Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Bioderma Sensibio H2O Micellar water คลีนซิ่งที่มาพร้อมเทคโนโลยี biomimetic

มันจะมี Cleansing water อยู่ตัวหนึ่ง ที่สุดท้ายเราก็กลับมาหาน้องเสมอ

น้องคือ  Sensibio H2O Micellar Water จาก Bioderma หรือ ไมเซลล่า ฝาชมพูในตำนาน ที่พัฒนาสูตรมาโดยอาศัยหลักการทาง “Ecobiology” เพื่อปรับสมดุลไมโครไบโอม ที่เป็นเสมือนชุมชนของเจ้าตัวจิ๋วบนผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง

ส่วนตัวจะชอบแพคเกจที่เป็นฝาปิดแบบนี้

หัวใจที่สะอาดของการมีผิวสุขภาพดี คือ การทำความสะอาดอย่างพอเหมาะ

พอเหมาะในที่นี้คือ ไม่มากไป ไม่น้อยไป คหสต. คิดว่า ใช้คู่กับสำลี เพื่อเช็ดเบสเมคอัพจากหน้าแค่ 1 – 2 แผ่นก็พอ แล้วไปล้างต่อด้วยโฟม-เจลที่เราชอบ

Micellar water ก็เช่นกัน ก่อนล้างโฟม-เจล ใช้น้ำลูบหน้า จะได้น้ำนมออกมา ให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก่อนจนหมดน้ำนม แล้วค่อยใช้โฟม-เจลที่ชอบ

โดยข้อดีของ Micellar water คือ มาในเบสแบบน้ำ ใช้งานง่าย เนื้อสัมผัสดี เหมาะกับอากาศประเทศไทย เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้น้อยกว่า

โดย Sensibio H2O Micellar Water จาก Bioderma นั้น มีจุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่

  • เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Cleansing water มาอย่างเนิ่นนาน
  • พัฒนาสูตรมาอย่างอ่อนโยน
  • มีผลทดสอบในอาสาสมัครว่าทำความสะอาดทั้ง เมคอัพ มลภาวะ และ ละอองเกสร ได้ถึง -99% ซึ่งการสะสมตัวของ มลภาวะ และละอองเกสร นำไปสู่ผิวระคายเคืองแพ้ง่าย

ในวันปกติแม้ไม่ได้แต่งหน้า ก็อาจมีการสะสมของพวกฝุ่นละอองบนผิว ล้างด้วย Micellar water 1 แผ่น ก่อนไปล้างโฟม-เจล ก็ดีนะ

สำหรับประสิทธิภาพในการทำความสะอาดก็คือ ด้วยความที่เราแต่งหน้าไม่หนามาก ใช้รองพื้นเบาๆ แบบ sheer finish ไม่ปกปิดเยอะ ใช้สำลีแค่ 1 – 2 แผ่น ก็เช็ดได้ทั่วหน้า

และถ้าวันไหนแต่งตาด้วยก็จะเท Micellar water ลงบนสำลีให้ชุ่ม วางบนเปลือกตาประมาณ 30 วินาที แล้วลากออกเบาๆ ไปทางหางตา ก่อนจะใช้คอตตอนบัดส์ ชุบ Micellar water มาคลีนมาสคาร่าที่ตกค้างจากโคนขนตาออก ส่วนตัวใช้แล้วไม่แสบตา

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวม Sensibio H2O Micellar Water จาก Bioderma พัฒนาสูตรมาได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่าย

จุดเด่นของสูตรส่วนผสมชุดนี้คือ

  1. เลือกใช้สารทำความสะอาดที่อ่อนโยนกับผิว คือ PEG-6 caprylic/capric glycerides ซึ่งนอกจากความสามารถในการทำความสะอาดที่ดี บางตำราจัดสารตัวนี้เป็น “Hydrophilic emollient” ที่ช่วยให้ผิวนุ่ม แต่ละลายน้ำได้ (ไม่เหมือน emollient ปกติซึ่งละลายในน้ำมัน)
  2. เทคโนโลยี Micellar ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากไขมันบนผิวหนัง พัฒนามาในรูปแบบ 100% biomimetic พร้อมผลทดสอบว่า ไม่ทำร้ายสมดุลระบบนิเวศน์ผิว ซึ่งเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ Bioderma และบริษัทแม่ NAOS นอกจากนี้ยังมีผลเทสต์ว่า สามารถถูกกำจัดในผิวได้ภายใน 10 นาที ซึ่งลดโอกาสในการสะสมและก่อให้เกิดการระคายเคือง
  3. นวัตกรรมสิทธิบัตร D.A.F.™ (Dermatological Advanced Formulation) ที่เบลนด์เอา น้ำตาลที่เลียนแบบธรรมชาติ 3 ชนิด ซึ่งแบรนด์เคลมว่าสามารถเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ชั้นผิว + soothing ให้ความรู้สึกสบายผิว เพิ่มความทนทานของผิวแพ้ง่าย ให้แข็งแกร่งต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งกระตุ้นจากภายนอกมากขึ้น

เสริมสารบำรุงอื่นๆ เช่น Fructooligosaccharides เป็น prebiotics ที่ช่วยเสริมการเจริญของจุลินทรีย์ดีๆ บนผิว ที่เรียกว่า probiotics และ สารสกัดจากแตงกวา (Cucurmis sativus extract) ที่มีประโยชน์ในด้านความชุ่มชื้น

