Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Essence toner สุดเลอค่าด้วยส่วนผสมชั้นนำจากแบรนด์ Klairé กับ Balance Essene Toner

สวัสดีค่ะ

วันนี้มี่เอารีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของ Essence toner เก๋ๆ จากแบรนด์ Klairé เจ้าเก่าของเรามาฝากกันค่ะ

น้องเป็นตัวที่ทางแบรนด์พึ่ง Launch ออกมาเมื่อไม่นานมานี้เอง จัดเต็มมาด้วยส่วนผสมบำรุงผิวหลายชนิด และอีกประเด็นหนึ่งที่เป็น Talk of the town มากในช่วงนี้เลย เชื่อว่าหลายๆท่านน่าจะเคยได้ยินสารที่มีชื่อว่า Ectoin แล้วนะคะ 

จุดเด่นของน้อง คือ น้องมี Ectoin ในระดับความเข้มข้นที่มีงานวิจัยรับรองว่ามีผลประโยชน์ในการบำรุงผิวเลยหละ

ว่าแล้วก็ขออวดโฉมของน้องก่อน

สำหรับ Line Balance Essene Toner ตัวนี้ น้องจะมาในคอนเซปท์การดูแลผิว 3 ประการ คือ Pore minimizing, moisturizing และ Protection

ตัวบรรจุภัณฑ์จะเป็นแบบขวดปั๊มนะคะ ซึ่งส่วนตัวจะชอบปั๊มใส่มือแล้ววอร์มและลูบไล้ให้ทั่วใบหน้ามากกว่าใช้กับสำลีค่อยๆ Tap บนผิวค่ะ

เนื้อจะออกมาในรูปแบบของน้ำใส หรือ Solution ที่เป็นของเหลวใส และเนื่องจากน้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เราเลยจะได้กลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอยู่ค่ะ

เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสนุ่มนวล ตัวเนื้อมันจะออก Rich มีความชุ่มฉ่ำอยู่ หลังเกลี่ยแล้วจะรู้สึกสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 – 6 นะคะ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างแน่น มี่ทำสีไว้อยู่ 6 สี นะคะ

เราจะขอเริ่มที่พระเอกของ Essence toner ตัวนี้เลย

สีชมพู Ectoin สารตัวนี้เป็นสารที่พบได้ในธรรมชาติ สร้างโดยแบคทีเรียหลายๆ สายพันธุ์ ทำหน้าที่เป็น Osmolyte ช่วยปกป้องเซลล์ของแบคทีเรียให้อยู่ได้ในสภาวะที่รุนแรง หรือ Extreme condition เช่น ในน้ำทะเลที่มีความเข้มข้นของเกลือสูง ในน้ำพุร้อน เราเรียกสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในสภาวะรุนแรงแบบนี้ว่า Extremophile มันก็เลยมีแนวคิดที่ว่า เอ้อ เจ้า Ectoin นี้มันปกป้องแบคทีเรียเหล่านี้ได้ ทำไมไม่ลองเอามาใช้กับผิวดูหละ ก็พบว่า Ectoin มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวเรา ไม่ให้ถูกทำลายจากอันตรายภายนอก รวมถึง พวกรังสี UV และ ความแห้ง

(Image by Jü – Own work, CC0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=13244993)

     ด้วยคุณสมบัติพิเศษของ Ectoin เองตอนนี้ก็มีการเอามาศึกษาเพื่อใช้เป็นยาอม หรือ ยาสเปรย์สำหรับลดการระคายเคืองในช่องปากและลำคอ แต่เราไม่กล่าวถึงจุดนั้นนะคะ เราจะกล่าวถึงคุณสมบัติของ Ectoin ในเครื่องสำอาง ซึ่งเรียกได้ว่ามีงานวิจัยหลายชิ้นมากที่ศึกษาผลประโยชน์ของ Ectoine ทั้งในระดับของหลอดทดลอง และในอาสาสมัคร

     ประโยชน์โดยรวมจะเป็นในเชิงของการลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดูดน้ำให้ผิว เสริมการสร้างและฟื้นฟู Barrier ของผิว รวมถึงปกป้องผิวจากสภาวะต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม

     รูปด้านล่างนี้จะเป็นรูปจำลองของ Ectoine ในการดูดน้ำ และ การปกป้องโปรตีน โดยตัวมันจะไปห้อมล้อมเอาโปรตีนเอาไว้

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

เราลองมาดูงานวิจัยที่เกี่ยวกับ Ectoin ที่น่าสนใจบางงาน

งานวิจัยของ Hseu และ คณะ (2020) ศึกษาในระดับหลอดทดลองพบว่า Ectoine มีคุณสมบัติกดการเกิดอนุมูลอิสระเพราะรังสี UVA และไปยับยั้งไม่ให้ฮอร์โมน a-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ทำงาน จึงไม่เกิดการสังเคราะห์เม็ดสี ผลคือ ปกป้องผิวไม่ให้เกิดความคล้ำ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า เป็น Whitening ก็ไม่น่าจะผิดไปจากความจริงมากนัก (Antioxidants (Basel). 2020 Jan; 9(1): 63.)

งานวิจัยของ Marini และ คณะ (2014) พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของ Ectoine สามารถลดอาการคัน ระคายเคือง และอักเสบในผู้ป่วยผิวอักเสบแบบ Atopic dermatitis แสดงถึงคุณสมบัติในการเสริมสร้างการฟื้นฟู Barrier ผิว (Skin Pharmacol Physiol 2014;27:57-65)

  • สูตรผสมของสารในกลุ่มสีฟ้า สูตรผสมของสารที่เป็น Natural moisturizing factor หรือ NMF ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการดักจับน้ำให้ผิวตามธรรมชาติ และแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นในการทำงานของผิว โดยตัวนี้เป็นวัตถุดิบนำเข้าจากทางเกาหลี ที่มีชื่อทางการค้าว่า MC-BNCTM หรือ ที่รู้จักกันในนาม Baby NMF complex

ว่าแต่ทำไมต้องชื่อ Baby NMF complex ก็เพราะว่าทางบริษัทเขาผสมสารเหล่านี้มาให้มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับผิวเด็ก เมื่อเราใช้ผิวเราก็จะมีความอ่อนนุ่ม และอ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็กค่ะ

โดยมีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัคร พบว่าอาสาสมัครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารนี้เป็นเวลา 28 วัน มีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น และมีความเรียบเนียนขึ้น

(Image from Morechem Co., Ltd.)

  • สีเขียวแก่ เป็นกลุ่มของ Hyaluronic acid และอนุพันธ์หลายๆ ขนาด มีประโยชน์ในการเติมน้ำที่หลายๆ ระดับความลึกของชั้นผิว ซึ่งตัวนี้มี่ได้กล่าวละเอียดไว้ในรีวิว Klairé Balance serum (https://miyeonthereviewer.com/2020/03/31/klairebalanceserum/) นะคะ

  • สีเขียวอ่อน จะเป็นกลุ่มของสารบำรุงที่มีประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน ได้แก่ Witch hazel และ สารสกัดจากเห็ด Fomes ขอกล่าวถึงสารสกัดจากเห็ด Fomes สักเล็กน้อย

– ตัวเห็ด Fomes นี้เป็นเห็ดที่ขึ้นบนต้น Larch ที่เป็นต้นไม้ใหญ่ พบได้ทางฝั่งยุโรป สารสกัดจากเห็ดนี้ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์หลายชนิด จุดเด่นคือคุณสมบัติ Astringent หรือ กระชับรูขุมขน พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้นไปในตัว ซึ่งเป็นจุดเด่นคือไม่ทำให้แห้งตึงแบบ Astringent บางกลุ่ม

ทางผู้ผลิตได้ทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดเห็ด Fomes ในการกระชับรูขุมขนของหน้าผากอาสาสมัคร ก็พบว่ากระชับรูขุมขนได้ดี

(Image from BASF Personal care)

  • ส่วนผสมสีม่วง ก็เป็นสารกลุ่มเติมน้ำให้ผิวเหมือนกัน ได้แก่ Sodium polyglutamate, Beta-glucan และน้ำตาล Sucrose

