Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสารพัดประโยชน์ (Multi-functional) เป็นบำรุงก็ได้ เมคอัพไพรม์เมอร์ก็ดี จากแบรนด์ DYPT กับ DYPT Plump da face

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่มีรีวิวผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมาฝากกันอีกแล้วค่ะ

ช่วงนี้ในวงการเครื่องสำอาง กระแส Multi-functional product กำลังมาแรงเลยค่ะ

ว่าแต่ Multi-functional product คืออะไร?

เราสามารถแบ่งกลุ่มของ Multi-functional product ได้เป็น 2 แบบ ค่ะ คือ

  1. ผลิตภัณฑ์ที่มีหลายๆคุณสมบัติในชิ้นเดียวกัน เช่น Anti-aging + Whitening + Moisturizing ในขวดเดียว
  2. ผลิตภัณฑ์ที่รวมเอาผลิตภัณฑ์หลายๆอย่างมารวมกันเป็นผลิตภัณฑ์เดียว เช่น Cleanser + Toner หรือ Toner + Serum + Lotion + Cream + Sunscreen เป็นต้น

 

ผลิตภัณฑ์นี้เกิดมาจากฝั่งญี่ปุ่น โดยทำมาตอบโจทย์ Lifestyle ที่เร่งรีบของคนญี่ปุ่นเค้า ต่อมาหลายๆที่เห็นว่าเหมาะ ก็เลยทำกันออกมาหลายตัว หลายประเทศเลย

 

อย่างวันนี้ผลิตภัณฑ์ที่มี่ได้มา มาจากทางแบรนด์ DYPT (ดิพท์) ซึ่งเป็นคำในภาษา Norwegian ที่แปลว่า deeply และ สื่อถึง ความใส่ใจดูแลลูกค้าและการบำรุงอย่างล้าลึก

ผลิตภัณฑ์ที่มี่ได้รับมาคือ DYPT Plump da face ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์แบบ Multi-functional คือ

  1. Moisturizer สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น
  2. Sleeping mask ถ้าใครเร่งรีบ อาจนำเอามาเป็น Sleeping mask แทนค่ะ
  3. Primer ทางแบรนด์เคลมว่า ในส่วนผสมมีสารสกัดจากเยื่อเห็ดที่มีประโยชน์ในการกระชับรูขุมขนและควบคุมความมัน และมีส่วนผสมที่มีลักษณะเคลือบ film บางๆบนผิว คล้าย Primer ที่ช่วยให้เมคอัพติดทนนานมากขึ้น
  4. Mixer/Diluent เอามาผสมกับรองพื้น เพื่อให้ได้เนื้อที่บางเบามากขึ้น และชุ่มชื้นมากขึ้น อารมณ์เป็น Tinted moisturizer

 

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

dypt 4.JPG

ตัวแพคเกจมาในขวดปั๊มแบบอคริลิกสีขาวมุกค่ะ

dypt 5

ถึงจะเป็นแบบขวดปั๊ม แต่เมื่อปั๊มออกมาเนื้อที่ได้จะค่อนข้างข้นคล้ายครีมค่ะ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

dypt 1

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้สัมผัสบางเบา ไม่เหนอะหนะ ช่วงแรกอาจจะค่อนข้างเงานิดหน่อย แต่พอทิ้งไว้ซักพักก็จะรู้สึกสบายผิวดี เราจะรู้สึกว่ามีฟิล์มบางๆเคลือบผิวอยู่ เหมือนที่ทางแบรนด์เคลมไว้ค่ะ

dypt 2

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

dypt 3

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สผส DYPT

จากส่วนผสมวันนี้ดูแล้วหลากสีเนอะ

 