ให้คะแนน

  1. สารทำความสะอาด เลือกใช้ PEG-6 caprylic/capric glycerides เป็นสารทำความสะอาด ซึ่งสารนี้มีความสามารถในการทำความสะอาดที่ดี และมีความอ่อนโยน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ เบลนด์เอานวัตกรรมสิทธิบัตร DAF ที่เพิ่มความชุ่มชื้น เสริมความแข็งแรงชั้นผิว ให้ผิวทนทานต่อสิ่งกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม มี prebiotic (fructooligosaccharide) และเสริมสารสกัดจากแตงกวามาเสริมความชุ่มชื้น ส่วนผสมอื่นๆ มีอยู่เท่าที่จำเป็น ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบฟีลลิ่งขณะใช้ ฟีลลิ่งหลังใช้ เรียกได้ว่า นอกใจน้องไป เดี๋ยวก็ต้องกลับมาหาน้องอยู่ดี ในด้านทำความสะอาด ทำมาได้ดี ด้วยความที่เราแต่งหน้าไม่เยอะ น้องเอามาสคาร่าที่ไม่ได้กันน้ำมากนักออกได้หมดอยู่ ถ้าแปะบนสำลี แล้วเช็ดลากบริเวณดวงตา ส่วนตัวไม่แสบตา ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ และสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์เลยนะคะ https://bit.ly/BiodermaBA

พิกัดสินค้า Boots, EVEANDBOY, Watsons online, Konvy

หรือช้อปปิ้งออนไลน์ได้บน Shopee, Lazada

Shopee https://s.shopee.co.th/805XKE5xTR

Lazada https://s.lazada.co.th/s.Z0IVvA?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวกาย Atoderm Crème Ultra สูตร Ultra-nourishing moisturizing cream ที่ออกแบบมาอย่างลงตัวเพื่อเอาใจคนที่มีปัญหาผิวแห้ง และผิวบอบบาง

Blog นี้ขอหยิบเอา Moisturizer ที่น่าสนใจมารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

เป็นมอยส์จาก BIODERMA ในไลน์ Atoderm ที่มีชื่อว่า Atoderm Crème Ultra เป็นสูตร Ultra-nourishing moisturizing cream ที่ออกแบบมาให้ใช้ทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวตัว

มาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

เนื้อค่อนข้างข้นเป็นเนื้อครีม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไวแห้งไว ให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว ให้ความชุ่มชื้นนาน ไม่เมือกไม่เหนอะหนะ

ก่อนไปดูส่วนผสม มารีแคปเรื่องผิวแห้งกับความสำคัญของมอยส์กันซักหน่อยนะคะ

เมื่อความชุ่มชื้นของผิวดรอปลงจนถึงค่าๆ หนึ่ง บางข้อมูลก็ว่า น้ำในผิวน้อยกว่าระดับ 30 AU วัดจากค่าของเครื่อง corneometer บาง ref ก็บอกว่า น้อยกว่า 10 – 15% บาง ref ก็เมนชั่นถึงค่าการระเหยของน้ำจากผิว (Trans-epidermal water loss; TEWL) สูงกว่า 15 – 25 g/m2/h มันจะส่งสัญญาณไปกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยสาร Cytokines พวกที่อาจก่อให้เกิดกระบวนการอักเสบ เช่น IL-1 ซึ่งถ้ามีน้อยๆ มันเป็นเรื่องดี มันจะไปกระตุ้นให้ผิวเราฟื้นตัว เสริมการสร้าง Barrier ปรับสมดุลกระบวนการสร้าง-เจริญของหนังกำพร้า แต่ถ้ามีมากไป หรือมีออกมาไม่หยุด มันจะทำให้เกิดการอักเสบ ที่ส่งผลต่อให้มีอนุมูลอิสระ มีการกระตุ้นเอนไซม์ MMP มาย่อยคอลลาเจน แล้วก็วนไปวนมาแบบนี้ค่ะ ทำให้กลายเป็นวงจรแบบว่ายิ่งแห้งยิ่งแย่ และทำให้ระบบสมดุลไมโครไบโอมเสียไป มีผู้เสนอคอนเซปท์เรื่อง Dry skin cycle ไว้อยู่ด้วยค่ะ

แต่ทุกอย่างจะจบได้ ถ้าเราคืนน้ำให้ผิวเกินค่าวิกฤตินั้นไปได้ การทามอยส์จะเติมน้ำให้ผิวได้ไวมาก

มอยส์ที่ฟื้นฟูเติมน้ำคืนให้ผิวได้ไวจะมีทั้ง Humectant ดูดน้ำมา Occlusive เคลือบเก็บน้ำที่ดูดมาไว้ และ emollient เป็นไขมันทดแทนให้ผิว

Barrier ก็จะฟื้นฟูตัวเองได้

สุดท้ายนี้ขอฝากข้อคิดไว้

  • ผิวแห้งเป็นมากกว่าปัญหาเชิงความงาม เป็นตัวบ่งชี้การทำงานผิดปกติของ skin barrier ที่เชื่อมโยงกับการอักเสบเรื้อรัง การเปลี่ยนแปลงของ microbiome และการเร่งกระบวนการ aging
  • การดูแลที่มุ่งเน้นการฟื้นฟู barrier function ด้วย moisturizer ที่ดี มี emollient, humectants และ occlusives จึงมีความสำคัญต่อสุขภาพผิวระยะยาว

ผลิตภัณฑ์ BIODERMA Atoderm Crème Ultra ได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครว่าเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ 24 ชั่วโมง และลดการระเหยของน้ำออกจากผิว (ลดค่า TEWL) ได้ 23%

