[Review] Ascorbie Intensive Lightening serum

[Review] Ascorbie Intensive Lightening serum

วันนี้มี่เอาซีรัมซีรัมไวท์เทนนิ่งจากแบรนด์ไทย ที่ดีงามไม่แพ้ของนอกมารีวิวให้ชมกันค่ะ

ผลิตภัณฑ์วันนี้มีชื่อว่า Ascorbie Intensive lightening serum ค่ะIMG_3516-re

ตัวผลิตภัณฑ์มาในภาชนะบรรจุแบบ Air-less (คือไม่มีอากาศข้างใน) สีน้ำเงินทึบ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ 2 ด้านคือ การไม่มีอากาศ ก็จะช่วยยืดอายุของพวก Antioxidant ให้ยาวนานขึ้น และสีทึบแสง ที่ช่วยปกป้องเนื้อผลิตภัณฑ์จากแสงแดดได้ ทำให้อายุของสารในผลิตภัณฑ์ยาวนานมากขึ้น

ที่กล่อง มี Keyword อยู่ 3 คำค่ะ คือ ” Protecting, Soothing, Hydrating” 3 คำนี้สำคัญอย่างไร มาดูกันดีกว่านะคะ

Protecting : การปกป้อง ในที่นี้หมายถึง ปกป้องความเสียหายจากรังสี UV ค่ะ

เราอาจจะสงสัย ทากันแดดแล้ว ยังจะมาปกป้องอะไรอีก จริงๆแล้วคือ ในโลกนี้ไม่มีอะไรกันรังสี UV ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ ในผลิตภัณฑ์กันแดดจึงควรมี Antioxidant เพื่อช่วยหักล้างผลเสียจากรังสี UV ที่หลุดรอดเข้ามาในผิวหนัง แต่ถ้าไม่มีก็เติมให้ผิวจาก Skincare แทนค่ะ

Soothing : คำนี้แปลค่อนข้างยาก ถ้าแปลตรงตัวจะไม่รู้เรื่องเลย ความหมายของมันจะสื่อว่า ให้รู้สึกสบายผิว และลดการระคายเคือง

Hydrating : เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

ปริมาณน้ำในผิวจำเป็นต่อกระบวนการทำงานหลายๆอย่างของผิวหนัง แค่มีน้ำ ทุกอย่างของผิวก็จะกลับมาดีและสวยงามอีกครั้งค่ะ

ลองมาดูคำ Claim ของผลิตภัณฑ์ดีกว่านะคะ

AB01

เดี๋ยวในช่วงวิเคราะห์ส่วนผสมเราค่อยตัดสินใจกันว่าจะได้ตาม Claim หรือเปล่า

มาดูเนื้อสัมผัสดีกว่าค่ะ ตัวนี้จะเป็นเนื้อซีรัม สีเหลืองอ่อนๆ เหมือนจะขุ่นนิดๆ แต่ดูไปดูมาเหมือนจะเป็นลักษณะโปร่งแสงมากกว่า (คือแสงผ่านได้ แต่ไม่ได้ใส) ภาษาอังกฤษเรียกสวยๆว่า Translucent ค่ะ

IMG_3519-re

เกลี่ยค่อนข้างง่าย ดูดซึมค่อนข้างไวค่ะ

ถึงแม้ผลิตภัณฑ์จะมีสีเหลืองอ่อนๆ แต่จะเห็นว่าข้างที่ทากับไม่ทาแทบจะไม่แตกต่างกันเลย

IMG_3521-re

มาดูค่า pH กันดีกว่าค่ะ

IMG_3523-re

ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 6 ก็ถือว่าโอเคค่ะ ผิวเราก็มี pH อยู่ในช่วง 5-6 เช่นกัน

ก่อนไปดูส่วนผสมเรามาดูที่ข้างกล่องกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

IMG_3517-re

เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดและวิเคราะห์สารแต่ละตัวกันดีกว่าค่ะ

ส่วนผสม

สผส ascorbie

จากลำดับส่วนผสมจะเห็นว่า Niacinamide หรือวิตามินบี 3 มาเป็นลำดับที่ 3 แล้วตามติดมาด้วย Acetyl glucosamine, Tranexamic acid, Grapeseed oil และ Sodium PCA ซึ่งสารพวกนี้มีคุณสมบัติบำรุงผิวที่ค่อนข้างดี

สารบางตัวดูมีคุณค่า มีราคา และดูแพง อย่าง Tetrahydrodiferuloylmethane ที่แยกได้จากขมิ้นชัน Epigallocatechin gallate (EGCG) แยกได้จากชาเขียว และ Genistein แยกได้จากถั่วเหลือง

พวกนี้ถ้าแยกออกมาจากสารสกัดพืชจะทำได้ยากและผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอนทำให้ดูแพง

ปกติเราจะแบ่งสารส่วนผสมในเครื่องสำอางเป็น 3 กลุ่ม ตามหน้าที่ของมัน

1. Actives หรือ สารออกฤทธิ์ เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
2. Base หรือ ส่วนเนื้อของผลิตภัณฑ์ เป็นตัวอุ้มและเก็บสารออกฤทธิ์ไว้
3. Additives หรือ ส่วนของสารเติมแต่ง เป็นตัวเติมแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย เช่น พวกสารกันเสีย พวกน้ำหอม พวกซิลิโคน ตัวเพิ่มความหนืด ฯลฯ

ลองมาไล่ไปทีละตัวเลยดีกว่า

คุณสมบัติสารแต่ละตัวแยกตามหน้าที่
1.Actives ได้แก่
-Niacinamide รูปแบบหนึ่งขอวิตามินบี 3 มีรายงานว่า สารตัวนี้สามารถเป็น Whitening ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยไปรบกวนการส่งผ่านของเมลานินที่สร้างเสร็จแล้ว ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยไปกระตุ้นการสร้าง Ceramides กรดไขมัน และไขมันชนิดต่างๆในหนังกำพร้า (Int J Cosmet Sci 2005; 27:255–261)
-Acetyl glucosamine อนุพันธ์ของน้ำตาล เป็นองค์ประกอบของ Hyaluronic acid มีขนาดที่เล็กสามารถดูดซึมได้ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังโดยดูดน้ำเข้าหาตัว มีรายงานการวิจัยกล่าวว่าสามารถควบคุมการผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น (Int J Cosmet Sci. 2010;32(3):234.) กระตุ้นการสังเคราะห์ Collagen และ Hyaluronic acid ในผิว ช่วยชะลอการแก่ตัวของเซลล์ Fibroblast (Int J Cosmet Sci. 2013;35(5):472-6.) เมื่อใช้ร่วมกับ Niacinamide จะให้ผลลดจุดด่างดำได้ดีขึ้น (Br J Dermatol. 2010;162(2):435-41.)
-Tranexamic acid ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส มีผลลดการสร้างเมลานิน ช่วยให้สีผิวขาวขึ้น ในทางยาใช้เป็นยาห้ามเลือด มีรายงานการวิจัยศึกษาผลของ Tranexamic acid เข้มข้น 3 % ในสูตรครีมเพื่อรักษาฝ้าในอาสาสมัคร พบว่าให้ผลดีเทียบเท่าสูตรผสมของ Hydroquinone กับ Dexamethasone แต่ผลข้างเคียงต่ำกว่ามาก (J Res Med Sci. 2014;19(8):753-7.) มีรายงานว่า Tranexamic acid สามารถยับยั้ง Plasmin ปกติ Plasmin เป็นตัวตั้งต้นก่อนจะไปกระตุ้นฮอร์โมน alpha-MSH (Melanocyte stimulating hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวแม่ ที่ไปกระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซท์ ทำงานได้ดีมากขึ้น (Active มากขึ้น) ก็สร้างเมลานินออกมาได้มากขึ้น (J Am Acad Dermatol 2011;October:699-714.)
-Grapeseed oil น้ำมันจากเมล็ดองุ่น ประกอบด้วยกรดไขมันอยู่หลายชนิด มี Linoleic acid อยู่ในปริมาณที่สูงมาก ให้ผลเป็นสารตั้งต้นในการสร้างไขมันดีๆของผิว
-Sodium PCA สารเพิมความชุ่มชื้นชนิด Natural moisturizing factor (NMF) ที่มีอยู่ในผิว มีหน้าที่ดูดน้ำเข้าหาผิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
-Tetrahydrodiferuroylmethane สารอนุพันธ์ในกลุ่มของ Curcuminoids ที่แยกได้จากขมิ้นชัน ผ่านกรรมวิธีการ Hydrogenation ให้มีความคงตัวสูงขึ้น มีประโยชน์เป็น Antioxidant มีผลลดการอักเสบและเป็น Whitening ที่ดี
-Allantoin สารที่พบในรากคอมเฟรย์ มีประโยชน์ช่วยลดการแพ้ ลดการระคายเคือง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง มีรายงานการวิจัยสนับสนุนเรื่องคุณสมบัติในการช่วยสมานแผล (Acta Cir Bras. 2010;25(5):460-6.)
-Squalane อนุพันธ์ของไขมัน Squalene ในผิวหนัง ซึ่ง Squalene เป็นสารที่ไม่อิ่มตัวถูกทำลายได้ด้วยกระบวนการ Oxidation จากอากาศ แต่ Squalane เป็นสารอนุพันธ์ที่อิ่มตัวจึงทนต่อการ Oxidation สารนี้ได้จากปลาฉลามและน้ำมันมะกอกซึ่งการแยกจากน้ำมันมะกอกมีราคาทุนที่สูงกว่า ทำให้ผู้ผลิตส่วนมากหันไปเอาจากปลาฉลาม จึงเสี่ยงให้ปลาฉลามสูญพันธุ์ หลายๆแบรนด์จึงเลี่ยงการใช้ ประโยชน์ของสารนี้คือช่วยเสริมสร้างไขผิวหนังให้สมบูรณ์ กันน้ำระเหยออกจากผิว
-Epigallocatechin gallate เรียกย่อๆว่า EGCG เป็นสารสำคัญในชาเขียว มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี
-Sodium hyaluronate มีบทบาทเกี่ยวกับความชุ่มชื้นของผิว
-Genistein สารกลุ่ม Isoflavone ที่พบในถั่วเหลือง เป็น Antioxidant ที่ดี และยังมีผลเป็น Phytoestrogen ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มนวล หนาตัวขึ้น และแข็งแรงขึ้น

2.Base น่าจะมาในรูปแบบของ Hydrogel แม้จะมีส่วนของน้ำมันอยู่ด้วย แต่ลักษณะของเนื้อไม่ได้ขุ่นเหมือนพวกครีมและโลชั่น ประกอบด้วย น้ำ และ Propylene glycol ที่เป็นสารดูดน้ำให้กับผิว

3.Additives ได้แก่
3.1Emulsifier/Surfactant ได้แก่ PPG-26-Buteth-26 ตัวนี้มีคุณสมบติเป็น Solubilizer ช่วยละลายน้ำหอม น้ำมันหอมระเหย หรือน้ำมันให้เข้ากับน้ำได้ มีคุณสมบัติปรับสภาพผิวเพิ่มความชุ่มชื้นได้ด้วย
3.2สารเพิ่มความหนืด ได้แก่ Xanthan gum, Hydroxyethyl acrylate/Sodium acryloyldimethyltaurate copolymer, Glyceryl acrylate/acrylic acid copolymer และ PVM/MA copolymer บางตัวเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ และสารบางต่อก่อฟิล์มบนผิวให้สัมผัสที่ดีกับผิว
3.3สารปรับ pH มี Citric acid เป็นตัวปรับ pH ให้ลดลง และยังอาจจะให้ผลเป็น AHA ช่วยเติมน้ำให้ผิวได้ (เนื่องจาก pH = 6 Citric acid จะอยู่ในรูปของ Sodium citrate ทำให้คุณสมบัติการผลัดผิวต่ำ จะได้เรื่องการเติมน้ำให้ผิว)
3.4Preservatives ได้แก่ Chlorphenesin, Phenoxyethanol, Methylisothiazolinone ร่วมกับสารจับโลหะ EDTA

ถึงเวลาให้คะแนน

1.Actives นอกจากเรื่อง Whitening ดีๆอย่าง Niacinamide, tranexamic acid, Acetyl glucosamine แล้ว ยังเสริมสารอีกหลายๆตัวที่มีคุณสมบัติดีๆ มีสารดูดน้ำให้ผิว และมีสารเติมไขมันให้ผิวเข้ามาด้วย สารพฤกษเคมีอย่าง Tetrahydrodiferuroylmethane, EGCG และ Genistein ก็เป็นสารที่ดูแพง เพราะในการผลิตทำได้ค่อนข้างยาก และมีขั้นตอนที่ซับซ้อน คุณสมบัติโดยรวมคือ Whitening, Antioxidant, ลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

2.Base เนื่องจากเป็น Hydrogel จึงพิจารณาแค่ส่วนของน้ำกับสารอื่นที่ละลายน้ำ ในส่วนผสมมีน้ำกับ Propylene glycol ที่เป็นสารดูดน้ำให้กับผิวแค่สองตัว จึงถือว่าอาจจะยังไม่พีคมากนัก แต่ข้อดีคือ ไม่มี Alcohol จึงสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว แต่เนื่องจากมีแค่ Propylene glycol เสริมเข้ามาเพียงตัวเดียว จุดนี้จึงขอให้ 3 ฟลาสก์

3.Additives ในส่วนของสารอื่นๆ ไม่มีตัวไหนที่เป็นพิษเป็นภัยกับผิว ไม่มีซิลิโคน ไม่มีพาราเบน ไม่มีน้ำหอม สารบางชนิดยังเติมน้ำให้ผิวได้ และยังช่วยสร้างฟิล์มบางๆเคลือบผิวช่วยปกป้องผิวไว้ พร้อมกับให้สัมผัสที่ดีไปในตัว จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

4.การใช้งาน ผลิตภัณฑ์เกลี่ยง่าย ดูดซึมค่อนข้างไว ไม่เหนอะหนะ และไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ไม่มีน้ำหอม กลิ่นก็เลยอาจจะแปลกๆนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับว่าจะรับไม่ได้อะไร หลังใช้มา เกือบๆ 2 อาทิตย์ มีคนทักว่าหน้าอิ่มเอิบขึ้น แต่ตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไร อาจจะเป็นเพราะว่านั่งส่องกระจกมองหน้าอยู่ทุกวันวันละ 4 เวลา เลยไม่ทันสังเกตเห็น หรือจะเป็นเพราะอ้วนขึ้นหน้าเลยบวม ??? จุดนี้จึงขอให้ 5 ฟลาสก์

คะแนน ascorbie

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Ascorbie ด้วยค่ะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้ทดลองใช้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ทางเวบไซต์ของผลิตภัณฑ์ และแฟนเพจบนเฟสบุคเลยค่ะ

Official website: http://www.ascorbie.com/

Fanpage facebook: https://www.facebook.com/ASCORBIE

ขอบคุณค่ะที่ติดตามอ่านมาจนจบ แล้วพบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s