  • ประเดิมที่สีน้ำเงิน สารสกัดจากเห็ด Fomes ตัวนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า มีประโยชน์ในการกระชับรูขุมขนควบคุมความมัน
  • สีม่วง เป็นกลุ่มของไขมันที่มีประโยชน์ในการฟื้นฟู Barrier ผิว ได้แก่
    • Squalane เคลือบผิวช่วยปกป้องและเก็บความชุ่มชื้นของผิว
    • Cholesterol, Ceramide และ กรดไขมันจากมะกอก เป็นสารตั้งต้นของไขมันใน Barrier ผิว มีประโยชน์ในการเสริมสร้างและฟื้นฟู Barrier ผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง เก็บน้ำได้ดี
  • สีเขียว เป็นกลุ่มของสารบำรุงที่ใช้เทคโนโลยีการหมัก ซึ่งในการหมัก จุลินทรีย์จะเปลี่ยนแปลงสารในพืชให้มีขนาดเล็กลง ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น สูตรผสมระหว่าง Lactobacillus/Soybean Ferment Extract, Saccharomyces/Viscum Album Ferment Extract และ Saccharomyces/Imperata Cylindrica Root Ferment Extract เป็นวัตถุดิบนำเข้าจากเกาหลี ผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เสริมความชุ่มชื้น เสริมการสมานแผล และเป็น anti-oxidant
  • สีน้ำตาล เป็นกลุ่มของสารที่มีประโยชน์ในการชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย
    • Artemia extract น่าจะหมายถึงวัตถุดิบสารสกัดจากแพลงตอน ที่มีชื่อทางการค้าว่า GP4G ที่นำเข้ามาจากอเมริกา ผลการทดสอบในระดับหลอดทดลองของผู้ผลิตวัตถุดิบรายงานว่า วัตถุดิบนี้ช่วยเสริมการสร้างโปตีน Keratin ของผิว ปกป้องผิวจากความเครียด และรังสี UVB กับ Infrared เสริมการสร้างคอลลาเจน และ Fibronectin ในผิว และลดการอักเสบระคายเคือง จึงมีประโยชน์ในการปกป้องผิวจากอันตรายต่างๆในสิ่งแวดล้อม
    • Acetyl hexapeptide-8 มีชื่อทางการค้าว่า Argireline ออกฤทธิ์ผ่านระบบประสาท NMJ ทำให้กล้ามเนื้อที่หดตัวเกิดเป็นริ้วรอยคลายตัว เมื่อทาจะทำให้รู้สึกว่าผิวเรียบตึงขึ้นทันที แต่ผลนี้อยู่ไม่นาน
    • Palmitoyl peptapeptide-4 มีชื่อทางการค้าว่า Matrixyl ออกฤทธิ์กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน อิลาสติน และ Glycosaminoglycan ในผิว และมีโครงสร้างที่คล้ายกับ Precursor ของ Collagen type I ตัวนี้มีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการรองรับ (Int J Cosmet Sci. 2005;27(3):155-60)
  • สีฟ้า คือสารบำรุงอื่นๆ ได้แก่ วิตามินบี 3, Allantoin, Biosaccharide gum 1 และ Sodium hyaluronate ที่มีประโยชน์โดยรวมไปในทางด้านการลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้น

 

โดยสรุป สารบำรุงมีด้วยกันหลายชนิด เสริมประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟู Barrier ผิว รวมไปถึงด้านชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน ควบคุมความมัน และลดการอักเสบระคายเคือง

ในตัวเบส เป็นเบสแบบอิมัลชั่น ประกอบด้วยน้ำและน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และซิลิโคน (ตัว Hydrated silica เป็นวัตถุดิบจากแร่ธาตุ Silica มีประโยชน์ในการเพิ่มเนื้อ เพิ่มความหนืดให้แก่ผลิตภัณฑ์)

 

แต่ สารสีแดง Ethylhexyl stearate ตัวนี้เป็นสารไขมันประเภท Fatty ester ที่ช่วยให้ความรู้สึกลื่นผิว อาจมีความเสี่ยงในการเกิดการอุดตันได้ในบางคน ซึ่งส่วนตัวมี่ใช้มาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ

 

