Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวกาย Atoderm Crème Ultra สูตร Ultra-nourishing moisturizing cream ที่ออกแบบมาอย่างลงตัวเพื่อเอาใจคนที่มีปัญหาผิวแห้ง และผิวบอบบาง

Blog นี้ขอหยิบเอา Moisturizer ที่น่าสนใจมารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

เป็นมอยส์จาก BIODERMA ในไลน์ Atoderm ที่มีชื่อว่า Atoderm Crème Ultra เป็นสูตร Ultra-nourishing moisturizing cream ที่ออกแบบมาให้ใช้ทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวตัว

มาในหน้าตาแบบนี้นะคะ

เนื้อค่อนข้างข้นเป็นเนื้อครีม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ง่าย ซึมไวแห้งไว ให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว ให้ความชุ่มชื้นนาน ไม่เมือกไม่เหนอะหนะ

ก่อนไปดูส่วนผสม มารีแคปเรื่องผิวแห้งกับความสำคัญของมอยส์กันซักหน่อยนะคะ

เมื่อความชุ่มชื้นของผิวดรอปลงจนถึงค่าๆ หนึ่ง บางข้อมูลก็ว่า น้ำในผิวน้อยกว่าระดับ 30 AU วัดจากค่าของเครื่อง corneometer บาง ref ก็บอกว่า น้อยกว่า 10 – 15% บาง ref ก็เมนชั่นถึงค่าการระเหยของน้ำจากผิว (Trans-epidermal water loss; TEWL) สูงกว่า 15 – 25 g/m2/h มันจะส่งสัญญาณไปกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยสาร Cytokines พวกที่อาจก่อให้เกิดกระบวนการอักเสบ เช่น IL-1 ซึ่งถ้ามีน้อยๆ มันเป็นเรื่องดี มันจะไปกระตุ้นให้ผิวเราฟื้นตัว เสริมการสร้าง Barrier ปรับสมดุลกระบวนการสร้าง-เจริญของหนังกำพร้า แต่ถ้ามีมากไป หรือมีออกมาไม่หยุด มันจะทำให้เกิดการอักเสบ ที่ส่งผลต่อให้มีอนุมูลอิสระ มีการกระตุ้นเอนไซม์ MMP มาย่อยคอลลาเจน แล้วก็วนไปวนมาแบบนี้ค่ะ ทำให้กลายเป็นวงจรแบบว่ายิ่งแห้งยิ่งแย่ และทำให้ระบบสมดุลไมโครไบโอมเสียไป มีผู้เสนอคอนเซปท์เรื่อง Dry skin cycle ไว้อยู่ด้วยค่ะ

แต่ทุกอย่างจะจบได้ ถ้าเราคืนน้ำให้ผิวเกินค่าวิกฤตินั้นไปได้ การทามอยส์จะเติมน้ำให้ผิวได้ไวมาก

มอยส์ที่ฟื้นฟูเติมน้ำคืนให้ผิวได้ไวจะมีทั้ง Humectant ดูดน้ำมา Occlusive เคลือบเก็บน้ำที่ดูดมาไว้ และ emollient เป็นไขมันทดแทนให้ผิว

Barrier ก็จะฟื้นฟูตัวเองได้

สุดท้ายนี้ขอฝากข้อคิดไว้

  • ผิวแห้งเป็นมากกว่าปัญหาเชิงความงาม เป็นตัวบ่งชี้การทำงานผิดปกติของ skin barrier ที่เชื่อมโยงกับการอักเสบเรื้อรัง การเปลี่ยนแปลงของ microbiome และการเร่งกระบวนการ aging
  • การดูแลที่มุ่งเน้นการฟื้นฟู barrier function ด้วย moisturizer ที่ดี มี emollient, humectants และ occlusives จึงมีความสำคัญต่อสุขภาพผิวระยะยาว

ผลิตภัณฑ์ BIODERMA Atoderm Crème Ultra ได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครว่าเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ 24 ชั่วโมง และลดการระเหยของน้ำออกจากผิว (ลดค่า TEWL) ได้ 23%

มาค่ะ ส่วนผสมเป็นดังนี้

ถ้าดูจากส่วนผสม BIODERMA Atoderm Crème Ultra เป็นผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ที่ทำมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์มีครบทั้ง Humectant สารจับน้ำ จับเสร็จก็เคลือบปิดด้วย mineral oil เป็น occlusive หรือ ออยล์เคลือบ และมีไขมันจากธรรมชาติจาก Rapeseed, Sunflower ทดแทนคืนให้ผิว เป็น emollient หรือ ออยล์บำรุง

มาดูรายละเอียด Key technology ของผลิตภัณฑ์กันค่ะ

  • เทคโนโลยี Skin Protect Complex ที่เป็นคอมบิเนชั่นของ Niacinamide + Xylitylglucoside 2 ตัวนี้ทำงานได้เสริมกันแบบลงตัวมาก Niacinamide ช่วยเสริมกระบวนการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว ดูแลการอักเสบระคายเคือง จับคู่กับ Xylitylglucoside ที่มาดูแลฝั่งน้ำ เสริมการสร้าง Glycosaminoglycans (GAGs) ที่เป็นสารจับน้ำตามธรรมชาติในผิว โดยหนึ่งใน GAGs ที่สำคัญก็คือ hyaluronic acid ช่วยอุ้มน้ำ และ Barrier ที่แข็งแรงก็ล็อคการระเหยของน้ำออก
  • Omega 3, 6, 9 จากน้ำมันธรรมชาติ Rapeseed และ Sunflower ที่เป็นส่วนประกอบในการสังเคราะห์ ceramides และมีส่วนผสมของ phytosterol ที่ดูแลการระคายเคืองผิว Synergistic Combination Benefits การผสมผสานทั้งสองน้ำมันสร้าง Fatty acid ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับไขมันของ barrier ผิวที่มีสุขภาพดี

มันจะมีการพูดถึง PPAR receptor อยู่

โดย PPAR receptor นั้นจะโดนกระตุ้นได้ด้วยพวกกรดไขมัน เมื่อกระตุ้นแล้วทำให้ลดการสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เพิ่มการสังเคราะห์ไขมันต่างๆ ของผิว และเพิ่มการเจริญเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (Keratinocyte differentiation) ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น

  • คอมบิเนชั่นของน้ำตาลต่างๆ Xylitol, Mannitol, Rhamnose, Glucose เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • คอมบิเนชั่นจับน้ำของ Xylityl glucoside + Anhydroxylitol + Xylitol ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พร้อมทั้งมีคุณสมบัติเสริมความสามารถในการเก็บน้ำของผิว ผ่าน Aquaporin ที่เป็นประตูเก็บน้ำ และกลุ่ม Tight junction ที่ให้ผิวแข็งแรงอีก 1 เสต็ป
  • Fructooligosaccharides เป็น prebiotics ที่ซัพพอร์ตการเจริญของจุลินทรีย์ probiotics ที่มีประโยชน์บนผิว
  • สารสกัดจากสาหร่าย Laminaria ochroleuca extract กับ Caprylic/capric triglyceride ไปตรงกับวัตถุดิบที่ชื่อ ANTILEUKINE 6™ มีเคลมเรื่อง Daily soothing shield ดูแลเรื่องปัญหาการระคายเคือง ให้ผิวแข็งแรง และปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อม

ในภาพรวมก็คือเป็นมอยส์ที่ครบ และมาด้วยนวัตกรรม และความใส่ใจคำนึงถึงในทุกรายละเอียด แม้กระทั่งการเลือกใช้น้ำมัน Rapeseed + Sunflower ก็ยังน่าสนใจ

มาให้คะแนนกันนะคะ

  1. สารบำรุง ในด้านของการเลือกไขมัน Omega 3, 6, 9 มาเปิดระบบ PPARs พอเปิดแล้วจะดูแลเรื่องการระคายเคือง เสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น Barrier ผิว ลดการสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เพิ่มการสังเคราะห์ไขมันต่างๆ ของผิว และเพิ่มการเจริญเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (Keratinocyte differentiation) ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น มาพร้อมสารจับน้ำ และดูแลการระคายเคือง พร้อมเสริมผิวแข็งแรงในหลายๆ มิติ แต่ยังอยากให้มี ceramides ซักนิด ขออนุญาตให้ 4 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ดีและลงตัวมาก ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ส่วนตัวมีผิวแห้งค่อนข้างชอบเนื้อครีมประมาณนี้ ไม่หนักไป ไม่เบาไป ทาแล้วให้ความรู้สึกว่ากำลังพอดี mix & match กับผลิตภัณฑ์อื่นในไลน์เดียวกันได้ง่าย ตามความต้องการผิวในแต่ละวัน ในด้านความชุ่มชื้น คิดว่าทำมาได้ตามเคลมจริง ทาเช้า ผิวนุ่มอยู่จนถึงดึก ทาก่อนนอน เช้าตื่นมาก็นุ่มอยู่ ส่วนด้านความสบายผิว ก็ถือว่าตอบโจทย์ เอามาทาหน้าเป็นครีมปิดผิวขั้นตอนสุดท้ายก่อนนอนก็ดี ให้ไป 5 ฟลาสก์

ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจในไลน์ Atoderm ที่เอามา mix & match แล้วดีงามไม่เบาเลย

BIODERMA Atoderm Gel Douche

เป็น Cleansing gel สูตรอ่อนโยนใช้ได้ทั้งกับหน้า ตัว มือ เหมาะกับผิวแห้ง ผิวบอบบางแพ้ง่าย รวมถึงทุกสภาพผิว

ภาพรวมส่วนผสม

สารทำความสะอาดหลักจะมี SLES ให้ฟองแน่นละเอียด อาบแล้วฟีลฟิน เพิ่มความอ่อนโยนด้วย

  1. coco-betaine ตัวนี้เป็นสารทำความสะอาดแบบสองประจุ มีความอ่อนโยนค่อนข้างดี ได้จากการดัดแปลงไขมันจากมะพร้าว
  2. Sodium lauroyl sarcosinate ที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน มีความอ่อนโยนสูง
  3. Coco-glucoside เป็นแบบไม่มีประจุ ได้จากการดัดแปลงมะพร้าวเข้ากับสายของคาร์โบไฮเดรต ให้ความอ่อนโยนเช่นกัน

สารบำรุง

  • เทคโนโลยี Skin Protect Complex (สูตรผสมของ Niacinamide + Xylitylglucoside) เสริมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างยาวนาน
  • มีคอมบิเนชั่นจับน้ำของ Xylityl glucoside + Anhydroxylitol + Xylitol ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พร้อมทั้งมีคุณสมบัติเสริมความสามารถในการเก็บน้ำของผิว ผ่าน Aquaporin ที่เป็นประตูเก็บน้ำ และกลุ่ม Tight junction ที่ให้ผิวแข็งแรง
  • Fructoligosaccharides เป็น prebiotics ช่วยซัพพอร์ตการเจริญของจุลินทรีย์ดีๆ (probiotics) บนผิว ให้ผิวแข็งแรง และชุ่มชื้น
  • น้ำตาล 3 ชนิด (Xylitol + Mannitol + Rhamnose) มีข้อมูลว่ามีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวแข็งแรง ทนทานต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งกระตุ้นจากภายนอกมากขึ้น
  • Capryloyl glycine อนุพันธ์ลูกผสมของกรดอะมิโน Glycine + กรดไขมัน Caprylic acid ที่พบได้ในธรรมชาติ เช่น มะพร้าว มีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านเรื่องของความชุ่มชื้น ควบคุมความมัน ดูแลการระคายเคือง
  • สีฟ้ามาจาก Copper sulfate

ตัวนี้ฟองเริ่ด ฟองฉ่ำมาก แล้วฟีลตอนใช้คือดี ให้ความรู้สึก rich-luxury feel สัมผัสได้ตั้งแต่ตอนตีฟอง กลิ่นหอมนวลๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

ถ้าวันไหนผิวแห้งมาก ก็จะขยับมาใช้รุ่น Cleansing oil ชื่อเต็มๆ BIODERMA Atoderm Huilede douche มีคุณสมบัติเด่นเป็น Soothing lipid-replenishing cleansing oil, anti-irritation

ความน่าสนใจอยู่ที่ ถึงชื่อจะเป็น Cleansing oil แต่น้องก็มาในเบสแบบน้ำ มีส่วนผสมของน้ำอยู่สูง

สารทำความสะอาดตัวหลักเป็น Sodium cocoamphoacetate ซึ่งเป็นชนิด 2 ประจุ มีความอ่อนโยนสูง ร่วมกับ PEG-7 glyceryl cocoate + Lauryl glucoside + Coco-glucoside ตบๆ มาด้วย Laureth-2

มี Patent Skin barrier therapyTM ช่วยลดการเกาะติดของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิด เช่น Staphylococcus aureus ที่อาจทำให้เกิดผิวอักเสบกำเริบในกลุ่มคนผิวแห้งมาก และลดการสร้างไบโอฟิล์ม ที่เป็นเหมือนเมือกเหนียวๆ ที่เชื้อสร้างมาป้องกันตัวเองจากสิ่งแวดล้อม

พร้อมผลเทสต์ว่า สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ 24 ชั่วโมง คืนไขมันให้ผิว ในระยะยาวพบว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น 39% และมีความรู้สึกสบายผิวมากขึ้น

