Image

ลดอายุผิว 1 ปี เมื่อใช้เพียง 1 เดือน ทดสอบแล้วด้วยตัวเอง กับ ISDIN Flavo-C สูตร Ultraglicans และ Melatonin ในแคมเปญ 24H Glow Challenge

สำหรับ Blog นี้อยากมาอัพเดทผลการเข้าร่วมโครงการ 24H Glow challenge ไปกับ ISDIN Flavo-C ค่ะ

โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้นำมาร่วมในโครงการจะเป็นคู่ Flavo-C Ultraglicans และ Flavo-C Melatonin ซึ่งออกแบบมาได้สอดคล้องกับความสามารถและการทำงานของผิวเราที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาในแต่ละวัน หรือ Circadian rhythm นั่นเอง

ช่วงกลางวันผิวเราจะเก่งเรื่องการปกป้อง เราก็เสริม วิตามินซีฟอร์ม L-ascorbic acid (LAA) + อี + Ergothioneine เข้ามา

ช่วงกลางคืนผิวเราจะเก่งฟื้นฟู เราก็เสริม วิตามินซีฟอร์ม 3-O-Ethyl ascorbic acid + Melatonin เข้ามา

ก็คือคอมบิเนชั่นนี้ดูแลผิวได้ครบ 24 ชั่วโมงตามหลัก Circadian rhythm ของผิวเลย

ถ้าสนใจอ่านรีวิวที่พึ่ง revise ใหม่ของ 2 ตัวนี้ เชิญได้ที่ลิงค์ด้านข้างเลยนะคะ >>Click อ่านรีวิวละเอียด<<

ในการเข้าร่วมโครงการนี้ส่วนตัวไม่เปลี่ยน Skincare ใดๆ ตั้งแต่ 25 ม.ค. 68 จนถึง 22 ก.พ. 68 เพื่อให้มั่นใจว่าผลที่เปลี่ยนแปลงไปมาจาก Flavo-C ultraglicans และ Flavo-C melatonin จริงๆ

อารัมภบทนิดหน่อย แล้วมาดูผลกัน

รุ่นนี้แพคเกจจะมาในขวดแก้วเล็กๆ ที่เรียกว่าแอมพูล ทางแบรนด์ก็จะมีที่หักคอขวด กับตัวจุกยางไว้ใช้ตอนใช้งานมาให้ด้วย

โดยในการร่วมโครงการนี้ ดิฉันได้ไปตรวจวัดสภาพผิวที่ร้าน Hack Beauty Lab ที่เซ็นทรัลพระราม 9 โดยเขาจะมีเครื่องวัดสภาพผิวเกรดงานวิจัย ที่ชื่อ VISIA อยู่ ก็ทำการตรวจ 2 ครั้ง คือ เก็บผลก่อนเริ่มใช้ แล้วก็หลังใช้ Ultraglicans ตอนเช้า + Melatonin ตอนกลางคืน เป็นเวลา 1 เดือน

หน้าตาหน้าร้านนะคะ อยู่ที่ชั้น 5

ส่วนนี้จะเป็นหน้าตาของเครื่อง VISIA ที่ได้รับการยอมรับในงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำ

เครื่องนี้จะถ่ายภาพผิวภายใต้สภาวะแสงที่คุมความเข้มให้ได้มาตรฐาน 3 มุม คือ มุมตรง และมุมข้างซ้ายและขวา ในองศามาตรฐาน แล้วทำการวิเคราะห์ค่าสภาพผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเสียหายจากรังสี UV จุด porphyrin จากสิว รูขุมขน ริ้วรอย รวมไปถึง Brown spot รอยแดงต่างๆ แล้วคำนวณอายุผิวมาให้เราเสร็จสรรพเลย

ตัวเครื่อง VISIA จะถ่ายภาพ แล้ววิเคราะห์คะแนนผิวออกมาในหน่วย Percentile โดยค่ายิ่งมาก แปลว่าผิวเราอยู่ในกลุ่มดีนะคะ

ก่อนการใช้ Flavo-C ผิวของดิฉันมีค่าต่างๆ ประมาณนี้

ส่วนใหญ่ค่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จะมีแค่ปัญหาการระคายเคือง เพราะว่า ความแดง อยู่ในระดับ 39% อายุจริง 39 อายุผิว 33 นี่แหละค่ะ เก็บแต้มบุญจาก Retinol และกันแดด เก็บไว้เยอะๆ สักวันผิวเราก็ต้องเสื่อม

หลังใช้ Flavo-C Day night ครบ 1 เดือน เราก็ไปทำการวัดผิวอีกรอบ

สังเกตว่า ค่าอาการแดงก็ดีขึ้น และอายุผิวลดลงไป 1 ปี เหลือ 32

ทางเราก็ทำสรุปมาให้ในภาพถัดไปค่ะ

ที่น่าสนใจคือ เราใช้เวลา 1 เดือน ซื้ออายุผิวคืนได้ 1 ปี ตรงนี้เป็นอะไรที่ดีงามมากจริงๆ นอกจากนี้ค่าอื่นที่ดีขึ้น ได้แก่ ผิวเรียบเนียนขึ้น จุดด่างดำดีขึ้น อาการระคายเคือง (ประเมินจากรอยแดง) ลดลง และตัว Porphyrin ที่สร้างจาก C. acnes ลดลง

จุดนี้ถือว่าค่อนข้างประทับใจนะคะ กับคู่ Flavo C Day-night คู่นี้

ทางไปช้อปปิ้ง

Flavo C Ultraglicans (สำหรับกลางวัน)

https://s.lazada.co.th/s.vtd03?cc

https://s.shopee.co.th/6pn8w9Ana6

Flavo C Melatonin (สำหรับกลางคืน)

https://s.lazada.co.th/s.vtdVT?cc

https://s.shopee.co.th/wonbo1K5

Disclaimer: สนับสนุนผลิตภัณฑ์ และการตรวจวัดสภาพผิวโดยบริษัท Hack Beauty Lab

Image

รีวิวไนท์เซรั่มนวัตกรรมใหม่ Melatonik จาก ISDIN มาพร้อมนวัตกรรมที่เปิดระบบ HIF-1

มันจะมีเซรั่มอยู่ตัวหนึ่ง ที่พรีเมี่ยมสุด พรีเมี่ยมกว่าเพื่อนๆ ในแบรนด์ ISDIN นั่นก็คือน้อง Melatonik นั่นเองค่ะ มันจะขนาดไหน Blog นี้จะมาแกะส่วนผสมกันนะคะ

