Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม ผลิตภัณฑ์บำรุงผมจาก The Fitzrovia Centre London สูตร Hair thickening system ยกเซ็ต สวยครบจบในที่เดียว

สวัสดีค่ะพี่ๆน้องๆเพื่อนๆทุกๆท่าน

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมตัวใหม่จากอังกฤษมาฝากกันค่ะ

เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ The Fitzrovia Centre London จากอังกฤษนะคะ

ขอเกริ่นนำถึงแบรนด์ The Fitzrovia Centre London นิดหน่อยนะคะ

The Fitzrovia Centre London เป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าสำหรับ haircare และ beauty care จากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อปี 2015 ซึ่งทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาสูตร และการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัท สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุด

ส่วนตัวมี่เองก็มีโอกาสได้ลองสินค้าในกลุ่มสำหรับดูแลปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งออกแบบมาสำหรับฟื้นฟูปัญหาผมร่วงผมบาง ด้วยนวัตกรรมสารสกัด Redensyl (รีเดนซิล) ซึ่งผ่านการทดสอบแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูปัญหาผมร่วง ชะลอการหลุดร่วง และเสริมการเจริญของเส้นผมค่ะ

โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีด้วยกัน 3 ชิ้น ได้แก่ แชมพู ครีมนวดผม และแฮร์เซรั่ม นะคะ

มาเป็นกิฟท์เซ็ตน่ารักๆมีหน้าตาแบบนี้เลยจ้า

fitz 1

ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเขาก็ถือว่าทำมาได้อย่างเรียบหรู และจัดเต็มมาด้วยส่วนผสมที่เน้นไปทางด้านการฟื้นฟูเส้นผมได้โดยตรงเลย และเสริมสารบำรุงเข้ามาหลายชนิดได้อย่างลงตัว ดูแลผมได้ครบวงจรเลยค่ะ

 

ขอเปิดการรีวิวด้วยคู่หูแชมพูกับครีมนวด ตาม Step การใช้งานจริงเลยนะคะ

fitz 2

เริ่มกันที่ตัวแชมพูนะคะ

อย่างแรกที่มี่ประทับใจ คือ แพคเกจค่ะ ที่มีการดีไซน์มาแบบ Tampered-proof คือ ออกแบบมาให้รู้เลยว่าผ่านมือใครมาหรือยัง เพราะเมื่อเราแกะครั้งแรก ซีลที่เขาล็อคฝาไว้ก็จะหักทำให้ฝาเด้งขึ้นมาแบบนี้เองจ้า

ชอบความใส่ใจในจุดนี้มากๆ

open package

ตัวแชมพูมาในรูปแบบใส มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

fitz 7

ในด้านของฟอง ฟองเล็กละเอียด ค่อนข้างละมุน เกลี่ยบนผมได้ง่าย ไม่พันกัน แต่ส่วนตัวมี่ค่อนข้างบ้าฟอง เลยอยากได้ฟองเยอะกว่านี้นิดนึง

fitz 8

ค่า pH ของแชมพูหลังละลายน้ำอยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ เราไม่ค่อยเจอแชมพูที่มี pH ประมาณนี้เท่าไหร่ เพราะแชมพูโดยทั่วไปส่วนใหญ่ pH จะอยู่ที่ราวๆ 8 ซึ่งเป็นด่างเล็กน้อย โดยปกติ pH ของหนังศีรษะจะอยู่ในช่วงกรดอ่อน การใช้แชมพูที่เป็นด่างอาจจะรบกวนสมดุลบนหนังศีรษะได้ แต่ตัวนี้คือโอเคเลยหละ

fitz 9

สำหรับส่วนผสมของแชมพู เป็นดังภาพนี้นะคะ

สผส shampoo.jpg

เดี๋ยวมี่ค่อยรีวิวสารบำรุงรวดเดียวจบในตัว Hair Serum นะคะ

สำหรับแชมพูนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ปราศจากสารในกลุ่มของ SLS/SLES และก็ซิลิโคน รวมถึงสารอื่นๆที่ไม่เป็นมิตรกับผิว อาทิเช่น Silicone, Parabens , Sulfate อื่นๆ, DEA, MEA และกลุ่มของพวกสารกันเสียที่เป็น  Formaldehyde releaser

 

ส่วนครีมนวดมาด้วยเนื้อแบบน้ำนม ข้นเล็กน้อย

fitz 10

ส่วนผสมของครีมนวดเป็นดังภาพนี้นะคะ

สผส cond

ส่วนผสมของครีมนวดใช้สารประจุบวก Distearoylethyl dimonium chloride เป็นตัวปรับสภาพผมเสียให้นุ่มสวย เงางาม และลดการชี้ฟูค่ะ

ซึ่งปกติการสระผม แชมพูจะมีประจุลบ นางจะไปดึงประจุบวกออกมาจากเส้นผม ทำให้ผมเราเหลือแต่ลบ ผมเราจึงผลักกันด้วยแรงทางไฟฟ้า ทำให้ชี้ฟู การใช้ครีมนวดผมที่มีประจุบวก ก็จะเข้าไปจับกับประจุลบดังกล่าว ก็จะลดแรงทางไฟฟ้า ทำให้ผมไม่ผลักกันเกิดการชี้ฟูค่ะ

ใช้ครีมนวดคู่กับแชมพูก็จะลดการชี้ฟู ช่วยให้จัดทรงได้ง่าย และแลดูเงางามค่ะ

 

ต่อมาจะเป็นตัว Hair serum ที่เราเอามาลงที่บนหนังศีรษะหลังเป่าผมจนแห้งแล้วค่ะ

หน้าตาของเซรั่มเป็นแบบนี้นะคะ

fitz 3

มาในขวดแบบหยดปลายแหลม ใช้ง่าย ใช้สะดวกค่ะ

fitz 4

ตัวเซรั่มเป็นเนื้อใส เกลี่ยง่าย แห้งเร็ว ไม่เหนอะหนะ หลังใช้รู้สึกเบาสบายหนังศีรษะ ไม่ได้รู้สึก แห้ง ระคายเคืองหรือแสบร้อนใดๆค่ะ

fitz 5

fitz 6

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 ค่ะ

fitz 11

ปิดท้ายรีวิววันนี้ด้วยส่วนผสมของ Hair serum ค่ะ

สผส serum

ตัว Serum นี้มาในเบสแบบสารละลายใส ซึ่งมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมอยู่นะคะ

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเริ่มแบบ Alcohol มาลำดับแรกเลย จะไม่เป็นอะไรหรือ? จริงๆ Alcohol ในผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงรากผมจำเป็นมากนะคะ จากบทความวิชาการของ Patzelt และ Lademann มีการกล่าวว่า ตำรับที่ใช้ Alcohol และน้ำเป็นเบส สามารถเพิ่มการนำส่งสารเข้าสู่รากผมได้ดีขึ้น (Patzelt, A., & Lademann, J. (2013). Drug delivery to hair follicles. Expert Opinion on Drug Delivery, 10(6), 787–797. doi:10.1517/17425247.2013.776038)

เพราะว่าในสภาพของรูขุมขนเรา โดยเฉพาะที่หนังศีรษะ จะถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยไขมัน Sebum หนาๆ การใช้เบสน้ำเพียงอย่างเดียวสารจะไม่สามารถละลายหรือซึมผ่าน Sebum ลงไปได้ หรือได้น้อยนั่นเองค่ะ Alcohol มีความสามารถในการละลายไขมัน มีผู้เสนอแนะกลไกของ Alcohol ในการเสริมการดูดซึมสารบำรุงต่างๆเข้าสู่รากผมไว้ 2 กลไก ได้แก่

  1. Alcohol ไปชะเอา Sebum ออกมา ทำให้สารแพร่ลงไปได้
  2. Alcohol นำพาสารลงไปก่อนจะระเหยหนีหายออกไป

 

ทีนี้มาถึงเรื่องสารบำรุงกันบ้างค่ะ

สำหรับ Redensyl เป็นวัตถุดิบของบริษัท Givaudan Active Beauty ประเทศฝรั่งเศส เป็นวัตถุดิบที่เบลนด์ระหว่าง Glycerin (and) Aqua (and) Sodium Metabisulfite (and) Larix Europaea Wood Extract (and) Glycine (and) Zinc Chloride (and) Camellia Sinensis Leaf Extract ซึ่งมี่เลือก Highlight เฉพาะสารสำคัญบางตัวด้วยสีม่วงนะคะ

ทีนี้ก่อนกล่าวถึงสารบำรุงนี้ขอกล่าวถึงวงจรการเจริญของเส้นผมกันก่อนนะคะ

การเจริญของเส้นผมของคนเราแบ่งเป็น 3 ระยะค่ะ

human-head-hair-growth-cycle_88272-625

(Image from https://www.freepik.com/)

  1. Anagen เป็นระยะที่เส้นผมกำลัง Active กำลังโต
  2. Catagen เป็นระยะที่เส้นผมเริ่มหยุดสร้างตัวเอง เริ่มถดถอย
  3. Telogen เป็นระยะสุดท้ายที่ผมนั้นพร้อมหลุดออกไป

ซึ่งในคนเมื่อถึง Telogen แล้ว รากผมก็จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ Anagen อีกรอบค่ะ ทำให้เรามีผมตลอดเวลาไม่มีระยะผลัดขนเหมือนสัตว์บางชนิด

ทีนี้ในกรณีของโรคบางโรค อย่างเช่น อาการผมร่วงจากฮอร์โมนเพศชาย มันจะไปทำให้ Anagen สั้นลง และ Telogen ยาวขึ้น รวมถึงไปขัดขวางไม่ให้เกิด Anagen ใหม่ขึ้นมา ผมเลยบาง และล้านในที่สุด และฮอร์โมนเพศชายเองก็มีผลต่อรากผมโดยตรง ทำให้รากผมมีขนาดเล็กลง เส้นผมจึงเล็กลง ทำให้ผมยิ่งดูบางลงไปอีกค่ะ กระบวนการนี้เราเรียกว่า Hair follicular miniaturization

นอกจากนี้ ถ้าพิจารณาจากส่วนผสมต่างๆแล้ว ผลิตภัณฑ์ Set ดังกล่าว น่าจะเหมาะกับอาการผมร่วงแบบอื่นๆ เช่น อาการผมร่วงเนื่องจากความเครียด หรือ การผมร่วงที่มีอิทธิพลจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นในคุณแม่หลังคลอด ได้ด้วยค่ะ

miniaturization_men

(Image from https://www.bernsteinmedical.com/hair-loss/basics/miniaturization/)

ถ้าพูดถึงฮอร์โมนเพศชาย หรือ Androgen ที่เรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนชีววิทยาตอนม.ปลาย ก็คือเจ้า Testosterone ในร่างกายของผู้ชาย จะมีการทำงานของฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า 5α-reductase ซึ่งจะเปลี่ยน Testosterone ให้กลายเป็น Dihydrotestosterone หรือ DHT ค่ะ

DHT นี้ปกตินางมีประโยชน์ในการควบคุมลักษณะทางเพศของผู้ชาย การเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น รวมถึงการทำงานของระบบบางระบบ แต่ถ้ามีมากเกินไปนางก็ทำให้เกิดโรคได้หลายอย่าง เช่น ผิวมัน หนังศรีษะมัน ผมบาง ผมร่วง ภาวะขนดกในสตรี รวมไปถึงต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมากค่ะ

หลังๆนี้เราจะเห็นวัตถุดิบในเครื่องสำอางหลายๆตัว เริ่มพูดถึงฤทธิ์ในการต้านเอนไซม์ 5α-reductase นี้กันแล้ว

ตัวอย่างสารสกัดจากพืชที่สามารถต้านเอนไซม์นี้ได้ก็คือ ชาเขียว ซึ่งประกอบด้วยสาร EGCG ที่มีคุณสมบัติยับยั้งเอนไซม์นี้ ทำให้ลดอาการของผมร่วง ผมบางได้ค่ะ นอกจากนี้ชาเขียวเองก็ยังมีประโยชน์อีกหลายประการไม่ว่าจะเป็น Antioxidant และคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง

 

ทีนี้ขอวกกลับมาที่วัตถุดิบ Redensyl นางเป็นวัตถุดิบที่ได้รับรางวัลเหรียญเงินนวัตกรรมเครื่องสำอางยอดเยี่ยมมาจากงาน in-cosmetics เมื่อปี 2014 ค่ะ

award

เอ๊ะนางดียังไงทำไมนางถึงได้เหรียญเงิน

นางเป็นวัตถุดิบที่เลือกผสมเอาสารออกฤทธิ์หลายตัวมารวมกันอย่างลงตัวให้ประโยชน์กับเส้นผม และหนังศีรษะในหลายๆด้านไปพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • เสริมการแบ่งตัวของรากผม ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง และหนาตัวขึ้น
  • ปรับสมดุลของ Hair growth cycle ให้กลับมาอยู่ใน Anagen ทำให้เส้นผมเจริญเติบโต
  • เสริมการทำงานและปกป้องสเตมเซลล์ภายในรากผมให้ทำงานเป็นปกติ
  • ลดการอักเสบและระคายเคืองที่หนังศีรษะ

redensyl mech 2

(Image from Induchem Inc.,)

ซึ่งทางบริษัทเองก็มีผลการทดสอบในอาสาสมัครด้วยค่ะ ว่าให้ผลในระยะเวลา 84 วัน หรือราวๆ 3 เดือนค่ะ

reden in vivi

(Image from Induchem Inc.,)

ซึ่งนอกจากสารบำรุง Redensyl แล้ว ก็ยังมีส่วนผสมของโปรตีนจากพืช 3 ชนิด Hydrolyzed corn protein, Hydrolyzed soy protein, Hydrolyzed wheat protein ซึ่งมีการเคลมว่าเป็น Keratin ที่ได้จากพืช เนื่องจากองค์ประกอบของกรดอะมิโนต่างๆเมื่อเบลนด์เข้ากันด้วยสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว จะคล้ายกับ Keratin ของผมเราค่ะ

ในแชมพู และครีมนวดยังเสริมสารบำรุงอื่นๆอีก 3 ชนิด ได้แก่

  • Betaine ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glycine มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว (รวมถึงหนังศีรษะ)
  • Oat-beta glucan ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น และ ลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว (รวมถึงหนังศีรษะ)
  • Panthenol หรือที่เราเรียกๆกันว่า โปรวิตามินบี 5 เป็นวัตถุดิบยอดฮิตอีกตัวในวงการ Hair เพราะนางมีคุณสมบัติที่ดีในการเสริมการเจริญของเส้นผมค่ะ

 

ทีนี้มาถึงประเด็นที่คาใจหลายๆคน ในแชมพู ครีมนวดผม นี่เราจะหวังผลในด้านการบำรุงได้จริงไหม เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้สัมผัสเส้นผมและหนังศีรษะแค่ชั่วคราวแล้วก็ล้างออกไป ในจุดนี้ทางแบรนด์เคลมว่าการใช้ผลิตภัณฑ์แบบครบเซ็ต ก็จะช่วย Maintain (คงไว้) ปริมาณของ Redensyl ให้คงที่ และบำรุงผิวได้ในช่วงเวลาที่ยาวนานขึ้นค่ะ

และการเลือกแชมพู/ครีมนวดผมก็เป็นส่วนสำคัญนะคะ เพราะในกรณีของผมร่วงบางประเภท อาจจะเกิดจากการอักเสบระคายเคือง หรือ หนังศีรษะแห้ง ถ้าแชมพู/ครีมนวดที่ใช้ไม่เหมาะสม อาการผมร่วงก็อาจจะไม่ดีขึ้นก็ได้ค่ะ

