Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม ครีมบำรุงฟื้นฟูผิวสูตรปรับปรุงใหม่ Cicaplast Baume B5+ จาก La Roche-Posay ด้วยนวัตกรรม Tribioma

ถ้าพูดถึงมอยส์เจอไรเซอร์ที่น่าสนใจแล้ว กลุ่มซีรี่ส์ Cicaplast น่าจะเรียกได้เต็มปากว่าเป็นอีกผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ที่ดูแลฟื้นฟูปรับสภาพผิวท็อปฮิตชิ้นหนึ่งของทาง La Roche-Posay เลยทีเดียว

ดังนั้น ใน Blog นี้จึงขอหยิบเอาน้อง Cicaplast Baume B5+ (อ่านว่า ซิคาพลาส โบม บี5+) รุ่นปรับปรุงใหม่มาวิเคราะห์ส่วนผสมซักหน่อย

น้องจะมาในกล่องหน้าตาแบบนี้นะคะ

ชื่อเต็มๆ ของน้องคือ Cicaplast Baume B5+ Ultra-repairing soothing balm

แพคเกจด้านในเป็นแบบหลอด ขนาดที่ทางนี้ใช้อยู่จะอยู่ที่ 40 ml ค่ะ ซึ่งในท้องตลาดจะมีจำหน่ายอยู่ที่ 3 ขนาด คือ 15 ml, 40 ml และ 100 ml

ข้อดีของน้องก็คือ ใช้ได้ทั้งกับใบหน้าและผิวกายไปเลย

เนื้อมาในครีมข้นคล้ายบาล์ม

เกลี่ยเสร็จแล้วจะให้ความรู้สึกสบายผิว มีชั้นฟิล์มเคลือบผิว และให้ความชุ่มชื้นค่อนข้างมาก แต่ไม่เหนียว เหนอะหนะ

สำหรับผลิตภัณฑ์นี้ ทางแบรนด์มีผลการทดสอบรองรับถึงประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวที่เสียหาย และลดโอกาสเกิดแผลเป็น ในระดับของหลอดทดลองและในอาสาสมัคร 21 รอยโรค ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และหลังจากการทำหัตถการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Laser, peeling, dermabrasion, cryotherapy รวมไปถึงอาการไม่สบาย/ระคายเคืองผิวหลังหัตถการ

สูตรใหม่นี้ Formulate มาด้วย หลักการ Microbiome science เน้นปรับสมดุล Microbiome ของผิวภายใต้เทคโนโลยี Tribioma เป็น Prebiotic complex ที่เป็นเอกสิทธิ์ของแบรนด์ La Roche-Posay ผ่านการค้นคว้าวิจัยจนได้คอมบิเนชั่นที่เหมาะสมและผ่านการทดสอบว่าช่วยสนับสนุนการเจริญของจุลินทรีย์ที่ดีอย่าง Streptococcus epidermidis ที่เป็นสายรีแพร์ผิว (Pro-repair bacteria) และยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ก่อโรค จึงเสริมกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ และทำให้ผิวเรามีสุขภาพดี ผ่านการทดสอบว่าสามารถฟื้นฟู Barrier ผิวได้ตั้งแต่วันแรกที่ทา

นอกจากนี้ก็ยังเสริมสารบำรุงเข้ามาอีกหลายชนิด ที่ทางแบรนด์เลือกมาให้เสริมกันอย่างลงตัว ซึ่งจะได้เล่าต่อไปในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสม

ส่วนตัวไม่ได้ทำหัตถการอะไร ปัญหาผิวของเราที่รู้สึกว่าน้องตอบโจทย์ คือถ้ามีฝุ่นเยอะ ช่วงแก้มจะแดงและรู้สึกไม่สบายผิว หรืออย่างตอนนี้ที่อากาศแห้ง ผิวลอกเป็นขุย เราก็เลือกใช้น้องเป็น Everyday moisturizer ทางนี้จะทาในช่วงก่อนนอน อารมณ์เหมือนเป็นตัวป้องกันไม่ให้ผิวมันเคืองขึ้นมา ก็คือเวิร์ค ชอบ ฉ่ำ