มาให้คะแนนดีกว่า

  1. สารบำรุง ทำมาได้ค่อนข้างดี มีประโยชน์กับผิวหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟู Barrier ผิว รวมไปถึงด้านชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน ควบคุมความมัน และลดการอักเสบระคายเคือง สารหลายๆตัวเคยมีการศึกษาและตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ตัวเบสทำมาได้ค่อนข้างดี มาในเบสแบบอิมัลชั่น ประกอบด้วยน้ำและน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และซิลิโคน ที่สำคัญคือ นางไม่ได้ใช้ Mineral oil โดยเลี่ยงไปใช้ Fatty ester ที่ชื่อ Heptyl undecylenate ตัวนี้เราไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ นางเป็นสารที่มีความบางเบา สามารถลดความเหนอะหนะของออยล์อื่นในสูตรได้ และไม่มีส่วนผสมของพาราเบน หรือสารอื่นที่ไม่เป็นมิตรกับผิว แต่จุดที่ต้องหักคะแนนคือ Ethylhexyl stearate ที่อาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการอุดตันรูขุมขนได้ในบางคน แต่ส่วนตัวมี่ใช้แล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร ให้ไป 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ความชอบส่วนตัวอยู่ที่ตัวเนื้อครีมมีกลิ่นค่อนข้างโดนจริตเราอยู่ในระดับหนึ่ง เนื้อครีมเกลี่ยง่าย บางเบา แต่ด้วยความคุมมันของนาง ทำให้เรารู้สึกว่าตอนช่วงบ่ายๆ บริเวณแก้มจะแห้งนิดหน่อย ส่วน T-zone นั้นยัง Fresh เป็นปกติดี เรื่องการเป็น Primer ที่ทางแบรนด์เคลม ก็ถือว่าทำมาได้ดีค่ะ เพราะคุณสมบัติเรื่องการคุมมันนี่เอง ช่วงที่ใช้เราก็จะรู้สึกสบายผิวดี ส่วนเรื่องริ้วรอย และไวท์เทนนิ่ง มี่ลองใช้มาแค่ราวๆ 3 อาทิตย์ + ผิวมี่ไม่ค่อยมีปัญหาจุดด่างดำ + ริ้วรอยในช่วงนี้เลยขอข้ามตรงนี้ไป แต่ด้วยส่วนผสมที่ใส่มา ถือว่า Target ปัญหาสำหรับ Pre-aging และ Aging skin ได้ค่อนข้างดีค่ะ จัดไป 4 ฟลาสก์

 

คะแนน dypt

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ DYPT ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/Dyptcosmetics.thailand/

Instagram dyptcosmeticsthailand

 

พบกันใหม่โอกาสถัดไป สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ DYPT การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Primer ของ Wet n Wild Coverall Primer base de teint

รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Primer ของ Wet n Wild Coverall Primer base de teint

วันนี้มี่เอารีวิว Primer ตัวใหม่ของ Wet n wild มาฝากกันค่ะ

Primer ตัวใหม่นี้มีชื่อเต็มๆว่า Coverall Primer base de teint ค่ะ

มาดู Spot กันซักนิด

20160405_083521-re

ในส่วนของเนื้อ Primer นั้นเป็นเนื้อครีมสีขาว เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย เรียบเนียน เซ็ตตัวได้ไวค่ะ

เมื่อเซ็ตแล้วจะให้ผลในการอำพรางริ้วรอยเล็กๆ และรูขุมขน ร่องรอยต่างๆได้ค่ะ

primer review 1

ลองทดสอบกับการเกลี่ยรองพื้นนะคะ

primer review 2

จากรูปมันอาจจะไม่ค่อยชัด แต่เวลาลง Primer ตัวนี้แล้วปล่อยให้นางเซ็ตตัวดีๆ เราจะลากรองพื้นได้ง่ายขึ้น ช่วยคุมมัน และช่วยให้รองพื้นติดผิวได้นานขึ้นด้วยค่ะ

ลองกับหนังหน้าจริงๆบ้างค่ะ

primer review 3

มาทั้งทีไม่วิเคราะห์ส่วนผสมคงไม่ได้ มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