น้องมาในกล่องแบบหรูหราเลย

ด้านในเป็นขวดแก้วแบบมีหลอดหยด

ตัวเซรั่มเป็นเบสแบบน้ำมัน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

เกลี่ยได้ง่าย ไม่เหนอะหนะ แต่จะให้ฟีลวาวๆ แบบน้ำมันบำรุงผิว

สำหรับความพิเศษของเซรั่มนี้ก็คือ เขามาในคอนเซปท์ Beauty sleep เน้นการฟื้นฟูผิวในยามนอนหลับด้วยการผสานส่วนผสม 3 ชนิด คือ Melatonin, Bakuchiol และ Vitamin C

จุดเด่นของน้องคือ ส่วนผสมคอมบิเนชั่นนี้มีผลการทดสอบรองรับว่าออกฤทธิ์ผ่านระบบ Hypoxia-inducible factor 1 หรือ HIF-1

ระบบนี้มีอยู่ทั่วไปในร่างกายเรา เป็นชุดของโปรตีนที่จะเปิดการทำงานเมื่อปริมาณของ oxygen น้อยลง เมื่อเปิดการทำงานแล้วจะควบคุมยีนอื่นๆ อีกหลายตัว เพื่อตอบสนองและปรับตัวในสภาวะที่ oxygen น้อยๆ นั้น รวมถึงปรับเรื่อง metabolism ที่จากเดิมเราใช้ออกซิเจน ให้ปรับมาในโหมดไม่ใช้ออกซิเจน (anaerobic metabolism) (Yale J Biol Med. 2007;80(2):51–60.)

ในผิวหนังของเราก็มีระบบ HIF-1 เหมือนกัน ทำหน้าที่ควบคุมกระบวนการสร้างเส้นเลือดใหม่ (angiogenesis) การอักเสบ การสมานแผล การทำงานของเซลล์ Keratinocyte ในหนังกำพร้า เสริมระบบภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันตัวเอง เสริม Barrier ผิว โดยผ่านการควบคุมหลายๆ ยีนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการต่างๆ ภายในผิว

ถ้าระบบ HIF-1 ที่ผิวทำงานผิดปกติไปก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น เพิ่มการอักเสบ อาจนำไปสู่ผิวอักเสบแบบ atopic, สะเก็ดเงิน การสมานแผลช้าลง

การทดลองในหนูทดลอง และใน Keratinocyte มนุษย์ที่เพาะเลี้ยง พบว่า ถ้าเราไปดัดแปลงระบบ HIF-1alpha ให้ทำงานน้อยลง/ไม่ทำงาน จะนำไปสู่ภาวะ aging ด้วย ผิวหนังจะมีความบางลง (atrophy) มีการอักเสบเพิ่มขึ้น โครงสร้างของ laminin-332 (Ln-332) และ integrins ที่อยู่ที่ชั้น basement membrane จะอ่อนแอลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยตามมา และยังทำให้เซลล์ผิวหนังเจริญช้าลง (J Cell Sci. 2011;124(Pt 24):4172-83.)

ในปี 2018 มีการกล่าวถึงการเสริมการทำงานให้ระบบ HIF-1alpha เพื่อฟื้นฟูสภาพผิว (Skin rejuvenation) โดยถ้าไปเสริมได้ จะส่งผลให้ ผิวหนังรักษาสมดุลตัวเองได้ดี มีการสร้างหลอดเลือดใหม่เพื่อลำเลียงสารอาหารมาเลี้ยงผิว ซัพพอร์ตการทำงานตามปกติของผิว เสริมการสร้างคอลลาเจน อิลาสตินใหม่ๆ ซึ่งถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว (Plast Reconstr Surg. 2018;141(4):600e-607e.)

เวลาเราโดนรังสี UV เยอะๆ ระบบ HIF-1 ทำงานได้น้อยลง เลยเป็นส่วนหนึ่งของการเกิด aging ด้วยอีกทาง

ทีนี้เราลองมาดูส่วนผสมใน Melatonik กับการเปิดระบบ HIF-1alpha กันบ้าง

  • การทดสอบในผิวหนังมนุษย์ (ex vivo skin explant) พบว่าคอมบิเนชั่นของ Melatonin, Bakuchiol และ Vitamin C ฟอร์ม ascorbyl palmitate ทำงานร่วมกัน (synergism) เพื่อมาเปิดระบบ HIF-1alpha และฟื้นฟูสภาพผิว ฟื้นฟูระบบ HIF-1alpha ให้กลับมาทำงานปกติ แล้วส่งผลต่อให้การสร้างคอลลาเจนมีเพิ่มขึ้น เสริมการสร้างเส้นเลือดใหม่เพื่อลำเลียงสารอาหาร เพิ่มความสามารถของ Barrier ผิว และ ปรับสมดุล metabolism ระดับเซลล์ (Cell Mol Biol. 2018; 65(8):39–47.)

