วันก่อนทางเพจได้นำเสนอส่วนผสมของ Essence และ เซรั่ม ในไลน์ Kombucha ของ T’else ไปแล้ว วันนี้ขอหยิบเอาครีมมาวิเคราะห์ต่อกันเลยค่ะ
ขออวดโฉมผลิตภัณฑ์ในไลน์ Kombucha อีกรอบ

ท่านที่พลาดไปสามารถกลับไปรับชมรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมของ Essence และ เซรั่ม (Ampoule) ได้ที่ลิงค์นี้นะคะ >>Click<<
วันนี้ขอหยิบครีมมารีวิวแยก เพราะว่าครีมนี่ฉ่ำไม่เบานะคะ ฉ่ำยังไง เดี๋ยวเล่า
น้องมาในกระปุกหน้าตาแบบนี้ค่ะ

กระปุกใช้วัตถุดิบพลาสติกที่เป็นพลาสติกรักษ์โลกชนิด 50% PCR (Post-consumer recycled material) ซึ่งช่วยลด Carbon footprint ให้กับแบรนด์ ตรงตามคอนเซปท์ eco-friendly ของแบรนด์


เนื้อครีมจะค่อนข้างข้น มีกลิ่นหอมจางๆ ของน้ำมันหอมระเหย

แม้ว่าจะค่อนข้างข้น แต่ก็เกลี่ยง่าย ให้ความโกลว์ชุ่มฉ่ำ แต่ไม่ถึงกับเหนียวเหนอะหนะ

ซึ่งความโกลว์นั้นแลดูจะมากกว่า ตัว Essence และ Ampoule
ถ่ายด้วยแฟลชเพื่อดูความโกลว์