มาดูบทวิเคราะห์ส่วนผสมอย่างละเอียดดีกว่าค่ะ

สำหรับส่วนผสมวันนี้ทำไว้หลากหลายสีเลยค่ะ

โดยส่วนแรกคอมบิเนชั่นนวัตกรรม Tribioma นั้นมีเคลมเกี่ยวกับการสนับสนุนการเจริญของจุลินทรีย์ที่ดีอย่าง Streptococcus epidermidis ที่เป็นสายรีแพร์ผิว (Pro-repair bacteria) และยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ก่อโรค จึงเสริมกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ และทำให้ผิวเรามีสุขภาพดี น้อง Cicaplast Baume B5+

ซึ่งถ้าดูที่ส่วนผสมเราจะเจอสารที่มีประโยชน์ในการปรับสมดุลและดูแล Microbiome อยู่ค่ะ

  • Alpha-glucan oligosaccharides ซึ่งเป็น Prebiotics ที่เสริมการเจริญของจุลินทรีย์เจ้าบ้าน จุลินทรีย์ที่ดีบนผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น
  • Vitreoscilla ferment เป็นสิทธิบัตรของทาง L’oreal ชิ้นหนึ่งที่เราจะคุ้นหูในเครือของ Biotherm ซึ่งน้องมีประโยชน์กับผิวหลายประการเลยทีเดียว ซึ่งมีงานวิจัยหนึ่งเมื่อปี 2013 ทดสอบประสิทธิภาพของจุลินทรีย์ Vitreoscilla filiformis ที่เลี้ยงในน้ำแร่ลาโรช พบว่าให้ประโยชน์ในการเพิ่มสาร Antioxidant และเอนไซม์ที่ช่วยปกป้องและ Detox ตนเองของผิวในระดับผิวหนังจำลอง (Clin Cosmet Investig Dermatol. 2013; 6:191-6.) ซึ่งแปลความได้ว่า น้องมีประโยชน์ในการการเสริมสร้างระบบป้องกันตัวเองของผิวให้แข็งแรงขึ้น
  • Lactobacillus เป็น Probiotic ที่สำคัญตัวหนึ่ง ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจริญของเชื้อที่ไม่ดี และช่วยปรับภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น

นอกจากเรื่อง Microbiome แล้ว ยังมีส่วนผสมอื่นๆ ที่บำรุงและมีประโยชน์ต่อผิวอีกหลายชนิด ได้แก่

  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 ที่ใส่มาถึง 5% เพื่อเน้นฟื้นฟูผิวที่เกิดความเสียหาย หรือระคายเคือง โดยตัว Panthenol นั้น มีข้อมูลสนับสนุนว่า สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้ มีคุณสมบัติเป็น Moisturizer ที่ดี เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยผิวกักเก็บน้ำโดยไปลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ให้ผิวนุ่ม ยืดหยุ่น เสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) ลดการอักเสบระคายเคือง ลดรอยแดง (Ebner et al., Am J Clin Dermatol. 2002;3(6):427-33.)
  • สารสกัดจากบัวบก และสารพฤกษเคมี Madecassoside ซึ่งพบในบัวบก มีประโยชน์หลายประการกับผิว มีรายงานถึงคุณสมบัติในด้านการลดการอักเสบ Anti-oxidant ชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย เสริมกระบวนการสังเคราะห์ Collagen และการสมานแผล มีผลการทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงว่าลดโอกาสเกิดแผลเป็น (Burns. 2012; 38(5):677-84.)
  • Shea butter เพิ่มความชุ่มชื้น และมีสารในกลุ่ม Phytosterol ที่มีคุณสมบัติในการดูแลการอักเสบระคายเคืองผิว
  • Polymnia sonchifolia root juice เข้าใจว่าหมายถึง Nutrimel® Skin ของบริษัท Solabia ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีเคลมว่า ประกอบด้วยสารในกลุ่ม fructose, oligofructoses และพวก polyphenol ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และเสริมกระบวนการฟื้นฟูตนเองของผิวเมื่อเกิด Stress หรือความเสียหายขึ้น
  • แร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ Zinc, Manganese, Magnesium ซึ่งมีประโยชน์ในการทำงานต่างๆ ของผิว โดยทางแบรนด์มีเคลมเกี่ยวกับ Zinc/Manganese ว่า สามารถลดการเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ก่อโรคบางชนิดได้
  • Capryloyl Glycine ตัวนี้เป็นกรดอะมิโน Glycine ที่จับกับกรดไขมัน เพื่อเสริมการดูดซึม มีประโยชน์กับผิวหลายประการ ในด้านของการนำส่งเอา Glycine ลงไปในผิวเพื่อให้ผิวเราหยิบไปสังเคราะห์โปรตีน หรือเพิ่มความชุ่มชื้น และมีเคลมจากผู้ผลิตวัตถุดิบว่าสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5α-reductase จึงให้ประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมความมัน ดูแลปัญหาสิว