– ขอกล่าวถึง Sodium polyglutamate ก่อนนะคะ ตัวนี้เป็นโพลิเมอร์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากกระบวนการหมัก ประกอบด้วยสายโซ่ยาวของกรดอะมิโน Glutamic acid ซึ่งเวลาลงผิวนอกจากจะช่วยเคลือบปกป้องผิว รักษาความชุ่มชื้น ผิวเรายังจะค่อยๆ ย่อย Sodium polyglutamate ได้เป็นกรดอะมิโน ที่เป็นสารดูดจับความชื้นให้ผิวตามธรรมชาติ (Natural moisturizing factor: NMF)

นอกจากนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบยังพบว่า การใช้ Sodium polyglutamate ยังมีประโยชน์ในการปกป้อง Hya ในผิวเราไม่ให้สลายหรือถูกทำลายไป ทดสอบโดยการเอา Hya มาผสมกับเอนไซม์ Hyaluronidase ที่เป็นเอนไซม์ย่อยสลาย Hya พอเติม Sodium polyglutamate ลงไป ก็จะเห็นว่า Hya ยังอยู่

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

และยังมีคุณสมบัติเป็น Whitening ผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ได้อีก

(Image from Bloomage Freda Biopharm Co., Ltd.)

     ตัว Sodium polyglutamate นี้ถ้าใช้ร่วมกับ Hyaluron จะช่วยเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกันได้ดี

     – Beta-glucan ก็ได้จากกระบวนการหมักเช่นกัน ตัวนี้ทางผู้ผลิตเคลมว่าของเขาเด่นกว่า Beta-glucan ทั่วไปตรงที่มีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี และมีความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้นได้ยาวนาน

  • สารกลุ่มสีส้ม สูตรผสมของ Water, Glycerin, Trehalose, Urea, Serine, Pentylene Glycol, Glyceryl Polyacrylate, Algin, Caprylyl Glycol, Sodium Hyaluronate, Pullulan, Disodium Phosphate, Potassium Phosphate มีชื่อทางการค้าว่า PatcH2OTM ตัวนี้นำเข้าจากฝรั่งเศส ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ของสารชุดนี้คือ เขาจะไปเรียงตัวเป็นโครงสร้างแบบ 3 มิติ ที่ทนทาน ติดแน่นอยู่บนหนังกำพร้า ค่อยๆ ปลดปล่อยเอา NMF และสารมอยส์เจอร์ออกมาช้าๆ มีเคลมว่าทา 1 ครั้ง ให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 5 วัน

ตรงนี้จะเป็นภาพจำลองตาข่าย 3 มิติของ PatcH2OTM นะคะ

(Image from BASF)

ส่วนด้านล่างจะเป็นภาพจริงที่ถ่ายจากกล้อง และมีการเติมคำอธิบายให้เห็นภาพชัดเจนค่ะ โดยลายริ้วสีเทาๆ คือ ตาข่ายสามมิติ และสีแดงๆ คือ มอยส์เจอร์ต่างๆ ที่ตาข่ายเก็บไว้

(Image from BASF)

จะเห็นว่าส่วนผสมที่ใส่มานั้นตอบโจทย์คอนเซปท์ดูแลผิว 3 ประการ คือ Pore minimizing, Moisturizing และ Protection ได้ตามเคลมเลย แถมยังทำงานเสริมกันได้อย่างลงตัวเลย

สำหรับส่วนผสมอื่นๆ ก็เรียกได้ว่า คัดเลือกมาอย่างดี ไม่มีน้ำมัน แอลกอฮอล์ น้ำหอม ซิลิโคน และอื่นๆ ที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลย

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง หรือ Actives เป็นการเลือกเอาส่วนผสมชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันในขวดๆ เดียว เพื่อให้ประโยชน์ในการดูแลผิวได้รอบด้าน โดยเน้นหนักไปที่ด้านของการดูแลปัญหารูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้น เคลือบปกป้องผิวทั้งปกป้องไม่ให้น้ำ ความชื้น และสารดีๆ ที่มีประโยชน์ในผิวหลุดออกไป และกันไม่ให้มลภาวะ หรือสิ่งไม่ดีต่างๆ เข้ามาข้างในผิว ส่วนด้านรองๆ ก็ได้ทั้งการชะลอวัย ป้องกันริ้วรอย ผิวเรียบเนียนนุ่มลื่น และอาจจะได้ด้าน Whitening กรุบๆ โดยรวมให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ดังที่ได้กล่าวในด้านบนว่า ไม่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน
  3. การใช้งาน ส่วนตัวค่อนข้างชอบ Essence toner ตัวนี้นะคะ แม้ว่าจะเป็นคนผิวผสม/แห้ง แต่เราก็อยากได้อะไรที่มันดูแลปัญหารูขุมขนของเรา และสิ่งที่เป็นเหมือน Pain point ของเราก็คือ ผลิตภัณฑ์กระชับรูขุมขนส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ผ่านการลดการสร้างน้ำมันส่วนเกิน และดูดซับ Sebum ซึ่งพอคนผิวแห้งไปใช้ มันจะยิ่งแห้งตึง แต่ตัวนี้คือ ตอบโจทย์ของตัวเองเพราะ นางมีส่วนผสมของสารที่ดูแลด้านความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ นุ่มฟู และปกป้องผิวไปพร้อมๆ กัน จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์ เช่นกัน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Klairé ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้กับทางแบรนด์ Klairé ได้โดยตรงเลยค่ะ

Facebook: https://www.facebook.com/KlaireOfficial

Instagram: Klaireofficial

ช่องทางการจัดจำหน่าย

Online

Website : https://klairethailand.com/

Shopee :https://shp.ee/qwdwv3h

https://www.beauticool.com

Offline

ร้าน : ALL ABOUT YOU

ร้าน THE GIVINGTOWN

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Klairé การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

[Beauty Talks] แชร์สเต็ปใสห่างไกลสิวเสี้ยนของบ้านมียอน สำหรับหนุ่มสาวผิวแห้ง

สวัสดีค่ะ

วันนี้จะมาแชร์สเต็ปการดูแลสิวเสี้ยนของบ้านมียอนเพื่อแลกเปลี่ยนกันนะคะ

สิวเสี้ยน.jpg

เรียกได้ว่าสิวเสี้ยนนี่เป็นปัญหากวนใจสำหรับหลายคนเลยทีเดียวค่ะ

ว่าแต่ สิวเสี้ยนนี่มันเกิดมาจากไหนกันนะ

acne-formation-process-different-types-bumps-scars-bumps-blackheads-whiteheads-papule-pustules-scars-68322579.jpg

(รูปจาก Dreamstime)

ในสภาวะปกติ: แถวบนสุดรูปที่ 1

การหลั่งน้ำมันจากรูขุมขน และ การสร้างกับผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขนมีความสมดุล จึงไม่เกิดสิวขึ้น

 

เมื่อเกิดปัญหาอะไรบางอบ่างขึ้น ทำให้สมดุลในการสร้างน้ำมันจากรูขุมขน และ การสร้างกับผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขน เสียสมดุลขึ้น ทำให้เซลล์เหล่านี้ไปอุดตันที่ปากรูขุมขน น้ำมันจึงออกไปข้างนอกไม่ได้ เกิดการอุดตันขึ้นมา (แถวบนสุดรูปที่ 2) อุดตันนี้เราเรียกว่าเป็น Comedone

 

Comedone นี้เกิดได้สองแบบ คือ เกิดอยู่ข้างในรูขุมขน เราเรียกเป็นสิวหัวปิด หรือ Whitehead (แถวบนสุดรูปที่ 3)

 

แต่ถ้าอี Comedone นี้มันมากไปจนดันให้หัวรูขุมขนเปิด ไขมันที่สะสมอยู่ก็สัมผัสออกซิเจนในอากาศ เกิดปฏิกิริยาออกซิไดส์ จนให้เห็นเป็นสีดำ เราจะเรียกว่าเป็นสิวหัวเปิด หรือ Blackhead ก็คือสิวเสี้ยนที่เราเห็นนั่นเองค่ะ (แถวกลางรูปที่สาม)

 

