Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่ม Soybean panthenol ampoule จาก Round Lab

Blog นี้เราจะมาวิเคราะห์ส่วนผสมของเซรั่ม Soybean Panthenol Ampoule จากแบรนด์ Round Lab กัน

ซึ่งน้องมีหน้าตาแบบนี้

ส่วนนี้จะเป็นหน้าตาของกล่อง

เนื้อสัมผัสจะเป็นแบบน้ำนม มีความหนืดเล็กน้อย

เกลี่ยง่าย ให้ฟีลบางเบา ไม่เหนอะหนะ

ก่อนจะไปดูส่วนผสม มาดูเคลม และผลเทสต์ของผลิตภัณฑ์ก่อนนะคะ

สำหรับตัว Soybean panthenol ampoule นี้ ทางแบรนด์เคลมว่า ใช้ Panthenol ที่เก็บกักไว้ในนีโอโซม ซึ่งการเอาไปเก็บนีโอโซมก็จะช่วยเสริมการดูดซึมได้

ซึ่งก็จะสอดคล้องกับผลเทสต์ในอาสาสมัครเพศหญิง จำนวน 22 คน ช่วงอายุ 28 – 64 ว่าสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวที่หลายๆ ระดับ ได้ในการทาเพียงครั้งเดียว

นอกจากนี้การทาเพียงครั้งเดียว ยังปรับ texture ผิวให้เรียบเนียน และลดการเกิดขุยผิว ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น

และการใช้ 2 สัปดาห์ ช่วยให้ Barrier ผิวแข็งแรงขึ้น วัดจากค่าการระเหยของน้ำออกจากผิว หรือ Trans-epidermal water loss (TEWL) ที่ลดลง

จากผลเทสต์เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเซรั่มวิตามินบี 5 ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

มาดูส่วนผสมกัน

ในภาพรวมก็คือ เป็นเบสแบบน้ำนม มีส่วนผสมของพวก Fatty ester อยู่รวมกับเบสน้ำ ไม่มีแอลกอฮอล์ และซิลิโคน ในส่วนของสารบำรุงก็จะมี

  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 ที่มีข้อมูลสนับสนุนว่า สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้ มีคุณสมบัติเป็น Moisturizer ที่ดี เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยผิวกักเก็บน้ำโดยไปลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ให้ผิวนุ่ม ยืดหยุ่น เสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) ลดการอักเสบระคายเคือง ลดรอยแดง (Ebner et al., Am J Clin Dermatol. 2002;3(6):427-33.) แบรนด์เคลมเป็น Panthenol ที่เก็บในนีโอโซม ความเข้มข้น 50,000 ppm คำนวณกลับมาเป็น 5% ในสูตร
  • สารสกัดจากถั่วเหลือง ซึ่งแบรนด์เคลมว่า ใช้ถั่วเหลือง Black soybean ซึ่ง ประกอบด้วย anthocyanin และ isoflavones สูงกว่าถั่วเหลืองปกติถึง 19.5 เท่า โดยปกติสารสกัดจากถั่วเหลืองก็จะเด่นในด้านของ antioxidant จากพวก isoflavones ส่วนประโยชน์แบบละเอียดอาจจะต้องย้อนไปดูกรรมวิธีการสกัดอีกที
  • ไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว และสารตั้งต้น มี Ceramides, cholesterol, fatty acid อยู่ครบ โดยตัวที่น่าสนใจ คือ Tetraacetylphytosphingosine มีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า สามารถเสริมการสังเคราะห์ Glucosylceramides ที่เป็นสารตั้งต้นของ Ceramides ได้ดีกว่า และมีประโยชน์ในเชิงด้านของการดูแลการอักเสบระคายเคือง
  • Ulmus Davidiana Root Extract มีงานวิจัยระบุว่าประกอบด้วย Polysaccharide พบว่ามีประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้นเทียบเท่า Hyaluronic acid ลดสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบ ในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง (J Cosmet Sci. 2006;57(5):355-67.) อีกงานวิจัยกล่าวว่า มีสารกลุ่ม Flavan-3-ols ที่สามารถป้องกันการเกิด Glycation ของโปรตีนได้ (Planta Med. 2008; 74(15):1800-2.)
  • Amaranthus Caudatus Seed Extract สารสกัดจาก Amaranth มีรายงานว่าเป็น Antioxidant (Nahrung. 2002; 46(3):184-6.) ข้อมูลจากผู้ผลิตบอกว่า สารสกัดส่วนเมล็ดของ Amaranth ประกอบด้วยน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวปริมาณสูง และมี Squalane

