เพาะเลี้ยง (Skin explants) ซึ่งให้ผลเทียบเท่า Benzoyl peroxide หรือ BP

(ภาพจาก ISDIN Thailand)

  • ยับยั้งการปลดปล่อยสารก่อการอักเสบชนิด IL-1alpha ได้ถึง 61%
  • ความมันบนใบหน้าลดลง 37.6% ใน 4 สัปดาห์
  • รอยแดงลดลง 30.4% ใน 12 สัปดาห์

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวมน้องเป็นเซรั่มที่มาในเบสแบบน้ำนม (Emulsion) มีส่วนผสมของสารบำรุงที่เน้นไปในทางการควบคุมความมัน ผลัดผิวแบบอ่อนๆ ดูแลการระคายเคือง และใช้ Retinaldehyde เป็นสารบำรุงสำหรับดูแลสิว

ลองมาดูส่วนผสมของสารต่างๆ ในสูตรกัน

  • Retinal (Retinaldehyde) เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอ ที่มีความแรงสูงกว่า Retinol เมื่อลงผิวจะแปรสภาพ 1 ขั้นตอน ได้ Retinoic acid ที่ออกฤทธิ์ได้เลย สำหรับประโยชน์ของ Retinal ที่ดีในด้านสิว ก็ได้แก่ การควบคุมและปรับสมดุลการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน-ผลัดเซลล์ผิวเพื่อลดการอุดตันทั้งในระดับของ Comedone (สิวอุดตันที่เกิดมาแล้ว) และ Microcomedone (การอุดตันน้อยๆที่รอวันเกิดออกมาจากรูขุมขน) ควบคุมความมัน และดูแลเรื่องการอักเสบ
    • มีรายงานว่าการใช้ Retinal สามารถเสริมกับยาในทางการแพทย์ เช่น กรณีศึกษาของ Morel และ คณะ (1999) พบว่าการใช้ Retinal 0.1% สามารถเสริมฤทธิ์กับ Erythromycin ที่เป็นยาปฏิชีวนะในอาสาสมัครที่มีสิวรุนแรงน้อย – ปานกลางได้เป็นอย่างดี (Clinical and Experimental Dermatology. 1999;24(5):354-357.)
  • กลุ่มสารลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) ได้แก่
    • 4-t-Butylcyclohexanol มีชื่อทางการค้าว่า Symsitive® ลดความรู้สึกระคายเคืองผิว ผ่านการลดความไวในการตอบสนองที่ระบบประสาทรับความรู้สึกร้อน TRPV-1 ทำให้เรารู้สึกสบายผิว มีการทดสอบประสิทธิภาพของครีมที่มี 4-t-Butylcyclohexanol ในการลดการระคายเคืองของผู้ป่วยที่มีอาการผิวอักเสบบริเวณรอบปาก โดยให้ทาครีมดังกล่าวเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น รวมถึงมีค่าความชุ่มชื้น และมีการระเหยของน้ำออกจากผิว (TEWL) ลดลง แสดงให้เห็นว่า Barrier ผิวกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น (J Cosmet Dermatol. 2020;19(6):1409-1414)
    • Betaine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine นอกจากเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว น้องยังช่วยปรับฟีลเนื้อสัมผัสให้ครีม และดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว
  • กลุ่มสารควบคุมความมัน ได้แก่
    • Silica ด้วยความที่อนุภาคของ Silica มีรูพรุน น้องเลยดูดซับน้ำมันได้ ให้ผลดูดซับ Sebum ที่ผิวเราปลดปล่อยออกมาในระหว่างวันZinc PCA ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า สารนี้มีประโยชน์เป็นสารเติมน้ำให้ผิว (Humectant) ระงับเชื้อบางชนิด ควบคุมความมัน ลดริ้วรอยและชะลอวัย (Ref: TDS Ajidew® ZN-100, Ajinomoto Ltd.)
    • Bixa Orellana Seed Extract สารสกัดจากคำแสด ส่วนของเม็ดมีสารสีแดง ใช้เป็นสารแต่งสี มีสารจำพวก Carotenoids ที่เป็น Antioxidant มีรายงานการวิจัยสนับสนุนถึงคุณสมบัติในการเป็น Antioxidant ที่ดี (J Appl Pharm Sci. 2014;4(2):101-106) คอมบิเนชั่นของ Bixa Orellana Seed Extract กับ Maltodextrin มีชื่อทางการค้าว่า BIX’ACTIV® BC10050 เป็นวัตถุดิบจากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง BASF มีข้อมูลสนับสนุนอยู่หลายประการว่า สารสกัดนี้ให้ประโยชน์ในการควบคุมความมัน โดยไปบล็อกไม่ให้เซลล์ไขมัน (Sebocyte) ในต่อมไขมันเจริญจนเป็นตัวเต็มวัยสมบูรณ์ และลดการสร้างไขมันใหม่ บล็อกการทำงานของ IGF-1 ที่จะไปกระตุ้นให้เซลล์ในหนังกำพร้ามีจำนวนมากขึ้น (Hyper-keratinization) รวมไปถึงยับยั้งเชื้อ C. acnes (Ref: TDS BIX’ACTIV® BC10050, BASF)
  • Hydrolyzed Opuntia Ficus Indica Flower Extract รู้จักในนามชื่อทางการค้า Exfolactive® มีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการผลัดผิว โดยไปกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการผลัดผิวตามธรรมชาติ เพิ่มความเรียบเนียน ชุ่มชื้น และความสว่างกระจ่างใส ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพทั้งระดับเซลล์เพาะเลี้ยง และในอาสาสมัคร (Ref: Silab)
  • Sphingomonas Ferment Extract ตัวนี้เข้าใจว่าอาจจะมาจาก Silab เหมือนกับ Exfolactive น้องมีชื่อทางการค้าว่า REVILIENCE® เป็นสารสกัดจาก Sphingomonas panaciterrae ซึ่งมีคุณสมบัติเสริมกระบวนการ Metabolism ของผิว ให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และมีสุขภาพดี (Ref: Silab)
  • เสริม Antioxidant ด้วย Vitamin E 2 form คือ Tocopherol, Tocopheryl acetate และ วิตามินซีในรูป Ascorbic acid