สามารถสรุปกลไกของสารบำรุงที่สำคัญในผลิตภัณฑ์ได้ประมาณนี้ค่ะ

คนผิวมันอาจจะกังวล เพราะเนื้อครีมดูเหมือนจะค่อนข้างหนัก จะอุดตันไหม จะหนักหน้าไปไหม แต่จากส่วนผสมที่ทางแบรนด์หยิบมายำใส่ด้วยกัน คือคิดมาแล้วแบบดี ดีมาก คือ

  • ไม่มีส่วนผสมที่เสี่ยงอุดตัน (Comedogenic agent)
  • Capryloyl glycine ควบคุมความมัน 1 กรุบ ตบด้วย Zinc gluconate ก็ควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน
  • Corn starch ปรับฟีลให้เบสไม่เหนอะหนะมากไป และอาจจะให้ประโยชน์ในการควบคุมความมัน เพราะน้องดูดซับน้ำมันได้อยู่

ความน่าสนใจอีกนิดหน่อย คือ การเลือกใช้ Propanediol ที่เป็นมิตรกับผิวมากกว่า มาทดแทน Propylene glycol ที่อาจจะทำให้เกิดการแพ้/ระคายเคืองได้บ่อยกว่า และใช้ Hydrogenated Polyisobutene ร่วมกับ Dimethicone เพื่อทดแทน Mineral oil

ส่วนตัวมองว่าทำมาได้ดีและเอาใจใส่ในแทบทุกรายละเอียด

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง นอกจากเรื่องของการปรับสมดุล Microbiome ด้วยเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ Tribioma เพื่อให้ผิวมีสุขภาพที่ดี เสริมกระบวนการรีแพร์ฟื้นฟูตัวเองของผิวตามธรรมชาติแล้ว ตัวสารบำรุงอื่นๆ ที่ใส่มาก็คือเน้นไปที่การดูแลการระคายเคือง การอักเสบ และฟื้นฟู ปรับสภาพผิวได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ทางแบรนด์พัฒนาสูตรมาได้อย่างดี เอาใจใส่ในรายละเอียดปลีกย่อย เล็กๆ น้อยๆ ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนผิวผสม/แห้ง และระคายเคืองง่ายอยู่แล้ว ส่วนตัวค่อนข้างชอบเนื้อของผลิตภัณฑ์ที่ทำมาได้ค่อนข้างดี ชุ่มชื้น แต่ไม่หนัก ไม่เหนียว ไม่แวววาวมากไป และในด้านของการลดความรู้สึกระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว คิดว่า น้อง Cicaplast Baume B5+ ตอบโจทย์ความต้องการของเรา เราสามารถหยิบมาปรับใช้เป็น Routine care ได้ตามความเหมาะสมและความต้องการของผิวในแต่ละวันได้เลย ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ La Roche-Posay สาขาประเทศไทยสำหรับผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่น่าสนใจ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนถึงจุดนี้

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Official facebook: @LaRochePosayThailand (https://www.facebook.com/LaRochePosayThailand)

หรือท่านที่จะตามไปส่องสินค้าบน Official Mall ก็เรียนเชิญได้เลยค่ะ

LazMall https://s.lazada.co.th/s.snuyt?cc

Shopee Mall https://s.shopee.co.th/4AjNOlQ3q9

Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ La Roche-Posay ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

 #LaRochePosayTH #Cicaplast #ลาโรชโพเซย์ #ซิคาพลาส

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมน้ำตบวิตามินบี3 บี5 สุดเลอค่าจากแบรนด์ Naturalist กับ Duo B Hydrabright essence

