Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมกันแดดเนื้อบางเบา Fresh Hydrolotion จาก the Labatorian สูตร Broad spectrum SPF50+ PA++++

สำหรับ Blog นี้ เราจะมาวิเคราะห์ส่วนผสม ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดน้องใหม่ล่าสุดจากครอบครัว the Labatorian กัน

โดยน้องคนสุดท้องนี้มีชื่อว่า Fresh ซึ่งเป็นกันแดดที่ออกแบบมาสำหรับคนที่มีผิวเป็นสิวง่าย รวมถึงผิวบอบบางและคนผิวมัน ในธีม กันแดดรีเฟรชผิว

มาในหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ตัวหลอดเป็นหลอดบีบ ฝาหลอดออกแบบมาให้สามารถตั้งวางบนโต๊ะเครื่องแป้งได้พอดี

เนื้อของน้อง Fresh จะออกมาเป็นกันแดดสีขาว ด้วยส่วนผสมของ Physical sunscreen ในสูตร และทางแบรนด์ไม่ได้ใส่น้ำหอมเลยจะได้กลิ่นตามธรรมชาติของส่วนผสมอยู่จางๆ

ฟีลตอนเกลี่ยจะไม่ได้ลื่นปรี๊ด แต่จะให้ความรู้สึกมีน้ำมีเนื้อมากขึ้น และพอทิ้งไว้สักครู่จะแห้งไป ไม่เหลือความเหนอะหนะใดๆ

ถ่ายเนื้อกันแดดด้วยแสงแฟลช ดูเหมือนจะเงาวาว แต่ก็ไม่ได้เหนอะหนะ

บางคนอาจจะกังวลว่าน้องมีส่วนผสมของ Titanium dioxide จะทิ้งคราบขาว หน้าเป็นปื้น หน้าเทาไหม สูตรนี้หลังจากที่ได้ลองแล้วไม่เทา ไม่มีคราบขาวค่ะ

พร้อมกันนี้ทางแบรนด์ได้พัฒนาสูตรมาด้วยความเอาใจใส่ด้วยค่ะ

  • มั่นใจ 1 ด้วยผลการทดสอบแบบ in vitro SPF 50+ PA++++
  • มั่นใจ 2 เพราะผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังว่าไม่ก่อการระคายเคือง
  • มั่นใจ 3 เป็นมิตรกับผิวบอบบางแพ้ง่าย และผิวที่เป็นสิวง่าย ไม่รบกวนผิวที่เป็นสิว
  • มั่นใจ 4 ผลิตโดยโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน ASEAN GMP, ISO 9001:2005 และ ISO 22716:2007

ก่อนไปดูส่วนผสม ขอเล่าถึงเรื่องของรังสี UV สักเล็กน้อย

ว่าด้วยรังสี UV นั้นก็เป็นรังสีหนึ่งจากแสงแดดที่มีความสำคัญในการทำร้ายทำลายผิว และก่อผลเสียหลายๆ อย่าง ตั้งแต่แค่ผิวคล้ำไปจนถึงมะเร็งผิวหนัง

รังสี UV อยู่ในช่วงความยาวคลื่น 200 – 400 nm แบ่งออกได้เป็น 3 คลื่นความถี่หลักๆ ได้แก่

  • UVC ช่วง 200 – 290 nm
  • UVB ช่วง 290 – 320 nm
  • UVA ช่วง 320 – 400 nm

โดย UVC นั้นถูกกรองด้วยชั้นโอโซนไป เลยไม่ได้มีการพูดถึงในวงการความงามเท่าไหร่ ส่วนที่ลงมาบนผิวโลกและกระทบกับเราก็จะเป็น UVA และ UVB

     UVB จะกระทบกับบริเวณหนังกำพร้า และบริเวณที่สร้างเม็ดสี หลักๆ ก็จะทำให้ผิวคล้ำขึ้น แต่ก็สามารถปลดปล่อยอนุมูลอิสระออกมาทำลายผิว และอาจก่อมะเร็งผิวหนังได้ด้วย

     ส่วน UVA นั้นจะลงไปที่ชั้นหนังแท้ ไปทำลายพวกคอลลาเจน และเส้นใยและสารอื่นในกลุ่ม  Extracellular matrix (ECM) ทำให้เกิดพวกริ้วรอยต่างๆ ตามมา

แต่ที่น่ากลัว คือ ทั้ง UVA และ UVB นั้นสามารถก่อให้เกิดมะเร็งผ่านการกลายพันธ์ที่ระดับของ DNA ได้ และกดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppression) ได้เหมือนๆ กัน (Kappes et al., J Invest Dermatol. 2006;126(3):667-675) สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะ A จะ B ก็น่ากลัวทั้งคู่แหละ กันไว้เป็นดีที่สุด

มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ

เนื่องจากน้องเป็นกันแดด เลยจะขอเริ่มที่สารกันแดดก่อนเลยนะคะ

สารกันแดดแทนด้วยสีเขียวอ่อน

  • Ethylhexyl methoxycinnamate หรือ รู้จักกันในชื่อย่อ OMC น้องเด่นเรื่องกรอง UVB
  • Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine หรือ BEMT รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า Tinosorb S กรองได้ทั้ง UVA และ UVB โดยมีจุดที่ดูดกลืนแสงสูงสุด (Peak absorption) อยู่ 2 จุด ที่ 310 nm (UVB) และ 345 nm (UVA) เมื่อใช้ร่วมกับการแดดตัวอื่น เช่น Ethylhexyl triazone จะเสริมประสิทธิภาพกันให้ดียิ่งขึ้น
  • Ethylhexyl triazone หรือ Uvinul T 150 เด่นในการกรอง UVB และเสริมประสิทธิภาพให้สารกันแดดอื่นๆ ในสูตร
  • Physical sunscreen 2 ตัว ได้แก่ Titanium dioxide และ Zinc oxide ซึ่งออกฤทธิ์สะท้อน กระเจิงรังสี UV ออกไปหมดทั้ง UVB UVA แม้จะมีข้อมูลออกมาหลังๆ บ้าง ว่า Titanium dioxide และ Zinc oxide นางก็ออกฤทธิ์ผ่านการดูดซับรังสีนะ และมีข้อมูลว่า Titanium dioxide จะเด่นในช่วง UVB และ Zinc oxide จะเด่นในช่วง UVA

สรุปได้ว่า น้องเป็นกันแดดที่ Broad spectrum กันได้หมดจดทั้ง UVB UVA

ถัดมาจะเป็นส่วนของสารบำรุง และสารอื่นที่มีประโยชน์ในการดูแลผิว

เริ่มที่สารกรองรังสี High-energy visible (HEV) blue light ในสูตรนี้ คือ Melanin มาภายใต้ชื่อทางการค้าว่า Liposheild® HEV melanin น้องเป็นนวัตกรรมสิทธิบัตรที่ปรับโครงสร้างของ Melanin ซึ่งเป็นสารปกป้องผิว กรอง HEV blue light ตามธรรมชาติของเรา ให้อยู่ในรูปแบบ Fractionated แล้วกรองแสงสีน้ำเงินได้ดีขึ้น โดยช่วงการดูดกลืนรังสีอยู่ที่ 400 – 500 nm

ทางผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า วัตถุดิบ Liposheild® HEV melanin นี้สามารถกรอง HEV light ได้ดีกว่า Melanin แบบธรรมชาติ โดยอาศัยการจัดเรียงโครงสร้างแบบพิเศษตามสิทธิบัตรของเขา

(Image from Vantage group)

ซึ่งแสงสีน้ำเงินนั้นสามารถกระตุ้น/เหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิว แล้วนำไปสู่ริ้วรอย สีผิวผิดปกติได้คล้ายๆ กับ UV

  • สารที่ให้ประโยชน์ในการควบคุมความมันของผิว ได้แก่ Polymethyl Methacrylate และ Silica ซึ่งสามารถดูดซับน้ำมันจากผิวได้
  • สารที่ดูแลสิว ในที่นี้คือ Chamaecyparis Obtusa Leaf Extract คือ สารสกัดจากใบสน Hinoki ซึ่งเด่นในแง่ของการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน และยังพอมีงานวิจัยกล่าวว่า สารสกัดจากใบนี้ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีในกลุ่ม Flavonoid, polyphenol ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และ ยับยั้งการสร้างเอนไซม์ MMP เมื่อสัมผัสรังสี UV ในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง พร้อมให้คุณสมบัติเสริมการสร้างคอลลาเจน และเอนไซม์ Superoxide dismutase ที่เป็น Antioxidant enzyme ตามธรรมชาติของผิว (Jang et al., Medicina (Kaunas). 2023;59(4):755.)
  • กลุ่มที่ให้คุณสมบัติดูแลเรื่องการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) แทนด้วยสีชมพู
    • วิตามินบี 3 จริงๆ น้องก็ให้ประโยชน์หลายอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่อง Soothing แต่ยังได้ประโยชน์ในด้านของ Whitening, ควบคุมความมัน พร้อมดูแลปัญหาสิวไปได้อีก 1 กรุบ
    • สารสกัดจากคาโมมายล์ และ Dipotassium glycyrrhizate ก็เด่นในแง่ของการดูแลเรื่องของการระคายเคืองผิว
  • เสริม Barrier ผิว ด้วย Ceramide NP ที่เป็นเซราไมด์ที่พบได้มากที่สุดในผิว
  • เติมน้ำด้วย Arginine ที่เป็นกรดอะมิโน และ Sodium hyaluronate
  • ตัดจบด้วย Tocopheryl acetate ที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินอีที่เป็น Antioxidant ที่ละลายได้ในไขมัน ปกป้องชั้นไขมันของผิวจากอนุมูลอิสระ