มาค่ะ ส่วนผสมเป็นดังนี้

ถ้าดูจากส่วนผสม BIODERMA Atoderm Crème Ultra เป็นผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ที่ทำมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์มีครบทั้ง Humectant สารจับน้ำ จับเสร็จก็เคลือบปิดด้วย mineral oil เป็น occlusive หรือ ออยล์เคลือบ และมีไขมันจากธรรมชาติจาก Rapeseed, Sunflower ทดแทนคืนให้ผิว เป็น emollient หรือ ออยล์บำรุง

มาดูรายละเอียด Key technology ของผลิตภัณฑ์กันค่ะ

  • เทคโนโลยี Skin Protect Complex ที่เป็นคอมบิเนชั่นของ Niacinamide + Xylitylglucoside 2 ตัวนี้ทำงานได้เสริมกันแบบลงตัวมาก Niacinamide ช่วยเสริมกระบวนการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว ดูแลการอักเสบระคายเคือง จับคู่กับ Xylitylglucoside ที่มาดูแลฝั่งน้ำ เสริมการสร้าง Glycosaminoglycans (GAGs) ที่เป็นสารจับน้ำตามธรรมชาติในผิว โดยหนึ่งใน GAGs ที่สำคัญก็คือ hyaluronic acid ช่วยอุ้มน้ำ และ Barrier ที่แข็งแรงก็ล็อคการระเหยของน้ำออก
  • Omega 3, 6, 9 จากน้ำมันธรรมชาติ Rapeseed และ Sunflower ที่เป็นส่วนประกอบในการสังเคราะห์ ceramides และมีส่วนผสมของ phytosterol ที่ดูแลการระคายเคืองผิว Synergistic Combination Benefits การผสมผสานทั้งสองน้ำมันสร้าง Fatty acid ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับไขมันของ barrier ผิวที่มีสุขภาพดี

มันจะมีการพูดถึง PPAR receptor อยู่

โดย PPAR receptor นั้นจะโดนกระตุ้นได้ด้วยพวกกรดไขมัน เมื่อกระตุ้นแล้วทำให้ลดการสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เพิ่มการสังเคราะห์ไขมันต่างๆ ของผิว และเพิ่มการเจริญเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (Keratinocyte differentiation) ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น

  • คอมบิเนชั่นของน้ำตาลต่างๆ Xylitol, Mannitol, Rhamnose, Glucose เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • คอมบิเนชั่นจับน้ำของ Xylityl glucoside + Anhydroxylitol + Xylitol ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พร้อมทั้งมีคุณสมบัติเสริมความสามารถในการเก็บน้ำของผิว ผ่าน Aquaporin ที่เป็นประตูเก็บน้ำ และกลุ่ม Tight junction ที่ให้ผิวแข็งแรงอีก 1 เสต็ป
  • Fructooligosaccharides เป็น prebiotics ที่ซัพพอร์ตการเจริญของจุลินทรีย์ probiotics ที่มีประโยชน์บนผิว
  • สารสกัดจากสาหร่าย Laminaria ochroleuca extract กับ Caprylic/capric triglyceride ไปตรงกับวัตถุดิบที่ชื่อ ANTILEUKINE 6™ มีเคลมเรื่อง Daily soothing shield ดูแลเรื่องปัญหาการระคายเคือง ให้ผิวแข็งแรง และปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อม

ในภาพรวมก็คือเป็นมอยส์ที่ครบ และมาด้วยนวัตกรรม และความใส่ใจคำนึงถึงในทุกรายละเอียด แม้กระทั่งการเลือกใช้น้ำมัน Rapeseed + Sunflower ก็ยังน่าสนใจ

มาให้คะแนนกันนะคะ

  1. สารบำรุง ในด้านของการเลือกไขมัน Omega 3, 6, 9 มาเปิดระบบ PPARs พอเปิดแล้วจะดูแลเรื่องการระคายเคือง เสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น Barrier ผิว ลดการสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เพิ่มการสังเคราะห์ไขมันต่างๆ ของผิว และเพิ่มการเจริญเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (Keratinocyte differentiation) ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น มาพร้อมสารจับน้ำ และดูแลการระคายเคือง พร้อมเสริมผิวแข็งแรงในหลายๆ มิติ แต่ยังอยากให้มี ceramides ซักนิด ขออนุญาตให้ 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ดีและลงตัวมาก ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวมีผิวแห้งค่อนข้างชอบเนื้อครีมประมาณนี้ ไม่หนักไป ไม่เบาไป ทาแล้วให้ความรู้สึกว่ากำลังพอดี mix & match กับผลิตภัณฑ์อื่นในไลน์เดียวกันได้ง่าย ตามความต้องการผิวในแต่ละวัน ในด้านความชุ่มชื้น คิดว่าทำมาได้ตามเคลมจริง ทาเช้า ผิวนุ่มอยู่จนถึงดึก ทาก่อนนอน เช้าตื่นมาก็นุ่มอยู่ ส่วนด้านความสบายผิว ก็ถือว่าตอบโจทย์ เอามาทาหน้าเป็นครีมปิดผิวขั้นตอนสุดท้ายก่อนนอนก็ดี ให้ไป 5 ฟลาสก์

ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจในไลน์ Atoderm ที่เอามา mix & match แล้วดีงามไม่เบาเลย

BIODERMA Atoderm Gel Douche

เป็น Cleansing gel สูตรอ่อนโยนใช้ได้ทั้งกับหน้า ตัว มือ เหมาะกับผิวแห้ง ผิวบอบบางแพ้ง่าย รวมถึงทุกสภาพผิว