สวัสดีค่ะ

วันก่อนมี่ได้อัพรีวิวโทนเนอร์ BHA จากแบรนด์ Naturalist ไป (เผื่อใครอยากตาม <<<จิ้ม>>> ได้เลยค่า) แล้วทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าเราใช้ตัว BHA ร่วมกับโทนเนอร์วิตามินบี จะสามารถแบ่งหยดอย่างละครึ่งสำลีแล้วเช็ดไปพร้อมๆกันได้เลย

วันนี้เลยจะมาต่อกันที่ตัวโทนเนอร์วิตามินบีที่ว่าค่ะ

ชื่อเต็มๆก็คือ Duo B Hydrabright essence ค่ะ

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

b 1

มาในขวดคล้ายๆกับ BHA ดีไซน์ดูหรูหราและอินเตอร์เช่นกันค่ะ ก็ยังคงบอกเค้าไปว่าชั้นชอบดีไซน์แพคเกจเค้า (ขอใช้ภาษาวิบัติเพื่ออรรถรสในการอ่าน)

จุดเด่นของเจ้าเอสเซนส์ Duo B ตัวนี้คือ ใช้วิตามิน B 2 ชนิด คือ Vitamin B3 + B5 รวมกันถึง 15% จึงช่วยบำรุงผิวได้ดี

จุดสำคัญอีกจุดคือ ทางแบรนด์ Claim ว่าเลือกใช้ B3 หรือ Niacinamide เกรด USP ตามเภสัชตำรับอเมริกาเลยทีเดียว ถ้าพูดง่ายๆคือ มีความบริสุทธิ์ระดับยา ที่จะมากกว่าเกรดเครื่องสำอางทั่วไป และมีความปลอดภัย ประสิทธิภาพในการใช้งานมากขึ้น

แค่นั้นยังไม่พอยังเสริมมาด้วยส่วนผสมบำรุงผิวอีกหลายๆตัวเลย เดี๋ยวเรามาต่อกันอีกทีในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมนะคะ

ก่อนหน้านั้นมาดูเนื้อสัมผัสของเอสเซนส์ตัวนี้กันค่ะ

b 2

เป็นเอสเซนส์แบบน้ำใส ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอมเลยจะได้กลิ่นจางๆของส่วนผสม

ตัวนี้วิธีใช้ข้างขวดคือ หยดลงบนฝ่ามือ แล้วตบเบาๆบนใบหน้า เหมือนอารมณ์น้ำตบค่ะ

แต่ถ้ามี BHA ด้วย เอามาใส่สำลีคู่กันเลยค่ะ อย่างละครึ่งแผ่น แล้วเช็ดไปพร้อมกัน มันจะดีงามมาก

เกลี่ยง่าย ซึมผิวไวมาก ให้สัมผัสนุ่มนวลผิว ไม่แห้งตึง แต่ก็ไม่ถึงกับเหนอะหนะ

b 3

วัด pH กันซักหน่อยค่ะ

b 4

pH อยู่ที่ราวๆ 5 ซึ่งใกล้เคียงกับผิวดีค่ะ

ถึงคิวของส่วนผสมบ้างนะคะ

สผส b

ที่ส่วนผสมจะมีส่วนของสีฟ้ากับสีเขียวค่ะ

สีฟ้า คือ Isopentyldiol ที่มีประโยชน์เป็นสารที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอื่นๆเข้าผิวค่ะ (มีชื่อเรียกแบบสวยๆว่า Percutaneous absorption enhancer)