ส่วนของเบสทำมาในรูปแบบของอิมัลชั่นที่ไม่ได้หนักมาก รวมถึงสารที่ใช้ก็ค่อนข้างเป็นมิตร และไม่อุดตันผิว

ให้คะแนน

  1. สารกันแดด/สารบำรุง โดยสรุป กันแดดหลอดนี้เป็นแบบ Physical + Chemical ที่กันได้ครบทั้ง UVA UVB (Broad spectrum) ด้วยการเบลนด์กันของสารกันแดดหลายชนิดที่มีความเสถียร เสริมมาด้วย Liposheild® HEV melanin ที่ปกป้องผิวจาก HEV blue light อีก 1 ขั้นตอน ในด้านของสารบำรุงอื่นๆ ทางแบรนด์พยายามพัฒนาสูตรมาให้เป็นมิตรกับคนที่มีปัญหาผิวมัน เป็นสิวง่าย มีทั้งตัวคุมมัน ดูแลสิว และให้ความรู้สึกสบายผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ในส่วนของเบสนั้น เรียกได้ว่าพัฒนามาให้ตอบโจทย์ และเอาใจคนผิวมันที่มี pain point กับกันแดดกันน้ำที่ล้างออกยาก แล้วอาจจะล้างไม่สะอาดหรืออย่างใด จนนำไปสู่สิวอุดตัน สิวซ้ำซาก โดยพัฒนาสูตรไม่กันน้ำออกมา ให้เหมาะกับ Everyday use และส่วนผสมอื่นๆ นั้น ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ไม่มีจุดให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ เอาจริง คือ ตัวเองเป็นคนผิวผสม/แห้ง ยอมรับเลยว่าน้องเป็นกันแดดที่แห้ง แต่ก็ไม่ได้แห้งจนแบบตึง หรือทรมาณ ถ้าเราปูมอยส์ไว้ดี ตัวกันแดดให้อารมณ์เป็นความแห้ง แบบยังให้ฟีลลิ่งที่ยังดีกับผิว ระหว่างวันฟีลลิ่งก็ยังดี สบายผิวไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนเรื่องการคุมมันส่วนตัวยังตอบไม่ได้ เพราะว่าไม่ค่อยเจอปัญหาหน้ามันระหว่างวัน อันนี้คิดว่าตอบโจทย์กันแดดรีเฟรชผิวเพื่อคนผิวมัน แต่คนผิวแห้งก็ใช้ได้อยู่ (ที่แปลว่าใช้ได้) รับไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ the Labatorian ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาให้ได้เปิดหูเปิดตา และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

IG : the_labatorian

Line official : @labatorian

Facebook : https://www.facebook.com/thelabatorian

ทางไปช้อปปิ้ง

แอพส้ม https://shope.ee/9exmZojVdy

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.LogPH?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ the Labatorian การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

Basic CosSci: สีผิว และ การสร้างเม็ดสีผิวเบื้องต้น (Melanogenesis) (revised 2023)

เนื้อหา: วิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง, Dermatology ระดับความยาก: ปานกลาง

ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Whitening นี้เรียกได้ว่าติดกระแสตลาดในบ้านเราและในกลุ่มประเทศทางเอเชียมาก เพราะผู้บริโภคบ้านเรานั้นคิดว่าปัญหาเรื่องสีผิวมีความสำคัญสุดในทาง Skincare ทำให้มีผลิตภัณฑ์ Whitening ออกมากมายในตลาด และแนวโน้มของ Whitening นั้นจะสลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ และมีการออกฤทธิ์ที่พิสดารพันลึกขึ้นเรื่อยๆ

แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้เลย คือ “Whitening ไม่สามารถเปลี่ยนสีผิวให้แตกต่างไปจากสีผิวที่เรามีตอนเกิดมาได้” หรือ พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราใช้ Whitening นางก็จะออกฤทธิ์ได้ Maximum สุดได้เท่ากับบริเวณที่ขาวที่สุดของเราเท่านั้น