ภาพรวมส่วนผสม

สารทำความสะอาดหลักจะมี SLES ให้ฟองแน่นละเอียด อาบแล้วฟีลฟิน เพิ่มความอ่อนโยนด้วย

  1. coco-betaine ตัวนี้เป็นสารทำความสะอาดแบบสองประจุ มีความอ่อนโยนค่อนข้างดี ได้จากการดัดแปลงไขมันจากมะพร้าว
  2. Sodium lauroyl sarcosinate ที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน มีความอ่อนโยนสูง
  3. Coco-glucoside เป็นแบบไม่มีประจุ ได้จากการดัดแปลงมะพร้าวเข้ากับสายของคาร์โบไฮเดรต ให้ความอ่อนโยนเช่นกัน

สารบำรุง

  • เทคโนโลยี Skin Protect Complex (สูตรผสมของ Niacinamide + Xylitylglucoside) เสริมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างยาวนาน
  • มีคอมบิเนชั่นจับน้ำของ Xylityl glucoside + Anhydroxylitol + Xylitol ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พร้อมทั้งมีคุณสมบัติเสริมความสามารถในการเก็บน้ำของผิว ผ่าน Aquaporin ที่เป็นประตูเก็บน้ำ และกลุ่ม Tight junction ที่ให้ผิวแข็งแรง
  • Fructoligosaccharides เป็น prebiotics ช่วยซัพพอร์ตการเจริญของจุลินทรีย์ดีๆ (probiotics) บนผิว ให้ผิวแข็งแรง และชุ่มชื้น
  • น้ำตาล 3 ชนิด (Xylitol + Mannitol + Rhamnose) มีข้อมูลว่ามีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวแข็งแรง ทนทานต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งกระตุ้นจากภายนอกมากขึ้น
  • Capryloyl glycine อนุพันธ์ลูกผสมของกรดอะมิโน Glycine + กรดไขมัน Caprylic acid ที่พบได้ในธรรมชาติ เช่น มะพร้าว มีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านเรื่องของความชุ่มชื้น ควบคุมความมัน ดูแลการระคายเคือง
  • สีฟ้ามาจาก Copper sulfate

ตัวนี้ฟองเริ่ด ฟองฉ่ำมาก แล้วฟีลตอนใช้คือดี ให้ความรู้สึก rich-luxury feel สัมผัสได้ตั้งแต่ตอนตีฟอง กลิ่นหอมนวลๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

ถ้าวันไหนผิวแห้งมาก ก็จะขยับมาใช้รุ่น Cleansing oil ชื่อเต็มๆ BIODERMA Atoderm Huilede douche มีคุณสมบัติเด่นเป็น Soothing lipid-replenishing cleansing oil, anti-irritation

ความน่าสนใจอยู่ที่ ถึงชื่อจะเป็น Cleansing oil แต่น้องก็มาในเบสแบบน้ำ มีส่วนผสมของน้ำอยู่สูง

สารทำความสะอาดตัวหลักเป็น Sodium cocoamphoacetate ซึ่งเป็นชนิด 2 ประจุ มีความอ่อนโยนสูง ร่วมกับ PEG-7 glyceryl cocoate + Lauryl glucoside + Coco-glucoside ตบๆ มาด้วย Laureth-2

มี Patent Skin barrier therapyTM ช่วยลดการเกาะติดของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิด เช่น Staphylococcus aureus ที่อาจทำให้เกิดผิวอักเสบกำเริบในกลุ่มคนผิวแห้งมาก และลดการสร้างไบโอฟิล์ม ที่เป็นเหมือนเมือกเหนียวๆ ที่เชื้อสร้างมาป้องกันตัวเองจากสิ่งแวดล้อม

พร้อมผลเทสต์ว่า สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ 24 ชั่วโมง คืนไขมันให้ผิว ในระยะยาวพบว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น 39% และมีความรู้สึกสบายผิวมากขึ้น

สารบำรุงหลักเป็นชุดเดียวกับ Cleansing gel

ตัวนี้จะให้ฟองละเอียดมาก ฟีลเหมือนโลชั่น เป็นคล้ายๆน้ำนม ความรู้สึกค่อนข้าง rich + velvet เหมือนลูบลงบนผ้ากำมะหยี่ กลิ่นหอมนวลๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สูตรนี้แบรนด์ออกแบบมาให้ผิวที่เป็น eczema ชนิด Atopic สามารถใช้ดูแลผิว เสริมกับการรักษาจากคุณหมอได้

ปิดท้ายด้วย BIODERMA Atoderm intensive baume น้องเป็นครีมที่ให้ความรู้สึกของความชุ่มชื้นสูงจากกลุ่ม emollient หรือ ออยล์บำรุง ส่วนผสมครบในการเป็น moisturizer ที่ดี

  • ออยล์เคลือบ ใช้ mineral oil ซึ่งหลายคนอาจจะแบบฟัง marketing มาเยอะว่านางไม่ดี แต่จริงๆ ในทางเครื่องสำอาง นางปลอดภัยอยู่ เคลือบปกป้องผิวกันน้ำระเหยออก
  • ออยล์บำรุง ใช้ sunflower + canola ที่มีกรดไขมันจำเป็นต่างๆ

เสริม Ceramides มาพร้อมไขมันอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว แถม Beta-sitosterol ที่เด่นเรื่องการดูแลการระคายเคืองของผิว

มีน้ำตาล 3 ตัว (Xylitol + Mannitol + Rhamnose) ที่เป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวแข็งแรง สูตรนี้ไม่มีน้ำหอม เป็น moisturizer ที่ดี ที่น่าสนใจ และใช้ดูแลผิว เสริมกับการรักษากลุ่มอาการ Atopic eczema จากคุณหมอได้