นอกจากนี้มี Adenosine ดูแลเรื่องชะลอวัย ริ้วรอย เติมน้ำด้วย Hya และมีวิตามินอี เป็น antioxidant

ในภาพรวมก็คือ ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างครบ เด่นเรื่อง Soothing พร้อมฟื้นฟู Barrier ผิว เสริมความชุ่มชื้น รองๆ ได้เรื่อง antioxidant เข้ามา

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ในส่วนของสารบำรุงตัวหลักจะเป็น Panthenol ที่บรรจุใน niosome เพื่อเสริมการดูดซึม มีผลทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร เสริมมาด้วยสารสกัดจากธรรมชาติหลายชนิด เด่นเรื่อง Soothing พร้อมฟื้นฟู Barrier ผิว เสริมความชุ่มชื้น มาพร้อมไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว และสารตั้งต้น ในภาพรวมให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในภาพรวมคือน้องเป็นเซรั่ม B5 ที่ทำมาในเนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ สามารถเอาเข้ารูทีนได้ง่าย ในเรื่องของความสบายผิว ดูแลการระคายเคืองส่วนตัวคิดว่าน้องทำมาได้ค่อนข้างดี ในด้านความชุ่มชื้นถ้าผิวแห้งมากคิดว่าต้องเสริมมอยส์อื่นเพิ่มเติม แต่ถ้าผิวมันคิดว่าน่าจะเอาอยู่ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ

แนบทางไปช้อปปิ้ง

Lazada https://s.lazada.co.th/s.EUDZG?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/5fbTPHWnEf

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมน้ำตบไฟโตเอสโตรเจนจากถั่วเหลือง จาก Naturalist Soybean PhytoGen Moisture Essence

ห่างหายไม่ได้อัพรีวิวผลิตภัณฑ์ของ Naturalist ไปเสียนานเลย

Naturalist เป็นแบรนด์ไทยแบรนด์หนึ่งที่น่าสนใจนะคะ ทั้งในแง่ส่วนผสม Packaging design รวมไปถึงเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์

รวมถึงวันนี้ ผลิตภัณฑ์ของ Naturalist ที่มี่ได้มามีทั้งหมด 3 ชิ้นค่ะ

naturalist.JPG

สองตัวซ้ายกับขวา มี่อัพรีวิวไว้แล้วนะคะ เผื่อใครที่พลาดชม สามารถติดตามได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้เลยค่ะ

Perfect BHA clear (>>>Click<<<)

Duo B moisture essence (>>>Click<<<)

 

วันนี้ก็ถึงเวลาของตัวสุดท้ายแล้วค่ะ กับ Naturalist soybean PhytoGen Moisture Essence ค่ะ

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

soy 1.JPG

เป็นแพคเกจที่มีดีไซน์หรูหราไฮโซเช่นกับพี่น้องที่เคยอัพรีวิวไป

เอสเซนส์ตัวนี้เน้นส่วนผสมของสารสกัดจากถั่วเหลือง เน้นเติมน้ำ คืนความชุ่มชื้นให้ผิว ลดการอักเสบระคายเคืองผิว และฟื้นฟูให้ผิวอ่อนเยาว์ กระจ่างใสค่ะ

