Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเซรั่มดูแลปัญหาริ้วรอย Ultimate Anti-Wrinkle and Brightening Booster Serum สูตรไม่มี retinol ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Baobab callus culture lysate

ทางเพจเคยนำเสนอรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมมอยส์เจอไรเซอร์ Youth-Full จากแบรนด์ LaLaaCram ไปเมื่อช่วงก่อน ตามลิงค์นี้นะคะ

>>Click<<

วันนี้ขอหยิบเอาผลิตภัณฑ์น้องใหม่ของแบรนด์ ที่ได้ไปซุ่มเงียบทดลองใช้มาเดือนเศษๆ น้องเป็นเซรั่มที่ออกแบบมาเพื่อดูแลริ้วรอยและชะลอวัย โดยเลือกใช้ส่วนผสมได้อย่างลงตัว

น้องมีชื่อว่า Ultimate Anti-Wrinkle and Brightening Booster Serum 

มาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มีความน่าสนใจในการเลือกใช้ส่วนผสม และทางแบรนด์ก็ได้นำเอาไปทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครมาด้วย โดยทำการทดสอบในอาสาสมัครอายุ 40 – 60 ปี จำนวน 33 คน โดยสถาบัน DermScan ASIA ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำ

ผลพบว่า

  • 88% ของผู้ใช้รู้สึกว่าผิวดูกระจ่างใสขึ้นใน 7 วัน
  • 96% ของผู้ใช้รู้สึกว่าริ้วรอยแลดูจางลงใน 14 วัน
  • การประเมินด้วยเครื่องมือ Primos พบว่า 100% ของอาสาสมัครมีริ้วรอยร่องลึกจางลงอย่างเห็นได้ชัดเจนใน 28 วัน

ก็คือ ถือว่าน่าสนใจมาก

เนื้อเซรั่มเป็นเนื้อน้ำนม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยง่าย บางเบา แค่ยังชุ่มชื้นผิวอยู่ ให้ความรู้สึกเย็นและสบายผิว

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในภาพรวมคือเป็นเซรั่มชะลอวัยตัวตึงที่อัดส่วนผสมมาเยอะมาก เพื่อดูแลปัญหาที่เกิดจากอายุ มีการเลือกใช้กรดอะมิโนหลากหลายชนิด ซึ่งทำหน้าที่เป็น NMF (Natural moisturizing factor) จับน้ำให้ผิว โดยเวลาเราอายุเพิ่มขึ้น สัดส่วนของ NMF ก็จะเปลี่ยนแปลงไป ถ้ามีการเติม NMF ลงไป ก็น่าจะได้ประโยชน์เรื่องผิวชุ่มชื้นและแข็งแรงได้อีกทาง นอกจากนี้ผิวอาจหยิบเอากรดอะมิโนไปใช้ได้ตามความต้องการ

ในส่วนของการเติมน้ำ นอกจาก NMF แล้ว ยังเสริมมาด้วย Hyaluronic acid และอนุพันธ์หลากหลายฟอร์ม มากันทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ ตัวเคลือบ ตัวเกาะ เพื่อเสริมกระบวนการเก็บน้ำให้ผิว

แล้วช่วยฟื้นฟู Barrier ด้วย Ceramides complex ที่เบลนด์ Ceramides หลากหลายชนิดเข้ารวมกับ Cholesterol + Phytosphingosine

พร้อม Soothing แบบฉ่ำๆ ด้วย Cica + Bisabolol + Panthenol + Dipotassium glycyrrhizate

มาถึงกลุ่มของสารที่ดูแลปัญหา Aging

มาถึงกลุ่มของสารที่ดูแลปัญหา Aging

  • Adansonia digitata callus culture lysate (2%) ตัวนี้น่าสนใจมาก มาในชื่อ BaoliftTM จาก Vyrtus biotech ที่กลไกการออกฤทธิ์ที่น่าสนใจ ภายใต้คอนเซปท์ Fit-Skin concept โดยไปออกฤทธิ์ผ่าน Exerkines เหมือนเราไปออกกำลังมา แล้วผิวดี กวาดรางวัลมามากมายจากหลากหลายงานแฟร์ทางด้านเครื่องสำอาง

โดยนวัตกรรมนี้พูดถึงเรื่อง “Skin-Fascia-Muscle axis” ซึ่งปกติเวลาเราออกกำลังจะมีพวกสาร Exerkines ที่ให้ประโยชน์กับผิวหลายๆ ทาง โดยเฉพาะเรื่องความกระชับของผิว

     ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการพูดถึง extracellular ATP หรือ eATP ที่เวลาออกกำลังกาย นางจะออกมาแล้วไปมีผลต่อหลายๆ กลไก ทั้งการปลดปล่อยสารสื่อประสาท ฮอร์โมน รวมไปถึงการสื่อสารระหว่างชั้นหนังกำพร้ากับ Fibroblast และมีประโยชน์ในการกระตุ้นเส้นใย extracellular matrix ให้กระชับ

     นอกจากนี้เวลาออกกำลังกายจะมีการปลดปล่อย mitochondria derived peptides หรือ MOTS-C ที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ในขณะเดียวกันจะมีประโยชน์กับผิวโดยไปเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น

     ผลเทสต์ในอาสาสมัครพบว่า ผิวมีความกระชับขึ้น และมีริ้วรอยลดเลือนลง

  • Bakuchiol ที่ความเข้มข้น 1% สารนี้จัดเป็นสารในกลุ่ม meroterpene พบได้ในพืช เช่น Psoralea corylifolia มีรายงานถึงความสามารถในการออกฤทธิ์คล้ายวิตามินเอ (Int J Cosmet Sci. 2014 Jun;36(3):221-30.) มีการทดสอบชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจ ทดสอบในกลุ่มอาสาสมัครที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย โดยให้ทา Bakuchiol 1% วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าให้ประโยชน์ในการดูแลปัญหาด้าน aging ได้ดี โดยไม่พบอาการระคายเคือง (J Drugs Dermatol. 2020;19(12):1181-1183.) มีอีกชิ้นที่น่าสนใจ อยากเล่า เป็นงานตีพิมพ์เมื่อปี 2019 เปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Bakuchiol 0.5% ทาวันละ 2 ครั้ง และ Retinol 0.5% ทาวันละครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า ให้ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน แต่พบว่ากลุ่มที่ทา Retinol มีความรู้สึกว่าผิวแห้ง และพบการระคายเคืองได้มากกว่า (Br J Dermatol. 2019;180(2):289-296.)
  • Double peptide complex ที่เบลนด์ Acetyl hexapeptide-8 ที่ให้ผลคลายริ้วรอยชั่วคราว ร่วมกับ Palmitoyl pentapeptide-4 ที่เสริมสร้างการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยใน dermis ให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ไม่หย่อนคล้อย เมื่อใช้ร่วมกัน ในทางทฤษฎีก็จะช่วยคลายริ้วรอยชั่วคราวในระยะสั้น และค่อยๆ ซัพพอร์ตการสร้างเส้นใยออกมาในระยะยาว
  • เสริม Niacinamide อีก 5% ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ NADH, NADPH ที่ใช้ทำหน้าที่หลายอย่าง จึงให้ประโยชน์ในเชิงการชะลอวัย ดูแลปัญหาริ้วรอย พร้อมๆ ไปกับการดูแลเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอ ความแข็งแรงของชั้นผิว ดูแลและลดการระคายเคือง

พัฒนามาในเบสที่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนเซรั่มกัน

  1. สารบำรุง เซรั่มตัวนี้มาในส่วนผสมนวัตกรรมอย่าง Baolift ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกฤทธิ์ผ่าน Skin-Fascia-Muscle axis ที่คิดว่าค่อนข้างใหม่ คือ ทำให้ผิวกระชับ ให้ประโยชน์คล้ายกับการออกกำลังกาย เสริมมาด้วย Bakuchiol เปปไทด์ เพื่อดูแลปัญหาริ้วรอยได้อย่างลงตัว มาพร้อมสารบำรุงอื่นๆ ที่ให้ประโยชน์ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีผิวไม่สม่ำเสมอ การระคายเคือง ความชุ่มชื้นของผิว และผิวแข็งแรง ครบทุกปัญหาที่เรามักพบเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ตัวเซรั่มมาในเนื้อที่บางเบาไม่หนักมาก เลเยอร์ลงรูทีนง่าย ในด้านของความชุ่มชื้น สำหรับคนผิวผสม-แห้ง อาจจะต้องมีครีมมาทับอีกชั้น ในด้านของการใช้งานส่วนตัวมองว่าเซรั่มนี้ทำมาได้ค่อนข้างดี ผิวนุ่มเนียนขึ้น และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการใช้เซรั่มที่ไม่มีเรตินอยด์ ให้ไป 5 ฟลาสก์