ตอนทา แวบแรกเหนอะหนะ แต่พอผ่านไปซักประมาณ 5 นาที ฟีลลิ่งดีขึ้น

สุดท้ายปิดด้วย ความประทับใจที่แพคเกจ: น้องมีตัวล็อคการันตีว่า แพคเกจนี้ไม่เคยโดนแกะมาก่อน จนจะถึงมือเรา ซึ่งส่วนตัวให้ความสำคัญกับตรงนี้ ในแง่ความปลอดภัยของสินค้า

อีกจุดที่น่าสนใจ คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาได้อย่างลงตัว อ่อนโยน เพื่อให้ใช้ได้ทุกวัย ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงในผู้สูงอายุที่มีปัญหาผิวแห้ง ระคายเคือง หรือใช้เสริมกับการดูแลสภาวะผิดปกติทางผิวหนังจากคุณหมอก็ทำดูเหมาะดีเช่นกัน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Bioderma ประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตาและทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์เลยนะคะ

ออโตเดิร์ม ครีม อัลตรา ราคาปกติ 500 ml 1,250 สามารถสอบถามโปรโมชั่นได้ที่แบรนด์โดยตรง ผ่านลิงค์นี้ https://bit.ly/BiodermaBA

พิกัดสินค้า Boots, EVEANDBOY, Watsons online, Konvy

หรือช้อปปิ้งออนไลน์ได้บน Shopee, Lazada

Shopee https://s.shopee.co.th/8Kh980mYDN

Lazada https://s.lazada.co.th/s.ZaEvoV?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

#biodermathailand #Atodermcremeultra #ล็อกผิวชุ่มชื้นลื่นเนียนแข็งแรง #ผิวแพ้ง่ายใช้ได้

Image

อัพเดทข้อมูลใหม่ กันแดดดีท็อกซ์ ที่ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมได้ในทุกมิติ จาก Bioderma Photoderm XDefense Ultra-Fluid

หลังจากได้ลองใช้กันแดด Bioderma Photoderm XDefense Ultra-Fluid มาพักใหญ่ๆ ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม มาตอนนี้ก็ 6 เดือนกว่าๆ วันนี้ก็เลยอยากมาอัพเดทจุดแข็งของกันแดดตัวนี้อีกรอบค่ะ

เริ่มจากความสามารถในการปกป้องแบบ Global protection ที่ได้ทั้ง UVA-UVB + Visible light + Infrared + Pollution และ ความสามารถในการทำให้ผิวแข็งแกร่งขึ้น ผ่านการเสริมความสามารถในการดีท็อกซ์ตัวเองของผิว ซึ่งส่วนผสมไหนทำอะไร เดี๋ยวมีเล่าต่อด้านล่างค่ะ

ก่อนไปดูรายละเอียด เรามาดูหน้าตาของกันแดดสูตรนี้อีกครั้ง

ส่วนนี้จะเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ค่ะ

สำหรับส่วนนี้จะเป็นภาพเนื้อสัมผัสของกันแดดรุ่นนี้นะคะ

มารีแคปส่วนผสมกันอีกซักรอบพร้อมอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ ที่น่าสนใจกันนะคะ

ในด้านของสารกันแดด น้องก็คือทำมาได้ครบสยบทั้ง UVA-UVB และเสริมสารที่เป็น SPF booster กับตัวที่ช่วยเพิ่มความเสถียรให้ระบบกันแดดในสูตร 

กลุ่มสารกันแดด

  • bis-Ethylhexyloxyphenol methoxyphenyl triazine หรือ Tinosorb S เป็นสารกันแดดที่มีความคงตัวดี กรองรังสีได้ในช่วงกว้างทั้ง UVA-UVB
  • Butyl Methoxydibenzoylmethane เด่นกรองรังสี UVA เป็นหลัก
  • Diethylamino hydroxybenzoyl hexyl benzoate หรือ Uvinul A+ เป็นตัวกรอง UVA ที่เด่นเรื่องการปกป้องการเกิดอนุมูลอิสระจากรังสี UV ในผิว มีความคงตัวดี

จะเห็นว่าเป็นการเลือกใช้สารกรองรังสี UV 3 ชนิด ที่มีความปลอดภัย เบลนด์กันในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อลดการสัมผัสสารที่ไม่จำเป็น แล้วได้ค่า SPF (กัน UVB) และ PPD (กัน UVA) ที่สูง ครอบคลุม ภายใต้คอนเซปท์ “Balance of filter coverage and stability”

สารที่ใช้เป็นมิตรกับผิว รวมถึงผ่านการทดสอบแล้วว่าเป็นมิตรกับท้องทะเล และเป็นตัวที่ได้รับการยอมรับจาก USFDA

ส่วนตัวเสริมกันแดดจะมี

  • Ethylhexyl methoxycrylene ตัวนี้จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ (Singlet oxygen quencher) และตัวมันยังดูดซับรังสี UVA ได้ด้วย
  • Methoxyphenylimino dimethylcyclohexenyl ethyl glycinate ตัวนี้เป็นโมเลกุลจากธรรมชาติพบได้ในสาหร่าย ปกป้องผิวได้จากทั้งรังสี UVA, UVB และบูสท์ค่า SPF ให้ตำรับ