เรียกได้ว่าเน้นเรื่อง Anti-aging กับ Brightening ไปควบคู่กันค่ะ

เนื้อเอสเซนส์จะเป็นน้ำตบใส หนืดนิดๆ และเนื่องจากไม่ได้ใส่น้ำหอมเราจะได้กลิ่นของวัตถุดิบอยู่จางๆค่ะ มี่ว่าคล้ายๆถั่วๆ ออกดินๆหน่อยค่ะ

soy 2

เกลี่ยง่าย ลื่นผิว เวลาเกลี่ยจะไม่ได้ซึมหมด หรือแห้งหายไปหมดในทันที เราจะตบๆนิดหน่อยนางก็จะซึมหมดค่ะ ผิวจะรู้สึกนุ่ม ไม่เหนอะหนะ

soy 3

สำหรับวิธีใช้ ตัวนี้เราจะหยดลงบนฝ่ามือ วอร์มนิดหน่อยแล้วค่อยๆกดๆลงไปบนผิวหน้าจนซึมจนหมด อย่าลืมทาคอด้วยนะคะ

วัดค่า pH เช่นเคย

soy 4

pH อยู่ที่ราวๆ 5 ใกล้เคียงกับผิวเราดีค่ะ

ดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

สผส soybean

วันนี้มี่แบ่งส่วนผสมของสารบำรุงให้เป็น 2 กลุ่มค่ะ คือ กลุ่มสีฟ้า กับ กลุ่มสีม่วง

จากส่วนผสมนี่คือ สารส่วนใหญ่คือสารบำรุง ถ้าดูเนื้อ หรือ Base จะเห็นว่าเป็นเบสน้ำ ไม่มีน้ำมัน ไม่มี Alcohol และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวค่ะ

มาดูรายละเอียดของสารบำรุงแต่ละตัวกันดีกว่าค่ะ

  • สารสกัดจากถั่วเหลือง เป็นนางเอกในเอสเซนส์ตัวนี้นะคะ ถั่วเหลืองนั้นเรียกได้ว่ามีประโยชน์ค่อนข้างกว้างค่ะ เพราะให้ผลทั้งด้านความชุ่มชื้นโดยการเติมน้ำให้ผิว เป็น antioxidant ที่ดี และมีส่วนประกอบของ Isoflavone ที่ช่วยให้ผิวดูนุ่มฟู เปล่งปลั่ง ถ้าสกัดด้วยกรรมวิธีที่เหมาะสมจะได้สารในกลุ่มเอนไซม์ Protease inhibitor ที่ไปยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก เราก็จะไม่เห็นเป็นสีผิว ผิวจึงดูขาวกระจ่างใสและสีสม่ำเสมอขึ้น

ทำไมต้องเอสโตรเจน???

นั่นก็เพราะว่าในผิวเราจะมีตัวรับของเอสโตรเจนอยู่ ทั้งหญิงและชาย

ซึ่งเมื่อเอสโตรเจนในร่างกายไปจับกับตัวรับเอสโตรเจนนี้ จะให้ผลดีกับผิว ผิวจะมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน มีความแข็งแรง และมีผิวที่หนาสมบูรณ์ ชุ่มชื้น แต่พอเราอายุเพิ่มขึ้น เอสโตรเจนลดลง ผิวก็จะเริ่มบางลง แห้งง่ายขึ้น

แต่เราจะเอาเอสโตรเจนมาทาหน้าเลยก็คงไม่ดี หาจากธรรมชาติน่าจะปลอดภัยกว่า

ในพืชหลายชนิดก็มีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนได้ อย่างเช่นในถั่วเหลืองมีสารกลุ่มไอโซฟลาโวนที่ออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน เราเลยเรียกว่าเป็น Phytoestrogen ค่ะ (คำว่า Phyto- เป็นคำขยายที่แปลว่าพืชนั่นเอง)