พอมีงานวิจัยนี้ออกมา ก็คือทราบกลไกแล้วว่า คอมบิเนชั่นนี้คือจึ้งมาก เปิด HIF-1 และรีเคลม คืนสภาพ HIF-1 ที่มันน้อยลงเพราะ UV กลับมาได้ เขาก็เริ่มมาศึกษาต่อแล้วค่ะ

  • งานวิจัยถัดมาเริ่มทำในอาสาสมัคร มี 5 การทดลองย่อย รวมใช้อาสาสมัครหญิง 103 คน ทดสอบตั้งแต่ 28 วัน – 84 วัน (3 เดือน) ก็เจอว่า รอยแดงลดลง (สื่อถึงการอักเสบลดลง) ริ้วรอยลดลง ความกระชับผิวเพิ่มขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นในผิวได้ 12 ชม. หลังทา และมีความปลอดภัยที่ดี มีการทดสอบในอาสาสมัครผิวมันด้วย (J Cosmet Dermatol. 2019;18(3):806-814.)
  • การศึกษาต่อมา ทำในเซลล์เพาะเลี้ยง ทำ 2 เซลล์ คือ Keratinocyte (เซลล์ในหนังกำพร้า) และ Fibroblast (เซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอื่นใด) และทำในผิวหนังมนุษย์ (ex vivo) พบว่าปริมาณของ Filaggrin ที่จะสลายตัวเป็น NMF หรือ อาจกลายเป็นเปลือกหุ้มเซลล์ขี้ไคล (cornified envelope) เพิ่มขึ้น และปริมาณของ Aquaporin-3 ก็เพิ่มขึ้น ผลคือ ผิวแข็งแรงขึ้น เก็บความชุ่มชื้นได้มากขึ้น ปริมาณของ Collagen I ก็เพิ่มขึ้น ลดปริมาณของเซลล์ที่เสียหายเพราะ UV (sunburn cells) ในหนังมนุษย์ ก็คือฟื้นฟูด้วยอีกหนึ่ง (Dermatol Ther (Heidelb). 2020;10:191–202)
  • ทำในอาสาสมัครอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้มีตรวจชิ้นเนื้อด้วย ทำในอาสาสมัคร 24 คน 12 สัปดาห์ อีก 12 คน ใช้ต่อจนครบ 24 สัปดาห์ (นานมาก) ผลการทดลองก็คือจึ้งมาก Texture ผิว จุดด่างดำ รอยแดง สีผิว complexion พวกเส้นริ้วตื้นๆ ริ้วรอย อาการแสดงจากแสงแดด จุดด่างดำต่างๆ ดีขึ้นหมดเลย ที่น่าสนใจก็คือ ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าบนหน้าผาก และ เส้นร่องแก้ม (marionette lines) ก็ดีขึ้น (J Cosmet Dermatol. 2020;19(4):884-890)

เห็นส่วนผสมพี่เรียบๆ แต่วิจัยเพียบนะคะ

ในภาพรวมน้องเป็นเซรั่มเบสออยล์ ที่มีส่วนผสมของเบสน้ำนิดหน่อย โดยออยล์ที่เลือกใช้เป็นออยล์ชนิดบำรุง อย่าง Caprylic/capric triglyceride ซึ่งซึมผิวได้ ไม่เหนอะหนะ เสริมมากับ Dicaprylyl carbonate ที่บางเบาเช่นกัน และใช้ Alcohol เข้ามาลดความเหนอะหนะอีก 1 สเต็ป

เราจะเริ่มที่คอมบิเนชั่นของ Melatonin, Bakuchiol และ Vitamin C ฟอร์ม ascorbyl palmitate ทำงานร่วมกัน (synergism) เพื่อมาเปิดระบบ HIF-1alpha และฟื้นฟูสภาพผิว ฟื้นฟูระบบ HIF-1alpha ให้กลับมาทำงานปกติ แล้วส่งผลต่อให้การสร้างคอลลาเจนมีเพิ่มขึ้น เสริมการสร้างเส้นเลือดใหม่เพื่อลำเลียงสารอาหารมาเลี้ยงและดูแลผิว เพิ่มความสามารถของ Barrier ผิว และ ปรับสมดุล metabolism ระดับเซลล์ (Cell Mol Biol. 2018; 65(8):39–47.)

ซึ่งปกติแล้ว Melatonin เองก็เป็น Antioxidant ที่มีฤทธิ์ดี Bakuchiol เองก็เด่นหลายอย่างทั้งในด้านการชะลอวัยคล้าย Retinoids แต่ไม่มีอาการระคายเคือง มาเจอกับวิตามินซีอีก 3 ฟอร์ม คือ Ascorbyl palmitate, Ascorbyl tetraisopalmitate และ Ascorbic acid ซึ่งเป็น Antioxidant ที่ดีเหมือนกันหมด

เสริมความคงตัวให้ระบบด้วย Tocopherol (วิตามินอี)

มาให้คะแนนกัน

  1. สารบำรุง คอมบิเนชั่นของ Melatonin, Bakuchiol และ Vitamin C ฟอร์ม ascorbyl palmitate ทำงานร่วมกัน เปิดและฟื้นฟูการทำงานของระบบ HIF-1 มีงานวิจัยรองรับ และมีผลทดสอบในอาสาสมัครที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำทางผิวหนัง แต่ละตัวก็มีคุณสมบัติที่ดีในการดูแลผิว เอามาเสริมกันได้อย่างลงตัว และที่สำคัญกลไกของ HIF-1 ก็ยังเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในวงการ และแลดูเหมือนจะให้ผลที่ดีด้วยสิ ให้คะแนนความนวัตกรรม 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีแอลกอฮอล์ แต่ด้วยเบสเป็นน้ำมัน เลยไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ส่วนตัวเป็นผิวผสม-แห้ง ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องหักคะแนนตามระเบียบ รับไป 4 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในเซรั่มขวดนี้มันจะมีอยู่หลายชอบ ไม่ว่าจะเป็น ชอบ 1 ชอบเรื่องการดึงเอาระบบ HIF-1 มาพูดถึงในทางสกินแคร์ ชอบ 2 ชอบความงานวิจัยมากมายที่มายืนยันว่าคอมบิเนชั่นของชั้นเนี่ย เปิดระบบนี้ได้จริง ชอบ 3 ส่วนผสมมาแบบค่อนข้างคลีน น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรม ด้านการใช้งาน ไม่ได้เยิ้ม ไม่ได้วาว ไม่ได้เหนอะหนะ ส่วนตัวเอามาทาหลังทาครีมเสร็จ แล้วก็นั่งทำอะไรเรื่อยเปื่อยอีกสักพักก่อนเข้านอน ตื่นมาก็ผิวชุ่มชื้นดีไม่ได้เยิ้ม รับไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ และขอบคุณทางแบรนด์สำหรับผลิตภัณฑ์ Melatonik ขวดนี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทย ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

ทางไปช้อปปิ้ง

Lazada https://s.lazada.co.th/s.vo0HD?cc

Shopee https://s.shopee.co.th/2Ve5GROTMK

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับเป็นของขวัญมาจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มเรตินอยด์เจ็นใหม่ จาก Her Hyness รุ่น Bio-retinal melatonin advanced repair serum

อย่าพึ่งกลัว Retinoids ถ้ายังไม่ได้ลองสิ่งนี้

ขอมอบคำโปรยนี้ไว้ให้แก่ Her Hyness Bio-retinal melatonin advanced repair serum หรือน้อง Her Hyness ขวดม่วงนั่นเองค่ะ

น้องมาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

ตัวแพคเกจด้านในจะมาในขวดแบบปั๊มที่เป็นอคริลิก แลดูหรูหรา

ในส่วนของเนื้อนั้นจะเป็นเนื้อน้ำนมที่ค่อนข้างบางเบา ส่วนหนึ่งที่ทำได้เบาขนาดนี้จะมาจากส่วนผสมของสารกลุ่มน้ำมันที่เขาเลือกใช้จะเป็นตัวที่ระเหยได้ เลยค่อนข้างให้สัมผัสที่ดี ไม่หนักและเหนอะหนะผิว

ตรงนี้เป็นอย่างไร สารตัวไหน เดี๋ยวมาเล่าอีกที

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลยอาจจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่บ้าง

ซึมไวแห้งไวให้สัมผัสบางเบา

ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง และผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic)

ส่วนผสมที่เลือกมาก็คือเบลนด์กันได้อย่างลงตัวเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะด้านริ้วรอยและการชะลอวัย

รายการส่วนผสม

ทางแบรนด์มีเคลมถึงการใช้ Retinoid complex 3.8% ซึ่งได้แก่

  • Retinoids 1% แบ่งเป็น Retinal 0.5% และ Hydroxypinacolone retinoate 0.5%
  • 2.8% Natural retinoic acid booster แบ่งเป็น Novoretin® 2% ร่วมกับ Phyto-retinol 0.8%

เสริมประสิทธิภาพในการชะลอวัยด้วย Melatonin และดูแลการระคายเคือง ด้วยสารบำรุงที่มีประสิทธิภาพในชุด Defensil® plus

ในส่วนของรายละเอียดแบบเจาะลึก ขอแบ่งสารมาพูดถึงเป็นส่วนๆ โดยเริ่มจากส่วนของ Retinoids และสารเสริม Retinoids ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ก็คือ เรียกได้ว่า เบลนด์กันได้อย่างดี เติม Retinoids ลงไป และปกป้องไม่ให้ Retinoids ในผิวสลายตัวไปโดยง่าย ดังนี้

  • Retinal หรือ Retinaldehyde ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีความแรงเพิ่มขึ้นจาก Retinol โดยประโยชน์ของ Retinoids ที่มีต่อผิวนั้นค่อนข้างกว้างค่ะ โดยจะเด่นไปในทางด้านของการชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย และดูแลเรื่องผิวไม่กระชับ หย่อนคล้อย ตัว Retinoids จะออกฤทธิ์ที่หลายระดับชั้นผิว จึงให้ประโยชน์หลายด้าน ถ้าเป็นที่ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เราจะได้เรื่องของการปรับสมดุลการสร้าง-แบ่งตัว-เปลี่ยนแปลงโครงสร้างหน้าที่และการผลัดออกของผิว (เซลล์ Keratinocyte) ในหนังกำพร้า รวมถึงลดการอุดตันผ่านการปรับสมดุลการสร้าง-ผลัดออกของ Keratinocyte ภายในรูขุมขน ถ้าเป็นที่หนังแท้ (Dermis) ก็จะไปเสริมการสร้างพวกเส้นใยไฟเบอร์ต่างๆ ที่เป็น Extracellular matrix (ECM) ในชั้นหนังแท้ รวมถึงไปลดการสังเคราะห์เอนไซม์ MMP ที่ไปทำลายคอลลาเจน

ตามทฤษฎีแล้ว Retinoids ถือว่าเป็นสารที่วงการแพทย์ยอมรับตัวหนึ่งในด้านของการเป็น Anti-aging

ในส่วนของ Metabolism ของ Retinoids เมื่อเข้าสู่ผิว เราจะสามารถสรุปได้ดังภาพนี้ค่ะ

โดย Retinal เมื่อลงผิว จะถูก Oxidize 1 Step แล้วได้ฟอร์มที่ออกฤทธิ์ได้เลย แต่ถ้าใช้ ฟอร์มอย่าง Ester อาจจะถูกเก็บไว้ก่อน ก่อนถูกเปลี่ยนเป็น Retinol หรือจะเปลี่ยนเลย อันนี้แล้วแต่ความต้องการของผิว ส่วนถ้าเป็น Retinol ก็จะถูก Oxidize ต่อ 2 Step ถึงออกฤทธิ์ได้

    

สำหรับ Retinal ที่ทางแบรนด์ใช้ แบรนด์เคลมว่าเป็น Retinal ที่ได้จากธรรมชาติ สร้างโดย Halobacterium ซึ่งเป็นกลุ่มของจุลินทรีย์ที่เจริญได้ในสภาวะแวดล้อมที่มีเกลือสูง เช่น ในมหาสมุทร