สารบำรุงหลักเป็นชุดเดียวกับ Cleansing gel

ตัวนี้จะให้ฟองละเอียดมาก ฟีลเหมือนโลชั่น เป็นคล้ายๆน้ำนม ความรู้สึกค่อนข้าง rich + velvet เหมือนลูบลงบนผ้ากำมะหยี่ กลิ่นหอมนวลๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สูตรนี้แบรนด์ออกแบบมาให้ผิวที่เป็น eczema ชนิด Atopic สามารถใช้ดูแลผิว เสริมกับการรักษาจากคุณหมอได้

ปิดท้ายด้วย BIODERMA Atoderm intensive baume น้องเป็นครีมที่ให้ความรู้สึกของความชุ่มชื้นสูงจากกลุ่ม emollient หรือ ออยล์บำรุง ส่วนผสมครบในการเป็น moisturizer ที่ดี

  • ออยล์เคลือบ ใช้ mineral oil ซึ่งหลายคนอาจจะแบบฟัง marketing มาเยอะว่านางไม่ดี แต่จริงๆ ในทางเครื่องสำอาง นางปลอดภัยอยู่ เคลือบปกป้องผิวกันน้ำระเหยออก
  • ออยล์บำรุง ใช้ sunflower + canola ที่มีกรดไขมันจำเป็นต่างๆ

เสริม Ceramides มาพร้อมไขมันอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว แถม Beta-sitosterol ที่เด่นเรื่องการดูแลการระคายเคืองของผิว

มีน้ำตาล 3 ตัว (Xylitol + Mannitol + Rhamnose) ที่เป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวแข็งแรง สูตรนี้ไม่มีน้ำหอม เป็น moisturizer ที่ดี ที่น่าสนใจ และใช้ดูแลผิว เสริมกับการรักษากลุ่มอาการ Atopic eczema จากคุณหมอได้

ตอนทา แวบแรกเหนอะหนะ แต่พอผ่านไปซักประมาณ 5 นาที ฟีลลิ่งดีขึ้น

สุดท้ายปิดด้วย ความประทับใจที่แพคเกจ: น้องมีตัวล็อคการันตีว่า แพคเกจนี้ไม่เคยโดนแกะมาก่อน จนจะถึงมือเรา ซึ่งส่วนตัวให้ความสำคัญกับตรงนี้ ในแง่ความปลอดภัยของสินค้า

อีกจุดที่น่าสนใจ คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาได้อย่างลงตัว อ่อนโยน เพื่อให้ใช้ได้ทุกวัย ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงในผู้สูงอายุที่มีปัญหาผิวแห้ง ระคายเคือง หรือใช้เสริมกับการดูแลสภาวะผิดปกติทางผิวหนังจากคุณหมอก็ทำดูเหมาะดีเช่นกัน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Bioderma ประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตาและทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์เลยนะคะ

ออโตเดิร์ม ครีม อัลตรา ราคาปกติ 500 ml 1,250 สามารถสอบถามโปรโมชั่นได้ที่แบรนด์โดยตรง ผ่านลิงค์นี้ https://bit.ly/BiodermaBA

พิกัดสินค้า Boots, EVEANDBOY, Watsons online, Konvy

หรือช้อปปิ้งออนไลน์ได้บน Shopee, Lazada

Shopee https://s.shopee.co.th/8Kh980mYDN

Lazada https://s.lazada.co.th/s.ZaEvoV?cc

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

#biodermathailand #Atodermcremeultra #ล็อกผิวชุ่มชื้นลื่นเนียนแข็งแรง #ผิวแพ้ง่ายใช้ได้

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม amt Light Emulsion Rejuvenating & Brigthening

Blog นี้ขอหยิบเอาอิมัลชั่นเนื้อเบาๆ สบายผิว สมชื่อ Light Emulsion จากแบรนด์ amt มาวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

ส่วนนี้จะเป็นหน้าตาของน้อง

ด้านนี้จะเป็นด้านหลังกล่อง ที่กล่าวถึงคอนเซปท์ที่น่าสนใจของการเลือกใช้ออยล์บำรุง (inner oil) 90 ส่วน ประกบคู่กับออยล์เคลือบ (Surface oil) 10 ส่วน เพื่อดูแลผิวให้ชุ่มชื้น

เนื้อเป็นน้ำนม บางเบา ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยง่ายให้ฟีลเย็นสบายผิว ให้ความชุ่มชื้นดี

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ส่วนผสมมาแบบเรียบง่าย คลีนๆ แต่ก็ครบนะ

ในด้านสารบำรุง ทางแบรนด์เลือกใช้น้ำมันจากเมล็ด Macadamia ซึ่งมีกรดไขมัน Oleic acid เป็นองค์ประกอบหลัก และมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น Phytosterol, วิตามินอี ฟอร์ม tocopherol, tocotrienol และ squalene (Processes 2022, 10(1), 56 และ Foods. 2021;10(5):1031.)