และอยากบอกว่า ถ้าใช้เซรั่มกับครีมคู่กัน จะยิ่งเริ่ดขึ้นไปอีกนะคะ

ทาเซรั่มก่อน แล้วทาครีมทับเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ LaLaaCram ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/lalaacramthailand

ทางไปช้อปปิ้งเซรั่ม

Shopee https://s.shopee.co.th/4q6ei5FVof

Lazada https://s.lazada.co.th/s.ABOBo?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เปี่ยมไปด้วยความรัก LaLaaCram Youth-Full advanced renewal serum + moisturizer

สวัสดีค่ะทุกท่าน

วันนี้มีรีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสม Skincare น้องใหม่จากแบรนด์ LaLaaCram (ลา-ลา-แคลม) มาฝากกันค่ะ

แบรนด์ LaLaaCram เป็นแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาโดยอิงจากประโยชน์ที่ยั่งยืนและความสุขที่ผู้บริโภคจะได้รับจากการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของแบรนด์อย่าง Youth-Full Advanced Skin Renewal Serum + Moisturizer นั้นพัฒนามาในรูปแบบของ 2 in 1 serum + moisturizer เพื่อลดขั้นตอนในการบำรุงผิว หรือ Skincare regimen แต่ยังคงประโยชน์สูงสุดที่เราจะได้รับจากการใช้ผลิตภัณฑ์

ตัวผลิตภัณฑ์มุ่งเน้นไปที่การดูแลเรื่องของ Barrier ผิว พร้อมทั้งให้คุณสมบัติในการปกป้องและดูแลปัญหาต่างๆ ของผิวที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวันไปพร้อมๆ กัน โดยอาศัยส่วนผสมของสารบำรุงผิวหลากหลายชนิดที่เลือกมาเป็นอย่างดี และมีหลักฐานรองรับว่าให้ประโยชน์กับผิว

หน้าตาผลิตภัณฑ์จะเป็นลักษณะกล่องสีเงินประมาณนี้ค่ะ

ตัวภาชนะบรรจุก็มาในสีเงินเช่นกันค่ะ

ความประทับใจแรกเมื่อเราแกะกล่อง คือ เมื่อเห็นคำโปรยด้านในค่ะ

ซึ่งมันตรงกับคอนเซปท์ของเราที่เราชอบพูดเสมอว่า เวลาทำเครื่องสำอางก็เหมือนทำอาหาร ให้ใส่ความรักลงไปด้วย ทางแบรนด์เองก็เช่นกัน ใส่ความรักลงไปหมดใจพร้อมๆ กับ ส่วนผสมที่เชื่อถือได้


ภาชนะบรรจุเป็นชนิด Airless pump ปกป้องเนื้อผลิตภัณฑ์จากการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม

เมื่อเรากด เนื้อครีมก็จะออกมาค่ะ

ตัวครีมจะดูเหมือนเป็นกึ่งๆ เจลครีม เนื้อค่อนข้างชุ่มผิว และเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เราจะได้กลิ่นวัตถุดิบอยู่จางๆ

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นผิว เมื่อทิ้งไว้ประมาณ 2 นาทีจะซึม/แห้งไป ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ

ก่อนไปดูส่วนผสมอยากบอกว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ผ่านการทดสอบการแพ้และการระคายเคืองจากบริษัท Dermscan ซึ่งเป็นบริษัททดสอบเกี่ยวกับเครื่องสำอางชั้นนำของประเทศ พบว่าไม่ระคายเคืองในอาสาสมัครค่ะ

แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ และความรักที่ทางแบรนด์มีให้

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้นะคะ

สำหรับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จะเห็นได้ว่ามีอยู่ค่อนข้างเยอะ และส่วนใหญ่จะเป็นสารที่มีประโยชน์ในการบำรุงผิว ซึ่งส่วนตัวได้แบ่งเป็นสีๆ ตามประโยชน์หรือกลุ่มของสาร