  • สารสกัดจากราก Gentian ตัวนี้ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าสารสกัดให้ผลเป็น Antioxidant, Anti-inflammatory และ ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ตรงกับ Brand claim เรื่องลดการอักเสบระคายเคือง
  • Allantoin, Raffinose, Panthenol และ Betaine เป็นสารจากธรรมชาติ ที่เด่นเรื่องการลดการอักเสบระคายเคืองในผิว ให้ความรู้สึกสบายผิวเช่นกัน
  • กลุ่มสารเติมน้ำอีกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Urea, Hydrolyzed collagen และ Sodium hyaluronate

กลุ่มสีม่วงจะเป็น Whitening ค่ะ

  • Tranexamic acid สารนี้เดิมทีใช้เป็นยาช่วยให้เลือดแข็งตัว ยาห้ามเลือด แต่พบว่าสารสามารถออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส มีผลลดการสร้างเมลานิน ช่วยให้สีผิวขาวขึ้น จึงมีการนำมาใช้ในรูปแบบทาผิว
  • Raspberry ketone เหมือนเป็น signature ของทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์เลย นอกจากมีการศึกษารองรับผลด้าน Whitening แล้ว ข้อมูลจากทางแบรนด์บอกว่ามีผลต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย นอกจากนี้มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจึงให้ผลปกป้องผลิตภัณฑ์จากเชื้อ
  • สารสกัดจากชะเอม ก็เป็น Whitening และลดการอักเสบระคายเคืองในผิวได้ไปพร้อมๆกัน

 

โดยรวมก็ถือว่านอกจากเน้นเรื่อง Antiaging และ Brightening ตามที่เขียนไว้บนขวดแล้ว ก็จะมีประโยชน์ในด้านของการเติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิวไปด้วย

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. ส่วนผสม ส่วนผสมส่วนใหญ่เป็นสารบำรุงผิว มีคุณสมบัติโดดเด่นหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Antiaging (ชะลอวัย) ไวท์เทนนิ่ง เติมน้ำให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว หรือ Soothing effect ไปพร้อมกันๆ ในส่วนของเบสหลักเป็นเบสน้ำ ไม่มีทั้งน้ำมัน ซิลิโคน และแอลกอฮอล์ ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ใช้เอสเซนส์ทั้งเช้าและเย็น จะตบๆ หลังจากทา BHA กับ Duo B เสร็จค่ะ (BHA ระยะหลังมานี่มี่ใช้แค่กลางคืน) ตอนที่ใช้พร้อมกัน 3 อย่างจะรู้สึกว่าผิวนุ่มฟูขึ้น และมีความยืดหยุ่น เวลาเอามือตบๆบนผิวเราจะรู้สึกว่ามันเด้งๆ เหมือนตบลูกโป่งใส่น้ำ ก็จะรู้สึกดีกับผิวตัวเอง ให้ไป 5 ฟลาสก์เช่นกัน

คะแนน soy

เอสเซนส์ถั่วเหลือง PhytoGen ตัวนี้สนนราคาอยู่ที่ 890 บาท/100 ml ตกเป็น 8.9 บาท/ml ค่ะ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทางแบรนด์ Naturalist ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามกับทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/NaturalistTH/

LINE : @naturalist.th

 

Discliamer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Naturalist beauty การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

[MiYeon Favorites] part 1-Innisfree Soybean Firming Skin

[MiYeon Favorites] part 1-Innisfree Soybean Firming Skin

มีหลายๆท่านมากเลยแนะนำเข้ามาว่า อยากเห็น Routine skincare ของมี่

แต่มี่ใช้ไปเรื่อยตามอารมณ์ ไม่เหมือนกันซักวัน เลยกะว่าจะค่อยๆรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ชอบไปทีละตัวๆ วันนี้ก็เลยจะรีวิวเอสเซนส์ถั่วเหลืองหมัก พึ่งหมดขวดแรกไปเมื่อคืนนี้เองค่ะ ถึงแม้ว่าขวดจะดูเหมือนไม่ใหญ่มาก แต่ใช้ทนจริงๆค่ะ เปิดใช้ตอนปลายๆเดือน 6 พึ่งมาหมดเมื่อคืนนี้ เกือบปีเชียว

ตอนนั้นไปสอยมาจากเกาหลีเมื่อตอนเดือนมิย.ปีที่แล้วค่ะ ราคารู้สึกจะ 28000 วอน (840 บาท)

ลงรูปร้านด้วย เดี๋ยวจะหาว่าไม่ได้ไปจริงๆ

11121330_10204242340998889_1186810959_n

ถ้าได้แบกเป้ไปเองนะคะ แนะนำให้ไปย่าน มยองดง ตอน 10โมงค่ะ จะร้างมากกกกกกกกกก เดินสนุก ชอปสนั่น ไม่มีคนเยอะแยะมากวนประสาท

แถมอีกรูปค่ะ

(รูปเก่าเล่าใหม่)

ไม่มีคนเลยค่าาาาาาาาาาาาาาาา

11117395_10204242342758933_811500543_n

เข้าเรื่องดีกว่าค่ะ

Innisfree เป็นแบรนด์นึงที่มี่แอบส่องของเค้ามาเกือบสองปี และก็ได้ไปเลือกกับตัวเองเมื่อ มิย. ปีที่แล้ว ตอนนั้นซื้ออะไรมาบ้าง ดูได้ที่ลิงค์เมื่อกี๊นะคะ

แล้ว เมษายน ก็ไปเกาหลีอีก คราวนี้ไปเกาะเจจู ไปกับทัวร์ ทัวร์เค้าเอาเราไปปล่อยที่ไร่ชา O’Sulloc แล้วอิชั้นก็วิ่งขึ้นไป Innisfree Jeju house ค่ะ

คุ้มค่าเหนื่อยเลยยยยยยยย

ตัวที่รักเลยก็คือ

IMG_3625-re

ตัวนี้เนเจอร์ของเค้าจะค่อนข้างมัน ดังนั้นจะเหมาะกับคนที่ผิวแห้งหน่อยนะคะ

เนื้อจะเป็นน้ำนมเหลวๆ กลิ่นหอมสมุนไพร ค่อนข้างชุ่ม มันนิดๆค่ะ

IMG_3626

แต่เอาเข้าจริง พอทิ้งไว้แปบ มันก็ซึมหมดค่ะ ไม่มัน ไม่เหนอะหนะอะไรมาก และหน้าจะนุ่มชุ่มชื้นไปนานโขอยู่

กระดาษวัด pH เหลือ มาวัด pH เล่นๆดีกว่าเนาะ

IMG_3629-re

pH อยู่ที่ 5 ค่ะ ดังนั้น AHA ในนี้ก็จะแตกตัวเป็นรูปเกลือ ซึ่งมีฤทธิ์ผลัดผิวต่ำ จึงไม่ต้องกลัวเรื่องผิวบาง และแพ้แดด

มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

ดูจากภาพถ่ายกล่องดีกว่าเนาะ ^^ มันแอบยาว = =

1415027625-innisfree-o

วิเคราะห์ส่วนผสมนิดนึงพอกรุบกริบ

ปกติเครื่องสำอางจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ

1. Active ingredients หรือย่อๆว่า Active เป็นสิ่งที่ทำให้เครื่องสำอางมีฤทธิ์ทางชีวภาพ เช่น ลดริ้วรอย ผิวขาว ดูแลสิว ฯลฯ
2. Base เป็นส่วนหลักของผลิตภัณฑ์ ทำหน้าที่พยุงเอา Actives ไว้ และเป็นตัวนำพาเอา Actives ไปออกฤทธิ์ที่ผิวหนังค่ะ ถ้าเป็น ครีม Base ก็จะเป็นส่วนของน้ำกับน้ำมันค่ะ
3. Additives เป็นส่วนของสารที่ช่วยเพิ่มลักษณะที่ดีให้แก่เครื่องสำอาง เพิ่มความคงตัว ความน่าใช้ ความปลอดภัย เช่น พวก Emulsifier ที่ประสานน้ำให้เข้ากับน้ำมันเกิดเป็นครีม Preservatives ที่ช่วยรักษาผลิตภัณฑ์ให้คงเดิม ฯลฯ