ในสูตรเสริม antioxidants ที่ช่วยปกป้องผิวจาก IR, Visible light และ มลภาวะ ซึ่งก็มีข้อมูลอยู่ว่าการใช้สารกรองรังสีเสริม antioxidants จะสามารถปกป้องผิวจากความเสียหายได้มากขึ้นกว่าการใช้สารกรองรังสีเพียงอย่างเดียว โดยตัวที่เป็นนางเอกในหมวดนี้คือ MAA-like (Methoxyphenylimino Dimethylcyclohexenyl Ethyl Glycinate) น้องมีชื่อเล่นในวงการว่า “natural photoprotector” ซึ่งมีข้อมูลว่ามีฤทธิ์ antioxidant สูงกว่าวิตามินอี 10 เท่า และ มีคุณสมบัติในการยับยั้ง MMP-2 ที่จะไปย่อยคอลลาเจน IV ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของชั้นเชื่อมต่อระหว่าง epidermis-dermis ที่เรียกว่า Dermal-epidermal junction หรือ DEJ ซึ่งถ้าชั้นนี้แข็งแรง โอกาสเกิดริ้วรอยลึกจะมีน้อย

เสริมการปกป้องมลภาวะด้วยชั้นฟิล์มของ Glycofilm (Biosaccharide gum-4)

การเอาคู่นี้มาอยู่ด้วยกันจึงเป็นเสมือนการปกป้องผิวทั้งจากภายในและภายนอก พร้อมทั้งให้ประโยชน์ในเชิง anti-aging จากการปกป้อง Collagen IV

จากผลการทดสอบพบว่า สามารถปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้เสียหายจากแสงแดดได้ Full spectrum (UV+IR+VIS) รวมทั้งมลภาวะ ได้สูงมากถึง 99%

นวัตกรรมดีท็อกซ์ด้วย TMBA (Trimethoxybenzyl acetylsinapate) คู่กับสารกันแดด มีผลทดสอบว่าสามารถเสริมการสังเคราะหยีน MT1G (Metallothionein 1G) ซึ่งเป็นหนึ่งในยีนที่ใช้สร้างโปรตีนในกลุ่ม Metallothionein (MTs) ซึ่งเป็นโปรตีนขนาดเล็กที่มีปริมาณกรดอะมิโนซีสเทอีน (cysteine) สูง ใน cysteine นี้จะมีโครงสร้างของหมู่ Sulfhydryl (-SH) อยู่ จึงทำให้โมเลกุลของ MTs มี -SH อยู่อย่างหนาแน่น ส่งผลให้ MTs มีความสามารถพิเศษหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเป็น Antioxidant รวมไปถึงการจับอิออนโลหะที่จะนำไปสู่การสร้างอนุมูลอิสระใหม่ๆ ผ่าน Fenton reaction

โดยปกติแล้วการทำงานร่วมกันระหว่างระบบ Nrf2 ซึ่งเป็นระบบ natural antioxidant system จะเหมือนการทำงานแบบต้นน้ำ-ปลายน้ำ

ที่เมื่อระบบ Nrf2 เปิดแล้วมีผลดีหลายอย่างในด้านการดีท็อกซ์ ปกป้องตัวเองของผิว และทำให้มีการสร้าง MTs (รวมถึงโมเลกุลที่มีประโยชน์ต่อผิวต่างๆ) ออกมามาก ทำให้ผิวเราแกร่งขึ้น ปกป้องตัวเองและทำลายอนุมูลอิสระได้มากขึ้น

และนอกจากนี้ยังให้ผลในเชิงด้านของกระบวนการลดการอักเสบผ่านการลดการปลดปล่อยพวกสารก่อการอักเสบบางชนิด เช่น IL-6 และ IL-1 รวมถึงลดการทำลายของคอลลาเจนจากรังสี UV

แต่อย่างไรก็ดีการทำงานของ Nrf2 ยังมีความขัดแย้งกันบ้างในบางจุด แต่ในภาพรวมส่วนตัวมองว่าค่อนข้างเด่นไปในเชิงการป้องกันตัวเอง-หรือการดีท็อกซ์

ซึ่งจากข้อมูลการทดสอบของทางแบรนด์พบว่าคอมบิเนชั่นนี้สามารถเสริมประสิทธิภาพในการดีท็อกซ์ผิวได้สูงถึง 164% เมื่อเทียบกับตัวทำละลาย หรือ control

นอกจากนี้ยังมีผลเทสต์ในอาสาสมัครว่าเพิ่มความกระจ่างใส (Radiance) ของผิวได้ถึง 43%

ซึ่งจากที่ตัวเองได้ใช้มาร่วม 6 เดือนเศษๆ ก็คือค่อนข้างชอบทั้งในด้านของเนื้อสัมผัส ด้านของความสบายผิว แมทท์ แต่ยังคงความชุ่มชื้นเอาไว้ คือ ทา 8 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็นยังดีอยู่ (แบรนด์เคลมชุ่มชื้น 8 ชั่วโมง) และระหว่างวันไม่ดรอป ตกค่ำมาหน้าไม่แดง ไม่หมองคล้ำ

ด้วยความที่เราแต่งหน้าไม่เยอะ ทาแค่รองพื้น ก็สามารถเติมระหว่างวันได้ โดยไม่ทำให้รองพื้นเลอะเลือนไป

สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามทางแบรนด์ได้โดยตรงที่ https://bit.ly/BiodermaBA

และสามารถไปทดลองผลิตภัณฑ์ได้ที่ร้านค้าชั้นนำ เช่น Boots Beautrium EVEANDBOY Konvy Watsons

และสามารถช้อปปิ้งได้ผ่านระบบ Shopee, Lazada

Shopee https://s.shopee.co.th/6fYN0Un1nC

Lazada https://s.lazada.co.th/s.ZabdnH?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Bioderma ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