พวกนี้มีประโยชน์กับผิวหลายอย่าง อย่าง Phytosterol นี่ก็มีคุณสมบัติในการดูแลระคายเคือง ส่วนวิตามินอีเป็น antioxidant และ Squalene เป็นไขมันชนิดเดียวกับที่พบใน Sebum ของเรา

เสริมมาด้วย Hydrogenated lecithin ซึ่งเป็น phospholipid ให้ความชุ่มชื้นผิวได้อีก

และที่น่าสนใจ คือ อนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glutamic acid ที่ชื่อ Phytosteryl/octyldodecyl lauroyl glutamate ตัวนี้มีชื่อทางการค้าว่า Eldew PS203-R ซึ่งเป็นการดัดแปลงกรดอะมิโน Glutamic acid ให้มีความเป็นไขมันมากขึ้น แล้วกลายเป็นว่า การจัดเรียงโครงสร้างไปคล้ายกับ Ceramide ที่ฟอร์มตัวเป็น Liquid crystal ได้

ทางผู้ผลิตวัตถุดิบได้ทดสอบประสิทธิภาพในการฟื้นฟู Barrier ผิวที่เสียหายในอาสาสมัคร ให้อาสาสมัครปิด patch ที่มี Sodium lauryl sulfate เพื่อทำให้ Barrier เสีย แล้วทาตำรับที่มีสารนี้ เทียบกับวาสลีน พบว่าสามารถฟื้นฟู Barrier ผิวที่เสียหายได้ดีกว่า ก็คือน่าสนใจดี

เติมไขมันเสร็จ ก็เติมน้ำด้วย Saccharide isomerate ที่จับกับโปรตีนบนผิวได้ค่อนข้างดี จึงให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนาน

ส่วนสารบำรุงจะเป็น Niacinamide หรือ B3 ที่มีประโยชน์ต่อผิวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Whitening, เสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น Barrier ผิว ดูแลการระคายเคือง คู่กับวิตามินอี เป็น Antioxidant ที่ละลายไขมันได้

ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ค่อนข้างดี และเอาใจใส่ ขนาดสารขึ้นเนื้อครีม ก็เลือกใช้ตัวที่ค่อนข้างอ่อนโยน อย่าง Glyceryl citrate/lactate/linoleate/oleate ตัวนี้ได้จากธรรมชาติ (เมล็ดทานตะวัน) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ Vegan ให้ครีมที่มีเนื้อบางเบาแบบนี้เลย ดีงามมาก

ทางไปช้อปปิ้ง

Shopee https://s.shopee.co.th/7V28zksRbG

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาจากทางแบรนด์ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Isdin Hyaluronic moisture ครีม สูตร Sensitive

Blog นี้ขอหยิบเอาครีม Hyaluronic acid สูตรที่พัฒนาและออกแบบมาสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายจากแบรนด์ ISDIN ที่มีชื่อว่า Hyaluronic moisture สูตร Sensitive skin (รุ่นกระปุกสีชมพู)

โดยใน Blog นี้จะขอย่อชื่อน้องว่า HMS นะคะ

น้องมีหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ตัวครีมมีแพคเกจเป็นกระปุก

ซึ่งซีรี่ส์ Hyaluronic moisture ทั้ง 2 สูตรนี้มีความรักษ์โลกตรงที่สามารถรีฟิลได้ค่ะ

(Image from ISDIN official website)

ท้าพิสูจน์ ลองแกะดู ก็แกะได้ไม่ยาก

ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ ISDIN โดยฉพาะในไลน์ ISDINCEUTICS ก็คือมั่นใจได้เลยว่าผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยมาแล้วแน่นอน น้อง HMS ก็เช่นกัน

โดยทางแบรนด์มีการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครเพศหญิงจำนวน 30 คน ให้ทาผลิตภัณฑ์วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ประเมินผลด้วยแพทย์ผิวหนังและแบบสอบถามให้อาสาสมัครประเมินตนเอง (Self-assessment questionnaire)