มาลองดูประสิทธิภาพกันบ้างนะคะ

มี่ใช้วิธีใช้หวีซี่ถี่ๆ หวีผม 60 ครั้ง แล้วเก็บผมที่ร่วงลงมาเพื่อเปรียบเทียบกัน ก่อน-หลังใช้ค่ะ

มี่เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์นี้มาได้ราวๆ 3 สัปดาห์นะคะ

before-after

โดยรวมถือว่าผมก็แข็งแรงขึ้น และหลุดร่วงน้อยลงนะคะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ วันนี้มี่ให้คะแนนรวบทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์เลยนะคะ

  1. สารบำรุง นอกจากตัว Redensyl ที่เป็นตัวสารบำรุงหลักแล้ว ก็ยังมีส่วนผสมของสารบำรุงอีกหลายตัว ซึ่งเน้นไปที่การลดการอักเสบระคายเคือง ฟื้นฟูและปรับสภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงค่ะ และสารสกัดจากชาเขียวเองก็สามารถดูแลผลผ่านทางกลไกฝั่งฮอร์โมนไปพร้อมๆกัน Zinc เองก็คุมมันให้กับหนังศีรษะ จึงเรียกได้ว่าดูแลผมได้ครบจบทุกปัญหาค่ะ โดยรวมขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ทางแบรนด์เลือกใช้ส่วนผสมที่ค่อนข้างอ่อนโยนและเป็นมิตรกับผม และหนังศีรษะ เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน ได้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน สำหรับตัวแชมพู ส่วนตัวมี่คิดว่าฟองน้อยไปนิดนะคะสำหรับมี่ มี่ชอบฟองเยอะๆค่ะ และตัวแชมพูอาจจะเหลวไปหน่อย แต่สระออกมาก็ให้ผมนุ่มสลวย ไม่ชี้ฟู สำหรับครีมนวด ใครที่ผมเสียมากๆอาจจะยังรู้สึกว่าผมยังพันกันอยู่เล็กน้อย ส่วนตัวมี่ก็ผมเส้นเล็ก + ทำสีเนอะ ครีมนวดนี้ยังเอาอยู่ค่ะ ไม่มีปัญหาใดๆ และไม่เยิ้ม ไม่เมือก ไม่ทำให้ผมเป็นลิ่มแต่อย่างใด และตัว Serum เอง มี่ค่อนข้างชอบค่ะ เคยใช้ Tonic บางยี่ห้อแล้วรู้สึกมันจับผมเป็นลิ่มๆ แต่ตัวนี้สบายหัว ไม่ทำให้ผมเป็นลิ่มๆค่ะ ให้ไป 5 ฟลาสก์

คะแนน TFC edit

สุดท้ายนี้ขอบคุณทางแบรนด์ The Fitzrovia Centre London ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook : The Fitzrovia centre TH หรือ Inbox: http://m.me/tfc.th

Line : @tfc.th หรือ http://bit.ly/2WCZkTe

และทาง http://www.watsons.co.th หรือ application

 

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ The Fitzrovia Centre London การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงผิว Yllume Skin supplement โฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม

สวัสดีค่ะ

 

มี่เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยเห็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงผิว (ขอเรียกย่อๆว่า อาหารเสริมผิว) อาหารเสริมตัว Top จากอังกฤษที่ได้ตีพิมพ์ในนิตยสารชื่อดังหลายฉบับ อย่าง Yllume กันแล้วนะคะ ซึ่งมี่เองก็ได้เคยรีวิวไปแล้วในช่วงก่อนๆ

 

ตัวเก่านั้นนางเป็นอาหารเสริมที่มาเป็นแผงวงกลม ทานวันละ 2 เม็ด ก่อนอาหารเช้าค่ะ ตอนนี้นางปรับสูตรใหม่ ทานแค่วันละเม็ดค่ะ เลยเอามาเล่าสู่กันฟังอีกรอบหนึ่ง

 

อันนี้เป็นหน้าตาของ Yllume โฉมใหม่ สูตรปรับปรุงค่ะ

 

yllume 1

 

แบรนด์ Yllume เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมาจากแลป แลปหนึ่งในอังกฤษ ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์และอาหารเสริมเพื่อดูแลผิวอย่างครบวงจร ให้กระจ่างใสจากภายในค่ะ

 

ทางแบรนด์ Claim เรื่องของสารกลุ่ม Carotenoid ที่ไม่มีสี (Colorless carotenoids) ที่มีชื่อว่า phytoene กับ phytofluene นางบอกว่าในผิวของเรามีสารกลุ่มนี้อยู่ในชั้นผิวหนังชั้นนอกถึง 38% และพบว่าคนที่ขาดสารกลุ่ม Colorless carotenoids นี้จะมีสีผิวที่เข้มกว่าคนที่มีเยอะ รวมถึงอาจจะมีปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง และเรื่องสิวได้มากกว่าด้วย

 

แพคเกจนั้นดูหรูหราไฮโซขึ้น มาในรูปแบบคล้ายลิ้นชักค่ะ พอดึงออกมาข้างในจะมีแผงแคปซูล แผงละ 10 เม็ด จำนวน 3 แผงค่ะ แบบนี้ก็พกพาสะดวกค่ะ เวลามี่เดินทางไปไหนมาไหน ไม่ต้องมานั่งนับทีละแผ่นๆแบบแพคเกจเก่า

 

yllume 2

 

จากสูตรเดิมที่เราทาน 2 แคปซูล นางเอามาปรับ เรียกง่ายๆคือ เอามารวมกัน ให้เหลือแค่ทานวันละเม็ดค่ะ โดยทางแบรนด์แนะนำให้ทานก่อนอาหารเช้าซักครึ่งชั่วโมง

 

 

 

ส่วนนี้จะเป็นคำ Claim ด้านหลังกล่องค่ะ

 

yllume 3

 

ดูหน้าตาแคปซูลหน่อยนะคะ

 

yllume 5

 

ทางแบรนด์เคลมเรื่องแคปซูลว่าเป็นแบบ Vegecaps คือ แคปซูลที่ผลิตโดยใช้ส่วนประกอบจากพืชค่ะ

 

 

ผงยาด้านในยังคงเหมือนสูตรเดิมค่ะ เป็นผงสีเหลืองทอง มีกลิ่นอมเปรี้ยวอมหวาน คล้ายผลไม้

 

yllume 6

 

สำหรับส่วนประกอบนั้นยังเหมือนเดิมค่ะ แต่ควบเอา 2 แคปซูลของสูตรเก่า มายัดลงไปในแคปซูลใหม่ใหญ่กว่าเดิม เพียง 1 แคปซูล และมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงส่วนผสมเล็กน้อยค่ะ

 

yllume 4

 

PhytoflORAL® 500 mg

Pomegranate (90% Ellagic acid) 15 mg

Bilberry Extract 50 mg

Ascorbyl Palmitate 100 mg

Acai Berry 50 mg

N-Acetyl Cysteine 50 mg

CoQ10 12.50 mg

Alpha Lipoic Acid 25 mg

BioPerine® 2.5 mg

 

สารออกฤทธิ์หลักที่แบรนด์ใช้คือ PhytoflORAL® ที่เป็นเจ้า Colorless carotenoid ที่ได้จากมะเขือเทศสีขาว ซึ่งเป็นพืชสายพันธ์แท้ดั้งเดิมที่หายากค่ะ

 

ว่ากันว่าสารนี้ชอบอยู่ในผิว (ภาษาวิทย์ๆ เราเรียกว่ามี Skin Affinity สูง) เมื่อทานเข้าไปทำให้สารนี้อยู่ในผิวได้นาน ให้ประโยชน์ 5 ด้านหลักๆ คือ