ในภาพรวม สารบำรุงที่ใส่มานั้นดูแลสิวได้อย่างครบวงจร ตามทางแบรนด์เคลม เก็บเรียบ ดูแลหมดทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ รอยแดง รอยดำ และควบคุมความมัน

ส่วนผสมอื่นๆ ก็เลือกใช้มาได้ค่อนข้างดี จะมีติด Alcohol มานิดหน่อย เข้าใจว่าลดความเหนอะหนะให้กับเบส เพื่อให้เหมาะกับคนผิวมันมากขึ้น

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง (Active) ทางแบรนด์เลือกใช้สารบำรุงหลายชนิด โดยมี Retinal เป็นพระเอก เพื่อให้ทำงานร่วมกับสารบำรุงอื่นๆ ได้อย่างลงตัวเพื่อดูแลปัญหาสิว ผิวมัน และผิวมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย รวมถึงกลุ่มร่องรอยหลังจากสิวหาย เช่น รอยแดง รอยดำ และอาจจะได้ถึงพวกรอยหลุมสิว รอยแผลเป็นด้วย เพราะ Retinal เองก็เสริมการสร้างคอลลาเจน และปรับสมดุลการทำงานของเอนไซม์ MMP-TIMP ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมานแผลของผิวอยู่อีกทาง โดยรวมให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. เบส (Base) เลือกมาได้ค่อนข้างดี และไม่อุดตัน ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ยกเว้นมี Alcohol ติดมาอยู่ ซึ่งในจุดนี้ก็ถือว่าได้อยู่ เพราะว่า Alcohol จะช่วยลดความเหนอะหนะให้กับเนื้อครีม และให้สัมผัสเบาสบายตอนทา ส่วนตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้มีสิว ก็ลองทามาแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนนอน (อย่าลืมงด Retinoids อื่น เพราะในสูตรมี Retinal) ก็ไม่ได้รู้สึกระคายเคืองอะไร แม้จะมีผิวแห้งค่ะ แต่ขออนุญาตหักไป 1 คะแนน เพื่อให้แฟร์ๆ กับทุกผลิตภัณฑ์ที่เคยรีวิวไป รับไป 4 ฟลาสก์
  3. ส่วนผสมอื่นๆ (Additive) ไม่มีสารอื่นที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทยด้วยค่ะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่มาให้ได้เรียนรู้ เปิดหูเปิดตา และรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบบทความ

สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.MJgab?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/9KMSYgUBtZ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

ประโยชน์ของ Zinc ต่อผิวพรรณ และรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสเปรย์น้ำแร่ Trio-Zinc Mist จาก Novexpert เวชสำอางสายคลีนจากประเทศฝรั่งเศส

สวัสดีค่ะ วันนี้มีสาระดีๆ เกี่ยวกับประโยชน์ของ Zinc ที่มีต่อผิวมาฝากกัน

และมีรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมสเปรย์น้ำแร่ Zinc ตัวดังจาก Novexpert เวชสำอางของประเทศฝรั่งเศสมาฝากกันค่ะ