พบว่า

  • 97% ของอาสาสมัครมีผิวที่มีสุขภาพดีขึ้น
  • 93% ของอาสาสมัครพบว่า รอยแดงลดลงได้ทันทีในหลังทา
  • 93% ของอาสาสมัครรู้สึกสบายผิว

ผลการทดสอบด้านการลดอาการแดงของผิว

(Image from ISDIN Thailand)

     ก็คือสามารถลดรอยแดงลงได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อให้อาสาสมัครใช้วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์

จากความเด่นในการลดรอยแดง และดูแลการระคายเคืองนี้เอง ที่ทำให้เราสามารถเอาน้องมา Mix & Match เข้ากับ ISDIN retinal intense เพื่อดูแลการระคายเคืองที่อาจจะเกิดได้อย่างลงตัว

ทางไปอ่านรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Retinal intense >>Click<<

ในด้านของเนื้อครีม น้องเป็นครีมที่ออกแบบมาให้มี Texture ที่คล้ายๆ อิมัลชั่นเจล อารมณ์แบบลูกผสม เจล-ครีม

มีกลิ่นหอมเป็นโทนดอกไม้หวานๆ เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ให้ความชุ่มชื้นสูง ให้ความรู้สึกเย็น และสบายผิว ใช้เวลาสักนิดในการซึม/แห้ง ฟีลลิ่งหลังใช้ผิวนุ่ม ไม่เหนอะหนะ

ด้วย Texture แบบนี้เอามาทำ Retinol sandwich ส่วนตัวรู้สึกว่า ก็ดีอยู่ ไม่หนักผิวเท่าไหร่

ลองมาดูส่วนผสมกันบ้าง

ในส่วนของแบรนด์เคลม แบรนด์ได้เคลมส่วนผสมไว้ 3 กลุ่ม ดังนี้

  • Tri-moisture complex ที่เป็นการเบลนด์ Hya ขนาดกลาง และเล็ก เข้ากับ Pro-vitamin B5 และ Moisturizing biopolymers
  • Multi-protection complex ที่เป็นการเบลนด์ Vitamin E, Exo-P และ VitA-Tech เพื่อให้สมบัติ Antioxidant, Anti-pollution และ Anti-aging ไปพร้อมๆ กัน
  • Redness relief complex ด้วย Niacinamide และสารบำรุงอื่นๆ

เราลองมาดูรายละเอียดของสารบำรุงที่น่าสนใจโดยละเอียดกันค่ะ

ด้วยความที่น้องมีชื่อว่า Hyaluronic moisture ก็เลยขอเริ่มที่ Moisturizer ในกลุ่มสีฟ้า

  • Medium and Low molecular weight hyaluronic acid ที่เติมน้ำให้ผิวในหลากหลายระดับความลึกของชั้นหนังกำพร้า ให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น
  • Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 ที่มีประโยชน์กับผิวหลายประการ ทั้งในแง่ของการเสริมความชุ่มชื้น ฟื้นฟู Barrier ผิวที่เกิดความเสียหาย และดูแลการระคายเคือง โดยตัว Panthenol นั้น มีข้อมูลสนับสนุนว่า สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้ มีคุณสมบัติเป็น Moisturizer ที่ดี เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยผิวกักเก็บน้ำโดยไปลดการระเหยของน้ำออกจากผิว ให้ผิวนุ่ม ยืดหยุ่น เสริมกระบวนการสมานแผล (Wound healing) ลดการอักเสบระคายเคือง ลดรอยแดง (Ebner et al., Am J Clin Dermatol. 2002;3(6):427-33.)
  • Trehalose เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ที่เติมน้ำให้ผิวได้อย่างยาวนาน
  • Urea เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นที่ได้รับการยอมรับในวงการผิวพรรณอีกตัวหนึ่ง น้องเป็น Natural moisturizing factor (NMF) ที่ช่วยจับน้ำให้ผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และมีรายงานสนับสนุนว่า Urea เสริมการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและหน้าที่ (Differentiation) ของเซลล์ Keratinocyte ในชั้นหนังกำพร้า ให้ผิวมีความแข็งแรง เสริมการสังเคราะห์ไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว และเสริมภูมิคุ้มกันของผิว โดยไปเสริมการสร้าง Peptide ที่มีฤทธิ์ต่อต้านจุลชีพตามธรรมชาติบนผิว (Dirschka, Int J Clin Pract. 2020;(74, S187):e13569
  • Serine เป็นกรดอะมิโน ที่เป็น NMF เช่นกัน สำหรับ Serine นั้นผิวอาจหยิบไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ Ceramide ได้

ถัดมา เรามาดูกลุ่ม Multi-protection complex กัน

  • Alteromonas Ferment Extract หรือ ที่รู้จักในชื่อการค้าว่า Exo-P ซึ่งเป็น Polysaccharide ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากมลภาวะ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • Vigna aconitifolia Seed Extract หรือสารสกัดจากถั่ว Moth bean ตัวนี้ถ้าดูองค์ประกอบที่มี Maltodextrin ด้วย จะเข้ากันได้กับวัตถุดิบ Vit-A-Like® PW LS 9898 ของ BASF ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีผลการทดสอบทั้งในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง ผิวหนังจำลอง และในอาสาสมัคร โดยพบว่า สารสกัดนี้ สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เสริมกระบวนการผลัดผิวอย่างอ่อนโยน ซึ่งเหมาะกับผิวแพ้ง่าย และลดเลือนริ้วรอยในอาสาสมัคร (Ref: TDS Vit-A-Like® PW LS 9898)
  • Tocopherol และ Tocopheryl acetate เป็น Antioxidant ที่ละลายได้ในไขมัน ปกป้ององค์ประกอบของไขมันในผิวไม่ให้เสื่อมสภาพเพราะอนุมูลอิสระ

ต่อมาเป็นกลุ่ม Soothing แทนด้วยสีบานเย็น

  • 4-t-Butylcyclohexanol หรือที่รู้จักกันในนาม Symsitive ซึ่งให้ประโยชน์ในการลดการระคายเคือง และให้ความรู้สึกสบายผิว
  • Hydroxyphenyl Propamidobenzoic Acid หรือ Oat avenanthramide ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่พบในข้าวโอ๊ต มีคุณสมบัติเด่นในการลดการระคายเคือง ดูแลการแพ้ การคัน และให้ความรู้สึกสบายผิว

ปิดจ๊อบด้วย Niacinamide ที่มีประโยชน์กับผิวมากมายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการลดการอักเสบระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว เสริมการสร้างไขมันที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว ให้ผิวแข็งแรง ลดการส่งผ่าน Melanin ที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปสู่ภายนอก และชะลอวัย

ส่วนผสมอื่นๆ เลือกมาอย่างดี ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง: ถึงแม้ชื่อจะมาด้วย Hyaluronic moisture แต่ส่วนผสม Beyond เกินไปกว่านั้น เพราะว่านอกจากจะเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว ในสูตรยังเสริมสารบำรุงที่ดูแลการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะ และ ดูแลปัญหาริ้วรอย หรือ ปัญหาผิวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามอายุไปได้พร้อมๆ กัน ส่วนตัวว่าทำมาได้ค่อนข้างครบ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ: ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ: ในแง่ของการ Formulate น้อง HMS ทำมาได้ค่อนข้างดี เลือกใช้สารเพื่อมาเสริมกันได้อย่างลงตัว ในด้านเนื้อสัมผัส น้องมาในเนื้อแบบครีมเจล กลิ่นหอมแนวดอกไม้หวานๆ เกลี่ยง่าย ให้ความรู้สึกเย็นและสบายผิว ส่วนตัวผิวผสม-แห้ง รู้สึกว่าชุ่มชื้นพอดี ไม่เหนอะหนะและไม่หนักผิวเกินไป แต่ก็คงความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี ให้คะแนนความชอบ 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ ISDIN สาขาประเทศไทยด้วยค่ะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่มาให้ได้เรียนรู้ เปิดหูเปิดตา และรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบบทความ

สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

Facebook https://www.facebook.com/ISDINTHAILAND/

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.oJBGf?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/8KUlV8JjhS

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ ISDIN ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม โลชั่นทาตัว Cute press Ci-Lab Sensitiv Moisture Repair Body Lotion

Blog นี้ขอหยิบเอาโลชั่นทาตัวที่น่าสนใจจากแบรนด์ Cute press รุ่น Ci-Lab Sensitiv Moisture Repair Body Lotion มาวิเคราะห์ส่วนผสมให้ได้ชมกันค่ะ