  • ปรับสีผิวให้กระจ่างใส
  • ชุ่มชื้นขึ้น
  • ลดสิว กระชับรูขุมขน
  • ลด และป้องกันริ้วรอย
  • และเป็น Internal SPF คือ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด โดยตัวมันเองจะสลายตัวแทนองค์ประกอบอื่นๆในผิว

 

 

มาเมาท์มอยกันเรื่อง Internal SPF กันนิดนึง มี่คิดว่าหลายๆคนคงเคยเห็นกันแดดแบบกินอยู่บ้าง หลายๆคนคงสงสัยว่ามันจะได้ผลหรือ จริงๆก็ได้นะคะ แต่ไม่รู้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสารบางชนิดมันจะชอบไปสะสมตัวในผิวหนัง และสลายตัวไปแทนองค์ประกอบดีๆของผิว ยกตัวอย่างเช่น บางคนที่ชอบกินฟักทองมากๆ ตัวก็จะเหลือง เพราะว่า Beta-carotene ไปสะสมอยู่ที่ผิวนั่นเอง อันนี้ไม่ได้มโนค่ะ จากการศึกษาของ Stahl และ Sies เมื่อปี 2012 ได้พบว่า การรับประทานอาหารที่มี Beta-carotene สูง หรือการทานอาหารเสริม มีผลช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสี UV ได้ เพียงแต่ใช้เวลาค่อนข้างนานหลายสัปดาห์กว่าจะได้ผล และผลนั้นน้อยกว่าการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด แต่ถึงอย่างนั้น การทานอาหารพวกนี้ก็ช่วยเป็น Antioxidant ช่วยกรองผลเสียจากรังสี UV ที่เล็ดรอดผ่านกันแดดเข้ามาในผิวได้ดี (Am J Clin Nutr. 2012 Nov;96(5):1179S-84S.) ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

 

ทางแบรนด์ทดลองทำการดูดกลืนรังสี UV ของ Colorless carotenoids แล้วด้วย ได้ผลดังรูปนี้ค่ะ

 

UV abs

(Image from Yllume laboratories)

 

 จากกราฟการดูดกลืนแสงจะเห็นได้ว่าสารสองตัวนี้จะปกป้องผิวได้ทั้งย่าน UVB และ UVA เลยทีเดียว

 

มีงานวิจัยทดสอบผลของ Co Q10 กับ Colorless carotenoids พบว่า สารทั้งสองนี้ให้ผลเสริมฤทธิ์กันในการลดการอักเสบของผิวหนังได้ดี

 

การทดสอบของ Aust และคณะ พบว่าการรับประทานอาหารเสริมจากมะเขือเทศ มีผลทำให้ระดับของ Lycopene, Phytoene และ Phytofluene ในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น มีผลลดรอยแดงที่เกิดจากรังสี UV ได้ (Int J Vitam Nutr Res. 2005 Jan;75(1):54-60.)

 

นอกจากตัวหลักอย่าง PhytoflORAL แล้ว ทางแบรนด์ก็ยังใส่สารบำรุงอื่นๆอีกหลายตัวค่ะ ซึ่งให้ผลไปในทาง Antioxidant มากมาย แบ่งเป็นกลุ่มๆดังนี้นะคะ

  1. กลุ่ม Super berry และ Super fruit ก็จะมีตัว Pomegranate extract, Bilberry extract

Acai berry ซึ่งทุกตัวเป็น Antioxidant ที่ดีหมดค่ะ

  1. กลุ่มวิตามินที่เป็น Antioxidant ได้แก่ วิตามินซี ที่มาในรูปแบบของ Ascorbyl palmitate ที่เป็นสารแบบเอสเทอร์ มีความเป็นกรดต่ำ ละลายในไขมันได้ดีขึ้น ดูดซึมได้ดีขึ้น กับ Coenzyme Q10 ที่เป็น Antioxidant ที่ดีเช่นกัน ให้ประโยชน์เรื่องการบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือดได้อีก
  2. กลุ่ม Antioxidant มีอีก 2 ตัว คือ N-acetyl cysteine ที่เป็นสารตั้งต้นให้ร่างกายไปสร้าง Glutathione ได้ มีคุณสมบัติช่วยเรื่อง Detox และ Alpha-lipoic acid ที่เป็น Antioxidant ที่มีฤทธิ์แรงเช่นกัน

 

 

 

อีกตัวที่คู่ควรจะกล่าวถึงก็คือ Bioperine® ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของ Tetrahydropiperine ที่ได้จากการดัดแปลงโครงสร้างของสารในพริกไทยดำ มีผลเพิ่มการดูดซึมของสารอื่นเข้าไปในร่างกาย ทำให้เราได้ประโยชน์จากสารอาหารและวิตามินบำรุงมากขึ้น (ภาษาวิทย์ๆเรียกว่า มี Bioavailability เพิ่มขึ้น)

 

โดยรวมถือว่าทำมาได้ดีมากจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่บำรุงผิว แต่ยังได้เรื่องของการชะลอวัยไปด้วย

 

หลังจากลองทานสูตรใหม่ได้ประมาณ 2 อาทิตย์ สิ่งที่มี่รู้สึกจะเป็นด้านความชุ่มชื้นของผิวค่ะ เรื่องหน้าลอกหายไป แต่งหน้าติดขึ้น ลากรองพื้นได้ง่ายขึ้น อีกอย่างที่รู้สึกได้ค่อนข้างชัดคือ มี่จะเป็นคนมีเส้นเลือดที่แก้มค่ะ ถ้าอากาศร้อนมากๆ หรือไปออกแดด เส้นเลือดมี่จะขยายและแก้มจะแดง ช่วงที่ทานตัวนี้ เวลาเดินไปออกแดด แก้มจะไม่แดงมากเหมือนช่วงก่อนๆค่ะ

 

 

มาให้คะแนนกันค่ะ

  1. ส่วนผสม จากที่ได้บรรยายไปคือเรื่องของ PhytoflORAL และ Antioxidant มากมาย ที่ให้ผลดีมีประโยชน์กับผิว แต่ถ้ากินไปไม่ดูดซึม มันก็ออกมากับอุจจาระใช่ไหม ทางแบรนด์เขาใส่ใจจุดนี้เลยใส่ Bioperine ลงมาด้วย เพื่อเพิ่ม Bioavilability (คืออะไรลองย้อนไปอ่านด้านบนค่ะ) ของสารต่างๆ โดยรวมถือว่าทำมาได้ดีมากค่ะ ให้ 5 ฟลาสก์
  2. การรับประทาน ถ้าเทียบกับสูตรเก่าแล้ว สูตรใหม่ถือว่าทำมาได้ตอบโจทย์ของมี่มากกว่า สามารถพกพาได้สะดวก เวลาเดินทางก็หยิบมาเลยแผงหนึ่ง ใส่กระเป๋าสตางค์ได้เลย ไม่ต้องมานั่งหยิบไปทีละแผ่นๆแบบสูตรเก่า ไป 7 วันก็หยิบ 7 แผง เกะกะเปลืองเนื้อที่กระเป๋าเดินทาง ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ มี่คิดว่าน่าจะเหมือนสูตรเดิมค่ะ ยังคงปลื้มปริ่มเปรมปรีด์เช่นเดิม ขอให้ไป 5 ฟลาสก์

 

yllume คะแนน

 

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางเพจ Skin Scope ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางเพจ Skin Scope โดยตรงเลยค่ะ

 

www.facebook.com/skinscope

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากเพจ Skin Scope การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมาสค์เพื่อผิวกระจ่างใสตัวดังจากเกาะอังกฤษ Yllume ultimate illuminating complex mask

สวัสดีค่ะ… วันนี้มี่เอารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของมาสค์เพื่อผิวขาวกระจ่างใสตัวดังจากอังกฤษมาฝากกันค่ะ