แต่ช่วงหลังๆ มานี้ เริ่มมีดราม่าเกี่ยวกับเรื่องของการเหยียดสีผิว เหยียดเชื้อชาติ เลยทำให้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Whitening ในหลายๆ แห่ง ต้องปรับตัวหนักมาก ซึ่งจุดนี้เราก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ตลาดกลุ่มนี้จะไปต่ออย่างไร

ก่อนจะไปดูเรื่องการสร้างเม็ดสีผิว อยากขอพูดถึงเรื่องของ Skin complexion ก่อนค่ะ 

Skin complexion เป็นคำโบราณ ที่มีใช้กันมานานแล้ว เพียงแต่เริ่มมาป๊อปในช่วงหลังๆนี้เอง คำนี้จริงๆ ส่วนตัวมองว่าแปลค่อนข้างยากนะคะ โดยรวมมันจะหมายถึง ลักษณะต่างๆโดยรวมที่ปรากฏออกมาให้เรามองเห็น ไม่ว่าจะเป็นสีผิว ความสม่ำเสมอของสีผิว undertone ความอมชมพู ตำหนิ และจุดด่างดำต่างๆ รวมกัน และบางที่ก็นับรวมเอาริ้วรอยเข้าไปด้วยค่ะ

สำหรับสีผิวที่เรามองเห็นนั้นเกิดจากสีของสารต่างๆ หลายชนิดรวมกัน ได้แก่

  1. Melanin เป็นเม็ดสีที่เป็นเหมือนพระเอก มีสีน้ำตาล ไปจนถึงดำ
  2. Oxyhemoglobin เป็น Pigment ที่อยู่กับเม็ดเลือดแดงในเส้นเลือดฝอย มีสีแดง
  3. Deoxy-hemoglobin เป็น Pigment ที่อยู่ในหลอดเลือดดำ มีสีน้ำเงิน
  4. Bilirubin เกิดจากเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ มีสีเหลืองไปจนถึงน้ำตาล
  5. Carotenoid ได้จากอาหารที่เรารับประทาน มีสีเหลืองอมส้ม

ผิวที่มีสุขภาพดีมักจะมี Complexion เป็นสีพีช หรือ สีชมพู ส่วนผิวที่เริ่มมีการ Aging (ไม่แปลนะคะ คำแปลมันทำร้ายจิตใจเหลือเกิน) มักจะมีสี Complexion เป็นสีเทา

เม็ดสี Carotenoid ที่ได้จากอาหารนั้นสามารถสะสมที่ผิวได้ สามารถทำหน้าที่เป็นสารปกป้องผิวจากรังสี UV ในแสงแดด จึงมีผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอาจุดนี้มา Claim เป็นอาหารเสริมที่กินแล้วกันแดดได้ และดังอยู่ในตลาดพักใหญ่ๆ เลย

คนที่ชอบทานผักผลไม้สีเหลืองเขียวมากๆ เช่น ฟักทอง แครอท ผิวของคนพวกนี้ก็จะออกเหลือง การสะสมของ Carotenoid บนผิวนั้นไม่ได้มีอันตรายอะไร และจะค่อยๆ จางไปเมื่อเราลดการทานผักผลไม้เหล่านี้ลง

การสร้าง Melanin ของชั้นหนังกำพร้า

Melanin นั้นจัดเป็นเม็ดสีที่สำคัญที่สุด มีประโยชน์หลายๆ ด้าน เช่น เป็นตัวปกป้องผิวหนังไม่ให้ได้รับอัตรายจากรังสี UV โดยเป็นตัว Antioxidant ช่วยลดผลเสียของรังสี UV ต่อผิว ปกป้ององค์ประกอบต่างๆ ผิวไว้ไม่ให้โดนทำลายเพราะรังสี UV ซึ่งจุดนี้สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังได้

โดยการสร้าง Melanin ในผิวนั้นเกิดจากกรดอะมิโนที่ชื่อ ไทโรซีน (Tyrosine) ผ่านการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ปฏิกิริยาการสร้างเมลานินมีด้วยกันหลายขั้นตอน จนในที่สุดจะได้เมลานินออกมา เมลานินที่ผิวสร้างมี 2 ชนิด คือ ชนิดสีอ่อน (Pheomelanin) และชนิดสีเข้ม (Eumelanin) สัดส่วนของเมลานินทั้งสองชนิด ร่วมกับ Pigment อื่นๆ จะเกิดเป็น Complexion ของสีผิวแต่ละคนขึ้นมา