น้องมีทั้งแบบหลอด และแบบขวดปั๊ม

แบบขวดปั๊มมีหน้าตาประมาณนี้

เนื้อไม่หนักมาก ทางแบรนด์พัฒนาสูตรมาให้เหมาะกับอากาศแบบบ้านเรา

เกลี่ยได้ง่าย ให้ความชุ่มชื้น ไม่เหนอะหนะ ไม่เป็นเมือกลื่นเวลาเหงื่อออก

จุดเด่นที่ทางแบรนด์ Claim

  • เพิ่มความชุ่มชื้น 24 ชั่วโมง
  • Sub-micron barrier rescue complex ที่ดึงเอา ceramide และสารบำรุงที่ฟื้นฟู Barrier เข้ามารวมกันในอนุภาคขนาดเล็กเพื่อเสริมการฟื้นฟู Barrier ผิว
  • ผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากสถาบัน Dermscan
  • น้ำหอมที่ใช้เป็นเกรด Allergen-free ที่มีโอกาสในการเกิดการแพ้น้อย

ส่วนผสมเป็นดังนี้

สำหรับส่วนผสมที่น่าสนใจเป็นประมาณนี้ค่ะ

ถ้าเราพิจารณาประเภทของสารที่เป็นส่วนผสมใน Moisturizer แล้ว จะประกอบด้วย 3 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มของสารเคลือบผิว (Occlusive) สารไขมันทดแทนผิว และทำให้ผิวนุ่ม (Emollient) และสารดูดจับน้ำให้ผิว (Humectant)

โลชั่นตัวนี้ทำมาได้ครบถ้วนสมบูรณ์ในการเป็น Moisturizer ที่ดีชิ้นหนึ่ง

  • Occlusive ทางแบรนด์เลือกใช้ Dimethicone กับ Petrolatum มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะแบบ Dimethicone มันคือ สารในกลุ่มซิลิโคนนี่นา จะดีหรอ เอาจริงๆ Dimethicone เป็นสารที่ได้รับการยอมรับให้เป็น Over-the-Counter (หรือ OTC) ในประเทศอเมริกา ว่ามีคุณสมบัติปกป้องผิวหนัง (Skin protectant) ค่ะ น้องสามารถลดการระเหยของน้ำออกจากผิวได้
  • Emollient เป็นสารไขมันธรรมชาติหลากหลายชนิด ซึ่งตัวที่สำคัญอย่าง Phytosphingosine และ Ceramide NG ก็สามารถดูแลเรื่องของ Barrier ผิวได้ และมีสารไขมันอื่นๆ อีกหลายตัว เช่น Shea butter, Caprylic/capric triglycerides, hydrogenated lecithin ซึ่งดูแลให้ผิวนุ่มนวลได้
  • Humectant ที่เด่นๆ ก็จะเป็น Trehalose ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ ที่จับและช่วยผิวกักเก็บน้ำไว้ได้ค่อนข้างยาวนาน เสริมมาด้วย Sorbitol ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของน้ำตาลเช่นกัน และมี Hydrolyzed hyaluronic acid มาเติมน้ำอีก 1 ตัว เสริมมาด้วยโปรวิตามินบี 5 ที่นอกจากจะเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว ยังดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคืองให้ผิวด้วยอีก 1 ชั้น

สารบำรุงอื่นๆ ก็จะเด่นเรื่องของการให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing effect) และดูแลเรื่องการระคายเคือง มีทั้งว่านหางจระเข้ Bisabolol และ Betaine

ในภาพรวมก็คือเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ทำมาได้น่าสนใจ มีราคาไม่แพงมาก ให้ครบทั้งเติมน้ำ ทดแทนไขมัน และเคลือบผิวเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ เสริมมาด้วยสารที่ให้ความรู้สึกสบายผิว

ให้คะแนน

  1. สารบำรุง ทำมาได้ค่อนข้างดี ครบถ้วนสมบูรณ์ตามเกณฑ์การเป็น Moisturizer ที่ดี คือมีทั้ง สารเคลือบผิว (Occlusive) สารไขมันทดแทนผิว และทำให้ผิวนุ่ม (Emollient) และสารดูดจับน้ำให้ผิว (Humectant) เสริมมาด้วยสารที่ดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวชอบแบบหลอด พกพาสะดวกเวลาเดินทาง ทำมาได้สมคำเคลมว่าเป็นมอยส์เจอร์ที่ดีสำหรับเมืองร้อน ด้วยฟีลลิ่งที่ไม่เหนอะหนะมาก ใช้ได้ทั้งเช้า-ก่อนนอน เหงื่อออกก็ไม่เยิ้ม ไม่รู้สึกเป็นเมือกๆ ลื่นๆ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สำหรับใครที่สนใจอยากชอปปิ้งมาลองใช้งาน สามารถไปแอบส่องดูโปรได้ตามช่องทางต่างๆ ได้เลยนะคะ

แอพส้ม

https://shope.ee/7KXBvgxXda

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ซื้อด้วยตนเอง การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