เป็นมาสค์เนื้อครีมจากแบรนด์ Yllume นั่นเอง เป็นชิ้นที่สามของแบรนด์แล้วค่ะ ที่มี่ได้รีวิว

แบรนด์นี้ก็มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทานแล้วได้ประโยชน์เรื่องความกระจ่างใสด้วยค่ะ ส่วนตัวมี่เองก็ได้ทั้งทอลองทานและก็ทดลองใช้อาหารเสริม และ ครีมอยู่พักหนึ่ง และได้รีวิวไว้แล้วนะคะ

วันนี้เรามาดูโฉมหน้าของมาสค์กันบ้างค่ะ

 

ym 1

 

เขาจะมาในแพคเกจทรงกระบอกที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ค่ะ ข้างในก็จะมีกระปุกของมาสค์อยู่ค่ะ

 

ym 2

ตัวกระปุกมาสค์ เป็นกระปุกอคริลิกแบบหนา ซึ่งนางก็แถมช้อนไว้ตักมาสค์ให้ด้วยหนึ่งอันค่ะ

 

 

มาดูเนื้อมาสค์กันบ้างนะคะ

ตัวมาสค์เป็นมาสค์เนื้อครีมที่ค่อนข้างนุ่ม เกลี่ยได้ง่าย จะมีความลื่นอยู่พอตัว แต่ก็ไม่ถึงกับเหนอะหนะมากนักค่ะ

ตัวนี้ไม่มีกลิ่นนะคะ

 

ym 3

 

เวลาเกลี่ยจะดูเหมือนไม่ค่อยดูดซึมค่ะ ใช้เวลานวดๆซักนิด ตัวปื้นขาวก็จะหายไป

 

ym 4

 

ทางแบรนด์แนะนำวิธีใช้ไว้สองแบบนะคะ

  1. พอกไว้ประมาณ 10 นาที แล้วเช็ดออกด้วยสำลี หรือกระดาษทิชชู่นุ่มๆโดยไม่ต้องไปล้างออก
  2. พอกข้ามคืนเป็น Overnight mask (หรือ Sleeping pack) ค่ะ

พอเช็ดออกแล้วผิวจะรู้สึกนุ่ม ชุ่มชื้น

 

ym 6

 

 

ทางแบรนด์แนะนำว่า ใช้อาทิตย์ละครั้ง เพื่อช่วยให้ผิวมีความสว่างโกลว และมี Complexion ที่ดูสดใสกระจ่างใสขึ้นค่ะ

หรือจะใช้มากกว่านั้นก็ได้ ในวันที่เพลียๆ หรือไปออกแดดนานจนรู้สึกหมองคล้ำ ก็สามารถโปะลงไปได้เลยค่ะ

 

ตัวนี้แบรนด์ Claim ไว้ค่อนข้างแรงนะคะ เกี่ยวกับเรื่องของประสิทธิภาพ ทางแบรนด์ Claim ว่าเทียบเท่า Hydroquinone ที่ความแรง 4% เลยค่ะ แต่มีอาการข้างเคียงน้อยกว่า ซึ่งทางแบรนด์บอกว่าเป็นเพราะเขาใช้แต่ส่วนผสมจากธรรมชาตินั่นเองค่ะ เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดกันในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

 

เผื่อใครสนใจอยากอ่านแบบ original มี่ได้เอาภาพคำ Claim ของแบรนด์มาแปะให้ด้วยค่ะ

 

claiming yllume.jpg

(Image from Yllume UK official site)

 

ถ้าถามความเห็นมี่ มี่มองว่าไม่แปลกนะคะ เพราะส่วนผสมไวท์เทนนิ่งในเครื่องสำอางหลายๆชนิดก็มีงานวิจัยตีพิมพ์เปรียบเทียบกับ Hydroquinone อยู่

 

มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ

 

สผส mask

 

ในส่วนของสารบำรุงผิวนั้นมี่ทำสีม่วงเอาไว้ให้นะคะ

  • CARICA PAPAYA FRUIT EXTRACT คือ สารสกัดจากมะละกอ ซึ่งในมะละกอจะมีเอนไซม์ papain ที่ทำหน้าที่ย่อยโปรตีน แต่เอนไซม์นี้ไม่ค่อยคงตัวค่ะ ซึ่งทางแบรนด์ Claim ว่าเป็น สารสกัดที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ได้เป็น CROSS POLYMER ทำให้เอนไซม์ Papain มีความคงตัวสูง ให้ผลผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองเหมือนตระกูลกรดผลไม้
  • SOLANIUM LYCOPERSICUM (TOMATO) FRUIT EXTRACT เป็นสารสกัดจากมะเขือเทศ ซึ่งทางแบรนด์ Claim ว่าใช้มะเขือเทศสีขาวสายพันธ์พิเศษ มีส่วนประกอบของสารในกลุ่ม Colorless carotenoids คือ สารกลุ่ม Carotenoid ที่ไม่มีสี ที่สำคัญคือ phytoene กับ phytofluene ทางแบรนด์บอกว่าในผิวของเรามีสารกลุ่มนี้อยู่ในชั้นผิวหนังชั้นนอกถึง 38% และพบว่าคนที่ขาดสารกลุ่ม Colorless carotenoids นี้จะมีสีผิวที่เข้มกว่าคนที่มีเยอะ รวมถึงอาจจะมีปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง และเรื่องสิวได้มากกว่าด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีตัว Lycopene ที่เป็น Antioxidant ที่ดี ซึ่งมีรายงานว่า Lycopene ในสารสกัดมะเขือเทศ สามารถปกป้องผิวหนังจากอันตรายจากรังสี UV ได้ (Br J Dermatol. 2011; 164(1):154-62.) ส่วนของเปลือกผลมีสาร Resveratrol ซึ่งให้ฤทธิ์แรงในการต้านอนุมูลอิสระ (J Agric Food Chem. 2006; 54(19):7175-9.)
  • ASCORBYL GLUCOSIDE เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซีชนิดหนึ่งที่จับกับน้ำตาล มีความเป็นกรดลดลง มีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้น มีคุณสมบัติลดการสร้างเม็ดสีโดยไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase เป็น Antioxidant ที่ดี และเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการสร้างคอลลาเจน
  • OLIVINE STONE EXTRACT เป็นสารสกัดจากหินอัญมณี Olivine สีเขียว ซึ่งทางแบรนด์บอกว่าสารสกัดจากหิน Olivine นี้มีคุณสมบัติช่วยลดภาวะเครียด (Stress) ของเซลล์ผิว เพิ่มพลังงานให้แก่เซลล์ (ข้อมูลจาก Yllume official website)
  • HYDROLYZED PRUNUS DOMESTICA สารนวัตกรรมจากญี่ปุ่น ที่ Claim เรื่อง “Melanin diet” ออกฤทธิ์ขัดขวางการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก
  • BELLIS PERENNIS (DAISY) FLOWER EXTRACT คือ สารสกัดจากดอก Daisy ในสิทธิบัตรยุโรประบุว่าสารสกัดจาก Daisy สามารถใช้เป็น Whitening ได้โดยไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้สร้างเมลานิน (EP1737538 B1) ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารสกัดออกฤทธิ์ครบถ้วนตั้งแต่ก่อนการสร้างเม็ดสี ยับยั้งการสร้างเม็ดสี และป้องกันไม่ให้เม็ดสีออกไปข้างนอก

นอกจากนี้ยังมี Vitamin E และ Dipotassium glycyrrhizate จากชะเอมที่มีผลลดการอักเสบในผิวได้

สารออกฤทธิ์ในกลุ่มผิวขาว ออกฤทธิ์ไปที่ขั้นตอนการสร้างเม็ดสี และยับยั้งการส่งผ่าน Melanin ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปข้างนอก รวมทั้งผลัดผิวที่หม่นหมองออกไปด้วยเอนไซม์ papain cross polymer ซึ่งมีความอ่อนโยน สารสกัดจาก Daisy มีการ Claim ว่า ออกฤทธิ์ที่ขั้นตอนก่อนการสร้างเม็ดสีด้วย จึงถือว่าให้ผลครบทุกขั้นตอนของการสร้างเม็ดสี เสริมมาด้วย Antioxidant และสารไขมันทดแทนแก่ผิว