Retinoids และ Booster อื่นๆ ได้แก่

  • Hydroxypinacolone Retinoate หรือ HPR ตัวนี้รู้จักกันในวงการว่า Granactive retinoids ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ Retinoic acid น้องมีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยที่ดี มีความคงตัวดี และมีความระคายเคืองต่อผิวน้อย ข้อมูลจากบทความตีพิมพ์ในวารสาร Journal of American Academy of Dermatology ตีพิมพ์เมื่อปี 2018 ระบุว่า HPR นั้นสามารถจับกับ Receptor ของ Retinoids แล้วออกฤทธิ์ได้เลย และมีผลการทดสอบประสิทธิภาพในผิวหนังจำลอง (Ruth and Mammone, J Am Acad Derm. 2018;73(3 Suppl 1):AB44.)
  • Silybin เป็นสารประกอบกลุ่ม flavonolignan ที่พบในเมล็ดของ milk thistle plants (Silybum marianum) โดยตัวที่ทางแบรนด์ใช้นั้น เป็นรูปแบบของ Phytosome ที่เป็นผนังสองชั้น เตรียมขึ้นจาก Phospholipid เพื่อช่วยในการนำส่งสารเข้าผิว และรักษาความคงตัวของสาร (Food Biosci. 2016;15:126–35.) สาร Silybin นี้ ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีเคลมว่า กระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิวและการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ Hyaluronic Acid ยับยั้งการการทำงานของระบบ AP-1 ได้เหมือน Retinoids ซึ่งเมื่อระบบ AP-1 ถูกกระตุ้นจะนำไปสู่ การสร้างเอนไซม์ MMP มาย่อยสลายคอลลาเจน และกระบวนการอักเสบต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ

โดยมีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า Silybin สามารถลดเลือนริ้วรอยได้ดีกว่า Bakuchiol และ Retinol

  • สารสกัดจาก Pistacia Lentiscus (Mastic) Gum หรือ Novoretin® น้องเป็นวัตถุดิบที่ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงาน In-cosmetics ASIA 2022 โดยมีกลไกการออกฤทธิ์คือไปยับยั้งเอนไซม์ CYP26 ที่เป็นเอนไซม์ที่ย่อยสลาย Retinoic acid (RA) ในเซลล์ให้หมดฤทธิ์ เมื่อไปยับยั้งจะทำให้ RA ในเซลล์ไม่โดนย่อยสลาย จึงทำให้ RA ออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้น

   ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า Novoretin® สามารถเพิ่มการสะสมตัวของ RA ในเซลล์ได้ถึง 720% และยังสามารถ ออกฤทธิ์ที่ Retinoid receptor ให้ประโยชน์คล้าย Retinoids

  • Melatonin เป็นสาร Antioxidant ที่ดี ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีผลไปเสริมสร้างเอนไซม์ที่เป็น Antioxidant ตามธรรมชาติของผิว สาร Metabolites ต่างๆ ที่เกิดจากการแปรสภาพ Melatonin มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงมีประโยชน์อื่นๆ เช่น ลดการอักเสบระคายเคือง ลดการสร้างเอนไซม์ MMP ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจนทำให้เกิดริ้วรอยตามมา โดยในภาพรวม Melatonin นั้นมีประโยชน์ในด้านของการชะลอวัยและฟื้นฟูสภาพผิว รวมทั้งดูแลให้ผิวแข็งแรง (J Drugs Dermatol. 2018;17(8):966-969.)

สารบำรุงอื่นๆ ที่น่าสนใจได้แก่

  • Combination ของ Defensil® Plus ที่มีเคลมเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดการอักเสบ เสริมสร้างและฟื้นฟู Barrier ผิวให้แข็งแรง ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในระดับอาสาสมัคร พบว่ามีประโยชน์ที่ดีในการลดการอักเสบ การแพ้ Soothing (ปลอบประโลมให้ความรู้สึกสบายผิว) ลดรอยแดง ช่วยเสริมความแข็งแรงของ Barrier ผิว โดยตรวจจากการระเหยของน้ำจากผิว (Trans-epidermal water loss; TEWL) ลดลง (Ref: TDS Defensil® Plus)
  • Niacinamide ซึ่งก็มีประโยชน์กับผิวหลายด้านเช่นกัน ในด้านการชะลอวัย น้องเป็นสารที่เสริมกระบวนการทำงานของผิวผ่านหลายๆ กลไก หนึ่งในนั้นคือ เป็นส่วนหนึ่งของ Cofactor NAD, NADP ซึ่งช่วยในการทำงานต่างๆ ของผิว ผลโดยรวมคือ ลดการอักเสบระคายเคือง เสริมการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว เป็น Whitening ผ่านการยับยั้งการส่งผ่านเม็ดสีที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก ต่อต้านการเกิด Glycation และยังเป็น Antioxidant
  • Palmitoyl tripeptide-1 เป็นเปปไทด์ที่เกิดจากกรดอะมิโน 3 ตัว glycine, histidine, lysine มาจับกับกรดไขมัน Palmitic acid เพื่อเสริมการดูดซึม น้องเป็นเสมือน Messenger เพื่อเสริมกระบวนการฟื้นฟูและปรับสภาพผิว และมีข้อมูลว่าเสริมกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนและโปรตีนอื่นใน Extracellular matrix ของหนังแท้ ให้ผิวมีความกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
  • เพิ่มความชุ่มชื้นด้วย Hyaluronic acid สารสกัดจากน้ำผึ้ง และน้ำผึ้ง
  • Propolis สารพังกาวที่ได้จากรังผึ้ง มีคุณสมบัติที่ดีในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ ลดการอักเสบ เสริมการสมานแผล มีรายงานการวิจัยกล่าวว่า Propolis มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant และ การทดสอบในระดับเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Propolis ปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายจากรังสี UV (Biomed Pharmacother. 2017;95:47-54.)  
  • Royal jelly หรือ นมผึ้ง ประกอบด้วยสารสำคัญหลายชนิด อาทิเช่น 10-hydroxy-2-decenoic acid (10-HDA), antibacterial protein ที่ชื่อ apisin ในภาพรวมมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ เป็น Antioxidant ปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน (Int J Mol Sci. 2024;25(11):6023.)