กล่าวถึงแบรนด์นี้กันสักเล็กน้อยนะคะ แบรนด์นี้เขาเด่นในแง่ของการเบลนด์เอาหลักการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง ผสานเข้ากับส่วนผสมจากธรรมชาติที่ผ่านการค้นคว้าวิจัยมาเป็นอย่างดี

แล้วก็มีความ Clean แล้วก็มีความไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์ ก็เลยถือว่ามีความ Vegan ด้วยค่ะ

ส่วนตัวก็เคยมีโอกาสได้ลองสินค้าของทางแบรนด์อยู่หลายชิ้นอย่างตัวเซรั่มวิตามินซี กับเซรั่มไฮยา ซึ่งก็ชอบมากๆ ทั้งคู่

เคยทำรีวิวไว้นานมากแล้วไม่แน่ใจเขาเปลี่ยนส่วนผสมหรือยังนะคะ สามารถติดตามไปแวะอ่านเป็นแนวทางจากบน Blog ที่เคยทำไว้ได้ค่ะ

วิตซี https://miyeonthereviewer.com/2018/06/29/novexpertvc/

ไฮยา https://miyeonthereviewer.com/2018/07/10/novexpert-hya/

กลุ่มที่จะมารีวิวคราวนี้มาจากกลุ่มของ Trio Zinc นะคะ ซึ่งเน้นที่ Zinc เป็นพระเอกค่ะ

ในกลุ่มนี้มีผลิตภัณฑ์อยู่หลายชิ้น ส่วนใหญ่จะเหมาะกับปัญหาผิวมัน สิว แต่ก็ให้ประโยชน์ได้ในการชะลอวัย และ มีบางตัวที่คนผิวแห้งหรือผิวผสมก็เอามาประยุกต์ใช้ได้ค่ะ

(Image from Novexpert)

ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพของ Hero ของไลน์อย่าง Purifying fluid ก็พบว่ามีประโยชน์ทั้งในด้านจุดด่างดำและริ้วรอยค่ะ

โดยตัวที่จะหยิบยกมารีวิวในวันนี้นั้นเป็นสเปรย์น้ำแร่ (Mist) ที่เคยเอามาเกริ่นๆ ว่ารักน้องมากๆ ช่วงก่อน คือเจ้า Trio-Zinc mist นั่นเองค่ะ

น้องมีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

แอบลุ้นให้มีขวดเล็กขนาดพกพา

สำหรับค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

ในด้านการใช้งานนั้น จะเอามาสเปรย์หลังทำความสะอาดใบหน้าใช้เป็น Astringent toner ก็ได้ จะสเปรย์หลังแต่งหน้าแล้วเอาทิชชูกดทับเบาๆ (อย่าลากนะคะ แค่กดซับๆ) เพื่อช่วยให้เมคอัพดูสดและติดทน หรือจะสเปรย์เพื่อเติมน้ำ เสริมความชุ่มชื้น เพิ่มความสดชื่น คืนความสบายผิว ควบคุมความมันในระหว่างวันก็ดี

ส่วนผสม

สำหรับส่วนผสมก็คือตรงไปตรงมาแฟร์ๆ มีเกลือของ Zinc ที่เป็นที่นิยมในวงการอยู่ 3 ชนิด แอบชั้นสูงนิดนึง เพราะดูแพงกว่า Zinc sulfate ที่เราพบกันบ่อยๆ

และด้วยความที่มี Zinc ละลายในน้ำ อัดกระป๋องด้วยแก๊สไนโตรเจน น้องเลยประกอบด้วยสารจากธรรมชาติทั้งหมด 100%

ไม่มีสารอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องเลย

เรามาทำความรู้จักกับ Zinc กันนะคะ

Zinc เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อทั้งร่างกายและความงามค่ะ

ถ้าโฟกัสที่ผิวพรรณ Zinc เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์และสิ่งที่เราเรียกว่า transcription factors หลายชนิด ช่วยกันทำงานให้ผิวเราสวยงาม สมบูรณ์ แข็งแรง