ส่วนของเนื้อหลักเป็นชนิด Emulsion ประกอบด้วยน้ำและน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของ Silicone และ Alcohol (ในทางเครื่องสำอางหมายถึง Ethanol หรือ Ethyl alcohol)

นอกจากนี้ทางแบรนด์บอกว่า ได้ทดสอบทางผิวหนัง และทดสอบการแพ้เรียบร้อยแล้ว (Dermatological and Allergy test) แต่ไม่ทราบรายละเอียดเรื่อง Sample size และวิธีที่ใช้นะคะ

 

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง หรือ Active ingredients ในส่วนของสารบำรุงเรื่องความขาวนั้นมีอยู่หลายตัว ออกฤทธิ์อยู่หลายขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนสร้างเม็ดสี ขั้นตอนการสร้างเม็ดสี ขั้นตอนการส่งผ่านเม็ดสี และการผลัดผิวทิ้งแบบอ่อนโยน รวมทั้งเสริมมาด้วยสารกลุ่ม Antioxidant และไขมันทดแทน แต่ยังดูเหมือนขาดสารเติมน้ำให้ผิวอยู่ ถ้าวัดกันที่ผลด้าน Whitening ก็ขอให้ไป 5 ฟลาสก์ แต่ถ้าวัดกันแบบองค์รวมจะขอให้ 4 ฟลาสก์
  2. เนื้อผลิตภัณฑ์ หรือ Base เป็นรูปแบบ Emulsion จากน้ำและน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของ Silicone และ Alcohol แต่ สาร Ethylhexyl palmitate ที่ใช้อาจจะอุดตันรูขุมขนได้ในบางราย เลยขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. สารองค์ประกอบอื่นๆ หรือ Additives ไม่มีส่วนผสมของสาร Paraben ไม่มีน้ำหอม ไม่มีอะไรให้หักคะแนน เลยรับไป 5 ฟลาสก์
  4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่คิดว่า มาสค์นี้ทำมาได้ค่อนข้างยืดหยุ่นค่ะ สามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ ทาไว้ 10 นาที แล้วเช็ดออก หรือ ล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆก็ได้ หรือจะใช้เป็น Sleeping pack มาสค์หน้าข้ามคืนก็ได้ค่ะ เนื้อครีมไม่เหนอะหนะ ค่อนข้างเกลี่ยง่าย ขนาดไม่ใช้ Silicone มาช่วยปรับสัมผัส ยังได้ครีมที่เนื้อนุ่ม บางเบา ส่วนเรื่องความกระจ่างใส มี่ใช้มาสค์อาทิตย์ละ 2 ครั้งค่ะ มาเกือบเดือน ตอนเช้าจะรู้สึกผิวนุ่มขึ้น แต่มี่ว่าเรื่องความขาวนั้นยังไม่ได้ชัดมากนะคะ เหมือนมันจะค่อยๆเพิ่มความสว่าง และเพิ่ม Complexion ให้ผิวมากกว่า ส่วนตัวก็ติดน้ำหอมนะคะ อยากได้น้ำหอมอยู่ แต่ไม่มีก็ดีค่ะ เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์ค่ะ

 

คะแนน ym

 

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางเพจ Skin Scope ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางเพจ Skin Scope โดยตรงเลยค่ะ

http://www.facebook.com/skinscope

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากเพจ Skin Scope การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมครีมไวท์เทนนิ่งชื่อดังจากเกาะอังกฤษ Yllume ultimate illuminating complex cream

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสมครีมไวท์เทนนิ่งชื่อดังจากเกาะอังกฤษ Yllume ultimate illuminating complex cream

วันนี้มี่เอารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของครีมผิวขาวกระจ่างใสตัวดังจากอังกฤษมาฝากกันค่ะ

เป็นครีมจากแบรนด์ Yllume นั่นเอง ซึ่งแบรนด์นี้ก็มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทานแล้วได้ประโยชน์เรื่องความกระจ่างใสด้วยค่ะ

ครีมตัวนี้มีชื่อเต็มๆว่า Yllume ultimate illuminating complex cream มาดูหน้าตาของเขากันซักหน่อยนะคะ

y 1

เขาจะมาในแพคเกจทรงกระบอกที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ค่ะ ข้างในก็จะมีตัว Cream อยู่ ถึงจะขึ้นชื่อว่า Cream แต่ก็มาในขวดแบบปั๊มนะคะ ช่วยลดการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ได้เพราะเป็นภาชนะระบบปิดค่ะ

ในด้านเนื้อครีม จะเป็นครีมสีครีม มีความวาวในตัว กลิ่นหอมอ่อนๆแนวดอกไม้ตัดกับสมุนไพรจางๆค่ะ

y 2

ครีมจะเกลี่ยได้ค่อนข้างง่ายค่ะ และมี Pigment ที่ให้ความกระจ่างใส ช่วยให้ผิวดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที แต่ไม่ได้ขาววอกเหมือนครีมกันแดดค่ะ จะเน้นความวาว

y 3

วัดค่า pH ซักหน่อยพอเป็นพิธีนะคะ

y 4

ค่า pH จะอยู่ที่ประมาณ 6 ใกล้เคียงกับผิวดี ไม่ได้อยู่ในช่วงที่เป็นกรดมาก จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว และผิวที่ระคายเคืองง่าย หรือไวต่อ AHA ค่ะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สผส

จากส่วนผสมมี่ได้ทำสีไว้ให้นะคะ สีเขียว สื่อถึงกลุ่ม Whitening สีน้ำเงิน คือสารบำรุงอื่นๆ สีม่วง เป็นน้ำมันจากพืชที่ทดแทนไขมันให้ผิวหนัง และสีฟ้า เป็นพวก Pigment ที่ให้ความวาวค่ะ
มาดูที่กลุ่มสาร Whitening ก่อนค่ะ
– Ascorbyl glucoside เป็นอนุพันธ์ของวิตซี ตัวนี้มีความอ่อนโยนสูง เป็นกรดน้อย ให้ผลด้านผิวขาว Antioxidant และริ้วรอยค่ะ
– สารสกัดจากมะเขือเทศ ซึ่งทางแบรนด์ Claim ว่าใช้มะเขือเทศสีขาวสายพันธ์พิเศษ (Solanum lycopersicum extract) ประกอบด้วย Colorless carotenoids คือ สารกลุ่ม Carotenoid ที่ไม่มีสี ที่สำคัญคือ phytoene กับ phytofluene ทางแบรนด์ บอกว่าในผิวของเรามีสารกลุ่มนี้อยู่ในชั้นผิวหนังชั้นนอกถึง 38% และพบว่าคนที่ขาดสารกลุ่ม Colorless carotenoids นี้จะมีสีผิวที่เข้มกว่าคนที่มีเยอะ รวมถึงอาจจะมีปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง และเรื่องสิวได้มากกว่าด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีตัว Lycopene ที่เป็น Antioxidant ที่ดี ซึ่งมีรายงานว่า Lycopene ในสารสกัดมะเขือเทศ สามารถปกป้องผิวหนังจากอันตรายจากรังสี UV ได้ (Br J Dermatol. 2011; 164(1):154-62.) ส่วนของเปลือกผลมีสาร Resveratrol ซึ่งให้ฤทธิ์แรงในการต้านอนุมูลอิสระ (J Agric Food Chem. 2006; 54(19):7175-9.)
– Stem cell จาก Sea fennel (Crithmum maritimum callus culture extract) เป็นสารสกัดของเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยงจาก Sea fennel ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารสกัดนี้ให้ผลเพิ่มการสร้างเซลล์ผิว ลดริ้วรอย และช่วยปรับสมดุลการสร้างสีผิวให้สม่ำเสมอมากขึ้น รวมทั้งช่วยปกป้องฟื้นฟูความเสียหายจากรังสี UV
– Tetrahydrodiferuloylmethane สารที่ได้จากการดัดแปลงสาระสำคัญในขมิ้นชันให้ไม่มีสีเหลืองจนน่าเกลียด มีคุณสมบัติเป็น Whitening และ Antioxidant ที่ดี
– Hexylresorcinol ข้อมูลจากผู้ผลิตระบุว่า สารกลุ่มนี้พบในข้าว Rye และ Wheat ให้ผลยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว เมลานิน และช่วยกระตุ้นการสร้าง Glutathione ในผิว จึงให้ผลเสริมกันในการเป็น whitening
– Hydrolyzed prunus domestica extract สารนวัตกรรมจากญี่ปุ่น ที่ Claim เรื่อง “Melanin diet” ออกฤทธิ์ขัดขวางการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก
– สารสกัดจากดอก Daisy ในสิทธิบัตรยุโรประบุว่าสารสกัดจาก Daisy สามารถใช้เป็น Whitening ได้โดยไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้สร้างเมลานิน (EP1737538 B1) ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า สารสกัดออกฤทธิ์ครบถ้วนตั้งแต่ก่อนการสร้างเม็ดสี ยับยั้งการสร้างเม็ดสี และป้องกันไม่ให้เม็ดสีออกไปข้างนอก