ตัวที่กำหนดว่าเมลานินที่สร้างได้จะเป็นชนิดสีอ่อนหรือชนิดสีเข้มนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของกรดอะมิโน Cysteine ในผิว ถ้ามี Cysteine มาก ก็จะเกิดเป็นเมลานินสีอ่อนมากขึ้น ดังรูป

ดังนั้นการได้รับ Cysteine หรือ Glutathione ซึ่งมี Cysteine เป็นองค์ประกอบก็จะช่วยให้สีผิวอ่อนลงได้ เพราะผิวเอาไปสร้างเมลานินชนิดสีอ่อนมากขึ้นนั่นเอง

ตรงนี้ตอบโจทย์ว่าทำไม Glutathione ทำให้ผิวขาวได้

เมลานินที่เซลล์สร้างได้จะเก็บรวมๆ กันไว้ในถุงที่ชื่อ Melanosome ก่อนเคลื่อนย้ายออกมาภายนอกและมองเห็นเป็นสีผิว กลไกที่ถุง Melanosome นี้ออกมาข้างนอกเรียกว่า Melanin transfer หรือ Melanosome transfer กระบวนการที่แท้จริงนั้นนักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าเกี่ยวข้องกับเอนไซม์ Protease บางชนิด เช่น PAR-2 receptor เพราะว่ากลไกนี้สามารถยับยั้งได้ด้วยสารที่ยับยั้งเอนไซม์ Protease (Protease inhibitor) ที่พบในถั่วเหลือง (ถั่วเหลืองดิบปกติมีเอนไซม์ที่เป็นตัวยับยั้งเอนไซม์ย่อยโปรตีนอยู่ โปรตีนก็จะไม่โดนย่อย เวลาเรากินถั่วเหลืองที่ไม่สุกดีในปริมาณมากๆ จะปวดมวนท้องเพราะโปรตีนไม่โดยย่อย)

กระบวนการสร้างเมลานินถูกควบคุมโดยปัจจัยมากมาย เช่น ฮอร์โมน ความเครียด อนุมูลอิสระ การอักเสบ และรังสี UV เป็นต้น

สำหรับฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่สำคัญต่อการสร้างเมลานินก็คือ alpha-MSH (Melanocyte stimulating hormone) เป็นฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นให้เซลล์ Melanocyte ทำงานได้ดีขึ้น จึงสร้างเมลานินออกมาได้มากขึ้น

ความเครียดและอนุมูลอิสระก็เป็นอีกสาเหตุหนีงที่กระตุ้นให้เกิดการสร้าง Melanin ออกมามากขึ้น โดยเป็นกลไกในการปกป้องตัวเองของผิว เพราะ Melanin สามารถไปกำจัดอนุมูลอิสระเหล่านี้ได้ บ่อยครั้งที่สารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxidant สามารถให้ผลเป็น Whitening ได้อย่างอ้อมๆ

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การสร้างเมลานินเกิดได้มากขึ้นก็คือการอักเสบ เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นในผิวหนัง เช่น จากสิว หรือจากบาดแผล ก็จะไปกระตุ้นให้เซลล์ Melanocyte บริเวณที่อักเสบทำงานหนักขึ้นเกิดการสร้างเม็ดสีออกมามากขึ้น จนในที่สุดบริเวณที่อักเสบนั้นก็มีสีเข้มขึ้นเห็นเป็นรอยดำจากสิว หรือรอยดำบนแผลเป็นนั่นเอง

สำหรับรังสี UV นั้นเมื่อเราออกแดด รังสี UV ในแสงแดดออกฤทธิ์ได้ 2 อย่าง อย่างแรกเป็นผลฉับพลันเกิดโดยรังสี UVA ไป Oxidise Melanin ให้มีสีเข้มขึ้นซึ่งผลนี้จะเกิดไวมาก และคงอยู่ประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง อีกอย่าง คือ รังสี UV ทั้งสองชนิดเป็นตัวกระตุ้นให้มีการสร้างฮอร์โมน alpha-MSH ออกมามากขึ้น ส่งผลให้เมลานินถูกสร้างออกมามากขึ้น ผลนี้ใช้เวลา 2 – 3 วันและคงอยู่ได้ถึง 2 สัปดาห์ นอกจากนี้รังสี UV ยังไปทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่ไปกระตุ้นเซลล์ Melanocyte ต่อ จึงควรทากันแดดเพื่อปกป้องไม่ให้รังสี UV เข้าสู่ผิวมากเกินไป

ถ้าเราสรุปกลไกการสร้างเม็ดสีของผิว ก็พอจะสรุปได้ตามรูปค่ะ

Disclaimer: non-sponsored, education content