ส่วนของเบส จะเห็น Isohexadecane ที่เป็นสารไขมันกลุ่ม Alkane ที่ระเหยได้ จึงให้เนื้อบางเบาไม่เหนอะหนะ และ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว สมกับคำเคลมเรื่องของความคลีน

สรุปและให้คะแนน

  1. สารบำรุง: เป็นเซรั่ม Retinoids ที่อัพเกรดมาอีกขั้น ตามคำเคลม #TheNextGenOfRetinol เลือกใช้สารบำรุงเข้ามาผสานกันได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการเอา Retinal มาจับกับ HPR เพื่อเติมลงไปให้ผิว พร้อม Block การสลายตัวของ RA ในผิวไม่ให้เสื่อมสลายไปโดยไว และเสริมสารบำรุงอื่นๆ เข้ามา เพื่อดูแลด้านการระคายเคืองที่อาจเกิด เพิ่มความชุ่มชื้น เสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน และให้ประโยชน์ได้ค่อนข้างครบ ไม่ใช่แค่ดูแลด้านริ้วรอย แต่ยังครอบคลุมไปถึงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดูแลสิว ผิวหมองคล้ำ ผิวไม่เรียบเนียน รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่น: ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ: อย่างแรกเลย ชอบด้านการ Formulate สูตรทั้งในแง่ของส่วนผสมของสารบำรุง และในแง่ของสารขึ้นเนื้อครีม ที่เลือกตัวเบาๆ ได้เหมาะกับสภาพอากาศและผิวของคนบ้านเรา การใช้งาน เนื้อเซรั่มค่อนข้างเบา เอาประยุกต์เข้า Routine ได้ง่าย ไม่เหนอะหนะไม่หนักไม่กวนการ Layer skincare ต่างๆ ให้ไปเลย 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Her Hyness นะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/herhynessbeauty

อยากบอกว่าทางแบรนด์มีโปรบ่อยมากค่ะ มีจำหน่ายทั้งในร้านชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น Watsons, Eve and Boy, Beautrium, Firster, All About You, และทางออนไลน์ค่ะ

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.oKhOK?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/2LDVdDDNvG

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Her Hyness การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมคู่หูเซรั่มสุดปังจากสเปน Flavo-C ultraglicans และ melatonin จากแบรนด์ ISDIN

(Revised 13 พ.ย. 2566)

สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาเล่าถึงแบรนด์ ISDIN และ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่น่าสนใจ 2 ชิ้นให้ได้ชมกันค่ะ

เบื้องต้นขอกล่าวถึงแบรนด์ ISDIN ก่อนนะคะ แบรนด์ ISDIN เป็นแบรนด์จากประเทศสเปนที่มีคอนเซปท์ที่น่าสนใจ โดยเริ่มจากการบอกว่าให้เราฟังผิวของตัวเอง ซึ่งจุดนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างประทับใจมาก เพราะเป็นคอนเซปท์เดียวกับที่ตัวเองยึดถือมาโดยตลอด คือ “Listen to your skin”

แบรนด์ ISDIN เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมากว่า 45 ปีแล้ว โดยเน้นพัฒนานวัตกรรมที่ดี มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อผิวหนังของเรา และน่าจะเป็นแบรนด์แรกๆ (ที่ส่วนตัวเคยเห็น) ที่กล่าวถึงความเป็นมิตรต่อเยื่อบุ Mucosa อย่างเช่น บริเวณดวงตา หรือ ริมฝีปาก แต่ก็ยังให้ความสนใจในเรื่องของ Sensory ไปพร้อมกัน ตามคำกล่าวของแบรนด์ที่กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์พัฒนามาเพื่อ “maximum efficacy and safety with innovative textures that ensure a satisfying practical and sensory experience”

โดยผลิตภัณฑ์ของทางแบรนด์มีหลายกลุ่ม และได้รับรางวัลจากนิตยสาร รวมถึงวงการความงามอยู่หลายชิ้นค่ะ

สำหรับ Content นี้ จะเน้นกล่าวถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 2 ชิ้นที่มาเป็นคู่กัน ตัวหนึ่งใช้ตอนเช้า อีกตัวใช้ก่อนนอน คือ ไลน์ของ Flavo-C ค่ะ

เริ่มที่ Flavo-C ultraglican ซึ่งเป็นเซรั่มที่มาในรูปแบบของแอมพูลแก้ว ภายในบรรจุเอาตำรับที่มีส่วนผสมของสารบำรุงที่เน้นไปในทางด้าน Antioxidant และ เสริมความชุ่มชื้นเป็นหลัก

ซึ่งมีหน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

ใน 1 กล่องประกอบด้วยแอมพูลแก้วจำนวน 30 แอมพูล พร้อมด้วยพลาสติกสำหรับหักปากหลอดแอมพูล และจุกซิลิโคนสำหรับช่วยในการหยดเซรั่ม จำนวน 3 ชิ้น

เมื่อประกอบเสร็จแล้วจะได้หน้าตาแบบนี้ค่ะ

ทางแบรนด์กล่าวว่า 1 แอมพูล ถ้าหักแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 48 ชั่วโมงค่ะ

ค่า pH ของเนื้อเซรั่มอยู่ที่ราวๆ 4 – 5 นะคะ

เนื้อของเซรั่มจะเป็นเนื้อแบบใส

เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสนุ่มลื่น ชุ่มชื้น สบายผิว

สำหรับส่วนผสมของสูตร Flavo-C ultraglican เป็นดังนี้นะคะ

จุดเด่นอย่างหนึ่งของแบรนด์ ISDIN คือ ตัวผลิตภัณฑ์ผ่านการศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยในอาสาสมัคร อย่างสูตรผสมของ “L-ascorbic acid, proteoglycans และ proteoglycan stimulating tripeptide” ก็ผ่านการตีพิมพ์ในวารสาร Clinical, Cosmetic and Investigational Dermatology เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา

(ถ้าท่านใดสนใจ paper นี้สามารถดาวน์โหลดมาอ่านได้ฟรีค่ะ https://www.dovepress.com/antiaging-effects-of-a-novel-facial-serum-containing-l-ascorbic-acid-p-peer-reviewed-fulltext-article-CCID)

สำหรับส่วนผสมในภาพรวมจะเป็นสูตรผสมของ Antioxidant 3 ตัวหลัก อย่างวิตามินซี อี ร่วมกับ Ergothioneine (EGT) น้องเป็น Amino acid ชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติ Antioxidant ในตัว ร่วมกับกลุ่มของสารที่เพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง Hyaluronic acid, Proteoglycan และวัตถุดิบตามเปเปอร์ที่เป็น Proteoglycan stimulating peptide ที่มีชื่อว่า Syn®-Hycan เด่นในการเสริมการสังเคราะห์ Hya ตามธรรมชาติของผิว

