สวัสดีค่ะ วันนี้มี่จะมารีวิวน้ำตบตัวหนึ่งที่น่าสนใจให้ชมกันค่ะ
เป็นน้ำตบที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากยางพารา สารสกัดยางพารานี้เป็นผลงานการวิจัยของคนไทย และมีอนุสิทธิบัตรรองรับด้วยค่ะ
กับน้ำตบ The first care para activating essence จากแบรนด์ Apara นั่นเองค่ะ
มาดูหน้าตากันก่อนเลยนะคะ
มาในกล่องกระดาษสีขาวเงาเหลือบมุกดูเรียบง่ายแต่หรูหรา
ด้านในเป็นขวดพลาสติกอย่างหนา
ลวดลายที่ขวดมีความหมายนะคะ
เป็นลายที่ทำเลียนแบบตอนกรีดยางค่ะ ดูมี Gimmick เก๋ไก๋สวยงาม
เนื้อน้ำตบเป็นเนื้อน้ำนม
ตัวน้ำตบมีกลิ่นอ่อนๆ น่าจะเป็นกลิ่นของสารสกัดยางพาราที่ผสมๆกับน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบ เนื้อค่อนข้างเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนอะหนะ
วิธีใช้ของมี่คือ ใช้หยดลงบนฝ่ามือ ส่วนตัวมี่จะใช้ในขนาดประมาณเหรียญ 5 บาท แล้ว Warm เล็กน้อย ก่อนตบเบาๆบนหน้า ทั้งเช้าและเย็น หลังล้างหน้าเรียบร้อยแล้วค่ะ
มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ
ในส่วนผสมมี่ได้ทำสีส่วนผสมของสารบำรุงไว้แล้วค่ะ
เริ่มกันที่สีน้ำเงิน พระเอกของเรา คือ Hevea brasiliensis extract คือ สารสกัดจากยางพารานั่นเองค่ะ สารสกัดนี้เป็นสารสกัดที่เกิดจากงานวิจัยอันทรงคุณค่าของ รศ.ดร.รพีพรรณ วิทิตสุวรรณกุล ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (หรือ ม.อ.) เมธีวิจัยอาวุโสของสกว. ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศทางชีววิทยาศาสตร์ หรือ TCELS
สารสกัดนี้มีที่มาจากการที่ทีมนักวิจัยสังเกตว่าชาวสวนที่กรีดยางส่วนใหญ่มีผิวพรรณดี เลยนำมาศึกษา พบว่าในสารสกัดจากน้ำยางพารา ประกอบด้วยสารที่มีประโยชน์ในทางเครื่องสำอางหลายชนิด ที่น่าสนใจคือ
- สารกลุ่ม Antioxidants ที่ช่วยชะลอวัย
- สารกลุ่ม Protease inhibitor ซึ่งทำงานในการขัดขวางการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมาเห็นเป็นสีผิว
- น้ำตาลหลายๆชนิด ช่วยดูดน้ำให้ผิวเพิ่มความชุ่มชื้น
- กรดอินทรีย์จำพวก AHA และ BHA
- วิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิด
(ข้อมูลจาก TCELS)
สารสกัดนี้ยังมีการทดสอบประสิทธิภาพด้าน Whitening ลดการเกิดฝ้าในอาสาสมัครด้วยค่ะ โดยมีกลไกในการเป็น Whitening 2 ขั้นตอน คือ ลดการสร้างเม็ดสีผิว และลดการส่งผ่านเมลานินที่สร้างเสร็จแล้วไม่ให้ออกมาข้างนอก
สารสกัดนี้ได้รับอนุสิทธิบัตรคุ้มครองด้วยค่ะ โดยในอนุสิทธิบัตรจะเคลมเรื่อง Peptide ที่มีผลด้าน Whitening (อนุสิทธิบัตรไทย เลขที่คำขอ 0603001971)
สารสกัดจากทาง TCELS มี Claim ว่า นอกจากช่วยเรื่อง Whitening แล้ว ยังให้ผลดีด้านลดการอักเสบของสิว ควบคุมความมัน และช่วยลดเลือนริ้วรอย
ในส่วนของสารบำรุงอื่นๆจะเป็นกลุ่มสีฟ้า ได้แก่
- Witch hazel หรือ Hamamelis virginiana extract มีคุณสมบัติควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน
- คาโมมายล์ หรือ Chamomilla recutita extract มีคุณสมบัติลดการระคายเคือง ลดการอักเสบ และให้ความรู้สึกสบายผิว
- ใบ Artichoke หรือ Cynara scolymus extract น่าจะเป็นวัตถุดิบของฝรั่งเศส ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่า สารสกัดประกอบด้วยเปปไทด์ที่มีคุณสมบัติควบคุมปริมาณของ EGF receptor บนเซลล์ผิวให้มีจำนวนปกติมีผลเพิ่มการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง ทำให้ชั้นผิวหนาตัวขึ้น ช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนในผิว และยับยั้งการทำงานของ MMP-1 ที่เป็นเอนไซม์ย่อยสลายคอลลาเจนในผิว