สผส

จากส่วนผสมตรงนี้จะเห็นว่าเป็นส่วนประกอบของครีมที่ประกอบด้วยน้ำและซิลิโคนเป็นหลัก มีกลุ่มน้ำมันอยู่เล็กน้อย โดยที่น้ำมันที่ใช้คือ Isododecane ที่เป็นน้ำมันสังเคราะห์ ที่ไม่มีปัญหาเรื่องความเสี่ยงในการอุดตันรูขุมขน

ถ้าพูดถึง Silicone จะเห็นว่าตัวที่มาเป็นหลักเลย จะเป็น Cyclomethicone เป็น Silicone ที่มีน้ำหนักเบา ระเหยได้ จะไม่เกาะติดบนผิว ให้สัมผัสที่บางเบาไม่เหนอะหนะ ส่วน Dimethicone นั้นไม่ระเหย เคลือบอยู่บนผิวค่ะ

หลายๆคนมองว่า Silicone นั้นไม่ดี แต่จริงๆแล้ว Silicone นั้นปลอดภัยนะคะ ไม่แพ้ ไม่อุดตัน ถ้าเราล้างออกให้สะอาด แต่ถ้าไม่สะอาดเมื่อไหร่ มันจะไปสร้างตัวเป็นฟิล์มบนผิวขัดขวางการผลัดผิวและขับน้ำมัน ส่งผลให้เกิดการหมักหมมสิ่งสกปรกขึ้นมา

ทางแบรนด์ Claim เรื่องของอัญมณี Sapphire ซึ่งมี่มองว่า หมายถึง Alumina ซึ่งเจ้า Alumina นี้เป็นสินแร่ชนิดหนึ่ง เกิดได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพลอย ไพลิน ทับทิม พวกนี้จะมีคุณสมบัติเรื่องการหักเหและกระเจิงแสงอยู่ในตัว เลยช่วยอำพรางร่องรอยตื้นๆ และรูขุมขนได้ค่ะ

และสุดท้าย นางไม่ได้มาแบบเบสเปล่าๆ นางยังแถมวิตซี 3-O-Ethyl ascorbic acid ที่ว่ากันว่ามีขนาดเล็ก ออกฤทธิ์ได้ดีมาด้วยอีกตัวนึง

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ เนื่องจากส่วนผสมค่อนข้างน้อยเลยขอยกยอดรวมเป็นคะแนน ส่วนผสม และคะแนนการใช้งานเลยนะคะ
1. ส่วนผสม ไม่มีสารไหนมีพิษมีภัยอะไรกับผิว และมีการใช้ผงพลอยไพลิน เป็นตัวช่วยกระเจิงแสง เสริมวิตซีมาอีกเล็กน้อย ส่วนตัวมี่คิดว่าถ้าหากมีพวก Antioxidant หรือสารบำรุงอะไรเสริมมาอีกหน่อยน่าจะสมบูรณ์ขึ้น เลยขอให้ 4 ฟลาสก์

2. การใช้งาน ตัวนี้ถ้าแต่งครบ จะได้ลุคที่กึ่งแมทท์ ไม่ได้แมทท์มาก ไม่ได้ Dewy มาก แต่กำลังดีค่ะ มีผลคุมความมันได้ดีระหว่างวัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้แห้งเกินไป สำหรับผิวมี่ที่ค่อนข้างแห้ง ถ้าเจอ Primer คุมมันแรงๆ ผิวจะแห้งและเหี่ยว แต่ตัวนี้ไม่เป็น สำหรับบริเวณจมูก ซึ่งค่อนข้างมัน ตอนบ่ายแก่ๆ ยังต้องมาตบแป้งซับอีกรอบ และที่สำคัญคือราคาราคาเป็นมิตรจับต้องได้ค่ะ (25 mL/390 บาท) ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบนะคะ เลยขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางแบรนด์ Wet n Wild ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ Wet n Wild ได้โดยตรงเลยค่ะ

 

https://www.facebook.com/WetnWildThailand

 

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์

[Cosme Diagnosis] Primæcure Mat จาก Cosmetici magistrali

[Cosme Diagnosis] Primæcure Mat จาก Cosmetici magistrali

อากาศร้อนๆแบบนี้ผิวก็เริ่มจะมันๆวาวๆอีกครั้ง วันนี้ก็เลยแวะเอาซีรัมคุมมันจากอิตาลีมารีวิวเล่าสู่กันฟังค่ะ

 

ซีรัมตัวนี้ใช้แทน Primer ได้ด้วยนะคะ

 

ผลิตภัณฑ์วันนี้ก็คือ Primæcure Mat จาก Cosmetici magistrali เวชสำอางจากประเทศอิตาลีค่ะ

 

IMG_0746-re

 

ตัวผลิตภัณฑ์มาในหลอดบีบสีขาว สกรีนลายโลโก้และชื่อผลิตภัณฑ์ เนื้อเป็นเนื้อสีขาวๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ

IMG_0747-re

 

เนื้อจะเกลี่ยค่อนข้างง่าย แห้งและแนบสนิท เรียบเนียนไปกับผิวค่ะ

IMG_0748-re

 

มะกี๊บอกว่าใช้เป็นไพรม์เมอร์ได้ด้วย ก็เลยจะลองเทสต์กับรองพื้นให้ดูนะคะ

IMG_0749-re-horz

 

จะเห็นว่าบริเวณที่ทา Primæcure Mat จะ Mat กว่า สมชื่อเลยค่ะ แล้วก็เกลี่ยรองพื้นได้ดีกว่าด้วย

ลองให้ดูที่สภาวะแสงต่างๆกันนะคะ

IMG_0751-re-horz-2

 

เสียดายที่มี่เป็นคนผิวแห้ง ก็เลยไม่รู้ว่าคนที่ผิวมันมากๆจะคุมได้นานแค่ไหน แต่ผิวมี่ที่จมูกกับคาง Matt ตั้งแต่เช้ายันสี่ทุ่มเลยค่ะ (ใช้คู่กับรองพื้น Illamasqua Skin Base Foundation ค่ะ)

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5 ค่ะ ใกล้เคียงกับผิวเราพอดีเลย

IMG_0761-re

ลองดูส่วนผสมกันบ้างดีกว่าค่ะ

Aqua, Propylene glycol, Ethylhexyl palmitate, Glycerin, Fomes Officinalis extract, Candelilla/Jojoba/Rice bran polyglyceryl-3 esters, Glyceryl stearate, Butylene glycol, Cyclopentasiloxane, Zinc PCA, Biotin, Arctium majus root extract, Carbomer, Sodium stearoyl lactylate, Cetearyl alcohol, Sodium hydroxide, Imidazolidinyl urea, Parfum, Disodium EDTA, Allantoin, Chlorphenesin, Phenoxyethanol, Plankton extract, Phenethyl alcohol, Tilia cordata flower water, Chamomilla recutita extract, Methylisothiazolinone, Sodium benzoate, Potassium sorbate.

มาดูคุณสมบัติของสารแต่ละอย่างกันดีกว่านะคะ

ปกติเครื่องสำอางจะประกอบด้วยส่วนสำคัญๆ อยู่ 3 ส่วนหลักๆ คือ

1.Actives หรือ สารออกฤทธิ์ เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ

2.Base หรือ ส่วนเนื้อของผลิตภัณฑ์ เป็นตัวอุ้มและเก็บสารออกฤทธิ์ไว้

3.Additives หรือ ส่วนของสารเติมแต่ง เป็นตัวเติมแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย เช่น พวกสารกันเสีย พวกน้ำหอม พวกซิลิโคน ตัวเพิ่มความหนืด ฯลฯ

ลองมาไล่ไปทีละตัวเลยดีกว่า

คุณสมบัติสารแต่ละตัวแยกตามหน้าที่

1.Actives ได้แก่

-Fomes officinalis extract คือ สารสกัดจากเห็ดชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติช่วยควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว การทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดในอาสาสมัครซึ่งจัดโดยบริษัทที่ผลิตสารสกัดฯ พบว่าให้ผลกระชับรูขุมขนได้ในทันทีที่ทา และผลที่ได้ดีกว่า Witch hazel กับ Zinc (Technical data sheets: Laboratoires Serobiologiques)