ซึ่ง Syn®-Hycan เป็นชื่อทางการค้าของ ส่วนผสมระหว่าง Glycerin, Aqua, Tetradecyl Aminobutyroylvalylaminobutyric Urea Trifluoroacetate และ Magnesium Chloride

มาดูรายละเอียดสารบำรุงแต่ละตัวกันสักหน่อย

  • L-ascorbic acid เป็นรูปแบบธรรมชาติของวิตามินซี ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ Antioxidant ต่อต้านอนุมูลอิสระ, ในด้าน Whitening โดยไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase เป็นส่วนประกอบในการสังเคราะห์คอลลาเจน และลดการอักเสบผ่านระบบ NF-kB
  • Tocopherol เป็นรูปแบบธรรมชาติของวิตามินอี มีคุณสมบัติละลายในไขมันจึงช่วยปกป้องไขมันดีๆในผิวไม่ให้ถูกทำลายจากปฏิกิริยา oxidation
  • Ergothioneine (EGT) เป็นสารที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Histidine ประกอบด้วยส่วนของโมเลกุล Sulfur ทำให้มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ผ่านกลไกการ Reduction  และถ้าดูจากโครงสร้างจะเห็นว่าหมู่ Quaternary ammonium จะคล้ายกับส่วนที่มีใน Carnitine มีรายงานว่าสามารถเข้าไปเสริมการสร้างสารพลังงานสูงอย่าง ATP ใน Mitochondria ที่เป็นเหมือนโรงไฟฟ้าของเซลล์ ความเป็น Antioxidant ช่วยปกป้อง Mitochondria ไม่ให้ถูกทำลาย จึงมีประโยชน์ในการชะลอวัย ทั้งนี้มีการทดสอบในระดับหลอดทดลองพบว่า EGT สามารถปกป้อง Mitochondria ไม่ให้ถูกทำลายจากการฉายรังสี UV (Bazela et al, Cosmetics 2014, 1(1), 51-60)
  • Hydrolyzed hyaluronic acid ซึ่งเป็น Hya ที่ผ่านกระบวนการ Hydrolysis (ย่อย) ให้มีขนาดเล็กลงกว่ารูปแบบดั้งเดิม เพื่อเสริมความสามารถในการดูแลผิวที่ชั้นลึกขึ้น และ Proteoglycan ที่มีประโยชน์ในเชิงความชุ่มชื้นเช่นกัน
  • Syn®-Hycan เป็นวัตถุดิบเปปไทด์สังเคราะห์ที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพโดยผู้ผลิตวัตถุดิบ ว่ามีคุณสมบัติในการเสริมการสังเคราะห์ Hyaluron ภายในผิวในระดับหลอดทดลอง และมีประสิทธิภาพในการกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอยในอาสาสมัคร

สำหรับเบสหลักเป็นเบสแบบน้ำ บางท่านเห็นส่วนผสมของ Bis-Hydroxyethoxypropyl Dimethicone อาจจะกังวลเรื่องซิลิโคน แต่สารตัวนี้เป็นซิลิโคนดัดแปลงที่มีคุณสมบัติเสริมความชุ่มชื้น ให้สัมผัสนุ่มนวล ไม่เหนอะหนะ และผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ระคายเคืองผิว (ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบ)

ในภาพรวมจึงเรียกได้ว่าเป็นเซรั่มที่ทั้งปกป้องและดูแลปัญหาผิวทั้งในด้านของริ้วรอยและความชุ่มชื้นไปพร้อมๆ กัน

ถัดมาเป็นเซรั่มสำหรับกลางคืน คือ Flavo-C Melatonin ซึ่งมาในรูปแบบของแอมพูลแก้วเช่นกัน มีหน้าตาเป็นประมาณนี้ค่ะ

ด้านในก็จะมาในรูปแบบคล้ายๆ กันค่ะ

ค่า pH ของสูตรนี้อยู่ที่ราวๆ 4 – 5 เช่นกันนะคะ

เนื้อเซรั่มมาในรูปแบบใสเช่นกัน

เกลี่ยได้ง่าย บางเบา ไม่เหนอะหนะ

คอนเซปท์ของตัวนี้ คือ น้องจะเสริมการฟื้นฟูและบำรุงผิวในช่วงกลางคืน

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สำหรับส่วนผสมในภาพรวมจะเป็นการรวมตัวเอาวิตามินซีในรูปแบบของ 3-O-Ethyl ascorbic acid ร่วมกับสารสกัดจากเมล็ดถั่ว Moth bean (Genus เดียวกับถั่วเขียว) และ Melatonin ในเบสรูปแบบน้ำ มีส่วนผสมของ Alcohol อยู่เล็กน้อย โดยดูจากลำดับส่วนผสม แต่ส่วนตัวใช้ได้ไม่เกิดปัญหาแห้งหรือระคายเคืองอะไร

ลองมาดูรายละเอียดของสารบำรุงกัน

  • 3-O-Ethyl ascorbic acid เป็นวิตามินซีรูปแบบหนึ่ง สำหรับประโยชน์ของวิตามินซีก็ตามที่ได้กล่าวไปด้านบน
  • สารสกัดจากเมล็ดถั่ว Moth bean (Vigna aconitifolia seed extract) ตัวนี้ข้อมูลจากทางผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่าสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการออกฤทธิ์คล้ายวิตามินเอ แต่ไม่มีปัญหาด้านการระคายเคืองเหมือนกลุ่มวิตามินเอ

ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบยักษ์ใหญ่อย่าง BASF กล่าวว่า น้อง moth bean มีคุณสมบัติเสริมการสร้างและผลัดตัวเองของผิวที่หนังกำพร้า รวมทั้งเสริมการสร้าง Matrix ต่างๆ เช่น Collagen ในชั้นหนังแท้ โดยมีทั้งข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร

ขอยกมาเล่าสองภาพนะคะ ภาพแรกเป็นประสิทธิภาพในการเสริมสร้างคอลลาเจนในระดับหลอดทดลอง วัดจากปริมาณกรดอะมิโน Proline ที่เพิ่มขึ้น

(Image from BASF)

ซึ่ง Proline เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญตัวนึงที่เป็นองค์ประกอบในสายของ Collagen

ภาพที่สองเป็นการวัดความลึกของริ้วรอยตีนกา (ค่า Volume จากเครื่อง Visioscan) ในอาสาสมัครเทียบกันระหว่างครีมที่ใช้สารสกัดจากถั่ว Moth bean กับ ครีมที่ใช้ Retinol พบว่าริ้วรอยตีนกาตื้นขึ้นทั้งคู่

(Image from BASF)

ดังนั้นหากจะกล่าวว่า น้อง Moth bean มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Retinol และเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีข้อห้ามใช้ หรือไม่ถูกกับ Retinol ก็ไม่น่าจะเกินจริงนัก

  • Melatonin อันนี้ยอมรับเลยว่าตอนได้เห็นส่วนผสมคือ ดิฉันสงสัยมาก ว่าการใช้ Melatonin ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีประโยชน์อะไร จนได้มาค้นข้อมูลเพิ่มเติม ถึงทราบว่า Melatonin ที่ทาลงไปบนผิว มีคุณสมบัติหลายประการ และมีการศึกษารองรับอยู่หลายชิ้น ส่วนตัวอิงจากบทความของ Day และ คณะ (2018) ที่รวบรวมเอาผลงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้ Melatonin โดยหลักๆ กล่าวว่า Melatonin เป็น antioxidant ทางอ้อม (Indirect antioxidant) โดยมีผลไปเสริมสร้างเอนไซม์ที่เป็น Antioxidant ตามธรรมชาติของผิว สาร Metabolites ต่างๆ ที่เกิดจากการแปรสภาพ Melatonin มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงมีประโยชน์อื่นๆ เช่น ลดการอักเสบระคายเคือง ลดการสร้างเอนไซม์ MMP ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจนทำให้เกิดริ้วรอยตามมา โดยในภาพรวมน้องมีประโยชน์ในด้านของการชะลอวัยและฟื้นฟูสภาพผิว (J Drugs Dermatol. 2018;17(8):966-969.)

ทำไมถึงต้องทา Melatonin ตอนกลางคืน?

     จากข้อมูลหลายๆ ข้อมูลกล่าวว่าผิวหนังของเราอาศัยระบบที่มี Melatonin เป็นตัวรักษาสมดุลและซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน ระบบนี้มีชื่อเรียกว่า melatoninergic antioxidative system (MAS)

โดยภาพรวมแล้วเซรั่มดังกล่าวจึงถือว่าเหมาะมากในการเป็น Regimen สำหรับฟื้นฟูผิวในยามกลางคืน และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีปัญหากับการใช้วิตามินเอและอนุพันธ์ต่างๆ

สำหรับการให้คะแนนวันนี้เป็นการให้คะแนนแบบภาพรวมนะคะ

  1. สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไปว่า สูตรกลางวันพัฒนามาเพื่อการต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากอันตรายของรังสี UV และสภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน มาพร้อมกับการเสริมสร้าง Hyaluron ภายในผิว และเติมน้ำให้ผิวด้วย Hyaluron กับ Proteoglycan เมื่อใช้ร่วมกับเซรั่มฟื้นฟูผิวตอนกลางคืนที่เน้นฟื้นฟูผิวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน พร้อมทั้งส่งเสริมการทำงานของผิวให้อยู่ในสภาวะสมดุล เสมือนผิวมีสุขภาพที่ดีเฉกเช่นวัยเยาว์ ถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์ รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ สำหรับสูตรกลางวันเรียกได้ว่าทำมาได้ไร้ที่ติ แต่ในสูตรกลางคืนอาจจะติตรงเรื่องของ Alcohol นิดหน่อย แม้ว่าน่าจะใส่มาไม่มาก และส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาระคายเคืองหรือรู้สึกไม่สบายผิวแต่อย่างใด สำหรับผลิตภัณฑ์ 2 ชิ้นนี้ ขอให้ไปที่ 4.5 ฟลาสก์ (กลางวัน 5 + กลางคืน 4 แล้วหารสอง)
  3. การใช้งาน ในด้านการใช้งานส่วนตัวไม่ติดปัญหาอะไร ในด้านของประสิทธิภาพจากการทดลองใช้มาร่วม 3 อาทิตย์ รู้สึกว่า ช่วยให้ผิวเรียบเนียนนุ่มกระชับยืดหยุ่น และผิวละเอียดมากขึ้น ในด้านของสีผิว จุดแดง จุดดำต่างๆ ก็จะค่อยๆ ดูจางลง แต่งหน้าได้ติดทนขึ้น อาการระคายเคืองผิวต่างๆ ในช่วงที่ใช้เกิดน้อยลง ในภาพรวมคือค่อนข้างประทับใจ แต่ส่วนตัวจะค่อนข้างกังวลกับเรื่องของการหักแก้วแอมพูล การเก็บรักษาแก้วแอมพูล และการกำจัดเมื่อใช้หมด อยากให้เก็บไว้แล้วแยกทิ้งต่างหากเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับคนเก็บขยะ หรือถ้าหากที่ไหนมีถังขยะพิเศษสำหรับแก้วแตกก็คือจะดีมาก แต่แพคเกจแบบแอมพูลแบบนี้ก็มีข้อดีของเขา คือ ปกป้องเนื้อสารข้างในให้มีความคงตัวที่ดีและลดการปนเปื้อนที่อาจเกิดเมื่อเทียบกับภาชนะบรรจุอื่นที่เป็นระบบเปิด จุดนี้ขอไม่หักคะแนนเรื่องภาชนะนะคะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทย ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

ทางไปชอปปิ้ง Flavo-C ultraglicans

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/2LHkqPODxs

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.lTOVb?cc

ทางไปชอปปิ้ง Melatonin

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/AUdSZOOKO2

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.lTO5e?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