- Sodium PCA เป็น Natural moisturizing factor ตามธรรมชาติในผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
- สารสกัดจากบัวบก หรือ Centella asiatica extract มีคุณสมบัติเด่นด้านการชะลอวัย และริ้วรอย
- Niacinamide หรือ วิตามินบี 3 มีคุณสมบัติหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น Whitening, ลดการอักเสบในผิว เพิ่มการสังเคราะห์ไขมันที่เป็น Barrier function ของผิว
- ว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติด้านความชุ่มชื้น
สีเขียวคือน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบ ซึ่งมีคุณค่ามีราคาแพง ให้คุณสมบัติเด่นด้าน Soothing หรือ ให้ความรู้สึกสบายผิว
ในส่วนของเนื้อหลัก และ สารปรุงแต่งของผลิตภัณฑ์ ก็ทำมาได้ดี และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิวอยู่เลยค่ะ
ถึงเวลาให้คะแนน
- สารบำรุง หรือ Active ingredients เป็นน้ำตบที่ใช้สารสกัดจากยางพาราเป็นพระเอก พระเอกของเราในวันนี้ก็ให้ผลดีในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็น Whitening, ชุ่มชื้น และชะลอวัยลดริ้วรอย เสริมมาด้วยนักแสดงสมทบอย่างสารสกัดพืชอีก 5 ชนิด ตัวที่มาเป็นพระรองคงนี้ไม่พ้นใบ Artichoke จากฝรั่งเศส ที่มีคุณสมบัติเด่นในด้านการลดและป้องกันริ้วรอย และสารสกัดอื่นๆที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง ให้ความรู้สึกสบายผิว ตบท้ายด้วยวิตามินบี 3 และ Sodium PCA ที่เป็น Natural moisturizing factor ตามธรรมชาติในผิว จึงถือว่าทำมาได้อย่างลงตัว รับไป 5 ฟลาสก์
- เนื้อหลัก หรือ Base ถึงจะดูเป็นน้ำนม แต่ก็ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันที่อาจจะรบกวนและอุดตันผิวอยู่ มีสารที่ให้คุณสมบัติดูดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และไม่มี Alcohol ไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
- สารปรุงแต่ง หรือ Additives ไม่มีทั้งซิลิโคน น้ำหอม และพาราเบน ใช้น้ำมันหอมระเหยจากดอกกุหลาบเป็นตัวให้กลิ่น นอกจากนี้ก็ไม่มีส่วนผสมของสารอื่นๆที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนนเช่นกัน รับไป 5 ฟลาสก์
- การใช้งาน ถ้าตัดเรื่องนวัตกรรมและสิทธิบัตรไทยออกไป น้ำตบ Apara เป็นน้ำตบที่ดูภายนอกเหมือนจะมันและหนักผิวเพราะมาในรูปแบบน้ำนม แต่พอใช้จริงกลับซึมไวและ หลังใช้ครั้งแรกก็จะรู้สึกว่าผิวชุ่มชื้น และรู้สึกเบา สบายผิว หลังจากใช้มาเกือบ 2 สัปดาห์จะรู้สึกด้านความสม่ำเสมอของสีผิว และความนุ่มฟูของผิวหน้า มีติแค่เรื่องกลิ่นเล็กน้อย แต่เข้าใจว่า น่าจะเป็นกลิ่นของวัตถุดิบและส่วนผสม โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี และมี่ค่อนข้างชอบ เลยขอให้ไป 5 ฟลาสก์
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Apara ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์นวัตกรรมดีๆฝีมือคนไทยมาให้มี่ได้ทดลองใช้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ
https://www.facebook.com/apara.thailand/
และขอขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ พบกันใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีค่ะ
Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Apara การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสมตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ
One thought on “รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมน้ำตบยางพารา Apara The first care para activating essence”