-Zinc PCA สารลูกผสมของ Zinc กับ Pyrollidone carboxylic acid (PCA) ซึ่ง PCA ปกติทำหน้าทีเป็น Natural moisturizing factor ที่อุ้มน้ำให้กับผิว Zinc เป็นแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน และเป็นองค์ประกอบของเอนไซม์บางชนิด สำหรับ Zinc PCA มีรายงานการวิจัยกล่าวว่า Zinc PCA ช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากรังสี UVA ได้ โดยไปลดการสร้าง Activator protein 1 และ MMP-1 ที่มักจะสร้างเวลามีรังสี UV ซึ่งตัว MMP เป็นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนในผิวทำให้เกิดความหย่อนยานและริ้วรอย (Int J Cosmet Sci. 2012; 34(1):23-8.)

-Biotin หนึ่งในวิตามินกลุ่มวิตามินบี ทำหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการสร้างและสลายไขมัน รวมทั้งไขมันในเซลล์ผิว การได้รับ Biotin จึงมีส่วนช่วยให้ผิวหนังมีการสร้างไขผิวหนังอย่างปกติ รักษาความชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้ง ลดริ้วรอย

-Arctium majus root extract สารสกัดจากพืชตระกูลเดียวกับ Burdock อุดมด้วยวิตามินบี 1 6 12 และ E ให้ผลบำรุงผิว ควบคุมการสร้างน้ำมัน มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ช่วยลดการอักเสบ ในฐานข้อมูลงานวิจัยยังไม่พบที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง

-Allantoin สารสำคัญในรากคอมเฟรย์ มีประโยชน์ช่วยลดการแพ้ ลดการระคายเคือง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง มีรายงานการวิจัยสนับสนุนเรื่องคุณสมบัติในการช่วยสมานแผล (Acta Cir Bras. 2010;25(5):460-6.)

-Plankton extract สารสกัดจากแพลงค์ตอน มีหลายสายพันธุ์ แต่ละสายพันธ์ก็แตกต่างกันไป คุณสมบัติรวมๆของสารสกัดแพลงค์ตอน คือเพิ่มความชุ่มชื้นและให้คุณสมบัติสบายผิว (Soothing)

-Tilia cordata flower water น้ำที่ได้จากการคั้นดอกของ Lime tree Linden ผู้ผลิตบอกว่ามีประโยชน์ให้ความชุ่มชื้น Soothing และเป็น Whitening มีฟลาโวนอยด์หลายชนิด และมีแทนนิน ซึ่งเคยมีรายงานว่าสารพฤกษเคมีสองกลุ่มนี้มีฤทธิ์ Anti-oxidant และสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสได้ ไม่พบงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับฤทธิ์ทางชีวภาพ

-Chamomilla recutita extract สารสกัดจาก German Chamomile ปกติใช้เป็น Anti-inflammatory, สารลดการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว

2.Base ก็จะมีส่วนของน้ำกับน้ำมัน ได้แก่

2.1 ส่วนของน้ำ ได้แก่ น้ำ, Propylene glycol, Glycerin, Butylene glycol

2.2 ส่วนของน้ำมัน ได้แก่ Ethylhexyl palmitate, Cetearyl alcohol, Glyceryl stearate น่าเสียดายที่ Ethylhexyl palmitate อาจจะอุดตันรูขุมขนได้ในบางคน

3.Additives ได้แก่

3.1Silicone มี Cyclopentasiloxane เป็นซิลิโคนที่ระเหยได้ ไม่เหนอะหนะ ให้ความรู้สึกที่ดีตอนทา และแห้งสบายผิว

3.2Emulsifier เป็นสารที่ช่วยผสานน้ำให้เข้ากับน้ำมัน ได้แก่ Candelilla/Jojoba/Rice bran polyglyceryl-3 esters ที่ค่อนข้างอ่อนโยน และเป็นธรรมชาติ กับ Sodium stearoyl lactylates ก็เป็นตัวที่อ่อนโยน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้เช่นกัน