ส่วนของสารบำรุงอื่นๆ เน้นไปที่ด้าน Antioxidant, เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ลดการอักเสบ กระชับรูขุมขน และมีน้ำมันจาก Rosehips, เมล็ดทับทิม ซึ่งมีคุณค่าและราคาแพง กับ Jojoba oil
ถึงเวลาให้คะแนน
1. กลุ่มของสารบำรุง ถ้าพูดถึงด้าน Whitening จะเห็นว่าสารเพื่อผิวขาวที่ใช้ออกฤทธิ์ได้ครบถ้วนทั้ง 3 ขั้นตอนของการสร้างเม็ดสีผิว ตั้งแต่ก่อนสร้าง ขณะสร้าง และหลังสร้างเสร็จ ยังเสริมมาด้วย Antioxidant สารเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ กระชับรูขุมขน และทดแทนไขมันให้แก่ผิว โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างครบ ให้ไป 5 ฟลาสก์
2. กลุ่มเนื้อผลิตภัณฑ์ มาในรูปแบบของครีม ที่ประกอบด้วยน้ำกับน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของ Alcohol น้ำมันที่ใช้ไม่ได้สุ่มเสี่ยงอุดตันอะไร มีสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดูดน้ำให้ผิว สารไขมันทดแทน และใช้ Dimethicone ที่เป็นซิลิโคนมาเคลือบปกป้องผิวกันน้ำระเหยออก จึงถือว่าทำมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์ ให้ไป 5 ฟลาสก์
3. กลุ่มสารปรุงแต่งอื่นๆ ได้แก่พวกสารทำเนื้อครีม สารเพิ่มความหนืด สารกันเสีย มี Buffer ที่ช่วยควบคุมค่า pH ให้คงที่ตลอดเวลา ไม่มีส่วนผสมของสารที่อาจจะก่อระคายเคือง และ Parabens จึงไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ใช้ครีมตัวนี้มาเดือนกว่า ก่อนจะมาเริ่มเขียนรีวิว มี่มองว่าครีมตัวนี้ค่อนข้างโอเคกับการลดการสร้างเม็ดสีผิว ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยดำจากสิวได้ดีแต่ต้องใช้เวลาราวๆ 2 – 3 อาทิตย์ จะเริ่มเห็นผล ไม่ได้ขาวใน 3 วัน 7 วัน จนดูน่ากลัวเกินจริง รู้สึกว่าผิวนุ่มขึ้นด้วย โดยรวมค่อนข้างชอบค่ะ มีต่อขวดสองแน่นอน รับไปเลย 5 ฟลาสก์

คะแนน

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางร้าน SkInmART ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆส่งตรงจากเมืองผู้ดีแดนอังกฤษ ให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามที่ทางเพจ SkInmART
https://www.facebook.com/skinmartmd/ หรือ เวปไซท์ http://www.skinmart.in.th ได้เลยนะคะ

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากร้าน SkInmART

[Nutrition] รีวิว วิเคราะห์ส่วนผสมอาหารผิวจากอังกฤษ Yllume

[Nutrition] รีวิว วิเคราะห์ส่วนผสมอาหารผิวจากอังกฤษ Yllume

วันนี้มี่แวะเอา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงผิว (ขอเรียกย่อๆว่า อาหารผิว) อาหารเสริมยอดฮิตจากอังกฤษที่ได้ตีพิมพ์ในนิตยสารชื่อดังหลายฉบับ มารีวิวให้ชมกันนะคะ

เป็นของแบรนด์ Yllume นั่นเองค่ะ มาดูหน้าตากันก่อนเลยดีกว่าเนอะ

 

yllume 1

 

ชื่อเต็มๆของเขาก็คือ Yllume Ultimate Illuminating Complex Skin Supplement ค่ะ

 

แบรนด์ Yllume เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมาจากแลป แลปหนึ่งในอังกฤษ ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์และอาหารเสริมเพื่อดูแลผิวอย่างครบวงจร ให้กระจ่างใสจากภายในค่ะ

 

ทางแบรนด์ Claim เรื่องของสารกลุ่ม Carotenoid ที่ไม่มีสี (Colorless carotenoids) ที่มีชื่อว่า phytoene กับ phytofluene นางบอกว่าในผิวของเรามีสารกลุ่มนี้อยู่ในชั้นผิวหนังชั้นนอกถึง 38% และพบว่าคนที่ขาดสารกลุ่ม Colorless carotenoids นี้จะมีสีผิวที่เข้มกว่าคนที่มีเยอะ รวมถึงอาจจะมีปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง และเรื่องสิวได้มากกว่าด้วย

 

ลักษณะของตัวอาหารเสริมจะเป็นแบบแคปซูลค่ะ เขาจะแพคมาในแผงๆ ละ 2 เม็ด

ทานกันวันละแผง ก่อนมื้ออาหารเช้าซักครึ่งชั่วโมงเพื่อการดูดซึมที่ดีค่ะ

yllume 2

ขวดหนึ่งจะมีอยู่ 60 แคปซูล หรือ 30 แผง ทานได้ 1 เดือนค่ะ

ข้างในแคปซูลนั้นเป็นผงๆ ซึ่งมีกลิ่นหอมๆอมเปรี้ยว ตอนแรกว่าเหมือนดอกไม้ แต่พอไปอ่านเจอว่า เป็นมะเขือเทศเท่านั้นหละ Bias มาเลยจ้า กลิ่นเหมือนมะเขือเทศอบแห้งที่ขายกันเป็นซองๆ

ตัวผงนั้นเป็นผงสีส้มๆอมน้ำตาลค่ะ

yllume 3

ใน 2 แคปซูลที่เราทาน 1 มื้อ จะประกอบด้วย

  • PhytoflORAL® 500mg
  • Pomegranate 150mg
  • Acai Berry 100mg
  • Bilberry Extract 50mg
  • CoQ10 50 mg
  • N-Acetyl Cysteine 100
  • Alpha Lipoic Acid 50 mg
  • BioPerine® 5 mg
  • Ascorbyl Palmitate 195 mg

 