การเกิดสิวจริงๆแล้วมีอีกหลายสาเหตุ และมีสิวอักเสบอีกหลายๆแบบ แต่วันนี้ขอแปะไว้ก่อน ยังไม่กล่าวถึงนะคะ

 

ในการดูแลสิวเสี้ยนนั้น ถ้าคนที่มีผิวมัน กลุ่มสาร หรือ ยาที่มีผลเพิ่มการผลัดผิว หรือ ปรับสมดุลการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เช่น วิตามินเอต่างๆ พวกนี้จะช่วยได้ค่ะ แต่ปัญหาคือ พวกนี้มันกดการสร้างน้ำมันด้วย และสารที่ผลัดผิวมักจะระคายเคือง คนผิวแห้งจะใช้ไม่ค่อยได้

 

มี่เองก็ผิวแห้งค่ะ ส่วนตัวมี่มีวิธีดูแลสิวเสี้ยนดังนี้ค่ะ

ในการดูแลแบบทุกวัน หรือ Everyday care หลังจากล้างเมคอัพแล้ว ตอนกลางคืน มี่จะเริ่มจาก

  • นวดด้วย Cleansing oil ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่า Like dissolves like น้ำมันในคลีนซิ่งออยล์ก็จะไปละลายเอาไขมันอุดตันในรูขุมขนออกมา การที่เรานวด ก็ช่วยให้น้ำมันลงไปในรูขุมขน และเกิดความร้อนขึ้นมา รูขุมขนจึงเปิดออก
  • ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า อันนี้ตามปกติเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นไปได้ ล้างน้ำอุ่นค่ะ เอาให้อุ่นพอประมาณ อย่าร้อนเกินไป น้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขน และชะเอา Cleansing oil ออกมา
  • เสร็จแล้วก็ตบท้ายด้วย BHA toner ขั้นตอนนี้ถ้าผิวแห้งมากๆ อาจจะใช้ไม่ได้นะคะ บางคนอาจจะรู้สึกแสบร้อนกับ BHA ได้ ก็แนะนำว่าเลี่ยงไป ใช้โทนเนอร์น้ำกุหลาบ หรือ ชาเขียว หรือพวก Witch hazel แทนค่ะ

 

และนอกจากการดูแลทุกวันแล้ว สิ่งที่เป็น Special care จะทำเพียงสัปดาห์ละครั้ง หรือ สองสัปดาห์ครั้ง ค่ะ จะเริ่มจาก

  • นวด Cleansing oil และล้างน้ำอุ่น อันนี้เหมือนข้างบน
  • แปะ Pore pack ในขณะที่หน้ายังเปียกน้ำอุ่นเมื่อกี๊อยู่ ซึ่ง pore pack จะคอยดูดจับหัวสิวเสี้ยนออกมาได้ค่ะ
  • แปะ pore pack เสร็จเราต้องกระชับรูขุมขนนะคะ เพราะเมื่อสิวเสี้ยนถูกดึงออกมา รูขุมขนเราจะกว้างอยู่ ให้รีบกระชับเพื่อปิดรูขุมขน โดยการประคบเย็นค่ะ ง่ายสุดคือ เอาสำลีชุบน้ำเย็น (จากตู้เย็น) แล้ววางไว้แป๊บนึง (ประมาณ 3 – 5 นาทีก็พอค่ะ)
  • เช็ด BHA toner ซักหน่อย พอกรุบกริบ
  • มาสค์หน้าแบบเย็น (เอามาสค์ไปแช่ตู้เย็นซักประมาณ 30 นาที ก่อนแปะ pore pack กำลังดีเลยค่ะ) ความเย็นจะช่วยปิดรูขุมขน และ การมาสค์หน้าจะเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยให้ผิวเราฟื้นฟูตัวเองได้ไวขึ้นค่ะ

 

จบแล้วค่ะ สำหรับวิธีการดูแลสิวเสี้ยนแบบง่ายๆ แต่อย่างไรก็ดี พวกนี้ต้องใช้เวลานะคะ ไม่มีอะไรที่ใช้ปุ๊บแล้วหายได้ภายในข้ามคืนหรอกค่ะ

 

พบกันใหม่ Blog ถัดไป สวัสดีค่ะ