3.3สารเพิ่มความหนืด ได้แก่ Carbomer

3.4สารปรับ pH ได้แก่ Sodium hydroxide ถึงจะเห็นสารตัวนี้ เราจะบอกว่ามันไม่ดี ก็คงไม่ถูก เพราะเค้าใส่มาแค่ปรับ pH ให้เหมาะสม (จากที่ลองวัดดูจะเห็นว่าเท่ากับ 5) ไม่ได้ใช้ในความเข้มข้นที่เยอะมากจนจะเป็นอันตรายได้แบบที่หลายๆคนเข้าใจ ในหลายๆครั้งเลยความระคายเคืองของสารขึ้นอยู่กับความเข้มข้นด้วย

3.5Perservatives ได้แก่ สารกันเสีย Imidazolidinyl urea, Chlorphenesin, Phenoxyethanol, Phenethyl alcohol, Methylisothiazolinone, Sodium benzoate, Potassium sorbate และสารจับโลหะ EDTA

3.6สารแต่งกลิ่น/Parfum

ถึงเวลาให้คะแนน

1. Actives จะเห็นว่าสารออกฤทธิ์เน้นไปที่สารควบคุมความมัน แต่ก็ไม่ได้คุมมันอะไรจนมากเกินไป ก็มีสารออกฤทธิ์อื่นๆมาช่วยเสริมความแข็งแรงของ Barrier ผิว ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ช่วยเรื่องกระชับรูขุมขน ลดการอักเสบในผิว และยังให้ความรู้สึกสบายผิวด้วย โดยรวมถือว่ามีประโยชน์หลายๆอย่าง ไม่ใช่แค่คุมมันเฉยๆ จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

2. Base มาในรูปแบบของ Emulsion ซึ่ง Emulsion ที่ดีควรจะมีสารที่คอยดึงน้ำให้ผิว สารไขมันเคลือบผิว และสารไขมันจากธรรมชาติ ในส่วนผสมชุดนี้ มีสารดึงน้ำให้ผิวอยู่ 3 ตัว ไม่มีส่วนผสมของ Alcohol ที่เรามักจะเจอในกลุ่มเครื่องสำอางคุมมัน กระชับรูขุมขน ในส่วนของสารไขมัน Ethylhexyl palmitate กับ Glyceryl stearate จัดเป็นสารไขมันชนิดที่ดูดซึมได้ บ้าง เคลือบผิวได้บ้าง ก็ก้ำกึ่งกันไป แต่มีข้อน่าเสียดายคือ Ethylhexyl palmitate อาจจะอุดตันรูขุมขนได้ในบางคน แต่การตอบสนองของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป บางคนอาจจะไม่อุดตันก็ได้ ส่วนตัวมี่ใช้แล้วก็ไม่ได้มีสิวผุดหรือเห่อขึ้นมาแต่อย่างใด จุดนี้จึงขอให้ 4 ฟลาสก์

3. Additives ดูเหมือนว่าจะใส่สารกันเสียมาเยอะมาก แต่ส่วนผสมส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผิว ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร และโดยเฉพาะตัว Emulsifier ที่ค่อนข้างจะอ่อนโยนกับผิว แม้ว่าจะมีน้ำหอม แต่ก็ไม่เคยหักคะแนนน้ำหอมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วไปที่ไม่ได้ใช้กับรอบดวงตามาก่อน จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

4. การใช้งาน ส่วนตัวคิดว่าทาแล้วผิวดูเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยหาย รูขุมขนพร่องลง แต่งหน้าได้เรียบเนียนขึ้น ไม่เป็นคราบ รองพื้นยังสดเหมือนตอนแต่งใหม่ๆ ไม่ดรอประหว่างวัน และไม่ได้คุมมันมากเกินทำให้ผิวแห้งมากจนเกินไป จุดนี้จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน Primaecure

 

 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางบริษัทไอเมดิกา ด้วยค่ะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้

รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามที่ทางเพจ เลยนะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบค่ะ

 

http://www.imedicaskincare.com/