ตัวนี้ถ้าแยกส่วนแบบสรุปๆ ก็จะเป็นดังนี้ค่ะ

1. Actives ตัวที่นำมาเลยน่าจะเป็น Squalane, Arbutin กับถั่วเหลืองหมัก Bacillus ซึ่งถั่วเหลืองมันจะมีสารจำพวก Isoflavone ที่ปกติมันจะจับกับน้ำตาลอยู่ทำให้โมเลกุลใหญ่ การออกฤทธฺ์และการดูดซึมจะน้อย แต่พอหมักด้วยจุลินทรีย์เสร็จ มันก็จะตัวเล็กลง ออกฤทธิ์ได้ง่ายขึ้น และซึมผิวได้ดีขึ้น สารกลุ่มพวกนี้ยังมีคุณสมบัติเป็น Phytoestrogen ช่วยให้ผิวนุ่มนวลด้วย ส่วนสารสกัดพืชอื่นๆ ที่พอจะมีข้อมูลรองรับก็จะเป็นชาสองสายพันธ์ ซึ่งให้ผลเป็น Antioxidant ที่ค่อนข้างดี Orchid ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยรวมแล้วให้ผลเรื่องริ้วรอย ความชุ่มชื้น ไวท์เทนนิ่ง ถือว่าโอเคอยู่ค่ะ ส่วนของ Citric acid กับ Lactic acid เมื่อมาอยู่ในสภาวะที่มีค่า pH ราวๆ 5 ก็จะกลายร่างเป็นรูปเกลือ คือ Citrate กับ Lactate ซึ่งผลผลัดผิวจะลดลง เหลือแต่ผลเติมน้ำให้ผิว จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

2. Base มาในรูปแบบ Emulsion เพราะมีน้ำมันด้วย ส่วนของน้ำ มีสารดึงน้ำให้ผิวอยู่ก็จริง แต่ไม่ได้เลิศเลอประเสริฐศรี ส่วนของน้ำมันก็มีไขมันที่ดีๆต่อผิวอยู่ด้วย ที่เหลือก็เป็นสารพื้นๆทั่วไป แม้ว่าจะไม่ได้ดีมาก แต่ก็ถือว่ามีครบถ้วนสำหรับการเป็น Emulsion ที่ดีชิ้นนึง ที่สำคัญคือไม่มี Alcohol ค่ะขอให้ 5 ฟลาสก์

3. Additives ไม่มีพาราเบน แต่มีน้ำหอม ไม่แน่ใจว่าน้ำหอมนี่เป็นน้ำหอมสังเคราะห์ หรือว่าเป็นน้ำมันหอมระเหยจากพืชตระกูล Citrus เพราะกลิ่นก็แอบเหมือนอยู่ ถ้าเป็นพวก Citrus ก็ไม่เหมาะใช้กลางวันเพราะจะแพ้แสงได้ แต่ก็ไม่เคยหักคะแนนน้ำหอมในผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ไม่ใช่แบบทารอบดวงตามาก่อน สารอื่นๆก็ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

4. การใช้งาน คงไม่ต้องบรรยายแล้วค่ะ หมดไปแล้วขวดหนึ่ง กำลังจะแกะขวดที่สอง ก็จัดไป 5 ฟลาสก์ สวยๆค่ะ

สำหรับวันนี้มีแค่นี้ค่ะ แล้วพบกันใหม่กระทู้ถัดไป สวัสดีค่ะ

ปล. Innisfree เมืองไทยเปิดแล้วนะคะ แอบอิจฉาสาวๆกรุงเทพ ได้ไปเดินเล่นแล้ว ส่วนตัวมี่นั้นอยู่ต่างจังหวัด โชคดีอาทิตย์หน้าจะได้ลงไปทำงานที่กทม ถ้ามีเวลาจะแอบไปส่องดูค่ะ ^^

Love you
xoxo