สำหรับประโยชน์ของ Zinc ต่อผิว พอสรุปได้ประมาณนี้ค่ะ

  • ด้าน Immune: Zinc เสริมกระบวนการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันต่างๆ เช่น NK cell เสริมกระบวนการกำจัดเชื้อผ่านกระบวนการกินเชื้อไปทำลายแบบ Phagocytosis ควบคุมสภาวะสมดุลของกระบวนการต่างๆ ทางภูมิคุ้มกัน เช่น ปรับสมดุลการสร้างสารก่อการอักเสบ IL-6, TNF-α, Nitric oxide เป็นต้น
  • เป็น Antioxidant
  • ต่อต้านเอนไซม์ 5α-reductase ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้มีฤทธิ์แรงขึ้น และกระตุ้นการสร้าง Sebum ออกมา น้ำมัน Sebum นี้มันก็จะไปเรียกเชื้อ C. acnes (ชื่อเดิม P. acnes) ให้มากิน ก็กลายเป็นสิว
  • ควบคุมความมันผ่านคุณสมบัติ Astringent โดยไปกระชับรูขุมขน ลดการหลั่งน้ำมันออกมา
  • มีการศึกษาว่า Zinc เองก็เป็น Whitening ได้นะ เพียงแต่ต้องใช้ dose สูงหน่อย

จะเห็นว่า Zinc นี่ประโยชน์ดีๆ เยอะมาก

ลองมาดูรายละเอียดของ Zinc แต่ละตัวที่ทางแบรนด์เลือกใช้นะคะ

  • Zinc PCA เป็น Zinc ที่จับกับอนุพันธ์ของกรดอะมิโนอย่าง Pyrollidone carboxylic acid (PCA) ซึ่ง PCA ปกติทำหน้าที่เป็น สารจับน้ำให้ผิวตามธรรมชาติ ที่เราเรียกกันว่า Natural moisturizing factor (NMF) สำหรับ Zinc PCA มีรายงานการวิจัยกล่าวว่า Zinc PCA ช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากรังสี UVA ได้ โดยไปลดการสร้าง Activator protein 1 และ MMP-1 ที่มักจะสร้างเวลามีรังสี UV ซึ่งตัว MMP เป็นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนในผิวทำให้เกิดความหย่อนยานและริ้วรอย (Int J Cosmet Sci. 2012; 34(1):23-8.) ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า สารนี้มีประโยชน์เป็นสารเติมน้ำให้ผิว (Humectant) ระงับเชื้อบางชนิด ควบคุมความมัน ลดริ้วรอยและชะลอวัย (Ajidew® ZN-100, Ajinomoto Ltd.)
  • Zinc gluconate เป็น Zinc ที่จับกับกรดน้ำตาล Gluconic acid ซึ่ง มีรายงานว่ามีคุณสมบัติในการเสริมการสมานแผลของผิว ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง มีคุณสมบัติเสริมในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียแบบอ่อนๆ นิยมใช้เสริมกับยาต่างๆ ในการรักษาสิว โดยมีรายงานว่าลดการดื้อยาปฏิชีวนะเมื่อใช้ร่วมกัน (Abendrot and Kalinowska-Lis, Int J Cosmet Sci. 2018; 4(40):319-327)
  • Zinc lactate เป็น Zinc ที่จับกับเกลือ Lactate ที่มาจากกรด Lactic ละลายน้ำได้ดี

จะเห็นว่า Zinc แต่ละรูปแบบที่เลือกมาก็คือเลือกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

วันนี้ก็ขอให้คะแนนแบบภาพรวมนะคะ

  • ส่วนผสม “The less is more” คือ คำที่นิยามส่วนผสมชุดนี้ได้ดีมาก น้องมาน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ สวยใสมีประโยชน์ ด้วยคุณประโยชน์ของ Zinc ที่ละลายน้ำได้ ไม่มีส่วนผสมอื่นๆ มากวนผิวกวนใจ ถ้านับเฉพาะด้านการควบคุมความมันและประโยชน์จาก Zinc เอาไปเลย 5 ฟลาสก์
  • การใช้งาน น้องออกแบบมาตอบโจทย์ สำหรับคนผิวมัน คนที่อยากคุมมัน หรือ ผิวผสมที่อยากได้น้ำแร่ที่ใช้แล้วสบายผิวไม่แห้งเกินไป ส่วนตัวเองก็ชอบ และใช้ได้โดยไม่รู้สึกว่าตึงหรือแห้ง เอาไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Novexpert สาขาประเทศไทยด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

อีกอย่างที่อยากบอกก่อนทิ้งท้ายคือเรื่องค่าตัวน้อง น้องมีค่าตัวแค่ 350/150 ml ซึ่งถือว่า Cost-Effective คุ้มค่าคุ้มราคามากๆ

ทางไปช้อปปิ้ง

Lazada https://s.lazada.co.th/s.vhkAW?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/706L2NH5rv

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Line : @noverxpertthailand

IG : novexpertthailand

FB : Novexpert Thailand

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Novexpert สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