ในภาพรวม คือ ถ้ามองในแง่ของมอยส์เจอไรเซอร์ที่เสริม Barrier ผิว น้องทำมาได้ค่อนข้างครบถ้วนเลย คือมีทั้งกลุ่มของไขมันที่เป็น Barrier อย่างพวก Ceramide, Cholesterol และกรดไขมันจากธรรมชาติ ร่วมกับสารจับน้ำตามธรรมชาติ หรือ Natural moisturizing factor (NMF) ที่เป็นกรดอะมิโน น้ำตาล กรดอินทรีย์ มีสารกลุ่ม Hyaluron หลากหลายชนิดที่มีประโยชน์ในการเติมและอุ้มน้ำให้ผิว และเสริมมาด้วยกลุ่มสารที่ดูแลปัญหาเรื่องการระคายเคืองผิวเพราะ Barrier ที่ไม่แข็งแรง และสำหรับคนที่กลัวว่ามอยส์เจอร์นี้จะมันเยิ้มเกินไป ทางแบรนด์ใช้สารสกัดจากเห็ด Fomes ตัดเข้ามาให้ประโยชน์ในด้านการควบคุมความมันกระชับรูขุมขน คือเรียกได้ว่าทำมาพร้อมมาก มาดูไปทีละกลุ่มกันเลยนะคะ

  • สีเขียว แทนด้วยกลุ่มของไขมันที่เป็น Barrier ผิว ที่เป็นสูตรผสมของ Ceramide NP; Ceramide AP; Ceramide EOP; Phytosphingosine; Cholesterol; Sodium Lauroyl Lactylate; Carbomer; Xanthan Gum รู้จักกันในนามชื่อทางการค้าว่า SK Influx จากบริษัท Evonik เจ้าพ่อแห่งวงการ Ceramides ในทางเครื่องสำอาง สารชุดนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบได้ทดสอบประสิทธิภาพทั้งในระดับหลอดทดลองและในระดับอาสาสมัคร มีความโดดเด่นในแง่ของการเสริม Barrier และดูแลปัญหาผิวแห้งต่างๆ
  • สีชมพู เป็น Hyaluronic acid และอนุพันธ์ รวมทั้งหมด 8 รูปแบบที่ประสานกันอย่างลงตัว บางตัวเกาะติดเป็นฟิล์มแล้วให้ความชุ่มชื้น ให้ความรู้สึกสบายผิว บางตัวก็ตัวเล็กหน่อยลงไปเติมน้ำและเสริมการกักเก็บน้ำที่หลายๆระดับความลึกของชั้นผิวชั้นนอก
  • สีน้ำตาล เป็นกลุ่มของ Moisturizer ที่ดูแลผ่านกระบวนการเติมน้ำเช่นกัน แบ่งได้เป็นกลุ่มย่อยๆ คือ พวกกรดอะมิโน ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายชนิด น้ำตาล Glucose และกรดอินทรีย์ ที่พบเป็นองค์ประกอบของ NMF และยังมีสารเพิ่มความชุ่มชื้นที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น
    • Polyglutamic acid ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ของกรดอะมิโน Glutamic อันนี้พบได้ตามธรรมชาติผ่านกระบวนการหมัก เช่นในการหมักนัตโตะ (ถั่วหมักสไตล์ญี่ปุ่น) ก็จับน้ำให้กับผิวได้คล้ายๆ กับ Hya ทางผู้ผลิตวัตถุดิบกล่าวว่า เวลา PGA ลงไปในหนังชั้นนอกนางจะถูกผิวเราย่อยแล้วปลดปล่อยเอา Glutamic acid ตัวน้อยๆ ออกมา ทำหน้าที่เป็น NMF ได้อีกต่อหนึ่ง
    • สารสกัดจากคาราจีแนน ที่เป็นสาหร่ายชนิดหนึ่ง ถ้าไม่นับคุณสมบัติในการเพิ่มเนื้อสัมผัสให้กับครีมแล้ว สารสกัดนี้เมื่อผ่านกรรมวิธีการสกัดด้วยวิธีจำเพาะ ก็จะมีประโยชน์ที่เด่นในด้านของการเติมน้ำ และยังมีประโยชน์เสริมไปในทางการเป็น Antioxidant ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่าวสารสกัดดังกล่าวยังมีประโยชน์ในการเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนตามธรรมชาติของผิว
    • โปรวิตามินบี 5 ที่นอกจากเพิ่มความชุ่มชื้นแล้วก็ยังมีประโยชน์อีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้านของการดูแลเรื่องการระคายเคือง และการฟื้นฟูสภาพผิว
  • สีน้ำเงิน เป็นกลุ่มของสารที่ดูแลเรื่องการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว หรือ Soothing effect มีทั้งกลุ่มของ Oatmeal ที่โดดเด่นในด้านนี้และมีคุณสมบัติพิเศษในการเสริมความแข็งแรงให้กับผิว พวก Allantoin, Dipotassium glycyrrhizate ว่านหางจระเข้ และอีกตัวที่อยากกล่าวถึงคือ Hydroxyacetophenone ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า Symsave H เป็นสารที่มีประโยชน์หลายอย่าง (Muti-functional) ทั้งในแง่ของการขึ้นสูตรเป็นสารช่วยในตำรับโดยให้ประโยชน์เป็นสารเพิ่มประสิทธิภาพของสารกันเสีย และยังเป็นสารบำรุง โดยให้คุณสมบัติเป็น Antioxidant และเสริมในด้านการดูแลเรื่องการระคายเคืองผิว
  • สีม่วง เป็นกลุ่มของสารบำรุงที่มีประโยชน์อื่นๆ มีด้วยกัน 3 ตัว ได้แก่
    • Bifida ferment lysate ตอนนี้เทรนด์ Postbiotic มา น้องนับเป็น 1 ใน Postbiotic คือเป็นสารที่ได้จากการสกัดเอาระบบที่เลี้ยงแบคทีเรียสายพันธุ์ Prebiotic กลุ่ม Bifidobacterium ซึ่งมีประโยชน์หลายประการต่อผิว ในแง่ของการชะลอวัย ฟื้นฟูและปรับสภาพผิว
    • Fomes officinalis (mushroom) extract เป็นสารสกัดจากเห็ดที่มีประโยชน์ในการดูแลเรื่องปัญหาความมันส่วนเกิน และมีประโยชน์ในการดูแลเรื่องรูขุมขนกว้าง
    • สารสกัดจากบัวบก ที่มีประโยชน์กับผิวมากมาย โดยหลักๆ ก็เด่นไปทางด้านการชะลอวัยลดเลือนริ้วรอย
  • ปิดท้ายด้วยวิตามินบี 3 ที่มีประโยชน์กับผิวหลายประการ กล่าวโดยย่อคือ น้องเป็นส่วนประกอบของโคเอนไซม์กลุ่ม NAD/NADP ที่เสริมกระบวนการต่างๆ ตามธรรมชาติของผิว จึงมีประโยชน์กับผิวหลายด้าน และน้องยังมีประโยชน์ในการเป็น Whitening โดยไปยับยั้งกระบวนการส่งผ่าน Melanin ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมาข้างนอก รวมทั้งมีประโยชน์ในการดูแลเรื่องการระคายเคือง ปัญหาสิว และเสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น Barrier ผิว

สำหรับส่วนผสมอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าคัดเลือกมาอย่างดี และไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง มีด้วยกันหลากหลายกลุ่ม ซึ่งทำงานเสริมกันอย่างลงตัวในการดูแลปัญหาของผิว โดยเน้นไปที่ด้านของ Barrier ความชุ่มชื้นของผิว การระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว และอาจได้ประโยชน์ไปในถึงด้านของการชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอยให้แลดูจางลง และ Whitening รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวได้ทดลองใช้อยู่ประมาณ 3 อาทิตย์ โดยเสริมเข้ามาใน Regimen ปกติ มีความประทับใจในด้านของเนื้อครีมที่แลดูชุ่มฉ่ำ แต่ก็ไม่แห้งจนเกินไปและไม่มันเยิ้มจนเกินไป โดยรวมค่อนข้างชอบ ส่วนคนผิวแห้งมากๆ ในวันที่อากาศแห้งมาก อาจจะต้องเสริมครีมทับอีกชั้นหนึ่ง ระหว่างที่ใช้จะมีช่วงหนึ่งที่มากทม. แล้วเอาน้องลงมาด้วย ระหว่างวันคือฟีลแบบกำลังดีเลย ไม่แห้งไป ไม่เยิ้มไป เหงื่อออกก็ไม่รู้สึกว่าเป็นเมือก โดยรวมชอบเนื้อครีมและความชุ่มชื้นที่ได้รับ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ LaLaaCram ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และมาแนะนำแบรนด์ที่มีคอนเซปท์น่ารักๆ มาให้รู้จัก และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Facebook: https://www.facebook.com/Lalaacram24

Line: @LaLaaCram

และสำหรับท่านที่สนใจสินค้าสามารถตามไปส่องได้ที่ร้านค้า Official ของทางแบรนด์เลยนะคะ

Shopee: https://invol.co/clalt0l

Lazada: https://invol.co/clalt1e

Disclaimer/Conflict of Interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ LaLaaCram การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