#BIODERMA #PhotodermXdefense #กันแดดดีท็อกซ์ #เพิ่มอานุภาพดีท็อกซ์164%

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมกันแดดสูตรใหม่จาก Bioderma รุ่น Photoderm XDefense Ultra-Fluid เนื้อจึ้งมาก มาพร้อมคุณสมบัติปกป้อง+ดีท็อกซ์ผิว

Bioderma ออกกันแดดสูตรใหม่ ดีงามมาก ทั้งเนื้อสัมผัสที่บางเบา ทั้งส่วนผสม

มาในชื่อว่า Photoderm XDefense Ultra-Fluid

มีหน้าตาแบบนี้

ตรงส่วนนี้จะเป็นกล่อง ซึ่งอยากโฟกัสที่บริษัท NAOS Ecobiology ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ Bioderma และแบรนด์ชั้นนำอย่าง Institut Esthederm และ Etat Pur โดยบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้าน Ecobiology หรือ ชีวนิเวศวิทยา คือ ระบบนิเวศน์ของผิว หรือ ไมโครไบโอม มุ่งเน้นสร้างนวัตกรรมที่ส่งเสริมการทำงานของผิวโดยไม่ทำลายสมดุลชีวนิเวศวิทยา คือ ศิลปะแห่งการดูแลการดำรงอยู่ของระบบนิเวศของผิวหนัง โดยการดูแลให้ผิวทำงานได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งเราจะเห็นว่ากลไกของผลิตภัณฑ์ Bioderma จะมีส่วนที่ช่วยดูแลและปรับสมดุลของไมโครไบโอม ซึ่งเป็นระบบชีวนิเวศวิทยาของผิว

ก่อนใช้งานให้เขย่าขวดก่อนใช้ จะได้เนื้อแบบลิควิด ประมาณนี้

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย มีกลิ่นหอมจางๆ ให้สัมผัสไม่เหนอะหนะ นุ่มแบบ Dry touch คล้ายแป้ง ซึมไวแห้งไวไม่ทิ้งคราบขาว ใช้งานง่ายไม่เป็นขุย

เก็บภาพด้วยแสงแฟลชอีกภาพ จะเห็นว่าเนื้อค่อนข้างเบา ไม่วาว ไม่ขาว

มาดูส่วนผสมกัน

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวมมาในเบสแบบน้ำนม ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน แอลกอฮอล์

สารกันแดดกันได้ครบทั้ง UVA UVB และเสริมสารที่เป็น SPF booster กับตัวที่ช่วยเพิ่มความเสถียรให้ระบบกันแดดในสูตร 

ในด้านของเทคโนโลยีที่แบรนด์เคลม จะมี

  • ANTI-OX ACTIVE ซึ่งเป็น mycosporine like amino acids (MAA) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแบคทีเรียในทะเล มีคุณสมบัติ antioxidant ที่ดี ดูดซับรังสี UVA, UVB (Antioxidants (Basel). 2015 Sep 7;4(3):603–646.) และ ปกป้ององค์ประกอบของผิวไม่ให้ถูกทำลายเพราะรังสี UV และน่าจะให้ประโยชน์ยาวไปถึง Infrared, Visible light ไปพร้อมๆ กัน ผ่านการเสริมความสามารถในการเป็น Antioxidant ตามธรรมชาติของผิว
  • Detox Science นวัตกรรมที่ไปเปิดระบบ NRF2 (ชื่อเต็ม Nuclear factor erythroid 2-related factor 2) ซึ่งเป็นระบบ antioxidant ตามธรรมชาติในผิว ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ Detox และการเป็น Antioxidant ตามธรรมชาติ โดยระบบนี้ถ้าโดนเปิด จะทำให้มีความสามารถในการเป็น Antioxidant ที่เพิ่มขึ้น โดยไปเพิ่มการสังเคราะห์เอนไซม์ที่เป็น antioxidant ต่างๆ รวมไปถึงให้ผลในการปรับสมดุล และลดกระบวนการอักเสบ ตอบสนองและปกป้องตัวเองจากอันตรายต่างๆ (Stress) (Int J Mol Sci. 2020;21(13):4777.)

ดังนั้นกันแดดนี้จึงให้ประโยชน์ทั้งในการปกป้องและดีท็อกซ์ไปพร้อมๆ กัน

วิเคราะห์ส่วนผสมกัน

กลุ่มสารกันแดด

  • bis-Ethylhexyloxyphenol methoxyphenyl triazine หรือ Tinosorb S เป็นสารกันแดดที่มีความคงตัวดี กรองรังสีได้ในช่วงกว้างทั้ง UVA-UVB
  • Butyl Methoxydibenzoylmethane เด่นกรองรังสี UVA เป็นหลัก
  • Diethylamino hydroxybenzoyl hexyl benzoate หรือ Uvinul A+ เป็นตัวกรอง UVA ที่เด่นเรื่องการปกป้องการเกิดอนุมูลอิสระจากรังสี UV ในผิว มีความคงตัวดี

ส่วนตัวเสริมกันแดดจะมี

  • Ethylhexyl methoxycrylene ตัวนี้จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ (Singlet oxygen quencher) และตัวมันยังดูดซับรังสี UVA ได้ด้วย
  • Methoxyphenylimino dimethylcyclohexenyl ethyl glycinate ตัวนี้เป็นโมเลกุลจากธรรมชาติพบได้ในสาหร่าย ปกป้องผิวได้จากทั้งรังสี UVA, UVB และบูสท์ค่า SPF ให้ตำรับ

สารบำรุงที่น่าสนใจอีกตัว คือ Trimethoxybenzyl acetylsinapate ตัวนี้เด่นในแง่ของการเป็น Whitening ปรับสมดุลสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยมีกลไกการออกฤทธิ์ที่เป็นเอกลักษณ์คือ ไปปรับสมดุลการสังเคราะห์ Dickkopf-1 (DKK1) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างจาก Fibroblast สร้างมาแล้วนำส่งสัญญาณไปชั้นหนังกำพร้า ทำให้ลดการเก็บถุงเมลาโนโซมเข้าเซลล์หนังกำพร้า (Keratinocytes), ลดการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนและการเจริญของเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) และลดจำนวนของ Melanocyte ทำให้การสร้างเม็ดสีน้อยลง (FASEB J. 2008;22(4):1009-20.)