ส่วนสีเขียวคือสารบำรุงค่ะ มากันแบบตัวแม่เลย

  • เริ่มต้นกันมาที่ Niacinamide ตัวนี้จัดมาเต็ม 10% เลยทีเดียว มีงานวิจัยรองรับถึงประโยชน์เยอะมากจริงอะไรจริง เรียกได้ว่าเกือบจะครอบจักรวาล
    1. Whitening: ช่วยยับยั้งการส่งผานของเม็ดสีผิวที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ส่งผ่านมาด้านบน เลยไม่เห็นเป็นสีผิว ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสมากขึ้น
    2. ลดการเกิดสิว: มีการทดสอบเชิงคลินิกพบว่า Niacinamide ที่ความเข้มข้น 4% มีประสิทธิภาพเทียบเท่า Clindamycin ในการรักษาสิว (Int J Dermatol. 2013;52(8):999-1004.) และยังช่วยลดความมันบนใบหน้า
    3. ชะลอวัย: ช่วยให้ผิวละเอียด กระชับรูขุมขน และละเอียดมากขึ้น ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
    4. ผิวแข็งแรง: ช่วยเสริมสร้างไขมัน Ceramide และ Hyaluronic Acid ในผิวหนัง
  • Acetyl glucosamine จัดหนักมาที่ 4% ตัวนี้เป็นเสมือนคู่หูคู่ขวัญกับบี 3 เพราะส่งเสริมกันและกันไม่ว่าจะเป็นในด้านริ้วรอย และ Whitening สารตัวนี้ยังเป็นส่วนประกอบในการสังเคราะห์ Hyaluronic Acid ของผิวหนัง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นได้
  • ต่อมาคือโปรวิตามินบี 5 หรือ Panthenol ที่จัดมา 1% ซึ่งมีบทบาทในการเพิ่มการชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิว
  • Telmesteine เป็นสารที่มีคุณสมบัติเด่นอยู่ 2 ด้าน คือ
    • ด้านลดริ้วรอย: สารนี้ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจนในชั้นผิว และเป็น Antioxidant
    • ด้านลดการอักเสบ และระคายเคือง
  • Raspberry ketone เป็น Whitening ได้โดยไปยับยั้งเอนไซม์ที่สร้างเม็ดสี (Int J Mol Sci. 2011;12(8):4819-35.) ข้อมูลจากทางแบรนด์บอกว่ามีผลต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย นอกจากนี้มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจึงให้ผลปกป้องผลิตภัณฑ์จากเชื้อ

โดยรวมจึงจะเห็นได้ว่า Duo B เอสเซนส์นี้มีวิตามินที่เข้มข้นมาก (รวมกันถึง 15%) ซึ่งมีประโยชน์มากมายกับผิว ไม่ว่าจะเป็น Whitening ลดการเกิดสิว ซึ่งกลไกของ Niacinamide นั้นไม่ได้เหมือนกับยาปฏิชีวนะหรือ Antibiotic ที่เราใช้กันทั่วไป อย่าง Clindamycin หรือ Erythromycin ดังนั้นมี่จึงไม่แปลกใจเลยค่ะที่ทางแบรนด์ Claim เรื่องตัว Duo B นี้ ว่าใช้ได้กับสิวทุกประเภท รวมทั้งสิวที่เกิดจากเชื้อดื้อยา เพราะเราใช้ยาปฏิชีวนะแบบไม่ถูกวิธี ใครเป็นสิวบ่อยๆ ทาอะไรไม่หายซักที ตัวนี้น่าจะตอบโจทย์ค่ะ นอกจากนี้ Niacinamide ก็ยังมีส่วนช่วยในการชะลอวัยลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบระคายเคือง และให้เรารู้สึกสบายผิว

มาให้คะแนนดีกว่านะคะ

  1. ส่วนผสม ถึงแม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็อัดแน่นด้วยคุณประโยชน์มากมายหลายด้านตามที่ได้เล่าให้ฟังในด้านบน และยังไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว รับไปเลยค่ะจากความครอบจักรวาลนี้ 5 ฟลาสก์เต็มๆ
  2. การใช้งาน ส่วนตัวมี่พึ่งมาเริ่มใช้หลังจาก BHA ของแบรนด์ประมาณ 1 สัปดาห์ ตัวนี้มี่ใช้ทั้งเช้าและเย็นค่ะ ใช้แบบน้ำตบ พอใช้ร่วมกับ BHA ในตอนกลางคืน เลยมาลองใช้พร้อมกัน หยดแล้วเช็ดทีเดียวเลย ประหยัดทั้งเวลา และยังช่วยลดการแห้งจาก BHA ด้วยค่ะ หน้านุ่มฟูมากขึ้น และรอยด่างดำก็ดูกลืนไปกับสีผิวค่ะ รับไป 5 ฟลาสก์เช่นกัน

คะแนน b

ตัวนี้ทางแบรนด์จัดโปรเปิดตัวถึงสิ้นเดือนนี้ ราคาจะอยู่ที่ 1290 บาท/100 ml จากราคาปกติ 1890 ตกเป็น 12.9 บาท/ml ค่ะ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทางแบรนด์ Naturalist ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้มี่ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามกับทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/NaturalistTH/

LINE : @naturalist.th

Discliamer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Naturalist beauty การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