สารออกฤทธิ์หลักที่แบรนด์ใช้คือ PhytoflORAL® ที่เป็นเจ้า Colorless carotenoid ที่ได้จากมะเขือเทศสีขาว ซึ่งเป็นพืชสายพันธ์แท้ดั้งเดิมที่หายากค่ะ ว่ากันว่าสารนี้ชอบอยู่ในผิว (ภาษาวิทย์ๆ เราเรียกว่ามี Skin Affinity สูง) เมื่อทานเข้าไปทำให้สารนี้อยู่ในผิวได้นาน ให้ประโยชน์ 5 ด้านหลักๆ คือ

  • ปรับสีผิวให้กระจ่างใส
  • ชุ่มชื้นขึ้น
  • ลดสิว กระชับรูขุมขน
  • ลด และป้องกันริ้วรอย
  • และเป็น Internal SPF คือ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด โดยตัวมันเองจะสลายตัวแทนองค์ประกอบอื่นๆในผิว

 

มาเมาท์มอยกันเรื่อง Internal SPF กันนิดนึง มี่คิดว่าหลายๆคนคงเคยเห็นกันแดดแบบกินอยู่บ้าง หลายๆคนคงสงสัยว่ามันจะได้ผลหรือ จริงๆก็ได้นะคะ แต่ไม่รู้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสารบางชนิดมันจะชอบไปสะสมตัวในผิวหนัง และสลายตัวไปแทนองค์ประกอบดีๆของผิว ยกตัวอย่างเช่น บางคนที่ชอบกินฟักทองมากๆ ตัวก็จะเหลือง เพราะว่า Beta-carotene ไปสะสมอยู่ที่ผิวนั่นเอง อันนี้ไม่ได้มโนค่ะ จากการศึกษาของ Stahl และ Sies เมื่อปี 2012 ได้พบว่า การรับประทานอาหารที่มี Beta-carotene สูง หรือการทานอาหารเสริม มีผลช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสี UV ได้ เพียงแต่ใช้เวลาค่อนข้างนานหลายสัปดาห์กว่าจะได้ผล และผลนั้นน้อยกว่าการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด แต่ถึงอย่างนั้น การทานอาหารพวกนี้ก็ช่วยเป็น Antioxidant ช่วยกรองผลเสียจากรังสี UV ที่เล็ดรอดผ่านกันแดดเข้ามาในผิวได้ดี (Am J Clin Nutr. 2012;96(5):1179S-84S.) ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

 

ทางแบรนด์ทดลองทำการดูดกลืนรังสี UV ของ Colorless carotenoids แล้วด้วย ได้ผลดังรูปนี้ค่ะ

UV abs

(Image from Yllume laboratories)

 

    จากกราฟการดูดกลืนแสงจะเห็นได้ว่าสารสองตัวนี้จะปกป้องผิวได้ทั้งย่าน UVB และ UVA เลยทีเดียว

มีงานวิจัยทดสอบผลของ Co Q10 กับ Colorless carotenoids พบว่า สารทั้งสองนี้ให้ผลเสริมฤทธิ์กันในการลดการอักเสบของผิวหนังได้ดี

การทดสอบของ Aust และคณะ พบว่าการรับประทานอาหารเสริมจากมะเขือเทศ มีผลทำให้ระดับของ Lycopene, Phytoene และ Phytofluene ในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น มีผลลดรอยแดงที่เกิดจากรังสี UV ได้ (Int J Vitam Nutr Res. 2005 Jan;75(1):54-60.)

นอกจากตัวหลักอย่าง PhytoflORAL แล้ว ทางแบรนด์ก็ยังใส่สารบำรุงอื่นๆอีกหลายตัวค่ะ ซึ่งให้ผลไปในทาง Antioxidant มากมาย แบ่งเป็นกลุ่มๆดังนี้นะคะ

  1. กลุ่ม Super berry และ Super fruit ก็จะมีตัว Pomegranate extract, Bilberry extract

Acai berry ซึ่งทุกตัวเป็น Antioxidant ที่ดีหมดค่ะ

  1. กลุ่มวิตามินที่เป็น Antioxidant ได้แก่ วิตามินซี ที่มาในรูปแบบของ Ascorbyl palmitate ที่เป็นสารแบบเอสเทอร์ มีความเป็นกรดต่ำ ละลายในไขมันได้ดีขึ้น ดูดซึมได้ดีขึ้น กับ Coenzyme Q10 ที่เป็น Antioxidant ที่ดีเช่นกัน ให้ประโยชน์เรื่องการบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือดได้อีก
  2. กลุ่ม Antioxidant มีอีก 2 ตัว คือ N-acetyl cysteine ที่เป็นสารตั้งต้นให้ร่างกายไปสร้าง Glutathione ได้ มีคุณสมบัติช่วยเรื่อง Detox และ Alpha-lipoic acid ที่เป็น Antioxidant ที่มีฤทธิ์แรงเช่นกัน

 

อีกตัวที่คู่ควรจะกล่าวถึงก็คือ Bioperine® ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของ Tetrahydropiperine ที่ได้จากการดัดแปลงโครงสร้างของสารในพริกไทยดำ มีผลเพิ่มการดูดซึมของสารอื่นเข้าไปในร่างกาย ทำให้เราได้ประโยชน์จากสารอาหารและวิตามินบำรุงมากขึ้น (ภาษาวิทย์ๆเรียกว่า มี Bioavailability เพิ่มขึ้น)

 

โดยรวมถือว่าทำมาได้ดีมากจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่บำรุงผิว แต่ยังได้เรื่องของการชะลอวัยไปด้วย

ส่วนตัวมี่ทานมาได้เกือบ 2 อาทิตย์แล้วค่ะ ถามว่าผิวขาวขึ้นไหม นี่ยังไม่ชัดนะคะ ทางแบรนด์เคลมว่า ต้อง 28 วัน ไว้ทานครบจะมาอัพเดทอีกทีนะคะ

แต่สิ่งที่มี่รู้สึกคือ ความชุ่มชื้น เรื่องหน้าลอกหายไป แต่งหน้าติดขึ้น ลากรองพื้นได้ง่ายขึ้น ไม่เป็นเส้น ไม่เป็นคราบเหมือนช่วงก่อน แต่ก็ไม่ได้มันจนเยิ้มเหมือนสมัยหน้าร้อนปีที่แล้ว ผิวนุ่มขึ้น สองสามวันก่อนไปจ้างรุ่นน้องมาแต่งหน้าไปออกงานอีเวนท์ นางยังทักเลยค่ะว่าหน้านุ่ม

 

เอ้า มาให้คะแนนกันค่ะ

  1. ส่วนผสม จากที่ได้บรรยายไปคือเรื่องของ PhytoflORAL และ Antioxidant มากมาย ที่ให้ผลดีมีประโยชน์กับผิว แต่ถ้ากินไปไม่ดูดซึม มันก็ออกมากับอุจจาระใช่ไหม ทางแบรนด์เขาใส่ใจจุดนี้เลยใส่ Bioperine ลงมาด้วย เพื่อเพิ่ม Bioavilability (คืออะไรลองย้อนไปอ่านด้านบนค่ะ) ของสารต่างๆ โดยรวมถือว่าทำมาได้ดีมากค่ะ ให้ 5 ฟลาสก์
  2. การรับประทาน มี่พึ่งเริ่มทานได้แค่ 2 อาทิตย์ แต่ผลที่ได้ก็ถือว่าดีนะคะ มีคนทักด้วยว่าหน้าดีขึ้น พวกรอยดำรอยแดงรอยสิวก็ดูจางลง แม้จะผ่านงานมาอย่างหนักหน่วง แต่งหน้าหนักจนค่า moisture ผิวดรอปไปเหลือต่ำมาก แต่ผิวก็ฟื้นตัวเร็วมาก ถือว่าประทับใจมากค่ะ ให้ 5 ฟลาสก์

 

คะแนน Yllume

 

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางเพจ Skin Scope ด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้มี่ได้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางเพจ Skin Scope โดยตรงเลยค่ะ

www.facebook.com/skinscope

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากเพจ Skin Scope