มีสิทธิบัตรฝรั่งเศส กล่าวถึงการใช้ Trimethoxybenzyl acetylsinapate คู่กับสารกันแดด พบว่าสามารถปกป้องผิวโดยไปเปิดระบบ NRF2 ดังได้กล่าวไปด้านบน ส่งผลให้ผิวมีความสามารถในการป้องกันตัวเองจากอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น (Ref: French patent FR3072023A1)

กลุ่มสารบำรุงอื่นๆ

  • น้ำตาล Rhamnose เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ ที่มีคุณสมบัติในการดูแลการระคายเคืองและให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Ectoine เป็นกรดอะมิโนชนิดพิเศษ มีโครงสร้างเป็นวง (Cyclic amino acid) สร้างโดยจุลินทรีย์ที่อาศัยในสภาพแวดล้อมแบบ Extreme เรียก Extremophile เพื่อปกป้องตัวเองจากสภาพแวดล้อมนั้น โดย Ectoine จะดึงน้ำเข้าหาตัวและปกป้องโปรตีนที่เป็นโครงสร้างไม่ให้เสื่อมสภาพและถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อม ในทางสกินแคร์ มีข้อมูลว่าการใช้ Ectoine มีประโยชน์ที่ดีต่อผิวหลายอย่าง เช่น เพิ่มความชุ่มชื้น และเสริมความแข็งแรงให้แก่ Barrier ผิว ลดการอักเสบระคายเคือง
    • Combination ของ Ectoine + Mannitol เสริมระบบปกป้องผิวตามธรรมชาติ ซึ่งมีงานวิจัยรองรับอยู่ โดยพบว่า ถ้าฉายรังสี UV ลงไปในเซลล์ ที่มีการใช้คอมบิเนชั่นของ Ectoine + Mannitol ร่วมกับสารกันแดด จะสามารถ 1. ปกป้อง Glutathione ในผิวไม่ให้สลายตัว 2. ปกป้อง DNA ไม่ให้ถูกทำลาย 3. ปกป้องเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิด Langerhans ให้ทำงานได้ตามปกติ (Fontbonne et al., J Cosmet Dermatol. 2024;23:308-315)
  • Biosaccharide gum-4 หรือ Glycofilm เรียงตัวเป็นฟิล์มบนผิว ดักจับ และปกป้องผิวจากมลภาวะ
  • o-Cymen-5-ol สารจากธรรมชาติที่พบในใบ Thyme เดิมที่เด่นเรื่องคุณสมบัติในการระงับเชื้อจุลินทรีย์ แต่มีข้อมูลว่าสามารถดูดซับรังสี UV ได้ในบางช่วง และเป็น antioxidant ได้
  • Tocopherol หรือ วิตามินอี เป็น antioxidant ที่ละลายได้ในน้ำมัน

ในภาพรวมก็คือ กันแดดขวดนี้ได้ทั้งปกป้องผิวจากรังสี UV และเสริมคุณสมบัติในการบำรุงผิวหลายๆ ด้าน และปกป้องผิวจากมลภาวะ

มาให้คะแนนกัน

  1. สารบำรุง ตัวสารกันแดด ทำมาได้ค่อนข้างดี กันได้ครบจบทั้ง UVA UVB และเสริม antioxidant รวมไปถึงสารบำรุงอื่นๆ ที่เด่นในด้านกระบวนการ detox และความแข็งแรงทนทานของผิวต่อสภาพแวดล้อม พร้อมทั้งดูแลปัญหาอักเสบระคายเคืองไปพร้อมๆ กัน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ได้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ปกติพอเราพูดถึงกันแดดที่กัน UV ฉ่ำๆ เรามักจะต้องแลกด้วยความเหนอะหนะของเบส แต่ตัวนี้ทำมาได้ดี โดยไม่ต้องใช้ซิลิโคนและแอลกอฮอล์ รวมทั้งผ่านการทดสอบความเป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ในด้านเนื้อสัมผัสคือดีเลิศ น่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะ คนผิวมัน ผิวเป็นสิวง่าย แต่คนผิวแห้งก็ยังสามารถใช้ได้ โดยให้ทาสกินแคร์ให้เรียบร้อยก่อน ส่วนตัวมีผิวผสม-แห้ง ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะแห้งมากขึ้นในช่วงบ่าย ตอนทาก็จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ โดยรวมก็คือชอบมาก ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Bioderma ประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตาและทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์เลยนะคะ

https://www.facebook.com/BIODERMAInternational/?brand_redir=1583092508403141

ทางไปช้อปปิ้ง

Lazada https://s.lazada.co.th/s.uvi8N

Shopee https://th.shp.ee/CQNyLxg

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

#Biodermathailand #Photoderm #PhotodermXDefense #กันแดดดีท็อกซ #กันแดดคุมมัน