สูตรนี้ไม่ได้วัดค่า pH นะคะ
ส่วนผสมเป็นดังนี้

สำหรับตัวครีม ส่วนผสมจะคล้ายๆ กับเพื่อนๆ ในไลน์
สำหรับส่วนผสมในภาพรวม ที่ดูเด่นจะเป็นตัว Kombucha ที่ผ่านกระบวนการหมักด้วย Saccharomyces yeast
ซีรี่ส์นี้ตัวใบชาอัสสัมที่เขาเลือกมา คือเป็นเกรดที่ดีที่สุด ที่สมาคมนักดื่มชารู้จักกันในนาม FTGFOP หรือ “Finest Tippy Golden Flowery Orange Pekoe”
‘Orange Pekoe’ เป็นการกล่าวถึงชาทั้งใบ (whole leaf tea) โดยคำว่า Pekoe มีที่มาจากการแปลภาษาจีนผิดในช่วงแรกๆ โดยสื่อความหมายถึง White hair บนยอดอ่อนใบชา ส่วนคำว่า Orange มาจาก Dutch royal House of Orange-Nassau ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสำคัญในการซื้อ-ขายชาในยุคศตวรรษที่ 17
ส่วนอีก 3 คำ
Tippy หมายถึง ยอดอ่อนของใบชา
Golden สื่อถึงสีทองของยอดอ่อนใบชา
Flowery เป็นการเน้นย้ำว่ายอดอ่อนของใบชายังอยู่อย่างสมบูรณ์ใน Whole leaves tea นั้นๆ (Reference: Australian Tea Centre)
ในใบชาเกรด FTGFOP จะประกอบด้วยสารพฤกษเคมีสำคัญๆ หลายชนิด ดังภาพ
(Image from T’else Korea Official Website)
จากแบรนด์เคลมก็เป็นไปตามงานวิจัยว่าในการหมักชาจะได้สารพฤกษเคมีที่เป็นประโยชน์หลายชนิด รวมทั้ง Glucuronic acid ออกมาด้วย (Bishop et al., Beverages 2022, 8(3), 45)
สำหรับกรรมวิธีการสกัดนั้นทางแบรนด์ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Slow brewing technology สกัดด้วยอุณหภูมิต่ำ 20 องศาเซลเซียส อย่างช้าๆ เป็นเวลา 336 ชั่วโมง เพื่อให้ได้สารสกัดจากคอมบูชาที่มีคุณภาพสูง โดยไม่มีสารเติมแต่งอื่นๆ
โดยผลิตภัณฑ์ในซีรี่ส์นี้ ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ และการระคายเคืองในอาสาสมัครแล้วเรียบร้อย
สำหรับการใช้ Kombucha จากชาดำแบบทาภายนอกในเชิงเครื่องสำอางนั้น แบบเอามาทาตรงๆ ตอนที่ค้นใน Pubmed เมื่อ 18 ก.พ. 67 ยังไม่พบ แต่จะเจอการใช้สารสกัดจาก Kombucha มาใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (Intradermal) ในหนูทดลอง พบว่า สามารถเพิ่มปริมาณคอลลาเจน และการทำงานของผิวหนังผ่านการเสริมระบบ NAD+ /NADH level ซึ่งจะช่วยให้ผิวทำงานได้ดีขึ้น และอาการของริ้วรอยต่างๆ ดีขึ้นต่อไป (Pakravan, et al. J Cosmet Dermatol. 2018;17(6):1216-1224.) แต่ถ้าเป็น Kombucha ที่เอามาหมักร่วมกับพืชอื่นก็พอมีอยู่หลายฉบับ
จากองค์ประกอบของสารพฤกษเคมีใน Kombucha ที่มีรายงาน เราอาจจะอนุมานได้ว่า Kombucha นั้นจะมีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี และมีประโยชน์ในการชะลอวัยของผิวพรรณ
ส่วนผสมอื่นๆ ดังนี้
- Hyaluronic acid 4 กลุ่ม ได้แก่
- Sodium hyaluronate ตัวดั้งเดิม
- Hydrolyzed Hya ที่ผ่านการย่อยให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลง
- Sodium acetylated Hya ที่เป็นตัวดัดแปลงเติมหมู่ Acetyl group ลงไปให้มีความชอบไขมันเพิ่มขึ้น ทำให้ซึมลงไปในหนังกำพร้า เกาะอยู่ในนั้น เพิ่มความชุ่มชื้น และทางผู้ผลิตวัตถุดิบเองก็มีเคลมเกี่ยวกับประโยชน์ในการเสริมการฟื้นฟู Barrier เสริมการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของ Keratinocyte (เซลล์ในชั้นหนังกำพร้า) เพื่อมาทดแทนตัวที่ได้รับความเสียหายจาก UV ไป และการทดสอบในระดับอาสาสมัครพบว่าเสริมความยืดหยุ่นให้ผิว
- Hydroxypropyltrimonium hya เป็น Hya ประจุบวกที่จะเคลือบเกาะกับผิวเราซึ่งมีประจุลบได้แน่น
- วิตามินบี 3 ที่มีประโยชน์ที่ดีต่อผิวหลายอย่าง ทั้งในแง่ของ Whitening ผ่านการลดการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกไปด้านนอก ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง เสริมการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว และดูแลเรื่องรูขุมขน การเกิดสิว การปลดปล่อยน้ำมัน Sebum
- Pseudoceramide ตัว PC-9S (Myristoyl/Palmitoyl Oxostearamide/Arachamide MEA) ที่สามารถฟอร์มเป็น MLE เพื่อดูแล Barrier ผิว ร่วมกับสารไขมัน อย่าง Shea butter, meadowfoam seed oil และ Phytosterol
- สารต้านระคายเคือง + ให้ความรู้สึกสบายผิว (Soothing) จัดเต็มแบบฉ่ำ
- Allantoin
- Biosaccharide gum-1
- Acetyl dipeptide-1 cetyl ester
- สารสกัดจากพืชอีกมากมายหลายชนิด ที่ให้ประโยชน์ที่ดีหลายประการกับผิว
ในภาพรวมก็คือเป็นครีมมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว แต่ในเบสก็ยังคงมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากพืชในตระกูล Citrus ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้แสงแดดได้ ถ้าใช้ในตอนกลางวันแล้วไปโดนแดดจัดๆ
แต่ว่า น้ำมันหอมระเหยกลุ่มนี้ในท้องตลาดจะมีพวกที่เป็นเกรด FCF คือ Furocoumarin free ด้วย โดยแยกเอาสาร Furocoumarin ออกจากน้ำมัน ทำให้ลดความเสี่ยงในการแพ้แสงแดดไป ซึ่งทางนี้ก็คิดว่า ทางแบรนด์คงใช้เกรด FCF แหละ
มาให้คะแนนกันดีกว่า
- สารบำรุง น้องเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่น่าสนใจตัวหนึ่ง มีการใช้ MLE เข้ามาเสริมเพื่อให้ได้ความสามารถในการดูแลผิวให้แข็งแรง พร้อมด้วยตัว Kombucha ที่เป็น Antioxidant ที่ดี มี Hya ที่มีประโยชน์เรื่องความชุ่มชื้น และเสริมสารสกัดจากพืชมาอีกหลายชนิด ให้ไป 5 ฟลาสก์
- ส่วนผสมอื่นๆ หักคะแนนเรื่องของ Citrus oil ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการไวต่อแสง (Photosensitivity) แต่อย่างที่ได้เล่าให้ฟังว่า ในตลาดเครื่องสำอางมีการสกัดเอาสารไวต่อแดดอย่าง Furocoumarin ออก ได้เป็น Citrus oil เกรด FCF ซึ่งจุดนี้คิดว่าแบรนด์คงเลือกมาดีแล้ว แต่ขอให้ 4 ฟลาสก์
- การใช้งาน ด้วยความที่น้องเป็นครีมที่ค่อนข้างชุ่มชื้น ส่วนตัวที่มีผิวผสม/แห้งอยู่แล้วเลยค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ เอาเป็นครีมรับจบตัวเดียวในตอนเช้าก่อนลงกันแดดแล้วออกบ้านก็พอได้ ไม่สังขยาในระหว่างวัน แต่จะชอบใช้เป็นไนท์ครีมมากกว่า ในด้านความชุ่มชื้น ความสบายผิว นี่ว่าเริ่ด เอาไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ตั้งแต่วันเปิดตัว และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบค่ะ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์ T’else โดยตรงเลยนะคะ
https://web.facebook.com/TelseThailand
ทางไปตำ
แอพส้ม https://s.shopee.co.th/AKLS2XEQ7A
แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.GCqkH?cc
Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ T’else สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ
