ช่วงนี้มี่จะมารีวิวผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากแบรนด์ Osmosis นะคะ
ซึ่งตัวที่มี่ได้มามีทั้งหมด 3 ตัวค่ะ
วันนี้จะมารีวิวตัวแรกก่อนค่ะ คือตัว renew
Renew level 4 vitamin A serum ค่ะ
ก่อนจะ พูดถึงแบรนด์ Osmosis ต้องพูดถึงคอนเซปท์เขาซักนิดนึงนะคะ
คือ “Beautiful skin starts within”
แปลว่า ผิวสวยต้องเริ่มจากภายใน แปลแบบสวยๆละเอียดๆก็คือ ต้องบำรุงผิวจากภายใน ถึงจะสวย
แบรนด์นี้จะเน้นไปที่สารสกัดและสารออกฤทธิ์จากธรรมชาติ สารองค์ประกอบต่างๆก็ไม่ได้ใส่มาเยอะกันจนมากเกินไป จึงเสี่ยงแพ้น้อยกว่านั้นเองค่ะ แต่อย่างไรก็ดี อย่าลืมทดสอบการแพ้ก่อนการใช้งานนะคะ เพราะการแพ้เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ บทจะแพ้ แค่น้ำเปล่าก็ยังแพ้ได้เลยค่ะ
ผลิตภัณฑ์นี้ใช้เทคโนโลยีไลโปโซม เพื่อเพิ่มการดูดซึมของสารเข้าผิวค่ะ
ไลโปโซมคืออะไร???
ไลโปโซมเป็นรูปแบบนำส่งสารรูปแบบหนึ่ง มีลักษณะเป็นผนังสองชั้น ซึ่งจะเหมือนกับผิวหนังของเราเลย ทำให้ระบบไลโปโซมหลอกผิวหนังเราว่าเป็นพวกเดียวกัน ผิวหนังก็เลยปล่อยให้ไลโปโซมผ่านได้ ลองดูรูปตรงนี้ดูค่ะ
(Image source: Osmosis Skincare Manual, 2015.)
ซีรัมตัวนี้ถ้าจะใช้แบบจริงๆจังๆและถูกต้อง ทางแบรนด์แนะนำให้ลองใช้แบบนี้ค่ะ
(Image source: Osmosis Skincare Manual, 2015.)
จริงๆดูจากแผนภาพจะเข้าใจง่ายกว่าที่มี่กำลังจะอธิบายค่ะ
หมายความว่า ครั้งแรกสุดเลยให้ใช้ครั้งละ 1 กด วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 1 อาทิตย์ ถ้าใช้ได้ ไม่มีอาการอะไร ก็ เพิ่มเป็นวันละสองครั้ง เช้า-ก่อนนอน สังเกตอาการ 1 สัปดาห์ ถ้าไม่มีอาการอะไรก็ให้ใช้ครั้งละ 2 กด วันละ 2 ครั้ง แต่ถ้ามีอาการผิวแห้ง หรือระคายเคือง ให้ใช้วันละครั้ง สลับกับวันละ 2 ครั้งไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าใช้ครั้งละ 1 กด วันละครั้งแล้วยังทนไม่ได้ ก็ให้ลดเหลือ วันเว้นวัน ถ้าทนได้ ก็ไปวันละครั้ง แล้วก็วันละสองครั้งตาม Step ที่อธิบายเมื่อครู่
แต่ถ้าใช้วันเว้นวันก็ยังทนไม่ได้ ก็ให้พักผิวสักระยะเวลาหนึ่ง ก่อนมาใช้วันเว้นวัน แล้วค่อยขยับขึ้นไป
เพราะอะไร ก็เพราะว่าสารกลุ่มวิตามินเอ เป็นสารที่มีประสิทธิภาพและความแรง (Potency) ค่อนข้างสูง ถ้าใช้แบบแรงๆไปเลย อาจจะระคายเคืองได้ ส่วนตัวมี่อยากแนะนำว่า ให้อายุ 30+ ก่อนค่อยเริ่มใช้สารกลุ่มนี้น่าจะดีกว่ามาเริ่มไวๆตั้งแต่เป็นวัยรุ่น
มาดูผลิตภัณฑ์กันดีกว่าค่ะ
ตัวผลิตภัณฑ์มาในขวดปั๊มอคริลิคหนาสีขาว/เงิน
ตัวนี้จะเกลี่ยค่อนข้างง่าย ลื่นๆ กลิ่นเป็นแนวๆเย็นๆ ออกแนวอโรม่า ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้อาจจะแปลกๆอยู่นิดนึง แต่ซักพักก็จะชินไปเองค่ะ ตอนเกลี่ยครั้งแรกจะดูเหมือนออกเหลืองๆ แต่พอทิ้งไว้ซักห้านาที สีเหลืองๆนั้นจะหายไปค่ะ
ลองวัดค่า pH ดูนะคะ ค่า pH จะอยู่ที่ประมาณ 4-5 ค่ะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นกรดอ่อนๆ เหมือนกับสภาพผิวของเรา และเป็นค่า pH ที่สามารถช่วยให้ Lactic acid ออกฤทธิ์ได้ในระดับหนึ่งโดยไม่เปลี่ยนเป็นเกลือไปเสียหมด
มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ
มี่ทำสีให้สังเกตกันได้ง่ายขึ้นนะคะ
จุดเด่นจุดแรกน่าจะอยู่ที่ Asiaticoside ซึ่งเป็นสารที่แยกได้จากสารสกัดบัวบก มีคุณค่าและราคาสูง เพราะการแยกออกมาจากสารสกัดใบบัวบกนั้นทำได้ค่อนข้างยากและต้องอาศัยเทคโนโลยีค่อนข้างสูง
อีกจุดน่าจะอยู่ที่ Peptide อย่าง Palmitoyl tripeptide-38 และ Caprooyl tetrapeptide-3 ที่ช่วยเรื่องชะลอวัยและริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรามาวิเคราะห์ส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ
ปกติเราแบ่งส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็น 3 หมวดหลักๆ คือ
1.Actives หรือ สารออกฤทธิ์ เป็นสารที่ทำให้เครื่องสำอางมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
2.Base หรือ ส่วนเนื้อของผลิตภัณฑ์ เป็นตัวอุ้มและเก็บสารออกฤทธิ์ไว้
3.Additives หรือ ส่วนของสารเติมแต่ง เป็นตัวเติมแต่งให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าใช้ มีความปลอดภัย เช่น พวกสารกันเสีย พวกน้ำหอม พวกซิลิโคน ตัวเพิ่มความหนืด ฯลฯ
คุณสมบัติของสารแต่ละตัวแยกตามหน้าที่
1.Actives ได้แก่
-Chlorella vulgaris extract คือ สารสกัดจากสาหร่ายสีเขียว มีรายงานการวิจัยกล่าวถึงผลในการ Anti-aging โดยมีผลต่อการทำงานของ Antioxidant enzyme ในเซลล์ Fibroblast (BMC Complement Altern Med. 2013; 13:210.) ผู้ผลิตวัตถุดิบ Claim ว่าสาหร่ายประกอบด้วยรงควัตถุจำพวก Carotenoid หลายชนิด มีผลเป็น Antioxidant ที่ดี มีกรดอะมิโนช่วยลดริ้วรอย ปรับสภาพผิว กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ลดการสลายคอลลาเจน
-Caprooyl tetrapeptide-3 เปปไทด์ที่จับกับกรดไขมันสายสั้นๆที่ชื่อ Caproic acid ทำให้ดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้นให้ผลกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนที่เป็นองค์ประกอบในแนวกั้นระหว่างชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ (Dermal Epidermal Junction) ให้ผลลดและป้องกันริ้วรอย
-Epilobium angustifolium extract สารสกัดจาก Willow herb มีรายงายเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ (Curr Drug Targets. 2013; 14(9):986-91.) ฤทธิ์ในการปกป้องคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวไม่ให้ถูกทำลายจากรังสี UV และช่วยให้เซลล์ Fibroblast ที่สร้างคอลลาเจนมีชีวิตยืนยาวขึ้น (ปกติคนที่อายุเพิ่มขึ้นเซลล์พวกนี้จะค่อยๆหายไป) (Gen Physiol Biophys. 2013; 32(3):347-59.) สารประกอบ Oenothein B ที่พบในพืชนี้มีประโยชน์เป็น Anti-oxidant และ Anti-inflammatory ที่ดี (Phytomedicine. 2011; 18(7):557-60.) และยังมีฟลาโวนอยด์อื่นๆที่เคยมีรายงานว่าสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสได้
-Retinal หรือ retinaldehyde เป็นรูปแบบอัลดีไฮด์ของวิตามินเอ กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่ทราบชัดเจน มีคุณสมบัติในการควบคุมการผลัดเซลล์ผิวให้เกิดได้อย่างปกติ ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนและอิลาสติน
-Asiaticoside สารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากบัวบก มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี ช่วยเรื่องการสมานแผลให้หายเร็วขึ้น ลดการอักเสบในผิว ปกป้องคอลลาเจนในผิวไม่ให้เสื่อมสลาย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวได้
-Palmitoyl tripeptide-38 เปปไทด์สายสั้นๆจากกรดอะมิโน 3 ตัวที่จับกับกรดไขมัน Palmitic acid ทำให้ดูดซึมเข้าผิวได้ง่ายขึ้น เปปไทด์ตัวนี้มีผลกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ไฮยาลูรอน และสารโปรตีนอื่นๆอีกหลายชนิดในผิวที่ทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงของชั้นหนังแท้ และช่วยเสริมความแข็งแรงของ Dermal-Epidermal junction ให้แข็งแรงมากขึ้น จึงสามารถพยุงเอาชั้นผิวหนังไม่ให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายๆ
-Sodium hyaluronate มีบทบาทเกี่ยวกับความชุ่มชื้นของผิว
-L-lactic acid เป็นกรด Lactic ชนิดที่ออกฤทธิ์ได้ (active) เป็นสารในกลุ่ม AHA ที่ได้จากการหมักนมด้วยจุลินทรีย์บางชนิด การออกฤทธิ์ขึ้นกับค่า pH โดยอาจจะให้ผลเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น หรือ ผลัดเซลล์ผิว สำหรับตัว Lactic ใน pH ประมาณ 4 จะให้ผลกระตุ้นการสังเคราะห์ Ceramide ในผิวได้ ซึ่ง Ceramide ทำหน้าที่เป็น Barrier function รักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
-Beta-glucan สารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ มีประโยชน์เรื่องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดการอักเสบ เป็นแหล่งอาหารของเชื้อจุลินทรีย์ดีๆบนผิว ช่วยให้พวกนี้เจริญเติบโตเพื่อมาคอยปกป้องจุลินทรีย์ที่ไม่ดี ช่วยปรับสมดุลภูมิคุ้มกันของผิวหนัง และช่วยลดริ้วรอย
-Fulvic acid สารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่จัดอยู่ในกลุ่ม Humic substance เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติระหว่างการย่อยสลายของพืช มีคุณสมบัติลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย มีรายงานการวิจัยสนับสนุนว่าสารนี้ให้ผลลดการอักเสบในคนไข้ Eczema ได้ดี และมีผลข้างเคียงต่ำ (Clin Cosmet Investig Dermatol. 2011; 4: 145–148.)
-Hydroxyproline กรดอะมิโนชนิดพิเศษที่พบในเส้นใยคอลลาเจน คาดว่าจะเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์คอลลาเจนให้ผิว
-Thioctic acid เป็นอีกชื่อหนึ่งของ Alpha lipoic acid เป็นสารที่มีฤทธิ์ Antioxidant ค่อนข้างดี
-Lonicera japonica กับ Lonicera caprifolium extract สารสกัดจากดอก Honeysuckle เป็นสูตรผสมของสารกันเสียจากธรรมชาติ ให้ผลปกป้องผลิตภัณฑ์ไม่ให้เสื่อมสภาพเพราะจุลินทรีย์ มีความปลอดภัยสูงกว่าสารกันเสียสังเคราะห์หลายๆตัว
2.Base มีส่วนของน้ำกับน้ำมัน ดังนี้
2.1 ส่วนของน้ำ ได้แก่ น้ำ, Pentylene glycol, Glycerin, และ Alcohol denat. ตัวแอลกอฮอล์มีอยู่ในลำดับท้ายๆ จึงคิดว่าน่าจะเป็นตัวทำละลายของสารบางอย่างในส่วนผสม และในส่วนผสมเองก็มีสารดูดน้ำดีๆหลายตัว จึงคิดว่าน่าจะต้านไหว แต่อย่างไรก็ดี คนที่ไวต่อแอลกอฮอล์มากๆควรทดสอบการแพ้ก่อน
2.2 ส่วนของน้ำมัน ได้แก่ Phosphatidylcholine นอกจากเรื่องการทดแทนไขผิวหนังก็ยังช่วยเรื่องการสร้างไลโปโซมเพื่อนำส่งสารได้ ร่วมกับ Rubus chamaemorus (cloudberry) seed oil ที่มีกรดไขมันจำเป็นหลายๆตัว และมีส่วนผสมของ Benzoic acid ที่ช่วยเป็นสารกันเสียในตัว
3.Additives ได้แก่
3.1 สารเพิ่มความหนืด ได้แก่ Cyclodextrin กับ Hydroxypropyl cyclodextrin สารสองตัวนี้เป็ฯคาร์โบไฮเดรตที่มีโครงสร้างเป็นทรงกลมกลวงๆ สามารถเก็บกักสารไว้ภายในได้ ช่วยเพิ่มการละลาย และความคงตัวให้สารที่ถูกเก็บไว้ สารเพิ่มความหนืดอื่นๆก็จะมีพวก Dextran และ Xanthan gum
3.2 Penetration enhancer เป็นสารเคมีที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมของสารผ่านผิว ในที่นี้คือ Dimethyl sulfone
3.3 Preservatives ได้แก่ Benzyl alcohol ร่วมกับสารสกัดจากดอกสายน้ำผึ้งอีกสองตัว
3.4 น้ำมันหอมระเหย ใช้แต่งกลิ่น คือ Lavender oil, Sandalwood oil น้ำมันพวกนี้ในทาง Aromatherapy จะมีคุณสมบัติอื่นๆด้วย แต่ก็ขอไม่กล่าวถึงเพราะผลิตภัณฑ์เราไม่ได้เน้นไปทาง Aroma
ถึงเวลาให้คะแนน
1.Actives ผลิตภัณฑ์ออกแบบมาเพื่อใช้ลดเลือนริ้วรอย ซึ่งสารองค์ประกอบก็ทำมาได้ค่อนข้างดี มี peptide คุณภาพดีอยู่สองตัว สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวได้ เสริมด้วยกรดอะมิโนอย่าง hydroxyproline และก็มีสารดีๆที่ดูแพงอย่าง Asiaticoside ที่กว่าจะแยกออกมาจากบัวบกได้ต้องผ่านขั้นตอนลึกลับซับซ้อนมากมาย กับ Antioxidant และยังให้ผลเรื่อง Barrier ด้วย จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
2.Base ส่วนของน้ำมีสารดูดน้ำอยู่ 2 ตัว ร่วมกับส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ถ้าใครที่ไวต่อแอลกอฮอล์ควรทดสอบการระคายเคืองก่อนการใช้งาน และอย่าลืมใช้งานตามไกด์ที่ทางแบรนด์แนะให้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนของน้ำมันเป็นน้ำมันชนิดที่ซึมผิวได้ โดยรวมจึงขอให้ 4 ฟลาสก์
3.Additives เหมือนเช่นเคย มีสารอยู่ไม่กี่ชนิดเท่าที่จำเป็น ไม่มีพาราเบน ไม่มีน้ำหอมสังเคราะห์ (มีน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ) ไม่มีซิลิโคน จุดนี้ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี ยังคงคอนเซปท์ความเป็น Natural ไว้ได้อยู่เช่นเคย จุดนี้จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
4.การใช้งาน เนื้อผลืตภัณฑ์มีสีเหลืองอ่อนๆ ไม่ได้รบกวนชีวิตประจำวันมากนัก ดูดซึมค่อนข้างไว ไม่เหนอะหนะ กลิ่นค่อนข้างไปในทางแนวอโรม่า ถ้าใครชอบน่าจะฟินอยู่ หลังจากใช้มาเกือบสามอาทิตย์คิดว่าหน้าดูกระชับขึ้น รูขุมขนต่างๆดูเล็กลง จุดนี้จึงขอให้ 5 ฟลาสก์
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณบริษัท DermaMD ที่ส่งเวชสำอางดีๆ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีมาให้มี่ได้ทดลองใช้ค่ะ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ทางเวบไซต์ http://www.dermskinstore.com/
หรือแฟนเพจของ Osmosis Thailand ที่ https://www.facebook.com/osmosispurmedicalskincarethailand ได้เลยนะคะ
ขอบคุณที่รับชมมาจนจบค่ะ
2 thoughts on “[Full review] Osmosis Renew”